วัตถุมงคล หลวงพ่อฤาษีฯ- หลวงปู่ชื้น-เหล็กไหล หลวงพ่อหวล-ของทนสิทธ์ฯลฯ

ในห้อง 'พระเครื่อง วัตถุมงคล' ตั้งกระทู้โดย saipote, 19 สิงหาคม 2012.

  1. saipote

    saipote เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    27 กันยายน 2009
    โพสต์:
    6,115
    ค่าพลัง:
    +9,778
    #แหวนเหล็กไหล หลวงพ่อหวลวัดพุทไธสวรรค์#2

    สีเงินยวง (เส้นผ่าศูนย์กลาง 16 มม.) ของแแท้ 100%


    อานุภาพของธาตุกายสิทธิ์ (พญาเหล็ก/เหล็กไหล)
    …"เหล็กไหล" เป็น โลหะธาตุแปลกประหลาดที่มีชีวิต เป็นวิบากของกฏแห่งกรรม บันดาลให้วิญญาณอยู่ในสังสารวัฏ มาปฏิสนธิในสภาวะที่เป็นโลหะธาตุเหล็กไหล เคลื่อนไหวได้ เสพบริโภคผึ้งได้ ขับถ่ายได้ (เรียกว่าขี้เหล็กไหล)และสถานที่อยู่อาศัยนั้นชอบสถานที่สงบตามถ้ำ ดังนั้นจึงถือได้ว่าเหล็กไหลเป็นสิ่งมีชีวิตจำพวกเทพ เป็นเทพที่มาใช้วิบากกรรมในโลก เหล็กไหลจึงมีทั้งเทพที่เป็นยักษ์ ที่เป็นคนธรรพ์คอยอารักขาอยู่ตลอดเวลา เหล็กไหลที่พบกันจึงมีหลากหลายชนิดที่ได้เห็นกัน เหล็กไหลเป็นธาตุที่ทรงอำนาจในการป้องกันตัว และ สิ่งที่อยู่ใกล้ตัว ให้พ้นจากภัยอันตราย อันเกิดจาก "อาวุธปืน" หรือ "ของมีคม" และ "ศาสตราวุธ" ทุกชนิด "เหล็กไหล" เป็นสสารที่มีชีวิตเป็นอมตะ และ หาได้ยากยิ่ง ต้องมีพิธีกรรมมากมาย กว่าจะได้มา ฉะนั้น เหล็กไหลจึงเป็นวัตถุอาถรรพ์ที่มีราคาแพง เพราะเป็นที่รู้จักกันอย่างแพร่หลาย และ เป็นที่เข้าใจกันทั่วไปว่า เหล็กไหลมีอานุภาพยอดเยี่ยม สามารถคุ้มครองชีวิตผู้ที่มีเหล็กไหลไว้ในความครอบครองหรือพกพาติดตัว และจะได้รับความคุ้มครองให้ปลอดภัยจาก "อุบัติภัยร้ายแรง" ต่างๆ รวมไปถึง "อาวุธร้ายแรง" นานาชนิด ได้อย่างอัศจรรย์นั่นเอง

    ผู้ที่จะทำพิธีตัดเหล็กไหลได้นั้น จะต้องเป็นผู้ที่มีคุณธรรมชั้นสูง และต้องประพฤติปฏิบัติรักษาศีลได้อย่างมั่นคง ไม่มีจิตคิดละโมภ กล่าวคือ จะต้องขออนุญาตจาก "เทพยดา" ผู้ดูแลรักษาเสียก่อน เมื่อได้รับอนุญาตจึงค่อยทำพิธีตัดเอาได้ มิฉะนั้น หากเราขืนตัดเหล็กไหลด้วยกำลัง หมายแย่งชิงเอาโดยพละการ ถือดีในพระเวทย์ก็อาจมีเภทภัยถึงแก่ชีวิต หรือ เกิดความขัดแย้งในหมู่คณะจนถึงขั้นวิบัติเอาได้ ด้วยอิทธิฤทธิ์ของเทพยดาผู้รักษาเหล็กไหลนั้นเอง
    หลวงพ่อหวลท่านได้เรียนวิชาอาคม สุดยอดวิชาอาคมที่เกือบจะเรียกว่าสาบสูญไปแล้ว ได้แก่วิชาอาคมเรียกและเชิญเหล็กไหล หรือพญาเหล็กไหลสุดยอดแห่งธาตุกายสิทธิ์ ที่ทุกคนต้องการได้มาครอบครอง วิชาอาคมเรียกหรือเชิญเหล็กไหลนั้นไม่ใช่จะเปิดเผยกันง่ายๆการเรียกหรือเชิญเหล็กไหลก็ไม่ใช่เรื่องธรรมดาที่ใครๆก็ทำได้ เหล็กไหลเป็นธาตุกายสิทธิ์…..ย่อมเป็นอันตรายต่อผู้ที่จิตไม่บริสุทธิ์ หากทำการเรียกหรืออัญเชิญเหล็กไหล อาจถึงตายได้ ซึ่งหลวงพ่อหวล แห่งวัดพุทไธสวรรค์ จ.พระนครศรีอยุธยา ท่านได้เล่าเรียนศึกษาวิชา "การเรียกและตัดเหล็กไหล" จากศิษย์หลวงพ่อเดิม วัดหนองโพ จ.นครสวรรค์ หลายท่านบอกว่าหลวงพ่อเดิมท่านชอบเล่นแร่แปรธาตุ บางคนตั้งให้หลวงพ่อเดิมท่านเป็นเทพเจ้าแห่งการเล่นแร่แปรธาตุเลยทีเดียว
    เหล็กไหลที่หลวงพ่อหวลได้ตัดไว้ มีด้วยกัน 3 วรรณะ ซึ่งแต่ละสีก็แบ่งแยกตามชั้นวรรณะของเหล่าบรรดา "เทพยดา หรือ ฤาษี" ที่ปกปักรักษา ได้แก่
    1.วรรณะเจ้าน้ำเงิน
    2.วรรณะท้องปลาไหล
    3.วรรณะเงินยวง

    และรูปแบบของเหล็กไหลที่ท่านตัดไว้มีหลายอย่าง อาทิเช่น แบบพิมพ์พระกริ่ง (นิยมสูงสุด และหายากมากที่สุด!!! ), พระพุทธ, แคปซูล, แหวน, กำไล, พระขรรค์ ,กรมหลวงชุมพร,หลวงปู่ทวด,รัชกาลที่ 5, พระสมเด็จ,พระนางพญา,พระผงสุพรรณ,พระซุ้มกอ,พระรอด,เจ้าแม่กวนอิม,พระขรรค์,ตรีสูญ,พระบูชา,พระสังกัจจายน์ ฯลฯ เป็นต้น ซึ่งเหล็กไหลแต่ละพิมพ์นั้น หลวงพ่อหวลจะต้องจัดสร้าง "หุ่นเทียน" ขึ้นมาไว้ก่อน จากนั้นหลวงพ่อท่านจึงนำเข้าไปในถ้ำกลางป่าลึก แล้วเมื่อท่านเจอ "เหล็กไหล" ท่านจึงทำ "พิธีอัญเชิญเหล็กไหล" ให้ "ไหลวิ่ง" ลงมาตามด้ายสายสิญจ์ โดยอัญเชิญให้เหล็กไหลวิ่งมาก่อตัวเป็นรูปเป็นร่างขึ้นเอง เพื่อให้เราสามารถที่จะจับต้องเหล็กไหลเป็นรูปธรรมได้ ตามรูปแบบทรงพิมพ์ของหุ่นเทียนที่หลวงพ่อท่านได้ขออนุญาตจัดสร้างเตรียมขึ้นมา (หุ่นเทียน 1 อัน จะได้เหล็กไหล มาเพียงแค่ 1 ชิ้นเท่านั้น) ซึ่งพิธีในขั้นตอนนี้เรียกอีกอย่างหนึ่งว่า "พิธีหุงเหล็กไหล" โดยเป็นวิธีการหุงแบบตามธรรมชาติ โดยให้เหล็กไหลวิ่งมาก่อตัวเป็นรูปเป็นร่างขึ้นเอง ซึ่งในการทำพิธีแต่ละครั้ง ต้องใช้ "อำนาจพลังจิต" สูงมาก และเหล็กไหลที่ได้มาแต่ละชิ้นนั้น ต้องใช้ระยะเวลาในการหุงนานมาก จึงทำให้ในการทำพิธีแต่ละครั้งจะได้เหล็กไหลเพียงไม่กี่ชิ้น (โดยในแต่ละขั้นตอนในการทำพิธีนี้ ต้องเป็นผู้มีวิชาอาคมใน "การเรียกและตัดเหล็กไหล" โดยเฉพาะ) ไม่ได้มาทำกันเล่นๆๆ หรือ นำเหล็กมาปั๊ม หรือ นำมาหล่อ เหมือนอย่างพระเครื่องทั่วๆไป ซึ่งทำให้ "ของปลอม" ยากที่จะทำออกมาเลียนแบบได้ ซึ่งปัจจุบันเหล็กไหลของหลวงพ่อหวลนี้หายากมากๆๆ เดินตามสนามพระทั่วไปแล้ว ท่านจะไม่ได้พบเห็นเลยแม้แต่ชิ้นเดียว เพราะเป็นที่หวงแหนของผู้ที่มีไว้ครอบครองเป็นอย่างยิ่ง ซึ่ง "เหล็กไหล ทั้ง 3 สี 3 วรรณะ" นี้ เป็นเหล็กไหลที่หาได้ค่อนข้างยากมากๆๆๆ (เพราะมีระดับสภาวะ ขั้นสูงสุด 31 ภพภูมิ ทั้งยังมีเทพยดา และ ฤาษี ชั้น "มหาเทพ" และ "มหาฤาษี" ลงมาปกปักรักษามากที่สุดและจะพบ "เหล็กไหล 3 สี 3 วรรณะ" นี้ได้ ต้องเป็นถ้ำที่มีอากาศค่อนข้างหนาวเย็นมาก และอยู่ในกลางป่าลึก บริเวณใจกลางหุบเขา "เหล็กไหล ทั้ง 3 สี 3 วรรณะ" มีคุณวิเศษทางด้านเมตตาแรงมากๆๆ มหาเสน่ห์ขั้นสูง คงกระพันชาตรี แคล้วคลาด เรียกโชคลาภขั้นสูง บันดาลทรัพย์สินเงินทอง ดลจิตดลใจ พลิกดวงชะตา จากตกต่ำให้เป็นสูงขึ้น (จากหน้ามือเป็นหลังมือ) เตือนภัยเมื่อมีเหตุคับขัน และสามารถล่องหนกำบังตัวหลบภัยได้ (ครบวงจร) ชอบช่วยเหลือผู้ปฏิบัติธรรม หรือ จะดลจิตดลใจของผู้ครอบครองเหล็กไหลนี้ ให้ตั้งมั่นอยู่แต่ในศีลในธรรม ในความดี มุ่งแต่สร้างบุญสร้างกุศล เพราะเกิดจากฤทธิ์ของมหาเทพและมหาฤาษีในขั้นระดับ “อรูปฌาณ” ที่มีบารมีธรรมสูงมาก ที่เป็นผู้ปกป้องครอบครองเหล็กไหลประเภทนี้ อยู่นั้นเอง

    "เหล็กไหล ทั้ง 3 สี 3 วรรณะ" นี้ มักจะตกได้อยู่แต่ในความครอบครองของ "พระภิกษุ" หรือ "นักบวชต่างๆ" (ที่มีฌาณขั้นอุกฤษณ์) คนธรรมดาอย่างเราๆ ยากนักที่จะได้เป็นผู้ครอบครอง เพราะใช่ว่ามีเงินเพียงอย่างเดียวจะหามาไว้ในความครอบครองได้ง่ายๆๆ จะต้องเป็น "ผู้มีบุญญาธิการบารมี" และต้องมี "กรรมเก่าเกี่ยวกัน" จริงๆๆ จึงจะได้เป็นผู้ครอบครอง พระพญาเหล็กไหลนี้ มีคุณ 108 ประการตามแต่อธิษฐาน ท่านบอกว่าใครได้ครอบครองไว้จะมีอำนาจ บารมี เหนือผู้อื่นพกพาติดตัวแคล้วคลาดปลอดภัย กิจการงานเจริญก้าวหน้า เดินทางไปที่ใด มีเทพยดา ปกปักรักษา มีโชคลาภ เลื่อนยศ เลื่อนตำแหน่ง และพระพญาเหล็กนี้ใช่ว่ามีเงินแล้วจะได้ครอบครอง ล.พ.หวลท่านบอกว่าต้องมีบุญวาสนาแต่ชาติปางก่อนจึงได้ครอบครอบครอง


    (((ปิดรายการนี้ค่า)))
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    • DSCN0252.jpg
      DSCN0252.jpg
      ขนาดไฟล์:
      34.2 KB
      เปิดดู:
      35
    • DSCN0254.jpg
      DSCN0254.jpg
      ขนาดไฟล์:
      25.6 KB
      เปิดดู:
      31
    • DSCN0255.jpg
      DSCN0255.jpg
      ขนาดไฟล์:
      29.7 KB
      เปิดดู:
      27
    • DSCN0257.jpg
      DSCN0257.jpg
      ขนาดไฟล์:
      44.2 KB
      เปิดดู:
      29
    • DSCN0261.jpg
      DSCN0261.jpg
      ขนาดไฟล์:
      45.9 KB
      เปิดดู:
      31
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 13 พฤศจิกายน 2013
  2. saipote

    saipote เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    27 กันยายน 2009
    โพสต์:
    6,115
    ค่าพลัง:
    +9,778
    #พระพิมพ์นางพญา#2

    หลวงพ่อหวล วัดพุทไธสวรรค์ ((สีปีกแมลงทับ)) ของแแท้ 100%​


    อานุภาพของธาตุกายสิทธิ์ (พญาเหล็ก/เหล็กไหล)
    …"เหล็กไหล" เป็น โลหะธาตุแปลกประหลาดที่มีชีวิต เป็นวิบากของกฏแห่งกรรม บันดาลให้วิญญาณอยู่ในสังสารวัฏ มาปฏิสนธิในสภาวะที่เป็นโลหะธาตุเหล็กไหล เคลื่อนไหวได้ เสพบริโภคผึ้งได้ ขับถ่ายได้ (เรียกว่าขี้เหล็กไหล)และสถานที่อยู่อาศัยนั้นชอบสถานที่สงบตามถ้ำ ดังนั้นจึงถือได้ว่าเหล็กไหลเป็นสิ่งมีชีวิตจำพวกเทพ เป็นเทพที่มาใช้วิบากกรรมในโลก เหล็กไหลจึงมีทั้งเทพที่เป็นยักษ์ ที่เป็นคนธรรพ์คอยอารักขาอยู่ตลอดเวลา เหล็กไหลที่พบกันจึงมีหลากหลายชนิดที่ได้เห็นกัน เหล็กไหลเป็นธาตุที่ทรงอำนาจในการป้องกันตัว และ สิ่งที่อยู่ใกล้ตัว ให้พ้นจากภัยอันตราย อันเกิดจาก "อาวุธปืน" หรือ "ของมีคม" และ "ศาสตราวุธ" ทุกชนิด "เหล็กไหล" เป็นสสารที่มีชีวิตเป็นอมตะ และ หาได้ยากยิ่ง ต้องมีพิธีกรรมมากมาย กว่าจะได้มา ฉะนั้น เหล็กไหลจึงเป็นวัตถุอาถรรพ์ที่มีราคาแพง เพราะเป็นที่รู้จักกันอย่างแพร่หลาย และ เป็นที่เข้าใจกันทั่วไปว่า เหล็กไหลมีอานุภาพยอดเยี่ยม สามารถคุ้มครองชีวิตผู้ที่มีเหล็กไหลไว้ในความครอบครองหรือพกพาติดตัว และจะได้รับความคุ้มครองให้ปลอดภัยจาก "อุบัติภัยร้ายแรง" ต่างๆ รวมไปถึง "อาวุธร้ายแรง" นานาชนิด ได้อย่างอัศจรรย์นั่นเอง

