ว่าด้วยเรื่องความรัก

ในห้อง 'อภิญญา - สมาธิ' ตั้งกระทู้โดย oatthidet, 9 กันยายน 2011.

  1. paetrix

    paetrix เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    24 เมษายน 2011
    โพสต์:
    2,478
    ค่าพลัง:
    +1,878
    ฮ่า ฮ่า ฮ่า ฮ่า อันนี้ขำมาก มาก ครับ ช่วยแม่ขายของ และ เลี้ยงหลานเพื่อ นิพพาน....ยังไงก็ทำต่อไปนะครับในเมื่อ.......ตั้งใจไว้แน่นอนแล้ว.......อย่าไปย้อนคิดอารมณ์สภาพธรรมที่ผ่านไปแล้วให้มากเลยมันเป็นอดูดไปแล้ว ขณะนี้...เดินทีละก้าว กินข้าวทีละคำ ทำทีละอย่าง(รู้):cool:
     
  2. แจ๊กซ์69

    แจ๊กซ์69 ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต

    วันที่สมัครสมาชิก:
    7 ธันวาคม 2010
    โพสต์:
    3,142
    ค่าพลัง:
    +1,960
    แต่ อรหันจี้กง นี่สิพิศวงน่าดู:cool: สำเร็จได้ด้วยใจ
     
  3. blackangel

    blackangel เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 กรกฎาคม 2006
    โพสต์:
    1,750
    ค่าพลัง:
    +1,919
    ชอบข้อความนี้จังเลยครับ :cool::cool::cool:
     
  4. oatthidet

    oatthidet เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 กุมภาพันธ์ 2010
    โพสต์:
    3,498
    ค่าพลัง:
    +1,876
    ผมขอโทษนะครับที่ทำให้รู้สึกไม่ดี ผมเพียงบอกกล่าวถึงเหตุผลเท่านั้นครับ

    ด้วยกลัวว่าจะเข้าใจผิด แล้วยึดติด ต้องขอโทษจริงๆครับ
     
  5. oatthidet

    oatthidet เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 กุมภาพันธ์ 2010
    โพสต์:
    3,498
    ค่าพลัง:
    +1,876
    อนุโมทนาครับ ขอให้สำเร็จสมประสงค์ ดั่งที่หวังตั้งใจ นิพพานเป็นที่สุด
     
  6. ชินนา

    ชินนา เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    19 มีนาคม 2010
    โพสต์:
    192
    ค่าพลัง:
    +248
    ช่วยแม่ขายของ และ เลี้ยงหลานเพื่อ นิพพาน

    คุณ เพตทริกซ์ ขำประโยคนี้หรือ? น่าขำตรงไหนเนี่ย???
     
  7. oatthidet

    oatthidet เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 กุมภาพันธ์ 2010
    โพสต์:
    3,498
    ค่าพลัง:
    +1,876
    บุคคลที่ไม่รู้จักการใช้ชีวิต มักจะหัวเราะผู้อื่น แต่ตนเองไม่เคยได้สัมผัสในการกระทำ

    เขาได้ประจานตนเอง ต่อสาธารณะชน เป็นผู้ที่น่าสงสาร ที่หลงผิดได้กระทำลงไป

    ควรที่จะศึกษาชีวิต ให้มากกว่าที่เป็นอยู่ เพื่อธรรมที่ก้าวหน้า

    ผมเพียงฝากไว้ให้คิดครับ
     
  8. paetrix

    paetrix เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    24 เมษายน 2011
    โพสต์:
    2,478
    ค่าพลัง:
    +1,878
    ..............ขำก็คือขำ มันไม่ได้มีอะไรมากหรอกครับ ผมเคยคุยกับเขานะ เขาเข้าใจดี ส่วน จขกท ไปกันใหญ่?.................................
     
  9. paetrix

    paetrix เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    24 เมษายน 2011
    โพสต์:
    2,478
    ค่าพลัง:
    +1,878
    ..................คุณไม่เพ่งโทษ ผม มากไปเหรอครับ คุณ แค่ผมขำ.............................
     
  10. paetrix

    paetrix เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    24 เมษายน 2011
    โพสต์:
    2,478
    ค่าพลัง:
    +1,878
    ..............................ช่างสร้างตัวตนที่ไม่ดี ให้คนอื่น จังนะครับ...........................ผมขอโทษคุณก็ได้ ถ้า คุณเจ็บช้ำน้ำใจมาก ขนาดนั้น.........................................
     
