เรื่องเด่น ลาบวช และเล่าประสบการณ์(ทางธรรม)

ในห้อง 'อภิญญา - สมาธิ' ตั้งกระทู้โดย ชานนคนไทย, 4 มีนาคม 2011.

  1. ชานนคนไทย

    ชานนคนไทย เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    20 สิงหาคม 2007
    โพสต์:
    1,008
    ค่าพลัง:
    +3,128
    ต่อครับ(เรื่องที่2)เป็นเรื่องนี้ที่เกิดขึ้นกับผู้ที่ปฏิบัติธรรมที่เป็นผู้หญิง(อุบาสิกา)คิดว่าเป็นนิทานทางธรรมนะครับ
    เรื่องมีอยู่คือคุณแม่ของผมท่านชอบทำบุญที่วัดและก็เชื่อเรื่องคนทรงเจ้าก็จะพาผมไปทุกครั้งและก็หลายที่ไปมีทั้งบอกว่าร่างทรงพ่อร.5,สมเด็จพระนเรศวร,เจ้าแม่อวนอิม,ฤาษีตาไฟ,และก็อีกหลายชื่อที่สำนักทรงจะตั้งขึ้น,เรื่องสำนักทรง(คนทรงเจ้า)ผมยังไม่ขอพูดถึง...แม่ผมท่านจะไปตามที่เขาบอก(คนทรง)คือไปถามเรื่องส่วนตัวและครอบครัวตอนนั้นแม่ของผมท่านยังไม่เข้าใจการนับถือ,เวลาท่านไปทำบุญท่านก็ไปทำบุญกับ(สมมุติสงฆ์)ที่วัดบ้านก็จะดูดวงและให้หวย,จนมาวันหนึ่งท่านมาพบเพื่อนของท่านแนะนำให้ไปวัด...วัดหนึ่งอยู่ที่จังหวัดนนทบุรี...ท่านก็มาชวนให้ผมไปวัดกับท่านด้วย ผมก็ไปกับท่าน...การเดินไปวัดนี้ยากพอสมควรต้องนั่งรถแล้วไปต่อเรือ...แล้วต้องเดินเข้าไปในสวนทุเรียนที่อยู่ลึกและเปลียวมากและไปช่วงหน้าฝนด้วยกว่าจะเข้าถึงก็เหนื่อยพอสมควร...เมื่อมาถึงวัดก็งงมาก...วัดอยู่ในสวนแล้ว,มีต้นไม้เต็มไปหมด(เหมือนสวนป่า)ก็เจอพระเดินอยู่แต่เดินช้ามาก...จึงสังสัยว่าทำไมท่านจึงเดินช้า...ถามแม่ก็บอกไม่รู้...จึงเดินไปศาลาไม้ขนาดใหญ่พี่พระประธานตั้งอยู่ในศาลา...ก็พบพระหนุ่มที่ดูแลอยู่แม่ก็ถามว่า...หลวงพ่อเจ้าอาวาสอยู่ไหม...ท่านไม่ตอบแต่ท่านมองหน้าแบบมีเมตตา...จึงเชิญให้โยมนั่งก่อน...ท่านถามมาจากไหนบอกว่ามาจากลาดกระบัง...มาที่วัดโยมมีธุระกับเจ้าอาวาสหรึอมาทำบุญ...แม่บอกว่าจะมาช่วยวัดอะไรก็ได้ที่ได้ช่วย...ท่านเงียบ...แล้วจึงพูดว่า...ดีแล้วโยม ที่โยมจะมาช่วยวัด...ดีว่าไปช่วยผีและช่วยนักบวชที่ทำไม่ถูกพระวินัย...แม่กับผมก็งงว่าท่านพูดอะไร..แม่จึงถามท่านว่าเมื่อกี้พระอาจารย์พูดหมายความว่าเช่นไร...ท่านก็บอกว่าที่โยมไปกราบคนทรงเจ้าแทนที่จะกราบพระ...และไปกราบนักบวชปลอมที่อาศัยผ้าเหลืองหากินในพระพุทธศาสนา...เท่ากับเราไปสับสนุนคนผิด...แต่ก็ไม่เป็นไรผ่านไปแล้ว เมื่อมาถึงที่วัดแล้วก็ไปไหว้พระประธานก่อน...ผมก็ถามแม่พระท่านรู้ได้ยังไง...แม่ไม่ตอบก็เข้าไปไหว้พระประธานหลังจากไหว้เสร็จ...ท่านก็ถามว่านั่งสมาธิเป็นไหม...แม่ตอบว่าไม่เป็น..ท่านก็บอกว่าโยมให้ว่าตามอาตมา...ท่านก็ให้สวดมนต์และอนาทานศีล5และให้นั่งสมาธิ...แม่กับผมก็นั่งไม่เป็น...ท่านบอกให้ขาขวาทับขาซ้าย...มือขวาทับมือซ้าย...ตั้งกายให้ตรง...และดูลมหายใจเข้า-ออก...หายใจเข้าให้ภาวนาพุทธ-หายใจออกให้ภาวนา-โธ ให้ภาวนาไปเรื่อยๆ...สักพักก็ออกจากสมาธิ...ท่านก็ให้แผ่เมตตา...เสร็จก็ถามรู้สึกเป็นอย่างไรบ้าง...แม่ก็บอกตามตรงว่าปวดขามาก แต่ก็จะมีเหตุการณ์ที่ผ่านไปนานมากแล้วกลับนึกขึ้นมาในใจตอนนั่งสมาธิทั้งๆที่เรื่องสมัยเป็นเด็กๆผ่านมานานมากแล้วและก็ลืมไปแล้วแต่ทำไมจึงนึกขึ้นมาได้และจำได้ทุกขั้นตอน...ท่าน(หลวงพ่อ)ก็บอกจิตเรา(มนุษย์)...นี้ช่างมหัศจรรย์มากเก็บเรื่องเล่าตั้งแต่อดีตหลายปีได้และยังเก็บเรื่องเล่าในอดีตชาติได้ด้วย...แต่เราไม่รู้เพราะเราไม่ได้ปฏิบัติธรรม...ไว้โยมปฏิบัติธรรมแล้วโยมจะเข้าใจเอง...แม่จึงกราบลาท่านและบอกว่าจะมาปฏิบัติธรรมใหม่...ตอนที่ไปวัดนี้ประมาณปี2524...คือวัดสังฆทาน...พระ...หลวงพ่อสนอง กตบุญโญ...และหลังจากนั้นแม่ผมไปวัดสังฆทานตลอดและชวนเพื่อนๆและญาติมาทำบุญที่วัด...ไม่ไปหาคนทรงเจ้าและนักบวชที่ดูดวงอีกเลย...แต่ก่อนการไปวัดจะไม่สะดวกเหมือนทุกวันนี้...และแม่ผมชอบไปกลางคืนคือหลังเลิกงานเพราะกลางวันทำงานหยุดวันเดียวจึงต้องไปช่วงกลางคืนและพักปฏิบัติที่วัด พร้อมไปช่วยวัดยกทราย,ยกหิน,ยกดิน,และทำครัวพร้อมบริจาคปัจจัย...บ้างครั้งพาเพื่อนๆไปเป็นหมู่คณะ...บ้างครั้งไปคนเดียว,บ้างครั้งพาผมไป...แต่ที่ผมงงมากคือท่านไปคนเดียวต้องเดินเข้าสวนทุเรียนเปลียวๆก่อนถึงวัด...ก็เคยถามท่านว่ากลัวบ้างไหม...แม่ตอบว่าก็กลัวเหมือนกัน...แต่สงสารวัดและหลวงพ่อ...วัดยังลำบากอยู่ต้องช่วยกัน...จึงเข้าใจคำว่า ศรัทธา ในบวรพระพุทธศาสนา...ทำให้ผมอยากเข้ามาศึกษา...และเข้าใจมากขึ้นในเวลาต่อมา...ต่อครับ...ท่านไม่เคยย้อท้อทั้งที่อายุเริ่มมากขึ้นไปทำบุญที่ไหนก็จะกลับมาปฏิบัติธรรมที่วัดสังฆทานตลอดท่านคงทำบุญกับหลวงพ่อสนอง,และวัดสังฆทาน...<!-- google_ad_section_end -->