    ผู้ที่จะทำพิธีตัดเหล็กไหลได้นั้น จะต้องเป็นผู้ที่มีคุณธรรมชั้นสูง และต้องประพฤติปฏิบัติรักษาศีลได้อย่างมั่นคง ไม่มีจิตคิดละโมภ กล่าวคือ จะต้องขออนุญาตจาก "เทพยดา" ผู้ดูแลรักษาเสียก่อน เมื่อได้รับอนุญาตจึงค่อยทำพิธีตัดเอาได้ มิฉะนั้น หากเราขืนตัดเหล็กไหลด้วยกำลัง หมายแย่งชิงเอาโดยพละการ ถือดีในพระเวทย์ก็อาจมีเภทภัยถึงแก่ชีวิต หรือ เกิดความขัดแย้งในหมู่คณะจนถึงขั้นวิบัติเอาได้ ด้วยอิทธิฤทธิ์ของเทพยดาผู้รักษาเหล็กไหลนั้นเอง
    หลวงพ่อหวลท่านได้เรียนวิชาอาคม สุดยอดวิชาอาคมที่เกือบจะเรียกว่าสาบสูญไปแล้ว ได้แก่วิชาอาคมเรียกและเชิญเหล็กไหล หรือพญาเหล็กไหลสุดยอดแห่งธาตุกายสิทธิ์ ที่ทุกคนต้องการได้มาครอบครอง วิชาอาคมเรียกหรือเชิญเหล็กไหลนั้นไม่ใช่จะเปิดเผยกันง่ายๆการเรียกหรือเชิญเหล็กไหลก็ไม่ใช่เรื่องธรรมดาที่ใครๆก็ทำได้ เหล็กไหลเป็นธาตุกายสิทธิ์…..ย่อมเป็นอันตรายต่อผู้ที่จิตไม่บริสุทธิ์ หากทำการเรียกหรืออัญเชิญเหล็กไหล อาจถึงตายได้ ซึ่งหลวงพ่อหวล แห่งวัดพุทไธสวรรค์ จ.พระนครศรีอยุธยา ท่านได้เล่าเรียนศึกษาวิชา "การเรียกและตัดเหล็กไหล" จากศิษย์หลวงพ่อเดิม วัดหนองโพ จ.นครสวรรค์ หลายท่านบอกว่าหลวงพ่อเดิมท่านชอบเล่นแร่แปรธาตุ บางคนตั้งให้หลวงพ่อเดิมท่านเป็นเทพเจ้าแห่งการเล่นแร่แปรธาตุเลยทีเดียว
    เหล็กไหลที่หลวงพ่อหวลได้ตัดไว้ มีด้วยกัน 3 วรรณะ ซึ่งแต่ละสีก็แบ่งแยกตามชั้นวรรณะของเหล่าบรรดา "เทพยดา หรือ ฤาษี" ที่ปกปักรักษา ได้แก่
    1.วรรณะเจ้าน้ำเงิน
    2.วรรณะท้องปลาไหล
    3.วรรณะเงินยวง

    และรูปแบบของเหล็กไหลที่ท่านตัดไว้มีหลายอย่าง อาทิเช่น แบบพิมพ์พระกริ่ง (นิยมสูงสุด และหายากมากที่สุด!!! ), พระพุทธ, แคปซูล, แหวน, กำไล, พระขรรค์ ,กรมหลวงชุมพร,หลวงปู่ทวด,รัชกาลที่ 5, พระสมเด็จ,พระนางพญา,พระผงสุพรรณ,พระซุ้มกอ,พระรอด,เจ้าแม่กวนอิม,พระขรรค์,ตรีสูญ,พระบูชา,พระสังกัจจายน์ ฯลฯ เป็นต้น ซึ่งเหล็กไหลแต่ละพิมพ์นั้น หลวงพ่อหวลจะต้องจัดสร้าง "หุ่นเทียน" ขึ้นมาไว้ก่อน จากนั้นหลวงพ่อท่านจึงนำเข้าไปในถ้ำกลางป่าลึก แล้วเมื่อท่านเจอ "เหล็กไหล" ท่านจึงทำ "พิธีอัญเชิญเหล็กไหล" ให้ "ไหลวิ่ง" ลงมาตามด้ายสายสิญจ์ โดยอัญเชิญให้เหล็กไหลวิ่งมาก่อตัวเป็นรูปเป็นร่างขึ้นเอง เพื่อให้เราสามารถที่จะจับต้องเหล็กไหลเป็นรูปธรรมได้ ตามรูปแบบทรงพิมพ์ของหุ่นเทียนที่หลวงพ่อท่านได้ขออนุญาตจัดสร้างเตรียมขึ้นมา (หุ่นเทียน 1 อัน จะได้เหล็กไหล มาเพียงแค่ 1 ชิ้นเท่านั้น) ซึ่งพิธีในขั้นตอนนี้เรียกอีกอย่างหนึ่งว่า "พิธีหุงเหล็กไหล" โดยเป็นวิธีการหุงแบบตามธรรมชาติ โดยให้เหล็กไหลวิ่งมาก่อตัวเป็นรูปเป็นร่างขึ้นเอง ซึ่งในการทำพิธีแต่ละครั้ง ต้องใช้ "อำนาจพลังจิต" สูงมาก และเหล็กไหลที่ได้มาแต่ละชิ้นนั้น ต้องใช้ระยะเวลาในการหุงนานมาก จึงทำให้ในการทำพิธีแต่ละครั้งจะได้เหล็กไหลเพียงไม่กี่ชิ้น (โดยในแต่ละขั้นตอนในการทำพิธีนี้ ต้องเป็นผู้มีวิชาอาคมใน "การเรียกและตัดเหล็กไหล" โดยเฉพาะ) ไม่ได้มาทำกันเล่นๆๆ หรือ นำเหล็กมาปั๊ม หรือ นำมาหล่อ เหมือนอย่างพระเครื่องทั่วๆไป ซึ่งทำให้ "ของปลอม" ยากที่จะทำออกมาเลียนแบบได้ ซึ่งปัจจุบันเหล็กไหลของหลวงพ่อหวลนี้หายากมากๆๆ เดินตามสนามพระทั่วไปแล้ว ท่านจะไม่ได้พบเห็นเลยแม้แต่ชิ้นเดียว เพราะเป็นที่หวงแหนของผู้ที่มีไว้ครอบครองเป็นอย่างยิ่ง ซึ่ง "เหล็กไหล ทั้ง 3 สี 3 วรรณะ" นี้ เป็นเหล็กไหลที่หาได้ค่อนข้างยากมากๆๆๆ (เพราะมีระดับสภาวะ ขั้นสูงสุด 31 ภพภูมิ ทั้งยังมีเทพยดา และ ฤาษี ชั้น "มหาเทพ" และ "มหาฤาษี" ลงมาปกปักรักษามากที่สุดและจะพบ "เหล็กไหล 3 สี 3 วรรณะ" นี้ได้ ต้องเป็นถ้ำที่มีอากาศค่อนข้างหนาวเย็นมาก และอยู่ในกลางป่าลึก บริเวณใจกลางหุบเขา "เหล็กไหล ทั้ง 3 สี 3 วรรณะ" มีคุณวิเศษทางด้านเมตตาแรงมากๆๆ มหาเสน่ห์ขั้นสูง คงกระพันชาตรี แคล้วคลาด เรียกโชคลาภขั้นสูง บันดาลทรัพย์สินเงินทอง ดลจิตดลใจ พลิกดวงชะตา จากตกต่ำให้เป็นสูงขึ้น (จากหน้ามือเป็นหลังมือ) เตือนภัยเมื่อมีเหตุคับขัน และสามารถล่องหนกำบังตัวหลบภัยได้ (ครบวงจร) ชอบช่วยเหลือผู้ปฏิบัติธรรม หรือ จะดลจิตดลใจของผู้ครอบครองเหล็กไหลนี้ ให้ตั้งมั่นอยู่แต่ในศีลในธรรม ในความดี มุ่งแต่สร้างบุญสร้างกุศล เพราะเกิดจากฤทธิ์ของมหาเทพและมหาฤาษีในขั้นระดับ “อรูปฌาณ” ที่มีบารมีธรรมสูงมาก ที่เป็นผู้ปกป้องครอบครองเหล็กไหลประเภทนี้ อยู่นั้นเอง

    "เหล็กไหล ทั้ง 3 สี 3 วรรณะ" นี้ มักจะตกได้อยู่แต่ในความครอบครองของ "พระภิกษุ" หรือ "นักบวชต่างๆ" (ที่มีฌาณขั้นอุกฤษณ์) คนธรรมดาอย่างเราๆ ยากนักที่จะได้เป็นผู้ครอบครอง เพราะใช่ว่ามีเงินเพียงอย่างเดียวจะหามาไว้ในความครอบครองได้ง่ายๆๆ จะต้องเป็น "ผู้มีบุญญาธิการบารมี" และต้องมี "กรรมเก่าเกี่ยวกัน" จริงๆๆ จึงจะได้เป็นผู้ครอบครอง พระพญาเหล็กไหลนี้ มีคุณ 108 ประการตามแต่อธิษฐาน ท่านบอกว่าใครได้ครอบครองไว้จะมีอำนาจ บารมี เหนือผู้อื่นพกพาติดตัวแคล้วคลาดปลอดภัย กิจการงานเจริญก้าวหน้า เดินทางไปที่ใด มีเทพยดา ปกปักรักษา มีโชคลาภ เลื่อนยศ เลื่อนตำแหน่ง และพระพญาเหล็กนี้ใช่ว่ามีเงินแล้วจะได้ครอบครอง ล.พ.หวลท่านบอกว่าต้องมีบุญวาสนาแต่ชาติปางก่อนจึงได้ครอบครอบครอง


    - ให้บูชา 7,050 (รวมจัดส่ง)
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    • DSCN0355.jpg
      DSCN0355.jpg
      ขนาดไฟล์:
      43.8 KB
      เปิดดู:
      29
    • DSCN0354.jpg
      DSCN0354.jpg
      ขนาดไฟล์:
      34.7 KB
      เปิดดู:
      43
    • DSCN0356.jpg
      DSCN0356.jpg
      ขนาดไฟล์:
      57.1 KB
      เปิดดู:
      43
    • DSCN0358.jpg
      DSCN0358.jpg
      ขนาดไฟล์:
      54.7 KB
      เปิดดู:
      34
    • DSCN0359.jpg
      DSCN0359.jpg
      ขนาดไฟล์:
      52.6 KB
      เปิดดู:
      31
    • DSCN0360.jpg
      DSCN0360.jpg
      ขนาดไฟล์:
      36.3 KB
      เปิดดู:
      34
    • DSCN0364.jpg
      DSCN0364.jpg
      ขนาดไฟล์:
      69.2 KB
      เปิดดู:
      30
    • DSCN0366.jpg
      DSCN0366.jpg
      ขนาดไฟล์:
      58.4 KB
      เปิดดู:
      34
    • DSCN0042.jpg
      DSCN0042.jpg
      ขนาดไฟล์:
      48.7 KB
      เปิดดู:
      51
  3. saipote

    saipote เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    27 กันยายน 2009
    โพสต์:
    6,115
    ค่าพลัง:
    +9,778
    #แหวนเหล็กไหล หลวงพ่อหวลวัดพุทไธสวรรค์#3

    สีเงินยวง (เส้นผ่าศูนย์กลาง 16-18 มม.) ของแแท้ 100%


    อานุภาพของธาตุกายสิทธิ์ (พญาเหล็ก/เหล็กไหล)
    …"เหล็กไหล" เป็น โลหะธาตุแปลกประหลาดที่มีชีวิต เป็นวิบากของกฏแห่งกรรม บันดาลให้วิญญาณอยู่ในสังสารวัฏ มาปฏิสนธิในสภาวะที่เป็นโลหะธาตุเหล็กไหล เคลื่อนไหวได้ เสพบริโภคผึ้งได้ ขับถ่ายได้ (เรียกว่าขี้เหล็กไหล)และสถานที่อยู่อาศัยนั้นชอบสถานที่สงบตามถ้ำ ดังนั้นจึงถือได้ว่าเหล็กไหลเป็นสิ่งมีชีวิตจำพวกเทพ เป็นเทพที่มาใช้วิบากกรรมในโลก เหล็กไหลจึงมีทั้งเทพที่เป็นยักษ์ ที่เป็นคนธรรพ์คอยอารักขาอยู่ตลอดเวลา เหล็กไหลที่พบกันจึงมีหลากหลายชนิดที่ได้เห็นกัน เหล็กไหลเป็นธาตุที่ทรงอำนาจในการป้องกันตัว และ สิ่งที่อยู่ใกล้ตัว ให้พ้นจากภัยอันตราย อันเกิดจาก "อาวุธปืน" หรือ "ของมีคม" และ "ศาสตราวุธ" ทุกชนิด "เหล็กไหล" เป็นสสารที่มีชีวิตเป็นอมตะ และ หาได้ยากยิ่ง ต้องมีพิธีกรรมมากมาย กว่าจะได้มา ฉะนั้น เหล็กไหลจึงเป็นวัตถุอาถรรพ์ที่มีราคาแพง เพราะเป็นที่รู้จักกันอย่างแพร่หลาย และ เป็นที่เข้าใจกันทั่วไปว่า เหล็กไหลมีอานุภาพยอดเยี่ยม สามารถคุ้มครองชีวิตผู้ที่มีเหล็กไหลไว้ในความครอบครองหรือพกพาติดตัว และจะได้รับความคุ้มครองให้ปลอดภัยจาก "อุบัติภัยร้ายแรง" ต่างๆ รวมไปถึง "อาวุธร้ายแรง" นานาชนิด ได้อย่างอัศจรรย์นั่นเอง

    ผู้ที่จะทำพิธีตัดเหล็กไหลได้นั้น จะต้องเป็นผู้ที่มีคุณธรรมชั้นสูง และต้องประพฤติปฏิบัติรักษาศีลได้อย่างมั่นคง ไม่มีจิตคิดละโมภ กล่าวคือ จะต้องขออนุญาตจาก "เทพยดา" ผู้ดูแลรักษาเสียก่อน เมื่อได้รับอนุญาตจึงค่อยทำพิธีตัดเอาได้ มิฉะนั้น หากเราขืนตัดเหล็กไหลด้วยกำลัง หมายแย่งชิงเอาโดยพละการ ถือดีในพระเวทย์ก็อาจมีเภทภัยถึงแก่ชีวิต หรือ เกิดความขัดแย้งในหมู่คณะจนถึงขั้นวิบัติเอาได้ ด้วยอิทธิฤทธิ์ของเทพยดาผู้รักษาเหล็กไหลนั้นเอง
    หลวงพ่อหวลท่านได้เรียนวิชาอาคม สุดยอดวิชาอาคมที่เกือบจะเรียกว่าสาบสูญไปแล้ว ได้แก่วิชาอาคมเรียกและเชิญเหล็กไหล หรือพญาเหล็กไหลสุดยอดแห่งธาตุกายสิทธิ์ ที่ทุกคนต้องการได้มาครอบครอง วิชาอาคมเรียกหรือเชิญเหล็กไหลนั้นไม่ใช่จะเปิดเผยกันง่ายๆการเรียกหรือเชิญเหล็กไหลก็ไม่ใช่เรื่องธรรมดาที่ใครๆก็ทำได้ เหล็กไหลเป็นธาตุกายสิทธิ์…..ย่อมเป็นอันตรายต่อผู้ที่จิตไม่บริสุทธิ์ หากทำการเรียกหรืออัญเชิญเหล็กไหล อาจถึงตายได้ ซึ่งหลวงพ่อหวล แห่งวัดพุทไธสวรรค์ จ.พระนครศรีอยุธยา ท่านได้เล่าเรียนศึกษาวิชา "การเรียกและตัดเหล็กไหล" จากศิษย์หลวงพ่อเดิม วัดหนองโพ จ.นครสวรรค์ หลายท่านบอกว่าหลวงพ่อเดิมท่านชอบเล่นแร่แปรธาตุ บางคนตั้งให้หลวงพ่อเดิมท่านเป็นเทพเจ้าแห่งการเล่นแร่แปรธาตุเลยทีเดียว
    เหล็กไหลที่หลวงพ่อหวลได้ตัดไว้ มีด้วยกัน 3 วรรณะ ซึ่งแต่ละสีก็แบ่งแยกตามชั้นวรรณะของเหล่าบรรดา "เทพยดา หรือ ฤาษี" ที่ปกปักรักษา ได้แก่
    1.วรรณะเจ้าน้ำเงิน
    2.วรรณะท้องปลาไหล
    3.วรรณะเงินยวง