  11. เชอะกราว

    เชอะกราว สมาชิกใหม่

    วันที่สมัครสมาชิก:
    7 กันยายน 2011
    โพสต์:
    15
    ค่าพลัง:
    +0
    มีความรักก็มีทุกข์ เมื่อมีแล้วก็ทุกข์เพราะต้องรักษาเพราะกลัวเสียของรัก
    ไม่มีความรักก็มีทุกข์ เพราะการแสวงหาทุกเพราะหยากได้ขันธ์5ของคนอื่น
     
  12. เชอะกราว

    เชอะกราว สมาชิกใหม่

    วันที่สมัครสมาชิก:
    7 กันยายน 2011
    โพสต์:
    15
    ค่าพลัง:
    +0
    มีความรักก็ทุกข์ อันหนึ่งทุกข์เพราะรักษา
    ไม่มีความรักก็ทุก็ อันหนึ่งทุกข์เพราะแสวงหา
     
  13. ชินนา

    ชินนา เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    19 มีนาคม 2010
    โพสต์:
    192
    ค่าพลัง:
    +248
    แล้วไป นึกว่าขำประโยคนั้นแบบตลกๆ เข้าใจกันกับคุณเทนบอลใช่ไหม

    ผมก็ไม่มีอะไรนอกไปจากเห็นอะไรที่มันแปลกๆ ผมก็ทักท้วงตามประสาผู้สนใจในธรรมแค่นั้นแหละครับ
     
  14. Bull_psi

    Bull_psi เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    30 ธันวาคม 2008
    โพสต์:
    889
    ค่าพลัง:
    +1,445
    หลงเข้าไปในอารมณ์รัก แปลว่ากำลังสติไม่พอครับนั่งสมาธิ พิจารณากาย เกสา โลมา นขา ทันตา ตโจให้มาก เป็นทางไป

    พิจารณาแล้วไปลองรักใครดูตามธรรมชาติ รักนี่ของหนักหรือ เบา รักด้วยเหตุใด เพราะอะไร สาเหตุเปลี่ยนไปจะยังรักไหม เคยสวยกลับไม่สวย เคยรวยก็กลับหมด เคยดี มีความเข้าใจ แล้ววันนึงมันไม่ใช่ จะยังรักไหม จะยังต้องการไหม ความรักนี่มันเที่ยงอยู่ไหม

    เห็นจริงด้วยตนเองเรียนรู้สัจจธรรมอย่างมีสติครับ
     
  15. นราสภา

    นราสภา เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    12 ธันวาคม 2010
    โพสต์:
    1,961
    ค่าพลัง:
    +356
    ทําไมจึงคิดเช่นนั้น

    ทําไมถึงคิดเช่นนั้นค่ะ

    ใช้อะไรมากําหนดว่าต้อง สิบชาติ ยี่สิบชาติ เอาระยะเวลามากําหนด นิพาน

    ใช้ตัวรู้ ตัวใหน ในการ พิมออกมาว่า กี่ชาติ กี่ชาติ

    สงสัยนะค่ะ จึงเรียนถามด้วยความเคารพ ค่ะ
     
  16. nipp

    nipp สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    7 ธันวาคม 2008
    โพสต์:
    95
    ค่าพลัง:
    +20
    ผมสมมุติเอาครับ แต่เนื้อแท้จริงๆของบทสรุปเกี่ยวกับว่า (การจะไปนิพพานนั้น/ควรจะแต่งงานหรือไม่แต่งงานดี)
    จะแต่งหรือไม่แต่งนั้น ก็ไปนิพพานได้เท่ากัน มันมีปัจจัยหลายๆอย่าง
    1.เช่นการงานนั้นเอื่อต่อการปฎิบัติธรรม มีวันหยุดให้ปลีกวิเวกได้
    2.สามีภรรยา ก็มีส่วน
    3.ทำธุรกิจส่วนตัว เวลาเราจะปลีกวิเวกนั้น เรามีคนที่แทนเราได้ไหม
    4.เราอยู่กันเฉพราะสามี-ภรรยาในบ้านเดียวกันไหม เป็นครอบครัวใหญ่หรือเปล่า คนยิ่งเยอะก็ยิ่งมากเรื่อง
    5.นิสัยเราอีก ชอบคุยโทรศัพท์ไหม ถ้าชอบคุยก็เพื่อนเยอะ เพื่อนเยอะก็ปลีกวิเวกยาก
    ***
    มีคำกล่าวว่า มีครอบครัว ทำงานใช้ชีวิตทางโลกก็ไปนิพพานได้ แล้วเอาอะไรมาวัดว่าคนที่อยู่นอกวัดจะไปช้ากว่าคนที่อยู่ในวัด คำกลาวนี้สำหรับนัก แต่งหนังสือ นักคิด นักปรัชญาตะวันตก นักปราชญ์ราชบัญฑิต หาใช่นักปฎิบัติไม่

