หมดแล้ว ((รูปหล่อ ลพ.เขียน ธมฺมรักขิโต ปิดวันที่ 11 ก.ย.58 เวลา 21.30น.เปิด 99.-))อาทิตย์03

ขอเรียนเชิญร่วมประมูลวัตถุมงคลเก่าเก็บ..เลิกสะสม..แบ่งกันไปใช้ครับ
​

-------------------------------------------------------------------------------------
เงื่อนไข
1.ปิดประมูลวันที่ 11 ก.ย.2558 เวลา 21.30 น.(ยึดเวลาตามเว็ป)
2.เค๊าะเท่าไหร่ก็ได้ แต่ให้ลงท้ายด้วย 0 นอกนั้นถือเป็นโมฆะครับ
3.ใครประมูลสูงสุด ในเวลาที่กำหนด เป็นผู้ชนะการประมูล
4.กรณียอดประมูลเท่ากัน ขอให้สิทธิ์ผู้เค๊าะประมูลก่อนเป็นผู้ชนะการประมูล
5.ผู้พิมพ์"ปิดด่วน"ตามราคาที่ระบุเอาไว้ เป็นผู้ชนะการประมูล และถือว่าสิ้นสุดการประมูล
6.โอนเงินภายใน 3 วันหลังจากวันปิดประมูล
7.รับประกันพระแท้ตามกฏ-กติกาสากล

เปิดประมูลที่ 99.-((ปิดด่วนที่ 350)) ผู้ชนะเพิ่มค่าส่งลงทะเบียน EMS = 50.-นะครับ
-------------------------------------------------
เสนอ...รูปหล่อหลวงพ่อเขียน ธมฺมรักขิโต วัดวังตะกู"สำนักขุนเณร"รุ่นสร้างอุโบสถวัดวังตะกู อ.บางมูลนาก จ.พิจิตร เนื้อระฆังเก่า เลี่ยมสุดคลาสสิค



