ศาลาพักใจ มลายทุกข์ ของ ชาวสโมสรก๊วนบุญ (คณะเบิกบานบันเทิงบุญ)

ในห้อง 'จักรวาลคู่ขนาน' ตั้งกระทู้โดย พรหมประกาศิต, 23 กุมภาพันธ์ 2007.

  1. Pattana

    Pattana ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนพิเศษ

    วันที่สมัครสมาชิก:
    13 กันยายน 2005
    โพสต์:
    12,740
    ค่าพลัง:
    +205,447
    อ่านในวรรคแรกเราก็นึกว่าเขาพิมพ์ผิด แต่พอมาเจอวรรคสอง เออ..ไม่ผิดแฮะ...

    ถ้าอย่างนั้นขอต่อรองเป็น ครึ่งลิตร ได้ป่ะหนูยิ้ม
     
  2. ลัก...ยิ้ม

    ลัก...ยิ้ม เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    19 เมษายน 2005
    โพสต์:
    3,409
    ค่าพลัง:
    +15,762
    แรก ๆ คงได้ค่ะ ทำเพื่อขยายกระเพาะก่อน แต่ยังไม่ได้ผลค่ะท่านลุง ฮี่ ๆๆ

    ขอย้ำว่าต้องน้ำอุ่นค่อนไปทางร้อนนิ๊ด และได้ผลต่อเมื่อต้องอัดเข้าไปประมาณลิตร-ลิตรครึ่ง....แต่ขอบอกครั้งแรก ทรมานสุด ๆ เชียว ... แต่สามารถเห็นผล ภายใน 1 อาทิตย์-3 อาทิตย์ พยายามสังเกตุให้ดีเถอะ
    (ไม่มีใครให้ค่า โปรโมทฯ สุขภาพ บ้างเหยอ ฮือๆๆๆ)

    ครั้งแรกที่ทรมานสุด ๆ คือบ้านเป็นตึกพาณิชย์ 4 ชั้น ตอนลองดื่มน้ำอยู่ชั้นลอย กะไว้ประมาณ ลิตรครึ่งค่ะ (แต่ไม่ถึงดี) ค่อย ๆ อัดจนอยากจะขะย่อนออกมาเล๊ย ท้องตึงเปี๊ยเล๊ย ประมาณว่ายุงบินมาเฉียดมันคงดังตึ๊งเลยอ่ะ สักพักหนึ่ง เริ่มรวนและปวดท้องยิ่งกว่าท้องเสีย วิ่งอย่างทรมานและกลายเป็นค่อยปีนกระได จนถึงห้องน้ำชั้น 3 หุหุ (หน้าเขียว หุหุห) หลังจากนั้น สบายโล่ง ๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ 555 ดังนั้นถ้าคนไม่ติดสถานที่ ดื่มใกล้ห้องน้ำเป็นดี

    เหมาะกับคนทำงานในบ้าน ผู้เดินทางไกลไม่ควร เพราะต้องวนเวียนกับห้องน้ำประมาณ 3 ชม คร่าว ๆ แล้วแต่สภาพของแต่ละคนค่ะ และจะปั่นป่วนมากเฉพาะครั้งแรก ต่อ ๆ ไปจะสบายขึ้นเรื่อย ๆ ยิ้มลองอยู่ น่าจะ3 เดือนก็ต้องหยุดค่ะ เพราะเป็นกระเพาะปัสสาวะอักเสบ แต่สิ่งที่ได้รับคือ ฝ้าบนใบหน้าหาย และภูมิแพ้ดีขึ้น

    หนังสือเล่มนี้เคยพิมพ์ขายดีเป็นเทน้ำ...ปัจจุบันไม่ทราบว่ามีการพิมพ์ออกมาขายไหม หนังสือดีค่ะเล่มประมาณพอคเก็ตบุ๊ค ...มหัศจรรย์ น้ำอุ่น
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 1 พฤศจิกายน 2007
  3. ลัก...ยิ้ม

    ลัก...ยิ้ม เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    19 เมษายน 2005
    โพสต์:
    3,409
    ค่าพลัง:
    +15,762
    <TABLE height=720 width=960 align=center border=0 valign="top"><TBODY><TR><TD>[​IMG][​IMG][​IMG][​IMG][​IMG][​IMG][​IMG][​IMG]
    [​IMG][​IMG][​IMG][​IMG][​IMG][​IMG][​IMG][​IMG]
    [​IMG][​IMG][​IMG][​IMG][​IMG][​IMG][​IMG][​IMG]
    [​IMG][​IMG][​IMG][​IMG][​IMG][​IMG][​IMG][​IMG]
    [​IMG][​IMG][​IMG][​IMG][​IMG][​IMG][​IMG][​IMG]
    [​IMG][​IMG][​IMG][​IMG][​IMG][​IMG][​IMG][​IMG]
    [​IMG][​IMG][​IMG][​IMG][​IMG][​IMG][​IMG][​IMG]</TD></TR></TBODY></TABLE>
    [b-hi] ฮี่ ๆๆๆ ไปก๊อบเขามา เพราะว่าเราชอบก็ละกันนนนน[b-hi] ;) ;) ;)
     
  4. ลัก...ยิ้ม

    ลัก...ยิ้ม เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    19 เมษายน 2005
    โพสต์:
    3,409
    ค่าพลัง:
    +15,762
    อันสุรา แปลว่าเหล้า หมาไม่แดก

    คนก็แปลก แดกได้ ไม่อายหมา

    เราก็แปลก แดกด้วย ซวยละหว่า

    ไม่อายหมา ไม่กลัวแปลก แดกเข้าไป
    **************************


    อันนี้ก็ขำกลิ้ง...ของใครของมันนะ..ไม่ต้องเผื่อนะจ๊ะ 55

    รักแท้
    [​IMG]



    <CENTER>อันรักแท้ มิใช่ แค่ได้รัก
    ยังมีพราก มีร้างลา น้ำตาไหล
    แต่รักหนื่ง แน่นอน ไม่คลอนคลาย
    คือ...รักแร้ ของหนูไง ให้กลิ่น...เดียว


    [​IMG]
    </CENTER>
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 2 พฤศจิกายน 2007
  5. siamgirl

    siamgirl เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    26 กันยายน 2007
    โพสต์:
    1,682
    ค่าพลัง:
    +2,742
    เรากะลังตั้งกลุ่มอ่ะค่ะคนไทยรักกัน ถ้าหนูอายุ21 ก็จะรวมเเกงค์กันไปเเต่ต้องหาที่ไปก่อน อิอิ ไม่รู้จะไปทำที่ไหน
     
  6. ดวงฤทัย

    ดวงฤทัย เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 ตุลาคม 2006
    โพสต์:
    194
    ค่าพลัง:
    +2,694
    สวัสดีพี่ๆทุกท่านค่ะ พึ่งเข้ามาอ่านครั้งแรกวันนี้เอง

    จะแวะมาเยี่ยมไม่ให้เหงานะคะ

    สวัสดีพี่ยิ้มด้วยนะคะ ไม่รู้จำน้องแถวได้ป่ะ
    แต่น้องแถวจำพี่ยิ้มได้ เคยเจอกันพร้อมกับพี่กระพี้ด้วยอ่ะค่ะ
     
  7. ลัก...ยิ้ม

    ลัก...ยิ้ม เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    19 เมษายน 2005
    โพสต์:
    3,409
    ค่าพลัง:
    +15,762
    โอ๊ะโอ...เจงเหยอน้องท้ายแถว หว้า...เสียดุลย์การค้าหม๊ดเลย จำหน้าท่านกระพี้สุดหล่อคนเดียวก็พอแย้ว จำหน้าพี่ไว้ตอนเดือนเต็มดวงอาจจะขวัญผวาววววววววววววววว... นอนสะดุ้ง เน้อ ฮี่ ๆๆๆ
     
  8. ดวงฤทัย

    ดวงฤทัย เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 ตุลาคม 2006
    โพสต์:
    194
    ค่าพลัง:
    +2,694
    ไม่เป็นไรค่ะ ถ้าเจอพี่ยิ้มตอนช่วงพระจันทร์เต็มดวง น้องแถวจะขอเลขค่ะ คิดว่าแม่นแน่ๆ
     
  9. vichian

    vichian เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 กันยายน 2005
    โพสต์:
    8,164
    ค่าพลัง:
    +41,920
    เอ้า....ที่แท้สมาชิกนักบุญที่คุ้นเคยมาสุมหัวกันอยู่ที่นี่เอง....แจมด้วยคนดิ ว่างงานบุญแล้วเลยขอแจมไปทั่วครับ
     
  10. พรหมประกาศิต

    พรหมประกาศิต ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต

    วันที่สมัครสมาชิก:
    21 มิถุนายน 2006
    โพสต์:
    1,684
    ค่าพลัง:
    +13,541
    สะบายดีคร๊าบท่าน ไม่ได้เข้ามาบ้านตัวเองนานแย้ว เหมือนกัน แต่ยังดีที่มีน้องลักยิ้มเข้ามาดูแลคอยโพสสิ่งที่มีสาระประโยชน์ให้อ่านกัน ขอบคุณหลายๆ เด้อครับ
    ผมไม่ค่อยว่างมาโพสอ่ะครับ แค่พอมีเวลาพาน้องๆที่ทำงาน ไปทานข้าวเย็น เท่านั้น ต้องขออภัยทุกท่านมา ณ โอกาสนี้ด้วยครับ
     
  11. พรหมประกาศิต

    พรหมประกาศิต ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต

    วันที่สมัครสมาชิก:
    21 มิถุนายน 2006
    โพสต์:
    1,684
    ค่าพลัง:
    +13,541
    คืนนี้เป็นวันลอยกระทง
    ขอให้ทุกท่านที่มีโอกาสได้ไป จงลอยเคราะห์ ลอยโศก ฝากพระแม่คงคาไปทิ้งซะให้หมด
    ขอให้มีความสุข ทุกๆท่านครับ
     
