วิชชาที่จะทำให้อยู่รอดจากยุคสมัยแห่งภัยพิบัติ

kananun · 17 มกราคม 2012

การสานสายบุญ

โดยคณานันท์ ทวีโภค รักในหลวงเมื่อ 17 มกราคม 2012 เวลา 15:10 น.

การทำบุญสร้างกุศลนั้นเป็นเรื่องทางนามธรรม
เรื่องอันว่าด้วยจิตใจ
อันแตกต่างไปจาก
เรื่องของวัตถุหรือของหยาบ ซึ่งยิ่งใช้ยิ่งหมด

แต่
บุญกุศลนั้น ยิ่งเราให้
เราแผ่เมตตา
เราอุทิศส่วนกุศล
เราแบ่งบุญ
หรือแม้แต่การที่เราแบ่งปันความรู้สึกดีๆให้แก่ผู้คน

จะเป็นโดยการบอก การพูดโดยตรง
การแบ่งปันในโซเซี่ยลเนตเวิร์ค
หรือการกำหนดจิต กำหนดด้วยความคิด
กระทั่งลึกซึ้งกำหนดลงไปในอำนาจแห่งฌานก็ตาม

บุญ กุศล ก็จะ ทวีคูณ งอกเงย ออกไปได้ไม่มีที่สุดไม่มีประมาณ

บุญกุศลไม่ใช่สิ่งที่เราจะ ทำ โดยการแข่งขัน ไม่มีการแข่งบุญ เพราะเมื่อเราคิดเช่นนี้
อกุศลที่จิตคล้อยไปในอารมณ์ริษยา หมั่นไส้ก็จะปรากฏขึ้น

ผู้ฉลาดในบุญในกุศล กลับรู้จากแผ่เมตตาออกไปในทิศทั้งปวงหาที่สุดหาประมาณไม่ได้
ก็เพื่อให้กุศล ผลแห่งบุญ คือความอิ่ม ความผ่องใสของใจ แบ่งปันออกไปยังทุกดวงจิต

และยิ่งเรา น้อมใจในการโมทนาในทุกๆกุศล
ในทุกมหากุศล
ในความดีของทุกๆคน
ทุกดวงจิตด้วยแล้ว

ใจเราก็เจริญอยู่ใน มุทิตาจิตในพรหมวิหารสี่
ใจเราก็ยิ่งมีความผ่องใส อิ่มจิตอิ่มใจยิ่งขึ้นไปอีก

สานทุกสายแห่งบุญกุศล ทุกดวงจิต
ทุกความดี
ทุกกุศล
ทุกสายการปฏิบัติ
มาถักทอสานสายบุญเป็นหนึ่งเดียว

มหากุศลที่ทุกดวงใจ ร่วมกันยินดี อิ่มใจ สุขใจ

ที่เกิดความดีเพิ่มขึ้น มากขึ้น

และขอให้ผ้าทิพย์แห่งกุศลที่ทุกๆคนร่วมกันเรียงร้อยนี้
ห่มหุ้มคุ้มครองให้โลกนี้ปลอดภัยจากภัยพิบัติ
ปลอดภัยจากบาปอกุศลทั้งปวง

บุญคือ ความอิ่มใจ สุขใจ

ทุกความดี ทุกกุศล คือความดีของเราทุกๆคน

ทุกครั้งที่ผมทำงานสร้างกุศลมา

เราตั้งใจกันว่าเป็นความดีของเราทุกๆคน
ให้ทุกคนมีส่วนร่วมเท่ากัน จะทำมากทำน้อย
หรือจะเพียงอนุโมทนาบุญก็ตาม

จะมาก่อนมาหลัง จะใกล้หรือห่าง

ทุกกุศลเป็นของทุกๆคน ทำเอาไว้แก่โลก แด่พระพุทธศาสนา น้อมถวายองค์พระมหากษัตริย์

ขอให้ทุกกุศลความดีของเราทุกๆคน เติบใหญ่ งดงาม เบ่งบานในใจเราทุกชาติภพตลอดไปตราบเข้าพระนิพพาน

kananun · 20 มกราคม 2012

พลิกใจ เปลี่ยน "การแข่งขัน " มาให้เป็นการ "แบ่งปัน"

แข่งขัน ทำให้จิตเราเร่าร้อน เร่งลน เห็นเขาดีกว่าเก่งกว่า อารมณ์ของใจเราก็คล้อยไปในความ"<wbr>ริษยา"ได้ง่ายๆ

สังคมปัจจุบันหล่อหลอมให้เราแข่<wbr>งขัน "ยิ่งแข่งยิ่งแก่งแย่ง" ยิ่งแข่งยิ่งทุกข์ "

พลิกใจเป็น"แบ่งปัน " แบ่งให้เป็นเมตตากัน แบ่งให้เป็นน้ำใจกัน
มีแต่ความสุข ทั้งผู้ให้และผู้รับ

ความรัก ความสุข ความผ่องใสก็เกิดขึ้น ในหัวใจเราก่อน

ยิ่งแบ่งปันกันมาก ดัชนีมวลรวมความสุขของมนุษยชาติ<wbr>ก็สูงขึ้น

มาแบ่งปัน ให้ ด้วย หัวใจที่เบ่งบาน
— ที่เชียงใหม่

kananun · 21 มกราคม 2012

คณานันท์ ทวีโภค รักในหลวง

ผู้ที่ฝึกจิตเบื้องต้น หมั่นระมัดระวังอารมณ์ต่างๆที่ม<wbr>ากระทบใจเรา สติทันปัญญาเห็นก็ทุกข์น้อย สติไม่ทันก็ถูกอารมณ์เหล่านั้นเ<wbr>สียดแทงใจ จากคำพูดของคน กระแสจิตของคน จากข่าวที่สร้างความขุ่นใจ จากแววตาสีหน้าท่าทางของคนอื่น และจากการปรุงฟุ้งไปในความกังวล<wbr>ความเศร้าหมองของเราเอง

ถอยจิตมาหนึ่งก้าว กำหนดกระแสแห่งกุศลคุ้มครองใจขอ<wbr>งเรา อะไรมากระทบให้ล่วงลงสลายไปไม่อ<wbr>าจเข้ามากระทบใจเรา แทงใจเราได้ ดูตั้งแต่หยาบไปหาอารมณ์ที่ละเอ<wbr>ียด

