ร่วมทำบุญบูชา มงคลตัดผ่านสวรรยามหากุมารต้นไฟอมฤต(สลายจุดชะลอชะตาสี่มหาฤทธิ์พญา) พ่ออาจารย์พล

ในห้อง 'พระเครื่อง วัตถุมงคล' ตั้งกระทู้โดย คุรุปาละ, 12 ตุลาคม 2014.

  1. คุรุปาละ

    คุรุปาละ เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 กรกฎาคม 2012
    โพสต์:
    6,107
    ค่าพลัง:
    +16,530
    ตอบPm ครบแล้วนะครับ
     
  2. คุรุปาละ

    คุรุปาละ เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 กรกฎาคม 2012
    โพสต์:
    6,107
    ค่าพลัง:
    +16,530
    เดี๋ยวพรุ่งนี้จะมาพูดถึงเรื่องตะกรุดหนุนดวง ว่าคนที่มีตะกรุดหนุนดวงกับคนที่ไม่มีตะกรุดหนุนดวงอาราธนาจะแตกต่างกันอย่างไร ติดตามกันนะ;)
     
  3. คุรุปาละ

    คุรุปาละ เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 กรกฎาคม 2012
    โพสต์:
    6,107
    ค่าพลัง:
    +16,530
    พูดคุยยามเช้า

    อรุณสวัสดิ์ครับ

    วันนี้ก็จะมาพูดคุยเรื่องที่กล่าวไว้เมื่อวานเกี่ยวกับตะกรุดหนุนดวง ที่จริงในบรรดาเครื่องรางทั้งหลายตะกรุดถือว่าพกง่ายดูแลรักษาก็ง่าย ใช้งานก็ง่าย จึงกลายเป็นของนิยมกันมาตั้งแต่ยุคบรรพบุรุษทีเดียว

    ทีนี้เราจะมาพูดกันถึงตะกรุดหนุนดวง แรกเริ่มเลยคงต้องกล่าวถึงตะกรุดหนุนดวงตำรับพิชัยสงครามวิชาต่างๆ ซึ่งแน่นอนว่าในสมัยก่อนตัวคำว่าพิชัยสงครามนี่มันก็ฟ้องอยู่แล้วว่าคนธรรมดา ชาวบ้านตาสีตาสานั้นแตะต้องไม่ได้เลยเข้าไม่ถึงแน่นอน จะมีคนที่ได้ใช้ได้ครอบครองก็เฉพาะพระมหากษัตริย์หรือแม่ทัพนายกองที่มียศถาบรรดาศักดิ์สูงๆเท่านั้น จึงถือได้ว่าตะกรุดหนุนดวงนั้นเป็นเครื่องคาดตระกูลสูงมาแต่เดิมทีเดียว

    วิชาตะกรุดหนุนดวงนี้ชะรอยว่าจะมีมาทีหลังหรือพร้อมกันกับคาถาบูชาดวงชะตา แล้วก็ปรากฏว่าเมื่อจารึกดวงลงไปเสริมด้วยเวทย์วิทยาต่างๆและได้รับการบูชาจากเจ้าของดวงชะตาสม่ำเสมอ ทีนี้ดวงชะตากลับเปลี่ยนจริงๆ จึงเป็นที่นิยมและแพร่หลายกันสืบมา พอมีคนเห็นมีคนรู้ว่าคนที่บูชาดวงชะตานั้นได้ดิบได้ดี ก็เกิดการถามไถ่และทำขึ้นมาบูชาบ้าง สืบทอดกันไปแพร่หลายออกไปถึงมือคนทุกชั้นทุกระดับ จะเห็นว่าตะกรุดดวงนั้นมีการใช้อย่างกว้างขวางจริงๆ พ่ออาจารย์ท่านบอกว่าไม่เฉพาะภาคกลางเท่านั้นแม้ฝ่ายเหนือหรือภาคอีสานก็มีตัวคาถาหนุนดวงและวิชาลงดวงเหล่านี้เช่นกัน

    ท่านว่าบูรพาจารย์ทั้งหลายที่บัญญัติศาสตร์และวิชาขึ้นมา ในชั้นหลังก็ปรากฏว่ามีวิชาหนุนดวงหลายประเภท ไม่เฉพาะตำรับพิชัยสงครามเท่านั้น ซึ่งก็นับว่าวิชาหนุนดวงทั้งหลายนั้นก็ใช้ได้ผลดีเช่นกัน มีหลายด้านว่ากันไปตามวัตถุประสงค์ของคนใช้ว่าจะหนุนด้านไหน ท่านว่าต้องทำความเข้าใจก่อนว่าสมัยนี้เราไม่ได้ไปรบทัพจับศึกกับใคร หากแต่เราต้องสู้กับตัวเอง สู้กับกระแสสังคมและเศรษฐกิจรอบตัว สิ่งต่างๆเหล่านี้ท่านว่ามันก็ไม่ต่างจากหน้าทัพหน้าศึกแต่อย่างไร เพราะสังคมนั้นมีกระแสของความเสี่ยงสูง การใช้ชีวิตก็ยากลำบากมีการแข่งขันต่อสู้กันทางความคิดมากมาย ดังนั้นตะกรุดหนุนดวงจึงเป็นอีกวิชานึงที่น่าใช้เพราะเป็นของเฉพาะตัว ของใครของมันใช้แทนกันไม่ได้ ให้คุณดีแบบลูกโดดทีเดียว

    ตะกรุดหนุนดวงนั้นพ่ออาจารย์ท่านว่าโดยแท้จริงพื้นฐานจิตของคนทำก็สำคัญเช่นเดียวกัน ถ้าจิตร้อน พลังงานร้อนมันก็ส่งผลกับตะกรุดและเจ้าของชะตาเหมือนกัน เรียกว่าคนลงนั้นก็สำคัญทีเดียว อย่างเช่นมีหลายครั้งที่คนหลายๆคนได้ขออนุญาตินำตะกรุดดวงส่งมาให้ท่านเสกเพิ่มหรือตรวจสอบ หลายๆทีที่ท่านหยิบขึ้นมาแล้วให้ส่งกลับ ท่านว่าตะกรุดดวงไม่ควรจะร้อนแบบนี้ มันส่งผลให้ชีวิตคนใช้วุ่นวายซึ่งก็ต้องส่งคืนไปเพราะท่านไม่เสกให้ ซึ่งจากที่เราดูก็นับว่ามีมากแม้แต่ที่ได้ชื่อว่าเป็นพระที่ดังทางวิชาหนุนดวงก็ตามที