หลวงพ่อเขียนเดิม ชื่อ เสถียร เกิดเมื่อวันเสาร์เดือน 4 ปีขาล พ.ศ.2399 ที่บ้านตลิ่งชัน ตำบลชอนไพร อำเภอเมือง จังหวัดเพชรบูรณ์ เป็นบุตรของนายทอง กับนางปลิด มีพี่น้องร่วมท้อง5 คน ท่านเป็นคนที่3 อายุได้12 ปี ท่านได้เข้าบรรพชา เมื่อปี พ.ศ.2411 ที่วัดทุ่งเรไร ในขณะที่เป็นสามเณร ได้ศึกษาอักขระและอักษรขอมจนอ่านออกเขียนได้ในเวลาอันรวดเร็จกรอปกับท่าน เป็นคนขยันมั่นขีดเขียน จนเจ้าอาวาสวัดทุ่งเรไรเปลี่ยนชื่อของท่านจาก เสถียร...เป็นเขียน...ตั้งแต่นั้นมาต่อมาเมื่อใกล้เวลาอุปสมบทท่านได้ลา สิกขาออกมาเป็นฆาราวาสอยู่ระยะหนึ่ง จนอายุครับ20 ปีพ.ศ.2420 ท่านจึงได้เข้าอุปสมบทที่วัดภูเขาดิน จังหวัดเพชรบูรณ์ โดยมีพระอาจารย์ประดิษฐ์ เป็นพระอุปัชฌาย์ และพระอาจารย์สอนกับพระอาจารย์ทองมี เป็นพระกรรมวาจาจารย์
เมื่อท่านบวชเป็นพระได้ไม่นานโยมมารดาของท่านลบเร้าให้ท่านสึกเพื่อจะได้ แต่งงานกับหญิงที่ได้จัดหาไว้ให้ แต่ท่านปฏิเสธ เพื่อตัดปัญหาท่านได้เดินทางมาที่บ้านวังตะกู อำเภอบางบุญนาค จังหวัดพิจิตร ในปีนั้นทางวัดวังตะกูขาดพระจำพรรษา ทางกำนันตำบลวังตะกูและชาวบ้านได้นิมนต์ท่านให้จำพรรษาที่วัดนี้ ต่อมาท่านได้เริ่มศึกษา ปริยัติธรรมที่วัดเสาร์ธงทอง จังหวัดลพบุรีมีพระอาจารย์ทองป็นผู้สอนท่านอยู่ที่วัดนี้นาน9 ปี และหลวงพ่อเขียนได้เข้ามาศึกษาต่อที่วัดรังษี กรุงเทพมหานครมีท่านเจ้าคุณธรรมกิตติเป็นเจ้าอาวาสในสมัยนั้นต่อมาทางวัดรัง ษีจะโอนเป็นธรรมยุตนิกายแต่ท่านไม่ยอมจึงได้กลับมาที่วัดเสาธงทองอีกครั้ง ท่านกลับมาจำพรรษาที่วัดเสาธงทองได้9 พรรษา กำนันตำบลวังตะกูและชาวบ้านได้มานิมนต์หลวงพ่อให้มาจำพรรษาที่วัดวังตะกู หลวงพ่อเขียนท่านรับนิมนต์และได้มาจำพรรษาที่วัดวังตะกูอีกวาระหนึ่งตั้งแต่ นั้นมา
หลวงพ่อเขียนได้อยู่ที่วัดวังตะกูจนกระทั้งถึงปี พ.ศ.2491 กำนันเถาว์ ทิพย์ประเสริฐ์ บ้านสำนักขุนเณร ตอนนั้นท่านยังเป็นกำนันตำบลวังงิ้วพร้อมด้วยญาติโยมได้มานิมนต์ท่านให้ไปจำ พรรษาที่วัดสำนักขุนเณรซึ่งอยู่ห่างกันกับวัดวังตะกูเพียง5 กม.เท่านั้น หลวงพ่อท่านเดินทางไปมาระหว่าง2 วัดนี้มิได้ขาดจนปี พ.ศ.2493 หลวงพ่อเขียนจึงตัดสินใจจำพรรษาที่วัดสำนักขุนเณรตั้งแต่นั้นมา จวบจนปี พ.ศ.2507 หลวงพ่อเขียนท่านได้มรณภาพด้วยอาการอันสงบ เมื่อคืนวันที่ 21 ธันวาคม พ.ศ.2507 เวลา 23.50น. รวมสิริอายุได้ 108 ปี