    และรูปแบบของเหล็กไหลที่ท่านตัดไว้มีหลายอย่าง อาทิเช่น แบบพิมพ์พระกริ่ง (นิยมสูงสุด และหายากมากที่สุด!!! ), พระพุทธ, แคปซูล, แหวน, กำไล, พระขรรค์ ,กรมหลวงชุมพร,หลวงปู่ทวด,รัชกาลที่ 5, พระสมเด็จ,พระนางพญา,พระผงสุพรรณ,พระซุ้มกอ,พระรอด,เจ้าแม่กวนอิม,พระขรรค์,ตรีสูญ,พระบูชา,พระสังกัจจายน์ ฯลฯ เป็นต้น ซึ่งเหล็กไหลแต่ละพิมพ์นั้น หลวงพ่อหวลจะต้องจัดสร้าง "หุ่นเทียน" ขึ้นมาไว้ก่อน จากนั้นหลวงพ่อท่านจึงนำเข้าไปในถ้ำกลางป่าลึก แล้วเมื่อท่านเจอ "เหล็กไหล" ท่านจึงทำ "พิธีอัญเชิญเหล็กไหล" ให้ "ไหลวิ่ง" ลงมาตามด้ายสายสิญจ์ โดยอัญเชิญให้เหล็กไหลวิ่งมาก่อตัวเป็นรูปเป็นร่างขึ้นเอง เพื่อให้เราสามารถที่จะจับต้องเหล็กไหลเป็นรูปธรรมได้ ตามรูปแบบทรงพิมพ์ของหุ่นเทียนที่หลวงพ่อท่านได้ขออนุญาตจัดสร้างเตรียมขึ้นมา (หุ่นเทียน 1 อัน จะได้เหล็กไหล มาเพียงแค่ 1 ชิ้นเท่านั้น) ซึ่งพิธีในขั้นตอนนี้เรียกอีกอย่างหนึ่งว่า "พิธีหุงเหล็กไหล" โดยเป็นวิธีการหุงแบบตามธรรมชาติ โดยให้เหล็กไหลวิ่งมาก่อตัวเป็นรูปเป็นร่างขึ้นเอง ซึ่งในการทำพิธีแต่ละครั้ง ต้องใช้ "อำนาจพลังจิต" สูงมาก และเหล็กไหลที่ได้มาแต่ละชิ้นนั้น ต้องใช้ระยะเวลาในการหุงนานมาก จึงทำให้ในการทำพิธีแต่ละครั้งจะได้เหล็กไหลเพียงไม่กี่ชิ้น (โดยในแต่ละขั้นตอนในการทำพิธีนี้ ต้องเป็นผู้มีวิชาอาคมใน "การเรียกและตัดเหล็กไหล" โดยเฉพาะ) ไม่ได้มาทำกันเล่นๆๆ หรือ นำเหล็กมาปั๊ม หรือ นำมาหล่อ เหมือนอย่างพระเครื่องทั่วๆไป ซึ่งทำให้ "ของปลอม" ยากที่จะทำออกมาเลียนแบบได้ ซึ่งปัจจุบันเหล็กไหลของหลวงพ่อหวลนี้หายากมากๆๆ เดินตามสนามพระทั่วไปแล้ว ท่านจะไม่ได้พบเห็นเลยแม้แต่ชิ้นเดียว เพราะเป็นที่หวงแหนของผู้ที่มีไว้ครอบครองเป็นอย่างยิ่ง ซึ่ง "เหล็กไหล ทั้ง 3 สี 3 วรรณะ" นี้ เป็นเหล็กไหลที่หาได้ค่อนข้างยากมากๆๆๆ (เพราะมีระดับสภาวะ ขั้นสูงสุด 31 ภพภูมิ ทั้งยังมีเทพยดา และ ฤาษี ชั้น "มหาเทพ" และ "มหาฤาษี" ลงมาปกปักรักษามากที่สุดและจะพบ "เหล็กไหล 3 สี 3 วรรณะ" นี้ได้ ต้องเป็นถ้ำที่มีอากาศค่อนข้างหนาวเย็นมาก และอยู่ในกลางป่าลึก บริเวณใจกลางหุบเขา "เหล็กไหล ทั้ง 3 สี 3 วรรณะ" มีคุณวิเศษทางด้านเมตตาแรงมากๆๆ มหาเสน่ห์ขั้นสูง คงกระพันชาตรี แคล้วคลาด เรียกโชคลาภขั้นสูง บันดาลทรัพย์สินเงินทอง ดลจิตดลใจ พลิกดวงชะตา จากตกต่ำให้เป็นสูงขึ้น (จากหน้ามือเป็นหลังมือ) เตือนภัยเมื่อมีเหตุคับขัน และสามารถล่องหนกำบังตัวหลบภัยได้ (ครบวงจร) ชอบช่วยเหลือผู้ปฏิบัติธรรม หรือ จะดลจิตดลใจของผู้ครอบครองเหล็กไหลนี้ ให้ตั้งมั่นอยู่แต่ในศีลในธรรม ในความดี มุ่งแต่สร้างบุญสร้างกุศล เพราะเกิดจากฤทธิ์ของมหาเทพและมหาฤาษีในขั้นระดับ “อรูปฌาณ” ที่มีบารมีธรรมสูงมาก ที่เป็นผู้ปกป้องครอบครองเหล็กไหลประเภทนี้ อยู่นั้นเอง

    "เหล็กไหล ทั้ง 3 สี 3 วรรณะ" นี้ มักจะตกได้อยู่แต่ในความครอบครองของ "พระภิกษุ" หรือ "นักบวชต่างๆ" (ที่มีฌาณขั้นอุกฤษณ์) คนธรรมดาอย่างเราๆ ยากนักที่จะได้เป็นผู้ครอบครอง เพราะใช่ว่ามีเงินเพียงอย่างเดียวจะหามาไว้ในความครอบครองได้ง่ายๆๆ จะต้องเป็น "ผู้มีบุญญาธิการบารมี" และต้องมี "กรรมเก่าเกี่ยวกัน" จริงๆๆ จึงจะได้เป็นผู้ครอบครอง พระพญาเหล็กไหลนี้ มีคุณ 108 ประการตามแต่อธิษฐาน ท่านบอกว่าใครได้ครอบครองไว้จะมีอำนาจ บารมี เหนือผู้อื่นพกพาติดตัวแคล้วคลาดปลอดภัย กิจการงานเจริญก้าวหน้า เดินทางไปที่ใด มีเทพยดา ปกปักรักษา มีโชคลาภ เลื่อนยศ เลื่อนตำแหน่ง และพระพญาเหล็กนี้ใช่ว่ามีเงินแล้วจะได้ครอบครอง ล.พ.หวลท่านบอกว่าต้องมีบุญวาสนาแต่ชาติปางก่อนจึงได้ครอบครอบครอง


    (((ปิดรายการนี้ค่า)))
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    • DSCN0252.jpg
      DSCN0252.jpg
      ขนาดไฟล์:
      34.2 KB
      เปิดดู:
      30
    • DSCN0255.jpg
      DSCN0255.jpg
      ขนาดไฟล์:
      29.7 KB
      เปิดดู:
      44
    • DSCN0253.jpg
      DSCN0253.jpg
      ขนาดไฟล์:
      25.8 KB
      เปิดดู:
      39
    • DSCN0262.jpg
      DSCN0262.jpg
      ขนาดไฟล์:
      49.9 KB
      เปิดดู:
      40
    • DSCN0258.jpg
      DSCN0258.jpg
      ขนาดไฟล์:
      40.8 KB
      เปิดดู:
      30
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 3 พฤศจิกายน 2013
  4. saipote

    saipote เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    27 กันยายน 2009
    โพสต์:
    6,115
    ค่าพลัง:
    +9,778
    *สมเด็จองค์ปฐม ปางนิพพาน ปี 40+กล่องเดิม*2

    (ผสมชนวนสมเด็จองค์ปฐม) หลวงพ่อฤาษีลิงดำ ปลุกเสก



    (((ปิดรายการนี้ค่า)))
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    • DSCN3981.jpg
      DSCN3981.jpg
      ขนาดไฟล์:
      71.9 KB
      เปิดดู:
      27
    • DSCN3982.jpg
      DSCN3982.jpg
      ขนาดไฟล์:
      91.1 KB
      เปิดดู:
      29
    • DSCN3983.jpg
      DSCN3983.jpg
      ขนาดไฟล์:
      83.5 KB
      เปิดดู:
      24
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 19 มกราคม 2014
  5. saipote

    saipote เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    27 กันยายน 2009
    โพสต์:
    6,115
    ค่าพลัง:
    +9,778
    **เหรียญทำน้ำมนต์ หลวงพ่อฤาษีลิงดำ พิมพ์บล็อคซ้อน**1


    เหรียญนี้ประกวดได้ที่ 4 จา่กงาน กองทัพเรือ
    เป็นพิมพ์ที่หายากที่สุดค่ะ
    เหรียญทำน้ำมนต์เป็นเหรียญที่นิยมอันดับหนึ่ง แต่คนเช่ามักจะกลัวของปลอมกัน
    แต่เหรียญนี้ผ่านสนามประกวดมาแล้ว เพราะฉนั้นเชื่อใจได้เลยค่ะ

    มหกรรมการประกวดการอนุรักษ์พระเครื่อง พระบูชา เหรียญคณาจารย์ และเหรียญที่ระลึก

    ชิงถ้วยประทาน พระเจ้าวรวงศ์เธอ พระองค์เจ้าโสมสวลี พระวรราชาทินัดดามาตุ

    ณ ลานอเนกประสงค์ อาคารรัฐประศาสนภักดี ศูนย์ราชการเฉลิมพระเกียรติ ๘๐ พรรษา

    (ถนนแจ้งวัฒนะ กรุงเทพมหานคร)

    เพื่อหารายได้เข้าสมทบกองทุน "น้ำใจไทยเพื่อผู้เสียสละในจังหวัดชายแดนภาคใต้ และพื้นที่รับผิดชอบกองทัพเรือ"

    วันอาทิตย์ที่ ๑๙ พฤษภาคม พ.ศ. ๒๕๕๖

    จัดโดย กองทัพเรือ ​



    (((ปิดรายการนี้ค่า)))
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    • 1.jpg
      1.jpg
      ขนาดไฟล์:
      52.7 KB
      เปิดดู:
      55
    • 2.jpg
      2.jpg
      ขนาดไฟล์:
      65.7 KB
      เปิดดู:
      59
    • 3.jpg
      3.jpg
      ขนาดไฟล์:
      61.7 KB
      เปิดดู:
      56
    • 4.jpg
      4.jpg
      ขนาดไฟล์:
      33.5 KB
      เปิดดู:
      42
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 24 ตุลาคม 2013
  6. daowdeaw

    daowdeaw เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    13 เมษายน 2013
    โพสต์:
    537
    ค่าพลัง:
    +1,558
    แจ้งการโอนเงินและที่อยู่ทาง PM แล้วค่ะ
     
  7. saipote

    saipote เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    27 กันยายน 2009
    โพสต์:
    6,115
    ค่าพลัง:
    +9,778
    รับทราบค่าไซได้รับเงินเรียบร้อยแล้ว เดี๋ยววันนี้ไซจัดส่งให้ค่า ขอบคุณค่า:cool:
     
  8. saipote

    saipote เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    27 กันยายน 2009
    โพสต์:
    6,115
    ค่าพลัง:
    +9,778
    #ตะกรุดพญาเหล็กไหลสีปีกแมลงทับ หลวงพ่อหวล วัดพุทไธสวรรค์#31

    (ใช้ฝังในร่างกาย หรือเลี่ยมคู่กับวัตถุมงคล อื่นๆ) ของแแท้ 100%


    อานุภาพของธาตุกายสิทธิ์ (พญาเหล็ก/เหล็กไหล)
    …"เหล็กไหล" เป็น โลหะธาตุแปลกประหลาดที่มีชีวิต เป็นวิบากของกฏแห่งกรรม บันดาลให้วิญญาณอยู่ในสังสารวัฏ มาปฏิสนธิในสภาวะที่เป็นโลหะธาตุเหล็กไหล เคลื่อนไหวได้ เสพบริโภคผึ้งได้ ขับถ่ายได้ (เรียกว่าขี้เหล็กไหล)และสถานที่อยู่อาศัยนั้นชอบสถานที่สงบตามถ้ำ ดังนั้นจึงถือได้ว่าเหล็กไหลเป็นสิ่งมีชีวิตจำพวกเทพ เป็นเทพที่มาใช้วิบากกรรมในโลก เหล็กไหลจึงมีทั้งเทพที่เป็นยักษ์ ที่เป็นคนธรรพ์คอยอารักขาอยู่ตลอดเวลา เหล็กไหลที่พบกันจึงมีหลากหลายชนิดที่ได้เห็นกัน เหล็กไหลเป็นธาตุที่ทรงอำนาจในการป้องกันตัว และ สิ่งที่อยู่ใกล้ตัว ให้พ้นจากภัยอันตราย อันเกิดจาก "อาวุธปืน" หรือ "ของมีคม" และ "ศาสตราวุธ" ทุกชนิด "เหล็กไหล" เป็นสสารที่มีชีวิตเป็นอมตะ และ หาได้ยากยิ่ง ต้องมีพิธีกรรมมากมาย กว่าจะได้มา ฉะนั้น เหล็กไหลจึงเป็นวัตถุอาถรรพ์ที่มีราคาแพง เพราะเป็นที่รู้จักกันอย่างแพร่หลาย และ เป็นที่เข้าใจกันทั่วไปว่า เหล็กไหลมีอานุภาพยอดเยี่ยม สามารถคุ้มครองชีวิตผู้ที่มีเหล็กไหลไว้ในความครอบครองหรือพกพาติดตัว และจะได้รับความคุ้มครองให้ปลอดภัยจาก "อุบัติภัยร้ายแรง" ต่างๆ รวมไปถึง "อาวุธร้ายแรง" นานาชนิด ได้อย่างอัศจรรย์นั่นเอง

    ผู้ที่จะทำพิธีตัดเหล็กไหลได้นั้น จะต้องเป็นผู้ที่มีคุณธรรมชั้นสูง และต้องประพฤติปฏิบัติรักษาศีลได้อย่างมั่นคง ไม่มีจิตคิดละโมภ กล่าวคือ จะต้องขออนุญาตจาก "เทพยดา" ผู้ดูแลรักษาเสียก่อน เมื่อได้รับอนุญาตจึงค่อยทำพิธีตัดเอาได้ มิฉะนั้น หากเราขืนตัดเหล็กไหลด้วยกำลัง หมายแย่งชิงเอาโดยพละการ ถือดีในพระเวทย์ก็อาจมีเภทภัยถึงแก่ชีวิต หรือ เกิดความขัดแย้งในหมู่คณะจนถึงขั้นวิบัติเอาได้ ด้วยอิทธิฤทธิ์ของเทพยดาผู้รักษาเหล็กไหลนั้นเอง
    หลวงพ่อหวลท่านได้เรียนวิชาอาคม สุดยอดวิชาอาคมที่เกือบจะเรียกว่าสาบสูญไปแล้ว ได้แก่วิชาอาคมเรียกและเชิญเหล็กไหล หรือพญาเหล็กไหลสุดยอดแห่งธาตุกายสิทธิ์ ที่ทุกคนต้องการได้มาครอบครอง วิชาอาคมเรียกหรือเชิญเหล็กไหลนั้นไม่ใช่จะเปิดเผยกันง่ายๆการเรียกหรือเชิญเหล็กไหลก็ไม่ใช่เรื่องธรรมดาที่ใครๆก็ทำได้ เหล็กไหลเป็นธาตุกายสิทธิ์…..ย่อมเป็นอันตรายต่อผู้ที่จิตไม่บริสุทธิ์ หากทำการเรียกหรืออัญเชิญเหล็กไหล อาจถึงตายได้ ซึ่งหลวงพ่อหวล แห่งวัดพุทไธสวรรค์ จ.พระนครศรีอยุธยา ท่านได้เล่าเรียนศึกษาวิชา "การเรียกและตัดเหล็กไหล" จากศิษย์หลวงพ่อเดิม วัดหนองโพ จ.นครสวรรค์ หลายท่านบอกว่าหลวงพ่อเดิมท่านชอบเล่นแร่แปรธาตุ บางคนตั้งให้หลวงพ่อเดิมท่านเป็นเทพเจ้าแห่งการเล่นแร่แปรธาตุเลยทีเดียว
    เหล็กไหลที่หลวงพ่อหวลได้ตัดไว้ มีด้วยกัน 3 วรรณะ ซึ่งแต่ละสีก็แบ่งแยกตามชั้นวรรณะของเหล่าบรรดา "เทพยดา หรือ ฤาษี" ที่ปกปักรักษา ได้แก่
    1.วรรณะเจ้าน้ำเงิน
    2.วรรณะท้องปลาไหล
    3.วรรณะเงินยวง