    การบูชาดวงชะตาของตนนั้นก็กลายๆกับการบูชาเทพยดาประจำตัวที่รักษาตนเองอยู่เหมือนกัน พ่ออาจารย์ท่านว่าหลายคนที่ใช้ตะกรุดหนุนดวงและบูชาสม่ำเสมอมีจิตระลึกถึงไม่ขาด ตะกรุดดวงชะตานั้นเมื่อได้สัมผัสถูกต้องร่างกายคนใช้เป็นประจำ เมื่อเวลาผ่านไปตะกรุดก็ย่อมกลายเป็นที่สิงสถิตย์ให้กับเทวดาที่รักษาร่างกายรักษาชีวิตเรา เทวดาเหล่านี้เมื่อเกิดมาเป็นคนไม่ว่าจะชาติใดศาสนาไหนก็ตาม ย่อมมีทั้งหมด มีเทพรักษาหรือดูแลนี่เอง ซึ่งคนมักจะไม่ใส่ใจเทวดาที่รักษาตัวเรา แต่เมื่อท่านมาสถิตย์ที่ตะกรุดดวงแล้วก็ถือว่าเราได้บูชาท่านไปด้วย นี่จึงเป็นเหตุแห่งความเจริญรุ่งเรืองอย่างต่อเนื่องเพราะเราได้บูชาเทวดารักษาตัวเราที่เราไม่เคยระลึกถึงนั่นเอง และเป็นสาเหตุที่เวลาลงตะกรุดดวงให้ใคร พ่ออาจารย์ท่านจะบอกว่าให้เอาไปใช้ อย่าเอาไปเก็บ เก็บไว้เฉยๆมันก็ไม่มีผลอะไร มันจะมีผลมาก มีอานุภาพมากหากนำมาใช้ให้ติดเนื้อต้องตัว

    ตะกรุดดวงนั้นควรอาราธนาไว้ในที่สูง พูดง่ายๆก็คือสวมคอ ไม่จำเป็นก็อย่าลงเอวหรือต่ำกว่าเอว ถ้าห้อยไม่ได้สู้ไม่ห้อยเลยดีกว่า เพราะมันเป็นเคล็ดให้ดวงของตนอยู่ในที่สูงไม่ต่ำลง ซ้ำเวลาเก็บก็ควรวางไว้ที่สูงหรือวางไว้กับพระพุทธรูปเช่นกัน จะเอามาวางไว้เสมอพื้นหรืออยู่ในที่ต่ำนั่นก็ไม่สมควรอีก เมื่อได้ไปตะกรุดหนุนดวงทุกแบบ นอกจากที่มีคาถาให้ใช้เฉพาะนั้นก็ควรจะสวดคาถาบูชาดวงชะตาตัวเองด้วยไม่ให้ขาด ท่านว่าคนที่มีตะกรุดหนุนดวงแล้วยังสวดคาถาบูชาดวงชะตาตนนั้นก็เหมือนมีตัวช่วยหลายแรงหลายมือ ดีกว่าคนที่มีแต่ไม่สวดกับคนที่สวดแต่ไม่มีมากนัก ท่านว่ามันก็เป็นโอกาส เมื่อมีโอกาสแล้วก็ให้ทำเสีย ทุกสิ่งก็จะเปลี่ยนไปในทางที่ดี

    ความแตกต่างของคนที่บูชาตะกรุดดวง กับไม่มีตะกรุดดวงบูชานั้นถือว่ามีอยู่มาก ท่านเคยพูดว่าตะกรุดดวงนี้สำคัญนักมันอยู่ที่คนใช้คนบูชาด้วย ว่าในห้วงชีวิตนั้นเจอกับวิกฤติอะไร มันช่วยได้แทบจะทุกเรื่องทีเดียว ที่ว่าเมื่อคนใช้บูชาติดกายประจำจนเทวดารักษาตัวลงสถิตย์ในตะกรุดนั้น ท่านว่าเรื่องต่างๆมันก็จะเป็นไปด้วยเทวานุภาพของเทวดาประจำตัวที่สงเคราะห์เรานั่นเอง มันไวกว่าและดีกว่าอานุภาพของตะกรุดดวงเฉยๆที่วางทิ้งไว้เจ้าของไม่ใส่ใจบูชามากนัก เพราะเทวดาประจำตัวนี้เค้ายุ่งเรื่องของเราได้ เค้าช่วยเราได้ทุกเรื่อง เพราะเราอยู่ในการคุ้มครองและดูแลของเค้า เป็นหน้าที่เค้านั่นเอง


    วันนี้ก็พูดคุยกันคร่าวๆ ใครที่มีตะกรุดหนุนดวงเก็บไว้ก็ขอให้รีบนำออกมาใช้ซะนะครับดีกว่าเก็บไว้เฉยๆหรือนำไปใส่ฐานพระบูชาแน่นอน

    296fdde1cd55120c40233d6fb1e12327_d25vj52.jpg
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 27 กุมภาพันธ์ 2017
  4. Rei123

    Rei123 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 ตุลาคม 2013
    โพสต์:
    332
    ค่าพลัง:
    +266
    แพงจัง
    รับประกันไหมครับ
     
  5. คุรุปาละ

    คุรุปาละ เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 กรกฎาคม 2012
    โพสต์:
    6,107
    ค่าพลัง:
    +16,530
    แจ้งการส่งEMS

    พี่ภาคภูมิ ER 5709 1807 6 TH

    พี่สายเมธี ER 5709 1808 0 TH

    พี่สมภพ ER 5709 1809 3 TH
     
  6. คุรุปาละ

    คุรุปาละ เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 กรกฎาคม 2012
    โพสต์:
    6,107
    ค่าพลัง:
    +16,530
    พรุ่งนี้ติดตามกันนะครับจะลงตอบคำถามให้ อ่านแล้วเห็นว่าเป็นคำถามน่าสนใจ;)
     
  7. คุรุปาละ

    คุรุปาละ เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 กรกฎาคม 2012
    โพสต์:
    6,107
    ค่าพลัง:
    +16,530
    หุ่นพยนต์

    อรุณสวัสดิ์ครับ ก่อนที่วันนี้จะลงสาระพูดคุยกันต่อ ก็จะลงเนื้อหาความรู้ก่อน ในวันนี้ก็จะยกข้อมูลเรื่องหุ่นพยนต์มาอธิบาย เพราะมีเครื่องรางบางรุ่นของพ่ออาจารย์ที่ท่านทำพยนต์ฝังไว้ก็มี


    หุ่นพยนต์ คืออะไร
    หุ่นพยนต์ ในวงการไสยศาสตร์เป็นที่ยอมรับกันดีเรื่องมีภูตผีเป็นผู้รับใช้ติดตามจะสายไหนก็มักจะมีข้ารับใช้เสมอ ทั้งสายเทพ สายพราย สายภูติ สายผี สายเวทย์ บางครั้งถูกเรียกไปต่างๆนานา เช่น วิชามายาศาสตร์สร้างปู่โสม การฆ่าคนเพื่อเฝ้าสมบัติพัสถาน กุมารทองกุมารี รักยม อิ่นจันทร์ อิ่นแก้ว ในลัทธิองเมียวโดของญี่ปุ่นมีชิกิงามิ ชิกิยิน เป็นการเสกกระดาษเป็นข้ารับใช้ ซึ่งเป็นพวกเดียวกับหุ่นพยนต์นี้ แต่ต่างกันออกไปที่หุ่นพยนต์จะสามารถสร้างจากวัตถุสิ่งของอะไรก็ได้

    หุ่นพยนต์ คำนี้ว่าจากคำว่า “พยนต์” แปลว่า สิ่งที่ผู้ทรงวิทยาคมปลุกเสกให้มีชีวิตขึ้น เช่น หุ่นพยนต์ เป็นรูปหุ่นจำลองของคน สัตว์ เทวดา ยักษ์ หรืออะไรต่อมิอะไร โดยอาศัยหลักการว่าอยากได้รูปร่างยังไงให้ทำหุ่นแบบนั้น หรือชนิดไหนตามแต่ความต้องการจะใช้หุ่นพยนต์ ประมาณว่าให้เหมาะสมกับงานที่จะใช้ไปทำ

