ลบแล้ว

ตอบตามที่ได้ความรู้มาจากครูบาอาจารย์นะครับ
ข้อ 1.) ศาสนาพระศรีอาริย์มีผลมาก เพราะ
- พระศรีอาริย์ท่านบำเพ็ญบารมีมามาก ศาสนาของท่านจึงมีความพิเศษมากมาย
คนมีปัญญาเข้าถึงธรรมทุกคน อย่างต่ำได้ไตรสรณคมณ์ ส่วนใหญ่เป็นพระอริยเจ้า
คนในศาสนาของท่าน ตายแล้วไม่มีใครไปนรก อย่างแย่ไปสวรรค์ ส่วนใหญ่ไปนิพพานหมด
- บริวารโดยตรงของท่าน ซึ่งมีเยอะมากๆ
ที่ได้อธิษฐานติดตามท่าน ทำบุญบารมีร่วมกับท่านมานาน
เมื่อตามกันมานาน ก็พูดกันเข้าใจง่าย สอนกันรู้เรื่องง่าย
แล้วสาวกภูมิวิริยาธิกะ บารมีนี่เต็มล้นแล้ว ก็หวดมาตั้งกี่อสงไขยล่ะ
เหมือนน้ำเต็มตุ่ม แต่ยังไม่ได้เปิดฝา
รอพระศรีอาริย์ผู้ที่เป็นหัวหน้ามาเปิดฝาให้เท่านั้น

ข้อ 2.) เทวดา และ พรหม บรรลุธรรมได้มากกว่ามนุษย์ เพราะ
- เทวดา และ พรหม มีจำนวนมากกว่ามนุษย์ ไม่รู้กี่เท่าต่อกี่เท่า
- ความเป็นทิพย์ของเทวดา และ พรหม มีกำลังสูงมาก มีความฉลาดมาก
อยู่ในระดับที่เรียกว่า อุคติตัญญู คือ ฟังหัวข้อไปเข้าใจเลย
พิจารณาได้จากที่ พระพุทธเจ้าทรงเทศน์สอนเทวดา และ พรหม
ท่านฟังจบเดียว บรรลุมรรคผลกันเยอะแยะมากมาย

 

แล้วในโลกอื่นๆ จักรวาลอื่นๆ ที่มีทุกข์น้อย มีสุขมากๆ อย่างที่ว่ากันไปแล้วนั้น ไม่ใช่เพราะพวกเขาสร้างบุญเอาไว้มากหรอกเหรอครับ แล้วถ้าบุญมากๆเหมือนกัน ทำไมจะบรรลุมรรคผลไม่ได้ง่ายเหมือนกันหละคร๊าบ...

 

ผมขอเสริมคุณKASIN84000 ที่ว่าเทวดา และ พรหม บรรลุธรรมได้มากกว่ามนุษย์ ก็เพราะว่า
- มนุษย์ทำความเข้าใจทุกข์และดับทุกข์ได้ เป็นแค่การย้ายอารมณ์จิตที่ทุกข์ไปอยู่อารมณ์จิตที่สุขและหลายๆคนก็ไปติดอยู่กับอารมณ์สุขทำให้ไปนิพพานไม่ได้ ถ้าจะไปนิพพานให้ได้ก็ต้องเข้าใจสุข(อันละเอียดปรานีต)และระงับดับมันได้ก่อนจึงจะไปนิพพานได้คือไม่ติดอยู่ในสุขนี้อีกแล้วหรือกิเลส ตัณหา ราคะ อุปทาน อวิชชา สิ้นแล้วนั่นเอง นี่เป็นสาเหตุทำให้มนุษย์ไปนิพพานกันได้น้อยคิดเทียบเปอร์เซนต์ ส่วนเทวดา และ พรหม จะง่ายกว่ามนุษย์เพราะพวกเขามีแต่สุข แทบไม่มีทุกข์เลย ดังนั้นเขาเพียงแต่ระงับดับสุขเขาก็ไปนิพพานได้เลย พระพุทธเจ้าท่านทรงสอนทั้งการดับทุกข์และการดับสุขไปด้วยกันโดยใช้อริยสัจจ์ และ อริยมรรคเป็นแนวทางการฝึกฝนก็ขอพวกให้เราฝึกกันให้มากๆครับ

