**ร้านศิวิไลพระเครื่อง** วัตถุมงคล เครื่องรางของขลัง เกจิคณาจารย์ภาคเหนือ

ในห้อง 'พระเครื่อง วัตถุมงคล' ตั้งกระทู้โดย ศิวิไล, 25 พฤษภาคม 2013.

  1. ศิวิไล

    ศิวิไล เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    24 มิถุนายน 2011
    โพสต์:
    15,921
    ค่าพลัง:
    +1,340
    รายการที่ 6718

    พระกริ่งล้อรุ่นแรก ครูบาบุญปั๋น วัดร้องคุ้ม ปี 2539 ก้นเลข ๑ อุดผง เกศา


    ครูบาเจ้าบุญปั๋น ธมมปัญโญ วัดร้องขุ้ม สันป่าตอง เชียงใหม่ เป็นพระอริยะสงฆ์รูปสำคัญของเชียงใหม่ ศีลาจริยวัตรงดงาม มีเมตตาสูงมาก
    ……………………………………………………………เจ้าตำราวิชาเทียนเศรษฐีล้มลุกอันโด่งดัง...
    วิชา"เศรษฐีล้มลุก"นี้ ถือว่าเป็นวิชาคู่บุญบารมีครูบาเจ้าบุญปั๋น วัดร้องขุ้มก็ว่าได้ มีอานุภาพส่งเสริม"แก้ดวง หนุนดวง" และ"ส่งเสริมโชคลาภ"ให้บังเกิดขึ้นได้อย่างน่าอัศจรรย์ ผู้ใดมีบูชาไว้ ไม่มีจน เป็นเศรษฐี ไม่มีวันล้ม เพราะล้มแล้วก็ลุก
    ครูบาเจ้าบุญปั๋น ธัมมปัญโญ พระอริยเจ้าผู้ทรงคุณอันประเสริฐสุดแห่งวัดร้องขุ้ม เชียงใหม่นี้ จัดเป็นของดีที่หาได้ยากยิ่ง ส่วนมาก จะตกแก่ศิษยานุศิษย์และผู้ที่มีวาสนาในยุคต้นๆเสียโดยมาก ยากจะหลุดรอดมาถึง"คนนอก"ในภายหลังได้
    เมื่อครูบาเจ้าบุญปั๋น ได้ทำพิธีอธิษฐานจิตเรียบร้อยแล้ว ครูบาท่านได้มอบให้คณศิษย์ และผู้ศรัทธา ชาวบ้านที่เคารพนับถือ ร่วมกันได้บูชา
    พุทธคุณ บูชาติดตัวแล้วเป็นเมตตามหานิยม แคล้วคลาดปลอดภัย


    จัดเป็นพระกริ่งรุ่นแรกของท่านครูบา ครับ

    #รับประกันความแท้ตลอดชีพครับ

    ราคา 1250 บาท สนใจสอบถามได้ครับ 086-1936900

    พระกริ่งล้อพิมพ์ ครูบาบุญปั๋น a.JPG พระกริ่งล้อพิมพ์ ครูบาบุญปั๋น b.JPG พระกริ่งล้อพิมพ์ ครูบาบุญปั๋น c.JPG

    clip_197-jpg-jpg-jpg.jpg
    clip_200-jpg-jpg-jpg.jpg
    clip_201-jpg-jpg-jpg.jpg
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 10 ตุลาคม 2020
  2. ศิวิไล

    ศิวิไล เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    24 มิถุนายน 2011
    โพสต์:
    15,921
    ค่าพลัง:
    +1,340
    รายการที่ 6719

    คตแสง แย่งแก้ว ล้านนาโบราณ ถักลวดเก่าเข้มขลัง


    มนุษย์เรามีความเชื่อถือในเรื่องพลังของแก้ว แต่สมัยก่อนประวัติศาสตร์ แก้วนิลสีน้ำตาลในพิพิธภัณฑ์ปารีส เคยถือว่าเป็นแก้วอัญมณี เครื่องโชคลางแห่งสก๊อตแลนด์ มีการสืบทอดแก้วที่ถือเป็นโชคลาง ระหว่างพระเจ้าชาร์ล เลอมัง จนถึงพระเจ้านโผเลียน จนถึงพระเจ้าหลุยส์นโปเลียนที่ 3

    ความเชื่อเรื่อง คต~แย่ง~แสง~แก้ว อาณาจักรล้านนาโบราณ

    จากสภาพทางภูมิศาสตร์ เกี่ยวกับสถานที่ตั้งของอาณาจักรล้านนาโบราณซึ่งถูกโอบล้อมไปด้วยป่าเขา ได้ส่งผลกระทบต่อวิถีชีวิตความเป็นอยู่ของชาวพื้นเมืองเป็นอย่างมาก เนื่องจากมีอัตราความเสี่ยงต่อภัยอันตรายที่อยู่รอบด้านค่อนข้างสูง ไม่ว่าจะเป็นภัยที่เกิดจากผลกระทบในการทำศึกสงคราม ภัยจากสัตว์ป่าน้อยใหญ่นานาชนิด อีกทั้งภัยที่เชื่อกันว่าเกิดจากอาถรรพ์ของภูติผีปีศาจและอาเพทต่างๆ จนนำไปสู่การแสวงหาสิ่งยึดเหนี่ยวทางใจ ซึ่งเป็นวัตถุที่มีความลี้ลับมหัศจรรย์อยู่ในตัวเอง สามารถคุ้มครองป้องกันภัยจากอาถรรพ์ร้ายและอันตรายต่างๆได้ เพราะเป็นของศักดิ์สิทธิ์ที่เกิดขึ้นมาจากการดลบันดาลของเทพยดาอารักษ์ ซึ่งได้แก่ วัตถุจำพวกเครื่องรางของขลังประเภทที่เป็นหินหรือแร่บางชนิด ที่เกิดขึ้นเองในพืชและสัตว์หรือที่เรียกกันว่า “คต” รวมทั้งแร่ธาตุศักดิ์สิทธิ์บางอย่างที่มีอยู่แล้วในธรรมชาติซึ่งเรียกกันว่า “เป๊ก” และ “เหล็กไหล” เป็นต้น นอกจากของศักดิ์สิทธิ์ตามที่ได้กล่าวมาแล้วนี้ คนสมัยโบราณ แก้วชนิดนี้ถือได้ว่าสูงค่ามาก ดั่งที่ว่า “มีค่าแสนคำ” เนื่องจากเป็นแก้วที่กษัตริย์โบราณถวายเป็นสักการะแก่พระบรมสารีริกธาตุในคราวบรรจุพระธาตุเจดีย์ต่าง ๆ
    โดยชาวล้านนาโบราณ ได้นำมา บูชาติดบ้านเรือน หรือถักลวดเเขวนติดตัวเป็นเครื่องราง เชื่อถือกันว่า มีอานุภาพมาก สามารถคุ้มครองป้องกันภัยอันตรายให้กับผู้ที่ได้ครอบครองหรือสวมใส่อีกทั้งยังสามารถดลบันดาลให้เกิดโชคลาภ ความสุข ยศฐาบรรดาศักดิ์ เกียรติยศชื่อเสียง ตลอดจนทรัพย์สินเงินทองให้เพิ่มพูนมั่งคั่งยิ่งขึ้น อานุภาพของแก้วจะทำให้ผู้ที่ครอบครองมีเสน่ห์ต่อคนรอบข้าง และยังเชื่อถือกันว่าจะทำให้แคล้วคลาดจากอาถรรพ์เสน่ห์มายาทั้งปวง ของคนผู้นั้นจะถูกคุ้มครองโดยอานุภาพของแก้ว ไม่ให้โดนอำนาจมนต์มายาใดใดสะกดเอาไว้ได้

    แสงโบราณล้านนา เครื่องรางสมัยตาทวด "คตแยงแสงแก้ว" เป็นเครื่องรางที่มาจากความเชื่อของชนชาวล้านนา

    แก้วกับพิธีกรรม

    การล้างแก้ว เชื่อกันว่าการล้างแก้วเป็นการชำระล้างสิ่งไม่ดีที่แก้วได้ซึมซับเอาไปจากตัวเรา โดยการนำแก้วไปล้างกับน้ำที่ไหล ซึ่งอาจจะเป็นลำธาร, ก๊อกน้ำ หรือน้ำที่รินออกจากแก้วก็ได้ (ล้างได้บ่อยเท่าที่มีโอกาส)
    การขึ้นพานบูชาแก้ว จะกระทำกันในวันพระ โดยเฉพาะวันพระขึ้น 15 ค่ำ (วันเพ็ญ) โดยการนำเอาน้ำสะอาด 1 แก้ว, ดอกไม้หรือเครื่องหอม (น้ำอบ, แป้งหอม ฯลฯ) ใส่พาน และกำหนดจิตด้วย คาถาบูชาแก้ว (หากเป็น “แก้วเข้าแก้ว” ขอแนะนำให้หาหมากหนึ่งคำใส่พานด้วย)
    แก้วอาบแสงจันทร์ การนำแก้วอาบแสงจันทร์ (วันเพ็ญ) เชื่อกันว่า แก้วจะดูดซับพลังจากแสงจันทร์ ซึ่งจะมีผลทำให้แก้วมีพลังอานุภาพมากยิ่งขึ้น และยังเป็นการทำให้แก้วนั้นบริสุทธิ์อีกด้วย (เป็นที่ทราบกันดีว่า ในทางวิทยาศาสตร์ระบุว่าดวงจันทร์มีพลังที่ส่งผลกระทบถึงโลก อันเป็นสาเหตุของน้ำขึ้น น้ำลง และอื่น ๆ)
    การเข้าร่วมพิธีกรรม การนำแก้วเข้าร่วมพิธีกรรมต่าง ๆ ของพระภิกษุสงฆ์ เนื่องจากแก้วจะได้ซึมซับพลังจากการแผ่เมตตาจิตของพระภิกษุ

    คาถาบูชาแก้ว

    แก้วโป่งข่าม ข่ามคง, แคล้วคลาด (แก้วทุกชนิด) นะมะพะทะ นิมิพิทิ นุมุพุทุ
    แก้วทุกชนิด นะอุกะอะ นะมะมะอะ มะอุมะนะ อะนะอะมะ อะอุอุมะ อุนะอุอะ
    (เจริญด้วยทรัพย์สมบิติ ปราศจากโรคภัย)

    พิรุณแสนห่า(หรือแก้วชนิดอื่น) พุทโธโมเธยยัง มุตโตโมเจยยัง ติณโณตาเรยยัง ปะสะหังปะตัง
    หมอกมุงเมือง(หรือแก้วชนิดอื่น) เทวะรานะมานะ (ภาวนาให้เกิดความร่มเย็น)
    แก้วทราย(หรือแก้วชนิดอื่น) สะมามิมิทธิมามิ (เจริญด้วยสมบัติ ร่ำรวยเงินทอง)

    ตัวจริงเสียงจริง เก่าแท้ดูง่าย


    ราคา 2750 บาท สนใจสอบถามได้ครับ 086-1936900

    คตหินถักลวด a.jpg คตหินถักลวด c.jpg คตหินถักลวด f.jpg คตหินถักลวด d.jpg คตหินถักลวด e.jpg Clip_38.jpg
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 10 ตุลาคม 2020
  3. ศิวิไล

    ศิวิไล เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    24 มิถุนายน 2011
    โพสต์:
    15,921
    ค่าพลัง:
    +1,340
    รายการที่ 6720