ผู้ที่ก้าวหน้าขึ้นในธรรม ระวังใจตนไม่ให้ไปกระทบจิตผู้อื่<wbr>นในทางลบ ทางอกุศล มีเพียงแต่จิตเป็นกุศล ผ่องใส เมตตา กระแสธรรม แผ่ออกไปสู่ทุกดวงใจแต่ประการเดี<wbr>ยว

kananun · 17 กุมภาพันธ์ 2012

ความผ่องใสเบิกบานนั้น มีระดับของความละเอียดบริสุทธิ์<wbr> ของใจ
เนื่องจากหากใจของเรา

ไม่มีเรื่องขุ่นเคืองหงุดหงิด

ไม่มีอกุศลเรื่องราว ที่เป็นลบ

มาสร้างความขุ่นมัวให้ใจเรา ให้ ไม่สะอาดผ่องใส

ละ เลิก ความห่วง ความกังวลแบบ ลบๆ

วางและพลิกเป็นบวกให้ได้

โดยพลิกความห่วงในเรื่องนั้น ให้เป็นผลสำเร็จที่เราปรารถนา

เช่น ลูกเราต้องเดินทางไปต่างจังหวัด<wbr> การห่วงแบบลบๆ ก็จะพาลคิดห่วงว่าลูกจะเกิดอุบั<wbr>ติ เหตุบ้างป่วยบ้าง

จิตห่วงๆแบบนี้เองล่ะที่ ไปเรียกไปดึงดูด เหตุการณ์ไม่ดีเข้ามา

เอาความห่วงใยเรา ใส่ความรัก ปรารถนาดีเข้าไป

ลูกไปต่างจังหวัดขอให้เขามีความ<wbr>สุข ปลอดภัย เป็นเด็กดี

เมื่อห่วงใยเกิดขึ้นก็จงใส่ความปรารถานาดีลงไป ในทุกๆความคิด ความรู้สึก

แล้วใจเราเองก็จะผ่องใส ผู้ที่เราคิดถึงก็จะได้รับ แต่ความปรารถนาดี เป็นกระแสความรู้สึกดีๆ ออกไปสู่ใจ

ใจที่ผ่องใสแบบนี้เกิดผลทั้งทาง<wbr>โลกคือ ใจเป็นสุข สบาย ดึงดูดสิ่งดีๆเข้ามาสู่ชีวิต

และผลดีทางธรรม คือ อกุศลจิตที่แม้ไร้เจตนาลดลง ความคิดเชิงลบลดลง ละวางลงไปตามลำดับ จิตสะอาดขึ้นตามลำดับ

ทำจิตให้ผ่องใสกันเอาไว้ เริ่มจากใจไร้ซึ่งอกุศล

kananun · 17 กุมภาพันธ์ 2012

[FONT=&quot]การตั้งกำลังใจ ในกุศล[/FONT]
[FONT=&quot]คณานันท์ ทวีโภค[/FONT]
[FONT=&quot] การตั้งกำลังใจในการทำความดี นั้นหากเราตั้งกำลังใจเอาไว้ถูกตั้งกำลังใจเอาไว้ชอบแล้ว[/FONT]
[FONT=&quot] กำลัง ผล และอานิสงค์แห่งการทำดีนั้น จะส่งผลสูง รวดเร็ว กว้างใหญ่ ครอบคลุม และต่อเนื่องสืบไปยังอนาคต[/FONT]
[FONT=&quot] การตั้งกำลังใจ คือ การตั้งอธิษฐานบารมี ควบกับ เมตตาบารมีและปัญญาบารมีไปพร้อมๆกัน[/FONT]
[FONT=&quot] หากเรามีความเข้าใจเรื่องการตั้งกำลังใจมากเพียงใด ผลสัมฤทธิ์แห่งกิจอันเป็นประโยชน์ย่อมสำเร็จได้โดยง่าย แม้สิ่งที่เราทำนั้น อาจใหญ่หรือยากเกินกว่า คนทั่วไปจะทำได้[/FONT]
[FONT=&quot] ดังที่หลวงพ่อพระเดชพระคุณพระราชพรหมยานท่านได้เคยสอนเอาไว้ว่า [/FONT]
[FONT=&quot] “บารมีแปลว่า กำลังใจ”[/FONT]
[FONT=&quot] ดังนั้นผู้ที่มีบารมีสูง ก็ย่อม มีกำลังใจในการทำกิจอันยาก ใช้กำลังใจสูงกว่าคนทั่วไปจะทำให้สำเร็จลงได้ และกำลังใจนั้น ครั้นถึงเวลาวาระแล้วจะรวมบารมีทั้งสามสิบทัศน์เข้าไว้ด้วยกันใน กิจนั้นๆ ทำด้วย จิตอันเมตตา มีความเพียรพยายาม อดทน ทำด้วยจิตมุ่งมั่น ใช้ปัญญาพิจารณาให้สิ่งที่ทำให้เกิดปรากฏผลสัมฤทธิ์สูง[/FONT] [FONT=&quot]อานิสงค์กว้างใหญ่ครอบคลุม ยังประโยชน์กว้างขวางต่อผู้คนหมู่มาก และหมายรวมไปถึงท่านผู้อยู่ในภาพอื่นภูมิอื่น ไปในกิจเดียว[/FONT]
[FONT=&quot] การตั้งกำลังใจจึงมีความสำคัญมาก[/FONT] [FONT=&quot]ผลานิสงค์ ผลอันเกิดขึ้นในปัจจุบัน อานิสงค์ ผลอันเกิดขึ้นในอนาคต จะแผ่ไพศาลกว้างใหญ่ให้ผลมากได้ก็ด้วยการตั้งกำลังใจเอาไว้ได้ถูกต้องนี้เอง[/FONT]