    **นักปฎิบติจริงๆนั้น แค่เขาเขียนข้อความมาเนี่ย หรือพูดมาแค่ครึ่งหน้ากระดาษ หรือแต่งหนังสือมา เราอ่านแค่คำนำ หรือเปิด หนังสืออ่านบทความบางตอนในหนังสือที่เขาเขียนมา เรารู้ได้เลยว่าเป็นนักปฎิบัติ เป็นนักลอกคนอื่นมาแล้วเอามาเขียนเป็นหนังสือตัวเองแล้วเอามาขาย ที่ร้านซีเอด ร้านนายอิน เราจะรู้ ลองอ่านหนังสือพวกนี้ดู 100 เล่มจะมี ซัก 1-2เล่ม ที่เป้นนักปฎิบัติ

    **มันยังมีอะไรอีกมากๆๆที่ผมยังไม่รู้อีก ผมยังแค่อนุบาลอยู่เลย ท่านในที่นี้ ที่ผมคุยด้วย มีเก่งๆเยอะครับ เป็นนักปฎิบัติ**

    แต่บทสรุปของผมคือ ถ้าต้องการไปนิพพานจริงๆ อย่าเหยียบเรือ 2 แคมครับแต่สำหรับคนที่แต่งงานก่อนปฎิบัติเขารู้วิธีเดินดี

    ***แต่คุณเชื่อไหม คนที่สามารถแก้ปัญหาทางธรรมได้ดีที่สุดไม่ใช่พระที่บวชมาตั้งแต่เป็นเณรนะคุณแล้วสำเร็จอรหันต์ เพราะคนส่วนใหญ่ที่มาปรึกษาปัญหาทุกข์ใจก็ปุถุชนคนทำงาน คนมีครอบครัว คนที่มีปัญหาทางโลก
    เรื่องปัญญาในการวิเคราะห์เรื่องราว กับใจที่สำเร็จอรหันต์นั้นต่างกัน แต่พระอรหันต์ ที่มีครอบครัวมาแล้ว ทำงานทำธุรกิจ ลุยๆๆมาแล้ว ขึ้นเหนือ-ลงใต้ มาแล้ว เขาจะรู้ปัญหาได้ดีทั้งทางโลก และทางธรรม

    เจริญในธรรม



     
  17. รู้รู้ไป

    รู้รู้ไป เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 พฤศจิกายน 2009
    โพสต์:
    951
    ค่าพลัง:
    +3,165
    ต้นเหตุของความรัก คือความรักในตน ของตน เป็นต้นเหตุ
     
  18. oatthidet

    oatthidet เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 กุมภาพันธ์ 2010
    โพสต์:
    3,498
    ค่าพลัง:
    +1,876
    นี่เป็นเหตุให้นำเรื่องความรักมากล่าว เพราะความรักนั้นเป็นความเคยชินชนิดหนึ่ง

    เป็นสิ่งที่สร้างความอาลัยอาวรณ์ ต่อจิตใจเป็นอย่างยิ่ง และ เป็นสิ่งที่ตัดได้ยากจริงๆ

    เมื่อมีความอาลัยอาวรณ์ จักหลุดพ้นได้อย่างไร เพราะความอาลัยอาวรณ์นี้นำมนุษย์มาเกิด

    และเมื่อเป็นเช่นนี้ การที่จะมีครอบครัว มีพันธะ เราจักหลุดพ้นได้อย่างไร

    ด้วยเหตุนี้ หลวงปู่แหนวจึงกล่าวว่า กามเป็นสิ่งที่ข้ามได้ยาก หากแค่กามยังข้ามไม่ได้

    แล้วอวิชชาจักข้ามได้อย่างไร การที่จะตัดสังโยชน์ ย่อมไม่เกิดความบริบูรณ์

    เมื่อไม่บริบูรณ์ ก็ไม่หลุดพ้น และ ความโลภ ความโกรธ ความหลง นั้นเกิดมาจากความรักใช่หรือไม่

    หากเราไม่มีความรัก ความใคร่ ความอาลัยอาวรณ์ จะมีมาก หรือ น้อยเพียงใด
     
  19. paetrix

    paetrix เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    24 เมษายน 2011
    โพสต์:
    2,478
    ค่าพลัง:
    +1,878
    .............สิ่งที่ต้องเรียนรู้คือ ทุกสิ่งไม่เที่ยง เป็นทุกข์ มีเกิด ก็ต้อง มีดับ มีหิวก็ต้องมีอิ่ม จนกว่า จิตจะปล่อยวางได้.......จนกว่าจิตจะเห็นความเป็นเช่นนั้นเอง...มรรควิธีก็แล้วแต่จริตคน
     
