สนทนากับองค์สัมมาสัมพุทธเจ้า โดย พ.อ.นพ.พงศ์ศักดิ์ ตั้งคณา

ในห้อง 'วิทยาศาสตร์ทางจิต - ลึกลับ' ตั้งกระทู้โดย chilaoon, 11 ตุลาคม 2010.

  1. khorb

    khorb สมาชิกใหม่

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 ตุลาคม 2010
    โพสต์:
    1
    ค่าพลัง:
    +0
    อาจารย์ครับขอถาม พระพุทธเจ้า เป็นแขกหรือมอญกันแน่ครับ และพระองค์เสด็จปรินิพานที่ พระแท่นดงรัง กาญจนบุรี หรือที่อินเดียกันแน่ครับ ช่วยตอบ
    ผมไม่เคยสงสัยในพระธรรมคำสอนของพระองค์ แต่สงสัยว่าเราเรียนรับเอาพุทธประวัติมาจากฝรั่งโดยละทิ้งตำนานไทย ตำนานพม่า ตำนานลาว ละทิ้งคำบอกกล่าวของบรรพบุรุษเราเอง
     
  2. อปมัญญา

    อปมัญญา Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    13 ธันวาคม 2007
    โพสต์:
    35
    ค่าพลัง:
    +45
    เหอ พระพุทธเจ้าลงร่างประทับทรง

    อือ แบบนี้สังคายนาปิฎก ก็ไม่ต้องทำแล้ว ให้พระพุทธเจ้าประทับทรงซี ไปเชิญพระอรหันต์มาว่ามากล่าวทำไม

    คิดให้มากๆๆๆ เราเป็นชาวพุทธนะ
     
  3. JIT_ISSARA

    JIT_ISSARA เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    27 เมษายน 2010
    โพสต์:
    790
    ค่าพลัง:
    +1,163
    เพิ่งเข้ามา หนังสือนี้ผมได้อ่านแล้วขอกล่าวคำสนับสนุนแด่หนังสือนี้ 100%
    เมื่อก่อนผมได้อ่านหนังสือธรรมมะมากมาย พระไตรปิฎกได้อ่านด้วย ส่วนพระสูตรที่ชอบมากที่สุด คือ พระสูตรคิริมานนทสูตร
    หนังสือนี้เป็นหนังสิอที่นำสมัย แต่งได้ทันยุคสมัย ถ้าพระพุทธเจ้าอยู่ ผมเชื่อว่าท่านจะตรัสในลักษณแบบนี้
    ศาสนาพุทธ เป็นศาสนาของจักรวาล คือ เป็นศาสนาแห่งความจริง ทุกศาสนาเมื่อหันมาปฎิบิติย่อมรู้ได้เห็นได้ด้วยตัวเอง

