วิสัยของพระอริยบุคคล กับ ปุถุชน จะต่างกันมากหรือน้อย อย่างไร?

ในห้อง 'อภิญญา - สมาธิ' ตั้งกระทู้โดย นิพพิชฌน์55, 18 เมษายน 2016.

  1. นิพพิชฌน์55

    นิพพิชฌน์55 Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 เมษายน 2016
    โพสต์:
    185
    ค่าพลัง:
    +31
    คำถามนี้ก็เพื่อถามให้ท่านทั้งหลายมาพิจารณาร่วมกันกับกรณีที่จะยกตัวอย่างนี้นะครับ หรือ ถ้าใครมีอะไรเพิ่มเติมก็เสริมเข้ามาได้ แต่ขอให้กระชับนิดนึง จะได้อ่านเข้าใจง่าย ๆ

    ตัวอย่าง

    กรณีที่ผู้บรรลุเป็นพระอรหันต์ เช่น พระพาหิยะ พระยสะ พระนางเขมา เป็นต้น ที่บรรลุเป็นพระอรหันต์ซึ่งใช้เวลาเพียง 1 วัน ... เชื่อแน่ว่าอ่านไม่ถึง 20 หน้าแน่ ๆ

    จะมีความรู้ในข้อธรรมมากมายเท่ากับ ปุถุชน ที่ศึกษารอบรู้ทางด้านปริยัติมาเป็น 5 ปี 10 ปี หรือ 20 ปีหรือไม่? คือ ไม่ได้บรรลุอะไร แต่ว่ามีความรู้ ความจำเป็นเลิศ อะไรประมาณนี้

    ท่านเห็นว่าอย่างไรครับ จะต่างกันมากมั้ย โดยเฉพาะความรู้ ความแตกฉานในข้อธรรมนะ (อย่าไปโยงใส่กิเลสหล่ะเพราะชื่อก็บ่งบอกไว้อยู่ว่ากิเลสต่าง)... ขอบคุณล่วงหน้าครับ (^ ^) ...

    --->สนทนาเพื่อให้ได้ความรู้มิใช่มาอวดความรู้กัน<---
     
  2. Saber

    Saber เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 มิถุนายน 2010
    โพสต์:
    5,942
    กระทู้เรื่องเด่น:
    19
    ค่าพลัง:
    +11,819
  3. นิพพิชฌน์55

    นิพพิชฌน์55 Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 เมษายน 2016
    โพสต์:
    185
    ค่าพลัง:
    +31
    กรุณาตอบให้ตรงประเด็นด้วยครับ ... เพราะคำถามชัดเจน
     
  4. วรณ์นิ

    วรณ์นิ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    18 เมษายน 2016
    โพสต์:
    6,083
    ค่าพลัง:
    +3,024
    คนที่บรรลุ เขาก็รู้เหมือนๆคนทั่วไปนั่นแหล่ะ...แตกต่างตรงที่เดียวเท่านั้น คือผู้ที่บรรลุแล้ว..เขาจะเข้าใจเหตุของการเกิด ...ของทุกสิ่ง คือรู้ความจริงที่มา ของสิ่งต่างๆ จะไม่เถียงกันเรื่อง ที่ผัสสะ อายตนะรับรู้ ของโลกวัฏะ ก็คือ หมดเรื่องจะไปเถียงกะใคร ไม่สงสัยอะไร เลย
     
  5. นิวรณ์

    นิวรณ์ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 กันยายน 2008
    โพสต์:
    9,053
    ค่าพลัง:
    +3,465
    ไม่เกี่ยวกับเรื่อง สู่รู้ครบทุกเรื่อง จิฮับ

    พูดแบบไม่ฮู้ แบบชาวโลกเขาพูดกัน ก็ สามารถพูดได้

    ทั้งนี้เพราะ การละจาก ผัสสะ นามรูป จะอาศัยการกำหนดรู้
    สิ่งเดียว คือ เวทนา ตาม ใบลาน จังซี่




    ปล.ลิง : รอจนก่า จะ ห้าโมงเย็ล หรือไม่ก็ ......ประแจกษ์ แถลง
    ก็จะเกิดภาวะ จางคลาย เบื่อหน่าย คลายกำหนัด รู้ว่าพ้น รู้ว่ารู้ว่าพ้นแล้ว
     