    วัสดุที่นำมาทำหุ่นพยนต์
    วัสดุที่นำมาใช้สามารถทำได้เกือบทุกอย่าง ตั้งแต่หุ่นหญ้าสาน หุ่นก้านใบไม้สาน หุ่นเถาวัลย์สาน หุ่นหวายสาน ใบไม้ถัก หุ่นไม้แกะสลัก หุ่นไขเทียน หุ่นด้าย หุ่นผ้า หุ่นดิน หุ่นดินเผา หุ่นหิน หุ่นกระเบื้อง หุ่นอิฐ หุ่นปูน หุ่นเงิน หุ่นทอง หุ่นโลหะ ซึ่งการเลือกใช้นั้นอาศัยหลักง่ายๆว่าอาจารย์ไหนใช้อะไรจะต้องใช้ตามอาจารย์ ผีธาตุไหนจะให้เหมาะก็ธาตุนั้นๆ เหมาะสมกับงานดำน้ำลุยไฟ อย่างไรก็ตามหินเพียงก้อนเดียวก็เป็นหุ่นพยนต์ที่ทรงพลังได้ หุ่นพยนต์ต้องมาจากวิชาอาคมวิทยาคมของผู้ทรงอาคมแกร่งกล้า คนสร้างเก่งมากเพียงไหนหุ่นพยนต์จะมีอานุภาพมากเพียงนั้น ที่สำคัญเอาสะดวกเข้าว่า บางครั้งจะเก็บติดตัวต้องพกพาไปไหนมาไหนง่าย ขนาดกะทัดรัดหรือขนาดใหญ่ก็อาศัยว่าจะใช้งานอย่างไรขึ้นอยู่กับคุณลักษณะการนำไปใช้ หุ่นพยนต์ธรรมดามักจะเป็นแค่หุ่นที่เสกด้วยวิทยาคมให้คล้ายกับมีชีวิต มีรูปร่างของวิญญาณที่มีฤทธิ์มีเดช แต่อีกประเภทหนึ่งหากเป็นหุ่นพยนต์อาถรรพ์ เป็นของอาถรรพ์ที่สร้างจากวัตถุอาถรรพ์ จะมีการเอาวิญญาณ หรือผีสางนางไม้ วิญญาณสิงสาราสัตว์ ผีตายห่าตายโหง ผีตายพราย ตายทั้งกลม ผีแขวนคอตาย ผีรถชนตาย ผีจมน้ำตาย สัมภเวสีผีเร่ร่อน สะกดลงในหุ่นเพื่อกำกับออกมาใช้ เรียกว่า “พรายหุ่นพยนต์”(ตัวนี้จะอันตรายถ้าใครเลี้ยงพยนต์ก็ให้ศึกษาให้ดีว่าพยนต์เราเป็นผีหรือไม่)

    พุทธคุณหุ่นพยนต์
    เน้นในเรื่องเมตตามหานิยม โชคลาภ เรียกเงินเรียกทอง ขับไล่สิ่งอัปมงคลอำนาจชั่วร้าย และภูตผีปิศาจ กันคุณไสย ลมเพลมพัด กันและแก้ของไม่ดี บูชาไว้ติดตัวได้ทั้งหญิง และชาย บูชาไว้ในรถ สำนักงาน ร้านค้า เฝ้าเรือกสวนไร่นา กันขโมย ปกป้องกันภัยให้แคล้วคลาดจากอันตรายทั้งปวง

    296fdde1cd55120c40233d6fb1e12327_d25vj52.jpg
     
  8. คุรุปาละ

    คุรุปาละ เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 กรกฎาคม 2012
    โพสต์:
    6,107
    ค่าพลัง:
    +16,530
    โครงการอริยสัจจ์โสฬสมงคล

    แจ้งข่าวไว้ก่อนนะครับ


    พ่ออาจารย์ท่านมีโครงการจะลงตะกรุดอริยสัจจ์โสฬสมงคลซึ่งเป็นตะกรุดสำคัญแต่โบราณกาลแจกฟรี สำหรับตะกรุดตัวนี้ก็ดีมากๆจะดีอย่างไรเดี๋ยวมาคุยกัน แต่จะไม่ใช่การเล่นเกมส์แจกนะครับรายการนี้ ไม่ได้มีทำไว้ล่วงหน้า รายการนี้จะเป็นการทำให้คนที่ขอเมตตาเข้ามา เป็นการลงให้เฉพาะคนของใครของมัน ขอย้ำว่าของใครของมันท่านจะลงให้เฉพาะคนนอกจากนี้ยังมีการผูกดวง มีการลงคาถาสำคัญต่างๆกำกับเสริมไปด้วยหลายบท จะให้ส่งรายละเอียดเข้ามาถ้าเห็นว่าทำให้ได้ท่านก็ทำแล้วเราจะตอบกลับไป แต่แน่นอนว่าย่อมมีคนที่ไม่สามารถรับได้เช่นกันเราก็จะเงียบไม่ส่งคำตอบกลับไป รายการนี้ไม่คิดค่าบูชาแต่อย่างใด แต่ผมจะเก็บค่าจัดส่ง 100 บาทเหมือนเดิม คาดว่าน่าจะมีกำหนดเวลาทำโครงการแจกตะกรุดอริยสัจจ์โสฬสมงคลนี้ เดี๋ยวผมจะแจงรายละเอียดอีกที ติดตามดีๆ
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 28 กุมภาพันธ์ 2017
  9. คุรุปาละ

    คุรุปาละ เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 กรกฎาคม 2012
    โพสต์:
    6,107
    ค่าพลัง:
    +16,530
    แจ้งการส่ง EMS
    พี่กฤตยชญ์ ER 5709 1974 3 TH

    พี่สุเมธ ER 5709 1975 7 TH

    พี่ศิระ ER 5709 1976 5 TH

    พี่ธีรพจน์ ER 5709 1977 4 TH
     
  10. คุรุปาละ

    คุรุปาละ เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 กรกฎาคม 2012
    โพสต์:
    6,107
    ค่าพลัง:
    +16,530
    โครงการอริยสัจจ์โสฬสมงคล จะมาคุยรายละเอียดกันในวันพรุ่งนี้ ติดตามกันนะครับ:)
     
  11. คุรุปาละ

    คุรุปาละ เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 กรกฎาคม 2012
    โพสต์:
    6,107
    ค่าพลัง:
    +16,530
    เดี๋ยววันนี้จะมาลงรายละเอียดเรื่องวาระตะกรุดอริยสัจจ์โสฬสมงคลกันนะครับ ติดตามให้ดี
     
  12. คุรุปาละ

    คุรุปาละ เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 กรกฎาคม 2012
    โพสต์:
    6,107
    ค่าพลัง:
    +16,530
    แจ้งการส่ง EMS

    พี่ชัยวัฒน์ ER 5711 1186 0 TH
     
  13. คุรุปาละ

    คุรุปาละ เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 กรกฎาคม 2012
    โพสต์:
    6,107
    ค่าพลัง:
    +16,530
    โครงการอริยสัจจ์โสฬสมหามงคล