    <HR style="BACKGROUND-COLOR: #ffffff; COLOR: #ffffff" SIZE=1>
     
  2. ชานนคนไทย

    ชานนคนไทย เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    20 สิงหาคม 2007
    โพสต์:
    1,008
    ค่าพลัง:
    +3,128
    เพื่อนๆคงต้องการทราบว่าเกี่ยวอะไรกับการบวชพระและเกี่ยวผู้หญิง...ท่านอ่านนิทานเรื่องนี้ไปเรื่อยๆ...ท่านจะเข้าใจ...คุณแม่ของผมท่านปฏิบัติของท่านตลอดจนมาวันหนึ่งท่านให้ผมพาไปหาหมอตรวจ...ผมก็พาท่านไปตรวจ...หลังจากตรวจเสร็จคุณหมอเรียกผมไปพบและบอกกับผมเป็นอะไรกับคนไข้...ก็บอกว่าเป็นลูก...หมอก็บอกให้ทำใจแม่คุณเป็น...มะเร็ง...ระยะ3...ระยะสุดท้าย...ผมฟังแล้วทรุดตัวน้ำตาไหลทั้งๆที่เราเป็นผู้ชาย...แล้วออกจากห้องแม่ผมรอหน้าห้อง...ท่านถามว่าหมอบอกแม่เป็นอะไร...ผมไม่พูดแต่ตาแดง(ผ่านการร้องไห้)ท่านพูดว่าหมอบอกว่าแม่เป็นมะเร็งใช่ไหม...ท่านรู้ได้อย่างไร...ผมถามแม่รู้...และท่านก็น้ำตาไหล...ให้พาท่านกลับบ้าน...ท่านกลับมาก็นั่งสมาธิ...พี่ๆรู้ให้ไปรักษา...ท่านก็พูดกับผมว่ารักษาไม่หายหรอกมันเป็นกรรมของเรา...แต่พี่ชายรู้จะให้รักษาทางแผนปัจจุบัน...ท่านก็ไม่ขัดก็ไปรักษาแต่ก็ไม่ดีขึ้น...แต่กำลังใจท่านดีมากก็ถามแม่ว่าไม่เจ็บไม่ปวดบ้างหรึอ...ท่านบอกว่าปวดซิและก็ปวดมากด้วย...แต่ท่านบอกว่าใช้ธรรมะรักษา...เป็นธรรมะโอศล...จึงถามท่านว่ารักษาได้ด้วยหรึอ...ท่านบอกรักษากายไม่ได้หรอก...แต่รักษาใจเราได้ไม่ให้เจ็บป่วยตามกาย...และท่านก็บอกให้พาไปรักษาศีล(จิตกับกาย)ที่วัดสังฆทาน...จึงขับรถพาไปและก็รักษาตัวที่วัด...จนถึงวาระสุดท้าย...พยาบาลที่วัดดูแลท่าน...โทรมาหาผมว่าคุณแม่จะไปแล้ว...ผมก็ขับรถมาตอนเช้า...เมื่อมาถึงแม่ชี,พระท่านบอกว่าโยมเขาจะไปแล้วณ. แล้วพยาบาลก็เข้ามาบอกว่ามีเรื่องจะเล่าให้ฟัง...ผมก็บอกไว้ที่หลังและก็เดินเข้าไปในห้องเห็นท่านนอนอยู่บนที่นอนคนไข้แต่ไม่รู้สึกตัว...จึงเข้าไปประคองคอท่านแล้ว ผมก็นั่งลง...แล้วจิตก็บอกตัวเองว่า...ให้กรรมฐานท่าน...จึงพูดกับท่านว่า...แม่ผม(ชื่อ)มาแล้วนะ ท่านก็พยักหน้ารับรู้...จึงบอกกับท่านว่าแม่หายใจเข้าพุทธนะ...หายใจออกโธ...บุญที่แม่ทำมาดีแล้ว...แม่ได้ช่วยวัดและช่วยคนมามากและลูกๆทุกคนได้บวชและปฏิบัติก็เพราะแม่...เป็นพุทธะ..สมกับที่เป็นพุทธบริษัทสี่...แม่ได้พบสัจธรรมของชีวิตแล้ว(พบธรรมะของพระพุทธเจ้า)...แม่ได้ประพฤติปฏิบัติธรรมตามคำสอนของหลวงพ่อแล้ว....ท่านก็ฟังและพนมมือไหว้พระน้ำตาไหลแล้วก็หลับไป(เสียชีวิต)...ผมก็เดินออกมาข้างนอกก็เห็นญาติๆมาถึงร้องไห้กัน...ก็เดินไปถามพยาบาลว่ามีอะไรจะบอก...เขาก็พูดว่า มีคนมาเรียกแม่คุณตั้ง3ครั้งทางหน้าต่าง...ได้ยินเสียงแต่มองไปข้างนอกไม่มีคน...เวลาครั้งแรกประมาณสามทุ่มกว่า...ผู้มาเรียกว่าไปได้แล้ว...แม่ตอบว่ายังไม่ไปครั้งที่สองเวลาเที่ยงคืน...ผู้มาเรียก...ว่าไปได้แล้วถึงเวลาแล้ว...แม่ตอบว่ายังไม่ไปรอลูกชายก่อน ครั้งที่สามเวลาประมาณตีห้า....ผู้มาเรียกว่า...เลยเวลาแล้วเขามากันหมดแล้ว...แม่ตอบว่ารอลูกชายก่อนเรียก(ชื่อ)ผมยังไม่ไป....จากนัันก็เงียบพยาบาลบอกว่ากลัวมากแต่ใจยังอยากฟังว่าเป็นใครมาเรียกตั้งสามครั้ง...ผมรับฟังแต่ก็ไม่ว่าอะไร...จนมาเฉลย(รู้)จาก...หลวงพ่อท่านบอกว่ายมฑูต...มาเรียกจะนำวิณญาณไป...แต่โยมมีบุญที่ต่อรองได้ว่าให้รอลูกชายมาให้กรรมฐานก่อนที่จะไป...หลวงพ่อจึงบอกว่า...เรื่องนี้สอนให้รู้ว่า...ว่าการประพฤติปฏิบัติธรรมมาดีแล้วไม่ต้องกลัวตาย...คนที่ตั้งใจปฏิบัติธรรมถึงจะเป็นผู้หญิงก็ทำได้และก็ทำได้ดีด้วย และต่อรองกับเทวฑูต(ยมฑูต)ได้ จริงๆแล้วผู้ปฏิบัติธรรม เทวดาและเทวฑูตพร้อมวิณญาณเขาสรรญและคุ้มครอง...หลวงพ่อพูด...โยมจำไว้ให้ดีนะ...คนไหนดีหรึอไม่ดี...ให้ดูกันตอนตาย...จะแสดงออกมาให้เห็น...และงานของโยมมีคนมาร่วมงานโดยไม่รู้จักกันและเป็นผู้มีศีล...คือวันที่ท่านเสียเป็นวันพระใหญ่...มีคนมารดน้ำศพใส่ชุดขาว..และพระทั้งวัดมาร่วมรดน้ำศพ...ตลอดงาน3วันไม่มีใครใส่ชุดดำเลย...ไม่มีการจัดงานอะไรทั้งสิน...ไม่มีสวดศพมีแต่เทศนาเรื่อง...ความตาย(ไม่ให้ประมาท)...หลวงพ่อบอกว่าสวดยะถา..คือสวดให้คนเป็นฟังไม่ได้สวดให้คนตาย....โยม(แม่)ของโยมเขาทำบุญมาดีแล้วไม่ต้องไปสวดให้เขา....และท่าน(แม่)ได้รับความอนุเคราะห์จากหลวงพ่อให้นอนในโลงเย็น(ติดแอร์)โดยไม่ต้องฉีดยา(ฟอมารีน)พร้อมรับเป็นเจ้าภาพทั้งหมด...ก็เป็นบุญของท่านตอนบานปลายชีวิต