  12. ลัก...ยิ้ม

    ลัก...ยิ้ม เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    19 เมษายน 2005
    โพสต์:
    3,409
    ค่าพลัง:
    +15,762
    เง้ย ... ที่นี้ไม่ยักคิดถึงไอ้ยิ้มนะเพ่ นะ เด๋ว...นี้ยิ้มกำลังน่าจ๋งจ๋านนะเพ่นะ
    เช้าก็หม่ำ มามา เย็น ๆ ก็เจี๊ย ยำยำ กลั้วคอด้วยน้ำสไปรส์สสสส ไม่ซ่าส์สสส

    เห็นไหม ๆ ถ้าสงสารจะช่วยสงเคราะห์อาหารกลางวันเด็ก(น้อย)บอกกันได้นะลุง ๆ ทุกท่าน ได้กุศลแรงนะจ๊ะ (555) ดูจิหัวเราะน้ำตาเล็ดเล๊ย แง ๆๆ
     
  13. ลัก...ยิ้ม

    ลัก...ยิ้ม เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    19 เมษายน 2005
    โพสต์:
    3,409
    ค่าพลัง:
    +15,762
    น่าหวาดเสียวเน้อ...มาสุมแต่หัวเรอะ แล้วตัวไปไหน เด๋ว...ไส้พันกัน หุหุ
     
  14. ลัก...ยิ้ม

    ลัก...ยิ้ม เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    19 เมษายน 2005
    โพสต์:
    3,409
    ค่าพลัง:
    +15,762
    <CENTER>เพลง : รูปที่มีทุกบ้าน</CENTER>

    <TABLE width=404 border=0><TBODY><TR><TD style="BORDER-RIGHT: #9900ff 1px solid; BORDER-TOP: #9900ff 1px solid; BORDER-LEFT: #9900ff 1px solid; BORDER-BOTTOM: #9900ff 1px solid"><CENTER>เนื้อเพลง

    ตั้งแต่เล็กยังเคยได้ถามแม่ว่า
    บนข้างฝาบ้านเรานั่นติดรูปใคร
    ที่แม่คอยบูชาประจำก่อนนอนทุกคืน จะต้องไหว้

    แม่ตอบว่าให้กราบรูปนั้นทุกวัน
    ท่านเป็นเทวดาที่มีลมหายใจ
    ที่เรายังพอมีกินอย่างวันนี้
    ท่านดูแลคนไทยมานานเหลือเกิน ให้จำไว้

    เป็นรูปที่มีทุกบ้าน
    จะรวย หรือจน หรือว่าจะใกล้ไกล
    เป็นรูปที่มีทุกบ้าน
    ด้วยความรัก ด้วยภักดี ด้วยจิตใจ

    เติบโตมากี่สิบปีที่ผ่าน
    ภาพที่เห็นคือท่านทำงานทุกวัน
    เมื่อไรเราทำอะไรที่เกิดท้อ
    แค่มองดูรูปบนข้างฝาจะได้กำลังใจ จากรูปนั้น

    เป็นรูปที่มีทุกบ้าน
    จะรวย หรือจน หรือว่าจะใกล้ไกล
    เป็นรูปที่มีทุกบ้าน
    ด้วยความรัก ด้วยภักดี ด้วยจิตใจ

    จะขอตามรอยของพ่อ
    ท่องคำว่า เพียงและพอ จากหัวใจ
    เป็นลูกที่ดีของพ่อ
    ด้วยความรัก ด้วยภักดี

    จะขอตามรอยของพ่อ
    ท่องคำว่า เพียงและพอ จากหัวใจ
    เป็นลูกที่ดีของพ่อ
    ด้วยความรัก ด้วยภักดี

    จะขอตามรอยของพ่อ
    ท่องคำว่า เพียงและพอ จากหัวใจ
    เป็นลูกที่ดีของพ่อ
    ด้วยความรัก ด้วยภักดี
    ด้วยความรัก ด้วยภักดี ตลอดไป</CENTER>
    </TD></TR></TBODY></TABLE>
     
  15. ลัก...ยิ้ม

    ลัก...ยิ้ม เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    19 เมษายน 2005
    โพสต์:
    3,409
    ค่าพลัง:
    +15,762
    <!--check entry comment -->วันพฤหัสบดี ที่ 29 พฤศจิกายน 2550
    =๑๓ชนเผ่า น้อมใจ ถวายพระพร=
    Posted by อิตถี , ผู้อ่าน : 16 , 00:05:05 น. | หมวดหมู่ : Tour
    [​IMG] พิมพ์หน้านี้

    <TABLE class=blog_center_data><TBODY><TR><TD>
    ไปที่ศูนย์พัฒนาโครงการหลวงหนองเขียว เมืองนะ เชียงดาว เชียงใหม่มา วันนี้(28พ.ย.50)เขามีการทำพิธีของชนเผ่า น้อมใจ ถวายพระพร

    ต้องบอกก่อนว่า ไม่ได้เป็นชนเผ่าใดๆ เป็นคนไทย ที่ได้มีโอกาสไปร่วมสังเกตุการณ์ในการแสดงความจงรักภักดี ของชนเผ่าต่างๆที่มาพึงพระบารมี อยู่ใต้ร่มธงไทย แสดงความจงรักภักดี ต่อพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว
    [​IMG]
    [​IMG]

    [​IMG]




    ทั้งตื่นตาตื่นใจ ประทับใจ ชนเผ่า ๑๓ ชนเผ่านับเรือนพัน ที่มาอยู่ร่วมกัน และรวมใจพร้อมกันทำพิธีถวายพระพรและสวดสืบชะตาให้กับพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ในงานนี้มี โดยมีหม่อมเจ้า ภีศเดช รัชนี เสด็จมาเป็นองค์ประธาน




    ชนเผ่าใส่ชุดประจำชนเผ่ามาพร้อมใจกัน เจตนาหลักเพื่อเฉลิมฉลองที่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว พระชนมายุ ๘๐ พรรษา ยังแสดงถึงสำนึกรักประเทศไทย แสดงถึงความรักความสามัคคี ร่วมแสดงพลังชนเผ่าถวายพระพรแด่องค์เหนือหัวของไทย

    ชื่อเต็มๆงานนี้คือ ชนเผ่าน้อมใจถวายพระพรชัยมงคล ๘๐ พรรษามหาราชา

    [​IMG] [​IMG]
    [​IMG] [​IMG]


    ตั้งแต่เริ่มที่มาถึงศูนย์พัฒนาโครงการหลวงหนองเขียว บ้านใหม่สามัคคี ฉันเห็นพลังมวลชน ที่เป็นชนเผ่า เตรียมพร้อมตั้งขบวน เพื่อเดินแถวตอนเข้าสู่สถานที่พิธีใกล้ๆกัน ซึ่งการจัดการทำได้อย่างยิ่งใหญ่

    [​IMG] [​IMG]


    [​IMG] [​IMG]


    [​IMG] [​IMG]





    ๑๓ ชนเผ่ามาพร้อมเพรียง
    กะเหรี่ยง หรือ ปะกาญอ
    ปะหล่อง
    ไทใหญ่
    ลาหู่แซแล้
    อาข่า
    ม้ง
    คะฉิ่น
    ลีซู
    ลาหู่หญี้
    ลาหู่นะ
    ลัวะ
    จีนยูนนาน
    คนพื้นเมือง
    รวมถึงนักเรียนโรงเรียนบ้านอรุโณทัย เข้าแถวปิดท้าย ทยอยเดินเข้าสู่บริเวณพิธีท่ามกลางอากาศที่เริ่มจะร้อนเพราะแสงแดด แต่ละคนไม่ว่า เด็ก ผู้ใหญ่ ชาย หญิง คนชรา ชนเผ่าที่ ตั้งใจ มาร่วมพิธี ในนามชนเผ่าพร้อมตัวแทนที่ขึ้นนำสวดประกอบพิธีของชนเผ่า ฉันก็พลอยอิ่มเอมไปด้วย


    กะเหรี่ยง หรือ ปะกาญอ จากบ้านเมืองงามศูนย์พัฒนาโครงการหลวงหมอกจ๋าม ผู้แทนมาทำพิธีภาษาชนเผ่าคือ มา ทอ แล แก นี หรือเรียกภาษาไทยว่าพิธีสืบชะตา เพื่อต่ออายุ ให้สุขสบาย ให้หายป่วยไข้ ผู้แทนชนเผ่า แต่งกายชนกะเหรี่ยงมาทำพิธี พร้อมอุปกรณ์ ทั้ง สตวง (กาบกล้วยทำเป็นกระทงสี่เหลี่ยม) เกลือ ข้าวสาร พริกแห้ง ธูป เทียน กรวยดอกไม้ ๑ คู่ น้ำ ๑ จอก ธงกระดาษสีขาว ๔ ธง ฝ้ายมัดมือ ๓ เส้น และเสื้อกะเหรี่ยง ๑ ตัว

    ผู้แทนกะเหรี่ยงนำข้าวของทั้งหมดใส่สตรวง และถือส่วนปลายฝ้ายมัดมือไว้ แล้ว ที่เหลืออยู่ในสตวง ผู้แทนทำพิธีกรรม จะอธิษฐาน ขอพรพระจันทร์ เทวดา สิ่งศักดิ์สิทธิ์ประจำเมือง บรรพบุรุษ ให้ปกป้องรักษา พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทรงพระเจริญ พระชนมายุยืนยาว โรคภัยไม่กล้ำกราย โดยสวดเป็นภาษากะเหรี่ยง แล้วนำขึ้นวางอยู่หน้าพระบรมฉายาลักษณ์ ก่อนก้มกราบ