    เนื่องจากวิชาการลงตะกรุดดวงของพ่ออาตารย์นั้นได้รับความนิยมอย่างมาก และหลายๆครั้งก็มีพระสงฆ์องค์เจ้าติดต่อเข้ามาขอทำตะกรุดดวงแบบต่างๆ ซึ่งนับวันก็จะมากขึ้นทุกทีจากที่บอกกันไปแบบปากต่อปาก

    พอมีพระภิกษุทำบ่อยๆเข้า ท่านก็เกรงใจโดยส่วนมากพ่ออาจารย์ท่านจะเต็มใจลงถวายโดยไม่ขอรับปัจจัยค่าบูชาต่างๆ จนกระทั่งท่านมีดำริที่จะทำตะกรุดหนุนดวงสูตรอริยสัจจ์โสฬสมงคลนี้แจกอย่างเป็นทางการสำหรับผู้ที่มีความประสงค์จะขอรับ และท่านพิจารณาว่าสามารถรับและลงให้ได้เท่านั้น


    พ่ออาจารย์ท่านว่าวิชาโสฬสนี้เป็นที่นิยมกันแพร่หลายทั้งวังหน้าและวังหลวง ชั้นหลังนั้นแม้สมเด็จพระสังฆราชแพก็ยังมีความศรัทธาพระยันต์นี้เป็นอันมาก ประวัติของยันต์อริยสัจจ์โสฬสนั้นท่านว่าแต่เดิมเป็นคาถาที่ปราชญ์โบราณจารย์ตั้งแต่ยุคสมัยของพระเจ้าอโศกมหาราชได้ผูกขึ้นและบรรจุไว้ในเจดีย์อันประดิษฐานพระบรมสารีริกธาตุทั้งหลาย ภายหลังบูรพาจารย์จึงได้นำมาถอดผูกเป็นยันต์ค่ายกลขึ้น ซึ่งก็มีการกล่าวถึงคุณานุคุณของพระยันต์ ดังนี้ พระยันต์นี้มีคุณานุภาพมาก อาจป้องกันบำบัดเสียซึ่งอุปัทอันตรายทั้งปวง ก่อให้เกิดลาภสักการะมงคล คุ้มครองป้องกันให้ได้รับความสุขสวัสดีเป็นมหาวิเศษนักแล เป็นทั้งทางอยู่คงแลเป็นเมตตาด้วย ทำให้เกิดโภคทรัพย์เงินทองตามแต่จะใช้เถิด ยันต์นี้ใช้ได้ทุกประการ

    ซึ่งวิชาสายโสฬสนั้นก็มีหลายสายหลายแขนง มีการลงแตกต่างกันไป โดยส่วนใหญ่ท่านว่าเราจะรู้จักและคุ้นชินกันอยู่แต่แบบเดียว นั่นคือแบบที่ผูกเป็นตะกรุดโสฬสมงคลเท่านั้น ทั้งนี้นอกจากพระยันต์โสฬรูปแบบนั้นท่านว่ายังมีชนิดอื่นอีกที่มีอานุภาพและและให้คุณวิเศษมีค่าควรเมือง
    ดุจเดียวกัน

    พ่ออาจารย์ท่านพิจารณาแล้วว่าวิชายันต์ดวงอริยสัจจ์โสฬสมหามงคลนั้นยังไม่แพร่หลาย และเป็นของวิเศษอย่างยิ่ง แตกต่างกับการผูกยันต์ลงวิชาโสฬสมงคลทั้งหลาย โดยวิชานี้จะใช้ดวงชะตาของคนผูกเข้าไปในยันต์ดวงอริยสัจจ์โสฬสมหามงคลเลยทีเดียว ท่านว่าหากเป็นสมัยก่อนชาวบ้านธรรมดาอย่าได้คิดฝันว่าจะมีโอกาสผูกดวงเช่นนี้และนับจากนี้คงไม่มีอีกเพราะท่านจะเมตตาตรวจดวงและทำให้เพียงครั้งเดียวเท่านั้น ก็นับเป็นโอกาสอันดีเพราะท่านตั้งใจจะทำให้ เนื่องจากอยากเห็นผู้มีเคราะห์ได้คลายเคราะห์ มีทุกข์ก็หมดทุกข์ ให้มีความสุขทั่วถึงกัน

    ท่านว่าอานุภาพของวิชานี้จะหนุนส่งดวงชะตาคนได้วิเศษนัก เพราะจะเปลี่ยนชีวิตเค้าให้มีคนรักคนสนใจเป็นทางมหานิยมและเมตตาอย่างเอก ทั้งยังหนุนทุกทางให้คนหรือเจ้าของดวงนั้นเจริญด้วยลาภยศสุขสรรเสริญไม่สิ้นสุด ซ้ำยังอธิษฐานได้ทุกสิ่งตามแต่ใจปรารถนา ท่านเมตตาเล่าว่าการนำดวงบรรจุไว้ในยันต์ดวงอริยสัจจ์โสฬสนั้นดุจดึงเอาอำนาจของเทพยดาทั้งหลาย ทั้ง 16 ชั้นฟ้า 15 ชั้นดิน 14 ชั้นบาดาล มาตีกรอบรอบครอบตัวเราไว้ ให้หนุนส่งเราตลอดดั่งจักรผัน เกื้อหนุนสืบส่งกันไม่รู้หยุดรู้คลาย ไม่ว่ายามหลับยามตื่น อันตรายทั้งหลายกร้ำกลายไม่ได้ ดวงชะตาเราแม้พระเคราะห์จะเข้าจะออกก็ดึงเราลงต่ำไม่ได้ มีแต่ดีกับดี ดีทั้งกลางวันและกลางคืนไม่ว่าจะยามหลับยามตื่น เป็นพลังของจิตตานุภาพอันยิ่งใหญ่ ท่านว่าพูดมากไปก็ไม่ดี เพราะไม่มีที่ไหนหรอกที่จะผูกดวงชะตาให้พร้อมลงดวงโสฬสไว้คู่กัน ท่านว่าการลงดวงอริยสัจจ์โสฬสนี้ทั้งชีวิตผู้รับเรียกว่าเกินพอ เหลือกิน เหลือใช้ทีเดียว มีคุณครบถ้วนทุกประการ


