ลักษณะ ของ ธรรมะ อุทาน?

เหมือนๆ ที่หลวงปู่ สรวงท่านบอก ว่า เวลาก่อนจะออกสมาธิ
ต้อง ถอนออกให้หมด เพราะหากถอนออกจากสมาธิแบบนิ่งๆแข็งถื่อไม่หมด หมักนานๆเข้า มันจะค่อยซึม ซื่อบื้อ หลงๆลืมๆ
รามไปปวดหัวท้ายทอย ไปนู้น ตรงนี้ก็จะไปตรงกะหลวงปู่พุธ ที่เรียกว่าโมหะสมาธิ

ซึ่งในความเป็นจริงก็ต้อง อาศัยการทำซ้ำบ่อยๆ เพียงแต่กรณีที่หลวงปู่สวรงแนะนำ ท่านจะเน้นให้ตั้งฌานให้ได้จริงๆ

แต่กรณีถ้าเป็นหลวงปู่พุธ แนะนำ
ท่าน แนะนำเอาแต่เพียงจิตสงบๆก็พอ แล้วก็น้อมพิจารณา อาการสามสิบสองเลยเรียกว่าเข้าพร้อมพิจารณาลงอัปนา

แต่ถ้าหาก ใครทำฌานลงเข้าไปได้แบบเพ่งจุดใดจุดหนึ่ง จนถึงอัปนา ท่านก็ให้ทำลงไป จุดนี้คือ จุดลงสมถะ ซึ่งแต่ละท่านก็จะมีจุดแนะนำ ปลีกย่อย ที่ไม่เหมือนกัน

 

คงจะจำมาผิด ลองทวนฟังใหม่

 

ติ่งส้มนอกจากไม่ฟังเพลงยังไม่มีอารมณ์ขันอีกแกรจะหาความสุขจากไหน55

 

ว่าจะถาม แล้วนั่งมาทิ แบบไม่เพ่งหล่ะคะ แต่ปวดหัวลงท้ายทอยตลอด พึ่งเป็นตอนไปเรียนแนวๆ พวกกายเคลื่อนจิตรู้ล้วนๆ ประมาณแนวๆ zen แบบนี้เขาแก้กันยังไงคะ

 

เพ่งออกนอกกาย
เสวยสุขด้วยนามกาย
ดูประมาณช่วงหนึ่งฝามือนะ

 

ความดันรึเปล่า ผมเคยเป็นครับ

 

1.อย่ารีบลุกออกจากท่านั่ง ต้องปรับให้ผ่อนร่างกาย.ใช้การสูดลมหายใจเข้าออกยาวๆ
2.ออกสมาธิ ให้กล่าวอุทิศบุญ ทุกครั้ง ภาษาไทยก้ได้
3.การฝึกบ่อยๆจะเห็นจังหวะของตัวเอง ต้องฝึกสังเกตุตัวเอง
แม้จะบอกว่าไม่เพ่ง แต่มันก็จะมีจังหวะเผลอเข้าไปเพ่ง
บางที มันไม่เผลอไปเพ่งแต่ในท่านั่งสมาธิอย่างเดียว
แม้แต่ยืน เดิน อ่านหนังสือ ดูทีวี มันก็เป็น

 

ก้อว่าน่าจะเผลอเพ่งค่ะ ...สงสัยยังฝึกแรกๆ เลยลงจังหวะไม่ค่อยถูก

 

ไม่ผิดหรอกครับ หลังจากหลังจากพ่อเยื้อนมีการพุธโธไม่หยุด แล้ว หลังจากนั้น
ท่านก็อ๋อ นี่ที่เขาเรียกมันจิตเสื่อม อาการมันเป็นแบบนี้นี่เอง
มีประโยคที่ว่าพบจิตทำลายจิต ท่านก็อธิบายไปต่อ...........

 

ไฟล์ไหนเหรอครับ

 

เดียวไปทำมั้งแปะพร้อมกันหลายเพลงๆ55ทำมัยเราคิดไม่ได้นะ55

 

ท่านนายก
เข้าใจ คำว่า จิตเสื่อม ของ หลวงพ่อเยื้อน ยังไงมั่งละครับ

 

จิตเสื่อมๆ เป็นแค่สำนวนครู จิตมันแค่รู้นิ่งๆ ว่างๆ และมีปัญญากำกับโดยไม่มีการปรุงแต่งๆ
อารมณ์ใดๆ แม้เพียงเสี้ยว ครูจึงนิยามว่าอ้อ นี่จิตมันเสื่อมไปแล้ว ตัดการจากเจตสิค

 

จิตเสื่อม ของหลวงพ่อเยื้อนนะครับ

ถ้าเป็น วลีหลวงปู่เสาร์ ก็คือ "ถ้ามันเอาแต่นิ่งมันก้ไม่ก้าวหน้า"

หลวงพ่อเยื้อนท่านใช้ จิตที่ยังอยู่ในสมาธิ มันเสื่อมได้

ต้องเป็นจิตที่พ้นโลกไปแล้วจึงไม่เสื่อม
บางที ท่านใช้ คำว่า สมาธิสังขาร มันเสื่อมได้

ถ้าเป็น วลีหลวงปู่ เทส คือ " สมาธิ ในฌานมันโง่ "

คำว่าสมาธิ ที่ยกมา ข้างต้น

" สมาธิ ในฌานมันโง่ "
"ถ้ามันเอาแต่นิ่งมันก้ไม่ก้าวหน้า"
" สมาธิสังขาร "
สามอย่างนี้ ต่างแต่โวหาร
แต่ ผล หรือความเป็นไป เป็นลักษณะเดียวกัน

บาลีเรียก " อารัมมนูปนิชฌาน "

 

ของผมฟังของหลวงพ่อเยื้อน ได้กล่าวได้ถึงมาก
และฌาน หลางพ่อเยื้อนก็ไม่เอา ท่านสอนไม่ให้เอาด้วย ท่านบอกยิ่ง อยากได้ฌาน ยิ่งโง่
และไม่ได้แบ่งว่าอันไหนสมถะ อันไหนวิปัสนา
ท่านให้ว่างๆ ไปเรื่อยๆ ให้จิตมันอิ่ม มันเต็ม มันเด่น จนไร้การปรุง จิตพุทธะ
มันจะเริ่มตื่นท่านกล่าว ว่า จิตเปลี่ยน
อีกอย่าง ท่านบอกว่า การไม่ตั้งท่าอะไรนี้ล่ะ สุดยอดแล้ว

 

หลวงพ่อเยื้อน ท่านไม่ได้ เรียนอะไรมาก่อน
ชาติก่อน ท่านเป็นนักปราช เทศไหลไฟดับ รู้หมด แต่ไม่มีธรรม
แต่มาชาตินี้ ด้วยเหตุอะไรบางอย่าง ชาตินี้ท่านไม่มีคามรู้ด้านหนังสือ นี่หลวงปู่ดุลย์ ท่านบอกหลวงพ่อเยื้อน


ฉะนั้น ถ้า เรายังแยกสมาธิไม่ออก
พอฟัง หลวงพ่อเยื้อนท่านพูด ก็จะไปเหมาเอารวม

ฌาน สมาธิ ที่ท่านพูด เป็น อารัมนูปนิชฌาน
ฌานสมาธิชนิดนี้
ใครทำได้ก้ทำไป

ใครทำไม่ได้ก็ไม่ต้องทำ สามารถมุ่งสายตรง
คือ ลักขณูปนิชฌานได้เลย เพราะ เป็น สมาธิในอริยะมรรค ทางเดินของพระอริยะเจ้า ทุกพระองค์