    คตแร่นิลดำ หรือแร่ไพรดำ เครื่องรางทนสิทธิ์ของอาถรรพ์ ถักลวดเก่า


    คตแร่นิลดำ หรือแร่ไพรดำ เครื่องรางทนสิทธิ์ ของขลังที่หายากยิ่งในยุคนี้ เป็นธาตุกายสิทธิ์ที่อยู่ในตระกูลเหล็กไหลที่เป็นโคตรเหล็กไหล หรือ รังเหล็กไหลเหล็กไหลไพรดำนั้นที่อยู่ของเขาจะแตกต่างไปจากโคตรเหล็กไหลงอก คือเขาจะอยู่เป็นรังในชั้นหินที่อยู่ลึกลงไปใต้ดิน ภายในจะเป็นโพรงที่เป็นที่อยู่ของเหล็กไหลน้ำหนึ่งอีกชนิดหนึ่งครับ เขาจะอยู่เป็นตัวๆภายในรังอีกที...เหล็กไหลไพรดำจะมีดวงจิตของเจ้าป่าเจ้าเขาดูแลรักษาอยู่ครับเมื่อถึงวันเพ็ญ เหล็กไหลที่อยู่ในรังใต้ดินจะขึ้นมาอาบแสงจันทร์ที่ผู้เฒ่าผู้แก่ท่านเคยเห็นเป็นดวงสีเขียวบ้าง สีทอง หรือสีเหลืองบ้างหรือลูกไฟผีที่จริงคือธาตุกายสิทธิ์เหล็กไหล ที่ออกมาอาบแสงจันทร์ เหล็กไหลไพรดำ จะเด่นด้านคงกะพัน แคล้วคลาด ปลอดภัยครับ กันคุณไสยมนต์ดำได้ดี ลักษณะที่เด่นอีกอย่างของเหล็กไหลไพรดำคือ มีสรรพคุณทางยาได้ดีมากครับ สามารถปรับธาตุต่อผู้ที่ได้พกพาบูชา ให้นำเหล็กไหลไพรดำเอาไปแช่น้ำ แล้วดื่ม สามารถปรับธาตุให้สมดุล อีกยังสามารถเพิ่มแร่ธาตุที่ขาดได้ด้วยเพราะเหล็กไหลไพรดำนั้นตัวเขาจะอยู่ในชั้นหินใต้ดิน ผ่านกาลเวลาไปตัวเขายังดูดซับแร่ธาตุต่างๆ ในดินในหินเข้าหาตัวแล้วเก็บไว้ที่ตัวเขา เมื่อเรานำมาแช่น้ำ หรือ น้ำผึ้งดื่มแล้ว จะเป็นยาอายุวัฒนะด้วย

    คุณ MATHS บูชาแล้วครับ

    คตหิน a.jpg คตหิน f.jpg คตหิน b.jpg คตหิน c.jpg คตหิน d.jpg คตหิน e.jpg
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 12 ตุลาคม 2020
  4. ศิวิไล

    ศิวิไล เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    24 มิถุนายน 2011
    โพสต์:
    15,921
    ค่าพลัง:
    +1,340
    รายการที่ 6721

    เหรียญ ร.5 ครบรอบ 100 ปี วันเถลิงถวัลยราชสมบัติ ปี2511 หลวงปู่ทิม วัดระหารไร่ หลวงปู่โต๊ะ วัดประดู่ฉิมพลี ปลุกเสก เนื้อนวะโลหะ สภาพสวยๆผิวเดิมๆ


    เหรียญรัชกาลที่ 5 ครบรอบ 100 ปี วันเถลิงถวัลยราชสมบัติ วัดราชบพิธฯ ปี พ.ศ.2511 ในหลวงเสด็จ หลวงปู่ทิม หลวงปู่โต๊ะ ปลุกเสก เนื้อทองแดงรมดำ สวยจัด หายากๆๆครับ
    จัดสร้างเมื่อวันที่ 1 ตุลาคม พ.ศ.2511 เนื่องในวโรกาส ครบรอบ100ปี เถลิงถวัลยราชสมบัติ พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว จัดทำพิธี ณ วัดราชบพิธสถิตมหาสีมาราม โดยมี หลวงปู่ทิม วัดละหารไร่ และ หลวงปู่โต๊ะ วัดประดู่ฉิมพลี ร่วมปลุกเสก
    โดยตอนเช้าวันที่ 1 ตุลาคม 2511 พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เสด็จพระราชดำเนิน ไปทรงบำเพ็ญพระราชกุศล ทักษิณานุปทาน ถวายแด่พระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว เนื่องในอภิลักขิตสมัยคล้ายวันสวรรคตครบรอบ 100 ปี ณ พระอุโบสถวัดบวรนิเวศวิหาร และทรงบำเพ็ญพระราชกุศล เนื่องในวันคล้ายวันพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว เถลิงถวัลยราชสมบัติครบรอบ 100 ปี ณ พระอุโบสถวัดเบญจมบพิตรดุสิตวนาราม อีกด้วย
    นับเป็นอีกหนึ่งเหรียญดี อุดมมงคล ที่มีครบทั้ง ชาติ ศาสนา และ พระมหากษัตริย์
    เนื้อนวะจัดสร้างน้อยหายากมากครับ


    ราคา 1550 บาท สนใจสอบถามได้ครับ 086-1936900

    IMG_4282.JPG IMG_4285.JPG
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 10 ตุลาคม 2020
  5. ศิวิไล

    ศิวิไล เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    24 มิถุนายน 2011
    โพสต์:
    15,921
    ค่าพลัง:
    +1,340
    รายการที่ 6722