    * มาทำความเข้าใจกันก่อนนะครับ(ตรงนี้อ่านให้ดี เห็นยังมีสับสนกันเพราะมันต่างจากการเล่นเกมส์ปกติ)
    พ่ออาจารย์ท่านก็พิจารณาดีแล้วว่าท่านเองนั้นตั้งใจจะลง แต่มันเป็นตะกรุดที่ลงวิชาเฉพาะคน ไม่ใช่ทำไว้แล้ว จะมานั่งเร่งท่านว่าจะเอาก็ไม่ได้ เพราะไม่มีฤกษ์ท่านก็ไม่ทำ ครั้นหากท่านพิจารณาว่าไม่สมควรหรือบุคคลนี้ลงไม่ได้ รับไม่ได้ ท่านก็ไม่ทำอีกเช่นกัน อันนี้ต้องบอกล่วงหน้าไว้เลยเพื่อทำความเข้าใจแต่เริ่ม สำหรับคนที่ลงไม่ได้ก็อย่าน้อยเนื้อต่ำใจหรือมีความรู้สึกขัดแย้งใดๆ ท่านว่าให้คิดง่ายๆเสีย ว่าเราไม่มีวาสนาหรือบุญสัมพันธ์กับสายวิชนี้เท่านั้น สำหรับคนที่ได้รับไปก็ให้หมั่นอาราธนาพระคาถาโสฬสมงคล ห้อยให้ติดเนื้อติดตัวอย่านำไปไว้ในที่ต่ำ เพื่อรับและซึมซาบพระพุทธคุณเข้าตัว ท่านว่าจะดีอย่างไรก็เอาไว้รู้เองเห็นเอง เห็นด้วยตากระจ่างกับความรู้สึกของตนเองท่านว่าเพียงเท่านั้นก็พอแล้วเป็นมหามงคลกับชีวิตอย่างสูงยิ่งแล้ว

    พ่ออาจารย์ท่านพูดถึงวิชานี้อย่างน่าสนใจว่า ตำรับตำราพระยันต์ต่างๆนั้นมีมากมาย แต่ยันต์ที่ได้ชื่อว่าค่าควรเมืองนั้นจะมีซักกี่พระยันต์ และหากนำพระยันต์นั้นมาผูกลงในชะตาตนเองจะดีและวิเศษถึงเพียงไหน ท่านว่าก็คิดดูเอาเอง ของบางอย่างไม่ใช่นึกจะทำก็ทำ ถ้าไม่มีวาระ ไม่มีโอกาส ข้างบนไม่เปิด ครูบาอาจารย์ไม่อนุญาติ ทำไปก็เท่านั้น

    สำหรับโครงการอริยสัจจ์โสฬสมงคลนี้ก็จะมีกำหนดเวลารับพิจารณาดวงชะตาของผู้ที่ต้องการจะลงเพียงหนึ่งเดือนเท่านั้น คือรับแค่เดือนมีนานี้ เมื่อครบกำหนดถือว่าปิดโครงการไม่รับต่อ สำหรับผู้ที่ต้องการจะลงก็ขอให้แจ้งชื่อ นามสกุล วันเดือนปีเกิด เวลาตกฟาก(ถ้ามี) PM เอาไว้ให้เรียบร้อย ถ้าดวงของใครที่ท่านพิจารณาแล้วว่าท่านทำได้ เราจะส่งข้อความตอบกลับไป

    โดยผู้ที่ได้รับข้อความตอบกลับนั้น ตามที่บอกไปแต่แรกว่าไม่คิดค่าบูชาแต่อย่างใด แต่จะเก็บค่าจัดส่งดอกละ 100 บาท เหมือนกับการเล่นเกมส์ปกติทุกครั้งเท่านั้น ที่ต้องพูดแบบนี้เพราะหลายท่านอาจจะฝากทำหลายคนตรวจทีละหลายๆคน ซึ่งฤกษ์กาลงมีจำกัดจึงพิจารณาว่าถ้าทำเสร็จของใครก็จะส่งไปก่อนเป็นดอกๆไป ไม่ต้องมารอพร้อมกันหรือเก็บไว้ให้หลงลืมและสลับกันอีกเนื่องจากเป็นตะกรุดดวง จึงสลับหรือผิดพลาดไม่ได้ ซึ่งตรงนี้หลังจากที่เราตอบกลับรับดวงไปแล้วว่าดำเนินการลงให้ได้ ก็ให้โอนค่าจัดส่งพร้อมแจ้งที่อยู่มาทีเดียวพร้อมกันเลย ข้อความจะได้ไม่สับสนตีกัน ง่ายต่อการบันทึกและจัดระเบียบต่อไป


    296fdde1cd55120c40233d6fb1e12327_d25vj52.jpg
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 1 มีนาคม 2017
  14. chaiwatwinij

    chaiwatwinij เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    5 เมษายน 2013
    โพสต์:
    72
    ค่าพลัง:
    +233
    โครงการอริยสัจจ์โสฬสมหามงคล
    ชัยวัฒน์ วินิจมนตรี วันเดือนเกิดผมส่งทางกล่องข้อความครับ
     
  15. คุรุปาละ

    คุรุปาละ เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 กรกฎาคม 2012
    โพสต์:
    6,107
    ค่าพลัง:
    +16,530
    แจ้ง PM ไว้นะครับ
     
  16. jaya

    jaya เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    17 พฤศจิกายน 2007
    โพสต์:
    1,110
    ค่าพลัง:
    +2,183
    ผมร่วมลงชื่อด้วยครับ ทางกล่องข้อความครับ
     
  17. rungsun2503

    rungsun2503 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    11 พฤศจิกายน 2010
    โพสต์:
    371
    ค่าพลัง:
    +1,186
    ขอเข้าร่วมโครงการ อริยสัจจ์โสฬสมหามงคลด้วยครับ รายละเอียดแจ้งทางPM ครับ
     
  18. คุรุปาละ

    คุรุปาละ เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 กรกฎาคม 2012
    โพสต์:
    6,107
    ค่าพลัง:
    +16,530
    คนที่ลงได้ก็ตอบ PM ไปแล้ว เช็คด้วยนะครับ;)
     
  19. คุรุปาละ

    คุรุปาละ เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 กรกฎาคม 2012
    โพสต์:
    6,107
    ค่าพลัง:
    +16,530
    แจ้งการส่ง EMS
    พี่ศุภชัย ER 5711 1364 0 TH
     
  20. คุรุปาละ

    คุรุปาละ เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 กรกฎาคม 2012
    โพสต์:
    6,107
    ค่าพลัง:
    +16,530
    สาระความรู้

    อรุณสวัสดิ์ครับ
    พอดีอ่านเจอบทความดีๆ ก็เลยขอยกบทความมาให้อ่านศึกษากัน คิดว่าเป็นอะไรที่แปลกใหม่ดี ก็ลองพิจารณารายละเอียดเป็นความรู้กันนะครับ เผื่อจะได้นำไปใช้


    จากหลักฐานทั้งหมดที่เรามีกันอยู่ พระพุทธรูปบังเกิดครั้งแรกในโลก ภายใต้ศาสตร์แห่งเทววิทยา และการสร้างพระพุทธรูปเป็นเทวศาสตร์ ไม่ใช่พุทธศาสตร์

    เราจะเห็นความจริงข้อนี้จากประเทศอินเดียเอง ซึ่งเทววิทยากรีก เป็นแรงบันดาลใจให้บังเกิดพระพุทธรูป

    และพัฒนาการของพระพุทธรูป ดำเนินไปพร้อมๆ กับเทวรูปอย่างต่อเนื่อง อีกทั้งยังกลายเป็นแบบอย่างและบรรทัดฐาน ที่ได้รับการสืบทอดไปทั่วเอเชียจนถึงปัจจุบัน

    ซึ่งก็เป็นเพราะเหตุที่ว่า การสร้างพระพุทธรูปเป็นเทวศาสตร์นั่นเอง จึงทำให้พระพุทธรูปแต่ละแบบ แต่ละปางนั้น ล้วนแต่มีคุณสมบัติ และพุทธานุภาพโดดเด่นไปตามลักษณะแห่งการแสดงออกแตกต่างกัน

