สนทนากับองค์สัมมาสัมพุทธเจ้า โดย พ.อ.นพ.พงศ์ศักดิ์ ตั้งคณา

" ใบไม้ในกำมือคืออะไร ? "

" ใบไม้ในกำมือ คือ อริยสัจ 4 "

1.ความรู้เรื่องทุกข์
2.ความรู้เรื่องเหตุให้เกิดทุกข์
3.ความรู้เรื่องความดับทุกข์
4.ความรู้เรื่องทางเข้าถึงซึ่งความดับทุกข์


" ความรู้ 4 อย่างนี้เรียกว่า สัมมาทิฏฐิ " ความรู้นอกเหนือจากนี้ไม่มีประโยชน์แก่การตรัสรู้เลย



" ความรู้นอกเหนือจาก อริยสัจ 4 เรียกว่า ใบไม้นอกกำมือ "



อ้างอิง......

ใบไม้ในกำมือ

สีสปาสูตร
เปรียบสิ่งที่ตรัสรู้มีมากเหมือนใบไม้บนต้น

เล่มที่ ๑๙
[๑๗๑๒] สมัยหนึ่ง พระผู้มีพระภาคประทับอยู่ ณ สีสปาวัน ใกล้เมืองโกสัมพี ครั้งนั้นพระผู้มีพระภาคทรงถือใบประดู่ลาย ๒-๓ ใบด้วยฝ่าพระหัตถ์ แล้วตรัสเรียกภิกษุทั้งหลายมา แล้วตรัสถามว่า ดูกรภิกษุทั้งหลาย เธอทั้งหลายจะสำคัญความข้อนั้นเป็นไฉน ใบประดู่ลาย ๒-๓ ใบที่เราถือด้วยฝ่ามือกับใบที่บนต้น ไหนจะมากกว่ากัน?

ภิกษุทั้งหลายกราบทูลว่า ข้าแต่พระองค์ผู้เจริญ ใบประดู่ลาย ๒-๓ ใบ ที่พระผู้มีพระภาคทรงถือด้วยฝ่าพระหัตถ์มีประมาณน้อย ที่บนต้นมากกว่า พระเจ้าข้า.

พ. อย่างนั้นเหมือนกัน ภิกษุทั้งหลาย สิ่งที่เรารู้แล้วมิได้บอกเธอทั้งหลายมีมาก ก็เพราะเหตุไรเราจึงไม่บอก เพราะสิ่งนั้นไม่ประกอบด้วยประโยชน์ มิใช่พรหมจรรย์เบื้องต้น ย่อมไม่เป็นไปเพื่อความหน่าย ความคลายกำหนัด ความดับ ความสงบ ความรู้ยิ่ง ความตรัสรู้ นิพพาน เพราะเหตุนั้น เราจึงไม่บอก. . อ่านดูการนำเสนอคล้ายลัทธินอกรีดลัทธิหนึ่ง
http://www.dhammathai.org/webboard/view.php?No=5564

 

"สงฆ์ไม่บัญญัติสิ่งที่ทรงบัญญัติ ไม่ถอนพระบัญญัติตามที่ทรงบัญญัติแล้ว สมาทานประพฤติในสิกขาบททั้งหลายตามที่ทรงบัญญัติแล้ว"

พระไตรปิฏกแต่งโดยอาจารย์ผู้มีความรู้ ทรงจำพระสูตรจากพระโอษฐ์ ทรงจำมาจากหน้าพระพักตร์ของพระสัมมาสัมพุทธเจ้า
บันทึกเป็นตัวอักษรมาสองพันกว่าปี ชาวพุทธไม่ใจอ่าน สนใจอ่านหนังสือแต่งใหม่ ปลอมปนด้วยกิเลสตัณหาของผู้แต่ง
เนื้อหาขัดแย้งกับพระไตรปิฏก แอบอ้างพระพุทธพจน์ ผมอ่านประโยคนี้ประโยคเดียว

"ผมจึงให้ผู้ที่เป็นผู้ช่วยวิทยากรของผมได้ตั้งจิตอัญเชิญพระองค์ลงร่างและในขณะเดียวกันผมก็ตั้งจิตขอสนทนากับพระองค์"

พวกลัทธิเดียรถีย์แอบอ้างคำสอนของพระพุทธองค์ พวกเชิญองค์ เชิญเทพ เชิญเจ้าพ่อเจ้าแม่ ไม่ใช่คำสอนขององค์พระสัมมาสัมพุทธเจ้า
ชาวพุทธงมงายแต่วัตถุ ใครทำลายรูปหล่อรูปปั้น เดือดร้อนกันแทบเป็นแทบตาย ดิ้นกันเหมือนอยู่ในนรก เห็นใครทำลายไม่ได้ ป้องกันกันแต่วัตถุ
แต่กลับไม่คิดปกป้องพระธรรมคำสอนของพระศาสดาของตนเอง

พระพุทธเจ้าทรงตรัสไว้ว่า

"อย่างนั้นวัจฉะ ลัทธิของเดียรถีย์นี้ เป็นอันสูญโดยที่สุด แม้จากคุณเครื่องไปสู่สวรรค์."

