วัดแจ้ง..เมืองอุทัยเก่า กับพระเจ้าตาก..

ระหว่างรอคุณเสือดาว เล่าประสพการณ์ที่แปลกๆให้ฟังก็แล้วกันครับ

 

มีความสงสัยเรื่องเกี่ยวกับเมืองกลางหาวครับ หรือเมืองของครุฑครับ เลยพยายามจะไปดูปรากฏว่า

 

วันแรกทำใจให้สงบแต่ก็หาทางไปไม่เจอครับ แต่มีเสียงบอกในความสงบนั้นว่า ดินแดนนี้ไม่ได้อยู่ชิดติดกับเหมือนดินแดนของพญานาคครับ วันที่สองก็พยายามทำใจให้สงบเพื่อจะไปยังดินแดนแห่งนี้ให้ได้ครับ เพราะความอยากรู้อยากเห็นนั้นมีมากกว่าอุปสรรคที่ขวางกั้นครับ

 

วันที่สามเลยขอความช่วยเหลือจากเบื้องบนดีกว่า เพราะว่า ไม่ค่อยมีใครมาเล่าเรื่องดินแดนนี้ให้ฟังสักที ปรากฏว่าหลังจากขอความช่วยเหลือจากเบื้องบนก็มีท่านเทวดาท่านหนึ่งมาหา แล้วท่านก็พาไปครับ

 

รีบมาปูเสื่อรอฟังเรื่องเล่าแปลกๆ เลยค่ะ..

 

ดินแดนแห่งนี้ไม่อยู่ชิดติดกับภพภูมิของมนุษย์ ฉะนั้นเลยยากที่ใครจะไปเยือนครับ เลยไม่ค่อยมีเรื่องเล่าถึงดินแดนแบบนี้ พอท่านเทวดาพาไปปรากฏว่าต้องไปข้ามรอยต่อที่เป็นทางเข้าระหว่างดินแดน คล้ายๆกับไปดินแดนสวรรค์ครับ คือมีรอยต่อที่ยากจะไปสัมผัสนั้นได้ครับ

 

แต่เมื่อไปถึงนิมิตที่เห็นนั้น เป็นภาพที่เหนือคำบรรยายครับ ภพภูมิของครุฑนั้น สว่างไสวไปด้วยแสง เหมือนแสงแดดยามที่เราอยู่ริมชายทะเลครับ และภาพที่เห็นข้างหน้านั้น มีมนุษย์นกที่มีปีกติดกับร่างกาย บินรวมกันเป็นกลุ่มๆ ผิวสีของเขานั้น มีทั้งสีเขียว สีแดง สีเหลือง ดูสวยงามแปลกตาดีครับ

 

รออ่านต่อ..อิอิ oishi_

 

catt15 ค่ะ...

 

พวกผู้คนเหล่านั้นบินได้ครับ สามารถบินได้สูงมากเหมือนนกของภพภูมิมนุษย์ครับแปลกแตกต่างกันตรงที่พวกเขามีหน้าตาเหมือนมนุษย์เพียงแค่มีปีกสีใสๆเท่านั้นเองและขนาดตัวก็ไม่ใหญ่ครับ ประมาณฝ่ามือของเราเท่านั้นเองครับ ช่างดูแปลกตามากครับ พวกเขาบินไปเรื่อยๆคล้ายๆชีวิตของนกที่อพยพตามฤดูครับ แต่เมื่อไปยังเมืองกลางหาวที่ตั้งอยู่บนแท่นหน้าผา สภาพช่างแตกต่างกันโดยสิ้นเชิงเพราะว่า

 

เมืองนั้นถูกฉาบไปด้วยทองคำเหลืองอร่ามสะท้อนแสงสดใส งดงามครับ ผู้คนที่มีปีกที่นี้รูปร่างบึกบึน สูงใหญ่แตกต่างจากมนุษย์นกข้างนอกโดยสิ้นเชิง พวกเขาไม่รู้จักภพภูมิของมนุษย์เพราะไม่สามารถไปมาหาสู่กันได้ครับ ยกเว้นระดับผู้ปกครองเมืองเท่านั้นครับ