    เป้าหมายของพระองค์ คืออะไร : ท่านต้องการให้พวกเรายึดในพระไตรปิฎกหรือไม่ ผมตอบว่าไม่ใช่ ท่านแค่เพียงพูดว่า ถ้าท่านไม่อยู่ให้นำคำสอนท่าน หรือพระธรรมที่ท่านตัดตรัสไว้เป็นตัวแทนท่าน
    ----------------------------------------------------------
    แล้วพระธรรมที่ท่านสอนสูงสุดคืออะไร : คือ ขันธ์นั้นทุกข์ อันเนื่องจากการเปลี่ยนแปลง ไม่เทียง จึงไม่ควรยึดมั่นถือมั่น แล้วปล่อยว่างตัวตน
    ----------------------------------------------------------
    กิเลสนั้นไม่ควรผลักไส หรือไล่มันไป แต่เพียงเมตตามัน รับรู้และไม่วิ่งไปตามมัน เป็นพระอรหันต์ คือ ผู้ไกลจากกิเลส ห่างจากกิเลส( ไม่ใช่ผู้หมดกิเลส อย่างที่ทุกคนเข้าใจ)
    -----------------------------------------------------------
    คนไหนที่ฝึกมาทางสายสติปัฐฐาน 4 รู้เห็น กาย เวทนา จิต ธรรมของตัวเองแล้วจะเข้าใจว่า พระพุทธองให้เรามาพิจารณาตัวเอง พิจารณาจิตตัวเอง
    ------------------------------------------------------------
    สมถะ หรือวิปัสสนา หรือ ศีล สมาธิ ปัญญา หรือ ธรรมทั้งหลายทั้งปวงของพระองค์นั้นเปรียบเสมือนเครื่องมือที่ให้แต่ละบุคคล เพื่อคลายความยึดมั่นถือมั่นเสีย
    -------------------------------------------------------------
    คนไหนราคะสูง ท่านก้อให้พิจารณาร่างกาย ถึงจะวาง ราคะ
    คนไหนมานะสูง ท่านก้อฝึกให้มีความอ่อนน้อม ถึงจะวางมานะ
    คนไหนชอบเรียนรู้ ท่านก้อให้เรียนเยอะ จนสิ่งที่อยากรู้หมด ถึงจะว่าง
    คนไหนมีความโกรธ ท่านก้อสอนให้มีเมตตา เห็นสรรพสัตว์เราเขาเหมือนกัน
    --------------------------------------------------------------
    เราไม่จำเป็นตั้องเรียนพระธรรมทั้งหมด แต่ให้เลือกนำเฉพาะธรรมเพื่อนำมาแก้ไขในสิ่งที่ตัวเองต้องติดอยู่ในปัจจุบันขณะ
    ----------------------------------------------------------------
    เมื่อรู้ จึงเห็น เมื่อเห็นจึงวาง เมื่อวางจึงว่าง (จากตัวตน ความยึดมั่นถือมั่น) เมื่อว่างจึง ตืนที่ความรู้สึกตัวในปัจจุบัน เมื่อตื่นแล้ว จึงเบิกบาน เป็นพุทธะที่สมบูรณ์
    -----------------------------------------------------------------
    ธรรมชาติจิตนั้นไม่มีวันตาย จิตนั้นคือผู้รู้ เมื่อรู้ในสิ่งที่ถูกรู้แล้วยึดมั่นจึงทุกข์
    เมื่อตระหนักรู้ในสภาวะของผู้รู้ ว่าผู้รู้ , สิ่งที่ถูกรู้ และกริยาของการรู้แล้ว แล้วไม่ยึดมั่น ความทุกข์จึงหายไป เพราะเราไม่ได้รู้อะไร ผู้รู้ หรือ สิ่งที่ถูกรู้ หรือ กริยาการรู้ไม่ได้มีอยู่จริง เป็นเพียงมายาที่ตั้งอยู่ชั่วครู่ แล้ว หายไป
     
  4. JIT_ISSARA

    JIT_ISSARA เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    27 เมษายน 2010
    โพสต์:
    790
    ค่าพลัง:
    +1,163
    จิตของพระองค์ หรือ จิตของเรานั้น แท้เดิมนั้นประภัสสร แค่มีอะไรมาบังไว้ ทำให้มืดไป เราแค่ขัดเกลาให้จิตเราให้ประภัสสรเหมือนดังเดิม ธรรมทั้งหลายทั้งปวง เพื่อสิ่งนี้แค่นั้น เมื่อขัดเกลาจนจิตเราประภัสสรแล้ว เราสามารถวางเครืองมือ หรือ ธรรมทั้งหลายทั้งปวงทิ้งไปเสีย ไม่ว่าจะเป็น ทาน ศีล สมาธิ ปัญญา บารมีทั้งหลายทั้งปวง หรืออื่นๆ ให้วางเสียสิ้น เพราะหน้าที่จบแล้ว ไม่ต้องรักษาธรรมแล้ว

    เมื่อวางใจเป็นกลาง ไม่คิด สุข ทุกข์ไม่มี
    เมื่อวางใจเป็นกลาง สรรเสริญ นินทา ไม่มี
    เมื่อวางในเป็นกลาง ลาภ เสื่อมลาภไม่มี
    เมื่อวางใจเป็นกลาง ได้ยศ เสื่อมยศไม่มี