    เช่นเดียวกับเทวรูป ซึ่งถึงแม้ว่าจะเป็นของเทพองค์เดียวกัน แต่ถ้าหากว่ามีลีลาท่าทาง หรือ “มุทรา” (Mudra : ภาษามือ) ที่แตกต่างกันแล้ว ก็ย่อมมีคุณสมบัติ และเทวานุภาพที่แตกต่างกันออกไปในรายละเอียด

    เพราะว่าในทางเทวศาสตร์นั้น ประติมานวิทยา (Iconography) ของรูปเคารพ ไม่ว่าจะเป็นลีลาท่าทาง ภาษามือ ตลอดจนสัญลักษณ์ต่างๆ ที่อยู่ในมือหรือบนส่วนหนึ่งส่วนใดของเทวรูป นอกจากจะเป็นเครื่องบ่งชี้ว่าเทวรูปนั้น มีเรื่องราว คุณสมบัติ มีภาวะ มีอานุภาพในด้านใดแล้ว ยังเป็นอุปกรณ์ที่จะช่วยให้สิ่งศักดิ์สิทธิ์ สามารถใช้พลังอำนาจในลักษณาการนั้นๆ ผ่านเทวรูปนั้นได้อีกด้วยครับ

    พระพุทธรูปก็เช่นกัน

    มุทราหรือลีลาท่าทางของพระพุทธรูป หรือแม้แต่เครื่องประกอบ เช่น รัศมี (ประภามณฑล) บัลลังก์ ซุ้มเรือนแก้ว ล้วนเป็นสิ่งที่ทำให้คุณสมบัติ และพุทธานุภาพ ของพระพุทธรูปแต่ละองค์สำแดงออกมาได้ และสำแดงออกในลักษณะที่หลากหลายเช่นกัน

    นี่คือความจริงอย่างหนึ่ง ที่ไม่ค่อยเป็นที่รู้กันโดยทั่วไปครับ

    ส่วนการที่จะบรรยายว่า พระพุทธรูปปางใด มีคุณสมบัติและพุทธานุภาพอย่างไร ผมเห็นว่า คงเป็นเรื่องยืดยาวเกินไปสำหรับบทความนี้

    แต่ก็อาจกล่าวได้โดยสังเขปว่า ปางต่างๆ ของพระพุทธรูป มีที่มาจากเหตุการณ์สำคัญในพุทธประวัติฉันใด คุณสมบัติ และพุทธานุภาพของพระพุทธรูปปางนั้นๆ ก็ย่อมมีความสอดคล้อง กับเหตุการณ์ดังกล่าวฉันนั้นละครับ

    เช่น พระพุทธรูปปางสมาธิ จะมีพุทธานุภาพเกื้อหนุนให้ผู้บูชาได้รับความสงบเย็น มีจิตผ่องแผ้วเป็นสมาธิ ถ้าเป็นผู้บำเพ็ญทางวิปัสสนากรรมฐาน ก็บรรลุฌานในลำดับต่างๆ ได้ง่ายขึ้น

    หรือพระพุทธรูปปางรำพึง ก็มีพุทธานุภาพเกื้อหนุนให้ผู้บูชามีสติยั้งคิด รู้จักที่จะไตร่ตรอง พบวิธีการแก้ปัญหาต่างๆ ในชีวิตประจำวันด้วยหนทางที่ถูกที่ควร เป็นต้น

    ข้อสำคัญ พุทธานุภาพอันเกิดจากพระพุทธรูปปางต่างๆ นั้น เป็นสิ่งที่ให้ผลแก่ผู้สักการบูชาได้โดยอัตโนมัติ ไม่ต้องทำพิธีบวงสรวงอัญเชิญ ถวายเครื่องสังเวยบูชา และอธิษฐานขอพรอย่างที่พึงกระทำกับเทวรูป

    เพราะในทรรศนะทางพุทธศาสนานั้น ถือว่าการอ้อนวอนร้องขอไม่ใช่นิสัยของชาวพุทธ

    โบราณาจารย์จึงได้คิดค้นวิธีการเป็นอันมาก ในการกระทำให้พระพุทธรูปมีพลังอำนาจศักดิ์สิทธิ์ ดลบันดาลสิริมงคลในด้านต่างๆ แก่ผู้บูชาได้เอง โดยผู้บูชาไม่ต้องกระทำพิธีกรรมหรือบนบานใดๆ ดังกล่าว

    แต่การที่จะบูชาพระพุทธรูปให้ได้ผลเช่นนี้ มีเงื่อนไขอยู่ ๔ ประการ ครับ

    -พระพุทธรูปองค์นั้นสร้างถูกต้องตามแบบแผนทางศิลปกรรม

    -พระพุทธรูปองค์นั้นผ่านพิธีพุทธาภิเษกที่ถูกต้อง

    -พระพุทธรูปองค์นั้นได้รับการประดิษฐานในที่อันควร

    -ผู้บูชากระทำการปฏิบัติบูชาถูกต้อง

    ข้อหลังสุดนี้หมายถึง ผู้บูชาประพฤติตนอยู่ในศีลธรรมอย่างหนึ่ง, ผู้บูชามีความคิดเห็นต่อพุทธานุภาพ อย่างเป็นสัมมาทิฏฐิอย่างหนึ่ง

    และผู้บูชาหวังผลสำเร็จ ในกิจกรรมที่สอดคล้องกับปางของพระพุทธรูปที่บูชานั้น อีกอย่างหนึ่ง

    พูดง่ายๆ คือ ผู้บูชาจะต้องมั่นใจว่า พระพุทธรูปนั้นมีพุทธานุภาพอื่นๆ นอกเหนือจากการเป็นเครื่องเตือนสติ ให้ระลึกถึงองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าเท่านั้นครับ

    การบูชาพระ ให้สอดคล้องกับสิ่งที่มุ่งหวังความสำเร็จนี้ สำคัญมากนะครับ

    แม้เราอาจพูดอย่างกำปั้นทุบดินได้ว่า พระพุทธรูปไม่ว่าปางใด ย่อมเป็นสื่อแห่งความดีงาม การที่เราจะลงมือปฏิบัติ ไม่ว่าเรื่องใดที่สอดคล้องกับหลักธรรมที่พระพุทธองค์สั่งสอน ก็ควรจะได้รับการเกื้อหนุนจากพุทธานุภาพอยู่แล้ว

    เช่นสมมุติว่า เราหวังความเจริญก้าวหน้าในการประกอบอาชีพในทางที่เป็นสัมมาอาชีวะ เราจะบูชาพระพุทธรูปปางใด ก็น่าจะได้รับผลแห่งพุทธคุณช่วยให้เราสมหวังด้วยกันทั้งนั้น มิใช่หรือ?