    [​IMG] [​IMG][​IMG] [​IMG][​IMG] [​IMG][​IMG] [​IMG][​IMG] [​IMG]



    คุณพี่ชายมาคู่ เอ็มดี รีสอร์ทธรรมชาติอ่างขาง บอกด้วยว่าให้ฟังตอนวันพรุ่งนี้ หม่อมเจ้า ภีศเดช รัชนี จะเสด็จเข้าเฝ้าในหลวง และนำข้าวของที่ชนเผ่ามาทำพิธี ขึ้นทูลเกล้าฯถวายด้วย
    หม่อมเจ้าภีศเดชยัง ทรงบันทึกภาพงานพิธีสืบชะตา พระดำเนินสังเกตุการณ์เองด้วย
    [​IMG]
    </TD></TR></TBODY></TABLE>
     
  16. ลัก...ยิ้ม

    ลัก...ยิ้ม เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    19 เมษายน 2005
    โพสต์:
    3,409
    ค่าพลัง:
    +15,762
    วันพฤหัสบดี ที่ 29 พฤศจิกายน 2550
    ย้ำหุบเขาไฮโซ..โต้ลมหนาว กราน-มอนเต้

    Posted by ณดาว , ผู้อ่าน : 46 , 11:03:19 น. | หมวดหมู่ : ชวนเที่ยว
    [​IMG] พิมพ์หน้านี้

    <TABLE class=blog_center_data><TBODY><TR><TD>
    ปากช่อง เขาใหญ่ ยังเป็นที่เที่ยวท๊อปฮิตช่วงหน้าหนาว เพราะอยู่ไม่ไกลกรุงเทพฯ เดินทางสะดวก จึงไม่แปลกที่จะเห็นผู้คนบ่ายหน้าออกจากกรุงเทพช่วงวันหยุดปลายสัปดาห์ และมีจุดหมายที่ เขาใหญ่ ปากช่อง จังหวัดนครราชสีมา แต่จะแยกย้ายไปที่มุมไหน รีสอร์ตไหน ของปากช่อง หรือจะขึ้นไปที่อุทยานแห่งชาติเขาใหญ่ก็สุดแล้วแต่...




    ปลายสัปดาห์ที่ผ่านมานี้ก็เช่นกัน ได้มีโอกาสไปเยือนเขาใหญ่อีกครั้ง หลังจากที่สัปดาห์ก่อนโน้นก็เพิ่งขึ้นเขาใหญ่มา ครั้งนี้อากาศเย็นกว่าเดิม แต่ความรื่นรมย์ที่เก็บเกี่ยวได้จากสถานที่ที่ไปเยือน ยังคงอบอุ่นเหมือนเดิม ไม่ได้เย็นเยือก ไปตามอากาศที่เยือกเย็นเลย




    [​IMG]



    ทริปนี้ป้วนเปี้ยนอยู่ตีนเขาใหญ่ แถวหุบเขาอโศก อันเลื่องชื่อไปด้วยดอกอโศกน้ำสีเหลืองอมแดง และผืนดินที่อุดมด้วยแร่ธาตุ หรือจะเรียกอีกชื่อว่า หุบเขาไฮโซ ก็ได้ เพราะ เศรษฐี คนมีชื่อเสียงระดับไฮโซหลากหลายเจ้าของเมืองไทย เข้ามาจับจองพื้นที่แห่งนี้ ทำไร่องุ่น ผลิตไวน์ โดยมีความร่วมมือของเจ้าของไร่องุ่นที่จะทำให้บริเวณนี้เป็นเมืองแห่งไวน์ด้วย




    ส่วนตัวได้แต่พยักหน้าหงึกหงักฟัง...




    เขาว่า...(ใครว่าไม่รู้)...พื้นที่บนโลกที่สามารถปลูกองุ่น ผลิตไวน์ที่ดี อยู่ระหว่างเส้นละติจูดที่ 30-50 องศา ทั้งเหนือและใต้เท่านั้น ซึ่งครอบคลุมพื้นที่เกือบทั้งหมดของทวีปยุโรป แต่ใครจะคิดว่า ดินแดนใกล้เส้นศูนย์สูตรอย่างประเทศไทยจะกลายเป็นแหล่งผลิตไวน์ชั้นดีได้ เมื่อนักชิมไวน์หลายคน เริ่มยอมรับว่า ไวน์จากประเทศที่อยู่นอกเหนือพื้นที่ที่ว่า สามารถผลิตไวน์ที่มีคุณภาพสูงได้เช่นกัน อันเป็นที่มาของการเรียกขานไวน์จากแหล่งใหม่ๆ ว่า "New Latitude Wine"

    เมื่อตลาดไวน์เปิดประตูยอมรับไวน์จากแหล่งต่างๆ มากขึ้น ผู้ผลิตไวน์รายใหญ่ของเมืองไทยจึงรวมตัวกัน ในนาม "สมาคมไทยไวน์ (Thai Wine Association)" ซึ่งจัดตั้งเป็นทางการปลายปี 2544 มีสมาชิกหลัก 6 ราย ได้แก่ Chateau de Loei ที่ภูเรือ จังหวัดเลย ผู้ผลิตไวน์เชิงพาณิชย์รายแรกของเมืองไทย / Mae Chan Valley จากหุบเขาแม่จัน จังหวัดเชียงราย / Shala One จังหวัดพิจิตร / Chateau des Brumes (วิลเลจ ฟาร์ม) จากวังน้ำเขียว จังหวัดนครราชสีมา / Gran Monte และ PB Valley จากหุบเขาอโศก จังหวัดนครราชสีมา และ Siam Winery จังหวัดสมุทรสาคร โดยมีเป้าหมายสูงสุดในการสร้างความตระหนักและภาพลักษณ์ของไวน์ไทยให้เป็นที่ยอมรับทั้งตลาดไวน์ในประเทศและต่างประเทศ

    ซึ่งก็ยังมีการรวมตัวในกลุ่มผู้ผลิตไวน์เขาใหญ่ ซึ่งประกอบด้วย กราน-มอนเต้ พีบี-วัลเล่ย์ และ ชาโต เดอ บรูมส์ เป็นกลุ่มย่อย ในนามกลุ่มเขาใหญ่ไวน์ หรือ Khao Yai Wine Region เพื่อทำให้ที่นี่เป็นย่านผลิตไวน์แห่งแรกของประเทศ โดยพื้นที่ปลูกไร่องุ่นในโคราชมีถึง 5 พันกว่าไร่ ส่วนใหญ่อยู่ในพื้นที่รอบเขาใหญ่ โดยกลุ่มเขาใหญ่ไวน์เป็นย่านผลิตไวน์ที่ใหญ่ที่สุดของประเทศ โดยพีบีฯ เป็นผู้ผลิตไวน์รายใหญ่ที่สุดของเมืองไทย




    และไร่องุ่น “GranMonte’ - กราน มอนเต้”คือที่หมายทริปต์นี้


    [​IMG]





    GranMonte’ เป็นภาษาอิตาลี ที่แปลเป็นภาษาอังกฤษว่า Big Mountain แปลเป็นไทยว่า เขาใหญ่ เป็นชื่อไร่องุ่นบนเนื้อที่ 40 เอเคอร์ หรือ ราว 100 ไร่ บริเวณหุบเขาอโศก เขาใหญ่ นครราชสีมา ซึ่งอยู่สูงกว่าระดับน้ำทะเลประมาณ 350 เมตร ซึ่งนอกจากGranMonte’ เป็นชื่อไร่องุ่นแล้ว ยังเป็นชื่อยี่ห้อไวน์ ของคุณวิสุทธิ์ โลหิตนาวี ปธ.สมาคมผู้ประกอบการไวน์ไทย และนายกสมาคมคนแรก ซึ่ง คุณ มาลินี พีระศรี ภรรยาศาสตราจารย์ ศิลป์ พีระศรี เป็นผู้ตั้งชื่อให้ตามสถานที่ แหล่งที่ตั้งของไร่องุ่นนั่นเอง โดยฉลากไวน์ยังได้รับการออกแบบจากฝีมือของ คุณ ปวิณ รุจิเกียรติกำจร มือออกแบบชื่อดังอีกด้วย GranMonte’ ได้รับการกล่าวขาน ทั้งในด้านรสชาติ ความงดงามของไร่องุ่น และทิวทัศน์




    เหตุที่เขาใหญ่เหมาะแก่การทำไร่องุ่นก็เพราะ มีดินสมบูรณ์ / มีน้ำช่วย / พื้นที่มีความชันทำให้น้ำไม่ขัง / ภูมิอากาศเหมาะสม / มีแสงแดด และ มีลมที่ช่วยพัดความชื้น ซึ่งจุดมุ่งหมายในการรวมตัวเป็นกลุ่มเขาใหญ่ไวน์ ก็เพื่อโปรโมตเส้นทางท่องเที่ยวไร่องุ่นทั้ง 3 แห่ง ให้เป็น "Wine Road" และเป็นอีกแหล่งท่องเที่ยวคู่เขาใหญ่ และถนนสายไวน์แห่งนี้ก็จะถูกคาดหวังให้เป็นแหล่งท่องเที่ยวดูองุ่นและโรงไวน์ ซึ่งสามารถเที่ยวชมได้ตลอดปี



    ปกติเมื่อเดินผ่านเข้ามาในไร่องุ่น เราจะเห็นคานร้านปลูกองุ่น ให้มันเลื้อยเกาะเกี่ยวขึ้นไปเป็นแผงแบบเพิงหมาแหงนเพื่อรับแดด แต่ที่ กราน-มอนเต้ ปล่อยให้มันเกาะเกี่ยวไปตามรั้วไม้ ซึ่งได้รับคำตอบว่า เพื่อให้ผลองุ่นได้รับแดด หากปลูกแบบเพิง ผลองุ่นจะห้อยย้อยอยู่ใต้ใบหมด ผลจะไม่ได้รับแดด...