ทศพร

 

แล้วเขาอยากไปพระนิพพานหรือเปล่า อธิษฐานบารมีมีมากแค่ไหน
ในเมื่อโลกอื่นมีความสุขสบายมากเกินไป มีทุกข์น้อย
เขาก็ไม่ค่อยจะเห็นทุกข์กัน เห็นยาก
เมื่อยังไม่เข้าใจทุกข์แจ่มแจ้ง ก็ยังไม่อยากไปพระนิพพาน
คนที่เขาอยากไปพระนิพพานกันนี่ เพราะเบื่อเข็ดกับทุกข์เต็มที
ในความไม่ดีก็ยังมีสิ่งที่ดีที่สุด
โลกเราได้กำไรตรงจุดนี้

 

ป๊ะ!!! คืนนี้เวลาสี่ทุ่มเก้านาที เราไปถามพระพุทธเจ้ากัน หากใครท่องอนันตจักรวานได้ ช่วยกลับมาบอกด้วยนะว่าเจอพระพุทธเจ้าที่นั่นไหม เรียกว่าอะไร

เฮ้อ!!! เพลียจังเลย อ่านเยอะไป มึนหัวเลย

เอ...แล้วคืนนี้ใครจะไป ลงชื่อไว้เร็ว ถ้าเจอยายผีป่าช่วยทักทายด้วยนะ ยายไปไม่ได้ก็มาลากไปหน่อย ลากไปแล้วส่งกลับด้วยนะจ๊ะ

แต่ที่ทราบ(อีกนั่นล่ะ จริงไม่จริงไม่รู้เพราะอ่านมา จำมา)

เซลล์สมองเรามีเท่าจำนวลสากลจักรวานที่พระพุทธเจ้าท่านตรัสไว้ บังเอิญหรือเปล่าหนอ

 

พระพุทธเจ้าแต่ละองค์ ไม่ใช่จะโปรดคนได้ทั้งหมด
ท่านจะโปรดได้แต่เฉพาะคนที่ได้เคยบำเพ็ญบุญบารมีร่วมกับท่านมา
ได้ติดตามท่านมาเท่านั้น

แล้วก็ที่บอกนั่นคณะของพระศรีอาริย์ คนของท่านเอง
ชาติสุดท้าย บารมีเต็มกันหมดแล้ว สอนนิดเดียวก็บรรลุ
ด้วยบารมีที่ท่านและคณะของท่านได้บำเพ็ญร่วมกันมานานแสนนาน
แสดงผลอย่างยิ่งใหญ่อลังการในศาสนาของท่าน
แล้วก่อนนั้นล่ะ ตอนที่ท่านและบริวาร ยังเวียนว่ายตายเกิดสร้างสมบารมีอยู่
ต้องประสบพบพานกับความทุกข์ ผ่านความยากลำบากต่างๆ
มามากมายแสนสาหัสขนาดไหน ( ทุกข์ท่านเข้าใจกันจนทะลุแล้ว )
เหนื่อยมาตั้งนาน จะขอสบายชาติสุดท้ายก่อนเข้านิพพานไม่ได้หรือ

อีกอย่าง
โลกนี้ศาสนาของพระพุทธเจ้าวิริยาธิกะ ก็ไม่ได้มีอยู่ตลอดกาลตลอดสมัย
มีเป็นบางกัปเท่านั้น และ อายุของพระศาสนาก็มีเวลาจำกัดด้วย
เมื่อสิ้นยุคศาสนาของท่าน ศาสนาได้อันตรธานหายไปจากโลกหมดสิ้นแล้ว
พวกอบายภูมิกลับมาเกิดเป็นคน ก็ทำความชั่วกันอย่างเมามันอีก
เมื่อชั่วกันจนถึงขีดสุด เขาก็ชำระล้างโลกกันที
เพื่อเตรียมความพร้อมรอการอุบัติของ พระพุทธเจ้าองค์ใหม่ มาตรัสรู้ธรรมสอนสัตว์โลกต่อไป
แล้วสุญกัปที่จะไม่มีพระพุทธเจ้ามาตรัสรู้ ก็มีจำนวนมากกว่าอสุญกัปมากมายนัก
บางช่วงสุญกัปกินระยะเวลาเนิ่นนานมาก มีแต่พวกอบายภูมิมาเกิด
โลกมีแต่ความชั่วร้าย มีความเร่าร้อนมาก