[FONT=&quot] การตั้งกำลังใจนั้น เริ่มต้นด้วยจิตปรากฏ ความเมตตา ขึ้นในจิตปรารถนาในประโยชน์สุขให้เกิดขึ้น ต่อ ส่วนรวมก่อนเป็นที่ตั้ง ยิ่ง จิตเรามีเมตตาอันหาที่สุดหาประมาณไม่ได้เช่นไร กิจแห่งกุศลนั้น ย่อมกว้างขวางขึ้นเพียงนั้น หากจิตเรามีเมตตาเฉพาะตนเอง กิจแห่งกุศลนั้นก็ย่อมมี ขนาดเพียงเท่านั้น[/FONT]
[FONT=&quot] ยิ่งจิตเมตตามาก ผลยิ่งกว้างขวาง ครอบคลุม เกิดผลอานิสงค์มาก[/FONT]
[FONT=&quot] หากสร้างกุศล เพื่อตนเอง ผลก็เพียงตนเอง หากสร้างกุศลด้วยจิตเมตตาปรารถนาให้มวลสรรพสัตว์ทั้งหลาย จะโลกนี้ก็ตาม จะทั่วหมื่นแสนโกฐิจักรวาลก็ตาม จะภพอื่น ภูมิอื่นทั้งสามภพก็ตาม เราก็ตั้งจิตปรารถนาให้ทุกดวงจิตพึงได้ประโยชน์สุขในผลแห่งกุศลนั้นด้วย เมื่อนั้นจาก “[/FONT][FONT=&quot]กุศลก็ยกกำลังขึ้นเป็นมหากุศล”[/FONT]
[FONT=&quot]เช่น การจัดสร้าง จัดถวาย พระพุทธรูปขึ้นสักองค์หนึ่ง หากเราตั้งกำลังใจเพื่ออานิสงค์ของตนเอง ครอบครัวตนเอง อานิสงค์ก็เฉพาะตน เทวดา พรหม สิ่งศักดิ์สิทธิ์อาจไม่ได้ร่วมบุญในอนุโมทนาบุญด้วย ผลอานิสงค์และความศักดิ์สิทธิ์ก็ไม่ปรากฏมากอย่างที่ควรจะเป็น ควรจะได้[/FONT]
[FONT=&quot] แต่หาก เราตั้งกำลังใจใหม่ ตั้งจิตปรารถนาให้การจัดสร้างจัดถวาย พระพุทธรูปนั้น ปรากฏผลให้ผู้คนทั้งหลายมามีส่วนในการร่วมสร้างด้วย ขอให้เทวดา พรหม สิ่งศักดิ์สิทธิ์ทั้งหลาย หมื่นแสนโกฐิจักรวาลทุกภพภูมิทุกมิติ ได้มามีส่วนร่วมให้สำเร็จ มามีส่วนร่วมในการโมทนาบุญด้วย เมื่อนั้น เทวดา พรหม สิ่งศักดิ์สิทธิ์ท่านก็จะเมตตามาสงเคราะห์ให้งานจัดทำ จัดสร้าง สะดวกราบรื่น เหมาะเจาะงดงาม ธรรมมะจัดสรร ผลอานิสงค์ก็เกิดขึ้นสูง พระพุทธรูปเกิดความศักดิ์สิทธิ์ขึ้นจากเทวดานุภาพ ที่เทวดาพรหมท่านเมตตามารักษาองค์พระพุทธปฏิมานั้น[/FONT]
[FONT=&quot] เหตุนี้ครูบาอาจารย์ท่านจึง สอนให้ อัญเชิญเทวดาก่อนในการบวงสรวงในการกุศลทั้งหลายก่อนเสมอ ซึ่งหากเราเข้าใจอธิษฐานจิต ตั้งกำลังใจด้วยจะยิ่งเกิดผลกว่าจะกระทำไปโดยตามๆกันไป[/FONT]

[FONT=&quot] การตั้งจิตตั้งกำลังใจในผลานิสงค์และและอานิสงค์[/FONT]
[FONT=&quot] ผลานิสงค์ มาจาก ผล และ(สิ่งที่)ประสงค์ อันหมายรวมถึง ผลแห่งความปรารถนาที่เกิดขึ้นจากงานการกุศลนั้นๆ ขณะนั้น ในชาตินั้น[/FONT]
[FONT=&quot] อานิสงค์ มาจาก อนาคต และ(สิ่งที่)ประสงค์ อันหมายรวมถึง สิ่งที่ตั้งจิตปรารถนาให้เกิดขึ้นในอนาคตกาลภายภาคเบื้องหน้า[/FONT]
[FONT=&quot] สิ่งที่เราตั้งจิตประสงค์เอาไว้นั้น หากเราตั้งเอาไว้เพื่อส่วนรวมเป็นที่ตั้ง[/FONT]
[FONT=&quot]ให้ทุกกุศล ยังประโยชน์ให้เกิดขึ้น ต่อชาติ ต่อแผ่นดิน [/FONT]
[FONT=&quot]ยังประโยชน์ต่อการสืบสานพระบวรพุทธศาสนาให้เจริญรุ่งเรือง[/FONT]
[FONT=&quot]ยังประโยชน์ต่อความมั่นคงจงรักภักดีในองค์พระมหากษัตริย์[/FONT]
[FONT=&quot] สิ่งที่เรากระทำบำเพ็ญในกุศลก็จะยิ่งเกิดผลมาก ไม่เพียงผลเฉพาะตน[/FONT]

[FONT=&quot]แต่ยิ่งเราตั้งกำลังใจในการยังประโยชน์กว้างใหญ่สักเพียงใดก็ตาม ผล อานิสงค์ที่เราพึงได้รับ กลับจะยิ่งใหญ่ไพศาล สะท้อนย้อนกลับมาส่งผลเป็นมหากุศลเพียงนั้นเช่นกัน[/FONT]
[FONT=&quot] เช่น การสร้างพระพุทธรูปครั้งนี้ เราตั้งจิตเป็นมหากุศลเพื่อประดิษฐานไว้ในแผ่นดินสุวรรณภูมิแห่งนี้ ขอจงบังเกิดมหากุศลยังความสุข ความเจริญสู่แผ่นดิน เกิดความอุดมสมบูรณ์ ศานติสุข รุ่งเรืองสงบร่มเย็น ต่อชาติ ต่อแผ่นดิน[/FONT]
[FONT=&quot] ขอให้องค์พระพุทธปฏิมายังความสุขจิตเจริญใจ ยังศรัทธาเลื่อมใสในพระพุทธศาสนาให้ปรากฏเป็นความสุขความผ่องใส น้อมลงสู่ดวงใจของผู้มากราบไหว้บูชาสักการะ สลายล้างความทุกข์ความเศร้าหมองจากทุกดวงใจ ยังแต่ความเอิบอิ่มปิติผ่องใสสุขใจให้บังเกิดขึ้น เป็นกระแสแห่งกุศลเพื่อโน้มน้าวเข้าสู่พระนิพพานได้โดยง่าย[/FONT] [FONT=&quot]ขอเทวดาพรหมผู้เป็นสัมมาทิฐิได้เมตตามารักษาองค์พระพุทธปฏิมาให้เกิดความศักดิ์สิทธิ์เกิดกระแสแห่งกุศลในจิตอันคิดในการอันเป็นกุศลของผู้มากราบไหว้เป็นอัศจรรย์[/FONT]
[FONT=&quot]และขอให้มหากุศลทั้งหลายเหล่านี้ ได้น้อมถวายบูชาพระคุณแห่งองค์พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวพระผู้ทรงพระคุณอันประเสริฐ ขอพระองค์ทรงพระเกษมสำราญพระราชวรกาย พระราชหฤทัย แผ่พระเมตตาปกเกล้าชาวไทยให้ร่มเย็นเป็นสุขตลอดไปด้วยเทอญ[/FONT]
[FONT=&quot] เมื่อตั้งอานิสงค์เพื่อส่วนรวมเอาไว้เช่นนี้แล้ว ผลแห่งการสร้างพระพุทธรูปย่อมเกิดสูงขึ้นมากขึ้น [/FONT]