    [​IMG]





    [​IMG] [​IMG]

    ไวน์ของ GranMonte’ เป็นไวน์ประเภทบูติก คือ มีไร่องุ่นไม่มากนัก แต่เน้นผลิตไวน์คุณภาพและทำแบบครอบครัว ที่นี่ปลูกองุ่นทำไวน์หลายพันธุ์ แต่ “ชิราซ” ถือเป็นองุ่นหลักในการทำไวน์แดง ก็จะนำมาผลิตเป็น กราน มอนเต้ พริเมีย ชิราซ / กราน มอนเต้ ชิราซ สเปเชียล รีเสิร์ฟ และ กราน มอนเต้ เซเลเบรชั่น ชิราซ เป็นต้น ซึ่งไวน์แดงจากชิราซที่นี่ ถึงขั้นได้รับการยอมรับจากผู้เชียวชาญไวน์ว่า “ถ้าไม่บอกชื่อ ก็คิดว่าเป็นไวน์จากออสเตรเลีย”



    [​IMG]



    ส่วนองุ่นหลักในการทำไวน์ขาว คือ เชอแนง บลอง ซึ่ง GranMonte’ ผลิตไวน์ขาวขึ้นมาหลายรุ่น เช่น ไวน์ขาว กราน มอนเต้ พริเมีย เชอแนง บลอง และ กราน มอนเต้ เซเลเบรชั่น เชอแนง บลอง และก็ได้รับการยอมรับอีกเช่นกันว่า ไวน์ขาวเชอแนง บลอง ของ GranMonte’ ค่อนข้างมีน้ำมีเนื้อมากกว่าหลายชาติที่ผลิตไวน์จากองุ่นชนิดเดียวกัน



    นอกจากนี้ยังมีเทมปรานิลโญ และ กาแบร์เนต์ โซวีนยอง รวมถึงยังมีองุ่นที่ใช้บริโภคอีกหลายพันธุ์ด้วย


    [​IMG]





    ทั้งนี้ สมาชิกสมาคมผู้ผลิตไวน์ไทย ต้องส่งข้อมูลการเก็บเกี่ยวองุ่นให้แก่เพื่อให้คณะกรรมการไปตรวจสอบการทำไร่องุ่นและการผลิตไวน์ ว่าเป็นไปอย่างถูกต้องตามหลักการและมาตรฐานหรือไม่ โดยไวน์ที่ได้มาตรฐาน สังเกตได้ว่า ที่ด้านหลังขวดมีโลโก้ของสมาคมฯ




    ปัญหาของไวน์ไทย กลับเป็นเพราะคนไทยเองที่มองข้าม แต่หันไปให้ความนิยมไวน์นอก จึงเป็นหน้าที่ของสมาคมผู้ผลิตไวน์ไทย ที่ต้องสร้างความเข้าใจเกี่ยวกับไวน์ไทยให้คนดื่ม ความร่วมมืออย่างเหนียวแน่นจะช่วยให้ไวน์ไทยกลายเป็นไวน์ที่ดีที่สุดในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ และประเทศไทยก็น่าจะกลายเป็น New Latitude Wine ที่แข่งขันในตลาดโลกได้อย่างมีศักดิ์ศรีทัดเทียมไวน์จากชาติอื่น

    ที่ผ่านมามีรางวัลระดับโลก ที่การันตีคุณภาพไวน์ไทยอาทิ เหรียญเงินจากประเทศโปรตุเกส ในการแข่งขัน Wine Master's Challenge และท็อปเท็นไวน์ที่ดีที่สุดในทวีปเอเชีย ได้แก่รางวัล Fastest-Improving Producers ที่สยามไวเนอรี่ ได้อันดับที่ 5 รางวัล หรือ New up-And-Coming Producers ซึ่งกราน-มอนเต้ และพีบี วัลเล่ย์ ได้ที่ 5 และ 8 ตามลำดับ เป็นต้น



    สำหรับผู้ที่สนใจเยี่ยมชม ไร่องุ่น กราน-มอนเต้ สามารถติดต่อสอบถามได้ที่ 02-653-1522 / 036-227-334 ซึ่งไม่เพียงแต่องุ่นในไร่ให้ชมเท่านั้น แต่ยังมีร้านอาหารบรรยากาศดี “วินคอตโต้” ที่เสิร์ฟอาหารใต้ซุ้มโกเมนต์ สีแดงสด โรแมนติกสุดๆอีกด้วย
    [​IMG]
    </TD></TR></TBODY></TABLE>
     
  17. ลัก...ยิ้ม

    ลัก...ยิ้ม เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    19 เมษายน 2005
    โพสต์:
    3,409
    ค่าพลัง:
    +15,762
    คนไทยที่ปลายด้ามขวาน
    บล็อกแห่งนี้... จะเป็นที่ที่เก็บภาพเหตุการณ์ต่างๆในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ ทั้งเหตุการณ์ความรุนแรง วิถีชีวิต รวมทั้งบรรยากาศโดยทั่วไป จะเน้นในพื้นที่ จ.ยะลา เป็นส่วนใหญ่
    Permalink : http://www.oknation.net/blog/idongphoto

    <!--check entry comment -->วันพฤหัสบดี ที่ 29 พฤศจิกายน 2550
    โดนไปเกือบสิบลูกใครไม่เหนื่อยก็แย่ครับ
    Posted by ป๋าโด่ง , ผู้อ่าน : 30 , 12:58:34 น.
    [​IMG] พิมพ์หน้านี้

    <TABLE class=blog_center_data><TBODY><TR><TD>หวัดดีครับ เพื่อนๆชาวบล๊อกโอเคเนชั่นทุกท่าน
    วันนี้มีเรื่องมาเล่าให้ฟังครับ เหนื่อยมากๆขอบอก
    เมื่อวานที่ผ่านมา(28 พย.50) ตั้งแต่ช่วงเช้า
    ((ไม่รู้ว่าช่วงกลางคืนไปฝันถึงเรื่องอะไร ตื่นเช้ามามีงานให้ทำตั้งแต่เช้ายันดึก))
    ตอนเช้าเวลา 6 โมง กว่า ได้ยินเสียงวิทยุสื่อสารของตำรวจแจ้งว่า พบวัตถุต้องสงสัยคล้ายระเบิด ที่บริเวณสี่แยกมาสด้า เขตเทศบาลนครยะลา ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจก็แจ้งหน่วยงานต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นเจ้าหน้าที่ชุดเก็บกู้วัตถุระเบิด ภ.จว.ยะลา ให้รีบไปตรวจสอบทันที
    "ป๋าโด่ง" ยังไม่ไปครับ.... นึกในใจว่า "รออีกแป๊บนึงดีกว่า"
    บอกตรงๆ "เสียว....เผื่อมีระเบิดซ้ำลูกที่ สอง" ตามสูตร
    รออีกประมาณ ครึ่งชั่วโมง วิทยุก็แจ้งว่า เป็นระเบิดจริง ให้ร้อยเวรฯรีบมาที่เกิดเหตุ
    เมื่อได้ยินเช่นนั้น "ป๋าโด่ง" ก็ขับรถยนต์คู่ใจ เดินทางไปที่เกิดเหตุด้วยทันที
    เมื่อมาถึงที่เกิดเหตุก็พบดังภาพข้างล่างนี้ครับ........
    [​IMG]
    ((เจ้าหน้าที่ชุดเก้บกู้วัตถุระเบิด กำลังเข้าตรวจสอบที่เกิดเหตุ หลังเกิดระเบิดลูกแรก))
    [​IMG]
    ((หาเศษวัตถุพยาน ซึ่งตรงนี้เจ้าหน้าที่พบเศษกล่องรีโมทคอนโทรล ที่ใช้จุดชนวนระเบิด))