พอจะเข้าใจหรือยังครับ

 

ครับ ถามท่านพระพุทธองค์ท่านได้นะครับ
แต่เราไม่ควรไปหาท่านพุทธองค์ท่านอื่นๆในจักรวาลต่างๆนะครับ ควรจะให้ท่านโปรดสัตว์ของท่านในโลกที่ท่านอยู่นะครับ เวลาของท่านมีค่าที่ต้องช่วยเหลือสัตว์ในโลกท่านให้พ้นทุกข์นะครับ

 

โธ่ถัง ยายจ๋า ลำบากไปหาพระพุทธเจ้าถึงในอนันตจักรวาล
ทำไมไม่ไปสอบถาม พระอรหันต์ที่อยู่ใกล้ตัวๆ คุณยาย
จะดีกว่าไหมครับ

 

ครับ คุณอาจจะเห็นจริง แต่เรายังไม่ได้เป็นพระอรหันต์นะครับ
สิ่งที่เห็นมั่นใจได้อย่างไรว่า เป็นความจริงถูกต้องแน่นอนทั้งหมด
หลวงพ่อท่านเคยบอกไว้ว่า คนที่จะได้มโนมยิทธิจริงๆ ต้องเป็นพระอรหันต์แล้วเท่านั้น
เรื่องบางเรื่องที่เข้าใจยาก ลองไปสอบกับพระอรหันต์ท่านดูก่อนดีกว่าครับ

 

ถาม-ตอบกันได้มันจริงๆ เรื่องอจินไตย พุทธภูมิชอบนัก
ขอตั้งข้อสังเกตนิดนึงว่า ทำไมเหล่าพุทธภูมิที่มาเกิดกันในยุคนี้ ส่วนใหญ่จะประกอบไปด้วยปัญญาเป็นอันมาก รวมถึงมีความสงสัยที่ละเอียดมาก อันนี้คงไม่ต้องอธิบาย ตัวใครตัวมันก็รู้อยู่ แต่ที่น่าสังเกตว่าการมารวมตัวครั้งใหญ่ของพุทธภูมิในยุคนี้ เป็นต้นแบบหรือเป็นต้นเหตุการณ์สำคัญๆ ในอนาคตชาติหรือเปล่า อันนี้น่าคิด ทั้งเรื่องที่สมเด็จองค์ปฐมที่เสด็จมาเอง และเปิดเผยเรื่องของพระพุทธเจ้าองค์แรก ทั้งที่ย้อนหลังไปก็ยังไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน อันนี้ก็น่าคิด
ไม่ได้จะปรามาสพระรัตนตรัย แต่อยากให้แต่ละคนรู้จุดยืนและหน้าที่ของตนไวๆ

 

ถามพระพุทธองค์นั่นแหละครับ แน่นอนที่สุด ไม่มีพระอรหันต์องค์ไหนรู้หมดไปซะทุกสิ่งทุกอย่างเทียบเท่าพระพุทธเจ้าหรอกครับ อันนี้พวกเราก็รู้ดี แม้แต่พระอรหันต์ที่ท่านพูดไว้ให้พวกเรามาเถียงกันอยู่นี่ ท่านก็บอกว่าท่านไม่ได้รู้ทุกอย่าง และพระอรหันต์องค์ที่คุณแนะนำให้พวกเราไปถามท่านอยู่เนืองๆนี่ ผมก็เชื่อว่าท่านต้องรู้และอาจจะเคยพูดไว้บ้างแหละ ว่าท่านก็ไม่ได้รู้ทุกสิ่งทุกอย่าง ใช่ไหมครับ ต่อให้เป็นระดับเอกอัครสาวกเองก็เถอะ จริงหรือเปล๊า...???