    แต่เดิมแท้จิตเราไม่แบ่งแยก ไม่มีอะไร เมื่อคิดจึงมีการแบ่งแยก มีความคิดเห็น มีการตัดสินว่า ใช่ หรือไม่ใช่ สุข ทุกข์ และส่วนใหญ่ ไปตัดสินจิตคนอื่น มีส่วนน้อย ที่หันมาพิจารณา สังเกตุจิตตัวเองว่าเห็นอย่างไร
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 22 ตุลาคม 2010
  5. วิถีคนจร

    วิถีคนจร เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 ตุลาคม 2009
    โพสต์:
    696
    ค่าพลัง:
    +226
    จากวิกิพีเดีย สารานุกรมเสรี
    <!-- /tagline --><!-- subtitle -->
    <!-- /subtitle --><!-- jumpto -->ไปที่: ป้ายบอกทาง, ค้นหา
    <!-- /jumpto --><!-- bodytext -->[​IMG]
    วิปัสสนูปกิเลส ๑๐ หมายถึง อุปกิเลสแห่งวิปัสสนา เป็นธรรมารมณ์ที่เกิดแก่ผู้ได้วิปัสสนาอ่อนๆ (ตรุณวิปัสสนา) สภาพน่าชื่นชมแต่ที่แท้เป็นโทษเครื่องเศร้าหมองแห่งวิปัสสนา ทำให้เข้าใจผิดว่าตนบรรลุมรรคผลแล้ว เป็นเหตุขัดขวางไม่ให้ก้าวหน้าต่อไปในวิปัสสนาญาณ มี ๑๐ อย่าง คือ
    • โอภาส หมายถึง แสงสว่าง(ที่ปรากฏเป็นธรรมารมณ์ในใจ)
    • ญาณ หมายถึง ความหยั่งรู้
    • ปีติ หมายถึง ความอิ่มใจ
    • ปัสสัทธิ หมายถึง ความสงบเย็น
    • สุข หมายถึง ความสุขสบายใจ
    • อธิโมกข์ หมายถึง ความน้อมใจเชื่อ ศรัทธาแก่กล้า ความปลงใจ
    • ปัคคาหะ หมายถึง ความเพียรที่พอดี
    • อุปัฏฐาน หมายถึง สติแก่กล้า สติชัด
    • อุเบกขา หมายถึง ความมีจิตเป็นกลาง
    • นิกันติ หมายถึง ความพอใจ ติดใจ
    เมื่อผู้ปฏิบัติวิปัสสนาสามารถยกเอารูปธรรมและนามธรรมทั้งหลาย ขึ้นมาพิจารณาเป็นหมวดๆ ตามแนวไตรลักษณ์ที่ละอย่างๆ จนเริ่มมองเห็นความเกิดขึ้น และความเสื่อมไปแห่งสังขารทั้งหลาย เกิดเป็นวิปัสสนาญาณอ่อนๆ (หรือตรุณวิปัสสนา เช่น ในช่วงอุทยัพพยานุปัสสนาญาณ) ในช่วงนี้ก็จะเกิดวิปัสสนูปกิเลสขึ้นมา
    วิปัสสนูปกิเลสทั้งสิบนี้ เป็นภาวะที่น่าชื่นชมอย่างยิ่ง และไม่เคยเกิดมี ไม่เคยประสบมาก่อน จึงชวนให้ผู้ปฏิบัติเข้าใจผิด คิดว่าตนบรรลุมรรคผลแล้ว หรือหลงยึดเอาคิดว่าวิปัสสนูปกิเลสนั้นเป็นทางที่ถูก ถ้าหลงไปตามนั้นก็เป็นอันพลาดจากทาง เป็นอันปฏิบัติผิดไป คือพลาดทางวิปัสสนา แล้วก็จะทิ้งกรรมฐานเดิมเสีย นั่งชื่นชมอุปกิเลสของวิปัสสนาอยู่นั่นเอง
    แต่ถ้ามีสติสัมปชัญญะแก้ไขได้ ก็จะกำหนดได้ว่าวิปัสสนูปกิเลสนั้นไม่ใช่ทาง รู้เท่าทัน เมื่อมันเกิดขึ้น ก็กำหนดพิจารณาด้วยปัญญาว่า โอภาสนี้ ญาณนี้ ฯลฯ หรือนิกันตินี้ เกิดขึ้นแล้วแก่เรา แต่มันเป็นของไม่เที่ยง เกิดจากปัจจัยปรุงแต่ง จะต้องเสื่อมสิ้นไปเป็นธรรมดา แล้วกำหนดวิปัสสนาญาณที่ดำเนินถูกทาง ซึ่งจะพึงเดินต่อไป
     