...อภิญญา/บารมีธรรม
หลวงพ่อเขียน ธมฺมรกฺขิโต
วัดสำนักขุนเณร อ.บางมูลนาก จ.พิจิตร
หลวงพ่อเขียน ธมฺมรกฺขิโต วัดสำนักขุนเณร อำเภอบางมูลนาก จังหวัดพิจิตร ที่มีอภินิหารความศักดิ์สิทธ์เป็นที่เล่าลือกันมานาน แม้ท่านจะมรณภาพไปนานแล้วก็ตาม มีทั้งเรื่องราวที่เคยมีผู้เขียน
แล้ว และยังไม่ได้เขียนผู้เขียนจึงขอนำมาเล่าให้ฟังพอสมควรแก่เวลาและเนื้อที่
ดังเช่นที่ คุณวิเชียร นันทนพิบูล นายกยุวพุทธสมาคม อำเภอบางมูลนาก จังหวัดพิจิตร
ได้บันทึกไว้ดังนี้….
ข้าพเจ้าได้รับเชิญให้เป็นกรรมการวัดสำนักขุนเณร คราวนั้นวัดจะจัดพิธีพุทธาภิเษกเพื่อหาทุนมาบูรณะปฏิสังขรณ์เสนาสนะในวัด มีจดหมายแจ้งมาให้ข้าพเจ้าในวันเวลาที่กำหนดเป็นเวลาประมาณ ๑๔.๐๐ น.เศษ เมื่อใกล้จะถึงเวลาข้าพเจ้าก็เตรียมรถจักรยานยนต์คู่ชีพเพื่อออกเดินทางไป ประชุม พอจะออกเดินทางก็มีพายุฝนตั้งเค้าทะมึนมา ลมพัดแรงทำท่าว่าฝนจะเทกระหน่ำลงมาในไม่ช้านี้ ข้าพเจ้าจึงเข็นรถจักรยานยนต์เข้ามาเก็บ และตัดสินใจว่าจะไม่ไปประชุมเพราะหากฝนตกลงมาขณะที่ข้าพเจ้ากำลังเดินทางละ ก็จะยุ่งกันใหญ่ คิดไปคิดมาแล้วก็เป็นห่วงการประชุมเพราะหากว่าทางคณะกรรมการรอข้าพเจ้าก็จะ ทำให้เสียเวลาเปล่า จึงออกมายืนหน้าบ้านขณะที่ลมพัดแรงแล้วพนมมือหันหน้าไปทางวัดสำนักขุนเณร ปากก็บอกหลวงพ่อเขียนว่า หากบารมีหลวงพ่อเขียน
มีจริง ขอให้ไล่ฝนไปให้พ้นด้วยเถิดผมจะได้ไปประชุมได้ทันเวลา พอข้าพเจ้าบอกท่านเสร็จแล้วก็ยืนดูเหตุการณ์ ปรากฎว่าท้องฟ้าเริ่มแปรปรวน ลมพัดมาจากไหนไม่รู้หอบเอาเมฆฝนกระจายไปหมดเพียงไม่ถีง ๑๐ นาที หลังจากที่ข้าพเจ้ายกมือพนมบอกกับหลวงพ่อเขียนข้าพเจ้าจึงเข็นรถจักรยานยนต์ คู่ใจออกมาข้างนอก สตารท์เครื่องแล้วขับบึ่งไปวัดสำนักขุนเณร ไปถึงเวลาประมาณ ๑๕.๐๐ น.
พวกคณะกรรมการเห็นข้าพเจ้ามาก็พากันดีใจ การประชุมจึงดำเนินไปจนเสร็จสิ้น จากนั้น ข้าพเจ้าได้นั่งอยู่ที่กุฏิหลวงพ่อเขียนพักหนึ่งแล้วนมัสการลากลับ เมื่อออกจากวัดสวนทางกับกำนันที่เป็นกรรมการวัดคนหนึ่ง กำนันพูดถึงเรื่องประหลาดก่อนหน้าที่จะมีการประชุมว่าเมื่อถึงเวลา ๑๔.๐๐น คณะกรรมการได้ไปนมัสการเรียนหลวงพ่อเขียนให้เปิดการประชุม แต่หลวงพ่อเขียนท่านส่ายหน้า พูดว่า "ประเดี่ยวมันก็มาน่อ รอให้มันมาก่อนพายุฝนขวางทางมันอยู่มันมาแน่ นั่งรอก่อน มันไม่ได้ต้องการไม่มาประชุมน่อ” ทุกคนก็รอ หลายคนเริ่มบ่นว่าข้าพเจ้าไม่รักษาเวลา จนในที่สุดข้าพเจ้าก็มาถึง กำนันถามข้าพเจ้าว่าที่หลวงพ่อพูดมาถูกต้องหรือไม่ ข้าพเจ้าจึงเล่าเรื่องที่เกิดขึ้นกับข้าพเจ้าให้กำนันฟัง กำนันจึงบอกข้าพเจ้าว่าหลวงพ่อท่านแน่จริง ๆ แม้ข้าพเจ้าอธิษฐานจิตอยู่ไกลออกไปท่านยังรับรู้ได้ เรื่องนี้ข้าพเจ้ายังระลึกถึงบารมีของหลวงพ่อเขียนไม่รู้ลืม....