 

เมื่อคืนเพลียมั๊กๆ แต่ตอนก่อนนอน ตั้งจิตนิดหน่อย

มีความรู้สึกว่า ไปสวดแผ่เมตตาที่ไหนสักแห่ง เป็นบทสวดที่หลวงปู่โตท่านสอนไว้ แต่เป็นการสวดที่ไพเราะมากจ๊ะ

ย่อมาคร่าวๆนะคะ

ข้าฯขออุทิศส่วนกุศลผลบุญปารมีที่ทำมาทุกคราไป ส่งผลให้ทุกดวงจิตวิญญาณทั่วทั้ง ๒๐ ชั้นพรหมโลก ๖ ชั้นเทวะโลก มนุษย์โลก มารโลก ยมโลก อบายภูมิทั้ง ๔ อันมี นรก เปรต อสูรกาย สัตว์เดรัจฉาน

และในหมื่นโลกธาตุ กับอีกแสนจักรวานภิภพ ทั้งที่เป็นมนุษย์ อมนุษย์ รูปวิญญาณ อรูปวิญญาณ และสรรพสัตว์ทั้งหลาย

ทั้งที่เป็นมิตรและศรัตรู ตลอดจนเจ้ากรรมนายเวรของข้าพเจ้า ขอให้ทุกดวงจิต ทุกดวงวิญญาณจงโมทนาในส่วนกุศลนี้ พึงได้รัยประโยชน์ความสุขเช่นเดียวกับข้าพเจ้าพึงได้รับ ณ กาลบัดเดี๋ยวนี้เถิด

หมายเหตุ...ยายได้แนวทางการแผ่เมตตาจากหลวงปู่โตมาตลอด เพราะหนังสือของท่านมีตีพิมพ์ออกสู้พุทธศาสนิกชนเป็นแบบอย่างมากมาย แต่พอไปสวดในมิติๆ หนึ่ง(เหมือนเราฝันว่าสวดมนต์) อาจเป็นเพราะเราคุ้นเคยกับบทสวดเช่นนี้ จิตเราเลยสวดอย่างนี้ แต่กังวานไพเราะกว่าค่ะ เห็นที่ระบุหมื่นโลกธาตุและแสนจักรวานภิภพ(เท่ากับเซลล์สมองของมนุษย์บนโลกค่ะ) แสดงว่ามีดวงจิตดวงวิญญาณ มีรูปแลพอรูปต่างๆ จริง แต่จะมีพระพุทธเจ้าองค์อื่นหรือไม่

ยายผีป่าไม่รู้จ๊ะ จะไปถามพระอรหันต์พูดได้ในปัจจุบันที่เราคิดว่าท่านได้อรหัตผลรู้แจ้งแล้ว แต่ผู้ที่ไม่เชื่อไม่ศรัทธาก็จะหาว่า รู้ได้ยังไงว่าท่านเป็นอรหันต์ รู้ได้อย่างไรว่าท่านรู้จริง อีกอย่างยายยังไม่บรรลุอะไร ยายจะไปบังอาจรู้ได้อย่างไรว่าท่านใดบรรลุอะไร เอาเป็นว่า ถ้ายายเชื่อและเคารพครูบาอาจารย์ท่านใด ท่านก็ต้องรู้ดีกว่ายาย สอนยายได้ สอนมาแล้วยายจะเอาดีหรือไม่ ก็แล้วแต่เรื่องของวาสนายายเนอะ

เชื่อไหมว่ามีพระดีหลายองค์ที่เราไม่ทราบ มาทราบตอนท่านมรณะภาพ คือตอนท่านอยู่ โหย...พระบ้านนอก พระไม่ดัง แต่พอท่านมรณะภาพสังขารไม่เน่าเปื่อย โอ้...ท่านเลิศนี่นา ไปกราบดีกว่า แหม...ถ้าท่านพูดได้ต่อหน้าท่านคงบอกว่า

ทีกูไม่ตายไม่มา !!!