[FONT=&quot]ในการกุศลทั้งปวงพึงทำจิตใจให้ผ่องใส[/FONT]
[FONT=&quot]การกุศลทั้งหลายนั้น เป็นการทำความดี เรามาทำความดีร่วมกัน ดังนั้น เราพึงรักษาจิตให้สดชื่นผ่องใสอิ่มบุญเอาไว้ อย่าได้กระทบใจกัน ให้อภัยกัน อย่าได้กล่าวคำหยาบ ด่าว่า ขึ้นเสียง ขึ้นอารมณ์ต่อกันสิ่งใดที่ทำให้เกิดใจขุ่นมัว ไม่ผ่องใส สิ่งนั้นล้วนเป็นอกุศลทั้งสิ้น เพียงแต่ “สติ”เรารู้ทันหรือไม่ “ปัญญา”เห็นโทษในอกุศลหรือไม่เพียงเท่านั้นเอง ดังนั้นขอให้เราทุกคนพึงประคับประคองรักษาอารมณ์ใจ กำลังใจของตัวเราเอง และทุกๆคนให้ผ่องใสเอาไว้ [/FONT]
[FONT=&quot] คนเราเมื่อตั้งใจไปทำดี ไปทำบุญก็ย่อมปรารถนาในความสุข ความอิ่มใจ ความรู้สึกดีๆให้เกิดขึ้น[/FONT]
[FONT=&quot] ดังนั้นอย่าได้ไปทำลายกำลังใจในการทำความดี หรือทำลายความรู้สึกกัน โดยการติ การว่า การตำหนิเพ่งโทษหาเหตุต่อกัน บางคนมีกำลังใจมากน้อยไม่เท่ากัน ทุกคนอยากเป็นคนดีและตั้งใจทำดีกัน เพียงแต่อาจมีความเข้าใจและเป้าหมายไม่เท่ากัน[/FONT]
[FONT=&quot]ทำบุญเอารวย แต่สิ่งที่เขาทำเป็นความดีก็ไม่ผิด[/FONT]
[FONT=&quot]ทำบุญเพื่อให้คนชมคนชอบเป็นหน้าตา ก็ไม่ผิดเพราะทุกคนย่อมปรารถนาให้คนรักคนชมได้รับแล้วอิ่มใจชื่นใจเขา ความดีเขาก็เป็นความดีไม่หายไปไหน[/FONT]
[FONT=&quot]กำลังใจในการทำความดีนั้นผู้สร้างกุศลย่อมปรารถนาใน[/FONT]
[FONT=&quot]มนุษยสมบัติ มีความร่ำรวย ชื่อเสียง เงินทอง เกียรติยศ สุขภาพ อายุที่ยืนยาว หน้าตาผิวพรรณงดงาม ความสุขความเจริญ ซึ่ง พระท่านเองก็ยังให้พรว่า[/FONT]
[FONT=&quot]อายุ วรรณะ สุขัง พลังและบางท่านยังเสริมว่า สตางค์อีกข้อให้ด้วยซ้ำ[/FONT]
[FONT=&quot]เธอจงเป็นผู้มีอายุยืนยาวนาน[/FONT]
[FONT=&quot]เธอจงเป็นผู้มีวรรณะผิวพรรณและจิตอันผ่องใสเป็นสุข[/FONT]
[FONT=&quot]เธอจงเป็นผู้ที่พานพบแต่ความสุข[/FONT]
[FONT=&quot]เธอจงเป็นผู้มีพลัง แห่งพละทั้งห้าประการ มีศรัทธา ปัญญา กายอินทรีย์และกำลังใจอันเข้มแข็งเป็นต้น อันเป็นเครื่องยังประโยชน์สุขและเป็นกำลังในการฟันฝ่าอุปสรรคแห่งชีวิต[/FONT]
[FONT=&quot]ดังนั้นหากใครทำบุญหวังรวย หวังให้คนชอบคนชม เราอย่าไปได้ว่าเขา[/FONT]
[FONT=&quot] สวรรค์สมบัติ อันเป็นอานิสงค์ที่ตั้งจิตเอาไว้ในสัมปรายภพ ซึ่งหากจิตมีเป้าหมายปลายทาง มีที่เกาะที่ไป มีเสบียงแห่งบุญกุศลไว้ในการเวียนว่ายตายเกิด ย่อมดีกว่าไม่มี ไม่ทำ ไม่สร้างเอาไว้ บางท่านตั้งจิตไว้หลายชาติแล้วว่าขอไปเกิดในยุดพระศรีอาริยเมตตรัย เสวยบุญกุศลอายุยืนนาน ราศีกายงดงามผ่องใส บรรลุธรรมฉับพลันในการฟังธรรมเพียงครั้งเดียว เมื่อตั้งจิตมั่นเอาไว้แล้วให้ไปนิพพานชาตินี้ท่านก็ย่อมยังไม่ต้องการ [/FONT]
[FONT=&quot] พระนิพพานสมบัติ อันนี้เป็นกำลังใจสูง ลัด ตัดตรงในมรรคผลซึ่งกว่าจะตั้งจิตตั้งกำลังใจตรงจุดนี้ได้ย่อมใช้เวลาสะสมบ่มบารมีมาไม่น้อย[/FONT]
[FONT=&quot] “ทุกกุศลทุกความดีนั้น ขอเพื่อให้ข้าพเจ้าเข้าถึงซึ่งพระนิพพานในชาติปัจจุบันนี้ด้วยเทอญ”[/FONT]
[FONT=&quot]ดังนั้นการทำความดี กำลังใจในกุศลแต่ละบุคคลย่อมไม่เสมอกัน [/FONT]
[FONT=&quot]แต่ การสร้างกุศลทำความดีที่เราทุกคนตั้งใจ ก็จงขอให้มีแต่สิ่งดีๆ เรื่องราวดีๆ ความรู้สึกดีๆ เพียงสถานเดียว ทุกอย่างดีไปหมด[/FONT]
[FONT=&quot] แต่ที่น่าห่วงใยที่สุด กลับเป็น การไปสร้างกุศลแล้ว ไปติ ไปด่า ไปว่าร้ายกันว่าทำอย่างนี้ผิด อย่างนั้นไม่ถูก คนนี้ทำบุญเอาหน้า เพราะที่กล่าวมานั้น เป็นการทำลายน้ำใจกัน ทำลายกำลังใจในการทำความดีของผู้อื่น อย่าลืมว่า “มาร แปลว่า ผู้ทำลาย ขัดขวางความดี”[/FONT] [FONT=&quot]จิตที่ติเตียนคือจิตที่มีตำหนิ ขัดเคืองใจเป็นจิตขุ่นมัว จิตริษยาคือจิตอันอัปลักษณ์[/FONT]
[FONT=&quot]และหากเราพบเห็นผู้ใดแสดงอาการดังกล่าว เราก็พึงเมตตาสงสารเขา อย่าได้ไปใส่ใจหรือรับอารมณ์กระทบจากเขา หรือเศร้าหมองไปด้วย รักษาจิตของเราให้ผ่องใสเอาไว้[/FONT]
[FONT=&quot] จิตที่แย้มยิ้มเบิกบานเป็นกุศลสูงสุด ครั้นทำการกุศลอันเป็นบุญกิริยาวัตถุก็ยิ่งเกิดอานิสงค์สูงขึ้นไปอีก[/FONT]
[FONT=&quot] โดยจำเพาะอย่างยิ่ง ในกาลให้การน้อมถวายในทานก็ดี รับศีลก็ดี ทำสมาธิภาวนาก็ดี การตั้งจิตอธิษฐานให้มีแต่กุศลอย่ามีคำแช่งด่า การแผ่เมตตาแผ่ด้วยจิตเมตตาอันหาที่สุดหาประมาณไม่ได้ รักษาจิตให้ผ่องใสสูงที่สุดให้จิตยิ้มแย้มเบิกบานอิ่มบุญที่สุด ชื่นใจในบุญที่สุด[/FONT]
[FONT=&quot]ผลของกุศลย่อมมีความบริสุทธิ์ผ่องใส[/FONT]
[FONT=&quot]ในงานกุศลทั้งปวง จงทำให้ไร้อกุศลเครื่องเศร้าหมองนับตั้งแต่หยาบวัตถุไปหาละเอียดคือจิตใจ[/FONT]
[FONT=&quot] อย่าได้มีสุรา เหล้าเบียร์ การพนันอบายมุขทั้งปวง[/FONT]
[FONT=&quot]อย่าได้มีการด่า การว่า การพูดคำหยาบ กระทบกระแทก แดกดันกันนินทาว่าร้ายกัน[/FONT]
[FONT=&quot] อย่าได้มีคนหน้าบึ้งหน้าตึง ปั้นปึ้งเคร่งเครียด[/FONT]
[FONT=&quot]อย่าได้มีใจห่วงร้อนลนวุ่นวายใจในงานลำดับงานในพิธีการ ให้รักษาใจสบายเป็นสุข[/FONT]
[FONT=&quot]พึงมีแต่ [/FONT]
[FONT=&quot]วัตถุสิ่งของอันเป็นมงคล ดอกไม้งาม ดอกไม้หอมธูปหอมยังความแช่มชื่นใจ[/FONT]
[FONT=&quot]มีแต่ผู้คนพูดจาด้วยคำพูดอันอ่อนหวานนุ่มนวลให้กำลังใจในการทำความดีกัน[/FONT]
[FONT=&quot]มีแต่ผู้คนที่ยิ้มแย้มแจ่มใส มีแต่ความชื่นใจ[/FONT]
[FONT=&quot]รักษาใจให้สบายผ่องใสเอาไว้[/FONT]
[FONT=&quot] หากทำได้ดังนี้งานกุศลทั้งปวงก็จะเป็นมหากุศล ยังประโยชน์สุข ยังความชื่นบานความสุขให้ปรากฏเกิดขึ้นอย่างหาประมาณไม่ได้[/FONT]
[FONT=&quot] กล่าวสรุปรวมโดยง่ายแล้ว[/FONT]
[FONT=&quot] [/FONT][FONT=&quot] การกุศลทั้งปวงพึงเริ่มต้นดำริตรินึกด้วยจิตที่ผ่องใสก่อน ระหว่างการทำ การสร้าง การบำเพ็ญ[/FONT]
[FONT=&quot] ตั้งกำลังใจขอให้ทุกท่านทุกพระองค์ ทุกคนได้มีส่วนร่วมโมทนาและเกิดปรากฏผลต่อทุกๆท่านด้วยจิตเมตตา[/FONT]
[FONT=&quot] อธิษฐานจิตปรารถนาให้ผลที่เกิดขึ้นยังประโยชน์ต่อส่วนรวมก่อนประโยชน์ตนเสมอ[/FONT]
[FONT=&quot] ประคองรักษากำลังใจของเราและทุกๆคนให้ผ่องใส เป็นสุข[/FONT]
[FONT=&quot]ทำให้ทุกกุศล เป็นมหากุศล[/FONT]
[FONT=&quot]ทำให้ทุกความดีเล็กน้อย เป็นความดีที่ยิ่งใหญ่[/FONT]
[FONT=&quot]ทำให้ผลเฉพาะตน เป็นผลแห่งความดีแผ่ขยายอย่างหาที่สุดไม่ได้ [/FONT]
[FONT=&quot] [/FONT]
[FONT=&quot] [/FONT]
[FONT=&quot] [/FONT]
[FONT=&quot] [/FONT]