  6. YUT_KOP

    YUT_KOP เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    9 มกราคม 2008
    โพสต์:
    458
    ค่าพลัง:
    +1,033
    ถามว่า จิตเดิมประภัสสร เดิมอยู่ที่ไหน

    ถ้าตอบว่า เดิมจิตประภัสสร อยู่นิพพาน มาก่อน ก็แสดงว่า พุทธศาสนา สอนเรื่อง นิพพาน เป็น อัน โมฆะ ใช้หรือไม่

    แล้ว พระนิพพาน สามารถลงมาเกิดได้อีก จริงหรือ


    แต่ถ้าบอกว่า จิตประภัสสร เดิม วน-เวียน อยู่ใน พรหมโลก-เทวโลกที่ต่ำกว่า
    พรหม ชั้นสุทธาวาส ทั้ง5ชั้น ก็ยังพอมีหลักการตามที่พุทธองค์เคยสอนกันมา

    แต่กลับบอกว่า มาจาก พระนิพพาน อันนี้ คนเชื่อไปก็เป็น มิจฉาทิฐิ

    เรียกได้ว่า คำสอนของ พุทธะ เราเป็น โมฆะ ไปเลยทันที

    ไตร่ตรองดู แล้วคุยกันด้วยเหตุผล จะได้ประโยชน์กว่า ไหม
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 22 ตุลาคม 2010
  7. YUT_KOP

    YUT_KOP เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    9 มกราคม 2008
    โพสต์:
    458
    ค่าพลัง:
    +1,033
    ในหนังสือ เล่มนี้บอกว่า คนและสัตว์ สามารถกลับนิพพานได้ใน

    ชาตินี้ ถ้าทำจิตให้ บริสุทธิ์พอ

    ผมจะถามกลับไปว่า

    คน ไป พระนิพพาน นะ ไม่แปลก แต่
    สัตว์ ไป พระนิพพานได้ นี้สิ แปลกไหม

    นี้หรือคำสอน ของหนังสือเล่มนี้
     
  8. userx

    userx เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 กันยายน 2007
    โพสต์:
    635
    ค่าพลัง:
    +1,061
    โอ้วววว ข้อความนี้มีจริงหรอเนี่ยยย
     
  9. ตันติปาละ

    ตันติปาละ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    13 สิงหาคม 2005
    โพสต์:
    4,421
    ค่าพลัง:
    +4,649
    สงสัยท่านจะไปตั้งลักธิใหม่ เลยเบี่ยงคำสอน
     
  10. YUT_KOP

    YUT_KOP เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    9 มกราคม 2008
    โพสต์:
    458
    ค่าพลัง:
    +1,033
    ตอนนี้หนังสือเล่มนี้ผมให้ ผู้ปฏิบัติธรรม ท่านหนึ่งไปศึกษาอยู่
    เลยจำเลขหน้าไม่ได้
    แต่ขอยืนยันว่า ข้อความนี้มีจริงในหนังสือเล่มนี้แน่นอน