    พูดอย่างนั้นก็ถูกส่วนหนึ่ง แต่ไม่ทั้งหมดหรอกครับ

    เพราะถ้าลองบูชาพระในปางที่เหมาะกับเรื่องที่เราต้องการ เราจะพบว่าเราได้รับสำเร็จในเรื่องนั้นๆ เร็วกว่าการบูชาพระพุทธรูปปางไหนก็ได้

    และการประดิษฐานพระพุทธรูปกับเทวรูปในสถานที่เดียวกัน จึงเป็นสิ่งที่กระทำได้ครับ

    เพราะในทางเทวศาสตร์นั้น ถือว่าพระพุทธรูปเป็นสื่อของพลังแห่งความดีงามชั้นสูงสุด เทวรูปต่างๆ ก็เป็นสื่อของพลังแห่งความดีงาม ในระดับที่ลดหลั่นลงมา

    แต่เมื่อลงลึกในรายละเอียด การประดิษฐานพระพุทธรูปร่วมกับเทวรูป ก็ใช่ว่าจะกระทำกันได้ตามอำเภอใจ ไม่ต้องมีหลักมีเกณฑ์อะไรเลยนะครับ

    เพราะเมื่อพุทธานุภาพของพระพุทธรูปนั้นมีจริง และแตกต่างกันไปในแต่ละปางจริง พุทธานุภาพที่ไม่เหมือนกันของพระพุทธรูปแต่ละปางนั้น ก็ย่อมต้องส่งผลกระทบ ต่อเทวานุภาพของเทวรูปที่อยู่ใกล้เคียงในลักษณะที่แตกต่างกันไปด้วย

    ตัวอย่างเช่น พระพุทธรูปบางแบบ สามารถเกื้อหนุนเทวานุภาพของเทวรูปได้เป็นอย่างดี

    พระพุทธรูปบางแบบ ก็สามารถประดิษฐานร่วมกับเทวรูปได้โดยไม่มีผลใดๆ ต่อกัน เข้าทำนองต่างคนต่างอยู่ ดังที่ได้กล่าวแล้วในบทความก่อนหน้านี้

    ในขณะที่พระพุทธรูปบางแบบ อาจแผ่พุทธานุภาพข่มเทวรูป จนเทวรูปนั้นไม่สามารถสำแดงเทวานุภาพได้อย่างเต็มที่เลยก็ได้

    ข้อหลังนี้ บางท่านอาจจะถามว่ามีด้วยหรือ?

    ก็ต้องขอตอบว่ามี และสามารถพบเห็นได้ตามร้านค้า หรือบ้านคนทั่วไปที่บูชาพระพุทธรูปและเทวรูปไว้ในสถานที่บูชาเดียวกันด้วยครับ

    โดยผู้บูชานั้นมักจะพบว่า เมื่อบูชาเทพในลักษณะเช่นนั้นแล้ว ไม่ค่อยได้ผลเท่าที่ควร หรือได้ผลไม่เต็มอานุภาพขององค์เทพ แม้ว่าจะบูชาเทวรูปที่ผ่านการเทวาภิเษกมาแล้วอย่างถูกต้องก็ตาม

    นั่นก็เพราะตามหลักการทางเทวศาสตร์แล้ว เมื่อประดิษฐานเทวรูปไว้กับพระพุทธรูปที่มิได้มีคุณสมบัติส่งเสริมกัน องค์เทพซึ่งมีทิพยฐานะต่ำกว่าพระพุทธเจ้า ย่อมไม่สามารถใช้เทวอำนาจผ่านเทวรูปนั้นอย่างเต็มที่ได้นั่นเองครับ

    ดังนั้น ผู้เชี่ยวชาญทางเทวศาสตร์โดยมากจึงแนะนำว่า ผู้บูชาเทพเจ้าควรจะตั้งแท่นบูชาองค์เทพแยกต่างหากจากพระพุทธรูป

    และถ้าเป็นเทพในศาสนาใด ก็ให้ประดิษฐานร่วมกับเทพในศาสนาเดียวกันนั้น มิให้คละศาสนา

    นี่เป็นกฎพื้นฐานทางเทวศาสตร์ ซึ่งบ้านที่มีฐานะเพียงพอ มีที่ทางเพียงพอก็คงไม่ยากที่จะทำเช่นนั้นหรอกครับ

    แต่ถ้าเป็นบ้านซึ่งประสงค์จะบูชาทั้งพระและเทพ แต่ไม่มีที่ทางพอจะแบ่งเป็นห้องพระสำหรับจัดแท่นบูชาหลายๆ แท่นได้ เช่นเป็นบ้านเล็กๆ หรือห้องพักส่วนบุคคลจำพวกแมนชั่น อพาร์ตเมนท์ หอพัก และร้านค้า จะทำอย่างไรล่ะครับ? ก็จำเป็นที่จะต้องบูชาพระพุทธรูปและเทวรูปไว้ด้วยกัน

    เมื่อเป็นเช่นนี้ คนที่บูชาเทพ ก็ควรบูชาพระพุทธรูป ที่สามารถส่งเสริมเทวานุภาพของเทวรูปได้อย่างสอดคล้องและสมบูรณ์ที่สุด

    ซึ่งเป็นเหตุให้ผมนำมาเขียนเป็นบทความนี้ละครับ

    โดยถ้าจะว่ากันตามแนวทางของท่านศรี วิชยภารตี พระพุทธรูปเช่นนั้นจะต้องมีคุณสมบัติ ๓ ประการ

    ๑.ไม่ข่มพลังของเทวรูป

    คือเมื่อประดิษฐานร่วมกันในสถานที่บูชาเดียวกัน หรือใกล้เคียงกัน ไม่แผ่พุทธานุภาพข่มเทวรูป จนเทวรูปไม่สามารถสำแดงเทวานุภาพได้เต็มที่

    ๒. สามารถส่งเสริม เกื้อหนุนพลังของเทวรูป ให้มีความศักดิ์สิทธิ์ในระดับที่สมบูรณ์

    คือเมื่อประดิษฐานเทวรูปไว้ร่วมกับพระพุทธรูปองค์นั้นแล้ว เทวรูปสามารถตอบรับการบูชาได้เต็มอานุภาพขององค์เทพ

    บางทีถึงขนาดที่ว่า เทวรูปที่ไม่ศักดิ์สิทธิ์ คือสร้างหรือผ่านการเทวาภิเษกไม่ดีเท่าที่ควร เมื่อนำมาบูชาร่วมกับพระพุทธรูปองค์นั้นแล้ว กลับศักดิ์สิทธิ์ขึ้น กลายเป็นเทวรูปที่สมบูรณ์ได้ ก็มีนะครับ

    ๓. นอกจากไม่ข่มเทวรูป ทั้งยังส่งเสริมพลังของเทวรูปแล้ว ยังจะต้องมีพุทธานุภาพที่ยึดโยงจิตของผู้บูชาเทพ ให้ดำเนินไปในทางที่เป็นสัมมาศรัทธา

    คือ ขัดเกลาผู้บูชาเทพให้มีความคิดที่ถูกต้อง เป็นเหตุเป็นผล ตั้งอยู่บนหลักแห่งความเป็นจริงในการบูชาเทพ ไม่หลงทางไขว้เขวหลุดออกนอกกรอบ ไปเป็นความงมงาย

    พระพุทธรูปอันมีคุณสมบัติดังกล่าวมานี้ มีรูปแบบที่สรุปอย่างง่ายๆ ได้ว่า (จดไว้เลยนะครับ)

    -เป็นพระพุทธรูปปางประทับนั่ง จะนั่งห้อยพระบาท นั่งขัดสมาธิเพชร หรือขัดสมาธิราบก็ได้ทั้งนั้น

    แต่ไม่ใช่ปางยืน ปางลีลา หรือปางไสยาสน์

    -เป็นพระพุทธรูปที่มีการประดับตกแต่ง เช่นพระพุทธรูปทรงเครื่อง และพระพุทธรูปที่ทำจีวรลายดอกพิกุล

    -เป็นพระพุทธรูปที่มีรัศมีหรือประภามณฑล ซึ่งจะเป็นแบบทึบหรือโปร่งก็ได้

    -เป็นพระพุทธรูปที่มีฉากหลัง หรือแผ่นหลังซึ่งมีลักษณะทึบหรือโปร่งก็ได้

    แต่ไม่ใช่ทำเป็นซุ้มโปร่ง ที่มีลักษณะเป็นกรอบล้อมองค์พระ อย่างซุ้มเรือนแก้วของพระพุทธชินราช หรือซุ้มของพระนิรันตราย

    เพราะเหตุใดละครับ จึงต้องเป็นเฉพาะปางที่ประทับนั่ง?