kananun · 21 กุมภาพันธ์ 2012

[FONT=&quot] มุทิตาจิตตามัยบุญ[/FONT]
[FONT=&quot]คณานันท์ ทวีโภค[/FONT]
[FONT=&quot] การสร้างบุญกุศลให้เกิดขึ้นได้นั้น เราสามารถสร้างบำเพ็ญได้ด้วยตนเอง ในกุศลทั้งปวง อัน สรุปรวมลงสู่ [/FONT]
[FONT=&quot] ทาน การบำเพ็ญการให้ การสละ การบริจาค ด้วยกุศลจิตคิดดี มีจิตเมตตา เป็นที่ตั้ง เป็นการทำความดีสร้างกุศลเบื้องต้น ยิ่งให้ด้วยเมตตาพรหมวิหารสี่และมีจิตที่ผ่องใสเพียงใด กุศลนั้นยิ่งมาก ทวีคูณขึ้นตามความบริสุทธิ์ผ่องใสของจิตใจ[/FONT] [FONT=&quot]จิตผู้ให้บริสุทธิ์ ทานบริสุทธิ์ปราณีต ผู้รับแห่งทานนั้นเป็นผู้วิสุทธิและหรือทานนั้นเป็นสังฆทาน เป็นทานอันยังประโยชน์ต่อคนหมู่มาก กุศลแห่งทานย่อมมหาศาล ยิ่งเราให้ผู้อื่นได้ร่วมบุญร่วมโมทนาบุญมากเพียงใด ทานนั้นย่อมขยายขอบเขตไปไม่มีประมาณ[/FONT]
[FONT=&quot] ศีล เจตนาวิรัติ งดเว้น การเบียดเบียนผู้อื่นและตนเอง ให้เกิดความทุกข์การกระทบใจ หากเรามีจิตเมตตาปรารถนาดีสูงจนปราศจากการคิดร้ายเบียดเบียนผู้อื่นมากเพียงใด ยิ่งเป็นศีลภายใน ยิ่งยินดีในศีลและปฏิบัติร่วมกับกุศลกรรมบทสิบอันเป็นเครื่องคุ้มครองรักษา กาย จิต วาจา ให้ปราศจากการกระทบ ต่อผู้อื่น ทาง กาย วาจา ใจ แล้ว ผลแห่งศีลย่อมบริสุทธิ์ขึ้น และตามที่ครูบาอาจารย์ท่านเมตตาสอนให้รักษา ศีลสามชั้นคือ ยินดีในศีลรักษาศีลให้สะอาดบริสุทธิ์ด้วยตนเอง ไม่ใช้ไหว้วาน สั่งหรือมีนัยอุบายให้ผู้อื่นทำลายศีล หรือไปทำชั่วแทนไม่ลงมือเอง และไม่ยินดี สะใจในการที่เห็น อ่าน ทราบ ได้ยินว่าผู้อื่นทำลายศีลหรือศีลขาด[/FONT]
[FONT=&quot]รักษาจิตยินดีในการไม่เบียดเบียนผู้ใด เป็นศีลที่รักษาด้วยความผ่องใส ชื่นบาน ไม่กลัวระแวงระวังมากเกินไปจนรักษาศีลแต่จิตกลับเศร้าหมอง[/FONT]
[FONT=&quot] ภาวนา การเจริญสมาธิ กรรมฐาน ทั้งในส่วนของ สมถะและวิปัสสนาอันเป็นการฝึกฝนขัดเกลาจิตใจของเราให้ สะอาดผ่องใส ชำระล้างกิเลสเครื่องเศร้าหมองทั้งปวงออกไปจากใจของเราเอง จนปรากฏความผ่องแผ้ว เบิกบาน จิต สะอาด สว่าง สงบ เย็น ยิ่งละวางได้มาเพียงใดยิ่งเบา ยิ่งผ่องใส ยิ่งภาวนายิ่งเกิดสติ ยิ่งภาวนายิ่งเกิดปัญญา ยิ่งพิจารณาตัดละสังโยชน์สิบให้มากเพียงใด จิตยิ่งใกล้พระนิพพานเพียงนั้น[/FONT]
[FONT=&quot] ผู้ปรารถนาพระโพธิญาณก็พึงตั้งจิตเมตตาปรารถนารื้อขนมวลหมู่สรรพสัตว์ให้บรรลุหลุดพ้นเข้าถึงซึ่งพระนิพพานและมียินดีผ่องใสเมื่อเห็นหมู่สัตว์เปลื้องจากทุกข์เข้าถึงความสุขในมนุษย์สมบัติ สวรรค์สมบัติ พรหมสมบัติและพระนิพพานสมบัติเป็นที่สุด[/FONT]
[FONT=&quot] ผู้อยู่ในสาวกวิสัยก็พึงตั้งจิต ว่าในทุกกุศล ในทุกการบำเพ็ญทาน ในทุกวาระแห่งความบริสุทธิ์สะอาดของศีล ในทุกกรรมฐานที่เราเจริญ ก็เพื่อพระนิพพานเพียงจุดเดียวจิตยินดีปรารถนาในพระนิพพานเป็นที่สุด[/FONT]