    เหรียญรุ่นแรกครูบาสุรินทร์ วัดหลวงศรีเตี้ย ปี 21


    พระเกจิคณาจารย์ผู้ทรงวิทยาคม เจ้าตำหรับน้ำมันมนต์ อันโด่งดัง
    ครูบาสุรินทร์นับได้ว่าเป็นผู้แตกฉานในพระเวทย์วิทยาคุณอย่างเอกอุ เครื่องมงคลที่ท่านสร้างขึ้นนั้นล้วนแต่มีอภินิหารแก่ผู้นำไปบูชาอย่างน่าทึ่ง ไม่ว่าจะเป็น...เหรียญ ตะกรุด ผ้ายันต์ แต่ที่ถือเป็นสุดยอดของท่านคือ...
    น้ำมันงาดำ
    น้ำมันงาดำของหลวงปู่ครูบาสุรินทร์นั้น ท่านได้เล่าเรียนมาจากองค์อาจารย์คือ ท่านครูบาถาวรเถระ ผู้เป็นอดีตเจ้าอาวาสวัดหลวงศรีเตี้ย อันน้ำมันงาดำนี้หากสร้างได้ถูกต้องตามตำรา จะมีอิทธิฤทธิ์นานัปการอย่างที่เรียกว่าฝอยท่วมหลังช้างทีเดียว ใช้ได้ทั้งอยู่ยงคงกระพัน เมตตามหานิยม แคล้วคลาด ค้าขายดี ทากันและแก้พิษแมลงสัตว์กัดต่อย ฟกช้ำดำเขียว กระดูกแตกหักก็ทาเพื่อต่อได้ มีบาดแผลแล้วทาก็จะสมานติดกันในเวลาอันรวดเร็ว ผีเข้าเจ้าสิงก็ป้ายเข้าไปผีจะรีบหลีกลี้ในทันใด เป็นโรคกระเพาะให้กลืนกินเข้าไปจะรักษาแผลในกระเพาะและลำไส้ได้อย่างวิเศษ ฯลฯ และเหนืออื่นใด คือ...
    หลวงปู่ครูบาสุรินทร์ สุรินฺโท อดีตเจ้าอาวาสวัดศรีเตี้ย
    พระครูวิมลศรีลาภรณ์ (ครูบาสุรินทร์ สุรินโท) เดิมเมื่อยังเป็นฆราวาสมีชื่อว่าเด็กชายสุจา เสมอใจ เกิดเมื่อวันที่ 2 ธันวาคม พ.ศ.2441 ตรงกับวันขึ้น 5 ค่ำเดือนเกี๋ยงเมือง ปีเส็ด จุลศักราช 1260 ณ บ้านศรีเตี้ย แขวงป่าซาง เมืองลำพูน มณฑลพายัพ บิดาชื่อ พ่อทิพย์ มารดาชื่อ แม่จันตา มีพี่น้องร่วมครรภ์เดียวกัน 7 คน เด็กชายสุจาเป็นคนที่ 5 มีพี่ชาย 3 คน พี่สาว 1 คน และมีน้องสาว 2 คน
    เมื่อยังเป็นเด็กชายสุจา ท่านมีสุขภาพสมบูรณ์ และมีความจำเป็นเลิศ ตอนอายุ 7 ? 8 ขวบ ได้ออกเลี้ยงควายตามประสาลูกชาวนา ฝูงควายในท้องทุ่งจำนวนมาก ท่านสามารถแยกแยะออกและบอกได้ว่าควายตัวใดมีใครเป็นเจ้าของ และควายตัวใดเป็นลูกของแม่ควายตัวไหนด้วย ข่าวนี้ทราบถึงครูบาตุ้ย ญาณวิชโย เจ้าอาวาสวัดศรีเตี้ย ท่านครูบาคิดเห็นว่า เด็กน้อยสุจานี้เติบโตขึ้นจะเป็นบุรุษที่จะช่วยจรรโลงพระพุทธศาสนาได้ จึงเรียกหาตัวและชักชวนให้เข้าวัด เป็นเด็กวัดศรีเตี้ยเมื่ออายุได้ 9 ขวบตั้งแต่นั้นมา เด็กชายสุจาได้เล่าเรียนอักขระล้านนา (ตั๋วเมือง) จนสามารถจำและอ่านพระธรรมคัมภีร์ต่างๆ ได้ดี เมื่ออายุครบ 13 ปี ในปี พ.ศ.2453 ก็ได้บรรพชาในสำนักครูบาตุ้ย ญาณวิชโย วัดศรีเตี้ย สามเณรสุจาตั้งใจอุตสาหะพากเพียรท่องจำ และทำความเข้าใจ สามเณรสิกขา เสขิยวัตร และปฏิบัติเคร่งในศีลสามเณร 10 ประการ ทั้งท่องจำสวดมนต์สิบสองตำนานได้ด้วย
    ครูบาตุ้ย ญาณวิชโย เจ้าอาวาสวัดศรีเตี้ย มีความคิดเห็นว่าสามเณรสุจาสนใจในการเล่าเรียน และพากเพียรปฏิบัติศีลธรรมกรรมฐาน จึงส่งเสริมเสริมศิษย์โปรดให้ไปเรียนในสำนักครูบาไชยลังกา วัดศรีชุมผามงัว เมืองลำพูน ซึ่งสามเณรสุจาก็ได้เรียนภาษาสยาม จากครูบาอาจารย์ในสำนักเรียนนี้ และได้ร่ำเรียนมูลกัจจายนะ สัททาสนธิ อันเป็นหลักสูตรภาษาบาลีระบบการศึกษาล้านนาในอดีตด้วย แต่การเรียนภาษาสยาม และบาลีมูลกัจจายนะของสามเณรไม่ก้าวหน้า เพราะท่านสนใจวิชชาวิปัสสนามากกว่า ท่านจึงลาออกจากสำนักครูบาไชยลังกา ไปศึกษาเล่าเรียนวิชชาวิปัสสนากัมมัฏฐาน ในสำนักครูบากันธา คนธวํโส วัดต้นผึ้ง แขวงป่าซาง เมืองลำพูน ถึงปี พ.ศ.2462 สามเณรสุจาอายุได้ 21 ปี ครบปีบวชเป็นพระภิกษุ ท่านก็กลับมาอุปสมบท ณ พัทธสีมาวัดศรีเตี้ย ตำบลบ้านโฮ่ง อำเภอป่าซาง จังหวัดลำพูน (ตำบลบ้านโฮ่งได้ยกฐานะเป็นอำเภอบ้านโฮ่ง เมื่อ พ.ศ.2499) ครูบาตุ้ย ญาณวิชโย เจ้าอาวาสวัดศรีเตี้ย เป็นพระอุปัชฌายะ พระอธิการคำ คมภีโร วัดร้องธาร อำเภอป่าซาง เป็นพระกรรมวาจาจารย์ และพระอธิการกันธา คนธวํโส วัดต้นผึ้ง เป็นพระอนุสาวนาจารย์ ได้นามฉายาที่พระอุปัชฌาอาจารย์ตั้งให้ว่า พระภิกษุสุรินทร์ สุรินโท เมื่อบวชอยู่ได้ 5 พรรษา ท่านก็ได้นิสสัยมุตตกะ จึงได้พร้อมกับกัลยาณมิตรขอท่าน ได้แก่ พระปันแก้ว รตนปญโญ (ครูบาปันแก้ว วัดปทุมสราราม) พระพรหมมา พรหมจกโก (ครูบาพรหมจักร วักพระบาทตากผ้า) พระจันโต กาวิชโย (ครูบากาวิชัย วัดวังสะแกง) พระคำ คนธิโย (ครูบากันธิยะ วัดดงหลวง) และพระอุ่นเรือน สิริวิชโย (ครูบาอุ่นเรือน วัดสันเจดีย์ริมปิง) เป็นสหธรรมมิกภิกขุปฏิบัติธรรมกรรมฐาน ธุดงค -วัตร ออกจาริกไปบำเพ็ญเพียร และอนุสาสน์สั่งสอนหลักการปฏิบัติ พระธรรมคำสั่งสอนของพระพุทธเจ้าแก่พุทธบริษัทในแขวงต่างๆ ของเมืองลำพูน และหัวเมืองใกล้เคียงเป็นเวลา 3 ปี
    ถึงปี พ.ศ.2470 เมื่อครูบาตุ้ย ญาณวิชโย เจ้าอาวาสวัดศรีเตี้ย ถึงแก่มรณภาพ ในปีที่พระสุรินทร์ สุรินโท มีอายุได้ 29 ปี 8 พรรษา ท่านก็ทำหน้าที่ผู้รักษาการเจ้าอาวาสวัดศรีเตี้ย และได้จัดงานทำบุญถวายเพลิงศพครูบาตุ้ย ญาณวิชโย พระอุปัชฌายะ เสร็จสิ้นในปี พ.ศ.2474 แล้ว เจ้าคณะเมืองลำพูน กับผู้สำเร็จราชการเมืองลำพูน ได้ออกตราตั้งให้พระสุรินทร์ สุรินโท ดำรงสมณศักดิ์ที่ พระอธิการสุรินทร์ สุรินโท ตำแหน่งเจ้าอาวาสวัดศรีเตี้ย ให้มีหน้าที่เจ้าอาวาสตามมาตรา 13 และมีอำนาจปกครองวัดตามมาตรา 17 แห่งพระราชบัญญัติลักษณะปกครองสงฆ์ ร.ศ.121 และท่านก็สืบทอดแบบอย่างขนบธรรมเนียมปกครองวัดตามอย่างครูบาตุ้ย ญาณวิชโย ผู้เป็นอุปัชฌาย์อาจารย์ของท่านด้วย ตลอดเวลาที่เป็นเจ้าอาวาสวัดศรีเตี้ย ก็สั่งสอนพระภิกษุสามเณร เน้นหนักอบรมทางวิปัสสนาธุระ และสั่งสอนอบรมศรัทธาชาวพุทธของวัด ทางสมถกัมมัฏฐานพอเป็นทางสงบใจ ทั้งเป็นผู้อำนวยการทางคันถธุระแผนกปริยัติธรรมนักธรรมและบาลี ส่วนด้านสาธารณูปการท่านเพียงแต่บูรณะปฏิสังขรณ์และก่อสร้างเสนาสนะสงฆ์ สถานพุทธาวาสที่สำคัญและจำเป็นเท่านั้น เพราะอัธยาศัยของท่าน เป็นพระสมณที่ดำรงตนสมถะเรียบง่าย ฉันน้อย ใช้น้อย แต่ทำประโยชน์ใหญ่
    ครูบาสุรินทร์ สุรินทเถระ ได้อุทิศตนบูชาพระพุทธศาสนา โดยมั่นอบรมสั่งสอนศิษยานุศิษย์และศรัทธาชาวพุทธให้ดำรงตนในศีลธรรมคำสั่ง สอนของพระพุทธเจ้า เพื่อให้เป็นศาสนิกชนที่ดีของพระศาสนา เป็นพลเมืองดีของประเทศชาติ ท่านเทศนาสั่งสอนปลูกฝังความรักซึ่งกันและกัน ในยามตกทุกข์ได้ยาก เจ็บไข้ได้ป่วย ยามแก่เฒ่าชรา และให้รักกันแม้จะมีใส่ร้ายยุแหย่ให้แตกสามัคคีก็ไม่มีแหนงหน่ายกัน ความรักอันนี้เป็นรากฐานศิลา แห่งเมตตาของมนุษย์ อันภาระพระพุทธศาสนาทั้งสองประการที่ท่านได้กระทำบำเพ็ญมาถึงขีดจรรโลงพระ พุทธศาสนา เป็นผลให้พระพุทธศาสนาตั้งอยู่สืบต่อจิระฐิติกาล ทราบถึงพระคณาธิการฝ่ายปกครองคณะสงฆ์ระดับแขวง เมือง มณฑล ฉะนั้นในปี พ.ศ.2481 ขณะที่ท่านสุรินทร์อายุได้ 40 ปี 19 พรรษา จึงได้รับแต่งตั้งเป็นพระครูสมณศักดิ์ชั้นประทวน (จปร.) นามว่า พระครูสุรินทร์ สุรินโท และพระเดชพระคุณท่านเจ้าคุณพระพรหมมุนี เจ้าคณะมลฑลพายัพ ได้นำพัดยศประทวน (จปร.) มามอบให้ท่านท่ามกลางสังฆสันนิบาต ณ พระวิหารหลวงวัดพระธาตุหริภุญชัยวรมหาวิหาร ซึ่งพร้อมกับนำ พระมหาสำรี (อมร) (พระสุเมธมังคลาจารย์) มาเป็นพระคณาจารย์ประจำสำนักเรียนเมืองลำพูน กาลเวลาล่วงไปอีก 40 ปี ถึงวันเฉลิมพระชนมพรรษา พระบาทสมเด็จฯพระบรมบพิตรพระราชสมภารเจ้า รัชกาลที่ 9 แห่งบรมราชจักรีวงศ์ ในวันที่ 5 ธันวาคม 2521 พระครูสุรินทร์ สุรินโท ก็ได้รับพระราชทานสมณศักดิ์พระครูสัญญาบัตรพัดยศชั้นโท ฝ่ายวิปัสสนาที่ พระครูวิมลศรีลาภรณ์ ในขณะที่ครูบามีอายุได้ 80 ปี 59 พรรษา
    พระครูวิมลศรีลาภรณ์ เป็นพระเถระที่มีความเจริญพร้อมด้วยชนมายุ ด้วยคุณธรรม ความรู้ ความสามารถเป็นเถรัตตัญญู ทรงไว้ซึ่งศีลาธุคุณ สมาธิคุณ และวิปัสสนาคุณ รอบรู้แตกฉานในกิจพระศาสนา แบบแผนประเพณี เปี่ยมด้วยเมตตาพรหมวิหาร จึงมีกิตติศัพท์ปรากฏไกล เป็นครูฐานิยบุคคลที่พึ่งที่เคารพของอเนกศิษย์ศรัทธาสาธุชนทั่วไป ทั้งในจังหวัดลำพูนและต่างจังหวัดทั่วประเทศพระครูวิมลศรีลาภรณ์ได้มรณภาพลงตามสภาพหลักธรรมสังขารอันปรุงแต่งด้วย โรคชราเมื่อวันที่ 12 มีนาคม 2532 เวลา 01.40 น. ณ วัดศรีเตี้ย

    สวยแชมป์เดิมๆ

    บูชาแล้วครับ


    เหรียญครูบาสุรินทร์ 1.3 a.jpg เหรียญครูบาสุรินทร์ 1.3 b.jpg เหรียญครูบาสุรินทร์ 1.3 c.jpg Clip_59.jpg

     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 29 มีนาคม 2021
  6. ศิวิไล

    ศิวิไล เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    24 มิถุนายน 2011
    โพสต์:
    15,921
    ค่าพลัง:
    +1,340
    รายการที่ 6723

    เหรียญพระเจ้าตนหลวงปี 2512 เนื้อทองแดง บล็อกสายฝน


    พระเจ้าตนหลวง วัดศรีโคมคำ พระพุทธรูปศักดิ์สิทธิ์ ศิลปะเชียงแสนเป็นพระพุทธรูปเก่าแก่คู่บ้านคู่เมืองพะเยามาช้านาน

    เหรียญยอดนิยมของเมืองพะเยา

    บล็อกสายฝนหายากมากครับ

    รับประกันความแท้ตลอดชีพครับ


    ราคา 12000 บาท สนใจสอบถามได้ครับ 086-1936900

    เหรียญพระเจ้าตนหลวง 5.5 b.jpg เหรียญพระเจ้าตนหลวง 5.5 c.jpg เหรียญพระเจ้าตนหลวง 5.5 d.jpg
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 10 ตุลาคม 2020
  7. ศิวิไล

    ศิวิไล เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    24 มิถุนายน 2011
    โพสต์:
    15,921
    ค่าพลัง:
    +1,340
    รายการที่ 6724

    พระผงสมเด็จอวตาร 84 ครูบาชัยวงค์ วัดพระพุทธบาทห้วยต้ม เจิมน้ำหมาก ติดเส้นเกศาสวย จากวัด


    ปี 2540 เมื่อหลวงปู่ครูบาชัยวงค์อายุได้ 84 ปี ท่านป่วยหนักมากจนต้องเข้าไปรักษาตัวที่โรงพยาบาล เมื่ออาการทุเลาลงมาแล้ว ท่านกลับมาวัด หลวงปู่ได้บอกว่า ในขณะที่อยู่โรงพยาบาลนั้น ท่านได้ตายไปแล้ว เนื่องด้วยเหตุของอุปฆาตกรรมมาริดรอน แต่สามารถต่ออายุออกไปได้อีก
    หลวงปู่จึงให้สร้างวัตถุมงคลเพื่อสงเคราะห์ลูกหลาน พร้อมทั้งกำหนดมวลสาร และ ตั้งชื่อรุ่นนี้ให้เอง
    พระผงสมเด็จอวตาร 84 เป็นพระผงที่รวบรวมมวลสาร ต่างๆ เช่น ผงพระธาตุ 500 อรหันต์ ผงพระธาตุสีวลี ผงพระปัจเจกพุทธเจ้า ผงหลวงปู่เทพโลกอุดร ชานหมากอันศักดิ์สิทธิ์ ผงธูปอธิษฐาน เกษา น้ำหมาก และ ผงพุทธคุณต่าง ๆ ด้านหลังองค์พระติดเกศาของหลวงปู่
    หลวงปู่ครูบาชัยวงค์ได้ให้ชื่อพระรุ่นนี้ว่า "สมเด็จอวตาร84 รุ่นฆ่าไม่ตาย"
    พุทธคุณคือ เป็นพระที่คลายกฏแห่งกรรม ได้คือ ถ้ามีกรรมที่มาตัดรอนให้เรา ถึงแก่ชีวิต ก่อนอายุขัย จากเจ้ากรรม นายเวร ทั้งหลายทั้งปวง ...ด้วยพระพุทธานุภาพ ที่หลวงปู่เมตตาอธิษฐานจิตให้ จะช่วยให้กรรมนั้นๆ จากหนักเป็นเบาได้