 

ชักจะไปกันใหญ่แล้วทุกวันนี้มีแต่คำสอนแปลกเพราะคนทุกวันนี้ถ้าไม่ใช่ของแปลกก็ไม่มีคนเข้าหาสิ่งที่แปลกใหม่คนก็เห่อไปหาในพระไตรปิฏกพระพุทธองค์กล่าวว่าอาณาเขตของพระองค์นั้นแสนโกฏิจักวาลและพระพุทธเจ้าเกิดหรืออุบัติแต่ในโลกธาตุนี้เท่านั้นไม่ตรัสรู้ในจักวาลอื่นแม้พระปัจกพุทธก็ตรัสรู้ในโลกธาตุนี้เท่านั้นของใครเข้าก็ว่าของเขาดีคนดีจริงนะเขาไม่ยกหางตัวเองหรอก อ.เกษมท่านน่าจะรู้อรูปพรหมไม่มีอายตนะเป็นผู้ฉิบหายจากความดียังสามารถรับการเทศได้อีกหรือรับบุญก็ไม่ได้เพราะไม่มีอายตนะวิชาที่ต่างสำนักสอนเขาก็ว่าของเขาดีคนอื่นเลวเป็นธรรมดาใครสอนต่างจากพระไตรปิฏกก็......เราต้องยึดถือพระไตรปิฏกเป็นหลักศรัทธาประกอบด้วยปัญญาการเห็นนรกสวรรค์ก็ต่างกันมากอาจเป็นระดับสมาธิส่วนหนึ่งหรือเหตุหลายๆอย่าง

 

การเห็นด้วยตาทิพย์นั้นนะใช่ว่าจะจริงเสมอไปแม้พระอรหันต์ก็ยังโดนมารหรอกเอาการจำแลงแปลงกายในโลกทิพย์ง่ายแม้ครูบาอาจารย์ที่นั่งสมาธิเห็นนิมิตต่างๆก็ต้องดูก่อนว่าจริงหรือป่าวผมเองก็ไม่รู้ว่าเขาใช้กฏเกณฑ์อะไรว่าจริงหรือเท็จเช่นอาจมองเพ่งจนถึงกระดูกข้างในสมมุตินะครับว่าถ้าเป็นมารกระดูกอาจมีสีดำถ้าเป็นเทพอาจมีกระดูกสีขาวใสหรือสีทองแม้ช้างเอรวัณก็เป็นช้างเนรมิตมีเทพหลายองค์ต่อตัวกันรวมกันเป็นช้างเอรวัณมารก็เหมือนกันฤทธิเขามากไม่แพ้เทพเลยจึงไม่ใช่เรื่องง่ายยกตัวอย่างให้ฟังนะครับมีนักบินเห็นหลวงปู่แหวนนั่งสูบยาบนก้อนเมฆนั้นเป็นท่านจริงๆหรือเป็นเทพต้องการให้คนรู้ว่ามีพระปฏิบัติดีอยู่ที่วัดนี้ผมไม่ได้ปรามาสใครแต่ใครพูดอะไรต้องขอคิดดูก่อนครับเรามีพระไตรปิฏกเป็นพื้นฐานแล้วจะได้ไม่โดนหลอกง่ายๆโชคดีทุกท่านครับ

 

******************
ความรู้รอบคอบจักรวาล
******************

รอบรู้ทั่วจักรวาล
แต่ขจัดนิสัยพาลสันดานเดิมไม่ได้
จะมีประโยชน์อะไร

รู้ทันความคิดตน
รู้ทันการกระทำตน
รู้วิธีสร้างทางเดินให้ตนเอง

ตั้ง "สัจจะ" วันละอย่าง
แล้วทำให้ได้จริง

มีผลติดตัว ชั่วกัปชั่วกัลป์.......

"หนุมาน ผู้นำสาร"

 

<TABLE style="TABLE-LAYOUT: fixed" cellSpacing=0 cellPadding=5 width="100%"><TBODY><TR><TD style="OVERFLOW: hidden" vAlign=top width="16%" rowSpan=2>kung ....

ออฟไลน์

กระทู้: 67



</TD><TD vAlign=top width="85%" height="100%"><TABLE width="100%" border=0><TBODY><TR><TD vAlign=center align=left></TD><TD vAlign=center align=left>Re: เรื่องพระพุทธเจ้าที่ยังทรงพระชนม์อยู่ ในจักรวาลอื่นๆ « ตอบ #5 เมื่อ: สิงหาคม 05, 2006, 12:56:10 pm »
</TD><TD style="FONT-SIZE: smaller" vAlign=bottom noWrap align=right height=20> </TD></TR></TBODY></TABLE><HR class=hrcolor width="100%" SIZE=1>เท่าที่ผมเคยฟังหลวงปู่เล่าอย่างคราวๆ นะครับ