[FONT=&quot] และกระนั้นยังมีบุญกุศลความดี ที่เราได้มาโดยไม่ต้องสละละทรัพย์ภายนอก เป็นบุญที่เกิดขึ้น จากใจ ภายในจิต และอานิสงค์แห่งบุญนั้นก็มีมากมหาศาล เกิดผลได้ทั้งทางโลกและทางธรรม ยิ่งเราตั้งจิตเอาไว้ถูก ผลแห่งกุศลก็ยิ่งสูงขึ้น มากขึ้น ผู้มีปัญญาในธรรมย่อมเล็งเห็นและน้อมนำไปปฏิบัติ ได้อย่างง่ายดาย[/FONT]
[FONT=&quot] บุญที่จะกล่าวถึงนี้คือ การเจริญมุทิตาจิต ความยินดีในกุศล ยินดีในบุญ ยินดีในความสุขของท่านผู้อื่น [/FONT]
[FONT=&quot] ซึ่งกล่าวในภาษาง่ายๆว่า การอนุโมทนาบุญ การโมทนาบุญ การสาธุในบุญ[/FONT]
[FONT=&quot] อันที่จริงหากกล่าวโดยละเอียดแล้ว [/FONT][FONT=&quot]“มุทิตาจิตตามัยบุญ”[/FONT][FONT=&quot] หมายความถึง [/FONT]
[FONT=&quot] บุญอันบังเกิดขึ้นจาก จิตอันยินดีในกุศลของท่านผู้อื่น[/FONT]
[FONT=&quot] มีธรรมอันเป็นเครื่องตรงข้ามคือ จิตอันอิจฉา ริษยา อันเป็นจิตที่เกิดความขัดใจ หมั่นไส้ อิจฉาหาเหตุ หาเรื่องอกุศลใส่ร้ายป้ายสีผู้ทำความดี สร้างกุศลไม่ยินดีแล้วหนำซ้ำยังทำลายความดีของท่านผู้อื่น ให้เสียกำลังใจ เสียผลแห่งความดีไปด้วย[/FONT]
[FONT=&quot]จงรู้เท่าทันในจิตฝ่ายอกุศลอย่าให้เกิดในจิต อย่าให้ขยายความคิด อย่าให้ออกไปจาก ปาก จากกริยาจากการกระทำเป็นอันขาด หากเราปรารถนาในความดี โดยจำเพาะอย่างยิ่งเพื่อพระนิพพาน[/FONT]
[FONT=&quot] ให้ตั้งจิตเอาไว้ด้วยความผ่องใส ใจปรากฏยินดีในความดีเหล่านั้น[/FONT]
[FONT=&quot]อนุโมทนาบุญ[/FONT][FONT=&quot] อนุแปลว่า เล็ก น้อย เมื่อเราอนุโมทนาบุญ เรายินดีในบุญส่วนเดียวนั้น [/FONT]
[FONT=&quot]เช่นการสร้างพระพุทธรูป เราอนุโมทนาบุญในการทำบุญเพียงผู้ไปร่วมบุญและบอกกล่าวเล่าการทำบุญให้ฟังเขาทำบุญ [/FONT]100[FONT=&quot]บาท เราอนุโมทนาบุญกับเขา เราก็มีส่วนร่วมยินดีกับบุญในส่วนที่เขาได้[/FONT]
[FONT=&quot] แต่หากเราใช้ปัญญาร่วมในการสร้างกุศลจากมุทิตาจิต[/FONT]
[FONT=&quot] [/FONT][FONT=&quot]โมทนาบุญ [/FONT][FONT=&quot]ตั้งจิตยินดีในการบุญทั้งปวงในงานบุญงานกุศลทั้งหลายเหล่านั้น [/FONT]
[FONT=&quot]งานสร้างพระพุทธรูป มีอานิสงค์แห่งการสร้างพระพุทธรูป[/FONT]
[FONT=&quot]มีการรับศีล มีการบริจาคทานการตั้งโรงทาน มีการบรรจุพระบรมสารีริกธาตุ มีการสวดมนต์ภาวนาตั้งจิตอธิษฐาน มีผู้คนมากมายมาร่วมบุญ มีเทวดาพรหม สิ่งศักดิ์สิทธิ์หมู่นาคที่มาโมทนาบุญ [/FONT]
[FONT=&quot] ตั้งใจว่าบุญมากมายมหาศาลเหล่านี้ปรากฏขึ้นมากมายเพียงใด จิตของเรายินดีในมหากุศลที่เกิดขึ้นทั้งหลายเหล่านี้[/FONT]
[FONT=&quot]“ข้าพเจ้าขอ ยินดีในทุกกุศลผลบุญทั้งปวง ขอกราบโมทนาบุญในทุกความดีของทุกกุศล ทุกคน ทุกท่าน ทุกพระองค์ด้วยจิตอันชื่นบานผ่องใส ขอบุญอันเกิดขึ้นจากมุทิตาจิตจงเกิดปรากฏขึ้นสู่ใจของข้าพเจ้าด้วยเทอญ”[/FONT]
[FONT=&quot] ตรงนี้เป็นการตั้งจิตในการเจริญมุทิตาจิตในกองบุญงานใดงานหนึ่ง[/FONT]
[FONT=&quot] และยังมีการเจริญมุทิตาจิตที่ปรากฏผลไพศาลยิ่งขึ้นไปกว่านี้[/FONT]
[FONT=&quot]ในการเจริญมุทิตาจิตออกไปไม่มีที่สุดไม่มีประมาณ “มุทิตาอัปปันนาณฌาน”[/FONT]
[FONT=&quot] ตั้งจิตยินดีโมทนาในทุกกุศล ที่เกิดขึ้นปรากฏขึ้นของทุกดวงจิตอันหาประมาณไม่ได้ และครอบคลุมไปนับแต่อดีต ปัจจุบัน อนาคต [/FONT]
[FONT=&quot] ตั้งสมาธิกำหนดจิตให้ผ่องใส และจึงได้ ตั้งจิต[/FONT]