    จากนั้นประมาณ 7 โมง เสียงวิทยุสื่อสารตำรวจก็แจ้งเหตุว่า "เกิดเหตุระเบิดที่ถนนเทศบาล 6 ซอย 2" "ป๋าโด่ง" ก็รีบเดินทางไปตรวจสอบทันที ด้วยความรวดเร็ว นึกในใจว่า "วันนี้ท่าจะยุ่งแน่ๆ"
    [​IMG]
    มาถึงจุดที่เกิดเหตุระเบิดจุดที่สอง ก้พบว่าระเบิดทำงานไม่สมบูรณ์ จึงไม่เกิดความเสียหายแต่อย่างใด มีเพียงต้นมะม่วง ที่ได้รับบาดเจ็บสาหัส...... จากแรงระเบิด
    [​IMG]
    เจ้าหน้าที่ทหารใช้เครื่อง จีที 2000 ตรวจสอบหาวัตถุระเบิดโดยรอบบริเวณ เนื่องจากเกรงว่าคนร้ายอาจจะซุกระเบิดเอาไว้อีกลูก ((เพื่อความปลอดภัย))
    09.45 น. ก็เกิดเหตถระเบิดลูกที่สาม ภายในลานจอดรถของ ศอ.บต. แต่โชคดีระเบิดทำงานไม่สมบูรณ์(อีกแล้ว) จึงไม่มีอะไรเสียหาย
    [​IMG]
    ท่าน พล.ต.ท.อดุลย์ แสงสิงแก้ว ผช.ผบ.ตร. เดินทางมาตรวจสอบที่เกิดเหตุภายในลานจอดรถ ศอ.บต. ด้วยตัวเอง
    [​IMG]
    เจ้าหน้าที่เข้าตรวจสอบใต้ท้องรถเพื่อหาหลักฐาน
    [​IMG]
    พบแล้ว... เศษกล่องเหล็ก ที่คนร้ายใช้บรรจุระเบิดนำมาผูกติดใต้ท้องรถ
    อีกประมาณชั่วโมงกว่าๆ ก็เกิดเหตุระเบิดภายในโชว์รูมรถ จยย.เสียงดังสนั่นทั้งเมือง
    คนร้ายนำระเบิดซุกไว้ใต้เบาะรถ ทำทีเอารถมาซ่อมก่อนที่จะโทรบอกว่ามีระเบิดภายใน
    โชคดีพนักงานวิ่งหนีออกมาทัน งานนี้รอดปลอดภัยทุกคน
    [​IMG]
    ((เจ้าหน้าที่ตำรวจชุดเก็บกู้ สวมชุดป้องกัน ที่ป๋าโด่งเรียกว่า ชุดมนุษย์อวกาศ เข้าตรวจสอบในโชว์รูม จยย.))
    [​IMG]
    ผู้สื่อข่าว.... หามุมหลบกันตามสะดวกครับ
    [​IMG]
    ตรวจสอบหาทุกซอกทุกมุม... เกรงว่าอาจจะมีอีกซักลูก
    [​IMG]
    หลังจากตรวจสอบนานกว่า 20 นาที ก็เคลียร์พื้นที่ได้
    จากนั้นเวลาประมาณบ่ายสอง ก็ตูมอีกลูกเป็นลูกที่ห้า ภายในร้านขายเครื่องเขียน กลางเมือง
    [​IMG]
    สุนัขสงครามร่วมตรวจหาระเบิดด้วย
    [​IMG]
    เดินไปเดินมาหลายรอบ ก้ไม่พบสิ่งผิดปกติ
    งานนี้ก็ไม่มีผู้ได้รับบาดเจ็บเช่นกัน ......

    หลังจากเกิดเหตุระเบิดจำนวนห้าจุดตลอดทั้งวันในพื้นที่ จ.ยะลา ฝ่ายเจ้าหน้าที่ตำรวจก็เร่งหาเบาะแส และหลักฐานจนสามารถทราบได้ว่ากลุ่มคนที่ก่อเหตุกบดานตัวอยู่ที่บ้านหลังหนึ่ง ที่หมู่ 2 ต.สะเตงนอก อ.เมือง จ.ยะลา จึงประสานกำลังเข้าตรวจสอบจนสามารถรวบผู้ต้องสงสัยได้รวม 6 คน โดยทางเจ้าหน้าที่ตำรวจระบุว่า มีหลักฐานมันตัวแน่นหนาว่าทั้งหมดเป็นกลุ่มที่ก่อเหตุลอบวางระเบิดป่วนเมืองทั้งวัน ในวันนี้(28พย)
    [​IMG]

    งานนี้ต้องปรบมือให้เจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.เมืองยะลา ครับ รวบรวมหลักฐานได้มากจากที่เกิดเหตุ พร้อมประสานงานกับหน่วยงานต่างๆ จนสามารถสืบทราบว่ากลุ่มผู้ก่อเหตุกบดานอยู่ที่ดังกล่าว และควบคุมตัวไว้ได้ทั้งหมด

    ยังไม่หมดครับ.... เวลาเกือบสองทุ่ม ก็เกิดระเบิดอีกลูเป็นลูกที่ หก ภายในโรงแรมยะลาชางลี ที่บริเวณหน้าลิฟท์ชั้น 10 แต่ไม่มีผู้ใดได้รับบาดเจ็บ
    จากนั้นอีกหนึ่งชั่วโมง....
    จนท.ชุดเก็บกู้ สามารถเก็บกู้ระเบิดได้อีก 1 ลุก น้ำหนักประมาณ 5 กก. ได้

    งานนี้กว่า "ป๋าโด่ง" จะได้นอน ก็ปาเข้าไปเกือบเที่ยงคืนครับ ท่านผู้ชม

    เหนื่อยสุดๆกะงานนี้.........................
    </TD></TR></TBODY></TABLE>
     
  18. ลัก...ยิ้ม

    ลัก...ยิ้ม เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    19 เมษายน 2005
    โพสต์:
    3,409
    ค่าพลัง:
    +15,762
    หมีกริสลี่ ท่านพี่ยักษ์ใหญ่แห่งอเมริกาเหนือ - Spooky Pooky

    Posted by OkZooZoo , ผู้อ่าน : 139 , 22:00:47 น. | หมวดหมู่ : Animal Planet
    [​IMG] พิมพ์หน้านี้

    <TABLE class=blog_center_data><TBODY><TR><TD>
    จ๊ะเอ๋ มาเจอกันอีกแล้วค่ะ กับ Ok Zoo Zoo

    2 - 3 เอนทรี่ที่แล้ว หงอยเหงาเศร้าซึมไปกับการฆ่าล้างเผ่าพันธุ์สัตว์ป่าของมนุษย์ใจโหด เลือดท่วมบล็อกเลยค่ะ วันนี้จึงของเปลี่ยนลีลากันจั๊กกะหน่อยนะคะ
    [​IMG]
    รอยเท้าใหญ่เป้งคู่นี้ คือสมาชิกเพื่อนร่วมโลกที่วันนี้ข้าพเจ้าจะพาไปรู้จักเค้ากันค่ะ
    Grizzly Bear
    หมีกริสลี่ ท่านพี่ยักษ์ใหญ่แห่งอเมริกาเหนือ
    มานึกภาพตามกันก่อนค่ะ ว่าตัวท่านพี่หมีกริสลี่นี้เบิ้มบั้มขนาดไหน น้ำหนักเบาะๆโดยประมาณอยู่ที่ 180 - 980 กิโลกรัม โว้วว หนักได้เกือบตัน เวลาท่านพี่ยืนด้วยสองขาหลังส่วนสูงของท่านพี่สูงถึงเกือบ 2 เมตรครึ่ง ขอโว้วว อีกที
    โดยทั่วไปเราแยกประเภทของหมีออกเป็น 8 สายพันธุ์ ท่านพี่เป็นสายเดียวกับ พี่หมีสีน้ำตาล หรือ Brown Bear ค่ะ 2 ใน 8 สายพันธุ์จัดว่าเป็นสัตว์ที่มีอันตรายต่อมนุษย์ค่ะ นั่นคือ หมีโพลา และหมีกริสลี่
    ส่วนสายพันธุ์อื่นออกจากขี้อาย มักไม่ชอบที่จะเผชิญหน้ากับมนุษย์ค่ะ
    มาดูริมฝีปากบางๆของท่านพี่กันก่อนดีกว่าค่ะ
    [​IMG]
    แฮ่ ...
    [​IMG]
    ดูเล็บพี่ท่านสิคะ ลูบหน้าเราเบาๆ ก็คงจะเหวอะหวะ
    [​IMG]
    สูงท่วมหัวนะคะ อย่าคิดว่าตัวเล็กน่ารัก
    พี่หมีกริสลี่จะมีกล้ามเนื้อที่แข็งแรงมากตรงบริเวณระหว่างรอยต่อของแขนสองข้างค่ะ เป็นก้อนปูดๆขึ้นมา หรือเราเรียกว่า Hump หรือหนอกนั่นเองค่ะ นี่คือข้อแตกต่างของหมีกริสลี่กับหมีชนิดอื่น กล้ามเนื้อตรงนี้ทำให้พี่กริสลี่มีพลังในการขุด ตะปบ ปีนป่าย และวิ่ง ความเร็วในการวิ่งเร็วถึง 50 กิโลเมตรต่อชั่วโมงเลยนะ ข้อแตกต่างอีกอย่างก็คือ หน้ายาว เล็บยาว ความยาวของเล็บพี่กริสลี่ก็เท่าๆกับความยาวของนิ้วมนุษย์ค่ะ
    พี่กริสลี่มีถิ่นที่อยู่ในแถบทวีปอเมริกาเหนือค่ะ กินทั้งเนื้อและพืชผลไม้เป็นอาหาร แต่ส่วนใหญ่แล้วจะจับปลาแซลมอน ปลาเทราท์ และปลาแบสกินเป็นอาหาร ซึ่งฝีมือในการจับปลาของพี่แกนั้น ฉมังนัก แต่ก็ไม่ได้จะกินปลาอย่างเดียวนะคะ สัตว์อื่นๆพี่แกก็กินได้เหมือนกัน เช่นตัวมูส แกะ กวาง หมีดำ แม้กระทั่งมนุษย์ โอ้ว..
    ความใหญ่โตของร่างกายขึ้นอยู่กับความสมบูรณ์ของแหล่งอาหารด้วย ดังนั้นหมีกริสลี่ที่อยู่ในแถบประเทศแคนาดาและอลาสก้าจะตัวใหญ่กว่าในอเมริกา เนื่องจากอาหารการกินที่ดีกว่านั่นเอง
    โดยปกติพี่กริสลี่เป็นสัตว์ที่สันโดษ ยกเว้นในฤดูผสมพันธุ์ ช่วงเวลาที่มีลูกอ่อน หรือบริเวณที่อาหารขาดแคลน
    [​IMG]
    [​IMG]
    [​IMG]
    หมีกริสลี่ตัวผู้จะใหญ่กว่าตัวเมียได้ถึง 1.8 เท่า ขนาดร่างกายที่ใหญ่โตของหมีกริสลี่ตัวผู้จะสร้างโอกาสหาแฟนให้แก่ตนเองได้ดี คือยิ่งตัวใหญ่ สาวยิ่งหลง
    ส่วนสาวเจ้าก็เหมือนกันนะคะ ขนาดของร่างกายจะดึงดูดให้ชายหนุ่มมาหลงเลิฟ เพราะบ่งบอกถึงความสมบูรณ์ในการสืบเผ่าพันธุ์
    หมีกริสลี่จะต้องการอาหารมากในช่วงฤดูร้อน และใบไม้ร่วงเพื่อเตรียมตัวจำศีลในฤดูหนาว โดยขุดโพรงด้วยเล็บอันแหลมคมที่เราเห็นกันนี่แหล่ะค่ะ
    ว่ากันว่า หากแม่หมีกริสลี่ออกลูกช่วงนี้ จะต้องรีบขุนลูกน้อยจากน้ำหนักราว ครึ่งกิโลกรัมไปแตะที่ 10 กิโลกรัมให้ได้ก่อนจะถึงฤดูจำศีล
    แม่หมีกริสลี่ให้ลูกครอกละ 1 - 3 ตัวค่ะ
    มาดูรูปกัน มาดูรูปกัน
    [​IMG]
    [​IMG]
    [​IMG]
    [​IMG]
    [​IMG]
    ยังค่ะ ยัง ยังไม่จบง่ายๆ เอนทรี่นี้
    อย่างที่บอกไว้แล้วว่า หมีกริสลี่เป็นสัตว์ใหญ่ที่ถือว่าดุร้ายและอันตรายมากสำหรับคน เมื่อวานค้นข้อมูลไปมา ไปเจอสิ่งนี้เข้าค่ะ ภาพยนตร์สารคดีเรื่อง Grizzly Man
    [​IMG]