    คือผมก็พยายามที่จะหาการสือความหมายที่ถูกต้อง อย่างคำว่า

    คนและสัตว์ กลับนิพพานได้ถ้า จิตบริสุทธิ์พอ

    คือถ้าพูดต่างกรรม ต่างวาระ คำว่าสัตว์ กลับนิพพานอาจจะดูไม่ผิด

    แต่นี้พูดรวมกันใน วาระเดียวกันว่า คนและสัตว์ ก็เลยแปลกๆทำให้เกิดการ

    เข้าใจที่ผิดได้มาก

    หนังสือเล่มนี้ มีสิ่งที่พิศดา ซ้อนอยู่ตลอด ถ้าใครจะหยิบแต่ของดีมากิน
    ผมก็อนุโมทนาด้วย แต่อย่าพลาดหยิบของดีปนของเสียมากินละ ตายเลยนะ

    สมมุติว่า คุณเป็นอิสลาม แล้วคุณสั่งข้าวผัดปูมากิน
    พอจะกิน มีหมูปนมา เป็น10ชิ้นเลย
    พ่อค้า บอกว่า เอ็งก็เขี่ยหมูทิ้งสิ กินแต่ข้าว กับปู

    อิสลามคนนั้น จะกล้ากินต่อไปไหม
    1.พยายามกิน ต่อไปโดยที่ไม่ให้โดนหมู
    2.สั่งเก็บเงินทันทีแล้วไม่กินต่อแล้วร้านนี้---พร้อมกับบอกเพื่อนๆอิสลามด้วยกันว่า อย่าไปกินข้าวร้านนี้ มันมีหมูปนทุกอย่างเลย

    ตัวผมเลือกที่จะเป็น ข้อ2
    คุณละเป็นข้อไหน สำหรับคนนิยม ชมชอบหนังสือเล่มนี้
     
  11. Army56

    Army56 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    7 มิถุนายน 2008
    โพสต์:
    1,098
    ค่าพลัง:
    +1,862
    ท่าน พ.อ.นพ.พงษ์ศักดิ์ ตั้งคณา ท่านนี้มักจะเป็นวิทยากรที่นำภาพการคลอดบุตร

    ไปตามโรงเรียนต่างๆ


    หากยังจำกันได้ท่านเคยไปหลงเชื่อ พระปลอมซึ่งพาเข้าป่ายามดึก แล้วให้คนแต่งตัว

    เป็นเปรต เป็นผีเทวดาต่างๆ แล้วเอาคลิปมาเผยแพร่

    จนทำให้ อดีตพระท่านนั้นโดนจับสึกและโดนจับติดคุกข้อหาหลอกลวง

    เพราะก่อนจะโดนจับ อดีตพระท่านนั้นอ้างจะเสกให้หินกลายเป็นเงินให้ดู แต่ทำไม่ได้
     
  12. Army56

    Army56 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    7 มิถุนายน 2008
    โพสต์:
    1,098
    ค่าพลัง:
    +1,862
  13. userx

    userx เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 กันยายน 2007
    โพสต์:
    635
    ค่าพลัง:
    +1,061
    ผมคงไม่เลือกข้อไหนครับ เพราะไม่มีคำตอบสำหรับผม ผมขอใช้ปัญญาแยกแยะ อันไหนดีอันไหนไม่ดี อันไหนจับแล้วเดือดร้อนคงไม่จับ อันไหนจับมาแลัวเสริมปัญญาและมีประโยชน์เราก็จับ ผมขอทำตัวเป็นตุ่มที่น้ำยังไม่เต็มแล้วกันนะครับ พร้อมที่จะเปิดรับข้อมูลใหม่ๆเสมอ ส่วนดีไม่ดีคงใช้ปัญญากรองอีกทีครับผม
    ผมเองก็ไม่กล้าตัดสินหรือวิเคราะห์คำพูดใดๆในหนังสือเล่มนี้ เพราะหนังสือเรื่องนี้กล่าวถึงพระบรมศาสดา จะจริงแท้แน่นอนประการใดไม่อาจรู้ได้ ไม่อาจตัดสินได้จากทิฐฐิของตัวเอง แต่สามารถพอที่จะใช้ปัญญาแยกแยะนำข้อความที่ดีมาเติมปัญญาได้ สิ่งที่ไม่ดีคงต้องปล่อยไป