 

ดูก่อนมานพน้อย วิสัยแห่งพระพุทธเจ้าผู้เสด็จเข้าสู่พระปรินิพพานแล้ว คือจบกิจบริบูรณ์แล้ว ย่อมเสวยอยู่แดนวิมุตติคือพระนิพพาน เฉกเช่นพระพุทธเจ้าทุกพระองค์และพระอรหันต์เท่านนั้น ไม่มีความเกี่ยวข้องใดกับเรื่องของโลิกยะอีกแล้ว

สาธุ สาธุ สาธุ ลูกขอกราบเรียนถามว่า เช่นนี้นี้จิตของพระพุทธเจ้าจักไม่ไปยังที่อื่นใดอีกนอกจากพระนิพพาน ใช่หรือไม่ครับ แล้วการที่พระอริยะบางรูปพบพระพุทธเจ้านั้นเป็นอย่างไร

ดูก่อนมานพน้อย พระพุทธเจ้าและพระอรหันต์อาศัยอยู่ด้วยพระนิพพานเพียงอย่างเดียวเท่านั้น
ส่วนที่ถามว่าพระอริยะเข้าพบพระพุทธเจ้า ข้อนี้สามารถกระทำได้ แต่พระอริยะเจ้าก็ต้องทรงสมาธิ เคลื่อนจิตไปพบพระพุทธเจ้าได้ เพราะเหตุจำเป็น จิตของพระพุทธเจ้าย่อมทราบในวาระถึงการมาและพระองค์จะทรงโปรดแสดงธรรมแก่พระอริยะเจ้าเหล่านั้นได้ตามเหตุปัจจัย

สาธุ สาธุ สาธุ ลูกขอกราบเรียนถามว่า มีหรือไม่ที่พระพุทธเจ้าจะเคลื่อนจิตจากพระนิพพานผ่านร่างมนุษย์ เพื่อโปรดสัตว์

ดูก่อนมานพน้อย ข้อนี้ไม่สามารถเกิดขึ้นได้ วิสัยของจิตพระพุทธเจ้าจักไม่ไปสู่ที่ใดจิตพระพุทธเจ้าประทับอยู่ที่เดียวคือแดนอมตพระนิพพานเท่านั้นจักไม่เคลื่อนไปณที่ใดอื่น
ส่วนการมาเพื่อโปรดสัตว์ ก็ไม่สามารถเกิดขึ้นได้ เช่นกัน

สาธุ สาธุ สาธุ พุทธังปูเชมิ ธัมมังปูเชมิ สังฆังปูเชมิ คุรุอุปัชฌาอาจาริยังปูเชมิ เทพเทวานังปูเชมิ เอวังก็มีด้วยประการฉนี้ สาธุ

 

ผมนั่งจนตาลายเลย บางเรื่องที่เอามาลงก็มีส่วนดีและไม่ดี ไม่รู้สิครับ ผมเองยังไม่รู้เลยว่า ธรรมที่ดี คำสอนที่ดี มันต้องออกมาเป็นแบบไหน แต่ในทางกลับกัน ผมมองไปทางของคำสอนในทางโลกมากกว่านะครับ จขกท ที่เขาเอามาลงผมอ่านทุกตัวอักษร ผมจึงมองไปในทางคำสอนให้คนเป็นคนดี แต่ไม่ใช่ให้หลุดพ้นอะไรหรอก ถ้าเรายึดติดกับคำสอนนั้นๆมันก็เป็นทุกข์อย่างที่หลายท่านได้กล่าวมา ผมเห็นด้วยในเรื่องที่ว่า เอาพระพุทธองค์มาเล่ามาอ้างนี้ไม่เหมาะสม แต่ถ้าตัดเรื่องนี้ออกไปได้ก็เป็นผลดีนะ คำสอนนี้จะมาจากไหน หลักการของใครผมไม่ทราบหรอกนะครับ ที่ว่า ให้มองธรรมชาติ เช่นต้นไม้ ใบ้หญ้า ธรรมชาติ สอนเราทุกอย่าง อันนี้ผมเชื่อนะว่ามันอาจจะจริงก็ได้ เพราะ ขึ้นชื่อว่า โลกใบนี้คือธรรมชาติ และธรรมชาติที่มีอยู่ ไม่มีคนไหนบนโลกใบนี้ที่จะล่วงรู้ได้ถ่องแท้ ชัดเจนจนแตกฉ่าน ยังไงผมก็ ขออนุโมทนาให้กับความรู้ที่ จขกท เอามาลงและความรู้ที่ทุกท่านเอาลง ทุกอย่างในนี้เป็นประโยชน์ทั้ง ถ้าคนเราเลือกที่จะมอง เลือกที่จะปฏิบัติ สาธุ สาธุ สาธุ