    สุดท้ายนี้ทำให้ผมเข้าใจว่า ผู้หญิงถ้าปฏิบัติธรรมแล้วก็ไม่แพ้ผู้ชายและก็มีความกล้าหาญในการที่เสียงชีวิตเพื่อจะได้ปฏิบัติธรรมและก็มีศรัทธาแรงกล้ามาก...ถ้าเรามาดูทุกๆวันนี้จำนวนผู้ที่เข้าวัดมากที่สุดคือผู้หญิง...ถ้าขาดผู้หญิง การทำนุบำรุงพระพุทธศาสนา...พระและวัดจะอยู่ลำบาก...และทำให้เชื่อว่าผู้หญิงไม่ได้เป็นภัย กับพระ...กับช่วยงานวัดและเสียสละแรงกายทำงานครัวและหลายอย่างเท่าที่จะทำได้พร้อมทำนุบำรุงโดยบริจาคกำลังทรัพย์(เงิน)บำรุงวัด...ที่ๆอันตรายของพระ(สมมุติสงฆ์)...คือตัวท่านเองที่ให้กิเลสมาครอบจิต...และก็ไปเพ่งโทษผู้อื่น(ผู้หญิง)....ต่อครับ<!-- google_ad_section_end -->
     
  3. 2499

    2499 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 กันยายน 2005
    โพสต์:
    450
    กระทู้เรื่องเด่น:
    13
    ค่าพลัง:
    +6,033
    กราบโมทนาบุญ อ่านกระทู้นี้แล้วได้มีความรู้เพิ่ม ทำให้มีกำลังใจทางธรรม สาธุ
     
  4. phloiwang

    phloiwang เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 กันยายน 2008
    โพสต์:
    94
    ค่าพลัง:
    +244
    ชอบเรื่องของคุณชานนที่เล่าประสบการณ์ส่วนคัวจากการได้พบเห็นสิ่งลึกลับทั้งสองเรื่อง ทั้งยังเฉลยคำถามในใจผมอีกว่า ภาพผู้ปฏิบัติธรรมที่เห็นมานานนั้นได้จากวัดภูสังโฆ พร้อมทั้งบอกเส้นทางการเดินไปที่นั้น

    ขออนุโมทนาบุญที่คุณชานนจะเข้าสู่ร่มกาสาวพัสอีกครั้ง และคงจะมีเรื่อง/นิทานมาเล่าให้ฟังเรื่อยๆนะครับ
     