  6. นิพพิชฌน์55

    นิพพิชฌน์55 Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 เมษายน 2016
    โพสต์:
    185
    ค่าพลัง:
    +31
    ถูกต้อง ท่านไม่เถียงเพราะท่านรู้อยู่แล้วว่าอันไหนถูกอันไหนผิด ... แต่ถ้าท่านที่รู้จริงแล้วมาบอกให้รู้ ถ้าผู้ใดไม่เอาด้วยก็แสดงว่าจมอยู่กับของผิดนั่นเอง ผู้พอมีสติปัญญาก็คงจะจับเอาตัวถูกนั้นได้บ้าง (ถ้าสนใจจริงและไม่มืดบอดเกินไป)

    ท่านผู้บรรลุท่านไม่มีทางเถียงเอาถูก เอาผิดหรอก
    แต่ประเด็นคือเท่าที่เห็นนี้ส่วนมาก มีแต่ปุถุชนอันหนาแน่นด้วยกิเลสเอาความรู้ เอาพระธรรมที่ไม่บังเกิดกับตนมาอวดกันแทบทั้งนั้นเลย ... ไม่รู้ว่าจะเข้าใครบ้างนะหวังว่าคงไม่ว่าให้กัน เพราะสนทนาเพื่อเป็นประโยชน์ มิใช่มาเถียงเอาชนะกัน
     
  7. Xtrem

    Xtrem เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    19 กุมภาพันธ์ 2016
    โพสต์:
    383
    ค่าพลัง:
    +275
    ปุถุชนที่ศึกษารอบรู้ในด้านปริยัติ จะศึกษามานานเท่าใด รอบรู้มากเท่าใด ก็เทียบกับความรู้ของพระอริยเจ้าที่บรรลุธรรมแล้วไม่ได้ การสนทนาธรรม ก็ คือ เอาความรู้มาอวดกันนั้นและ ถ้าไม่อวดกันก็ไม่รู้ นิ่งเป็นใบ้ใครจะรู้ เมื่อเจ้าของกระทู้ใคร่อยากรู้ จึงตั้งประเด็นมาถามเอาความรู้ ก็ต้องมีคนมาอวดรู้
    ในความรู้ของตน ส่วนใครจะรู้จริง ไม่จริง ก็ว่ากันไป ถกกันไป อย่าไปดูถูกดูแคลนกัน ผู้ศึกษาปริยัติเมื่อได้บรรลุธรรมแล้ว ก็ครบเครื่องทั้งปริยัติ ปฎิบัติ ปฎิเวธ เป็นกำลังของพุทธศาสนาในการเผยแพร่ธรรมยืนยาวต่อไป.
     
  8. บุญทรงพระเครื่อง

    บุญทรงพระเครื่อง ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนพิเศษ

    วันที่สมัครสมาชิก:
    20 กุมภาพันธ์ 2009
    โพสต์:
    17,441
    กระทู้เรื่องเด่น:
    2
    ค่าพลัง:
    +27,814
    สวัสดีครับ ท่านเจ้าของกระทู้ และพี่น้อง ทุกๆท่าน ปรกติ ผมไม่ค่อยเข้ามาอยู่แล้วครับ ขอพูดหน่อยนะครับ ผมอ่านข้อความข้างต้นแล้วครับ เรื่องภูมิจิต ภูมิธรรม ไม่ต้องไปเอา วิสัย ของ พระอรหันต์ มาพูดหรอกครับ เอาแค่ ปุถุชน คนชั้นดี ผมเองไม่ขอพูด บัวเหล่าที่ ๔ เอาแค่ บัว ๓ เหล่าพอครับ ผมขอแสดง ความคิดเห็นแบบนี้ ด้วยประสบการ ของจริงมา และ สนธนา กับผู้ปฏิบัติ จริง ทั้ง ผู้หญิง ผู้ชาย นักบวช หลายประเภท