    และรูปแบบของเหล็กไหลที่ท่านตัดไว้มีหลายอย่าง อาทิเช่น แบบพิมพ์พระกริ่ง (นิยมสูงสุด และหายากมากที่สุด!!! ), พระพุทธ, แคปซูล, แหวน, กำไล, พระขรรค์ ,กรมหลวงชุมพร,หลวงปู่ทวด,รัชกาลที่ 5, พระสมเด็จ,พระนางพญา,พระผงสุพรรณ,พระซุ้มกอ,พระรอด,เจ้าแม่กวนอิม,พระขรรค์,ตรีสูญ,พระบูชา,พระสังกัจจายน์ ฯลฯ เป็นต้น ซึ่งเหล็กไหลแต่ละพิมพ์นั้น หลวงพ่อหวลจะต้องจัดสร้าง "หุ่นเทียน" ขึ้นมาไว้ก่อน จากนั้นหลวงพ่อท่านจึงนำเข้าไปในถ้ำกลางป่าลึก แล้วเมื่อท่านเจอ "เหล็กไหล" ท่านจึงทำ "พิธีอัญเชิญเหล็กไหล" ให้ "ไหลวิ่ง" ลงมาตามด้ายสายสิญจ์ โดยอัญเชิญให้เหล็กไหลวิ่งมาก่อตัวเป็นรูปเป็นร่างขึ้นเอง เพื่อให้เราสามารถที่จะจับต้องเหล็กไหลเป็นรูปธรรมได้ ตามรูปแบบทรงพิมพ์ของหุ่นเทียนที่หลวงพ่อท่านได้ขออนุญาตจัดสร้างเตรียมขึ้นมา (หุ่นเทียน 1 อัน จะได้เหล็กไหล มาเพียงแค่ 1 ชิ้นเท่านั้น) ซึ่งพิธีในขั้นตอนนี้เรียกอีกอย่างหนึ่งว่า "พิธีหุงเหล็กไหล" โดยเป็นวิธีการหุงแบบตามธรรมชาติ โดยให้เหล็กไหลวิ่งมาก่อตัวเป็นรูปเป็นร่างขึ้นเอง ซึ่งในการทำพิธีแต่ละครั้ง ต้องใช้ "อำนาจพลังจิต" สูงมาก และเหล็กไหลที่ได้มาแต่ละชิ้นนั้น ต้องใช้ระยะเวลาในการหุงนานมาก จึงทำให้ในการทำพิธีแต่ละครั้งจะได้เหล็กไหลเพียงไม่กี่ชิ้น (โดยในแต่ละขั้นตอนในการทำพิธีนี้ ต้องเป็นผู้มีวิชาอาคมใน "การเรียกและตัดเหล็กไหล" โดยเฉพาะ) ไม่ได้มาทำกันเล่นๆๆ หรือ นำเหล็กมาปั๊ม หรือ นำมาหล่อ เหมือนอย่างพระเครื่องทั่วๆไป ซึ่งทำให้ "ของปลอม" ยากที่จะทำออกมาเลียนแบบได้ ซึ่งปัจจุบันเหล็กไหลของหลวงพ่อหวลนี้หายากมากๆๆ เดินตามสนามพระทั่วไปแล้ว ท่านจะไม่ได้พบเห็นเลยแม้แต่ชิ้นเดียว เพราะเป็นที่หวงแหนของผู้ที่มีไว้ครอบครองเป็นอย่างยิ่ง ซึ่ง "เหล็กไหล ทั้ง 3 สี 3 วรรณะ" นี้ เป็นเหล็กไหลที่หาได้ค่อนข้างยากมากๆๆๆ (เพราะมีระดับสภาวะ ขั้นสูงสุด 31 ภพภูมิ ทั้งยังมีเทพยดา และ ฤาษี ชั้น "มหาเทพ" และ "มหาฤาษี" ลงมาปกปักรักษามากที่สุดและจะพบ "เหล็กไหล 3 สี 3 วรรณะ" นี้ได้ ต้องเป็นถ้ำที่มีอากาศค่อนข้างหนาวเย็นมาก และอยู่ในกลางป่าลึก บริเวณใจกลางหุบเขา "เหล็กไหล ทั้ง 3 สี 3 วรรณะ" มีคุณวิเศษทางด้านเมตตาแรงมากๆๆ มหาเสน่ห์ขั้นสูง คงกระพันชาตรี แคล้วคลาด เรียกโชคลาภขั้นสูง บันดาลทรัพย์สินเงินทอง ดลจิตดลใจ พลิกดวงชะตา จากตกต่ำให้เป็นสูงขึ้น (จากหน้ามือเป็นหลังมือ) เตือนภัยเมื่อมีเหตุคับขัน และสามารถล่องหนกำบังตัวหลบภัยได้ (ครบวงจร) ชอบช่วยเหลือผู้ปฏิบัติธรรม หรือ จะดลจิตดลใจของผู้ครอบครองเหล็กไหลนี้ ให้ตั้งมั่นอยู่แต่ในศีลในธรรม ในความดี มุ่งแต่สร้างบุญสร้างกุศล เพราะเกิดจากฤทธิ์ของมหาเทพและมหาฤาษีในขั้นระดับ “อรูปฌาณ” ที่มีบารมีธรรมสูงมาก ที่เป็นผู้ปกป้องครอบครองเหล็กไหลประเภทนี้ อยู่นั้นเอง

    "เหล็กไหล ทั้ง 3 สี 3 วรรณะ" นี้ มักจะตกได้อยู่แต่ในความครอบครองของ "พระภิกษุ" หรือ "นักบวชต่างๆ" (ที่มีฌาณขั้นอุกฤษณ์) คนธรรมดาอย่างเราๆ ยากนักที่จะได้เป็นผู้ครอบครอง เพราะใช่ว่ามีเงินเพียงอย่างเดียวจะหามาไว้ในความครอบครองได้ง่ายๆๆ จะต้องเป็น "ผู้มีบุญญาธิการบารมี" และต้องมี "กรรมเก่าเกี่ยวกัน" จริงๆๆ จึงจะได้เป็นผู้ครอบครอง พระพญาเหล็กไหลนี้ มีคุณ 108 ประการตามแต่อธิษฐาน ท่านบอกว่าใครได้ครอบครองไว้จะมีอำนาจ บารมี เหนือผู้อื่นพกพาติดตัวแคล้วคลาดปลอดภัย กิจการงานเจริญก้าวหน้า เดินทางไปที่ใด มีเทพยดา ปกปักรักษา มีโชคลาภ เลื่อนยศ เลื่อนตำแหน่ง และพระพญาเหล็กนี้ใช่ว่ามีเงินแล้วจะได้ครอบครอง ล.พ.หวลท่านบอกว่าต้องมีบุญวาสนาแต่ชาติปางก่อนจึงได้ครอบครอบครอง


    (((ปิดรายการนี้ค่า)))
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    • DSCN0279.jpg
      DSCN0279.jpg
      ขนาดไฟล์:
      25.5 KB
      เปิดดู:
      28
    • DSCN0280.jpg
      DSCN0280.jpg
      ขนาดไฟล์:
      26 KB
      เปิดดู:
      30
    • DSCN0281.jpg
      DSCN0281.jpg
      ขนาดไฟล์:
      26.7 KB
      เปิดดู:
      41
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 3 พฤศจิกายน 2013
  9. saipote

    saipote เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    27 กันยายน 2009
    โพสต์:
    6,115
    ค่าพลัง:
    +9,778
    #ตะกรุดพญาเหล็กไหลสีปีกแมลงทับ หลวงพ่อหวล วัดพุทไธสวรรค์#32

    (ใช้ฝังในร่างกาย หรือเลี่ยมคู่กับวัตถุมงคล อื่นๆ) ของแแท้ 100%


    อานุภาพของธาตุกายสิทธิ์ (พญาเหล็ก/เหล็กไหล)
    …"เหล็กไหล" เป็น โลหะธาตุแปลกประหลาดที่มีชีวิต เป็นวิบากของกฏแห่งกรรม บันดาลให้วิญญาณอยู่ในสังสารวัฏ มาปฏิสนธิในสภาวะที่เป็นโลหะธาตุเหล็กไหล เคลื่อนไหวได้ เสพบริโภคผึ้งได้ ขับถ่ายได้ (เรียกว่าขี้เหล็กไหล)และสถานที่อยู่อาศัยนั้นชอบสถานที่สงบตามถ้ำ ดังนั้นจึงถือได้ว่าเหล็กไหลเป็นสิ่งมีชีวิตจำพวกเทพ เป็นเทพที่มาใช้วิบากกรรมในโลก เหล็กไหลจึงมีทั้งเทพที่เป็นยักษ์ ที่เป็นคนธรรพ์คอยอารักขาอยู่ตลอดเวลา เหล็กไหลที่พบกันจึงมีหลากหลายชนิดที่ได้เห็นกัน เหล็กไหลเป็นธาตุที่ทรงอำนาจในการป้องกันตัว และ สิ่งที่อยู่ใกล้ตัว ให้พ้นจากภัยอันตราย อันเกิดจาก "อาวุธปืน" หรือ "ของมีคม" และ "ศาสตราวุธ" ทุกชนิด "เหล็กไหล" เป็นสสารที่มีชีวิตเป็นอมตะ และ หาได้ยากยิ่ง ต้องมีพิธีกรรมมากมาย กว่าจะได้มา ฉะนั้น เหล็กไหลจึงเป็นวัตถุอาถรรพ์ที่มีราคาแพง เพราะเป็นที่รู้จักกันอย่างแพร่หลาย และ เป็นที่เข้าใจกันทั่วไปว่า เหล็กไหลมีอานุภาพยอดเยี่ยม สามารถคุ้มครองชีวิตผู้ที่มีเหล็กไหลไว้ในความครอบครองหรือพกพาติดตัว และจะได้รับความคุ้มครองให้ปลอดภัยจาก "อุบัติภัยร้ายแรง" ต่างๆ รวมไปถึง "อาวุธร้ายแรง" นานาชนิด ได้อย่างอัศจรรย์นั่นเอง

    ผู้ที่จะทำพิธีตัดเหล็กไหลได้นั้น จะต้องเป็นผู้ที่มีคุณธรรมชั้นสูง และต้องประพฤติปฏิบัติรักษาศีลได้อย่างมั่นคง ไม่มีจิตคิดละโมภ กล่าวคือ จะต้องขออนุญาตจาก "เทพยดา" ผู้ดูแลรักษาเสียก่อน เมื่อได้รับอนุญาตจึงค่อยทำพิธีตัดเอาได้ มิฉะนั้น หากเราขืนตัดเหล็กไหลด้วยกำลัง หมายแย่งชิงเอาโดยพละการ ถือดีในพระเวทย์ก็อาจมีเภทภัยถึงแก่ชีวิต หรือ เกิดความขัดแย้งในหมู่คณะจนถึงขั้นวิบัติเอาได้ ด้วยอิทธิฤทธิ์ของเทพยดาผู้รักษาเหล็กไหลนั้นเอง
    หลวงพ่อหวลท่านได้เรียนวิชาอาคม สุดยอดวิชาอาคมที่เกือบจะเรียกว่าสาบสูญไปแล้ว ได้แก่วิชาอาคมเรียกและเชิญเหล็กไหล หรือพญาเหล็กไหลสุดยอดแห่งธาตุกายสิทธิ์ ที่ทุกคนต้องการได้มาครอบครอง วิชาอาคมเรียกหรือเชิญเหล็กไหลนั้นไม่ใช่จะเปิดเผยกันง่ายๆการเรียกหรือเชิญเหล็กไหลก็ไม่ใช่เรื่องธรรมดาที่ใครๆก็ทำได้ เหล็กไหลเป็นธาตุกายสิทธิ์…..ย่อมเป็นอันตรายต่อผู้ที่จิตไม่บริสุทธิ์ หากทำการเรียกหรืออัญเชิญเหล็กไหล อาจถึงตายได้ ซึ่งหลวงพ่อหวล แห่งวัดพุทไธสวรรค์ จ.พระนครศรีอยุธยา ท่านได้เล่าเรียนศึกษาวิชา "การเรียกและตัดเหล็กไหล" จากศิษย์หลวงพ่อเดิม วัดหนองโพ จ.นครสวรรค์ หลายท่านบอกว่าหลวงพ่อเดิมท่านชอบเล่นแร่แปรธาตุ บางคนตั้งให้หลวงพ่อเดิมท่านเป็นเทพเจ้าแห่งการเล่นแร่แปรธาตุเลยทีเดียว
    เหล็กไหลที่หลวงพ่อหวลได้ตัดไว้ มีด้วยกัน 3 วรรณะ ซึ่งแต่ละสีก็แบ่งแยกตามชั้นวรรณะของเหล่าบรรดา "เทพยดา หรือ ฤาษี" ที่ปกปักรักษา ได้แก่
    1.วรรณะเจ้าน้ำเงิน
    2.วรรณะท้องปลาไหล
    3.วรรณะเงินยวง

    และรูปแบบของเหล็กไหลที่ท่านตัดไว้มีหลายอย่าง อาทิเช่น แบบพิมพ์พระกริ่ง (นิยมสูงสุด และหายากมากที่สุด!!! ), พระพุทธ, แคปซูล, แหวน, กำไล, พระขรรค์ ,กรมหลวงชุมพร,หลวงปู่ทวด,รัชกาลที่ 5, พระสมเด็จ,พระนางพญา,พระผงสุพรรณ,พระซุ้มกอ,พระรอด,เจ้าแม่กวนอิม,พระขรรค์,ตรีสูญ,พระบูชา,พระสังกัจจายน์ ฯลฯ เป็นต้น ซึ่งเหล็กไหลแต่ละพิมพ์นั้น หลวงพ่อหวลจะต้องจัดสร้าง "หุ่นเทียน" ขึ้นมาไว้ก่อน จากนั้นหลวงพ่อท่านจึงนำเข้าไปในถ้ำกลางป่าลึก แล้วเมื่อท่านเจอ "เหล็กไหล" ท่านจึงทำ "พิธีอัญเชิญเหล็กไหล" ให้ "ไหลวิ่ง" ลงมาตามด้ายสายสิญจ์ โดยอัญเชิญให้เหล็กไหลวิ่งมาก่อตัวเป็นรูปเป็นร่างขึ้นเอง เพื่อให้เราสามารถที่จะจับต้องเหล็กไหลเป็นรูปธรรมได้ ตามรูปแบบทรงพิมพ์ของหุ่นเทียนที่หลวงพ่อท่านได้ขออนุญาตจัดสร้างเตรียมขึ้นมา (หุ่นเทียน 1 อัน จะได้เหล็กไหล มาเพียงแค่ 1 ชิ้นเท่านั้น) ซึ่งพิธีในขั้นตอนนี้เรียกอีกอย่างหนึ่งว่า "พิธีหุงเหล็กไหล" โดยเป็นวิธีการหุงแบบตามธรรมชาติ โดยให้เหล็กไหลวิ่งมาก่อตัวเป็นรูปเป็นร่างขึ้นเอง ซึ่งในการทำพิธีแต่ละครั้ง ต้องใช้ "อำนาจพลังจิต" สูงมาก และเหล็กไหลที่ได้มาแต่ละชิ้นนั้น ต้องใช้ระยะเวลาในการหุงนานมาก จึงทำให้ในการทำพิธีแต่ละครั้งจะได้เหล็กไหลเพียงไม่กี่ชิ้น (โดยในแต่ละขั้นตอนในการทำพิธีนี้ ต้องเป็นผู้มีวิชาอาคมใน "การเรียกและตัดเหล็กไหล" โดยเฉพาะ) ไม่ได้มาทำกันเล่นๆๆ หรือ นำเหล็กมาปั๊ม หรือ นำมาหล่อ เหมือนอย่างพระเครื่องทั่วๆไป ซึ่งทำให้ "ของปลอม" ยากที่จะทำออกมาเลียนแบบได้ ซึ่งปัจจุบันเหล็กไหลของหลวงพ่อหวลนี้หายากมากๆๆ เดินตามสนามพระทั่วไปแล้ว ท่านจะไม่ได้พบเห็นเลยแม้แต่ชิ้นเดียว เพราะเป็นที่หวงแหนของผู้ที่มีไว้ครอบครองเป็นอย่างยิ่ง ซึ่ง "เหล็กไหล ทั้ง 3 สี 3 วรรณะ" นี้ เป็นเหล็กไหลที่หาได้ค่อนข้างยากมากๆๆๆ (เพราะมีระดับสภาวะ ขั้นสูงสุด 31 ภพภูมิ ทั้งยังมีเทพยดา และ ฤาษี ชั้น "มหาเทพ" และ "มหาฤาษี" ลงมาปกปักรักษามากที่สุดและจะพบ "เหล็กไหล 3 สี 3 วรรณะ" นี้ได้ ต้องเป็นถ้ำที่มีอากาศค่อนข้างหนาวเย็นมาก และอยู่ในกลางป่าลึก บริเวณใจกลางหุบเขา "เหล็กไหล ทั้ง 3 สี 3 วรรณะ" มีคุณวิเศษทางด้านเมตตาแรงมากๆๆ มหาเสน่ห์ขั้นสูง คงกระพันชาตรี แคล้วคลาด เรียกโชคลาภขั้นสูง บันดาลทรัพย์สินเงินทอง ดลจิตดลใจ พลิกดวงชะตา จากตกต่ำให้เป็นสูงขึ้น (จากหน้ามือเป็นหลังมือ) เตือนภัยเมื่อมีเหตุคับขัน และสามารถล่องหนกำบังตัวหลบภัยได้ (ครบวงจร) ชอบช่วยเหลือผู้ปฏิบัติธรรม หรือ จะดลจิตดลใจของผู้ครอบครองเหล็กไหลนี้ ให้ตั้งมั่นอยู่แต่ในศีลในธรรม ในความดี มุ่งแต่สร้างบุญสร้างกุศล เพราะเกิดจากฤทธิ์ของมหาเทพและมหาฤาษีในขั้นระดับ “อรูปฌาณ” ที่มีบารมีธรรมสูงมาก ที่เป็นผู้ปกป้องครอบครองเหล็กไหลประเภทนี้ อยู่นั้นเอง