  5. ชานนคนไทย

    ชานนคนไทย เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    20 สิงหาคม 2007
    โพสต์:
    1,008
    ค่าพลัง:
    +3,128
    นิทานชีวิตเรื่องนี้...ได้บอกได้สอนผมให้เข้าใจ...คำว่า ศรัทธา ถ้าเราศรัทธาและเชือมั่นในคำสอนของพระพุทธเจ้า...พร้อมพระสาวก(พระอริยะเจ้า)ที่ท่านนำคำสอนมาเทศนาให้...เราได้รับรู้รับฟังเพื่อนำไปประพฤติปฏิบัติ...ถึงจะเป็นผู้หญิงก็ไม่มีอุปสรรคถ้าตั้งใจทำ ก็ถึงธรรมได้เหมือนกัน...และทำให้รับรู้ว่าขณะความตายมาหาท่าน ท่านยังมีสติที่จะประเชิญกับสิ่งที่ทุกคนกลัว...ทำให้มีกำลังใจว่าผู้ประพฤติปฏิบัติธรรมเป็นผู้ที่มีสติไม่ประมาท...จึงบอกกับเพื่อนๆว่าถ้าเราตั้งใจประพฤติปฏิบัติธรรม...จงมั่นใจและศรัทธาตัวเราว่า...เราทำได้...ถึงจะทำไม่ได้มากเท่ากับ...ผู้อื่น...แต่เราได้ทำแล้วในชาตินี้...ไม่เสียดายที่เกิดมาพบพระพุทธศาสนา...การที่เราจะไปเปรียบเทียบกับผู้อื่นว่าเราไม่มีวาสนา...เหมือนเขา...เขาทำบุญมามาก...จึงได้พบได้เห็นและได้ฟังธรรมกับพระสงฆ์ที่ปฏิบัติดีปฏิบัติชอบ...จริงแล้วๆคำว่าวาสนาและบุญไม่เท่ากัน...ก็เป็นเรื่องที่ทุกคนได้รับและได้ฟังและได้อ่านประวัติพ่อแม่ครูอาจารย์มาแล้ว...ก็เก็บมาเป็นอารมณ์ในจิต...ผมเคยได้รับฟังจาก...พระธุดงค์ที่อยู่ในป่าดงดิบ(ป่าดงพระยาเย็น)สมัยเป็นพระได้ธุดงค์เข้าป่าและก็ได้พบและได้เห็นเป็นธรรมะ...คือเคยคิดที่จะเดินองค์เดียวแต่ครูอาจารย์ท่านห้ามท่านบอกว่าต้องมีครูอาจารย์(พระที่เคยผ่านการเดินธุดงค์)ไปด้วยท่านจะได้แนะนำ...ให้รู้ข้อวัตรปฏิบัติธรรมว่าการอยู่ป่าต้องปฏิบัติอย่างไรบ้าง...ใจก็คิดว่าเราก็อยู่ป่าช้ามาสองปีแล้วก็น่าจะไปได้...แต่จริงแล้วก็คิดผิด...เมื่อได้มีโอกาสไปธุดงค์กับพระผู้ใหญ่(15พรรษา)ไปกันแค่สองรูปเพราะท่านจะเดินองค์เดียวตลอดและท่านจะดูดุๆและเงียบไปค่อยพูดและเข้าหมู่คณะจะอยู่รูปเดียว...อยู่ๆ(ท่านก็เมตตา)มาถามผมว่าจะไปเดินธุดงค์กับท่านไหม...ผมตอบเลย...ว่าไปครับถ้าไปให้เตรียมบริขารให้พร้อมหลังออกพรรษานี้...เมื่อถึงออกพรรษา(ปวารณาออกพรรษา)คำว่าปวารณาแปลว่า...อนุญาติหรือยอมให้...คำว่าออกพรรษาแปลว่า...ถึงเป็นการสิ้นสุดการจำพรรษาหรือออกจากการอยู่ประจำที่วัดในช่วงฤดูฝนตลอด3เดือนของพระสงฆ์...พระสงฆ์สามารถจาริกไปที่ต่างๆได้หรือค้างคืนที่อื่นได้โดยไม่ผิดพระวินัยสงฆ์(พุทธบัญญัติ)แล้วอยู่รอรับกฐิน...คำกฐินหมายว่า...ทางพระวินัยเรียกว่าสังฆกรรมที่พระพุทธเจ้าทรงอนุญาติแก่สงฆ์ผู้จำพรรษาแล้ว(คร่าวๆ)
    ...เพื่อแสดงออกซึ่งความสามัคคีของพระสงฆ์ที่จำพรรษาร่วมกัน
    ...โดยให้พร้อมใจกันยกมอบผ้าพื้นหนึ่งที่เกิดขึ้นให้แก่คณะสงฆ์
    ...ให้แก่พระสงฆ์รูปใดรูปหนึ่งในหมู่คณะที่มีคุณสมบัติสมควร
    เมื่อหมดจากงานกฐิน....จากนั้นก็เตรียมตัว...จึงไปถามท่านว่าจะไปธุดงค์ที่ไหน..ท่านก็บอกว่าที่ๆคนไม่ไปกันแต่เราจะไปกัน...ผมก็เลยไม่รู้ว่าที่ไหนท่านไม่บอก...ผมก็คิดว่าธุดงค์ที่ไหนก็ได้ที่ได้ไป...
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 14 มีนาคม 2011
  6. ชานนคนไทย