    เอาแค่ คน ชั้นดี บัว ๓ เหล่า ที่ไม่ได้ ปฏิบัติ ธรรม ภูมิจิต ภูมิ ธรรม มันก็ต่างกันแล้วครับ ต่างกัน ราวฟ้ากับดิน ในด้านจิตใจ อารมย์ ถ้าผู้ ทรง อารมย์ ปฏิบัติ ธรรม ยัง ไม่ได้ มรรคผล มันก็ต่างกันครับ ถึงให้มี ฤทธิ์ แบบ พระเทวทัต ก็อาจ ตกนรกได้ แต่ถ้าได้ ดวงตาเห็น ธรรม พระนางวิสาขา มหาอุบาสิกา ซึ่ง เป็นพระโสดาบัน อายุ ๗ ขวบ แต่งงาน อายุ ๑๖ ขวบ คนที่บรรลุธรรม เป็นอริยเบื้องต้น ถูกปิด อบายภูมิทั้ง ๔ นี่ก็เห็นได้ชัดแล้วครับ แม้ในปัจจุบัน ครูบาอาจารย์ ทั้งหลาย ท่านกล่าวว่า ผู้ทรงฌาณ โลกีย ยังเป็นเด็กอยู่ แต่ถ้า เป็นพระโสดาบัน ได้บรรลุธรรม เบื้องต้น ยังมีลูก ผัว เมียอยู่ ท่านเป็นผู้ใหญ่แล้ว แต่ท่านเข้าถึง ความเป็นผู้ใหญ่แล้ว ย่อม เป็นผู้ ฉลาด ปัญญาเลิศ ผู้มีฤทธิ์ หรือ ผู้ทรงฌาน ยังฉลาด ไม่เท่าท่าน แค่นี้ ก็เห็นได้ ชัดๆ ผมไม่ต้องพูดถึง พระอรหันต์ มันยังสูงเกินไปมากนัก จึงพูดแค่ ผู้ทรงฌาณ กับ พระโสดาบัน เท่านั้นครับ ที่พูดมาเยอะ นี้ เพื่อ อธิบายให้เข้าใจ ผมว่า ท่านเจ้าของกระทู้ ตั้ง มาถาม เพื่อ ลองภูมิ ปัญญาของคนมากกว่า และเข้าใจได้ดี กว่าใคร
     
  9. นิพพิชฌน์55

    นิพพิชฌน์55 Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 เมษายน 2016
    โพสต์:
    185
    ค่าพลัง:
    +31
    อย่าว่าถามมาเพื่อลองภมิกันสิครับ ไม่ได้ลองอะไรกันเลย อย่าลืมว่า "คำถามบางคำถามอาจจะเป็นประโยชน์อย่างมากก็เป็นได้" ... บางคำถามก็อย่าเข้าใจว่าเป็นการลองภูมิ เป็นการสนทนาธรรมทั้งในสิ่งที่ผู้นั้นรู้หรือไม่รู้ ... แต่สิ่งที่ได้ตามมาคือ ผู้เข้ามาอ่าน มาสนใจเขาจะได้เห็นในทรรศนะและมุมมองของผู้ที่พิมพ์ไว้ ... ส่วนเขาจะชอบอันไหนก็ให้ขึ้นอยู่กับวิจารณญาณของผู้นั้น
     
  10. บุญทรงพระเครื่อง

    บุญทรงพระเครื่อง ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนพิเศษ

    วันที่สมัครสมาชิก:
    20 กุมภาพันธ์ 2009
    โพสต์:
    17,441
    กระทู้เรื่องเด่น:
    2
    ค่าพลัง:
    +27,814
    ({)




    :cool:({) ครับผมเข้าใจ ผมก็ตอบไปแล้ว ตามนั้นเลย แลกเปลี่ยน ความรู้กันได้ ใครทำใครได้ เคารพ สิทธิซึ่งกันแลกัน เท่านั้น ก็ ใจดีแล้วครับ ถึงจะไม่ได้ อะไร อย่างน้อย ก็ได้ ความรู้ ที่เรายังไม่รู้ สิ่งใด คุณ รู้แต่ผมไม่รู้ นั้นมีอยู่ แต่สิ่ง สิ่งที่ผมรู้ คุณไม่รู้ ก็ยังมีอยู่ครับ ตราบใด ยังเป็นผู้สึกษาอยู่ คำพูดแบบนี้ เอาไปใช้ได้ กับทุกๆคนได้เลยครับ ทุกชนชั้น วรรณะ นอกจากพระอริยเจ้าเท่านั้น กับผู้ที่เป็นพระโพธิสัตว์ ที่มีบารมีสูงๆ ไม่กล้า ไปต่อกร กับท่านหรอกครับ อย่าไปเทียบกับท่านเด็ดขาด ปัญญา มันต่างกัน :cool:
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 18 เมษายน 2016
  11. วรณ์นิ

    วรณ์นิ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    18 เมษายน 2016
    โพสต์:
    6,083
    ค่าพลัง:
    +3,024
    ผมว่าพระอรหันต์ พระอริยะเจ้าสมัยพุทธกาล เมื่อบรรลุอรหันต์แล้ว คงขับรถเกียร์กระปุกไม่ได้เลยหรอกนะครับ ถ้าไม่หัดขับ

    เป็นพระอรหันต์ ก็ไช่ว่าจะเก่งไปซะทุกอย่าง...ไม่อนุญาติให้ทำอาหารฉันเอง ต้องออกบิณฑบาตรกันทุกองค์ เลย....ไม้เด็ดของพุทธองค์
     