  20. nipp

    nipp สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    7 ธันวาคม 2008
    โพสต์:
    95
    ค่าพลัง:
    +20
    สมัยแรกๆที่ปฎิบัติ 1-3 ปีนั้น สายธรรมมะเปิดโลก แสดงกายกรรม หรือ แสดงอารมณ์ที่บันทึกเอาไว้ในดวงจิต เวลาทำสมาธิเมื่อจิตเป็นสมาธิ จะแสดงกายกรรมออกมาประจานคนที่มองมาที่เรา นั่งในศาลา จุคนได้ประมาณ 1000 กว่าคน วันธรรมดาก็เกิน 500 คน ที่มาปฎิบัติธรรม บางคน นุ่งผ้าถุงมา ตีลังกาเอาเท้ายกลอยขึ้นผ้าถุงคุมหน้า โชร์กางเกงลิงลายสวยๆต่อหน้าสาธารณะชน บางคนตะโกนด่าทอหยาบๆคายๆทั้งๆที่หน้าตาก็สวย ผิวขาว เป็นคนกรุงเทพ ก่อนแสดงก็เรียบร้อยๆๆ แต่พอเป็นสมาธิแล้วเป็นอีกเรื่องนึง บางคน ก็อวก บางคนก็นอนแหกแข้งขาเพื่อประจานว่าตัวเองเคยทำแท้งมา

    แต่ข้าพเจ้านั้น ประจานตัวเองแค่อย่างเดียวเพราะสมาธิยังอ่อน แต่พอเข้าพรรษาที่ 6-7กับการปฎิบัติ นั่งในชั่วโมงครึ่ง สามารถประจานตัวเองได้หลายเรื่อง กว่า 50 เรื่องได้ เพราะสติค่อนข้างเร็วแล้ว บางอารมณ์ สมัยเด็กเคยเล่นกับเพื่อนเรื่องแปลงร่างไอ้มดแดง ยังแสดงกินข้าวกับตะเกียบอย่างมูมมามเวลาหิวยังแสดง ทำท่าจุ๊ๆปากก็ยังแสดง หัวเราะจนตัวงอ ท่าดูดบุหรี่ กินเหล้า ท่าบีบคอตัวเอง ท่าเกาหัวเพราะเป็นรังแคร์ ท่าแปรงฟัน แม้แต่ท่าชัก...ว่า..ยังแสดง ท่าหมา***ยังแสดง ท่าใช้ลิ้น** ........เออเนอะมันประจานความชัวได้ยอดเยี่ยมจริงๆ ธรรมมะเปิดโลกนี้ เราไม่ต้องไปพิจารณามันเลย เห็นของจริงที่อยู่ต่อหน้าต่อตา มันเป้นวิปัสสนาที่เราสัมผัสกับมันได้ โดยไม่ต้องไปนั่งคิดพิจารณา แต่เราเอาสิ่งที่จิตมันบันทึก เป็นสัญญาความจำให้มันแสดงออกมาเป็นวิปัสสนาที่สามารถจับต้องได้ ด้วยฟอกลมหายใจ

    บทสรุปของเรื่องเล่านี้คือ แม้แต่สิ่งที่เราลืมมันไปแล้วสมัยเด็กๆ ที่เราเล่นแปลงร่างพวกยอดมนุษย์ มันยังแสดงออกมาให้เห็น แสดงว่าทุกๆวันที่เราใช้ชีวิตนั้น จิตมันบันทึกตลอดเวลา และจากการสังเกตุการแสดงกายกรรมนั้น อารมณ์อันไหนแรงกว่า

    ยกตัวอย่างเช่น อารมณ์ที่มากระทบและจิตบันทึกเข้าไปนั้น มี 10 เรื่อง เรื่องไหนแรงกว่าเวลาฟอกกรรมหรือนังสมาธิ เรื่องนั้นจะแสดงออกมาก่อน

    จึงเป็นบทสรุปอีกอย่างได้ว่า เรื่องของความรักนั้น มันเป็นอารมณ์ที่แรง ถ้าเรามีเรานั่งสมาธิ สมาธิก็ขุดเอาอารมณ์รักนั้นออก พอเราไปรักอีก ก็เติมเชื่อเข้าไปอีก นั่งอีกเอาออกอีก มีรักอีกเติมอีก แล้วเมื่อไหร่จะหมด หมดน่ะหมดแน่แต่มันช้ากว่าคนไม่มี

    เจริญในธรรม
     

แชร์หน้านี้

Loading...