    ชานนคนไทย เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    20 สิงหาคม 2007
    โพสต์:
    1,008
    ค่าพลัง:
    +3,128
    ก็เริ่มเดินออกจากวัดหลังฉันท์อาหารเรียบร้อยพร้อมเก็บกวาดบริเวณที่กุฏิให้สะอาดพร้อมไปกราบลาพ่อแม่ครูอาจารย์ท่านก็ให้ข้อคิด(โอวาท)...ว่าการที่จะเข้าป่าให้เรามั่นคงและรักษาศีลให้ดีและจงสำรวมเพราะเราเป็นสมณะ(บรรพชิต)จะได้ไม่ให้เทวดามาว่าได้...จงจำไว้ว่าเรามาขัดเกลาจิตใจ(กิเลส)เราให้สะอาดเราถึงมาบวชเป็น(พระ)ทำตัวให้เหมาะสมกับ เป็นกลุบุตรของพระศาสนา
    แล้วศีลจะคุ้มครองเราให้ปลอดภัย...เมื่อรับโอวาทเรียบร้อยก็กราบลาพ่อแม่ครูอาจารย์...เดินจาก(วัด)อุบลไปตามทางท่านจะเลียงไม่ให้เดินเข้าทางถนนหลักจะให้เข้าทุ่งนาและเลาะเข้าป่าห่างไกลผู้คน...ท่าน(อาจารย์)จะเดินเร็วมากไม่พัก...มาพักก็เข้าป่าลึกแล้ว...ท่านบอกเห็นอะไรหรือว่าได้ยินเสียงอะไรในป่าให้...มีสติไม่ต้องสนใจให้ตั้งใจปฏิบัติภาวนาสมาธิอย่างเดียว...ก่อนที่จะเข้าป่าก็...ปวารณาขอธุดงค์วัตรก่อนและตั้งจิตตั้งใจประพฤติปฏิบัติธรรมแม้น ตายก็ยอมถวายร่างกายเป็นพุทธบูชาในการธุดงค์ครั้งนี้...เป็นการให้สัตย์จะกับตัวเราเอง...การเดินธุดงค์ใจต้องมั่นคง...และถือธุดงค์วัตร(รักษาให้ได้)คำว่าป่ามีสิ่งที่เราไม่รู้มีอยู่อีกมาก...พ่อแม่ครูอาจารย์ท่านเมตตาเล่าว่ามี(สมมุติสงฆ์)ที่นำชีวิตไปทิ้งไว้ในป่ามากมายคือไปแบบหาของวัถตุและไม่สำรวมและไม่ศึกษาข้อพระวินัยสงฆ์...เช่นไม่มีอะไรทานก็ไปหาเก็บผลไม้มาทาน,เก็บอาหารไว้ทานวันอื่นเป็นต้น...เป็นการไม่เคารพพระวินัยที่พระพุทธเจ้า(พุทธบัญญัติ)ไว้...เทวดา,และ....เห็นแล้วไม่ต้องการให้อยู่...แต่ถ้าประพฤติดีปฏิบัติธรรมดีสมที่เป็นกุลบุตรของพระศาสนา...เทวดาและ...เขาจะดูแลคุ้มครองนิมนต์ให้อยู่ไม่อยากให้ไปไหนอยากให้อยู่โปรดเขาตลอดไป...ต่อครับผมก่อนที่จะปักกลดก็ต้องดูสถานที่นี้ว่าเป็นทางผ่านของสัตว์หรือเปล่า...ถ้าไม่มีก็อธิฐานจิตปวารณาของปฏิบัติธรรมในที่ตรงนี้และบอกกล่าว...ว่าอาตมาขออนุญาติต่อผู้ดูแลพื้นป่านี้และท่านทั้งหลายที่อยู่ณ.ตรงนี้อาตมา มาประพฤติปฏิบัติธรรมขัดเกลากิเลสของตัวเองเพื่อให้รู้แจ้งในธรรมะของพระสัมมาสัมพุทธเจ้า...สิ่งใดที่เป็นบุญอุศลในการปฏิบัติธรรมของอาตมาครั้งนี้ก็ขอให้ผู้ดูแลพื้นป่านี้และท่านทั้งหลายได้รับผลบุญนั้นด้วยเทอญ...เมื่อบอกกล่าวเสร็จ...ก็ปักกลดก็ปฏิบัติธรรมต่อสวดมนต์และก็เดินจงกรมสลับกับนั่งสมาธิไม่กล้านอน...เพราะจิตตื่นตลอด(ก็ยังมีความกลัวอยู่บ้าง)ท่าน(อาจารย์)ไปปักกลดหาจากผมประมาณ20กว่าเมตร...(คิด)ว่าถ้าเกิดมีอะไรขึ้นกับตัวผมท่านจะได้ยินไหม...ยังคิดไม่จบ...ท่านก็ตอบมาว่า(ทั้งที่ผมคิดในใจแล้วไกลด้วย)ผมกลับได้ยินชัดเจนเหมือนอยู่ใกล้...ท่านยังกลัวอยู่อีกหรือ...ไหนบอกว่าอยากมาธุดงค์คนเดียว(ท่านรู้อีก)...ผมรีบตอบว่า...ไม่กลัวครับเพียงแต่แปลกที่ครับ...คืนนั้นไม่มีอะไรเงียบปกติดี...รุ่งเช้าไปบิณฑบาตเดินไกลมากเจอหมู่บ้านแค่ประมาณ4หลังคา...ก็ได้ข้าวเหนียวมา2ก้อนพร้อมปลาครึ่งตัว...ก็กลับมาที่กลด...พร้อมกับรับบาตรอาจารย์พร้อมนำอาหารที่บิณฑบาตมาร่วมแล้วให้อาจารย์พิจารณาก่อน...แล้วผมจึงพิจารณา...จริงแล้วตามข้อวัดสังฆทาน...ต้องให้ความเคารพพระ(อาวุโส)พรรษา...ก่อนออกบิณฑบาตต้องไปรับบาตของพระผู้ใหญ่มาถือไว้จนถึงบ้านโยมจึงนำให้ท่าน...และหลังจากบิณฑบาตจากบ้านโยมเสร็จจะกลับเข้าวัดก็ต้องมารับบาตพระผู้ใหญ่มาถึอไว้จนถึงวัดนำอาหารที่บิณฑบาตไปไว้ส่วนกลาง...แล้วนำบาตรไปล้างทำความสะอาดและผึ่งแดดเสร็จก็นำบาตรไปวางไว้ที่ของท่าน...จากนั้นก็ไปปูอาสนะให้พระผู้ใหญ่...เมื่อเสร็จกิจจึงกลับไปทำธุระส่วนตัวเช่นล้างบาตรของตัวเอง,และกวาดลานวัด,ก็ไปกวาดที่กุฏิที่เราพัก,ท่านต้องการสอนให้เคารพพระผู้ใหญ่,และให้เสียสละทำงานเพื่อส่วนร่วม(หมู่คณะ)...ต่อหลังจากพิจารณาอาหารเสร็จก็ทำหน้าที่ตามที่กล่าวมาข้างต้น(ให้กับพระอาจารย์)จึงออกเดินธุดงค์ต่อ...ก็ผ่านไปหลายที่...และมาเจอที่ๆหนึ่งปฏิบัติธรรม(นั่งสมาธิ)ตอนกลางคืนอยู่ในกลดฝนตกหนักมาก..ฟ้าก็ร้องตลอดสักพักฝนหยุด...ผมตั้งใจจะออกไปเดินจงกรมแต่มาคิดว่าพื้นคงเปียกไปหมด...แต่ก็เปิดกลดและมองออกไปพร้อมมือแตะพื้นกับไม่มีน้ำ...พื้นแห้งสนิท...เป็นไปได้อย่างไร...จึงตั้งใจจะเดินไปถามอาจารย์...ท่านกลับตอบมา...ว่าที่ผมบอกท่านเห็นอะไร...และได้ยินเสียงอะไร...อย่าไปสนใจให้มีสติ...และตั้งใจปฏิบัติธรรมต่อ...แล้วท่านก็เงียบ...แต่ใจผมซิไม่เงียบแต่ยังสังสัยว่าฝนตกหนักแต่ข้างนอกกลดกลับไม่เปียก...
     