หลวงปู่เล่าว่า พระโมคคัลลานะขออนุญาติพระพุทธเจ้าไปดูจักรวาลอื่น โดยพระโมคคัลลานะท่านนำเมล็ดงาใส่บาตรจนเต็มบาตร(จำไม่ได้ว่านำไปกี่ใบ) เมื่อเจอโลกอื่นเอาเฉพาะที่มีมนุษย์อยู่ ท่านก็ทิ้งเมล็ดงาไว้ 1 เมล็ด อธิฐานให้ใหญ่ๆ เพื่อสังเกตุได้ง่าย แล้วเหาะไปที่อื่นอีกโดยเอาเมล็ดงาทิ้งเอาไว้ทุกที่ ที่ละ 1 เมล็ดจนเมล็ดงาที่นำไปหมดสิ้น (คิดดูว่าเมล็ดงาเม็ดเล็กๆ 1 บาตรจะได้กีเม็ด แล้วนำไปตั้งหลายบาตรจะเป็นจำนวนเท่าไหร่) พระโมคคัลลานะท่านสำรวจไปจนหมดเมล็ดงาแล้วก็ยังเห็นโลกที่ยังไม่ได้ไปอีกมากมาย จนเบื่อเลยคิดจะกลับ ปรากฏว่ากลับไม่ถูก พอดีไปเจอโลกหนึ่งมีพระพุทธเจ้าอยู่ท่านจึงเข้าไปเรียนว่า กลับไม่ถูกจะขอนิพพานที่นี่ พระพุทธเจ้าพระองค์นั้นตรัสว่า ไม่ได้ต้องไปนิพพานที่โลกพระพุทธเจ้าของท่านเท่านั้นไม่อนุญาติให้นิพพานที่นี่ จากนั้นท่านจึงเปล่งฉัพพรรณรังศีนำทางให้พระโมคคัลลานะกลับไปตามทางที่ท่านนำให้

ผมจำได้แบบคร่าวๆ เล่าพอเป็นเนื้อความนะครับ รายละเอียดคงต้องไปหาฟังกันเอาเองซึ่งอยู่ในชุดไหนก็จำไม่ได้อีกนั่นแหละ แต่เอาว่าเรื่องนี้พระพุทธเจ้าท่านก็ตรัสไว้แล้ว ว่าเป็นเรื่อง อจินไตย คิดไปก็ปวดหัวครับ ผมว่าแทนที่เราจะสำรวจจักรวาลที่ยิ่งใหญ่ไม่มีสิ้นสุด เรามาสำรวจใจเราดีกว่ามันยิ่งใหญ่พอกัน แต่ก็มีวันสำรวจจบครับ.......
</TD></TR></TBODY></TABLE>

 

<TABLE style="TABLE-LAYOUT: fixed" cellSpacing=0 cellPadding=5 width="100%"><TBODY><TR><TD style="OVERFLOW: hidden" vAlign=top width="16%" rowSpan=2>ผ่านมาพบ บุคคลทั่วไป




</TD><TD vAlign=top width="85%" height="100%"><TABLE width="100%" border=0><TBODY><TR><TD vAlign=center align=left></TD><TD vAlign=center align=left>Re: เรื่องพระพุทธเจ้าที่ยังทรงพระชนม์อยู่ ในจักรวาลอื่นๆ « ตอบ #7 เมื่อ: วันนี้ เวลา 04:03:44 PM »

</TD><TD style="FONT-SIZE: smaller" vAlign=bottom noWrap align=right height=20> </TD></TR></TBODY></TABLE><HR class=hrcolor width="100%" SIZE=1>เท่าที่ทราบมา


1.พุทธชาติ= 10000 จักรวาล

คือเมื่อใดที่พระพุทธเจ้า
1.ประสูติ
2.ตรัสรู้
3.แสดงปฐมเทศนา
4.ปลงสังขาร
5.ปรินิพพาน
6.ปฏิสนธิ(ไม่แน่ใจ)
โลกธาตุทั้ง 10000 จักรวาลจะหวั่นไหว