    "เหล็กไหล ทั้ง 3 สี 3 วรรณะ" นี้ มักจะตกได้อยู่แต่ในความครอบครองของ "พระภิกษุ" หรือ "นักบวชต่างๆ" (ที่มีฌาณขั้นอุกฤษณ์) คนธรรมดาอย่างเราๆ ยากนักที่จะได้เป็นผู้ครอบครอง เพราะใช่ว่ามีเงินเพียงอย่างเดียวจะหามาไว้ในความครอบครองได้ง่ายๆๆ จะต้องเป็น "ผู้มีบุญญาธิการบารมี" และต้องมี "กรรมเก่าเกี่ยวกัน" จริงๆๆ จึงจะได้เป็นผู้ครอบครอง พระพญาเหล็กไหลนี้ มีคุณ 108 ประการตามแต่อธิษฐาน ท่านบอกว่าใครได้ครอบครองไว้จะมีอำนาจ บารมี เหนือผู้อื่นพกพาติดตัวแคล้วคลาดปลอดภัย กิจการงานเจริญก้าวหน้า เดินทางไปที่ใด มีเทพยดา ปกปักรักษา มีโชคลาภ เลื่อนยศ เลื่อนตำแหน่ง และพระพญาเหล็กนี้ใช่ว่ามีเงินแล้วจะได้ครอบครอง ล.พ.หวลท่านบอกว่าต้องมีบุญวาสนาแต่ชาติปางก่อนจึงได้ครอบครอบครอง


    (((ปิดรายการนี้ค่า)))
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    • DSCN0282.jpg
      DSCN0282.jpg
      ขนาดไฟล์:
      25.6 KB
      เปิดดู:
      31
    • DSCN0283.jpg
      DSCN0283.jpg
      ขนาดไฟล์:
      24.5 KB
      เปิดดู:
      30
    • DSCN0284.jpg
      DSCN0284.jpg
      ขนาดไฟล์:
      24.6 KB
      เปิดดู:
      30
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 25 ตุลาคม 2013
  10. saipote

    saipote เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    27 กันยายน 2009
    โพสต์:
    6,115
    ค่าพลัง:
    +9,778
    **เครื่องรางกำไร จากหางช้าง (สีขาว)**21


    ]ช้าง เป็นสัตว์มงคล คู่บ้านคู่เมือง ตำนานในทางศาสนาทั้งพุทธและพราหมณ์ ต่างมีความเกี่ยวพันกับช้างตลอด ช้างที่ทรงฤทธิ์ในเทวฤทธิ์มีอาทิ ช้างเอราวัณ หางช้าง ถือเป็น"เครื่องราง"แต่โบราณที่เชื่อว่าช่วยป้องกันอาถรรพ์ ปัดเป่าเสนียดจัญไร ผู้คนที่รู้ซึ้งถึงศาสตร์นี้จะแสวงหาหางช้างมาเป็นเครื่องรางประจำกาย เดินทางไปแห่งหนตำบลใดก็ปลอดภัยจากคุณไสยและมนต์ดำ

    ส่วนคนโบราณไม่ได้เรียนอาคมจะพบขนจากหางช้างติดตัวอยู่เสมอนัยว่าเป็นเครื่องรางของขลัง ปัดเป่ารังควานจากภูตผีปีศาจและสัตว์ร้ายป้องกันคุณไสยต่างๆในยามที่ต้องเดินทางไกลคนโบราณเชื่ออีกว่า

    ถ้าบูชาดีขนจากหางช้างจะทำให้สามารถหยั่งรู้พิษภัยต่างๆล่วงหน้าด้วยอย่างสัมผัสที่หกและป้องกันมิให้เกิดขึ้นได้ หางจากขนของช้างเป็นสิ่งอิงประวัติศาสตร์เลยทีเดียว เนื่องจากชาวจีนโบราณจะพกขนจากหางช้างติดตัวอยู่เสมอ

    นัยว่าเป็นเครื่องรางของขลัง ปัดเป่ารังควานจากภูตผีปีศาจ และสัตว์ร้ายต่างๆ ในยามที่ต้องเดินทางไกล ชาวจีนโบราณเชื่ออีกว่าชนจากหางช้างจะทำให้สามารถหยั่งรู้ภัยพิบัติต่างๆ ล่วงหน้าด้วยญาณสัมผัสที่6และป้องกันมิให้มันเกิดขึ้นได้

    สำหรับชาวเหมอะโหน่ง (M' Nong) ซึ่งเป็นชนชาติส่วนน้อยในเขตภาคกลางเวียดนามเชื่อว่า ขนหางช้างเป็นสัญลักษณ์ของความรักและความภักดี หนุ่มๆ สาวๆ มักจะมอบสิ่งนี้ให้แก่กัน เป็นการแสดงออกซึ่งความรักที่ยิ่งใหญ่อันมั่นคงนั้นเอง.


    ********************************

    เครื่องรางที่หายาก เป็นหางช้างเผือกของในหลวงของเรา ได้มาจากพระตำหนักภูพาน ช้างเผือกเชือกนี้มีตำแหน่งเป็นคุณพระ ซึ่งขนหางช้างที่ดีต้องรอให้หลุดเอง ชาวจีนโบราณถือว่า เป็นตัวแทนของความรักที่มั่นคง หางช้างเผือกจะเป็นสีออกน้ำตาลใสๆ

    *หางช้างเผือก

    ช้างเผือกนั้นโบราณท่านถือว่า เป็นสัตว์ที่มีบุญญาบารมี เป็นของคู่บุญของพระมหากษัตริย์ไทยเราตั้งแต่โบราณกาลจนถึงปัจจุบัน

    ธรรมชาติของช้างจะใช้หางปัดแมลงที่เข้ามารบกวน บุรพาจารย์ท่านถือเคล็ดว่าหางช้างนั้น เป็นของดี ที่ใช้ปัดรังควาญ เสนียดจัญไร สิ่งไม่ดีทั้งหลายทั้งปวง จึงนิยมนำหางช้างมาทำเป็นแหวนพิรอด

    **ทำวิชาลงอาคม ซึ่งเมื่อทำถูกต้องตามตำรับไสยเวทย์แล้ว จัดเป็นของวิเศษที่เรืองอำนาจมาก โดยเฉพาะอย่างยิ่งหางของช้างเผือก.......**



    (((ปิดรายการนี้ค่า)))
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    • DSCN0782.jpg
      DSCN0782.jpg
      ขนาดไฟล์:
      52.7 KB
      เปิดดู:
      40
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 24 ตุลาคม 2013
  11. saipote

    saipote เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    27 กันยายน 2009
    โพสต์:
    6,115
    ค่าพลัง:
    +9,778
    **เครื่องรางกำไร จากหางช้าง-อินเดีย (สีดำ)**22


    ]ช้าง เป็นสัตว์มงคล คู่บ้านคู่เมือง ตำนานในทางศาสนาทั้งพุทธและพราหมณ์ ต่างมีความเกี่ยวพันกับช้างตลอด ช้างที่ทรงฤทธิ์ในเทวฤทธิ์มีอาทิ ช้างเอราวัณ หางช้าง ถือเป็น"เครื่องราง"แต่โบราณที่เชื่อว่าช่วยป้องกันอาถรรพ์ ปัดเป่าเสนียดจัญไร ผู้คนที่รู้ซึ้งถึงศาสตร์นี้จะแสวงหาหางช้างมาเป็นเครื่องรางประจำกาย เดินทางไปแห่งหนตำบลใดก็ปลอดภัยจากคุณไสยและมนต์ดำ

    ส่วนคนโบราณไม่ได้เรียนอาคมจะพบขนจากหางช้างติดตัวอยู่เสมอนัยว่าเป็นเครื่องรางของขลัง ปัดเป่ารังควานจากภูตผีปีศาจและสัตว์ร้ายป้องกันคุณไสยต่างๆในยามที่ต้องเดินทางไกลคนโบราณเชื่ออีกว่า

    ถ้าบูชาดีขนจากหางช้างจะทำให้สามารถหยั่งรู้พิษภัยต่างๆล่วงหน้าด้วยอย่างสัมผัสที่หกและป้องกันมิให้เกิดขึ้นได้ หางจากขนของช้างเป็นสิ่งอิงประวัติศาสตร์เลยทีเดียว เนื่องจากชาวจีนโบราณจะพกขนจากหางช้างติดตัวอยู่เสมอ

    นัยว่าเป็นเครื่องรางของขลัง ปัดเป่ารังควานจากภูตผีปีศาจ และสัตว์ร้ายต่างๆ ในยามที่ต้องเดินทางไกล ชาวจีนโบราณเชื่ออีกว่าชนจากหางช้างจะทำให้สามารถหยั่งรู้ภัยพิบัติต่างๆ ล่วงหน้าด้วยญาณสัมผัสที่6และป้องกันมิให้มันเกิดขึ้นได้

    สำหรับชาวเหมอะโหน่ง (M' Nong) ซึ่งเป็นชนชาติส่วนน้อยในเขตภาคกลางเวียดนามเชื่อว่า ขนหางช้างเป็นสัญลักษณ์ของความรักและความภักดี หนุ่มๆ สาวๆ มักจะมอบสิ่งนี้ให้แก่กัน เป็นการแสดงออกซึ่งความรักที่ยิ่งใหญ่อันมั่นคงนั้นเอง.


    ********************************

    เครื่องรางที่หายาก เป็นหางช้างเผือกของในหลวงของเรา ได้มาจากพระตำหนักภูพาน ช้างเผือกเชือกนี้มีตำแหน่งเป็นคุณพระ ซึ่งขนหางช้างที่ดีต้องรอให้หลุดเอง ชาวจีนโบราณถือว่า เป็นตัวแทนของความรักที่มั่นคง หางช้างเผือกจะเป็นสีออกน้ำตาลใสๆ

    *หางช้างเผือก

    ช้างเผือกนั้นโบราณท่านถือว่า เป็นสัตว์ที่มีบุญญาบารมี เป็นของคู่บุญของพระมหากษัตริย์ไทยเราตั้งแต่โบราณกาลจนถึงปัจจุบัน

    ธรรมชาติของช้างจะใช้หางปัดแมลงที่เข้ามารบกวน บุรพาจารย์ท่านถือเคล็ดว่าหางช้างนั้น เป็นของดี ที่ใช้ปัดรังควาญ เสนียดจัญไร สิ่งไม่ดีทั้งหลายทั้งปวง จึงนิยมนำหางช้างมาทำเป็นแหวนพิรอด

    **ทำวิชาลงอาคม ซึ่งเมื่อทำถูกต้องตามตำรับไสยเวทย์แล้ว จัดเป็นของวิเศษที่เรืองอำนาจมาก โดยเฉพาะอย่างยิ่งหางของช้างเผือก.......**


    (((ปิดรายการนี้ค่า)))
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    • DSCN0779.jpg
      DSCN0779.jpg
      ขนาดไฟล์:
      64.8 KB
      เปิดดู:
      50
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 3 พฤศจิกายน 2013
  12. saipote

    saipote เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    27 กันยายน 2009
    โพสต์:
    6,115
    ค่าพลัง:
    +9,778
    **เครื่องรางกำไร จากหางช้าง-อินเดีย (สีขาว)**23


    ]ช้าง เป็นสัตว์มงคล คู่บ้านคู่เมือง ตำนานในทางศาสนาทั้งพุทธและพราหมณ์ ต่างมีความเกี่ยวพันกับช้างตลอด ช้างที่ทรงฤทธิ์ในเทวฤทธิ์มีอาทิ ช้างเอราวัณ หางช้าง ถือเป็น"เครื่องราง"แต่โบราณที่เชื่อว่าช่วยป้องกันอาถรรพ์ ปัดเป่าเสนียดจัญไร ผู้คนที่รู้ซึ้งถึงศาสตร์นี้จะแสวงหาหางช้างมาเป็นเครื่องรางประจำกาย เดินทางไปแห่งหนตำบลใดก็ปลอดภัยจากคุณไสยและมนต์ดำ

    ส่วนคนโบราณไม่ได้เรียนอาคมจะพบขนจากหางช้างติดตัวอยู่เสมอนัยว่าเป็นเครื่องรางของขลัง ปัดเป่ารังควานจากภูตผีปีศาจและสัตว์ร้ายป้องกันคุณไสยต่างๆในยามที่ต้องเดินทางไกลคนโบราณเชื่ออีกว่า

    ถ้าบูชาดีขนจากหางช้างจะทำให้สามารถหยั่งรู้พิษภัยต่างๆล่วงหน้าด้วยอย่างสัมผัสที่หกและป้องกันมิให้เกิดขึ้นได้ หางจากขนของช้างเป็นสิ่งอิงประวัติศาสตร์เลยทีเดียว เนื่องจากชาวจีนโบราณจะพกขนจากหางช้างติดตัวอยู่เสมอ

    นัยว่าเป็นเครื่องรางของขลัง ปัดเป่ารังควานจากภูตผีปีศาจ และสัตว์ร้ายต่างๆ ในยามที่ต้องเดินทางไกล ชาวจีนโบราณเชื่ออีกว่าชนจากหางช้างจะทำให้สามารถหยั่งรู้ภัยพิบัติต่างๆ ล่วงหน้าด้วยญาณสัมผัสที่6และป้องกันมิให้มันเกิดขึ้นได้

    สำหรับชาวเหมอะโหน่ง (M' Nong) ซึ่งเป็นชนชาติส่วนน้อยในเขตภาคกลางเวียดนามเชื่อว่า ขนหางช้างเป็นสัญลักษณ์ของความรักและความภักดี หนุ่มๆ สาวๆ มักจะมอบสิ่งนี้ให้แก่กัน เป็นการแสดงออกซึ่งความรักที่ยิ่งใหญ่อันมั่นคงนั้นเอง.