  7. archa_tao

    archa_tao Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    21 กุมภาพันธ์ 2011
    โพสต์:
    265
    ค่าพลัง:
    +28
    ขออนุโมทนาบุญครับ ได้รับข้อมูลความรู้ความศรัทธามากครับ สาธุ
     
  8. wvichakorn

    wvichakorn เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    11 พฤษภาคม 2008
    โพสต์:
    3,681
    ค่าพลัง:
    +9,239
    [​IMG]


    ขออนุโมทนาบุญทั้งปวงค่ะ

     
  9. oankrub

    oankrub เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 มีนาคม 2009
    โพสต์:
    58
    ค่าพลัง:
    +112
    ขออนุโมทนาบุญกับพี่ชานน

    ขอขมาและขออโหสิกรรมใดๆทั้งหลาย ไม่ว่ากาย วาจา ใจ ทั้งที่ตั้งใจก็ดีหรือไม่ตั้งใจก็ดี ที่เคยประมาทพลาดพลั้งมาตั้งแต่ในอดีตชาติจนถึงปัจจุบันชาตินี้ด้วยเทอญ.

    ธรรมปิติเป็นอย่างนี้นี่เอง.... สาธุ สาธุ สาธุ

    ปล. พี่เป็นคนลาดกระบังเหรอครับ ผมก็คนลาดกระบังเหมือนกัน...อิอิ
    ตอนนี้น้าผมก็ไปถือศีล 8 อยู่ที่วัดสังฆทาน นาน ๆ จะกลับมาบ้านสักที
    น้าพาผมไปตั้งแต่เด็ก ๆ ตอนนั้นมีความรู้สึกว่าเดินทางไกลและลำบากมาก
    ปัจจุบันสะดวกในการเดินทางมาก และวัดพัฒนาไปมาก อยากจะหาโอกาสไปอีก
    เพราะไม่ได้ไปกราบหลวงพ่อมาหลายปีแล้ว
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 14 มีนาคม 2011
  10. Vatairat

    Vatairat เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    5 มกราคม 2010
    โพสต์:
    1,675
    ค่าพลัง:
    +2,294
    มาเล่าต่อนะค่ะท่าน มาติดตามอ่านค่ะ
     
  11. nattanan39

    nattanan39 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 มิถุนายน 2009
    โพสต์:
    2,190
    ค่าพลัง:
    +2,935
    โมทนาสาธุบุญทุกประการกับคุณชานนคนไทย ขอขมาและอโหสิกรรมในสิ่งที่ข้าพเจ้าได้ล่วงเกินทั้งในอดีตชาติและชาติปัจจุบันค่ะ<!-- google_ad_section_end -->
     
  12. kijty

    kijty สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 กุมภาพันธ์ 2011
    โพสต์:
    13
    ค่าพลัง:
    +12
    ขออนุโมทนา กับท่านผู้พบทางแห่งความสุขอันแท้จริง และ
    ขออโหสิกรรม ไม่ว่าชาติ ภพใดฯ ที่มีต่อกัน สิ้นกาลนาน.....สาธุ
     
  13. ธิดารัตน์

    ธิดารัตน์ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    21 กุมภาพันธ์ 2009
    โพสต์:
    1,939
    ค่าพลัง:
    +4,568
    ขออนุโมทนาสาธุกับคุณชานนด้วยนะคะ
    ขออำนวยอวยพรให้ได้พบ "ฝั่ง" เพื่อพ้นท้องทะเลกิเลสทั้งหลาย
    นั่นก็คือพระธรรมของพระพุทธองค์
    แล้วเมื่อถึงวันนั้นอย่าลืมที่จะทิ้งสะพานไว้ให้ผู้ที่ยังลอยคอ
    ได้เกาะและข้ามตามไปด้วยนะคะ

    ขอบคุณที่ถ่ายทอดประสบการณ์ทางธรรมให้ได้อ่าน
    เป็นบทความที่สร้างกำลังใจได้มากเลยค่ะ

    ขออำนาจคุณพระพุทธ พระธรรม พระสงฆ์
    จงคุ้มครอง ปกปักรักษาคุณชานนคนไทยนะคะ สาธุ สาธุ
     
  14. uthaimai

    uthaimai เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    6 กุมภาพันธ์ 2009
    โพสต์:
    550
    ค่าพลัง:
    +1,344
    ขออนุโมทนามากครับผม ขอให้บุญกุศลที่เกิดจากการเผยแพร่ธรรม และประสบการณ์ทางธรรมทั้งหลายที่มีพลังแห่งความเพียรปฎิบัติ สำเร็จแก่ท่านผู้ยึดมั่นในพระพุทธศาสนา....สาธุ...สาธุ....สาธุ
     
  15. tanapath

    tanapath สมาชิกใหม่

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 สิงหาคม 2007
    โพสต์:
    3
    ค่าพลัง:
    +4
    ขออนุโมทนา สาธุด้วยครับ ขอให้รู้แจ้งแทงตลอดในธรรม จนถึงแดนนิพพาน.
     