    สวยเดิมน่าใช้มากครับ



    หลวงปู่อธิษฐานจิตให้อย่างเต็มที่ 1 ไตรมาส

    เจิมน้ำหมาก ติดเส้นเกศาสวย จากวัด


    ราคา 1350 บาท สนใจสอบถามได้ครับ 086-1936900

    Clip_76.jpg Clip_77.jpg Clip_78.jpg Clip_79.jpg

     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 12 ตุลาคม 2020
  8. ศิวิไล

    ศิวิไล เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    24 มิถุนายน 2011
    โพสต์:
    15,921
    ค่าพลัง:
    +1,340
    รายการที่ 6725

    ล็อกเก็ตพระปิดตารุ่นแรก ครูบาวงศ์ (ครูบาชัยยะวงศาพัฒนา) วัดพระบาทห้วยต้ม จ.ลำพูน


    หลวงปู่เมตตาลงอักขระธรรม ลายลิขิต

    เป็นภาษาล้านนา นะมะพะธะ กะจะภะสะ นะอุด นะอัด นะปิด นะมิด

    "นะมะพะธะ "คือหัวใจของ จตุธาตุวัฏฐาน ๔

    คือ ดิน น้ำ ลม ไฟ

    "จะ ภะ กะ สะ"หัวใจธาตุกรณี

    มีความหมายว่า

    จะ ย่อมาจาก จชทุชฺชนสงฺสคฺคํ แปลว่า จงละเว้นการคบคนชั่วเสีย

    ภะ ย่อมาจาก ภชสาธุสมาคตํ แปลว่า หมั่นคบหาสมาคมด้วบัณฑิต

    กะ ย่อมาจาก กรปุญฺญมโหรตฺตํ แปลว่า ให้สร้างบุญ(ให้ทาน) ทั้งกลางวันและกลางคืน

    สะ ย่อมาจาก สรนิจฺจมนิจฺจํ แปลว่า ให้ระลึกถึงความไม่เที่ยงของสังขารเป็นนิจ

    นะอุด นะอัด นะปิด นะมิด ถือเป็นสุดยอดพระคาถา พระคาถานี้ใช้ได้ทุกด้าน จะเมตตาก็ได้ คงกระพัน มหาอุด ล้วนได้หมด

    เพื่อนำมาบรรจุไว้ด้านหน้าของล็อกเก็ตพระปิดตา

    ตอกโค๊ดแผ่นเงินหมายหมายเลข ติดชนวนทองคำ เกศาจีวร อุดผงพุทธคุณ หายากมากครับสร้างน้อย มวลสารสุดยอดทั้งนั้น

    พุทธคุณสูงมากครับ.... มวลสารที่อุดด้านหลังล็อกเก็ต

    1.เกศา ชานหมาก จีวร ขมิ้นเสกครูบาชัยวงศ์ฯ

    2.เกศาพระเกจิอาจารย์15รูป อาทิ

    หลวงพ่อแช่ม วัดดอนยายหอม ,พ่อท่านคล้อย วัดถ้ำเขาเงิน,หลวงพ่อเพชร วัดบ้านกรับ,หลวงพ่ออุ้น วัดตาลกง ,หลวงพ่อแพ วัดพิกุลทอง ฯ

    3.ผงมงคลทั่วประเทศ

    4.ผงหลวงปู่เอี่ยม วัดสะพานสูง

    5.ผงแร่บางไผ่วัดนครอินทร์

    6.ผงคะไบพระกริ่งยอดขุนพล หลวงพ่อแช่ม วัดดอนยายหอม,พระกริ่ง-พระชัยวัฒน์จันทร์ตรี หลวงพ่อเพชร,ผงตะไบพระบรมรูปรัชกาลที่5คณะรัฐศาสตร์จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย

    7.ผงแร่เขาพรหมชะแง้

    8.พลอยเสก และองค์นี้มีแผ่นทองคำด้วยครับ

    จัดสร้าง17 ตุลาคม2542

    จัดสร้าง 300 องค์ หมายเลขสวยๆ039 มาพร้อมกล่องเดิมๆครับ


    ราคา 9999 บาท สนใจสอบถามได้ครับ 086-1936900

    Clip_72.jpg Clip_73.jpg Clip_71.jpg Clip_70.jpg Clip_75.jpg Clip_74.jpg
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 12 ตุลาคม 2020
  9. ศิวิไล

    ศิวิไล เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    24 มิถุนายน 2011
    โพสต์:
    15,921
    ค่าพลัง:
    +1,340
    รายการที่ 6726

    เหรียญรุ่นแรกครูบาอินตา วัดห้วยไซ ปี 2533 สวยเดิมๆ


    พระครูถาวรวัยวุฒิ (หลวงปู่ครูบาอินตา อินฺทปัญฺโญ)พระเกจิผู้ทรงวิยาคมเเห่งเมืองลำพูนพระอาจารย์ของท่านครูบากฤษดาวัดสันพระเจ้าแดง
    เหรียญสุดยอดประสบการณ์ของเมืองลำพูน ของแท้หายากมากครับ
    "หลวงปู่ครูบาอินตา วัดห้วยไซ"
    พระครูถาวรวัยวุฒิ (หลวงปู่ครูบาอินตา อินฺทปัญฺโญ)
    วัดห้วยไซ ตำบลห้วยยาบ อำเภอบ้านธิ จังหวัดลำพูน
    อัตโนประวัติของหลวงปู่ครูบาอินตา อินฺทปัญฺโญ วัดห้วยไซ ท่านเกิดเมื่อวันขึ้น ๓ ค่ำ เดือน ๘ เหนือ ปี มะเส็ง(งูเล็ก) ตรงกับ วันเสาร์ ที่ ๖ เดือนพฤษภาคม พุทธศักราช ๒๔๔๘ ณ บ้านห้วยไซ ตำบลห้วยยาบ อำเภอบ้านธิ จังหวัดลำพูน มีนามเดิมว่า อินตา นามสกุล ปาลี เป็นบุตรของ นายก๋อง นางก๋ำ นามสกุล ปาลี เป็นคนที่มีเชื้อสายยอง มารดาของท่านเสียชีวิตตั้งแต่ท่านยังเด็กไม่รู้ความ ท่านจึงได้รับการเลี้ยงดูจากบิดาจนอายุท่านได้ ๙ ขวบ จึงได้ฝากตัวเป็นศิษย์วัด(ขะโยม)ที่วัดห้วยไซเพื่อจะได้รับการศึกษาเล่า เรียน ในสมัยนั้นยังไม่มีโรงเรียนเช่นปัจจุบัน เด็กชายอินตา จึงได้เรียนภาษาพื้นเมืองตามแบบสมัยนิยม และได้รับการบรรพชาเป็นสามเณรขณะอายุได้ ๑๓ ปี พ.ศ.๒๔๖๑ ณ วัดห้วยไซ โดยมีพระภิกษุพุธเป็นผู้บวชให้ หลังจากบรรพชาเป็นสามเณรแล้วจึงได้ไปศึกษาภาษาไทยกลางเพิ่มเติมที่สำนักวัด สันก้างปลา(วัดทรายมูลในปัจจุบัน) อำเภอสันกำแพง โดยมีพระครูอินทนนท์ เจ้าอาวาส (ท่านเป็นพระวิปัสสนาจารย์ที่เก่งกล้ามากได้ปรมัติสูญสตาอรรถพยัญชนะทรงอภิ ญาชั้นสูง)เป็นอาจารย์ผู้สอนให้ ด้วยความเป็นผู้ไผ่เรียนท่านยังมีความสนใจเรื่องของภาษาอื่นๆด้วยเช่น อักษรขอมโบราณ ภาษาอังกฤษ และจีนเพิ่มเติม ซึ่งเป็นเรื่องที่ยากมากในสมัยนั้น เมื่อพออายุครบบวชจึงได้รับการอุปสมบทเป็นพระภิกษุที่วัดห้วยไซ พ.ศ.๒๔๖๙ โดยมีครูบาอินทจักร วัดป่าลาน เป็นพระอุปัชฌาย์(เป็นศิษย์ครูบาหลวงวัดฝายหิน จบสตาปรมัติรู้ภาษานกกาได้ เจนจบ 9 มัด) พระอธิการชื่น สันกอแงะ เป็นพระกรรมวาจาจารย์ ครูบาขันแก้ว วัดป่ายาง(สันพระเจ้าแดง) เป็นพระอนุสาวนาจารย์ ได้รับฉายาทางพระพุทธศาสนาว่า “อินฺทปัญฺโญภิกขุ”
    หลัง จากอุปสมบทเป็นพระภิกษุแล้วจึงได้ตั้งใจที่จะศึกษาพระธรรมวินัยและสรรพวิชา ตามจริตวิสัยที่ชอบศึกษาหาความรู้อันเป็นทุนเดิมของท่าน ทำให้ท่านเป็นที่ยอมรับนับถือของผู้คนในเรื่องของวิชาพลังจิตที่สูงมากตลอด ถึงในวิชาอาคมแขนงต่างๆ ประกอบกับการปฏิบัติสมถะวิปัสสนาธุระควบคู่กันไประหว่างปีพ.ศ.๒๔๗๑ ครูบาศรีวิชัยท่านได้มาเป็นประธานในการบูรณะพระธาตุดอยห้างบาตร ซึ่งอยู่ไม่ไกลจากวัดห้วยไซมากนัก หลวงปู่ครูบาอินตาก็ได้ไปร่วมในการบุญครั้งนั้นด้วยและได้พบกับครูบาศรี วิชัยและถือโอกาสฝากตัวเป็นศิษย์ หลังจากนั้นขณะที่ครูบาศรีวิชัยท่านเป็นประธานในการสร้างทางขึ้นดอยสุ เทพหลวงปู่ครูบาอินตาก็ได้มีโอกาสไปร่วมในการสร้างทางด้วยเช่นกัน เมื่อครูบาศรีวิชัยมรณภาพไปหลังเสร็จสิ้นงานพระราชทานเพลิงศพ ผ้าขาวดวงต๋า ได้นำอัฐิธาตุของครูบาศรีวิชัยมาบรรจุและสร้างกู่อัฐิขึ้นที่บนดอยง้ม เขตติดต่อระหว่างอำเภอสันกำแพงกับอำเภอบ้านธิ หลวงปู่ครูบาอินตาท่านก็ถือว่าเป็นผู้หนึ่งที่มีส่วนร่วมในการนำสร้างด้วย ที่วัดห้วยไซเองท่านถือได้ว่าเป็นกำลังสำคัญที่มีส่วนร่วมกับอดีตเจ้าอาวาส ของวัดห้วยไซองค์ก่อนๆในการนำสร้างถาวรวัตถุต่างๆภายในวัด โดยเฉพาะสมัยของพระครูดวงดี จนกระทั้งครูบาดวงดีท่านมรณภาพไป หลวงปู่ครูบาอินตาท่านจึงได้รับแต่งตั้งให้เป็นเจ้าอาวาสวัดห้วยไซ เมื่อพ.ศ.๒๕๑๙ และได้รับพระราชทานสมณะศักดิ์เป็น พระครูถาวรวัยวุฒิ เมื่อปีพ.ศ.๒๕๓๖ ระหว่างที่ท่านยังมีชีวิตอยู่นั้นได้ได้ฝากผลงานทางด้านพระพุทธศาสนาและ สาธารณประโยชน์มากมาย อาทิ พัฒนาถาวรวัตถุสิ่งก่อสร้างต่างๆของวัดห้วยไซจนเป็นที่เจริญรุ่งเรือง สาธารณะประโยชน์เช่นโรงเรียน สถานีอนามัย โรงพยาบาล ห้องสมุด ที่อ่านหนังสือพิมพ์ ตลอดจนฌาปนกิจสถานประจำหมูบ้าน นอกจากนั้นท่านยังทำนุบำรุงพระศาสนาไปยังวัดวาอารามต่างๆที่มาของความเมตตา อนุเคราะห์จากท่าน เช่น ถาวรวัตถุต่างที่วัดเปาสามขา วัดวังธาน อำเภอแม่ออน วัดโป่งช้างคต อำสันเภอกำแพง วัดเวียงแห่ง อำเภอเวียงแห่ง จังหวัดเชียงใหม่ วัดศรีชัยชุม บ้านห้วยไซเหนือ
    พระพุทธรูปยืนวัด ศรีดอนชัย อำเภอบ้านธิ ประธานสร้างตึกสงฆ์อาพาสโรงพยาบาลบ้านธิ และผลงานชิ้นสุดท้ายที่ทิ้งไว้ให้ศิษย์ได้สารงานต่อคือพระวิหารของวัดห้วยไซ ก่อนที่ท่านจะมรณภาพด้วยชราภาพ เมื่อวันที่ ๒๕ เดือนกรกฎาคม พ.ศ.๒๕๔๕ สิริรวมอายุได้ ๙๘ ปี ๗๗ พรรษา พระเถระที่หลวงปู่ครูบาอินตาท่านสนิทสนมไปมาหาสู่กันเป็นประจำก็มี ครูบาขันแก้ว วัดป่ายาง(สันพระเจ้าแดง)ครูบาธรรมชัย วัดประตูป่า ครูบาสิริ วัดปากกองสารภี(ครูบาผีกลัว)ครูบาแก้ว สันกำแพงครูบาดวงทิพย์ วัดสันคะยอม(เป็นพระที่ครูบาพรหมาจักรนับถือมากๆ) ครูบาชุ่ม วัดวังมุย ครูบาหล้าตาทิพย์ วัดป่าตึง ครูบาอิน วัดฟ้าหลั่ง ครูบาดวงจันทร์ วัดป่าเส้า ครูบาน้อย วัดบ้านปง ครูบาดวงดี วัดท่าจำปี ครูบาวงศ์ วัดพระบาทห้วยต้ม ครูบาอินตา วัดวังทอง สำหรับพิธีพระราชทานเพลิงศพ หลังจากศิษยานุศิษย์ได้เก็บรักษาสรีระของหลวงปู่ครูบาอินตาไว้เป็นเวลาหลาย ปีแต่รางของท่านก็มิได้มีการเน่าเปื่อยแต่อย่างใด เมื่อก่อสร้างวิหารแล้วเสร็จจึงได้ของไฟพระราชทานและประกอบพิธีพระราชทาน เพลิงศพ เมื่อวันที่ ๔ เดือนมีนาคม พ.ศ.๒๕๕๐
    สำหรับวัตถุมงคล ของหลวงปู่ครูบาอินตา ท่านได้สร้างขึ้นในยุคแรกๆก็จะมีเพียงยันต์และตระกุดเพื่อให้ลูกศิษย์ลูกหา ไว้ใช้ป้องกันตัวอิทธิวัตถุมงคลต่างๆก็มีประสิทธิผลจนเป็นที่ลำลือ
    หลวงปู่ครูบาอินตา อินทปัญโญ เอกองค์พระอาจารย์ที่ให้ดวงกรรมฐานกับครูบากฤษดา ตั้งแต่เป็นสามเณร ที่ท่านสามารถปราบความคิดที่อยากรู้อยากเห็น ซุกซนโลดเเล่นแก่นแก้วสามารถดักทางความคิดจิตของครูบากฤษดา ได้ทั้งหมดตั้งแต่เป็นสามเณรร่ำเรียนอยู่ในสำนักวัดห้วยไซใต้ ถือว่าเป็นพระอาจารย์องค์แรกครับ และก็มีครูบาชัยวงค์ได้ไปกราบคารวะสนทนาเป็นบางครั้งคราว และมีพ่อแม่ครูอาจารย์ที่ครูบากฤษดาเทิดเหนือหัวคือหลวงปู่พิสดู ธัมมจารี เป็นที่สุดครับ