    ********************************

    เครื่องรางที่หายาก เป็นหางช้างเผือกของในหลวงของเรา ได้มาจากพระตำหนักภูพาน ช้างเผือกเชือกนี้มีตำแหน่งเป็นคุณพระ ซึ่งขนหางช้างที่ดีต้องรอให้หลุดเอง ชาวจีนโบราณถือว่า เป็นตัวแทนของความรักที่มั่นคง หางช้างเผือกจะเป็นสีออกน้ำตาลใสๆ

    *หางช้างเผือก

    ช้างเผือกนั้นโบราณท่านถือว่า เป็นสัตว์ที่มีบุญญาบารมี เป็นของคู่บุญของพระมหากษัตริย์ไทยเราตั้งแต่โบราณกาลจนถึงปัจจุบัน

    ธรรมชาติของช้างจะใช้หางปัดแมลงที่เข้ามารบกวน บุรพาจารย์ท่านถือเคล็ดว่าหางช้างนั้น เป็นของดี ที่ใช้ปัดรังควาญ เสนียดจัญไร สิ่งไม่ดีทั้งหลายทั้งปวง จึงนิยมนำหางช้างมาทำเป็นแหวนพิรอด

    **ทำวิชาลงอาคม ซึ่งเมื่อทำถูกต้องตามตำรับไสยเวทย์แล้ว จัดเป็นของวิเศษที่เรืองอำนาจมาก โดยเฉพาะอย่างยิ่งหางของช้างเผือก.......**


    (((ปิดรายการนี้ค่า)))
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    • DSCN0782.jpg
      DSCN0782.jpg
      ขนาดไฟล์:
      52.7 KB
      เปิดดู:
      43
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 3 พฤศจิกายน 2013
  13. saipote

    saipote เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    27 กันยายน 2009
    โพสต์:
    6,115
    ค่าพลัง:
    +9,778
    **พระรัตนจักร เนื้อผง ปี 2530**2

    (หลวงปู่ชื้น วัดญานเสน ปลุกเสก)


    (((ปิดรายการนี้ค่า)))​
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    • DSCN0732.jpg
      DSCN0732.jpg
      ขนาดไฟล์:
      35.6 KB
      เปิดดู:
      59
    • DSCN0730.jpg
      DSCN0730.jpg
      ขนาดไฟล์:
      36.3 KB
      เปิดดู:
      56
    • DSCN0727.jpg
      DSCN0727.jpg
      ขนาดไฟล์:
      35.9 KB
      เปิดดู:
      66
    • DSCN0728.jpg
      DSCN0728.jpg
      ขนาดไฟล์:
      38.4 KB
      เปิดดู:
      69
    • DSCN0729.jpg
      DSCN0729.jpg
      ขนาดไฟล์:
      37.4 KB
      เปิดดู:
      74
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 11 พฤศจิกายน 2013
  14. saipote

    saipote เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    27 กันยายน 2009
    โพสต์:
    6,115
    ค่าพลัง:
    +9,778
    #กุมารทอง กุมารทอง เทพฤทธิ์ (กุมารเทพ)#4

    หลวงปู่ครูบาเจ้าดวงดี วัดท่าจำปี จ.เชียงใหม่ (ปลุกเสก)

    ครูบาเจ้าดวงดี วัดท่าจำปี ศิษย์เอกเพียงท่านเดียวของ ครูบาเจ้าศรีวิไชย ตนบุญแห่งล้านนาไทย ท่านเป็นผู้สำเร็จวิชาการสร้าง กุมารทอง ซึ่งเป็นต้นแบบ กุมารทอง ล้านนา ไทยจัดสร้าง มานานกว่า 40 ปี ท่านได้อัญเชิญจิตวิญญาณบริสุทธิ์ของเทพจากสวรรค์ ชั้น จาตุมหาราชิกา ซึ่งเป็นภพภูมิใกล้มนุษย์ที่สุด เข้าประทับสถิต ในหุ่น กุมารทอง ฉะนั้นจึงมีแต่ให้ "คุณ" ไม่มีโทษแต่ประการใดทั้งสิ้น รุ่นนี้ เป็นรุ่นที่สร้าง ฉลองอายุครบ ๙๘ ปี หลวงปู่ครูบาเจ้าดวงดี วัดท่าจำปี จ เชียงใหม่ ปี ๒๕๔๖ บรรจุอยู่ในถุงจีวรผ้าไหม ของท่าน ขนาด กระทัดรัด องค์ กุมารทอง มีขนาดเล็ก สูง 2.5 ซม. คาถาบูชา ลูก กุมารทอง เทพฤทธิ์ นะโม ๓ จบ จิเจรุนิ จิตตัง เจตตะ สิกกัง รูปัง กุมาโรวา นิมิตตัง กุมารทอง อาคัจฉาหิ จิตติ เอหิ เอหิ นะมะพะทะ นะมะพะทะ นะมะพะทะ คาถาเรียกกุมาร นะโม ๓ จบ เอหิ กุมาโร เอหิ กุมารี ปิยังมะมะ (ชื่อ กุมารทอง) จงมา เมื่อสมัยผมยังเด็ก หลวงปู่ ท่านเมตตาเล่าให้ฟังว่า การเลี้ยง กุมารทอง ให้เรารัก กุมารทอง ดุจดั่งลูกของเรา หมั่นพูดหมั่นคุยด้วยมีอะไรให้บอกกล่าว หมั่นสวดคาถาบูชา กุมารทอง เหมือนกับแบตเตอรี่ ใช้ไปก้อเสื่อมได้ ต้องสวด เพื่อ ชาร์จแบต อยู่เสมอ อานุภาพ กุมารเทพฤทธิ์ ครอบจักรวาล ไม่ว่าจะ บนบาน ค้าขาย ดลจิตดลใจ มหาเสน่ห์ ตรึงจิต ตรึงใจเพศตรงข้าม กันคุณไสย ลมเพลมพัด ปกป้องทรัพย์สิน คุ้มครอง กระซิบเตือนภัย บอกเหตุร้ายดี ท่านว่า ท่านเสกครอบ ครบทุกด้าน เพื่อให้คนที่ นำไปใช้ สำเร็จผล ทุกประการ ตามที่ปรารถนา แต่ต้องไม่เกินกรรม หลวงปู่ท่าน เป็นพระที่มีเมตตาสูงมาก ดั่งโอวาท ที่ท่านได้พร่ำสอน "ขอให้ลูกให้หลานตั้งมั่นในศีล ๕ ให้ได้นะ คนเราจะไปสวรรค์ไปนิพพานได้ ก็เพราะศีล ๕ นี่แหละ ลูกหลานเอ๋ย...."

    (((ปิดรายการนี้ค่า)))
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    • 1349709512.jpg
      1349709512.jpg
      ขนาดไฟล์:
      40.2 KB
      เปิดดู:
      44
    • 1349709509.jpg
      1349709509.jpg
      ขนาดไฟล์:
      56.9 KB
      เปิดดู:
      56
    • 1349709510.jpg
      1349709510.jpg
      ขนาดไฟล์:
      46.6 KB
      เปิดดู:
      44
    • 1349709511.jpg
      1349709511.jpg
      ขนาดไฟล์:
      49.7 KB
      เปิดดู:
      46
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 30 มิถุนายน 2015
  15. saipote

    saipote เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    27 กันยายน 2009
    โพสต์:
    6,115
    ค่าพลัง:
    +9,778
    # น้ำมันสาริกาลิ้นทอง#

    หลวงพ่อเปิ่น วัดบางพระ จ.นครปฐม


    (((ปิดรายการนี้ค่า)))
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    • 3461811-3.jpg
      3461811-3.jpg
      ขนาดไฟล์:
      41.1 KB
      เปิดดู:
      52
    • 3461811-2.jpg
      3461811-2.jpg
      ขนาดไฟล์:
      58.4 KB
      เปิดดู:
      40
    • 3461811-1.jpg
      3461811-1.jpg
      ขนาดไฟล์:
      56.5 KB
      เปิดดู:
      36
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 14 พฤศจิกายน 2013
  16. saipote

    saipote เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    27 กันยายน 2009
    โพสต์:
    6,115
    ค่าพลัง:
    +9,778
    **สีผึ้งเสน่ห์จันทร์สาว**

    หลวงปู่สิงห์ วัดบ้านขี้เหล็ก อ.น้ำเกลี้ยง จ.ศรีสะเกษ


    (((ปิดรายการนี้ค่า)))
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    • 3384022-1.jpg
      3384022-1.jpg
      ขนาดไฟล์:
      41.7 KB
      เปิดดู:
      33
    • 3384022-2.jpg
      3384022-2.jpg
      ขนาดไฟล์:
      48.4 KB
      เปิดดู:
      46
    • 3384022-3.jpg
      3384022-3.jpg
      ขนาดไฟล์:
      86.5 KB
      เปิดดู:
      59
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 13 พฤศจิกายน 2013
  17. saipote

    saipote เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    27 กันยายน 2009
    โพสต์:
    6,115
    ค่าพลัง:
    +9,778
    **พระเวสสุวัณ หรือ ท้าวเวสสุวรรณ หลวงปู่ชื้น (ชุบทอง)**4


    ประวัติหลวงปู่ชื้น พุทธสโร วัดญาณเสน จ.อยุธยา

    เมื่อก่อนปี พ.ศ. 2500 ที่วัดญาณเสน ต. ท่าวาสุกรี อ.พระนครศรีอยุธยา จ.พระนครศรีอยุธยา มีพระอาจารย์ผู้เรืองวิชารูปหนึ่ง ชื่อ หลวงพ่อชื้น พุทธสโร ช่วยเหลือชาวบ้าน รักษาโรคภัยไข้เจ็บ ด้วยน้ำพระพุทธมนต์ มีชื่อเสียงมากในทางแก้คุณไสย ป้องกันภูตผีปีศาจ ถูกกระทำ โรคกรรมเก่า โรคจิตวิปริต จิตฟุ้งซ่าน คลอดลูกไม่ออก พ่นตาแดง รักษาฝี ฯลฯ

    เมื่อหลวงพ่อชื้นเสกน้ำมนต์ ให้ดื่มกินก็ปรากฏว่าหายวัน หายคืน เป็นไปอย่างน่าประหลาด เหล่าภูตผี เจ้าที่หรือวิญญาณที่มีสิงสู่ในตัวตน เมื่อรู้ว่ามีผู้นำน้ำพุทธมนต์เสกของ หลวงพ่อชื้น มา ก็รีบหนีไปผุดไปเกิดทันที จนเป็นที่เลื่องลือกันไปทั่วตลาดหัวรอ ตลาดเจ้าพรหม

    ผู้ที่ชอบทางค้าขายหลวงพ่อก็จะเสกธะนางกวักเรียกคนเข้าร้านให้
    ผู้ที่ชอบทางโลดโผน ผจญภัย เป็นรั้วของชาติ ท่านก็สร้างตะกรุดโทนแจกให้

    เล่นแร่แปรธาตุ

    ในสมัยนั้นบรรดาเกจิอาจารย์นิยมเล่นแร่แปรธาตุ โดยนำโลหะต่างชนิดกันมาผสมกัน เพื่อให้เป็นทองคำให้เป็นแร่ธาตุกายสิทธิ์ผสมโลหะ 5 อย่าง 7 อย่าง 9 อย่าง ออกมาเป็นสัตตโลหะ นวโลหะ อย่างเช่น หอกของหลายชุมพล ปลายหอกทำด้วยสัตตโลหะ ใครที่ว่าเหนียว เมื่อเจอโลหะผสมก็เปื่อยเป็นเนื้อต้มทีเดียว หลวงพ่อชื้น ท่านก็ลองวิชาของท่านเหมือนกัน นำโลหะมาผสมได้เนื้อเหลืองทางทองคำก็มี เนื้อเหลือบใสแดงขาวก็มี ท่านเรียกโลหะของท่านว่า เนื้อลูกแก้ว ท่านผสมไว้มากมายใต้ถุนกุฏิ เมื่อใครมาขอท่านก็หลอมเป็นลูกอมเล็ก ๆ ให้พกติดตัว ผู้ที่ได้ไปก็แคล้วคลาดภัยอันตรายต่าง ๆ ถ้าวันใดว่าง ๆ ท่านก็จะให้ศิษย์ไปหาตะปูสังฆวานรตามเจดีย์ร้างเก่า ๆ มาหลอมรีดเป็นตะกรุด ผู้ได้ไปก็มีความคงกระพันชาตรี มหาอุด หยุดลูกปืน จนท่านทำให้แทบไม่หวาดไหว

    พระธุดงค์มาสอนธรรมะเพื่อความหลุดพ้น

    ต้นปี พ.ศ. 2500 มีพระธุดงค์รูปหนึ่งได้ธุดงค์ผ่านมาที่วัดญาณเสน พบกับ หลวงพ่อชื้นเข้าโดยบังเอิญ ท่านอาจารย์ทั้งสองเกิดถูกอัธยาศัยกัน จึงได้สนทนาธรรมกับผู้ศึกษาธรรมย่อมรู้ญาณซึ่งกันและกัน เพียงสนทนากันไม่กี่ประโยคก็ทราบได้ว่ามีความรู้เพียงใด บำเพ็ญเพียร มามากเพียงใด

    อาจารย์ต้องการศิษย์….ศิษย์ต้องการอาจารย์

    พระธุดงค์เปรยขึ้นมาว่า ที่ท่านชื้นได้ร่ำเรียนวิชามานั้น ยังยึดมั่นถือมั่นอยู่ในวัตถุ ต้องปล่อยปละละวาง ละความโลภ โกรธ หลง ทั้งปวง พร้อมทั้งแนะนำธรรมะ และข้อปฏิบัติเพื่อความหลุดพ้นอีกหลายข้อ ตามแนวทางของพระพุทธองค์หลวงพ่อชื้น จึงได้กราบขอเป็นศิษย์ พระธุดงค์รูปนั้นก็มิได้ปฏิเสธ และพูดว่า “นับเป็นกุศลของอาตมาที่จะได้ช่วยให้ผู้มีบุญวาสนาอยู่แล้วได้สำเร็จมรรคผล” นับแต่วันนั้นมาพระภิกษุทั้ง 2 รูป ก็ได้ทบทวนศีล 227 ข้อ พระธรรมวินัยต่าง ๆ ภายในพระอุโบสถ ครั้นยามค่ำคืนก็พากันนั่งสมาธิอยู่โคนต้นโพธิ์ ภายในวัดญาณเสน โดยที่หลวงพ่อชื้นจะภาวนาพระคาถาต่าง ๆ ไปด้วย และลงท้ายด้วยภาวนา นัตถิเม มีพระธุดงค์รูปนั้น ได้นั่งสมาธิคุมไปด้วย

    หลวงปู่ดู่ พรหมปัญโญ วัดสะแก จ.อยุธยา ยังบอกว่า "ถ้าข้าไม่อยู่แล้ว ให้ไปกราบพี่ชื้น วัดญาณเสน"

    หลวงพ่อคูณ ปริสุทโธ วัดบ้านไร่ จ.นครราชสีมา ยังได้บอกศิษย์ว่า ให้ไปทำบุญกับหลวงปู่ชื้น จ.อยุธยา

    หลวงปู่พรหมา เขมจาโร ยังให้ลูกศิษย์ที่เป็นฤาษี มาเก็บพระหลวงปู่ชื้น

    หลวงปู่แหวน วัดดอกแม่ปั๋ง จ.เชียงใหม่ ยังเคยเอ็ดเอากับชาวอยุธยาว่า "ใกล้เกลือกินด่าง" หมายความว่า ชาวอยุธยาผู้นั้นเดินผ่านวัดหลวงปู่ชื้นกลับไม่รู้ว่ามีเพชรแท้อยู่หน้าบ้านตัวเอง แต่กลับไปกราบหลวงปู่แหวน ซึ่งห่างไปตั้งหลายร้อยกิโล

    ความสำเร็จ

    จนกระทั่งเวลาได้ผ่านไป 2 เดือน กับอีก 27 วัน หลวงพ่อชื้น ท่านก็ยังไม่ได้อะไร เพียงแต่ว่าจิตใจสบายและสงบขึ้น และในคืนวันที่ 27 นั้นตอนใกล้รุ่งที่โคนต้นโพธิ์ หลวงพ่อชื้น ท่านได้ยินเสียงเหมือนคนหว่านทรายมารอบ ๆ ตัวท่าน จึงลืมตาถาม พระธุดงค์ พี่เลี้ยงว่า “นั่นเสียงอะไร” พระธุดงค์ จึงตอบว่า “ผีประจำต้นโพธิ์มันจะเข้าต้นไม้ มันไล่ท่านแล้ว” คืนต่อมาหลวงพ่อชื้น จึงขอเข้ามานั่งสมาธิอยู่ในโบสถ์ จะได้ไม่ไปรบกวนเจ้าที่เจ้าทาง หลังจากนั่งในพระอุโบสถคืนที่ 3 ใกล้รุ่ง หลวงพ่อชื้น ก็นิมิตเห็น องค์พระสัมมาสัมพุทธเจ้านั่งสมาธิลอยมา ถึง 3 พระองค์ และพระธรรมจักร เปล่งรัศมีโชติช่วง หมุนอยู่ระหว่างกลาง องค์พระทั้ง 3 พระองค์ เมื่อหลวงพ่อชื้นถอนสมาธิก็บังเกิดความสว่างขึ้นภายในดวงใจ เต็มไปด้วยความปิติ จะนึกสิ่งใดต้องการรู้สิ่งใดก็มีคำตอบขึ้นมาเสร็จ ท่านจึงได้เล่านิมิตให้พระธุดงค์ฟัง พระธุดงค์รูปนั้นท่านก็บอก ว่า “อาตมาหมดหน้าที่แล้ว อาตมาจะกลับไปที่บ้านเกิดของอาตมา ไปจำพรรษาอยู่ที่วัดโบสถ์ อำเภอสูงเนิน จังหวัดนครราชสีมา”