[FONT=&quot]มหาโมทนาบุญ [/FONT][FONT=&quot]น้อมจิตว่า [/FONT]
[FONT=&quot] “ข้าพเจ้าขอน้อมจิตกราบโมทนาในทุกบุญ ทุกกุศล ทุกความดี ของ พระพุทธเจ้าทุกๆพระองค์ พระปัจเจกพุทธเจ้าทุกๆพระองค์ พระอริยะสงฆ์ทุกๆพระองค์ พระโพธิสัตว์ พระมหาโพธิสัตว์เจ้าทุกพระองค์ เทพเทวดา พรหมทุกพระองค์ สาธุชนทั้งหลาย มวลหมู่สรรพสัตว์ทั้งหลาย ทุกดวงจิตดวงวิญญาน ทั่วทุกภพ ทุกภูมิ ทั่วอนันต์จักรวาล หาประมาณไม่ได้ ไม่ว่าบุญนั้นจะยิ่งใหญ่หรือเล็กน้อยสักเพียงใด จะปรากฏเกิดทางกาย ทางวาจา ทางใจ จะเกิดขึ้นมาในอดีตก็ดี ปัจจุบันก็ดี หรือจะเกิดปรากฏขึ้นในอนาคตก็ตาม ข้าพเจ้าขอยกจิตอันผ่องใส ขึ้นน้อมกราบโมทนาในทุกบุญกุศลอันหาที่สุดหาประมาณไม่ได้นี้ เป็นมหาโมทนาบุญ ขอให้บุญกุศลความดีทั้งปวงจงได้เจริญงอกงามแผ่ไพศาลขึ้นในทุกๆดวงจิตของทุกรูปทุกนาม และในท่ามกลางใจของข้าพเจ้าให้เป็นผู้ยินดีในกุศล มีบุญอันบริสุทธิ์เป็นเครื่องหล่อเลี้ยงกาย วาจา ใจ ธาตุขันธุ์ มโนวิญญานของข้าพเจ้าด้วยเทอญ”[/FONT]
[FONT=&quot] การโมทนาบุญนั้น มีอานิสงค์สูง เกิดผลในมนุษย์สมบัติ เกิดสมบัติอันเป็นทิพย์ในสวรรค์สมบัติ และ ยังมีผลให้ปรากฏในการเกิดในพรหมโลกได้[/FONT] [FONT=&quot]เพราะเป็นการเจริญมุทิตาจิตในพรหมวิหารสี่ อันเป็นเครื่องอยู่แห่งความเป็นพรหม[/FONT]
[FONT=&quot] ยิ่งเจริญมุทิตาจิตมากเพียงใด ใจเราก็จะละวางอกุศลออกไปจากใจ ดับจิตอิจฉาริษยาเร่าร้อน ติตำหนิเพ่งโทษออกไปจากใจของเราออกไปได้มากเพียงนั้น ซ้ำยังเกิดกุศลผลบุญแก่ใจของเราด้วย[/FONT]
[FONT=&quot] หากเราวางจิตถูกต้อง ในมุทิตาจิต คือทั้งยินดีและให้กำลังใจในการทำความดีของท่านผู้อื่น ไม่ใช่จิตที่โลภละโมบอยากได้บุญของเขาจนเกินไป จิตเราเองจะยิ่งผ่องใส ในกุศลมากขึ้นเกิดกุศลมากขึ้น[/FONT]
[FONT=&quot] และการโมทนาบุญนั้น ยิ่งเราตั้งจิตให้กำลังใจในการทำความดีของผู้อื่นด้วย จะจากวาจาก็ดี จากการกล่าวสัมโมทนียคาถา จากการแสดงกิริยาคือยิ้มให้น้อมใจยินดีกล่าวในใจแสดงให้เขาได้รู้ว่าสิ่งดีความดีที่เขาทำนั้นเป็นความดีที่มีผู้มองเห็นและยินดีโมทนาด้วย[/FONT]
[FONT=&quot] เพื่อให้ความดีของเขาได้งอกงามขึ้น เติบใหญ่งดงามขึ้น[/FONT]
[FONT=&quot] อย่าได้ประมาทในการให้กำลังใจกันในการทำความดี เพราะความดีเล็กๆน้อยๆเพิ่งเริ่มต้นนั้น อาจงอกงามเป็นความดีที่ยิ่งใหญ่ และอาจเป็นจุดเปลี่ยนชีวิตคนคนหนึ่งให้ก้าวสู่เส้นทางแห่งกุศลก็ได้[/FONT]
[FONT=&quot] และก็จงอย่าได้ประมาทในการทำลายน้ำใจ กำลังใจในการทำความดี ของผู้อื่น จากจิตอิจฉา ริษยา ว่าร้าย ตำหนิเพ่งโทษ เพราะอาจทำลายน้ำใจของคนบางคนให้พลิกใจเป็นมิจฉาทิฐิเลิกทำความดี เลิกมาปฏิบัติธรรม ทำความดีไปก็โดนด่านินทาว่าร้าย ทำไปทำไมเลยเลิกเสียตายจากความดี แม้ทำไปโดยไม่ตั้งใจ ไม่คิด ไม่มีสติก็ตาม ผู้ขัดขวางและทำลายเสียซึ่งความดีของผู้อื่นก็ ย่อมไม่ใช่วิสัยของผู้ประพฤติธรรม หรือกัลยาณมิตร[/FONT]
[FONT=&quot] จิตที่ยินดีในทุกกุศล ยินดีที่ได้เห็นความดีงามทุกคน งอกงามกลางจิตใจทุกดวง ด้วยจิตอันผ่องใส สานบุญของทุกดวงจิตให้ยิ่งเกิดปรากฏมากขึ้น คือการเจริญมุทิตาจิต[/FONT]
[FONT=&quot] ยิ่งยินดีในกุศลของผู้อื่น จิตเรายิ่งผ่องใส บุญก็ย่อมปรากฏแก่ใจของเราแล้ว[/FONT]
[FONT=&quot] น้อมจิตรวมลงสู่กุศล ความดี น้อมจิตรวมสู่ความผ่องใส[/FONT]