    คำตอบก็คือ ลักษณาการของรูปเคารพที่ประทับนั่งนั้น ในทางเทวศาสตร์ถือว่า ให้กำลังในด้านความความสงบและมั่นคง ซึ่งจะช่วยเสริมความหนักแน่นมั่นคงของเทวานุภาพ

    พระพุทธรูปที่มีการประดับตกแต่ง ก็สอดคล้องกับเทวานุภาพในด้านของความอลังการ ความเจริญก้าวหน้า และยศถาบรรดาศักดิ์

    พระพุทธรูปที่มีรัศมีหรือประภามณฑล ก็ให้กำลังในด้านของการปรับแต่งกระแสเทวานุภาพ ของเทวรูปที่อยู่ใกล้ให้ชัดเจนขึ้น สะอาดขึ้น

    พระพุทธรูปที่มีฉากหลังหรือแผ่นหลังแบบทึบ ก็ให้กำลังในด้านของความมั่นคงเช่นกันครับ ในขณะที่แบบฉลุโปร่ง สามารถหนุนกำลังของเทวรูปในด้านของความอลังการ

    แต่ฉากหลังประเภทซุ้มเรือนแก้วนั้น สวยงามก็จริง แต่มิได้ส่งเสริมอะไรกับเทวรูปเลยครับ

    เพราะมีลักษณะเป็นกรอบล้อมพระพุทธรูป ให้แบ่งแยกออกจากเทวรูปและรูปเคารพอื่นๆ เข้าทำนองต่างคนต่างอยู่นั่นเอง

    แน่นอนว่า พระพุทธรูปซึ่งเข้าข่ายดังที่ผมบรรยายมานี้ ปัจจุบันมีการสร้างกันบ่อยๆ ครับ จึงไม่เป็นการยากที่จะแสวงหามาบูชา

    แต่ที่ผ่านการทดลองมาแล้วว่าดีที่สุด จากประสบการณ์ของผมเอง และคนอื่นๆ ที่นำหลักการเดียวกันนี้ไปปฏิบัติ มีอยู่ ๓ ปาง ครับ ได้แก่

    พระพุทธรูปปางปฐมเทศนา แบบที่กระทำวิตรรกะมุทราทั้งสองพระหัตถ์ ซึ่งจะมีประภามณฑล หรือแผ่นหลัง หรือไม่มีก็ได้

    พระพุทธรูปปางโปรดพญาชมพูบดี คือพระพุทธรูปทรงเครื่องปางมารวิชัย อย่างที่ชาวบ้านเรียกว่าปางมหาจักรพรรดิ

    พระพุทธรูปนาคปรก แบบที่พังพานของนาคที่ปรกอยู่ด้านหลังนั้นเชื่อมต่อเป็นผืนเดียวกัน แบบนาคปรกศรีวิชัยและนาคปรกเขมร ไม่ใช่แบบไทยรัตนโกสินทร์ จะเป็นปางสมาธิ หรือปางมารวิชัยก็ได้

    ความสอดคล้องเกื้อหนุนกัน ระหว่างพระพุทธรูปทั้ง ๓ ปางนี้กับเทวรูป ย่อมเกิดขึ้นได้ทั้งนั้นครับ ไม่ว่าจะเป็นพระพุทธรูปขนาดบูชา ขนาดตั้งหน้ารถ หรือแม้แต่ขนาดห้อยคอ โดยจะทำด้วยวัสดุอะไรก็ได้ทั้งนั้น

    และการประดิษฐานพระพุทธรูปเช่นนี้ ไม่ว่าเพียงปางใดปางหนึ่ง หรือทั้ง ๓ ปาง ก็สามารถแก้ไขพลังของแท่นบูชาเดิมที่เสียสมดุลย์ อันเนื่องมาจากการประดิษฐานพระพุทธรูปที่ไม่สอดคล้องกับเทวรูปได้ทันที โดยไม่จำเป็นจะต้องประดิษฐานแทนพระประธานที่มีอยู่เดิมเลยครับ

    ขอให้ตั้งอยู่ ณ จุดศูนย์กลางของโต๊ะหมู่ หรือแท่นบูชาทั้งหมด เท่านั้นเป็นพอ

    เว้นเสียแต่ว่า พระประธานองค์เดิมนั้นจะมีขนาดเล็กกว่า หรือทำด้วยวัสดุซึ่งมีคุณสมบัติเป็นรองกว่า (เช่น ซิลิกา) หรือมีพิมพ์ทรงที่บกพร่องกว่าเท่านั้น จึงควรเปลี่ยนเอาพระปางใดปางหนึ่งใน ๓ ปางนี้ เป็นพระประธานแทน

    อย่างไรก็ตาม มีข้อควรจำอยู่ว่า การประดิษฐานเทวรูปใดๆ ให้เหมาะสมสอดคล้องกับการบูชาพระพุทธรูปทั้ง ๓ ปางนี้ ขนาดของเทวรูปองค์ดังกล่าว จะต้องไม่ใหญ่ไปกว่าพระพุทธรูปด้วยนะครับ

    เพราะถ้าเทวรูปมีขนาดใหญ่กว่าพระพุทธรูป ความสอดคล้องกันก็ลดลงไงครับ

    ใครที่ยังมิได้ตั้งโต๊ะหมู่บูชาพระ จะประดิษฐานพระพุทธรูปปางใดปางหนึ่งใน ๓ ปางนี้เป็นพระประธาน แล้วประดิษฐานเทวรูปตามความศรัทธาของตนเอง ก็ทำได้ตามกำลังทรัพย์

    แต่ก็ต้องเป็นไปตามเงื่อนไขที่ผมกล่าวแล้ว คือมีพื้นที่บูชาจำกัดเท่านั้นนะครับ จึงควรจะจัดรวมกัน


    ถ้ามีพื้นที่บูชามาก ถึงอย่างไรก็ควรจัดแยกแท่นกันครับ ไม่ว่าจะเป็นเทพที่บูชาร่วมกับพระพุทธรูปปางนั้นๆ ได้ดีเพียงใดก็ตาม

    296fdde1cd55120c40233d6fb1e12327_d25vj52.jpg


     

แชร์หน้านี้

Loading...