 

เสียดายตรงที่ไม่สามารถอยู่ในเมืองกลางหาวได้นาน เพราะท่านเทวดาบอกว่า ถ้าอยู่นานกว่านี้ ธาตุในกายจะแปรปรวนครับ ธาตุลมจะมีมากเกิน ทำให้ไม่สบายได้ เลยจำเป็นต้องกลับที่พักครับ ก็ขอให้ฟังเป็นนิทานแล้วกันนะครับ

 

แปลกนิ..หงัยรูปร่างจึงต่างกัน..;20

 

ขอบคุณค่ะ..ที่มาเล่าเรื่องแปลกๆ ให้อ่านกัน..thaxx

 

ดินแดนต่อไปที่อยากจะไปก็คือดินแดนของยักษ์ครับ โดยเฉพาะท่านท้าวเวสสุวรรณครับ เพราะเมื่อไม่นานมานี้ได้วัตถุมงคลมาเหรียญหนึ่ง เป็นรูปท่านท้าวเวสสุวรรณครับ เลยทำให้อยากไปเยือนดินแดนแปลกๆที่ไม่ค่อยมีใครเล่าให้ฟังครับ

 

โห๋..ไปแล้ว กลับมาเล่าให้อ่านบ้างนะคะ..chearr คอยเชียร์..อ่ะๆๆๆ

 

เพราะตอนที่ได้รับเหรียญนี้มา ก้แปลกอีกแหละครับ คืนนั้นนิมิตไปว่า มีเทวดาแต่ท่านมีกายที่เป็นแสงสว่างออกเขียวๆครับ ในนิมิตรู้ว่า ท่านคือท่านท้าวเวสสุวรรณครับ เลยอยากไปเยือนที่พักของท่านสักครั้งหนึ่งครับ

 

เมื่อข้าพเจ้าทำใจให้สงบ โดยก่อนการทำใจให้สงบนั้น ข้าพเจ้าสวดมนต์ยาวมากประมาณหนึ่งชั่วโมงครับ เพื่อทำให้ใจนั้นแน่วแน่ในสิ่งใดสิ่งหนึ่งเพียงสิ่งเดียวเท่านั้นครับ ข้าพเจ้าภาวนาไปเรื่อยๆไม่รีบร้อนและพยายามประคองสถานการณ์แบบนี้เอาไว้เพราะว่า ดินแดนของยักษ์นั้น ข้าพเจ้าไม่ทราบว่า จะเจอะเจอสิ่งใด เพื่อความไม่ประมาท ข้าพเจ้าพยายามให้ใจของข้าพเจ้ามีพลังให้มากที่สุดครับ เลยภาวนานานสักนานกว่าปกติครับ และเมื่อข้าพเจ้าคิดว่า นานเพียงพอแล้วข้าพเจ้าก็ปล่อยให้จิตของข้าพเจ้าตกสู่ภวังค์ไปครับ พร้อมกับการอธิษฐานด้วยบารมีของตัวข้าพเจ้าว่า อยากไปเยือนดินแดนของยักษ์ครับ

 

ดีจัง..ได้ฟังเรื่องเมืองยักษ์ แล้ว....

 

ปรากฏว่า ข้าพเจ้าพบว่า ข้าพเจ้าไปยืนอยู่ระหว่างรอยต่อของดินแดนครับ แสดงว่าเมืองของยักษ์นั้นไม่สามารถเชื่อมต่อกับภพภุมิของมนุษย์นั้นได้ครับ ข้าพเจ้าเลยต้องอธิษฐานในสภาวะของกายทิพย์อีกครั้งเพื่อข้ามรอยต่อของดินแดนนี้ไปให้ได้ครับ