[FONT=&quot] “ขอจิตอันปราณีตละเอียดผ่องใส ในมุทิตาจิตอันไม่มีประมาณจงปรากฏเกิดขึ้นจากภายในดวงใจทุกดวง รวมเป็นบุญอันหาที่สุดไม่ได้ด้วยเทอญ”[/FONT]
[FONT=&quot] [/FONT]
[FONT=&quot] [/FONT]

นิทานสีขาว · 27 พฤษภาคม 2012

ข้าพเจ้าขอโมทนาในผลบุญที่อาจารย์คณานันท์ได้นำหลักธรรมคำสอนมาแนะนำให้ได้ปฎิบัติ คำแผ่เมตตาก็ดี โมทนาจิตก็ดี มุฑิตาจิตก็ดี และหลายสิ่งที่เป็นประโยชน์ในการยกระดับจิตตนเอง จะขอน้อมนำไปปฎิบัติค่ะ

ข้าพเจ้าขอโมทนาในกุศลผลบุญทั้งหมดทั้งปวง และในทุกความดีของอาจารย์คณานันท์ ด้วยจิตอันชื่นบานผ่องใสค่ะ สาธุ สาธุ สาธุ

สังสารวัฏ · 20 กันยายน 2012

ขอกราบอนุโมทนาบุญกับอาจารย์ทั้งหมดทั้งมวลด้วยนะคะ..สาธุ สาธุ สาธุ... _/|\_ (^_^)

เข้าสู่ระบบหรือลงทะเบียน

วิชชาที่จะทำให้อยู่รอดจากยุคสมัยแห่งภัยพิบัติ

kananun เป็นที่รู้จักกันดี

kananun เป็นที่รู้จักกันดี

kananun เป็นที่รู้จักกันดี

kananun เป็นที่รู้จักกันดี

kananun เป็นที่รู้จักกันดี

kananun เป็นที่รู้จักกันดี

นิทานสีขาว เป็นที่รู้จักกันดี

สังสารวัฏ เป็นที่รู้จักกันดี

แชร์หน้านี้

แชร์หน้านี้

เข้าสู่ระบบหรือลงทะเบียน

วิชชาที่จะทำให้อยู่รอดจากยุคสมัยแห่งภัยพิบัติ

แชร์หน้านี้

การค้นหาที่มีประโยชน์

ติดต่อเรา