  16. ชานนคนไทย

    ชานนคนไทย เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    20 สิงหาคม 2007
    โพสต์:
    1,008
    ค่าพลัง:
    +3,128
    <TABLE border=3 cellPadding=5><TBODY><TR><TD align=middle>[​IMG]
    เครื่องบริขารสำหรับการจาริกธุดงค์
    </TD></TR></TBODY></TABLE>ต่อครับ...ใจไม่เงียบแต่ก็ไม่คิดต่อจึงปฏิบัติธรรมเดินจงกรมตามปกติ...ก็ไม่มีอะไรเกิดขึ้น(ฝนตกแบบไม่เปียก)ก็กลับเข้าจำวัตรรุ่งเช้าก็ออกไปบิณฑบาตกับพระอาจารย์ที่หมู่บ้าน...ชาวบ้านถามอาจารย์อยู่ที่ตรงนั้นมีอะไรเกิดขึ้นไหม...ท่านนิ่งสักพักก็ตอบว่าไม่มีอะไรหรอกโยม...มีแต่เสียงฝนตกโยมๆก็ไม่ถามต่อ...แต่ในใจ(คิด)ผมอยากจะพูดว่าโยมฝนตกจริงแต่ไม่มีน้ำฝนสักหยด...ท่านอาจารย์ก็หันมามองหน้าผม...เราคิดในใจแต่ท่านคงรู้...และท่านก็เดินนำหน้ากับที่พักเมื่อถึงที่พักท่านก็ไม่พูดอะไร...ผมก็จัดการทำตามหน้าที่นำอาหารมาร่วมกันตรงกลางแล้วให้ท่านพิจารณา...จากนั้นผมก็รับไปพิจารณาต่อ...เมื่อฉันท์เสร็จผมก็นำบาตรของท่านมาล้างและเช็ดพร้อมนำไปตากแดด...ท่านก็บอกให้เตรียมเก็บบริขารจะเดินธุดงค์ต่อใจอยากถามท่าน...เรื่องฝน(เมื่อคืน)ก็ไม่ถามรอให้ท่านบอกดีว่า...ถ้าไปถามท่านอาจจะโดนว่าได้...จึงออกเดินจากที่นั้นมาจนมาเย็นที่แถวๆป่าโล่ง...ท่านก็บอกว่าเราจะพักปฏิบัติธรรมกันที่ตรงนี้...ผมก็ช่วยจัดการรับบริขารท่านมาแล้วก็จัดปูอาสนะให้ท่านหลังจัดเสร็จแล้วก็ไปจัดการของตัวเอง...ท่าน(อาจารย์)ก็พูดว่าจัดบริขารเสร็จแล้วให้มาหาท่าน...ผมก็ตอบ ขอรับ...หลังจากจัดเรียบร้อยแล้วจึงรีบไปหาท่าน...คิดว่า ท่านคงจะเมตตาสอนสั่งและอบรมเรื่องการปฏิบัติธรรม...เมื่อมาถึงท่านบอกว่าให้ปลงอาบัติกับท่าน...ผมตอบว่าขอรับแต่ก็นึกว่าเราผิดศีลข้อไหน(พระวินัยบัญญัติ)...การปลงอาบัติ...หมายถึง
    การปรับ อาบัติทุกกฏ หรืออาบัติทุพภาสิต เป็นการลงโทษขั้นพื้นฐาน จนเป็นที่เสื่อมเสียแก่ตนเองและหมู่คณะ ขาดความเป็นระเบียบร้อยและขัดต่อขนบธรรมเนียมประเพณีอันดีงาม ทั้งยังให้ผู้ที่นับถือพระพุทธศาสนาขาดความเลื่อมใสศรัทธา เป็นเหตุให้พระศาสนาเสื่อมได้
    เมื่อภิกษุรูปใดรูปหนึ่งต้องอาบัติ ก็ถือว่าภิกษุรูปนั้นไม่บริสุทธิ์ จะไม่สามารถลงโบสถ์ร่วมทำสังฆกรรมกับภิกษุอื่นๆ ได้ จึงต้องแก้อาบัติให้ตนกลับมีความบริสุทธิ์เสียก่อน การไม่กระทำความผิดข้อใดๆ ก็คือการรักษาศึลให้บริสุทธิ์อย่างเคร่งครัดนั่นเอง



    <CENTER></CENTER>

    <TABLE border=0 borderColor=#ff0000 width="87%" align=center><TBODY><TR><TD height="100%"><CENTER>[​IMG] [​IMG] การปลงอาบัติ ลหุกาบัติ [​IMG] [​IMG]</CENTER><CENTER>[​IMG][​IMG]

    การออกจากอาบัติประเภทลหุกาบัติ (อาบัติเบาๆ) ซึ่งสามารถที่จะปลงอาบัติได้ทุกวัน แต่มักนิยมปลงอาบัติทุกครั้งที่ลงอุโบสถิ

    [​IMG] [​IMG] [​IMG]
    [​IMG]</CENTER>
    <CENTER></CENTER></TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE border=1 borderColor=#ff0000 width=690 align=center><TBODY><TR><TD bgColor=#cccccc colSpan=2><CENTER>[​IMG] วิธีแสดงอาบัติ [​IMG]
    </CENTER>
    </TD></TR><TR borderColor=#dceda7><TD width=165 align=middle>(พรรษาอ่อน ว่า)

    </TD><TD width=509>สัพพา ตา อาปัตติโย อาโรเจมิ (ว่า ๓ หน)
    สัพพา คะรุละหุกา อาปัตติโย อาโรเจมิ (ว่า ๓ หน)
    อะหัง ภันเต สัมพะหุลา นานาวัตถุกาโย อาปัตติโย
    อาปัชชิง ตา ตุมหะ มูเล ปะฎิเทเสมิ
    </TD></TR><TR borderColor=#dceda7><TD align=middle>(พรรษาแก่ รับว่า)</TD><TD width=509>ปัสสะสิ อาวุโส ตา อาปัตติโย</TD></TR><TR borderColor=#dceda7><TD align=middle>(พรรษาอ่อน ว่า)</TD><TD width=509>อุกาสะ อามะ ภันเต ปัสสามิ</TD></TR><TR borderColor=#dceda7><TD align=middle>(พรรษาแก่ รับว่า)</TD><TD class=StyleT18 width=509>อายะติง อาวุโส สังวะเรยยาสิ</TD></TR><TR borderColor=#dceda7><TD align=middle>(พรรษาอ่อน ว่า)</TD><TD class=StyleT18 width=509>สาธุ สุฎฐุ ภันเต สังวะริสสามิ</TD></TR><TR borderColor=#dceda7><TD></TD><TD class=StyleT18 width=509>ทุติยัมปิ สาธุ สุฎฐุ ภันเต สังวะริสสามิ</TD></TR><TR borderColor=#dceda7><TD></TD><TD class=StyleT18 width=509>ตะติยัมปิ สาธุ สุฎฐุ ภันเต สังวะริสสามิ</TD></TR><TR borderColor=#dceda7><TD></TD><TD width=509>นะ ปุเนวัง กะริสสามิ</TD></TR><TR borderColor=#dceda7><TD></TD><TD width=509>นะ ปุเนวัง ภาสิสสามิ</TD></TR><TR borderColor=#dceda7><TD height=35></TD><TD width=509>นะ ปุเนวัง จินตะยิสสามิ</TD></TR><TR bgColor=#cccccc><TD height=5 colSpan=2 align=middle>[​IMG] จบพรรษาอ่อน [​IMG]</TD></TR><TR borderColor=#dceda7><TD width=165 align=middle>(พรรษาแก่ ว่า)