    บูชาแล้วครับ

    เหรียญครูบาอินตา j.jpg เหรียญครูบาอินตา k.jpg เหรียญครูบาอินตา l.jpg
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 12 ตุลาคม 2020
  10. ศิวิไล

    ศิวิไล เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    24 มิถุนายน 2011
    โพสต์:
    15,921
    ค่าพลัง:
    +1,340
    รายการที่ 6727

    เหรียญรุ่นแรกครูบาขาวปี วัดพระพุทธบาทผาหนาม ปี2495 เนื้อตะกั่ว

    พระอริยสงฆ์อีกองค์ของเมืองลี้ ศิษย์เอกของท่านครูบาเจ้าศรีวิชัย
    เหรียญครูบาขาวปีเป็นเหรียญที่มีเอกลักษณ์แตกต่างจากเหรียญเกจิอื่นๆเนื่องจากการแกะบล็อกเป็นรูปครูบานั่งทำสมาธิในมือถือลูกประคำอยู่ใต้ต้นสะหรี (ต้นโพธิ์)มี 5 กิ่ง นักสะสมนิยมเรียกกันติดปากว่า #เหรียญสลีห้ากิ่ง
    เหรียญรุ่นนี้เป็นเหรียญที่มีประสบการณ์ในการใช้บูชาของจริงที่มีสูงมากๆดีในเรื่องเมตตา มหานิยมและในด้าน คุ้มกันภยันตรายต่างๆได้ดี ครูบาขาวปี ท่านเป็นศิษย์สายตรงของครูบาเจ้าศรีวิชัยฯ ครูบาเจ้าฯท่านบวชให้ตั้งแต่เมื่อครั้งเป็นสามเณร จนกระทั่งอุปสมบทเป็นพระภิกษุ โดยได้รับฉายาว่า พระอภิชัย แต่ถูกกลั่นแกล้งคล้ายครูบาเจ้าฯ ถูกทางเจ้าคณะพระครูจับสึกถึง 2 ครั้ง ครูบาขาวปีท่าน เป็นกำลังสำคัญในการสร้างทางขึ้นดอยสุเทพ โดยนำชาวกะเหรี่ยงและ ชาวเขา เผ่าต่างๆ หลายพันคนมาช่วยสร้างทางจนเสร็จสำเร็จ หลังจากการสร้างทางเสร็จ ครูบาเจ้าฯได้ทำพิธีอุปสมบท ให้อีกครั้งเป็นพระภิกษุอภิชัย ณ วัดศรีโสดา อ.เมือง จ.เชียงใหม่

    #ถือเป็นเหรียญยุคเก่าก่อนปี2500ที่ประสบการณ์สูงมากครับ

    บูชาแล้วครับ

    เหรียญครูบาขาวปี ตะกั่ว a.jpg เหรียญครูบาขาวปี ตะกั่ว b.jpg เหรียญครูบาขาวปี ตะกั่ว c.jpg


     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 12 ตุลาคม 2020
  11. ศิวิไล

    ศิวิไล เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    24 มิถุนายน 2011
    โพสต์:
    15,921
    ค่าพลัง:
    +1,340
    รายการที่ 6728

    พระปิดตาควัมบบดีครูบาชุ่ม โพธิโก วัดชัยมงคลวังมุย ปี 17

    ครูบาเจ้าชุ่ม โพธิโก เป็นพระผู้ถึงพร้อมด้วยวิชชาและจรณะ ท่านปฏิบัติตามแนวทางกรรมฐาน 40 ขององค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าอย่างอุกฤษฏ์ ชนิดยอมเอาชีวิตเข้าแลก จึงปรากฏว่าท่านเป็นที่เคารพบูชาของชาวล้านนา และบุคคลทั่วไปอย่างกว้างขวาง โดยเฉพาะเมื่อ 30 ปีก่อน นามของท่านยิ่งขจรขจายฟุ้งไปอีก กับเรื่องราวที่ท่านเข้านิโรธสมาบัติ ด้วยพลังแห่งฌานสมาบัติที่แก่กล้า และพลังแห่งเมตตาจิต รวมทั้งสรรพวิชาที่ท่านได้เพียรศึกษาและสั่งสมมาตามคติครูบาอาจารย์ ทำให้กิตติศัพท์ความเก่งกล้าทางด้านวิชาพุทธาคมของหลวงปู่ชุ่ม เป็นที่เชื่อมั่นในหมู่ประชาชนยิ่งนัก โดยเฉพาะด้านคงกระพัน มหาอุด แคล้วคลาด หลวงปู่คำแสน คุณาลังกาโร วัดป่าดอนมูล อ.สันกำแพง จ.เชียงใหม่ ผู้เป็นสหธรรมมิกอาวุโสสูงกว่า เคยนิมนต์หลวงปู่ชุ่มไปเป็นประธานในพิธีพุทธาภิเษกพระเครื่อง เพื่อหาทุนสร้างโรงเรียนและศาลาวัดป่าดอนมูล กล่าวว่า
    “หลวงปู่ชุ่มท่านเป็นพระภิกษุที่มีความชำนาญด้านการผูกอักขระเลขยันต์ต่างๆ รวมทั้งมีอำนาจฌานสมบัติที่แกกล้าและขลังมาก”
    พระเครื่องทั้งประเภทเนื้อโลหะ และประเภทเนื้อผง เมื่อผู้เลื่อมใสศรัทธานำไปพกพาติดตัว เพื่อความเป็นสิริมงคลแก่ตนเองและครอบครัว ต่างประสบเหตุการณ์ มีอภินิหารต่างๆ นานา ทั้งด้านเมตตามหานิยม มหาอุด แคล้วคลาด คงกระพัน ส่งผลให้ชาวจังหวัดลำพูน และชาวจังหวัดใกล้เคียงในยุคนั้น ต่างแวะเวียนมากราบนมัสการท่าน เพื่อขอของดีกันไม่ขาดสาย ท่านจึงมักเมตตาทำวัตถุมงคลแต่ละชนิดให้แต่ละคนตามวาสนาที่แตกต่างกัน โดยที่หลวงปู่ชุ่มไม่เคยตั้งราคาวัตถุมงคลที่ท่านแจกเลย ทั้งนี้ผู้มีจิตศรัทธาจะทำบุญกับท่านตามกำลังทรัพย์ที่พึงมี ปัจจัยทั้งหลายที่มีผู้ทำบุญถวายแด่ท่าน ล้วนถูกนำไปใช้เพื่อสาธารณประโยชน์ และการศาสนาทั้งสิ้นวัตถุมงคลของท่านในยุคเริ่มแรกจะเป็น ผ้ายันต์ ตะกรุด ล็อกเกตรูปถ่ายของท่าน และพระผงที่จัดสร้างเพื่อนำไปบรรจุตามพระเจดีย์ต่างๆ ที่ท่านไปนั่งหนักเป็นประธานสร้าง หรือบูรณปฏิสังขรณ์ไว้นั่นเอง

    จัดสร้างปี 2517พระปิดตานี้จะอยู่ในชุดพิเศษ (กรรมการ) ที่จัดสร้างน้อยมาก เพียง 1077 องค์เท่านั้น


    ราคา 1550 บาท สนใจสอบถามได้ครับ 086-1936900

    ปิดตาครูบาชุ่ม a.jpg ปิดตาครูบาชุ่ม b.jpg ปิดตาครูบาชุ่ม c.jpg Clip_29.jpg


     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 12 ตุลาคม 2020
  12. ศิวิไล

    ศิวิไล เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    24 มิถุนายน 2011
    โพสต์:
    15,921
    ค่าพลัง:
    +1,340
    รายการที่ 6729