    ปล.ส่วนหนังสือเล่มนี้ผมขอไม่กล่าวถึงอีก
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 24 ตุลาคม 2010
  14. ongsoffer

    ongsoffer เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    21 สิงหาคม 2007
    โพสต์:
    247
    ค่าพลัง:
    +484
    โดยส่วนตัว ไม่ชอบความคิดที่ว่า มนุษย์กับสัตว์นั้นต่างกันมากนะครับ มนุษย์มักให้ค่าว่าสัตว์และสิ่งไม่มีชีวิตนั้นเป็นอย่างนั้นเป็นอย่างนี้ สำหรับผม คนกับมด มีค่าเท่ากัน เข้าใจว่าเป็นมนุษย์ก็มีขอบเขต มีความคิดได้อย่างนี้ว่าเราประเสริฐ อย่างอื่นเป็นเดรัจฉาน นั่นไม่ได้หมายความว่า สิ่งมีชีวิตอื่นๆจะเป็นอย่างที่เราตัดสิน ทุกสิ่งอย่าง มีหลายมิติ มองได้หลายมุม อธิบายตามภาษาได้หลายอย่างขึ้นอยู่กับปัจจัย
    หากท่านจะนำความคิดที่ว่าถูกหรือผิดมาตัดสินอะไรแล้วโดยตั้งอยู่บนกิเลสความอยาก ความเชื่อทางวิทยาศาสตร์ที่ได้รับการสั่งสมมา ก็คงไม่แปลกอะไร แต่ละคนก็มีจักรวาลของแต่ละคน เราไม่ควรล่วงละเมิดกรรม พื้นที่ความคิดของผู้อื่น ยังคงต้องนอบน้อม ให้เกียรติ เปิดใจ และเคารพ ตามแบบของมนุษย์ที่ควรเป็นถ้าอ้างว่าเราตั้งอยู่ในสิ่งดี
    ดีหรือเลวโดย จริงคงไม่มี ปรุงแต่งกันมากเกินไป บิดเบือนกันมากเกินไป โอหังกันมากเกินไป คงทำใจไม่ได้แน่ ถ้าบอกคุณว่าอ่านพระไตรปิฎกจนจำจบสิ้นแล้ว มีคนมาว่าคุณว่าคุณเข้าใจชีวิตทั้งหมดผิด คงยากถ้าคุณทำวิปัสสนาที่คุณเชื่อมาตลอดชีวิต แล้วมีคนมาบอกว่า ที่คุณทำมันผิด
    สำหรับผู้รู้ ศึกษามามากขนาดนี้ แล้ว อ้าปากนำสิ่งที่คุณคิดจากสมองมาพิมพ์ นั่นก็ไม่ใช่ธรรมชาติ ของธรรมะโดยพระพุทธเจ้า เท่าที่ผมรู้แล้วล่ะครับ
    ก็แค่ความเห็น ขอบคุณครับ ชอบคำพูดหนึ่งจากหนังเรื่องหนึ่ง ที่บอกว่า มาช่วยโลกไม่ได้มาช่วยมนุษย์
     
  15. มาพบพระ

    มาพบพระ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    23 มีนาคม 2010
    โพสต์:
    643
    ค่าพลัง:
    +1,973
    นึกถึงศีล 5 ของตนเองดีกว่าปฏิบัติได้ครบและทรงตัวแล้วหรือยัง ใครไม่เชื่อก็อย่าลบหลู่ ท่าน ตั้งใจให้เป็นกลางแยกแยะกิเลสกับความเชื่อ หากคุณหมอท่านรู้เห็นจริงปฏิบัติได้จริงก็จะช่วยให้เราไม่ต้องไปลงอเวจีมหานรกเพราะอกุศลจิตเราเอง หากท่านไม่รู้จริงจิตเราก็ไม่เป็นอกุศลไม่ไปลงนรกอีกเช่นกัน
     