    สารคดีเรื่องนี้เป็นการถ่ายทำเรื่องราวของชายหนุ่มคนนึง กับหมีกริสลี่ที่เค้าหลงรัก ผู้ชายคนนี้ชื่อว่า Timothy Treadwell
    ทิมเคยอกหักจากการพลาดบทหนังเรื่องหนึ่ง เขาเริ่มเสพยา และติดมันอย่างหนัก จนครั้งหนึ่งต้องเข้ารับการรักษาเนื่องจากเสพเฮโรอีน และโคเคนเกินขนาด หลังจากออกจากโรงพยาบาลแล้ว ทิมได้ไปท่องเที่ยวยังดินแดนอลาสก้า และหลงรักสิ่งมีชีวิตที่นั่นอย่างเต็มหัวใจ ใช่แล้ว หมีกริสลี่นั่นเอง
    หลังจากนั้นทิมใช้เวลาทุกๆหน้าร้อนเป็นระยะเวลาถึง 13 ปี ไปอยู่กับหมีกริสลี่ที่เขตอนุรักษ์ในอลาสก้า
    ทิมบอกกับใครๆว่า หมีกริสลี่พวกนี้ ไว้ใจเค้า และให้การยอมรับเค้าแล้ว สังเกตได้จากการที่มันยอมให้ทิมเข้าใกล้ บางครั้งถึงกับยอมให้สัมผัสตัวเลยด้วย
    การเข้าใกล้หมีกริสลี่ของทิม สร้างความลำบากใจให้แก่เจ้าหน้าที่ดูแลเป็นอย่างมาก เนื่องจากเกรงว่าคนอื่นจะเลียนแบบและอาจเกิดอันตราย แต่ทิมก็ยังไปใช้ชีวิตที่นั่นอยู่ทุกๆหน้าร้อน
    ป่ะ ไปดูรูปกัน ว่าใกล้ขนาดไหน
    [​IMG]
    นี่คือรูปค่ะ
    [​IMG]
    เข้าใกล้แบบนี้

    [​IMG]
    หันหลังให้อีกต่างหาก

    [​IMG]
    พี่กริสลี่ไม่ว่าง เล่นกับหมาจิ้งจอกไปพลางๆ
    [​IMG]
    3 ต่อ 1
    [​IMG]
    โว้วว ใกล้มากๆ
    และในวันที่ 5 เดือนตุลาคม 2003 ทิมกับแฟนของเค้าไปเที่ยวที่นี่เหมือนเคย และกางเต้นท์ใกล้ๆกับธารน้ำที่หมีกริซลี่ใช้เป็นแหล่งอาหาร
    ทิมไม่ใช้รั้วไฟฟ้าป้องกันหมีกริสลี่ต่อไปแล้ว ไม่มีเสปรย์สำหรับป้องกันตัวด้วย
    ช่วงนั้นเป็นช่วงที่หมีกริสลี่จะต้องกินอาหารเพื่อตุนสำหรับหน้าหนาว และในปีนั้น อาหารขาดแคลนมากค่ะ
    หน้าร้อนปีนั้นเป็นหน้าร้อนครั้งที่ 13 พอดี และทั้งสองคนถูกหมีกริสลี่กินทั้งเป็น !!!!!
    [​IMG]
    นี่คือรูปของเค้าทั้งสองค่ะ : (
    [​IMG]
    ส่วนหมีกริสลี่ที่กินสองคนนี่เข้าไป ก็โดนยิงตายเรียบร้อยโรงเรียนจีนค่ะ
    ช่างโชคดี แถวนี้ไม่มีกริสลี่ มีแต่นักการเมืองเลว พอสู้ได้เนอะ พวกเราเนอะ : )


    เพิ่มเติม รู้ไว้ใช่ว่า ใส่บ่าแบกหาม
    เมื่อเจอพี่หมีกริสลี่
    - เมื่อเจอหมีกริสลี่ ให้พยายามอยู่นิ่งๆ แล้วค่อยๆมูนว๊อคถอยหลังออกมา ห้ามวิ่งเด็ดขาด เพราะกว่าจะสปริ้นตัวออกจากที่หมายท่านพี่ก็ตะปบหัวเหวอะไปแล้ว
    - หากพี่หมีอยู่ไม่อยู่นิ่งและคิดว่าอันตรายมาถึงตัวแน่ ให้รีบนอนคว่ำ ในเว็บบอกว่าให้เอาเป้หลังที่แบกอยู่กันระหว่างเรากับพี่หมีเอาไว้ ดังนั้นให้แบกเป้ไปด้วยทุกครั้ง และพยายามอย่าเงยหน้าสู้ ให้ก้มหน้าก้มตาไว้ เก็บไม้เก็บมือด้วย ยอมให้พี่หมีตะกุยเป้ไปเถอะ ถือว่าสังเวยเป้ แต่ข้าพเจ้าคาดว่าจะเหลือแต่เป้วิ่นๆนะจ๊ะ
    - ยืนยันว่าการวิ่งหนีท่านพี่กริสลี่ไม่ช่วยอะไรค่ะ
    เมื่อเจอนักการเมือง
    - หากเจอนักการเมือง ให้มองหน้าแล้วค่อยๆมูนว๊อคถอยห่างออกมา
    - ให้ฟังหูไว้หู เอาเป้อุดหูไว้ก็ได้ กรุณาแบกเป้เหมือนกรณีข้างบน
    - ยืนยันว่าการวิ่งหนีเรื่องการเมืองไม่ช่วยอะไรเช่นเดียวกันค่ะ ฮี่ ฮี่

    <HR>
    ด้านล่างนี้คือคลิปหมีกริสลี่สู้กันค่ะ ตะปบกันไปมา น่ากลัว
    <EMBED src=""http://www.youtube.com/v/UxYWnNoiZ-M&rel=1 width=425 height=355 type=application/x-shockwave-flash wmode="transparent">
    </EMBED />
    [​IMG]
    โฮกกกก.... ภาพทั้งหมดจากอินเตอร์เน็ต
    </TD></TR></TBODY></TABLE>
     