    รูปหล่อโบราณรุ่นแรกครูบาพรหมา วัดพระพุทธบาทตากผ้า ปี 2497 น้ำทองเดิมๆ


    พระสุพรหมยานเถร (พรหมา พฺรหฺมจกฺโก) พระสุพรหมยานเถร (พรหมา พฺรหฺมจกฺโก) หรือที่รู้จักกันดีในนาม “ครูบาพรหมา” หรือบ้างก็เรียก “ครูบาพรหมจักร” ท่านเปรียบดั่ง “เจ้าคุณนรแห่งล้านนา” ด้วยความมั่นคงในพระวินัย จริยาวัตรอันเรียบร้อยสงบเสงี่ยม เมตตาอันล้ำเลิศ ไม่ผิดพลาดไปจากพระธรรมแม้สักนิด อีกทั้งยังมีจิตที่ทรงฤทธิ์ ถึงขนาดเหยียบหินให้เป็นรอยเท้าได้ ถึงขนาดที่ครูบาเจ้าศรีวิชัยนักบุญแห่งล้านนาไท ยังต้องนัดขอดูตัวด้วยความชื่นชม และท่านยังเป็นอาจารย์ของครูบาชัยวงศาพัฒนาผู้มีฤทธิ์ยอดยิ่งอีกต่างหากด้วย ประวัติ วัยเด็ก ท่านมีนามเดิมว่า พรหมา พิมสาร กำเนิดวันที่ 30 สิงหาคม พ.ศ. 2441 ที่บ้านป่าแพ่ง อำเภอป่าซาง จังหวัดลำพูน เป็นบุตรของ นายเป็งกับนางบัวถา พิมสาร มีพี่น้องร่วมกัน 13 คนท่านครูบาพรหมมาได้เรียนหนังสืออักษรลานนาและไทยกลางที่บ้านจากพี่ชายที่ได้บวชเรียน บรรพชาและอุปสมบท ครูบาเจ้าบรรพชาเป็นสามเณรเมื่ออายุ 15 ปี เมื่อวันจันทร์ที่ 24 เมษายน พ.ศ. 2455 เวลา 15.00 น. ณ วัดป่าเหียง ตำบลแม่แรง อำเภอป่าซาง มีเจ้าอธิการแก้ว ขัตติโย เป็นพระอุปัชฌาย์ ท่านได้หมั่นศึกษาเล่าเรียน ปฎบัติธรรม และประพฤติในศีลาจารวัตรอย่างเคร่งครัด ท่านอุปสมบทเมื่ออายุได้ 20 ปี ที่วัดเดิมเมื่อวันที่ 16 ม.ค. พ.ศ. 2461 เจ้าอธิการแก้ว ขัตติโย (ครูบาขัตติยะ) เป็นพระอุปัชฌาย์ พระอาจารย์ฮอน โพธิโก เป็นพระกรรมวาจาจารย์ พระอาจารย์สม สุวินโท เป็นพระอนุสาวนาจารย์ ได้รับฉายาว่า “พรหมจักโก” กระทั่งพรรษาที่ 4 ท่านได้เริ่มต้น เข้าสู่วิถีแห่งการปฏิบัติธรรมอย่างเอาจริงเอาจัง ท่านได้ออกธุดงค์ไปตามป่าเขาต่างๆ ทั้งเขตประเทศไทย พม่า และลาว กระทั่งในปีพ.ศ.2491 ท่านจึงได้มาจำพรรษา ณ วัดพระพุทธบาทตากผ้า และได้พัฒนาวัดจนมีชื่อเสียงเป็นศาสนสถานที่มีความสำคัญทางศาสนาแห่งหนึ่งของจังหวัดลำพูน และด้วยการสั่งสมบุญบารมี คุณงามความดีของท่านนี้เองทำให้ ท่านได้รับความเคารพศรัทธาจากพุทธบริษัทโดยทั่วไป ละสังขาร ครูบาเจ้าพรหมาได้ดับขันธ์ (มรณภาพ) ในท่านั่งสมาธิภาวนา เมื่อวันที่ 17 สิงหาคม พ.ศ. 2527 เวลา 06.00 น.อายุ 87 ปี 67 พรรษา คณะศิษยานุศิษย์ได้ตั้งศพบำเพ็ญกุศลเป็นเวลา 3 ปี ได้รับพระราชทานเพลิงศพ วันที่ 30 มกราคม พ.ศ. 2531 ในการนี้ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวและสมเด็จพระนางเจ้าพระบรมราชินีนาถ ได้เสด็จมาพระราชดำเนินพระราชทานเพลิงครูบาเจ้าพรหมาด้วยพระองค์เอง หลังจากพระราชทานเพลิงเสร็จสิ้นแล้วได้เก็บอัฐิ ปรากฏว่าอัฐิของครูบาเจ้าพรหมาได้กลายเป็นพระธาตุ มีวรรณะสีต่างๆ หลายสี คำสอน ครูบาพรหมาท่านได้แสดงธรรมโอวาทไว้มากมาย “การทำบาปหรือการทำบุญ จะทำในที่ลับหรือในที่แจ้ง หรือใครไม่รู้ไม่เห็น ก็ตัวของเรา ใจของเรารู้เห็นเอง เมื่อเป็นเช่นนี้ก็กล่าวได้ว่าที่ลับไม่มีในโลกนี้ แม้ว่าจะลับตาลับหูคนอื่น แต่เราก็รู้ เราก็เห็นคนเดียว” “ทุกๆคน จึงควรรีบขวนขวาย ซึ่งความงามความดี ทั้งเด็กและผู้ใหญ่ เป็นเด็กก็อย่าได้เกียจคร้านในการเรียนหนังสือ จงตั้งจิตตั้งใจศึกษาเล่าเรียน ให้มีความรู้ความเฉลียวฉลาดความสามารถ เป็นผู้ใหญ่แล้วก็จงตั้งตัวตั้งตนให้ดี ให้มีความขยัน มีความประหยัด ให้คบแต่คนดี ให้รู้จักประมาณในการใช้จ่าย ถ้าเป็นผู้เฒ่าผู้แก่แล้ว ก็เตรียมตัวเพื่อคุณงามวามดีให้ยิ่งๆกว่าเด็กและคนหนุ่มทั้งหลาย” “คนเราทุกคนมีความปรารถนาดี ปรารถนาหาความสุข ความปรารถนาหาที่ผึ่งในวัฏฏะสงสาร ท่านเปรียบเหมือนเราที่ตกอยู่ในกลางทะเลอันเวิ้งว้างกว้างไกลทุกคนก็มีความใฝ่ฝันหาที่ผึ่ง เพื่อที่จะได้อาศัยพักพิงไปยังฝั่งเบื้องหน้า” คำไหว้บูชาพระธาตุของครูบาพรหมา พรหมจักโก อะหัง วันทามิ พรหมจักกะธาตุโย อะหัง วันทามิ สัพพะโส ฯ พระอาจารย์ใหญ่สายวิปัสสนาแห่งแดนล้านนา เสน่ห์ของหล่อแบบโบราณคราบขี้เบ้าน้ำทองเดิม ๆ เข้มขลังมากครับ


    ราคา 7500 บาท สนใจสอบถามได้ครับ 086-1936900

    รูปหล่อครูบาพรหมา1 a.jpg รูปหล่อครูบาพรหมา1 b.jpg รูปหล่อครูบาพรหมา1 c.jpg รูปหล่อครูบาพรหมา1 d.jpg Clip_83.jpg Clip_84.jpg
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 12 ตุลาคม 2020
  13. MATHS

    MATHS เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    27 เมษายน 2012
    โพสต์:
    783
    ค่าพลัง:
    +908
    ขอจองครับ
     
  14. ศิวิไล

    ศิวิไล เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    24 มิถุนายน 2011
    โพสต์:
    15,921
    ค่าพลัง:
    +1,340
    รับทราบการจองครับ ขอบพระคุณครับพี่
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 12 ตุลาคม 2020
  15. ศิวิไล

    ศิวิไล เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    24 มิถุนายน 2011
    โพสต์:
    15,921
    ค่าพลัง:
    +1,340
    รายการที่ 6730

    พระเกศาครูบาเจ้าศรีวิชัย ( พิมพ์เปิดโลก ) วัดล้านตอง สวยๆ

    องค์พระเป็นพระพุทธางเปิดโลก ซึ่งทางวัดได้รับมอบ เส้นเกศาครูบาเจ้าศรีวิไชย ซึ่งบรรจุอยู่ในกระบอกไม้ไผ่ จากศิษย์ใกล้ชิด ของครูบาเจ้าศรีวิไชยที่ยังมีชีวิตอยูในปัจจุบันคือ " พ่อหนาน ดวงต๋า ปัญญาเจริญ " หรือ อดีต พระผ้าขาวดวงต๋า ซึ่งท่านได้เก็บรักษาเส้นเกศานี้ มาตั้งแต่ ครูบาเจ้าศรีวิไชย ยังมีชีวิตอยู่ ทางวัดล้านตองได้นำเส้นเกศา ครูบาเจ้าศรีวิไชย ที่ได้รับมอบมานี้ ใช้ผสมเป็นมงคลมวลสารในการจัดสร้างพระเกศา ครูบาเจ้าศรีวิไชย รุ่นนี้ขึ้น และทำพิธี อธิฐานจิตปลุกเสกหมู่ จากนั้นเปิดให้เช่าบูชาโดยรายได้นำไปใช้ในการ สร้างวิหารวัดล้านตอง
    #พระเกศาที่ได้จัดสร้างขึ้นในคราวเดียวกันนี้ สร้างอยู่หลายพิมพ์ด้วยกัน ซึ่งป็นเนื้อผงผสมมวลสาร และ มีเส้นเกศา ครูบาเจ้าศรีวิไชย อยู่ในองค์พระ บางองค์ได้นำมาลงรักปิดทองอย่างสวยงาม
    นับว่าพระเกศาครูบาเจ้าศรีวิไชยรุ่นนี้เป็น รุ่นที่ดีมากรุ่นหนึ่ง เพราะว่า
    1.ทราบประวัติ การสร้าง อย่างชัดเจน
    2.องค์พระมีลักษณะสวยงาม ฐานรองเป็นรูปบัวบุษบกล้านนา ถ่ายทอดอารมณ์ความเป็นล้านนาชัดเจน
    3. เจตนาการสร้างดี รายได้เพื่อทนุบำรุงถาวรวัตถุในพระพุทธศาสนา
    4.มวลสารที่ใช้สร้างดี มีเส้นเกศาแท้ๆของครูบาเจ้าศรีวิไชยในองค์พระทุกองค์
    #สวยเดิมๆครับ


    บูชาแล้วครับ

    Clip_94.jpg Clip_95.jpg Clip_96.jpg Clip_97.jpg Clip_98.jpg Clip_99.jpg Clip_100.jpg Clip_101.jpg
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 8 พฤษภาคม 2021
  16. ศิวิไล

    ศิวิไล เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    24 มิถุนายน 2011
    โพสต์:
    15,921
    ค่าพลัง:
    +1,340
    รายการที่ 6731