  16. samaice

    samaice เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    19 มีนาคม 2009
    โพสต์:
    271
    ค่าพลัง:
    +1,018
    555 ตลกดีเถียงกันเพื่ออะไร เจ้าของกระทู้เขาเจตนาดี เราก็อ่านก็เพลินดีอ่ะ ไม่เข้าใจคุณๆ ทั้งหลาย เป็นอะไรกันเฮ้อ ดีถูกผิด พิจารณากันเอาเองเถิด นี่เว็บนักปฏิบัติเหรอค่ะ เราเห็นรักโลภโกรธ หลง เต็มไปหมด หยุดกัน กลับไปมองตัวเองกันดีกว่า อะไรที่ไม่ควรถือ ก็อย่าถือเลยค่ะ มันหนัก สำหรับเรา ไครด่า ไครว่า เราไม่แคร์ เพราะเรารู้ตัวเราเองว่าเป็นอย่างไร และเราก็ไม่ตำหนิไคร แต่ขอทีเถอะค่ะ อย่าเถียงกันอีกเลย ให้กำลังใจกันดีกว่าค่ะ
     
  17. Army56

    Army56 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    7 มิถุนายน 2008
    โพสต์:
    1,098
    ค่าพลัง:
    +1,862
    เปรตกู้แถลงซัดทอดนักทอล์กต้นตอวิดีโอแหกตา

     
  18. Army56

    Army56 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    7 มิถุนายน 2008
    โพสต์:
    1,098
    ค่าพลัง:
    +1,862
    คือผมยังไม่เข้าใจในสมาชิกบางท่านที่ยังดึงดัน

    บอกให้นำส่วนดีไปใช้ ละทิ้งส่วนไม่ดี

    แต่ถ้าในเมื่อนั่นยังไม่ใช่ผู้รู้แจ้งโลกจริงทุกสิ่งอย่าง

    คนฟังหรือคนอ่านจะสับสนหรือไม่ว่าใดถูกผิด

    แค่ประโยคที่ว่า เจ้าลองพิจารณาใบไม้ของแต่ละต้นสิ มันมีความสวยงามของมัน

    แค่นี้ผมก็ว่า พระพุทธเจ้าจะมาสอนให้พิจารณาความสวยงามอะไร ท่านมีแต่จะสอน

    ให้พิจารณา เกิดขึ้น ตั้งอยู่ ดับไป


    ปล. หนังสือนี้ผมว่ามันต้องมีเบื้องลึกเบื้องหลังอยู่ดี
     
  19. YUT_KOP

    YUT_KOP เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    9 มกราคม 2008
    โพสต์:
    458
    ค่าพลัง:
    +1,033
    ด้วยส่วนตัวผม ผมไม่ได้มีการบอกกล่าว หรือให้ร้าย บอกว่า อ.พงษ์ศักดิ์ ไม่ดีอย่างไร

    โดยแนวทางของผม ผมมีเจตนาจะปกป้อง พระสัมมาสัมพุทธเจ้า และ พระธรรมเจ้า

    ผมไม่ได้โจมตี หรือ ติเตียน ที่ตัวบุคคล

    แต่ผมขอเอาศีรษะเป็น พุทธบูชา ธรรมบูชา สังฆะบูชา ว่าผมจะปกป้อง พระพุทธศาสนา

    กระทำด้วยใจที่ บริสุทธิ์ ถ้าคิดว่าหลักธรรมนั้นๆในหนังสือเล่มนี้ ถูกต้องตามหลักธรรม

    ตามความเป็นจริง ของ พระสัมมาสัมพุทธเจ้า ก็มา เสวนากัน

    เพราะ ธรรมะของพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ทนทานต่อทุกสรรพสิ่ง ไม่มีกาลเวลา บุคคล หรือ