  12. ศีลทำ

    ศีลทำ สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 เมษายน 2016
    โพสต์:
    11
    ค่าพลัง:
    +6
    ธรรมที่จำกับธรรมที่จิต มันต่างกันใหมละ? ธรรมที่รู้กีบธรรมที่ผุดขึ้นมาเมื่อผัสสะ เหมือนกันใหมละ? ธรรมที่คิด คาดคะเน ด้นเดา กับธรรมที่เป็นความจริงที่ผลมันแสดงตัวอยู่ตามเหตุปัจจ้ยเหมือนกันใหมละ? ธรรมที่สามารถสาวลึกลงไปไม่สิ้นสุดจนวนรอบตามกาลปฏิจสมุทบาทกับธรรมที่วกวนงงๆและอธิบายไม่ได้มันตันด้วยตรรกะ หรือทำๆไปเถอะเดียวรู้เองเหมือนกันไหมละ? ฯลฯ คนที่พ้นจากถังอุจจาระขึ้นมาแล้วอาบน้ำปะแป้งแต่งตัวสนทนาวิธีขึ้นและบรรยากาศที่ตนเห็น กับคนที่ยังอยู่ในถังอุจจาระกล่าววิธีขึ้นและบรรยายถึงสภาพของข้างบนที่พ้นถังแล้ว มันเหมือนกันใหมละ?
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 18 เมษายน 2016
  13. วรณ์นิ

    วรณ์นิ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    18 เมษายน 2016
    โพสต์:
    6,083
    ค่าพลัง:
    +3,024
    อืม...ชื่อดีนะ ศีลทำ....เพื่อนทำ...พญาทำ...

    ขอแค่อย่าทำได้แค่....ทำศีล ทำเพื่อน ทำพญา....ก็จะดี
     
  14. นิพพิชฌน์55

    นิพพิชฌน์55 Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 เมษายน 2016
    โพสต์:
    185
    ค่าพลัง:
    +31
    ชอบตรงนี้อยู่นะ ... ถึงว่าไง ผมจึงนำมาลองเปรียบเทียบกับท่านผู้ปฏิบัติแล้วบรรลุในเวลาอันสั้นนั่นเองครับ เพื่อจะมาพิจารณาตรงนี้ เช่น หากเกิดกรณีพระอรหันต์ตัวจริงบรรลุธรรมรวดเร็วภายในเวลา 7 วัน จะถามตอบข้อธรรมสู้เปรียญ 9 ประโยคที่เรียนมาแล้วกว่า 7 ปี แต่ไม่บรรลุอะไร ได้หรือไม่นั่นเองครับ
     
  15. นิพพิชฌน์55

    นิพพิชฌน์55 Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 เมษายน 2016
    โพสต์:
    185
    ค่าพลัง:
    +31
    ท่านอย่าลืมสิว่า "ในสมัยพุทธกาล เขาก็ไม่รู้กันเลยว่าใครเป็นใคร" สมัยนี้ก็ไม่แน่อาจจะเป็นเช่นนั้นก็ได้

    ดูในหลาย ๆ กรณีสิ
    อุปกชีวก พบพระพุทธเจ้า พระพุทธเจ้าก็บอกด้วยว่าเป็นสัพพัญญู ก็ไม่เชื่อ ก็ไม่รู้ แถมแลบลิ้นปลิ้นตาใส่อีก
    ปัญจวัคคีย์ แรก ๆ ก็ไม่เชื่อ แต่ท่านเป็นผู้มีบารมีมากจึงได้สติเร็ว
    พระยสะ ไปพบพระพุทธเจ้าก็ไม่ได้รู้ว่าเป็นพระพุทธเจ้า
    พระสารีบุตร ไปเห็นพระอัสสชิก็ไม่รู้ว่าพระอัสสชิเป็นพระอรหันต์
    พระมหากัสสปะ แสดงธรรมให้ภิกษุณีฟัง ก็ยังไม่รู้ แถมยังจ้วงจาบท่านอีกต่างหาก

    ... ไม่แน่ปัจจุบันนี้อาจจะมีพระอรหันต์ปลอมมากมายก็เป็นได้ แต่พอมีพระอริยบุคคลตัวจริงอาจจะไม่รู้ ไม่สนใจไปเลยก็เป็นได้ ... อันนี้ยกตัวอย่างพอเป็นข้อคติเฉย ๆ นะครับ ยังไม่ได้ว่าใครเป็นอะไร (- -)
     