    </TD><TD width=509>สัพพา ตา อาปัตติโย อาโรเจมิ (ว่า ๓ หน)
    สัพพา คะรุละหุกา อาปัตติโย อาโรเจมิ (ว่า ๓ หน)
    อะหัง อาวุโส สัมพะหุลา นานาวัตถุกาโย อาปัตติโย
    อาปัชชิง ตา ตุยหะ มูเล ปะฎิเทเสมิ
    </TD></TR><TR borderColor=#dceda7><TD align=middle>(พรรษาอ่อน รับว่า)</TD><TD width=509>อุกาสะ ปัสสะถะ ภันเต ตา อาปัตติโย</TD></TR><TR borderColor=#dceda7><TD align=middle>(พรรษาแก่ ว่า)</TD><TD width=509>อามะ อาวุโส ปัสสามิ</TD></TR><TR borderColor=#dceda7><TD align=middle>(พรรษาอ่อน รับว่า)</TD><TD class=StyleT18 width=509>อายะติง ภันเต สังวะเรยยาถะ</TD></TR><TR borderColor=#dceda7><TD align=middle>(พรรษาแก่ ว่า)</TD><TD class=StyleT18 width=509>สาธุ สุฎฐุ อาวุโส สังวะริสสามิ</TD></TR><TR borderColor=#dceda7><TD></TD><TD class=StyleT18 width=509>ทุติยัมปิ สาธุ สุฎฐุ อาวุโส สังวะริสสามิ</TD></TR><TR borderColor=#dceda7><TD></TD><TD class=StyleT18 width=509>ตะติยัมปิ สาธุ สุฎฐุ อาวุโส สังวะริสสามิ</TD></TR><TR borderColor=#dceda7><TD></TD><TD width=509>นะ ปุเนวัง กะริสสามิ</TD></TR><TR borderColor=#dceda7><TD></TD><TD width=509>นะ ปุเนวัง ภาสิสสามิ</TD></TR><TR borderColor=#dceda7><TD height=26></TD><TD width=509>นะ ปุเนวัง จินตะยิสสามิ</TD></TR><TR bgColor=#cccccc><TD height=5 colSpan=2 align=middle>[​IMG] เสร็จพิธีแสดงอาบัติ [​IMG]</TD></TR></TBODY></TABLE>
    เมื่อปลงอาบัติเสร็จแล้ว...ท่าน(อาจารย์)บอกว่าตอนท่านตักน้ำล้างบาตรท่าน...ท่านได้กรองน้ำหรึอเปล่า...ผมตอบว่าเปล่าครับ..ท่านต้องพิจารณาด้วย...ถึงไม่เจตนาแต่ก็ผิดตามวินัยสงฆ์...ผมก็นึกได้ตอนล้างบาตรได้ตักน้ำในลำคลองขึ้นมาโดยไม่ได้ใช้ที่กรองน้ำ(อาจมีสัตว์อยู่ในนั้น)...เมื่อล้างบาตรเสร็จก็น้ำเทลงพื้น...ท่านจึงพูด เราต้องศึกษาข้อวัตรปฏิบัติให้ดี(หนังสือนวโกวาท)จะได้ไม่ทำผิด(พระวินัยบัญญัติ)เพราะถ้าไปเดินธุดงค์คนเดียวจะไม่มีผู้ปลงอาบัติ(ต่อศีล)จะทำให้เราศีลพร่อง...จะเป็นอันตรายกับจิตใจเรา...การเดินธุดงค์ในป่าต้องสำรวมและมีสติและเข้าใจข้อวัตรปฏิบัติธรรม...ผมตอบ...ขอรับ...ท่าน(อาจารย์)พูดว่าเรื่องเมื่อคืน(ฝนตกแต่ไม่เปียก)ก็ไม่ต้องคิดและกังวนในจิตใจเพราะบ้างเรื่องในป่ามีอะไรหลายอย่างที่เราไม่รู้อีกมาก...ที่เราเห็นเป็นการแสดงอิทธิฤิทธิของเจ้าป่าที่เขาต้องการทดสอบ...ถ้าเรามั่นคงในศีล...ไม่มีอะไรมาทำร้ายเราได้...นอกจากเราทำร้ายตัวเราเอง...คือไม่รักษา...ศีล(พระวินัย)แล้วท่านก็ให้ผมกลับไปปฏิบัติธรรมที่พัก(กลด)ต่อ...ทำให้ผมเข้าใจว่าการอยู่ในป่ามีคนดูเราอยู่ตลอด...คือเทวดา,เจ้าป่าเจ้าที่,และก็วิณญาญ,เขาต้องการได้ผู้ที่ประพฤติปฏิบัติดี(พระ)ที่เข้ามาในป่าที่เขาอยู่เพื่อเขาจะได้ชมบารมีและร่วมอนุโมทนาบุญด้วย...ต่อ<!-- google_ad_section_end -->
     
  17. zt.Sodiac

    zt.Sodiac Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    12 สิงหาคม 2008
    โพสต์:
    30
    ค่าพลัง:
    +28
    ขอกราบอนุโมทนาในส่วนกุศล ที่เกิดจากการที่ท่านปฏิบัิติดี ปฏิบัติชอบด้วยคะ
     
  18. โลกนี้คือละคร

    โลกนี้คือละคร Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    19 มีนาคม 2009
    โพสต์:
    73
    ค่าพลัง:
    +103
    ผมขอถามเพื่อเป็นความรู้นะครับ แล้วเวลาปลดทุกข์ ถ่ายหนักถ่ายเบาเนี่ยครับ ถ้าอยู่ในป่าต้องมีวิธีปฎิบัติกันอย่างไรครับ
     
  19. ณิช

    ณิช เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 มกราคม 2008
    โพสต์:
    267
    ค่าพลัง:
    +1,391
    ขออนุโมทนาบุญกับคุณชานนด้วยใจจริงค่ะ สาธุคะ ตัวเองเคยคิดเหมือนกันว่าถ้าเกิดเป็นผู้ชายก็คงจะได้บวชยาวๆหรือตลอดไปก็ได้
     
  20. ผู้เลื่อมใสศรัทธา

    ผู้เลื่อมใสศรัทธา เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    23 มีนาคม 2009
    โพสต์:
    911
    ค่าพลัง:
    +2,082
    ขออนุโมทนาบุญกับท่านด้วยนะครับ

    แล้วข้าพเจ้าก็ขออโหสิกรรมกับท่าน ทั้งกายกรรมก็ดี วจีกรรมก็ดี มโนกรรมก็ดี
    ทั้งจากอดีตชาติ ปัจจุบัน และอนาคตชาติ
    ทั้งตั้งใจก็ดี ไม่ตั้งใจก็ดี เจตนาก็ดี ไม่เจตนาก็ดี รู้เท่าถึงการณ์ดี ไม่ถึงการณ์ก็ดี
    ข้าพเจ้าขออโหสิกรรมให้กับท่าน และ ทุกๆท่าน ในทุกเรื่อง

    และหากข้าพเจ้าเคยล่วงเกินท่านทั้งกายกรรมก็ดี วจีกรรมก็ดี มโนกรรมก็ดี
    ทั้งจากอดีตชาติ ปัจจุบัน และอนาคตชาติ
    ทั้งตั้งใจก็ดี ไม่ตั้งใจก็ดี เจตนาก็ดี ไม่เจตนาก็ดี รู้เท่าถึงการณ์ดี ไม่ถึงการณ์ก็ดี
    ก็ขอให้ท่านโปรดอโหสิกรรมด้วยเถิด
     

แชร์หน้านี้

Loading...