    สถานที่ จะทำเปลี่ยนแปลงได้ เพราะนั้นคือ "สัจจะธรรม" เป็นจริงในตัวของมันเอง

    สำหรับคุณ samaice และบุคคลท่านอื่นที่เคารพ

    การเสวนาข้อธรรมะ ให้มันตรง คุณคิดว่าเป็นสิ่งที่ผิดหรอกหรือ

    ผมก็อาจจะเข้าใจ หลักธรรมผิดๆจากหนังสือเล่มนี้ก็ได้

    ผู้ที่คิดว่า ดีแล้ว ถูกต้องแล้ว ก็มา เสวนาหาคำตอบกันดีกว่า

    ตัวอย่างที่ ยกมาถามก็ไม่ได้ตอบให้กระจ่างในข้อธรรมนั้นๆได้เลย

    แล้วการที่ คุณ samaice และบุคคลท่านอื่นที่เคารพ อ่านแล้วรู้สึกเพลินดี

    ว่านั้นดีแล้ว ให้ผู้มีปัญญา อ่านแล้วแยกแยะกันเองว่าจะ ถูก หรือผิด

    นั้นขอถามว่าถ้าคุณพบเห็น บิดา มารดา ,ลูก-หลาน เพื่อนสนิด

    กำลัง เสพ ยาเสพติด ดมกาว กัญชา เพลิดเพลิน สร้างวิมานอย่าง สบายอุรา

    คุณจะบอกเขาไหมว่า สิ่งนี้ไม่ดีนะ อย่าดมเลย อย่า เสพเลย

    หรือคุณจะปล่อยให้ เขาใช้วิจารณญาณเอาเอง มิหนำซ้ำ ยังจะเอา

    ยาเสพติดเหล่านี้ แบ่งปันให้ เพื่อนๆ ญาติๆ ได้ใช้อีก ถ้าวางเฉยได้โดยไม่เคย

    ทำอะไรเลย นั้นไม่ใช้ อุเบกขาธรรม นะจะบอกให้

    แล้วอย่า ติดอารมณ์นะถ้าได้อ่าน คำตอบนี้ มาสร้างสรรค์กันดีกว่าว่า

    ถูกต้องแท้จริงแค่ไหน ผมถามไปมากมายใน คำตอบก่อนหน้านี้แล้ว

    ขอให้กลับไปอ่านดู แล้วมา เสวนากันนะครับ

    โดยผมจะยกมาหลักใหญ่ๆมี3ข้อ ให้ดูคำถามซ้ำอีกครั้ง

    1. พระสัมมาสัมพุทธเจ้า ลงเข้าทรงผู้ช่วยอาจารย์ ได้จริงหรือไม่

    2. ธรรมะในหนังสือ เป็นธรรมะที่กล่าวโดย พระสัมมาสัมพุทธเจ้า จริงหรือไม่

    3. เรื่องของพระนิพพานที่กล่าวอ้างในหนังสือว่า กลับมาเกิดจาก นิพพาน
    ทำได้จริงหรือไม่

    แล้วมาเสวนากันนะครับ
     
  20. นายเบทร์

    นายเบทร์ Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    30 ตุลาคม 2010
    โพสต์:
    882
    ค่าพลัง:
    +91
    1. อย่าเพิ่งเชื่อตามที่ฟังๆ กันมา
    2. อย่าเพิ่งเชื่อตามที่ทำต่อๆ กันมา
    3. อย่าเพิ่งเชื่อตามคำเล่าลือ
    4. อย่าเพิ่งเชื่อโดยอ้างตำรา
    5. อย่าเพิ่งเชื่อโดยนึกเดา
    6. อย่าเพิ่งเชื่อโดยคาดคะเนเอา
    7. อย่าเพิ่งเชื่อโดยนึกคิดตามแนวเหตุผล
    8. อย่าเพิ่งเชื่อเพราะถูกกับทฤษฎีของตน
    9. อย่าเพิ่งเชื่อเพราะมีรูปลักษณ์ที่ควรเชื่อได้
    10. อย่าเพิ่งเชื่อเพราะผู้พูดเป็นครูบาอาจารย์ของตน
     

แชร์หน้านี้

Loading...