    พระอาจารย์มรณภาพ

    หลังจากวันนั้นแล้วพระธุดงค์องค์นั้นก็ธุดงค์กลับ แม้หลวงพ่อชื้นจะอ้อนวอนให้อยู่ต่อ เพื่อจะได้สนองคุณดูแลเมื่อยามแก่เฒ่า หลวงพ่อชื้น เล่าว่า พระธุดงค์องค์นี้ ชื่อ หลวงพ่อเสน เตชะธัมโม เป็นชาวโคราช อำเภอสูงเนิน มาอยู่กรุงเทพฯ ตั้งแต่เล็ก ๆ กับพระยาท่านหนึ่ง ต่อมาได้อุปสมบทที่วัดบรมนิวาส ได้เล่าเรียนพระปริยัตธรรม วิปัสสนากรรมฐานอยู่กับ พระอุบาลีคุณูปมาจารย์ (จันทร์ สิริจันโท) จนกระทั่งมีความคงแก่เรียน จึงได้ออกรุกขมูลธุดงค์หาความวิเวกไปตามสถานที่ต่าง ๆ จนกระทั่งบำเพ็ญเพียรถึงขั้นสูงสุดหลวงพ่อชื้น เล่าว่า ท่านได้ส่งกระแสจิตถึงกันอยู่เสมอ เพียงแต่นึกถึงกัน ก็สนทนากันได้แล้ว และหลังจากนั้นอีก 5 ปี พระอาจารย์เสน เตชะธัมโม ก็มรณภาพ ในท่านั่งสมาธิอยู่บนภูเขาแห่งหนึ่ง ในอำเภอสูงเนิน เมื่อหลวงพ่อชื้นทราบข่าว ก็ขึ้นไปทันที กว่าจะหาศพพบ ก็เป็นเวลา 7 วัน ปรากฏว่านั่งมรณภาพในขณะสมาธบำเพ็ญเพียรอยู่ในซอกหิน ศพไม่เน่าเปื่อยเหมือนคนหลับธรรมดา สัตว์ป่า หรือ มด แมลง ก็มิได้มาไต่ตอมหลวงพ่อชื้น ท่านก็ได้ช่วยทำการฌาปนกิจอย่างสมเกียรติ แล้วจึงเดินทางกลับ

    ผมเคยถามท่านด้วยตัวเองว่า พระของหลวงปู่กันนิวเคลียร์ได้ใช่ไหมครับ ท่านตอบว่า "ได้" และบอกว่า นิวเคลียร์เป็นพลังทางโลกจะสู้พลังทางธรรมไม่ได้!

    ********************

    คำอาราธนาพระเครื่อง

    ข้าพเจ้าขอพระบารมีคุณ
    พระพุทโธ พระธัมโม พระสังโฆ เป็นที่พึ่ง......... หรือ
    พุทธัง ฤทธิ ธัมมัง ฤทธิ สังฆัง ฤทธิ ชัยยะมังคะลัง
    เอหิ พุทธัง เอหิ ธัมมัง เอหิ สังฆัง เอหิ จิตตัง มะมะ เอหิ


    (((ปิดรายการนี้ค่า)))
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    • DSCN0733.jpg
      DSCN0733.jpg
      ขนาดไฟล์:
      45.6 KB
      เปิดดู:
      38
    • DSCN0735.jpg
      DSCN0735.jpg
      ขนาดไฟล์:
      47.9 KB
      เปิดดู:
      32
    • DSCN0736.jpg
      DSCN0736.jpg
      ขนาดไฟล์:
      47.4 KB
      เปิดดู:
      32
    • DSCN0746.jpg
      DSCN0746.jpg
      ขนาดไฟล์:
      36.1 KB
      เปิดดู:
      37
    • DSCN0738.jpg
      DSCN0738.jpg
      ขนาดไฟล์:
      36.3 KB
      เปิดดู:
      42
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 25 ธันวาคม 2014
  18. saipote

    saipote เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    27 กันยายน 2009
    โพสต์:
    6,115
    ค่าพลัง:
    +9,778
    ผ้ายันต์เกาะเพชร หลวงปู่ปาน (ผืนเล็ก)5

    หลวงพ่อฤาษีลิงดำ วัดท่าซุง ปลุกเสก


    " พลังอำนาจ " ยันต์เกราะเพชร " ลูกหลวงพ่อ "

    การที่ข้าพเจ้าได้นำเรื่องนี้มาเล่าสู่กันฟังก็เพราะเห็นว่าเป็นเรื่องที่ น่าสนใจเรื่องหนึ่งที่บรรดาท่านทั้งหลายมียันต์เกราะเพชรไว้ประจำตัวและผู้ เขียนเองก็ห้อยคออยู่ตลอดเวลาไม่ว่าจะไปไหนหรือแม้แต่เวลานอนก็ยังอยู่ที่คอ ตลอดเวลา

    เรามีของประจำตัวนั้น บางทีเราก็ไม่ทราบเหมือนกันว่า เครื่องรางของขลังนั้นจะสามารถป้องกันตัวเราให้พ้นจากอันตรายได้หรือเปล่าก็ ไม่ทราบ ซึ่งคงมีหลายท่านที่มีความคิดเหมือนกับข้าพเจ้า บางท่านอาจจะมีประสบการณ์มาแล้ว รู้ได้เฉพาะตัวของท่านเอง ไม่อยากจะเล่าให้คนอื่นฟังเพราะถ้าเล่าให้ฟังแล้วอาจจะไม่เชื่อก็ได้

    เรื่องเครื่องลางของขลังนั้น ถ้าเรามีความรู้จะพิสูจน์ว่าจะสามารถป้องกันหรือคุ้มครองให้แก่เราได้หรือ ไม่นั้น เราก็ต้องพิสูจน์ให้เห็นแจ้งชัดกันไปเลย

    ข้าพเจ้าได้พบหลวงพ่อฤาษีเป็นครั้งแรกที่เมืองชิคาโก สหรัฐอเมริกา นับว่าเป็นโชคดีที่สุดในชีวิตของข้าพเจ้าในการไปหาท่านครั้งนี้ ข้าพเจ้าทำสมาธิมาหลายปีแล้ว ประมาณสัก 15 ปี เห็นจะได้ ทำโดยไม่มีครูหัดเลย อ่านจากหนังสือแล้วก็ทำเอง ทำถูกบ้างไม่ถูกบ้าง ดังนั้นจึงเป็นโอกาสอันดีงามที่หลวงพ่อเดินทางไปอเมริกาจะได้ฝึกสมาธิเป็น ทางการเสียที นอกจากนั้นข้าพเจ้าก็ไม่ต้องเสียเวลาเดินทางมาเมืองไทย ถ้ามาเมืองไทยก็ไม่แน่นักจะได้พบหลวงพ่อ เพราะได้ข่าวว่ามีคนมาพบหลวงพ่อแน่นทุกวัน

    ข้าพเจ้าตั้งใจว่าจะขับรถยนต์ไปกับภรรยาและลูกของข้าพเจ้า ให้ถึงเมืองชิคาโก แต่เผอิญข้าพเจ้าได้เจ็บป่วยเสียก่อนโดยเป็นไข้หวัดธรรมดาเอง แล้วก็มาติดภรรยาเสียอีกเขาก็เลยเจ็บป่วยกันงอมแงม เลยตัดสินใจมาคนเดียว โดยมาทางเครื่องบิน แต่ไข้หวัดเจ้ากรรมมันก็ยังไม่หาย ข้าพเจ้าก็กังวลใจกลัวจะไม่มีโอกาสได้พบหลวงพ่อ

    คืนวันก่อนเดินทางหนึ่งวัน ข้าพเจ้าก็ได้ไหว้พระและอธิษฐานขอให้ข้าพเจ้าหายจากเจ็บป่วยเถอะ ลูกจะได้พบหลวงพ่อตามความตั้งใจ พอรุ่งเช้ารู้สึกกระปรี้กระเปร่าขึ้น สดชื่นกว่าทุกวัน และสามารถขับรถไปได้อีก 2 ชั่วโมงเพื่อไปขึ้นเครื่องต่อ

    เมื่อมาถึงเมืองชิคาโก ได้มาพักอยู่บ้านคุณบุษกรซึ่งข้าพเจ้าไม่รู้จักกันมาก่อนเลย เธอให้การต้อนรับเป็นอย่างดีเหมือนกับเป็นญาติพี่น้องกันมาก่อน ขอขอบพระคุณคุณบุษกรมา ณ โอกาสนี้ด้วย ก็เป็นอันว่าได้พบหลวงพ่อที่บ้านพักคุณอมร ริดใจบุญ (ขณะนั้นยังไม่ได้บวช) ในวันเดียวที่ข้าพเจ้าได้ถึงเมืองชิคาโก

    ข้าพเจ้าได้ฝึกสมาธิตามแบบมโนมยิทธิของหลวงพ่ออยู่ถึง 2 วัน ตามกำหนดแล้วหลวงพ่อให้ฝึก 3 คืน แต่ผมอยู่ไม่ได้มีธุระต้องกลับบ้าน ผลที่ได้รับจากการฝึกสมาธิแบบมโนมยิทธิของหลวงพ่อ ข้าพเจ้าดีใจเป็นอย่างมาก พูดกับตนเองว่าเกิดมาชาตินี้ทั้งทีไม่เสียชาติเกิด เพราะว่าข้าพเจ้าได้พบของวิเศษในชีวิตที่ไม่เคยพบเห็นมาก่อนเลย การฝึกสมาธิแบบนี้ ผลที่ได้รับนั้นจะมีฤทธิ์ทางใจจริงๆ เพราะสามารถเห็นผี เทวดา พรหม และแม้กระทั่งเห็นองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าที่พระนิพพานได้ นอกจากใจเห็นได้แล้ว ยังสามารถคุยกับพวกพรหม เทวดาได้อีก ก็เป็นเรื่องที่น่าแปลกมากเพราะธรรมดาเรื่องเหล่านี้ถ้าใครมาคุยให้ข้าพเจ้า ฟังแล้วจะไม่สนใจนัก แต่ก็ไม่ปฏิเสธเมื่อมาพิสูจน์ได้แล้วก็ต้องเชื่อ อย่างไม่มีความสงสัย

    เมื่อเรามีความรู้ในทางทิพย์ เราก็ต้องทดลองเครื่องลางของขลังที่มีอยู่กับตัวเราให้ประจักษ์แก่ใจว่าจะมี จริงเพียงไร ข้าพเจ้าเป็นศัลยแพทย์ทางผ่าตัดทั่วไป ประจำอยู่โรงพยาบาลแห่งหนึ่งทางภาคตะวันออกเฉียงเหนือของสหรัฐอเมริกา

    วันหนึ่งคนไข้ของข้าพเจ้าเจ็บหนัก และถึงขั้นสลบ ไม่รู้ตัว (โคม่า) แต่การเจ็บป่วยครั้งนี้ไม่ได้เกิดจากการผ่าตัด เกิดจากการเป็นอัมพาต แล้วมีโรคปอดบวมเข้า มีไข้สูงมาก เป็นอันว่าคนไข้คนนี้ตายแน่เพราะอายุก็เข้าไป 80 ปีแล้ว ขณะปลอดคน ยังไม่มีพยาบาลเข้ามาดูแลคนไข้ ข้าพเจ้านั่งอยู่ข้างเตียง จิตใจสงสารไม่รู้จะช่วยอย่างไร เพราะไม่ใช่เรื่องของการผ่าตัด ข้าพเจ้าก็เลยนึกขึ้นมาได้ว่า อาจจะมีวิญญาณภูติผีในห้อง อาจจะเป็นได้ ก็เลยทำจิตให้สงบแล้วค่อยๆ ใช้กระแสจิตกวาดไปในห้อง ครั้งแรกเริ่มกวาดจากขวามาซ้าย กวาดไปช้าๆ พอมาถึงมุมห้อง รู้สึกว่ากระทบอะไรเข้าอย่างหนึ่ง แต่ข้าพเจ้าไม่ดูว่าเป็นอะไร เสร็จแล้วก็ทำแบบเดิม เริ่มจากทางซ้ายของห้องมาทางขวาพอมาถึงมุมห้องเดิมก็สะดุดสิ่งอันเดิมอีก

    ทีนี้ข้าพเจ้าก็เลยเอาจิตเพ่งที่มุมห้องทันที เพ่งสักพักก็เห็นชัดขึ้นมา พบว่าเป็นคนยืนอยู่ที่มุมห้องลักษณะเป็นชายร่างท้วม ผิวค่อนข้างขาว ไม่สูงนัก ใส่เสื้อแบบเสื้อยืดสีขาวค่อนข้างสกปรก แถมยังมีผ้ากันเปื้อนที่หน้าอก เหมือนกับที่แม่ครัวใส่เวลาทำกับข้าวแม้กระทั่งเสื้อกันเปื้อนยังสกปรก มือขวาถือหอกยาว ปลายหอกดูเหมือนจะมีสามแฉก นุ่งกางเกงขาสั้นแต่เลยเข่าไปหน่อย ใส่รองเท้าสานแบบนักรบโรมัน ขณะที่ยืนอยู่ก็ยืนอยู่ไม่นิ่ง เดี๊ยวเหลียวซ้ายแลขวา บางทีก็ทอดอารมณ์

    ข้าพเจ้าเป็นคนขี้สงสัยก็เลยขยับปากถามเพราะอยากรู้ว่าเจ้านี่คือใคร มาทำอะไรอยู่ในห้องนี้ แล้วถามเป็นภาษาอังกฤษออกไป คิดว่ามันเป็นผีฝรั่งแน่ ข้าพเจ้าถามว่า " คุณคือใคร...? "

    เท่านั้นแหละตาที่กำลังทอดอารมณ์อยู่ก็กลับมาจ้องเขม็งตรงมายังข้าพเจ้า เขาตอบว่า " มาเฝ้าไข้ "

    ข้าพเจ้าเลยถามต่อไปว่า " มาเฝ้าเพื่ออะไร ? "

    เขาตอบว่า " เพื่อจะเอาคนไข้ไป "

    ข้าพเจ้าถามอีกว่า " เอาไปเพื่ออะไร ? "

    เขาตอบว่า " ไม่รู้ เขาใช้ให้มาเอาไป "

    ข้าพเจ้าก็เลยนึกขึ้นได้ว่าไอ้เจ้าคนนี้ก็คือยมบาลเราดีๆนี่เอง คงจะเป็นยมบาลชั้นลูกน้อง เพราะถามอะไรแล้วก็ไม่รู้เรื่องนัก คงไม่ฉลาด ถ้าฉลาดแล้วเขาคงไม่ให้มายืนเฝ้าแบบนี้

    พอมาถึงตอนนี้ท่านผู้อ่านคงได้ยินคำบอกเล่าต่อกันมาว่า เวลาคนเราใกล้จะตายหรือตายแล้ว จะมียมบาลมาเอาวิญญาณไป ดังนั้นเรื่องก็เป็นจริงตามคำบอกเล่าของคนโบราณที่เล่ากันต่อๆมา

    ข้าพเจ้าก็เลยถามเขาต่อไปอีกว่า " คุณรู้หรือเปล่าว่าฉันเป็นหมอและเคยรักษาคนไข้คนนี้ "

    เขาตอบว่า " รู้แล้ว "

    ข้าพเจ้าก็เลยพูดต่อไปอีกว่า " เอาอย่างนี้ก็แล้วกัน คนไข้คนนี้เป็นคนไข้ของฉัน ฉันรักษาเขามาหลายหนแล้ว และนับถือเขาเหมือนญาติ ฉันจะไม่ยอมให้คนไข้คนนี้แก่ท่าน แล้วท่านจะว่าอย่างไร ? "

    เขาตอบ " ไม่ให้ไม่ให้ ต้องเอาไปให้ได้ "

    ข้าพเจ้าก็เลยพูดสำทับต่อไปอีกว่า " ฉันจะไม่ยอมให้จริงๆ แล้วคุณจะว่าอย่างไร ?"