    เหรียญนเรศวรตองโข่ รุ่น2

    ลักษณะเหรียญนเรศวรตองโข่รุ่นแรก

    เหรียญตองโข่รุ่นแรก มีลักษณะเป็นเหรียญรูปไข่ ด้านหน้าประดิษฐานรูปสมเด็จพระนเรศวรมหาราชครึ่งพระองค์หันข้าง ล้อมด้วยตัวอักษรไทยใหญ่ ด้านหลังเหรียญวางตัวอักษรไทยใหญ่ทั้งหมด(ผมเคยให้ชาวไทยใหญ่แปลให้ เขาบอกว่าเป็นอักษรโบราณ ด้านหน้าข้างบนแปลว่าสมเด็จพระนเรศวรมหาราชา ข้างล่างเป็นปีที่สวรรคตถึงปีที่สร้างเหรียญ ด้านหลังตรงกลางเหรียญแปลว่าขอพลานุภาพของสมเด็จพระนเรศวนมหาราชคุ้มครอง )
    เจ้ายอดศึกสร้างเพื่อเเจกทหารไทยใหญ่เพื่อเป็นขวัญกำลังใจในการกอบกู่ประเทศ รัฐฉาน ถือว่าเป็น รุ่น 2 ไม่มีประวัติการสร้างที่ชัดเจนเพราะพระรุ่นนี้ไม่ได้สร้างขึ้นเพื่อให้บูชา หากเเม้สร้างเพื่อเเจกจ่ายกันภายใน กองทัพ ทหารไทใหญ่ของเจ้ายอดศึกเท่านั่นครับผม ราคายังไม่แพง พระมีอนาคต ตอนนี้เหรียญรุ่น 1 ราคาไปหลายเเสน เหรียญรุ่นนี้มีประสบการมากมาย

    เหรียญรุ่นนี้มีประสบการณ์สูงมากด้านคงกระพัน


    ของดีน่าใช้ สุดยอดพระประสบการณ์แทนรุ่นแรกได้เลยครับ

    บูชาแล้วครับ


    Clip_102.jpg Clip_103.jpg
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 12 ตุลาคม 2020
  17. ศิวิไล

    ศิวิไล เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    24 มิถุนายน 2011
    โพสต์:
    15,921
    ค่าพลัง:
    +1,340
    รายการที่ 6732

    พระรอดเกศายุคต้นครูบาเจ้าอภิชัย ขาวปี หลังอุ ห่วงเดิมๆ


    สร้างขึ้นสร้างจากผงดอกบูชาพระที่ชาวบ้านมาทำบุญกับครูบาเจ้าขาวปี เผาให้เป็นผงสมุก ผสมกับผงใบลานคลุกรัก ผสมเกศา ปั้นและนำไปกดพิมพ์สร้างเหมือนพระเกศาศรีวิชัยผู้เป็นอาจารย์ แจกจ่ายให้แก่บรรดาผู้เลื่อมใสศรัทธาในองค์ครูบาเจ้าอภ้ชัยขาวปี
    ได้สักการะบูชาเป็นสิริมงคล


    สุดยอดพระประสบการณ์ คนเชียงใหม่คนลำพูนทราบถึงพุทธคุณกันเป็นอย่างดีครับ
    ของดีราคาเบาๆน่าใช้ครับ

    สุดยอดพระประสบการณ์ คนเชียงใหม่คนลำพูนทราบถึงพุทธคุณกันเป็นอย่างดีครับ
    สวยมาพร้อมห่วงเดิมๆยากครับ


    ราคา 1350 บาท สนใจสอบถามได้ครับ 086-1936900

    Clip_104.jpg Clip_105.jpg Clip_106.jpg Clip_107.jpg
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 12 ตุลาคม 2020
  18. ศิวิไล

    ศิวิไล เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    24 มิถุนายน 2011
    โพสต์:
    15,921
    ค่าพลัง:
    +1,340
    รายการที่ 6733

    พระรอดเกศา ครูบาเจ้าอภิชัย ขาวปี หลังอุ


    สร้างขึ้นสร้างจากผงดอกบูชาพระที่ชาวบ้านมาทำบุญกับครูบาเจ้าขาวปี เผาให้เป็นผงสมุก ผสมกับผงใบลานคลุกรัก ผสมเกศา ปั้นและนำไปกดพิมพ์สร้างเหมือนพระเกศาศรีวิชัยผู้เป็นอาจารย์ แจกจ่ายให้แก่บรรดาผู้เลื่อมใสศรัทธาในองค์ครูบาเจ้าอภ้ชัยขาวปี
    ได้สักการะบูชาเป็นสิริมงคล


    สุดยอดพระประสบการณ์ คนเชียงใหม่คนลำพูนทราบถึงพุทธคุณกันเป็นอย่างดีครับ
    ของดีราคาเบาๆน่าใช้ครับ

    สุดยอดพระประสบการณ์ คนเชียงใหม่คนลำพูนทราบถึงพุทธคุณกันเป็นอย่างดีครับ
    ของดีราคาเบาๆน่าใช้ครับ


    ราคา 850 บาท สนใจสอบถามได้ครับ 086-1936900

    Clip_108.jpg Clip_109.jpg Clip_107.jpg
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 12 ตุลาคม 2020
  19. ศิวิไล

    ศิวิไล เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    24 มิถุนายน 2011
    โพสต์:
    15,921
    ค่าพลัง:
    +1,340
    รายการที่ 6734

    [SIZE=6][COLOR=#000000]เหรียญรุ่นแรกหลวงปู่หล้า ตาทิพย์ วัดป่าตึง จ.เชียงใหม่[/COLOR][/SIZE]

    [COLOR=#000000]เกจิดังที่มีญาณวิเศษหยั่งรู้ฟ้าดินเป็นที่อัศจรรย์ จนได้ฉายานามว่าหลวงปู่หล้าตาทิพย์[/COLOR]


    ราคา 850 บาท สนใจสอบถามได้ครับ 086-1936900


    เหรียญลป.หล้า 300 a.JPG เหรียญลป.หล้า 300 b.JPG clip_36-jpg.jpg clip_34-jpg.jpg clip_35-jpg.jpg

    หลวงปู่หล้า จันโทภาโส เกจิชื่อดังแห่งวัดป่าตึง อำเภอสันกำแพง จังหวัดเชียงใหม่ เนื่องจากปฏิปทาของท่านที่อัศจรรย์เสมือนมี อภิญญา คือ ตาทิพย์-หูทิพย์ ซึ่งทำให้รู้เหตุการณ์ล่วงหน้าได้ ชื่อเสียงของหลวงปู่หล้า เป็นที่รู้จักของคนทั่วไปก็เนื่องด้วยท่านเป็นพระที่ประพฤติปฏิบัติตนอยู่ในหลักศีลธรรมอันงดงาม เมื่อครั้งที่ท่านยังมีชีวิตอยู่นั้น หลวงปู่หล้าท่านได้รับสมญานามจากศรัทธาญาติโยมว่ามีญาณวิเศษที่สามารถล่วงรู้เหตุการณ์ข้างหน้าได้ จนชาวบ้านทั่วไปเรียกท่านว่า"หลวงปู่หล้าตาทิพย์"
    หลวงปู่หล้า (พระครูจันทสมานคุณ) ท่านเกิดในรัชสมัยของพระบาทสมเด็จพระพุทธเจ้าหลวง รัชกาลที่ ๕ ซึ่งอยู่ในช่วงผลัดเปลี่ยนเจ้าผู้ครองนครเชียงใหม่สมัยของเจ้าอินทวิชยานนท์ เจ้าผู้ครองนครเชียงใหม่องค์ที่ ๗ กับเจ้าอินทวโรรส สุริยวงศ์ เจ้าผู้ครองนครเชียงใหม่องค์ที่ ๘ หลวงปู่หล้าเกิดเมื่อวันพฤหัสบดี ขึ้น ๗ ค่ำเดือน ๑๑ ตรงกับวันที่ ๒๒ กันยายน ๒๔๔๑ ที่บ้านปง ตำบลออนใต้ อำเภอสันกำแพง จังหวัดเชียงใหม่ โยมพ่อชื่อ นายเงิน โยมแม่ชื่อ นางแก้ว นามสกุล บุญมาคำ เหตุที่มีนามสกุลนี้ หลวงปู่หล้าเล่าว่า
    เพราะพ่ออุ๊ย (ปู่) ชื่อบุญมา แม่อุ้ย (ย่า) ชื่อ คำ เมื่อมีการตั้งนามสกุล กำนันจึงตั้งให้เป็น บุญมาคำ หลวงปู่หล้าเป็นบุตรคนสุดท้องของครอบครัวจากจำนวนพี่น้อง 4 คน เมื่ออายุได้ 1 ขวบ ต้องกำพร้าพ่อ โยมแม่จึงได้เลี้ยงดูลูกทั้งหมดเพียงลำพัง หลวงปู่หล้าเล่าให้ฟังว่า การเลี้ยงลูกสมัยก่อน ต้องช่วยกันทำงาน ช่วยเลี้ยงวัว หากใครทำผิดก็จะถูกเฆี่ยน ทำพลาดก็ถูกเอ็ด
    เมื่อหลวงปู่หล้าอายุได้ ๘ ขวบ โยมแม่ก็นำไปฝากกับครูบาปินตา เจ้าอาวาสวัดป่าตึงให้เป็นเด็กวัด หลวงปู่หล้าจึงได้มีโอกาสเรียนหนังสือเป็นครั้งแรกกับครูบาอินตา ซึ่งสมัยนั้นจะเรียนหนังสือพื้นเมือง จนอายุได้ ๑๑ ขวบก็ได้บวชเป็นสามเณรในช่วงเข้ารุกขมูล เข้ากรรมอยู่ในป่า การเข้ากรรม หรือ อยู่กรรม เรียกว่า ประเพณีเข้าโสสานกรรมซึ่งเป็นประเพณีที่สำคัญอย่างหนึ่งของพระพุทธศาสนาที่พระสงฆ์จะต้องถือปฏิบัติอย่างเคร่งครัด ซึ่งมักจะกระทำกันในบริเวณป่าช้าที่อยู่นอกวัด พระสงฆ์และผู้ที่เข้าบำเพ็ญ โสสานกรรมจะต้องถือปฏิบัติเคร่งครัดเพื่อต้องการบรรเทากิเลสตัณหา
    ขณะที่บวชเป็นสามเณรอยู่นั้น หลวงปู่หล้าไม่ได้เรียนแต่เพียงหนังสือพื้นเมืองเท่านั้น แต่ยังได้เรียนหนังสือไทยไปด้วย โดยเรียนกับพระอุ่นซึ่งเคยไปจำพรรษาที่วัดอู่ทรายคำในเมืองเชียงใหม่ และเรียนหนังสือไทยที่โรงเรียนประจำมณฑลพายัพ ปัจจุบันคือโรงเรียนยุพราชวิทยาลัย แต่ครูบาปินตาไม่สนับสนุนให้พระเณรเรียนหนังสือไทย ในที่สุดพระอุ่นจึงต้องเลิกสอน หลวงปู่หล้าศึกษาเล่าเรียนทั้งอักขรวิธีและธรรมปฏิบัติกับครูบา ปินตาเรื่อยมาจนกระทั่งอายุได้ ๑๘ ปี จึงเดินทางเข้าไปจำพรรษาอยู่ในเมืองเชียงใหม่ เพื่อเรียนนักธรรมที่วัดเชตุพน หลวงปู่หล้าเรียนนักธรรมที่วัดเชตุพนเพียง ๑ ปี ยังไม่ทันสำเร็จก็ต้องเดินทางกลับวัดป่าตึง เพื่อปรนนิบัติครูบาปินตาที่ชราภาพ หลวงปู่หล้าอยู่ปรนนิบัติครูบาปินตาจนกระทั่งล่วงเข้าปี พ.ศ.๒๔๖๗ ครูบาปินตาก็มรณภาพด้วยวัย ๗๔ ปี ซึ่งขณะนั้นหลวงปู่หล้าอายุ ๒๗ ปีเท่านั้น หลวงปู่หล้ารับตำแหน่งเจ้าอาวาสวัดป่าตึงต่อจากครูบาปินตา เมื่อปี พ.ศ.๒๔๖๗ และได้รับการแต่งตั้งเป็นเจ้าคณะตำบลออนใต้เมื่อปี พ.ศ.๒๔๖๗
    นอกจากนี้เมื่อปี พ.ศ.๒๔๗๗ เมื่อครูบาศรีวิชัย ได้สร้างถนนขึ้นสู่ดอยสุเทพ โดยเริ่มสร้างตั้งแต่วันที่ ๙ พฤศจิกายน ๒๔๗๗ จนถึงวันที่ ๓๐ เมษายน ๒๔๗๘ รวมเป็นเวลา ๕ เดือนกับ ๒๒ วัน ในครั้งนั้นหลวงปู่หล้าได้เดินทางไปร่วมสร้างถนนขึ้นดอยสุเทพด้วย หลวงปู่หล้าเล่าถึงความยากลำบากในการสร้างถนนไว้ในหนังสือ ประวัติวัดป่าตึงว่า การสร้างถนนมีการแบ่งงานกันตามกำลังของคน ผู้คนที่ไปร่วมเป็นชาวบ้านจากวัดป่าตึงทำได้ ๕ วาใช้เวลา ๑๔ วัน ส่วนพวกที่มาจากเมืองพานทำได้ ๖๐ วา เมื่อปี ๒๕๐๔ หลวงปู่หล้าได้รับการแต่งตั้งสมณศักดิ์เป็น พระครูจันทสมานคุณ ซึ่งขณะนั้นท่านอายุ ๖๓ ปี มีคนพากันยกย่องหลวงปู่หล้าว่าท่านสามารถรู้เห็นเหตุการณ์ล่วงหน้าได้ มีเรื่องเล่าว่า วันหนึ่งฝนตั้งเค้าจะตกหนัก หลวงปู่บอกให้พระเณรรีบออกจากกุฏิ เพราะกุฏิเก่าและทรุดโทรมมากและมีต้นลานขนาดใหญ่อยู่ข้างกุฏิ ปรากฏว่าวันนั้นฝนตกหนักกิ่งต้นลานก็หักโค่นลงมาทับกุฏิพัง พระเณรที่อยู่ในวัดทุกคนปลอดภัยและพากันสรรเสริญว่า ท่านมีตาทิพย์ นอกจากนั้นยังมีเรื่องเล่าอีกว่า เช้าวันหนึ่งเวลาประมาณตี ๕ หลวงปู่หล้าให้พระเณรรีบทำความสะอาดวิหารเพราะจะมีแขกมาหาที่วัด ครั้นพอถึงเวลา ๖ โมงเช้า พระศรีธรรมนิเทศ เจ้าอาวาสวัดสันป่าข่อยนำญาติโยมมาหา ด้วยเหตุนี้ชาวบ้านจึงพากันเรียกท่านว่า "หลวงปู่หล้าตาทิพย์"
    กเหตุการณ์หนึ่งคือ ครั้งหนึ่งมีคณะผู้มากราบนมัสการหลวงปู่หล้าเกินจำนวนที่แจ้งความประสงค์จะขอของขลังจากท่าน แต่ท้ายที่สุดก็ได้รับแจกกันครบทุกคนอย่างน่าอัศจรรย์ ... จึงเชื่อกันว่าเป็นเพราะอิทธิฤทธิ์ของท่าน ไม่เพียงเท่านั้น อดีตครูใหญ่ของโรงเรียนบ้านป่าตึงท่านหนึ่งเล่าเพิ่มเติมว่า เช้าวันหนึ่งประมาณตี ๕ หลวงปู่หล้าได้ให้พระเณรรีบทำความสะอาดวิหาร (ราวกับว่าจะมีแขกมาหาที่วัด)ปรากฏว่า พอถึง ๖ โมงเช้า พระศรีธรรมนิเทศ เจ้าอาวาสวัดสันป่าข่อย อำเภอเมือง จังหวัดเชียงใหม่ ก็นำคณะญาติโยมมาหาท่านที่วัดจริงๆ หรือเวลาที่มีชาวบ้านทำของหายหรือถูกลักขโมย เมื่อมาถามหลวงปู่หล้า ท่านก็จะบอกให้ไปตามทิศนั้นทิศนี้ จนกระทั่งได้ของคืนมาทุกครั้ง แต่หากท่านห้ามว่า ไม่ต้องไปตามเพราะจะไม่ได้คืน ก็จะเป็นจริงตามนั้น
    ปาฏิหาริย์ครั้งสำคัญอีกครั้งหนึ่งก็คือ เมื่อคราวที่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวเสด็จฯ หัวเมืองเหนือ พระองค์ท่านได้เสด็จนมัสการหลวงปู่หล้าที่วัดจนเป็นที่เอิกเกริก ประชาชนจำนวนมากแห่แหนไปต้อนรับพระองค์อย่างมืดฟ้ามัวดิน เมื่อพระองค์ท่านจะเสด็จกลับ หลวงปู่หล้าก็ได้ถวายพระพรแด่พระองค์ ซึ่งคราวนี้ดูหลวงปู่จะตั้งใจเป็นพิเศษ
    ปรากฏว่า หลังจากล้างรูปขณะที่หลวงปู่หล้าถวายพระพรพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวอยู่นั้น...มีแสงสีส้มแดงที่หน้าผากของหลวงปู่!! อันแสดงถึงกระแสจิตของหลวงปู่ที่ตั้งใจและอัดอย่างเต็มที่แก่พระราชาผู้เป็นธรรมราชาแห่งแผ่นดินสยาม​
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 12 ตุลาคม 2020
  20. ศิวิไล