อีกเรื่องหนึ่ง ภรรยาของคุณวิเชียรป่วยเป็นไข้ทับฤดู ไข้นี้รักษาแผนปัจจุบันไม่หาย ต้องกินยาต้มแผนโบราณ ภรรยาของคุนวิเชียรจึงนอนซมอยู่กับบ้านด้วยความทรมาน คงมีคนไปกราบเรียน
หลวงพ่อเขียน ท่านจึงเดินทางมาจากวัดสำนักขุนเณร มาเยี่ยมภรรยาของคุณวิเชียรที่บ้านเมื่อมาถึง
หลวงพ่อเขียนพูดกับคุณวิเชียรว่า “ไม่เป็นไรน่อ เดี่ยวก็หาย”
กล่าวจบหลวงพ่อเขียนก็หันมาทางคุณวิเชียร สั่งให้ไปหาลวดมาสามสี่เส้น ท่านจะทำพิธีมัดไข้ให้หมดฤทธิ์ หลังจากนั้นหลวงพ่อเขียนก็เสกลวดสี่เส้นอยู่นานพอสมควร จึงนำมามัดเข้าด้วยกันเป็นหนึ่งเดียว แล้วให้นำไปทิ้งน้ำปรากฎว่าอาการไข้ของภรรยาคุณวิเชียรลดลงเป็นปกติ ชาวบ้านที่มานมัสการหลวงพ่อเขียนที่บ้านคุณวิเชียร ตีความหมายที่หลวงพ่อสั่งให้คุณวิเชียรไปหาลวดมาสามสี่เส้นเป็นตัวเลขหวยว่า ๓ - ๔ ปรากฎว่าวันหวยออก เลขท้ายสองตัวเป็นเลข ๓๔ ตรง ๆ ไม่ต้องกลับ ชาวบ้านรวยเละแต่คุณวิเชียรไม่ได้เล่นหวย
มีนักปฏิบัติทางจิตรายหนึ่งเขียนจดหมายมาเล่าประสบการณ์ ให้คุณวิเชียรฟังเป็นความว่า
ผมเขียนจดหมายมาหาคุณเพื่อจะให้คุณช่วยบันทึกเอาไว้ และเอาไปเผยแพร่ให้กับผู้เคารพนับถือ
หลวงพ่อเขียนฟัง ว่าแม้ท่านจะมรณภาพไปนานแล้วแต่ดวงวิญญาณของท่านยังรับรู้เรื่องราวความ ทุกข์ยากของผู้เคารพนับถืออยู่เสมอ ผมปฏิบัติทางจิตมานานจนสามารถติดต่อกับดวงวิญญาณของ
หลวงพ่อเขียน วัดสำนักขุนเณรได้ ผมจึงปฏิบัติทางจิตจนพบท่าน ผมกราบเรียนท่านว่า ขอบารมีของหลวงพ่อช่วยนำลูกสาวของผมกลับคืนมาด้วยเถิด ท่านบอกกับผมว่า “โยมมีเคราะห์แต่ตอนนี้หมดเคราะห์แล้ว อาตมาจะทำให้เจ้าหนุ่มที่ทำผิดธรรมเนียมประเพณีนำลูกสาวโยมกลับมาคืนถึง บ้าน”
ไม่นานนักเจ้าหนุ่มนั้นก็นำลูกสาวผมมาคืนถึงบ้าน เขากราบเท้าขอโทษผมแล้วบอกว่า
“ ผมทำผิดไปแล้ว หลวงพ่อเขียนท่านไปเข้าฝันผมทุกคืนซ้ำ ๆ กันบอกว่าผมทำให้เสียชื่อคนพิจิตร อีกอย่างพ่อของสาวที่ผมไปพาหนีมา เป็นนักปฏิบัติทางจิตได้ไปขอให้ท่านช่วยนำลูกสาวกลับคืนบ้านด้วย หลวงพ่อท่านก็ได้รับปากไปแล้ว จึงให้ผมนำลูกสาวเขาไปคืนจนถึงบันไดบ้าน หากยังไม่ทำตาม พ้นเจ็ดวันไปแล้วเกิดอะไรขึ้นล่ะก็ จะมาโทษท่านไม่ได้เพราะท่านได้บอกไปแล้ว”