  16. หมูไม้ละ5

    หมูไม้ละ5 # shawty, set me free

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 มีนาคม 2016
    โพสต์:
    1,659
    ค่าพลัง:
    +1,626
    อย่างท่านพาหิยะ ฟังธรรมเสร็จ บรรลุธรรมต่อหน้าพระพุทธเจ้านั้น เพราะมีความตั้งมั่นของจิตพร้อมแล้ว คือจ่อๆอยุ่ อาศัยความตั้งมั่นนี้ ฟังธรรมที่พาเข้าไปเหนขันธ์ห้า เปนอนัตตาเข้าจังๆ จิตก็คืนตัณหา บอกสลัดคืนอุปาทาน พอขาดแล้วก็ไม่หยิบฉวยขันธ์5ขึ้นมาเปนตัวตนอีก ก็จบภพชาติ ไม่ต่อภพชาติอีก หยุดวงจรทุกข ส่วนวิสัยของปุถุชน ก็พยายามศึกษาธรรมะให้ได้มากที่สุด แต่พอถึงปลายแล้วก็จะรุ้เองว่า ธรรมะที่จะพาหลุดพ้นมีเพียงนิดเดียว แค่อาศัยความตั้งมั่นของจิต เข้าไปเหนความจริง ไม่มีแก่นสาร จนจิตเบื่อหน่ายคลายความมั่นหมายแล้วสลัดคืนความยึดมั่นในขันธ์ห้านี้ มีแค่นั้นครับ
     
  17. patdorn

    patdorn เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 กุมภาพันธ์ 2012
    โพสต์:
    138
    ค่าพลัง:
    +227
    ความแตกต่างที่ไม่เข้าใจท่านนะครับ อริยะบุคคล
     
  18. กล่องไม้ขีดไฟ

    กล่องไม้ขีดไฟ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    6 พฤศจิกายน 2015
    โพสต์:
    2,859
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +1,815
    มรรคญาณเกิดขึ้นแค่แวบเดียวก็หมดหน้าที่ของมัน
    จากนั้นจะเกิดอย่างอื่นตามมา

    ถ้าแบบพระพุทธเจ้าก็มีโพธิญานตามมา
    ถ้าแบบพระสารีบุตรก็มีปัญญาญานตามมา
    ถ้าแบบพระโมคคัลลานะก็มีอิภิญาญานตามมา
    และคนอีกมาก ก็มีปฎิสัมภิสัมทาบ้าง ความรู้ทั่วๆไปบ้าง

    แล้วแต่ต้นทางที่ตัวเองเดินมาตั้งแต่แรก...
     
  19. วรณ์นิ

    วรณ์นิ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    18 เมษายน 2016
    โพสต์:
    6,083
    ค่าพลัง:
    +3,024
    ญาณ เปรียบเสมือน ตัวปัญญา หรือตะวยารักษาโรค ที่มีเอาไว้รักษาเฉพาะโรค
    แต่ถ้ารู้แล้ว ก็ต้องรู้เลย ทีเดียว ไม่ต้องหาย ไม่ต้องเรียนอีก....ก็มันรู้แล้ว เข้าใจแล้ว หมดสงสัยแล้ว...นั่นเพราะ ญาณต่างๆที่รู้มานั้น มันเอามาใช้รักษาให้กับ ตัวเองก่อนไง...ดังนั้นปัญญาญาณจึงมีหลายชื่อ ไปตามโรคที่ตนเองเป็น...

    แต่เมื่อรู้แล้ว ไม่หายไปไหน เพราะมันคือปัญญาที่จะเอาไว้เพื่อช่วยเหลือคนอื่นทต่อไป
     
  20. วรณ์นิ

    วรณ์นิ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    18 เมษายน 2016
    โพสต์:
    6,083
    ค่าพลัง:
    +3,024
    พระธรรมความจริง ถ้าทุกคนเข้าถึงได้ ก็จะมีประโยชน์อันเดียวกัน ก็คือ ชำระอวิชชา รักษาความไม่จริง ที่คนอื่นมี (พาคนออกจากความหลง)

    ผู้บรรลุแล้ว เขาทำเช่นนี้ เท่านั้น แต่จะทำได้เก่ง ได้คล่อง ได้มาก หรือไม่อยากทำ ก็อยู่ที่ เจตนาอธิฐานของเขาเอง มาตั้งแต่เริ่มต้น

    เช่นบางคน อธิฐานแค่ อยากบรรลุอรหันต์ บางคนอยากแค่นิพพาน บางคนอยากรู้เห็นในอภิญญา บางคนอยากช่วยคนอื่น บางคนอยากเป็นเหมือนพระพุทธเจ้า...บางคนอยากพ้นทุกข์อยากไม่เกิดอีก ...ก็ว่ากันไป
     

แชร์หน้านี้

Loading...