    เขาก็ตอบว่า " ก็ต้องสู้กันเท่านั้น "


    (((ปิดรายการนี้ค่า)))
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    • DSCN0559.jpg
      DSCN0559.jpg
      ขนาดไฟล์:
      30.1 KB
      เปิดดู:
      58
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 13 พฤศจิกายน 2013
  19. saipote

    saipote เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    27 กันยายน 2009
    โพสต์:
    6,115
    ค่าพลัง:
    +9,778
    **เหรียญท้าวเวสสุวัณ - เนื้อทองแดงรมดำ**

    สร้างปีพ.ศ. 2521 หลวงพ่อประธานฝ่ายสงฆ์พุทธาภิเษกที่วัดพระศรีมหาธาตุ จ.นครศรีธรรมราช กับพระเก่ง ๆ สมัยนั้นอีกหลายท่าน ขุนพันธ์ฯประธานฝ่ายฆราวาส..มีประสบการณ์มากมายทั้งทหารที่ออกรบ และบุคคลทั่วไปที่นำไปบูชาไม่ว่าจะเป็นเรื่องของวิญญาณมารบกวนประสบการณ์ด้านนี้ก็มากมาย เหรียญสวยมากๆอีกเหรียญน่าบูชามากค่า


    (((ปิดรายการนี้ค่า)))
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    • DSCN0833.jpg
      DSCN0833.jpg
      ขนาดไฟล์:
      38.2 KB
      เปิดดู:
      87
    • DSCN0834.jpg
      DSCN0834.jpg
      ขนาดไฟล์:
      45 KB
      เปิดดู:
      57
    • DSCN0835.jpg
      DSCN0835.jpg
      ขนาดไฟล์:
      49.9 KB
      เปิดดู:
      68
    • DSCN0836.jpg
      DSCN0836.jpg
      ขนาดไฟล์:
      56 KB
      เปิดดู:
      33
    • DSCN0837.jpg
      DSCN0837.jpg
      ขนาดไฟล์:
      43.4 KB
      เปิดดู:
      38
    • DSCN0838.jpg
      DSCN0838.jpg
      ขนาดไฟล์:
      52.5 KB
      เปิดดู:
      37
    • DSCN0839.jpg
      DSCN0839.jpg
      ขนาดไฟล์:
      39.4 KB
      เปิดดู:
      73
    • DSCN0840.jpg
      DSCN0840.jpg
      ขนาดไฟล์:
      48.8 KB
      เปิดดู:
      72
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 2 พฤษภาคม 2014
  20. saipote

    saipote เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    27 กันยายน 2009
    โพสต์:
    6,115
    ค่าพลัง:
    +9,778
    #พระพิมพ์สมเด็จ -กลาง#

    หลวงพ่อหวล วัดพุทไธสวรรค์ ((สีปีกแมลงทับ)) ของแแท้ 100%​


    อานุภาพของธาตุกายสิทธิ์ (พญาเหล็ก/เหล็กไหล)
    …"เหล็กไหล" เป็น โลหะธาตุแปลกประหลาดที่มีชีวิต เป็นวิบากของกฏแห่งกรรม บันดาลให้วิญญาณอยู่ในสังสารวัฏ มาปฏิสนธิในสภาวะที่เป็นโลหะธาตุเหล็กไหล เคลื่อนไหวได้ เสพบริโภคผึ้งได้ ขับถ่ายได้ (เรียกว่าขี้เหล็กไหล)และสถานที่อยู่อาศัยนั้นชอบสถานที่สงบตามถ้ำ ดังนั้นจึงถือได้ว่าเหล็กไหลเป็นสิ่งมีชีวิตจำพวกเทพ เป็นเทพที่มาใช้วิบากกรรมในโลก เหล็กไหลจึงมีทั้งเทพที่เป็นยักษ์ ที่เป็นคนธรรพ์คอยอารักขาอยู่ตลอดเวลา เหล็กไหลที่พบกันจึงมีหลากหลายชนิดที่ได้เห็นกัน เหล็กไหลเป็นธาตุที่ทรงอำนาจในการป้องกันตัว และ สิ่งที่อยู่ใกล้ตัว ให้พ้นจากภัยอันตราย อันเกิดจาก "อาวุธปืน" หรือ "ของมีคม" และ "ศาสตราวุธ" ทุกชนิด "เหล็กไหล" เป็นสสารที่มีชีวิตเป็นอมตะ และ หาได้ยากยิ่ง ต้องมีพิธีกรรมมากมาย กว่าจะได้มา ฉะนั้น เหล็กไหลจึงเป็นวัตถุอาถรรพ์ที่มีราคาแพง เพราะเป็นที่รู้จักกันอย่างแพร่หลาย และ เป็นที่เข้าใจกันทั่วไปว่า เหล็กไหลมีอานุภาพยอดเยี่ยม สามารถคุ้มครองชีวิตผู้ที่มีเหล็กไหลไว้ในความครอบครองหรือพกพาติดตัว และจะได้รับความคุ้มครองให้ปลอดภัยจาก "อุบัติภัยร้ายแรง" ต่างๆ รวมไปถึง "อาวุธร้ายแรง" นานาชนิด ได้อย่างอัศจรรย์นั่นเอง

    ผู้ที่จะทำพิธีตัดเหล็กไหลได้นั้น จะต้องเป็นผู้ที่มีคุณธรรมชั้นสูง และต้องประพฤติปฏิบัติรักษาศีลได้อย่างมั่นคง ไม่มีจิตคิดละโมภ กล่าวคือ จะต้องขออนุญาตจาก "เทพยดา" ผู้ดูแลรักษาเสียก่อน เมื่อได้รับอนุญาตจึงค่อยทำพิธีตัดเอาได้ มิฉะนั้น หากเราขืนตัดเหล็กไหลด้วยกำลัง หมายแย่งชิงเอาโดยพละการ ถือดีในพระเวทย์ก็อาจมีเภทภัยถึงแก่ชีวิต หรือ เกิดความขัดแย้งในหมู่คณะจนถึงขั้นวิบัติเอาได้ ด้วยอิทธิฤทธิ์ของเทพยดาผู้รักษาเหล็กไหลนั้นเอง
    หลวงพ่อหวลท่านได้เรียนวิชาอาคม สุดยอดวิชาอาคมที่เกือบจะเรียกว่าสาบสูญไปแล้ว ได้แก่วิชาอาคมเรียกและเชิญเหล็กไหล หรือพญาเหล็กไหลสุดยอดแห่งธาตุกายสิทธิ์ ที่ทุกคนต้องการได้มาครอบครอง วิชาอาคมเรียกหรือเชิญเหล็กไหลนั้นไม่ใช่จะเปิดเผยกันง่ายๆการเรียกหรือเชิญเหล็กไหลก็ไม่ใช่เรื่องธรรมดาที่ใครๆก็ทำได้ เหล็กไหลเป็นธาตุกายสิทธิ์…..ย่อมเป็นอันตรายต่อผู้ที่จิตไม่บริสุทธิ์ หากทำการเรียกหรืออัญเชิญเหล็กไหล อาจถึงตายได้ ซึ่งหลวงพ่อหวล แห่งวัดพุทไธสวรรค์ จ.พระนครศรีอยุธยา ท่านได้เล่าเรียนศึกษาวิชา "การเรียกและตัดเหล็กไหล" จากศิษย์หลวงพ่อเดิม วัดหนองโพ จ.นครสวรรค์ หลายท่านบอกว่าหลวงพ่อเดิมท่านชอบเล่นแร่แปรธาตุ บางคนตั้งให้หลวงพ่อเดิมท่านเป็นเทพเจ้าแห่งการเล่นแร่แปรธาตุเลยทีเดียว
    เหล็กไหลที่หลวงพ่อหวลได้ตัดไว้ มีด้วยกัน 3 วรรณะ ซึ่งแต่ละสีก็แบ่งแยกตามชั้นวรรณะของเหล่าบรรดา "เทพยดา หรือ ฤาษี" ที่ปกปักรักษา ได้แก่
    1.วรรณะเจ้าน้ำเงิน
    2.วรรณะท้องปลาไหล
    3.วรรณะเงินยวง

    และรูปแบบของเหล็กไหลที่ท่านตัดไว้มีหลายอย่าง อาทิเช่น แบบพิมพ์พระกริ่ง (นิยมสูงสุด และหายากมากที่สุด!!! ), พระพุทธ, แคปซูล, แหวน, กำไล, พระขรรค์ ,กรมหลวงชุมพร,หลวงปู่ทวด,รัชกาลที่ 5, พระสมเด็จ,พระนางพญา,พระผงสุพรรณ,พระซุ้มกอ,พระรอด,เจ้าแม่กวนอิม,พระขรรค์,ตรีสูญ,พระบูชา,พระสังกัจจายน์ ฯลฯ เป็นต้น ซึ่งเหล็กไหลแต่ละพิมพ์นั้น หลวงพ่อหวลจะต้องจัดสร้าง "หุ่นเทียน" ขึ้นมาไว้ก่อน จากนั้นหลวงพ่อท่านจึงนำเข้าไปในถ้ำกลางป่าลึก แล้วเมื่อท่านเจอ "เหล็กไหล" ท่านจึงทำ "พิธีอัญเชิญเหล็กไหล" ให้ "ไหลวิ่ง" ลงมาตามด้ายสายสิญจ์ โดยอัญเชิญให้เหล็กไหลวิ่งมาก่อตัวเป็นรูปเป็นร่างขึ้นเอง เพื่อให้เราสามารถที่จะจับต้องเหล็กไหลเป็นรูปธรรมได้ ตามรูปแบบทรงพิมพ์ของหุ่นเทียนที่หลวงพ่อท่านได้ขออนุญาตจัดสร้างเตรียมขึ้นมา (หุ่นเทียน 1 อัน จะได้เหล็กไหล มาเพียงแค่ 1 ชิ้นเท่านั้น) ซึ่งพิธีในขั้นตอนนี้เรียกอีกอย่างหนึ่งว่า "พิธีหุงเหล็กไหล" โดยเป็นวิธีการหุงแบบตามธรรมชาติ โดยให้เหล็กไหลวิ่งมาก่อตัวเป็นรูปเป็นร่างขึ้นเอง ซึ่งในการทำพิธีแต่ละครั้ง ต้องใช้ "อำนาจพลังจิต" สูงมาก และเหล็กไหลที่ได้มาแต่ละชิ้นนั้น ต้องใช้ระยะเวลาในการหุงนานมาก จึงทำให้ในการทำพิธีแต่ละครั้งจะได้เหล็กไหลเพียงไม่กี่ชิ้น (โดยในแต่ละขั้นตอนในการทำพิธีนี้ ต้องเป็นผู้มีวิชาอาคมใน "การเรียกและตัดเหล็กไหล" โดยเฉพาะ) ไม่ได้มาทำกันเล่นๆๆ หรือ นำเหล็กมาปั๊ม หรือ นำมาหล่อ เหมือนอย่างพระเครื่องทั่วๆไป ซึ่งทำให้ "ของปลอม" ยากที่จะทำออกมาเลียนแบบได้ ซึ่งปัจจุบันเหล็กไหลของหลวงพ่อหวลนี้หายากมากๆๆ เดินตามสนามพระทั่วไปแล้ว ท่านจะไม่ได้พบเห็นเลยแม้แต่ชิ้นเดียว เพราะเป็นที่หวงแหนของผู้ที่มีไว้ครอบครองเป็นอย่างยิ่ง ซึ่ง "เหล็กไหล ทั้ง 3 สี 3 วรรณะ" นี้ เป็นเหล็กไหลที่หาได้ค่อนข้างยากมากๆๆๆ (เพราะมีระดับสภาวะ ขั้นสูงสุด 31 ภพภูมิ ทั้งยังมีเทพยดา และ ฤาษี ชั้น "มหาเทพ" และ "มหาฤาษี" ลงมาปกปักรักษามากที่สุดและจะพบ "เหล็กไหล 3 สี 3 วรรณะ" นี้ได้ ต้องเป็นถ้ำที่มีอากาศค่อนข้างหนาวเย็นมาก และอยู่ในกลางป่าลึก บริเวณใจกลางหุบเขา "เหล็กไหล ทั้ง 3 สี 3 วรรณะ" มีคุณวิเศษทางด้านเมตตาแรงมากๆๆ มหาเสน่ห์ขั้นสูง คงกระพันชาตรี แคล้วคลาด เรียกโชคลาภขั้นสูง บันดาลทรัพย์สินเงินทอง ดลจิตดลใจ พลิกดวงชะตา จากตกต่ำให้เป็นสูงขึ้น (จากหน้ามือเป็นหลังมือ) เตือนภัยเมื่อมีเหตุคับขัน และสามารถล่องหนกำบังตัวหลบภัยได้ (ครบวงจร) ชอบช่วยเหลือผู้ปฏิบัติธรรม หรือ จะดลจิตดลใจของผู้ครอบครองเหล็กไหลนี้ ให้ตั้งมั่นอยู่แต่ในศีลในธรรม ในความดี มุ่งแต่สร้างบุญสร้างกุศล เพราะเกิดจากฤทธิ์ของมหาเทพและมหาฤาษีในขั้นระดับ “อรูปฌาณ” ที่มีบารมีธรรมสูงมาก ที่เป็นผู้ปกป้องครอบครองเหล็กไหลประเภทนี้ อยู่นั้นเอง

    "เหล็กไหล ทั้ง 3 สี 3 วรรณะ" นี้ มักจะตกได้อยู่แต่ในความครอบครองของ "พระภิกษุ" หรือ "นักบวชต่างๆ" (ที่มีฌาณขั้นอุกฤษณ์) คนธรรมดาอย่างเราๆ ยากนักที่จะได้เป็นผู้ครอบครอง เพราะใช่ว่ามีเงินเพียงอย่างเดียวจะหามาไว้ในความครอบครองได้ง่ายๆๆ จะต้องเป็น "ผู้มีบุญญาธิการบารมี" และต้องมี "กรรมเก่าเกี่ยวกัน" จริงๆๆ จึงจะได้เป็นผู้ครอบครอง พระพญาเหล็กไหลนี้ มีคุณ 108 ประการตามแต่อธิษฐาน ท่านบอกว่าใครได้ครอบครองไว้จะมีอำนาจ บารมี เหนือผู้อื่นพกพาติดตัวแคล้วคลาดปลอดภัย กิจการงานเจริญก้าวหน้า เดินทางไปที่ใด มีเทพยดา ปกปักรักษา มีโชคลาภ เลื่อนยศ เลื่อนตำแหน่ง และพระพญาเหล็กนี้ใช่ว่ามีเงินแล้วจะได้ครอบครอง ล.พ.หวลท่านบอกว่าต้องมีบุญวาสนาแต่ชาติปางก่อนจึงได้ครอบครอบครอง


    - ให้บูชา 11,050 (รวมจัดส่ง)
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    • DSCN0063.jpg
      DSCN0063.jpg
      ขนาดไฟล์:
      42.5 KB
      เปิดดู:
      69
    • DSCN0065.jpg
      DSCN0065.jpg
      ขนาดไฟล์:
      42.5 KB
      เปิดดู:
      51
    • DSCN0066.jpg
      DSCN0066.jpg
      ขนาดไฟล์:
      50.4 KB
      เปิดดู:
      77
    • DSCN0067.jpg
      DSCN0067.jpg
      ขนาดไฟล์:
      47.2 KB
      เปิดดู:
      67
    • DSCN0068.jpg
      DSCN0068.jpg
      ขนาดไฟล์:
      38.6 KB
      เปิดดู:
      69
    • DSCN0069.jpg
      DSCN0069.jpg
      ขนาดไฟล์:
      19.2 KB
      เปิดดู:
      60
    • DSCN0070.jpg
      DSCN0070.jpg
      ขนาดไฟล์:
      46.2 KB
      เปิดดู:
      65

แชร์หน้านี้

Loading...