2.พุทธเขต หรือ พุทธอาณาเขต = แสนโกฏิจักรวาล คือ1,000,000,000,000

คืออาณาจักรของพระพุทธเจ้า ที่ตรัสรู้แต่ละพระองค์ จะกินพื้นที่ แสนโกฏิจักวาล พระพุทธเจ้าจะมาตรัสรู้อีกไม่ได้ต้องให้หมดศาสนาของแต่ละพระองค์ๆ ก่อน เช่น ตั้งแต่ พระพุทธเจ้าทีปังกร เป็นต้น จนถึงพระศรีศากยมุนีสัมมาสัมพุทธเจ้า และจะต่อ พระศรีอริยะเมตไตย องค์สุดท้ายในกับป์นี้ และจะต่อไปเรื่อยๆ เป็นยุคๆ ไป เป็นพระองค์ๆ ไป
แต่จักรวาลมีเป็นอนันตจักรวาล จักมีมากพุทธอาณาเขต,พุทธเกษตร ฉะนั้น จึงมีพระพุทธเจ้าตรัสรู้อยู่ทุกพุทธอาณาเขต จึงป็นไปได้ที่พระพุทธเจ้าจะตรัสรู้ได้ซ้อนกัน คือตรัสรู้อยู่ที่ แดนพุทธเกษตรแต่ละแดนได้ ใครบำเพ็ญพุทธบารมีในแดนใดก็ตรัสรู้ในแดนนั้นๆ
แต่ในแดนเดียวกันจะตรัสรู้ซ้อนกันไม่ได้

3.พุทธวิสัย คือไม่มีประมาณ เป็นอนันตจักรวาล ไม่มีจำนวนจักรวาลที่จะนับได้

( 3 อย่างนี้ มีอ้างอิงใน พระไตรปิฎก 45 เล่ม ประมาณเล่มที่ 33 นะ)

ฉะนั้นพระพุทธเจ้าที่ยังทรงพระชนม์อยู่มีได้ เช่น พระอมิตาภะสัมมาสัมพุทธเจ้า อยู่แดนพุทธเกษตรด้านทิศตะวันตกจากแดนนี้ มีพระชนมายุ 100000 ปี ตอนนี้ประมาณ 50000ปี แดนพุทธเกษตรอื่นๆ อีกที่อยู่ทิศต่างๆ ของแดนพุทธเกษตรนี้ ข้าพเจ้าจำชื่อพระองค์ไม่ได้ (ครูบาอาจารย์เมตตาเล่าให้ฟัง ท่านบอกชื่อของพระองค์ด้วยหลายพระองค์ แต่จำไม่ได้แล้ว จำได้เคร่าๆ เท่านั้น )

แล้ววิสัยของพระพุทธเจ้า
1.จักมาตรัสรู้ในชมพูทวีปเท่านั้น(โลกมนุษย์)
2.ในมัชฌิมประเทศ คือแถบอินเดีย
3.จะประสูติในตระกูลพราหมณ์ หรือกษัตริย์ ถ้าในสมัยใดที่ตระกูลใดตระกูลหนึ่งเป็นที่เคารพสูงกว่าก็จะปฏิสนธิในตระกูลนั้น เช่น พระพุทธโคดม ในตระกูกษัตริย์เพราะกษัตริย์สูงกว่าในสมัยนี้ พระศรีอริยะเมตไตย จะปฏิสนธิในตระกูลพราหมณ์ เพราะในสมัยนั้นคนจะยกย่องตระกูลพราหมณ์สูงกว่า
4.ในอายุมนุษย์ ระหว่าง 100-100000 ปี เท่านั้น
5.เลือกพุทธมารดา (ไม่แน่ใจเพราะศึกษามานานแล้ว)

แล้วให้ไปศึกษาจาก ตำนานมูลศาสนาเพิ่มเติม แต่ให้ยึด พระไตรปิฎก เป็นหลัก

พอแค่นี้ก่อน ถ้าการตอบนี้บกพ่องประการใดซึ่งไม่มีเจตนาที่จะให้ผิดผลาด กราบขอขมาโทษแทบบาทพระผู้มีพระภาคเจ้า พระธรรม และพระอริยสงฆ์ทั้งหลาย
และขอโทษท่านผู้อ่าน อย่าได้เป็นบาปเวรอันใดแก่ข้าพเจ้าเลย
ขอให้นำไปพิจารณาใหม่อีกเถิด