  19. ลัก...ยิ้ม

    ลัก...ยิ้ม เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    19 เมษายน 2005
    โพสต์:
    3,409
    ค่าพลัง:
    +15,762
    <TABLE cellPadding=10 width="90%" align=center border=0><TBODY><TR><TD vAlign=top width=170>[​IMG]
    </TD><TD vAlign=top>
    Update/นายกฯ ระบุ ไม่เชื่อโหราศาสตร์ หลังมีข่าวเลือกตั้งเสร็จจะมีความวุ่นวาย-ขัดแย้งมากขึ้น ชี้ เชื่อหลักศาสนามากกว่าว่า'ทำดี ได้ดี' นายกฯ ระบุไม่เชื่อคำทำนายโหราศาสตร์ ลั่นเชื่อแนวคิดพุทธศาสนามากกว่า ชี้พรรคการเมืองที่ได้คะแนนเสียงข้างมากควรจัดตั้งรัฐบาล แต่แย้มรัฐธรรมนูญปี 50 ให้พรรคได้อันดับสองจัดตั้งรัฐบาลได้เช่นกัน เชื่อหากพลังประชาชนเป็นรัฐบาลจะไม่สร้างปัญหา ส่วนเวปไซต์ hitaksin กกต.จะควบคุมหากส่งผลต่อการเลือกตั้ง พลเอกสุรยุทธ์ จุลานนท์ นายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย เปิดเผยถึงกรณีที่โหรออกมาทำนายว่าภายหลังการเลือกตั้งวันที่ 23 ธันวาคมนี้จะเกิดปัญหาความขัดแย้งและความวุ่นวายทางการเมืองขึ้นอีกครั้ง ว่าไม่เชื่อในหลักโหราศาสตร์ดังกล่าว แต่เชื่อในหลักแง่คิดทางพุทธศาสนาที่อดีตมักเป็นบทเรียนในปัจจุบัน และการทำความดีมักจะได้ผลดี ส่วนการเลือกตั้งจะมีผลออกมาเช่นใด เชื่อว่าทุกฝ่ายควรยอมรับ เพราะเป็นการตัดสินใจของประชาชน ซึ่งรัฐบาลมีหน้าที่ในการช่วยเหลือกกต.ให้จัดการเลือกตั้งได้อย่างโปร่งใสยุติธรรมเท่านั้น 'ผมไม่ได้มีความเชื่อในเรื่องโหราศาสตร์มากนัก แต่ผมเชื่อในหลักพุทธศาสนามากกว่า พระพุทธเจ้าเคยตรัสไว้ หากเราคิดว่าวันไหนเป็นวันดี มีความพร้อมวันนั้นก็เป็นวันดี ไม่จำเป็นที่จะต้องไปดูฤกษ์ยาม กฤษ์ผานาทีให้มากมาย อีกทั้งคำสอนของพุทธองค์ที่ว่า เมื่อวานมักเป็นบทเรียนให้วันนี้ก็เป็นเรื่องจริงของการทำความดีได้ดี ทำชั่วได้ชั่วก็เป็นสิ่งที่ถูกต้อง' นายกฯ กล่าว ทั้งนี้พรรคการเมืองที่ได้รับการเลือกตั้งด้วยเสียงข้างมากควรได้รับการจัดตั้งรัฐบาลซึ่งถือเป็นการปฏิบัติทั่วไป และเป็นหลักปฏิบัติของประเทศไทย แต่ทั้งนี้มีบางกรณีที่พรรคการเมืองที่ไม่ได้รับเสียงข้างมากเป็นผู้มีโอกาสได้จัดตั้งรัฐบาล ซึ่งรัฐธรรมนูญฉบับปี 2550 ได้กำหนดแนวทางและวิธีการปฏิบัติไว้ ทั้งนี้ส่วนตนเห็นว่าเรื่องดังกล่าวเป็นเรื่องที่พรรคการเมืองจะต้องดำเนินการเพราะรัฐบาลปัจจุบันมีหน้าที่เพียงมอบหมายงานให้กับรัฐบาลใหม่เท่านั้น อย่างไรก็ตาม เชื่อว่าการที่จะตั้งรัฐบาลใหม่จะไม่เกิดปัญหา หากนักการเมืองยึดพระราชดำรัสของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวเรื่องของความสามัคคี 'ผมว่าเรื่องนี้ไม่มีปัญหา ใครจะจัดตั้งพรรคการเมืองรัฐธรรมนูญฉบับปัจจุบันกำหนดไว้ ผมในฐานะที่ต้องส่งต่องานให้กับรัฐบาลใหม่เชื่อว่าเรื่องนี้ไม่น่ามีปัญหา ทุกฝ่ายยึดพระราชดำรัสของพระเจ้าอยู่หัวเรื่องของความสามัคคี ความปรองดอง และคิดถึงบ้านเมืองมากกว่าตนเองในการจัดตั้งรัฐบาล' นายกฯ กล่าว ทั้งนี้ นายกฯ ระบุว่า ขณะนี้กำลังพิจารณาพรรคการเมืองในใจซึ่งคงไม่สามารถตอบได้เพราะเชื่อว่ายังมีเวลาในการพิจารณา ส่วนผู้แทนที่เป็นคนดีในใจนั้น นายกฯระบุว่ายากหากจะให้จำกัดความเพราะเรื่องของการเป็นคนดีอยู่ที่การพิจารณาของแต่ละบุคคลว่าแบบใดจึงเรียกว่าเป็นคนดี อย่างไรก็ตามคณะกรรมการการเลือกตั้งหรือ กกต. มีส่วนในการชี้แจงและติดตามการความเคลื่อนไหวของอดีตนายกฯ ผ่านเวบไซต์ 'Hitaksin' และเรื่องดังกล่าวมีหน่วยงานที่มีความรับผิดชอบโดยตรงดูแลอยู่ ทั้งนี้มั่นใจว่าประชาชนมีวิจารณาญาณในการพิจารณารับข้อมูล โดยหากเวบไซต์ดังกล่าวมีการดำเนินการที่อาจส่อไปในทางที่ส่งผลกระทบต่อการเลือกตั้งหรือการหาเสียงของพรรคการเมืองกกต.จะต้องเป็นผู้ดำเนินการ ทั้งนี้นายกฯ กล่าวปฏิเสธ ว่า ไม่มีความเห็นด้วยกับกรณีที่ระบุว่าพรรคการเมืองที่เคยสร้างปัญหาให้ประเทศไม่ควรได้รับเสียงเลือกตั้งจากประชาชนเพราะประชาชนจะเป็นผู้พิจารณาเองว่าควรเลือกใครหรือพรรคใด แต่ต้องการให้ประชาชนพิจารณานโยบายที่เป็นสิ่งสำคัญก่อนจะเลือกให้คะแนนเสียงใคร นอกจากนี้นายกฯหวังว่าหลักเลือกตั้งในวันที่ 23 ธันวาคมนี้ ประเทศชาติจะกลับไปอยู่ในความสงบ ประชาชนมีความสามัคคีและประเทศจะมีความมั่นคงทางการเมือง โดยเชื่อว่าการเปลี่ยนผู้นำบ่อยมีส่วนสำคัญและผลกระทบต่อความเชื่อมั่นของนานาประเทศและความมั่นคง</PRE></TD></TR></TBODY></TABLE></P>
     
  20. ลัก...ยิ้ม

    ลัก...ยิ้ม เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    19 เมษายน 2005
    โพสต์:
    3,409
    ค่าพลัง:
    +15,762
    ร่วมรักษาสถาปัตยกรรมและศิลปะไทยกันเถอะ****

    วันจันทร์ ที่ 17 ธันวาคม 2550
    งานศิลปกรรมภาพแบก : กับอีก ๔ ประเภทที่เหลืออยู่ครับ

    Posted by สอนสุพรรณ , ผู้อ่าน : 46 , 05:16:01 น. | หมวดหมู่ : ศิลปวัฒนธรรม
    [​IMG] พิมพ์หน้านี้

    <TABLE class=blog_center_data><TBODY><TR><TD>
    ต่อจากคราวที่แล้วครับ @ http://www.oknation.net/blog/phaen/2007/12/15/entry-1

    ๒. ประเภทแบกโดยการขี่คอ เป็นการแบกโดยนำสิ่งที่จะแบกมาวางบนบ่าบริเวณต้นคอด้านท้ายทอย และให้น้ำหนักวางอยู่กลาง สิ่งที่แบกส่วนใหญ่จะเป็นคนมักจะนั่งคร่อมคอ โดยใช้ขาพาดคร่อมคอออกมาทางด้านหน้าทั้ง ๒ ข้าง ในลักษณะการขี่คอ ซึ่งจะพบได้ในกรณีที่มีการแบกนาคไปอุปสมบทเป็นพระสงฆ์ หรือกรณีแบกลูกแก้วไปบรรพชาเป็นสามเณร หรือนำลูกเด็กเล็กขี่คอก็ได้ เป็นต้น

    [​IMG]
    ๑.



    ภาพที่ ๑ ภาพแบกขี่คอ ที่บานประตูพระอุโบสถวัดท่าหลวง
    อ.เมือง จ.พิจิตร (ภาพสลักไม้ปิดทองประดับกระจก)

    [​IMG]
    ๒.

    ภาพที่ ๒ ภาพแบกขี่คอ พระอินทร์ขี่คอช้างเอราวัณ
    ที่วัดโบสถ์เมือง อ.เมือง จ.จันทบุรี (หินสลักทับหลัง)


    [​IMG]
    ๓.

    ภาพที่ ๓ ภาพแบกขี่คอ เป็นภาพปั้นจำลองจากภาพสลักหิน
    ที่ด่านเกวียน จ.นครราชสีมา (จำลองด้วยดินเผา)



    ๓. ประเภทแบกโดยการยืนบนบ่า การแบกโดยใช้บ่าเป็นที่ยืน หรือให้แรงกดจากเท้าวางอยู่บนบ่านั้น ส่วนใหญ่จะเป็นการยืนของเทพ เช่น พระนารายณ์ยืนอยู่บนบ่าของครุฑก็เรียกว่า นารายณ์ทรงครุฑ หรือครุฑแบกนารายณ์นั่นเอง นอกจากนี้ยังจะพบว่านารายณ์ทรงสัตว์ เช่น หนุมาน หรืออย่างอื่นอีกก็ได้ที่มีลักษณะการยืนบนบ่า ซึ่งถือว่าเป็นการแบกจึงจัดเป็นภาพแบกประเภทหนึ่ง
    [​IMG]
    ๔.

    ภาพที่ ๔ ภาพแบกยืนบนแขน หน้าบันวิหารหลวง (ซ้าย : สลักไม้) และ
    ที่ซุ้มประตูทางเข้า (ขวา :
    ปูนปั้น) วัดพระมหาธาตุวรมหาวิหาร อ.เมือง จ.นครศรีธรรมราช
    [​IMG]
    ๕.

    ภาพที่ ๕ ภาพแบกยืนบนไหล่และแขน พระนารายณ์ทรงครุฑ ที่บานประตูพระอุโบสถ
    วัดพระศรีรัตนศาสดาราม ในพระบรมมหาราชวัง กรุงเทพฯ (ภาพลายประดับมุก)

    [​IMG]
    ๖.

    ภาพที่ ๖ ภาพแบกโดยการยืนบนบ่า พระนารายณ์ทรงครุฑ ที่หน้าบันพระที่นั่งศิวโมกข์พิมาน
    วังหน้า พิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ พระนคร กรุงเทพฯ (สลักไม้)


    [​IMG]
    ๗.