    ศิวิไล เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    24 มิถุนายน 2011
    โพสต์:
    15,921
    ค่าพลัง:
    +1,340
    รายการที่ 6735

    เหรียญกายสิทธิ์ เนื้อทองแดง หลังพระนเรศวร

    เหรียญสวย เนื้อทองแดงผสมชนวนเปิดโลก
    เหรียญนี้ จัดสร้างในโอกาสฉลองการเปิดสำนักสงฆ์พุทธพรหมปัญโญ ต.เมืองนะ อ.เชียงดาว จ.เชียงใหม่ (ปัจจุบันเป็นวัดแล้ว) ผู้ออกแบบเหรียญคือ น.ต.อัศวิน นัยชิต โดยมีลักษณะของเหรียญ
    1. ด้านหน้าเป็นรูปหลวงปู่ทวดเหยียบน้ำทะเลจืด และหลวงปู่ดู่ พรหมปัญโญ และมีพญานาค 2 ตน
    2. มีอักขระ นะ ซ่อนหัว อันเป็นยันต์ประจำตัวของหลวงปู่ดู่ วัดสะแก ท่านเคยบอกผู้สร้าง (อ.ศุภรัตน์ แสงจันทร์) ว่า ใครทำถึงจริงสามารถหายตัวได้
    3. ด้านหลังเป็นพระรูปสมเด็จพระนเรศวรมหาราช
    4. มีอักขระขอม พุท ธะ สัง มิ ซึ่งคือ หัวใจพระไตรสรณคมน์
    ในการสร้างเหรียญมีการผสมชนวนต่าง ๆ ซึ่งเป็นชนวนโลหะจากพิธีที่ได้จาก
    1. พิธีหลอมโลหะที่วัดพุทไธศวรรย์ โดยมีแผ่นจารจากเกจิอาจารย์หลายองค์ อาทิเช่น หลวงปู่ทิม วัดพระขาว, หลวงพ่อหวล วัดพุทไธศวรรย์, ท่านสุมโนดาบส (จ.เชียงราย) ที่สำคัญมีชนวนโลหะจากหลวงปู่ดู่ พรหมปัญโญ ที่ท่านอธิษฐานให้มีทั้งทองคำ เงิน โลหะผสม
    2.ชนวนโลหะที่ได้จากการหล่อพระพุทธสิหิงค์ของกรมทหารสื่อสารทหารอากาศ โดยผสมชนวนที่ได้จากครั้งที่ 1 เมื่อวันที่ 13 เมษายน 2537 และพิธีต่าง ๆ อีกหลายพิธี
    3. ชนวนทั้งหมดได้นำเข้าพิธีพุทธาภิเษกในงาน ครบ 60 ปี มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ โดยพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทรงเป็นประธานจุดเทียนชัย สมเด็จพระสังฆราชพระญาณสังวร ทรงเป็นประธานพิธีฝ่ายสงฆ์ โดยมีคณาจารย์หลายองค์ทั้งสายพระป่าและเกจิอาจารย์ จำนวน 67 องค์
    4. ชนวนตะกั่ว
    4.1 ตะกั่วแท่ง น้ำหนัก 10 กิโลกกรัม อธิษฐานโดยหลวงปู่ดู่ พรหมปัญโญ
    4.2 ตะกั่วหลอมจากตะกรุดโบราณ พบที่ อำเภอคง จ.นครราชสีมา น้ำหนัก 0.5 กิโลกกรัม จาก พ.อ.อ.นเรศ ทพิย์สุวรรณ์
    4.3 เนื้อชินกรอบโบราณ จากใกล้ ๆ วัดป้อมรามัญ ต.สวนพริก จ.พระนครศรีอยุธยา น้ำหนักประมาณ 0.5 กิโลกรัม
    จำนวนเหรียญที่สร้าง
    1. เหรียญทองคำ 93 เหรียญ
    2. เหรียญเงิน 2,263 เหรียญ
    3. เหรียญทองแดง 20,000 เหรียญ
    4. เหรียญตะกั่ว 271 เหรียญ
    การพุทธาภิเษก
    1. วันที่ 6 เมษายน 2538 (วันจักรี) ณ วัดพุทไธศวรรย์ มีคณาจารย์หลายท่าน เช่น หลวงพ่อหวล ภูริภัทโท วัดพุทไธศวรรย์ หลวงวปู่ทิม วัดพระขาว หลวงพ่อเฉลิม วัดพระญาติ หลวงตาม้า (พระวรงคต วิริยะธโร)
    2. มนต์ (อธิษฐานจิต) โดยหลวงพ่อเกษม เขมโก จ.ลำปาง พร้อมกับพระรูปกรมพระกำแพงเพชรอัครโยธิน ของกรมสื่อสารทหาอากาศ เป็นเวลา 10 นาที
    3. วันที่ 23 มีนาคม 2539 ณ สำนักสงฆ์พุทธพรหมปัญโญ โดยมีคณาจารย์หลายองค์ เช่น หลวงพ่อวัดมหาวัน จ.เชียงใหม่ หลวงปู่สังข์ วัดป่าพระอาจารย์ตื้อ
    ในการปลุกเสกครั้งที่ 3 ที่ถ้ำเมืองนะ ผู้เขียนได้เรียนถามหลวงปู่สังข์ สังกิจโจ ซึ่งเป็นลูกศิษย์ของหลวงปู่ตื้อ อจลธัมโม ถึงพิธีในครั้งนี้ท่านได้บอกว่า "สว่างไสวมาก มีครูบาอาจารย์มาช่วยกันเยอะ เห็นนางฟ้าเทวดามาร่วมโมทนากัน โปรยข้าวตอกดอกไม้ น้ำมนต์ในพิธี พระรุ่นนี้ดีมาก" โดยปกติหลวงปู่สังข์ เป็นพระปฏิบัติดีปฏิบัติชอบ ท่านมักพูดน้อย ส่วนใหญ่จะสอนธรรมะมากกว่าเรื่องลึกลับซับซ้อนสำหรับผู้สร้างท่นไม่ค่อยปิดบัง นับเป็นความเมตตาอย่างยิ่ง
    ขอขอบคุณข้อมูลอ้างอิงจาก : หนังสือกายสิทธิ์ "ยุคอภิญญา"

    เหรียญสวยผิวไฟเดิมๆครับ


    บูชาแล้วครับ

    Clip_110.jpg Clip_111.jpg

     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 29 มีนาคม 2021

แชร์หน้านี้

Loading...