เราก็ปรารถนาซึ่งอนุตตรสัมมาสัมโพธิญาณ หวังว่าจักได้ตรัสซึ่งพระสัพพัญญูเป็นพระพุทธเจ้าพระองค์หนึ่งในอนาคตกาล จึงได้ศึกษาเรื่องเล่านี้เพิ่มเติมด้วยมานานพอสมควร แต่ก่อนจำได้มากอยู่แต่สัญญาคือความจำก็ไม่เที่ยงจึงขออภัยท่านทั้งหลายด้วย

สวัสดีครับ



</TD></TR></TBODY></TABLE>

 

เรื่องพระโมคคลาไปจักวาลอื่นนั้นเห็นบอกกันจัง ใครรู้บ้างไหมว่าในพระไตรปิฏกมีบอกไว้หรือเปล่าขอรับ ไม่รู้เอามาจากไหนกัน

 

เมื่อวันที่ 9/8/06 ผมใช้เวลาประมาณ 8 ชั่วโมง ในการค้นหาเรื่องราวที่ว่าพระโมคคัลลานะเหาะออกไปจักรวาลอื่นแล้วหลงทาง จนพระพุทธเจ้าองค์ที่อยู่ที่จักรวาลนั้นช่วยให้กลับมาได้ ผมค้นยังไงก็ไม่พบครับ

ค้นในทั้ง www.84000.org และใน http://www.dmc.tv/dhamma.php# (ค้นเฉพาะในพระสุตัณตะปิฎกครับ)

ขนาดใช้ Keywords คำว่า "โมคคัลลานะ" แล้วนะครับ "เมล็ดงา" ก็ใช้แล้ว "เหาะ" นี่ก็ใช้แล้ว "จักรวาล" ก็แล้ว "โลก" "พระพุทธเจ้า" ก็ใช้แล้วนะครับ แต่ไม่รู้ยังไง หาไม่เจอจริงๆ หรือว่าจะอ่านเจอแล้ว แต่เผอิญคิดว่าไม่ใช่เรื่องที่ต้องการ ก็เลยมองข้ามไปหรือเปล่าไม่รู้นะครับ

ที่ผมมั่นใจมาก ขนาดยอมนั่งค้นอยู่ตั้ง 8 ชั่วโมงนี่ ก็เพราะว่าตอนเช้าก่อนที่จะเริ่มค้น ผมได้โทรไปถามท่านอาจารย์ท่านหนึ่ง ซึ่งทราบมาว่าท่านอ่านพระไตรปิฎกจบมา 6 รอบแล้ว พอเอ่ยถึงเรื่องนี้ให้ท่านทราบเท่านั้นแหละ ท่านก็สวนขึ้นมาเลยว่า "มันมีอยู่ในพระไตรปิฎกจริงๆ" แต่ท่านจำไม่ได้ครับ ว่าอยู่ในเล่มไหน ท่านว่าไอ้ที่ไม่เกี่ยวกับมรรค ผล นิพพานนี่ ท่านไม่ค่อยได้จำแล้ว ว่างั้นนะ ผมก็เลยแย็บๆไปว่า มันน่าจะอยู่ประมาณไหนครับ ในพระวินัย หรือสุตัณตะ หรืออภิธรรม ท่านก็ตอบว่าในสุตัณตะ ครับ

ถึงตอนนี้ผมชักสงสัยแล้วว่า เอ...หรือว่าพระไตรฯฉบับเวปเวอร์ชั่นนี่ เขาตัดเอาเรื่องนี้ออกไปหรือยังไงเนี่ย

หากท่านใดเคยสำรวจพระไตรฯแบบละเอียดมาแล้ว ถ้าพอผ่านๆตามาบ้าง กรุณาช่วยหา Reference มาอ้างอิงให้ด้วยนะครับ ผมมั่นใจมากว่ามันต้องมี ผมมั่นใจว่าหลวงพ่อเกษมท่านพูดถูก แล้วทุกอย่างก็จะได้จบเสียทีครับ หลายๆคนในที่นี้ก็จะได้ตาสว่างขึ้นมาบ้างครับ

ไม่นานเกินรอ ผมหวังว่าผมจะเจอข้อความนั้นเร็วๆนี้ครับ