วัดวังตะกู อำเภอบางมูลนาก จังหวัดพิจิตร เป็นวัดที่หลวงพ่อเขียนอุปถัมภ์มาโดยตลอด
ช่วยสร้างโบสถ์จนสำเร็จ ประกอบพิธีเททองหล่อพระประธานและพระอัครสาวกซ้ายขวาไว้ประจำโบสถ์มีพุทธลักษณะงดงามมาก
เช้าวันที่ ๑๑ พฤษภาคม พ.ศ. ๒๕๑๕ พระที่ออกบิณฑบาตพบว่าประตูโบสถ์ถูกงัดเปิดออก รูปหล่อพระอัครสาวกซ้ายขวาถูกนำออกมาพิงไว้ข้างเจดีย์บรรจุอัฐิ นายมานพ จันทร์พวง
จึงไปแจ้งให้เจ้าอาวาสทราบ และเข้าแจ้งความต่อตำรวจ สภ.อ.บางมูลนาก ให้มาตรวจสถานที่เกิดเหตุ
พบว่าคนร้ายได้ตัดกุญแจโบสถ์แล้วขนเอารูปหล่อพระอัครสาวกซ้ายขวา ออกมาเตรียมจะนำขึ้นรถบรรทุกที่จอดรออยู่ ( เพราะพบรอยรถบรรทุกอยู่นอกกำแพงวัด ) ครั้นแบกออกมาแล้วนำขึ้นรถ
ปรากฎว่ารถสตาร์ทไม่ติด แก้ไขอย่างไรก็ไม่เป็นผล เวลาผ่านไปจนเกือบรุ่งสว่าง เห็นท่าไม่ดีจึงช่วยกันหามรูปหล่อพระอัครสาวกกลับเข้าไปพิงไว้ข้างเจดีย์ บรรจุอัฐิแล้วกลับมาสตาร์ทรถใหม่ ปรากฎว่าเครื่องติดจึงรีบขับหนีออกไปแบบมือเปล่า เรื่องนี้เชื่อกันว่าเพราะบารมีดวงวิญญาณของหลวงพ่อเขียนท่านมาคุ้มครอง สมบัติวัดเอาไว้นั่นเอง
สำหรับชาวพิจิตรแล้วมีความเคารพนับถือหลวงพ่อเขียนตั้งแต่ครั้งท่านยังมี ชีวิตอยู่ จนแม้ท่านมรณภาพไปแล้ว รูปหล่อหลวงพ่อก็มีผู้ไปบนบานศาลกล่าวไม่ขาดสาย จนองค์ท่านถูกปิดทองจนหนาเตอะ น้ำมนต์หน้ารูปหล่อต้องเติมกันวันละหลาย ๆ รอบ โดยเฉพาะอย่างยิ่งการไปท้าสาบานกัน
หน้ารูปหล่อของหลวงพ่อเขียน อย่าได้ทำเป็นเด็ดขาด เพราะคนที่ผิดคำสาบานจะถูกลงโทษอย่างหนัก
ตามคำที่กล่าวต่อหน้าท่าน เพราะเมื่อตอนหลวงพ่อเขียนยังมีสังขาร วาจาท่านศักดิ์สิทธ์นัก พูดอย่างไรเป็นไปที่ท่านพูดทุกประการ
หากท่านผ่านไปอำเภอบางมูลนาก จังหวัดพิจิตร ควรหาเวลาไปนมัสการรูปหล่อของ
หลวงพ่อเขียนเพื่อเป็นศิริมงคลแก่ตัวเองและครอบครัว ส่วนวัตถุมงคลของท่านหากมีไว้ก็รักษาไว้ให้ดีเพราะหาไม่ได้อีกแล้ว......ขอบคุณข้อมูลจากคุณอ้วน พิจิตร

​

 

150 ครับ

 

100 ครับ

 

รับไปด้วยครับ....ของดีๆทั้งน้านนน...พิธีใหญ่ปี 2519 อายุเหรียญร่วมๆ 39 ปีแล้วครับ

สวยสบายใจ...รับประกันแท้ทุกวันครับผม

 

ขอบพระคุณเค๊าะแรกและเค๊าะต่อมาครับ...ยอดสูงสุดขณะนี้ 150.-
;41;41

 

160

 

180 บาทครับ

 

200

 

250

 

ยินดีด้วยครับ ท่านชนะประมูลรายการนี้
250+50=300.-
ขอบคุณครับ