    ภาพที่ ๗ ภาพแบก พระนารายณ์ทรงครุฑ ที่หน้าบันพระอุโบสถ
    วัดสุวรรณารามราชวรวิหาร เขตบางกอกน้อย กรุงเทพฯ (สลักไม้)
    [​IMG]
    ๘.
    ภาพที่ ๘ ภาพแบกบานประตูยักษ์แบกเทวดา
    โดยใช้บ่าแบก ศิลปะลาวที่เวียงจันทน์ (สลักไม้)



    ๔. ประเภทแบกโดยใช้มือยกแตะ การแบกอีกชนิดหนึ่งที่เรียกกันว่าภาพแบก แต่เมื่อมองดูแล้วคล้ายกับการยกสิ่งของชูขึ้นเหนือหัว แต่การเรียกก็ยังเรียกกันว่าภาพแบก เช่น ยักษ์แบก มารแบก เป็นต้น โบราณาจารย์เคยอธิบายเกี่ยวกับยักษ์แบก มารแบกว่า


    เนื่องจากยักษ์เป็นผู้มีฤทธิ์ การยกแบกของยักษ์มารนั้นเพียงแค่ใช้มือยกแตะ ๆ ของก็จะทำให้สิ่งของเหล่านั้นเกิดลอยขึ้นได้แล้ว ไม่จำเป็นต้องออกแรงเหมือนพวกอื่น ๆ ลักษณะของยักษ์ มารที่ยกมือสองมือแตะสิ่งของเหนือศีรษะนี้ เราเรียกว่าภาพแบกเช่นกัน



    [​IMG]
    ๙.
    ภาพที่ ๙ ภาพสิงห์แบก ที่ฐานเสมารอบพระอุโบสถ
    วัดสระบัว อ.เมือง จ.เพชรบุรี (ปูนปั้น)

    [​IMG]
    ๑๐.​
    ภาพที่ ๑๐ ภาพสิงห์แบก ที่ฐานเสมาวัดสนามพราหมณ์ อ.เมือง จ.เพชรบุรี (ปูนปั้น)

    [​IMG]
    ๑๑.

    ภาพที่ ๑๑ ภาพแบกโดยใช้มือยกแตะ (ยักษ์แบก) ที่บริเวณฐานเจดีย์ทองหน้าปราสาทพระเทพบิดร
    วัดพระศรีรัตนศาสดาราม ในพระบรมมหาราชวัง กรุงเทพฯ (ปูนปั้นประดับกระจก)

    [​IMG]
    ๑๒.
    ภาพที่ ๑๒ ภาพยักษ์แบก ที่วัดมหาธาตุวรวิหาร อ.เมือง จ.เพชรบุรี (ปูนปั้น)

    [​IMG]
    ๑๓.​
    ภาพที่ ๑๓ ภาพสิงห์แบก จากทับหลัง ศิลปวัตถุที่พิพิธภัณฑสถานแห่งชาติพิมาย
    อ.พิมาย จ.นครราชสีมา (สลักหิน)

    [​IMG]
    ๑๔.

    ภาพที่ ๑๔ ภาพแบก ที่บานประตูพระอุโบสถ
    วัดมัชฌิมมาวาส อ.เมือง จ.สงขลา (สลักไม้)
    [​IMG]
    ๑๕.

    [​IMG]
    ๑๖.
    ภาพที่ ๑๕-๑๖ ภาพแบกใช้มือยกแตะ (จีนแบก) ที่ฐานเจดีย์ทรงจีน
    บริเวณวัดพระเชตุพนวิมลมังคลาราม เขตพระนคร กรุงเทพฯ (สลักหินฝีมือช่างจีน)


    ๕. ประเภทแบกโดยยืนบนหลังหรือขี่หลัง การแบกบางชนิดไม่ได้ใช้บ่าแบกแต่เป็นการใช้หลังแบก ดังนั้นภาพแบกชนิดนี้จึงเป็นการแบกโดยหลัง เช่น ภาพแบกที่โขนเรือนารายณ์ทรงสุบรรณ จะเห็นได้ว่าพระนารายณ์ยืนอยู่บนหลังครุฑหรือบริเวณเอว การแบกกระสอบข้าวหรือกระสอบทราย บางแห่งเอากระกระสอบพาดหลังเอวแล้วพาไป เรียกว่า การแบกเหมือนกัน แต่การแบกชนิดนี้มักจะแบกด้วยหลังและเอวให้รับน้ำหนักส่วนกำลังสำคัญเป็นช่วงขา

    [​IMG]
    ๑๗.
    ภาพที่ ๑๗ ภาพช้างแบกดอกบัวเป็นฐานพระพุทธรูป
    จากวัดลี อ.เมือง จ.พะเยา (สลักหิน)

    [​IMG]
    ๑๘.​
    ภาพที่ ๑๘ ภาพแบกช้างแบกสลุง (ขันน้ำขนาดใหญ่) จากพิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ เชียงใหม่
    อ.เมือง จ.เชียงใหม่ สลุงทำด้วยโลหะ ช้างและฐานแบกทำด้วยไม้สลักลวดลาย

    [​IMG]
    ๑๙.​
    ภาพที่ ๑๙ ช้างแบก ที่ฐานเจดีย์ วัดช้างรอบ อ.เมือง จ.กำแพงเพชร (ปูนปั้น)

    [​IMG]
    ๒๐.

    ภาพที่ ๒๐ สิงห์แบกธรรมาสน์ทรงปราสาท
    ที่วัดศรีนวลแสงสว่างอารมณ์ จ.อุบลราชธานี (ปูนปั้น)


    [​IMG]
    ๒๑.​
    ภาพที่ ๒๑ ภาพแบก โดยใช้หลังแบก ที่วัดพายัพ อ.เมือง จ.นครราชสีมา (สลักหิน)

    [​IMG]
    ๒๒.



    ภาพที่ ๒๒ ภาพแบกประเภทขี่หลังหรือบรรทุกบนหลัง เป็นศิลปะล้านนา (หล่อโลหะ)


    สรุปส่งท้ายโดยคุณนพวัฒน์ สมพื้น ผู้เชี่ยวชาญเฉพาะด้านช่างศิลปกรรม (นายช่างศิลปกรรม ระดับ ๑๐) กรมศิลปากร ได้ให้ข้อคิดบางประการไว้ว่า

    งานศิลปกรรมเป็นเสมือนงานนิทรรศการถาวร เพื่อให้เกิดการเรียนรู้และบันเทิงแก่ผู้พบเห็นโดยทั่วไป และแสดงออกถึงแนวคิด ประสบการณ์ แรงบันดาลใจ และเหตุหรือเรื่องราวที่เกิดขึ้น รวมทั้งการแสดงออกถึงอารมณ์ จินตนาการของนายช่างหรือศิลปิน

    เพื่อสร้างผลงานให้เป็นสื่อถึงบุคคลอื่นที่อยู่ในยุคสมัยเดียวกัน หรือต่างยุคสมัยให้เกิดความรู้ ความเข้าใจ ในเรื่องราวหรือในเหตุการณ์ที่นายช่างศิลป์ หรือศิลปินมีเจตนาบันทึกไว้

    การบันทึกเรื่องราวโดยทั่วไป มักจะมีเหตุการณ์เกี่ยวกับคนเข้ามาเกี่ยวข้อง และคนที่อยู่ในเรื่องมักจะแสดงท่าทางต่าง ๆ ออกมาเพื่อให้รู้ว่ากำลังทำอะไร อย่างไร

    ซึ่งมีปรากฏอยู่ในงานศิลปกรรมงานช่างอย่างหลากหลาย เช่น ภาพเขียน ภาพลายรดน้ำ ภาพปูนปั้น ภาพแกะ และภาพสลัก รวมถึงภาพอื่น ๆ ซึ่งงานศิลปกรรมเหล่านี้ส่วนใหญ่ มักจะแฝงไว้ด้วยความคิดลึก ๆ ในทางปรัชญาหรืออาจต้องตีความบนภาพนั้นด้วย

    ด้วยเหตุนี้จึงอาจกล่าวได้ว่าผลงานช่างศิลปกรรมนั้น นอกจากจะมีคุณค่าทางความงามและมีเสน่ห์แก่ผู้พบเห็นโดยทั่วไปแล้ว ยังจะทำให้เกิดความรัก ความหลงใหล ความอยากได้ จนต้องทำการโจรกรรมในระดับข้ามชาติกันขึ้นอย่างมากมายอีกด้วย ทำให้สมบัติวัฒนธรรมของเราตกไปเป็นสมบัติของชาติอื่น

    ดังนั้นจึงจำเป็นจะต้องป้องกัน โดยขอฝากคนไทยทั้งมวลว่า โปรดช่วยกันเฝ้าระวังดูแลงานศิลปกรรมดังกล่าว รวมทั้งศิลปกรรมอื่น ๆ ซึ่งปรากฏอยู่ตามวัดวาอารามและที่สาธารณะทั่ว ๆ ไป ในหลายแห่งที่แฝงไว้ด้วยคุณค่าและจิตวิญญาณความประณีต ความสวยงามทั้งหลายที่เป็นสมบัติส่วนรวมของคนไทยในขณะนี้

    มิให้กลายเป็นสมบัติส่วนตัวของคนบางคน หรือสมบัติของชาวต่างชาติอีกต่อไป และวิธีดังกล่าวนี้จะเป็นวิธีเดียวที่จะช่วยรักษาศิลปะอันล้ำค่าเหล่านี้ไว้ได้ และจะทำให้มรดกทางภูมิปัญญาด้านศิลปวัฒนธรรมของไทย ยังอยู่คู่ประเทศไทยตลอดไป



    ****************************

    ข้อมูลอ้างอิง : ศิลปากร, กรม. งานศิลปกรรมภาพแบก. กรุงเทพฯ : บริษัท เอ.พี. กราฟิค ดีไซด์และการพิมพ์ จำกัด, ๒๕๔๓.
    </TD></TR></TBODY></TABLE>
     

แชร์หน้านี้

Loading...