 

========

สิ่งที่กระผมนำมาแสดง ต้องการแสดงให้ทราบในวิสัยแห่งจิตพระพุทธเจ้าและพระอรหันต์

ไม่ได้เกี่ยวกับเรื่องการรับฟังพระสัทธรรม อันพระสัทธรรมใดๆ หากเป็นพระสัทธรรม ด้วยความเป็นธรรมดี เราขอประกาศว่าขอให้ทุกท่านจงน้อมรับสดับฟัง จงไม่ไปยึดติดในผู้กล่าวประกาศหรือแสดง เพราะเราสนใจเฉพาะในพระสัทธรรม เพราะความเป็นธรรมดีของพระสัทธรรมเท่านั้น ที่จะทำให้เราเกิดปัญญาไปสู่การบรรลุธรรม สาธุครับ

ฉนั้น หากท่านผู้ใดประกาศหรือได้แสดงซึ่งพระสัทธรรมอันเป็นธรรมดี แม้ท่านจะเป็นคนธรรมดาเดินดิน ท่านก็จัดได้ว่าท่านได้ให้ธรรมทานย่อมมีอานิสงค์มาก อย่ายึดติดในตัวบุคคลนะครับ ให้ยึดถือในพระสัทธรรมเท่านั้น ครับ สาธุ

 

ขอโอกาสแสดงความคิดนะครับ
ถ้าจะสอนธรรมะให้คนทำดี สอนปกติก็ได้ ไม่ต้องกล่าวตู่ พระศาสดา ไม่ต้องใช้วิธีการที่แปลกๆ ที่พระพุทธเจ้ามิได้บัญญัติ พระองค์ ให้ ศึกษาให้ดีและเผยแผ่คำพระองค์ อย่างงี้ไม่ถูกนะครับ แทนที่จะทำให้ ธรรมะ รุ่งเรืองแต่จะทำให้ผิดไปเรื่อยๆ
......
สิ่งทั้งหลายไม่เที่ยงจริงๆ

 

การที่จะเห็นพระพุทธเจ้าหลังนิพพานเป็นไปไม่ได้
ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย กายของตถาคตมีตัณหาอันจะนำไปสู่ภพขาดแล้ว ยังดำรงอยู่ เทวดาและมนุษย์ทั้งหลายย่อมเห็นตถาคตชั่วเวลาที่กายของตถาคตดำรงอยู่ ต่อเมื่อกายแตกสิ้นชีวิตแล้ว เทวดาและมนุษย์ทั้งหลายจะไม่เห็นตถาคต.(พรหมชาลสูตร) 11/66/8

มารสามารถแปลงกายเป็นพระพุทธเจ้ามาหลอก เพื่อทำให้คนหลงผิดได้
"ที่นั้นมารเนรมิตพระพุทธรูปอันประดับด้วยลักษณะอันประเสริฐ ๓๒ ประการ ยืนอยู่ที่ประตูเรือนของอุบาสกนั้นแล้วส่งสาส์นไปว่า พระศาสดาเสด็จมาดังนี้. สูรอุบาสกคิดว่า เราฟังธรรมในสำนักของพระศาสดามาเดี๋ยวนี้เอง อะไรจักมีอีกหนอดังนี้แล้ว เข้าไป
หาไหว้ด้วยสำคัญว่าเป็นพระศาสดาแล้วจึงได้ยืนอยู่."(อ.อัคคัญญสูตร) 15/174/15

ผู้เขียนคงโดนมารหลอกให้มีความหลงผิดไป แล้วนำมาเขียนให้คนอื่นอ่าน คนที่เชื่อก็จะมีความเห็นผิดตามไปด้วย เรียกว่าติดบ่วงมาร

 

ต้องพิจารณา จุดตาย ได้อย่างไร?

ต้องพิจารณา จุดตาย ได้อย่างไร?

ปรับสี ขยายตัวหนังสือให้แล้วนะครับ

 

มนุษย์ หนอ มนุษย์....

 

พระพุทธเจ้าจะไม่เกิดเป็นหญิง
และไม่ลงทรงผู้หญิง
พระพุทธเจ้าจะองค์อดีตหรืออนาคต ก็จะเป็นแต่ชายเท่านั้น
แค่ลงทรงหญิงนี่ก็ไม่ใช่แล้วคะ
คำสอนดีจริงแต่ก็พื้นๆ ตามที่สำนักต่างๆก็สอนแบบนี้ทั้งนั้น
อันไหนใช่ก็รับมาคะ ไม่ใช่คือไม่ใช่ไม่ขอรับคะ