"รักไร้พ่าย" เปิดใจฟ้า

ในห้อง 'วิทยาศาสตร์ทางจิต - ลึกลับ' ตั้งกระทู้โดย รักไร้พ่าย, 30 พฤษภาคม 2008.

  1. stefa

    stefa เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    27 พฤศจิกายน 2005
    โพสต์:
    1,241
    ค่าพลัง:
    +1,790
    (cry)(cry)(cry)(cry)

    รักมาก รักมาย
    จุดกำเนิดแท้ ให้มาก ให้มาย

    ถึงแม้มนุษย์ ไม่รับมาก ไม่รับมาย
    อัตตามาก อัตตามาย

    จักรวาลแท้ ต้องล้างมาก ต้องล้างมาย
    ล้างถึงแก่น ขจัดสิ้นมาก ขจัดสิ้นมาย

    โดยไม่มีข้อแม้
     
  2. รักไร้พ่าย

    รักไร้พ่าย เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 สิงหาคม 2007
    โพสต์:
    886
    ค่าพลัง:
    +2,861
    เมื่อเราเกิดมาเป็นคน เราต้องค้นหาเป้าหมายที่แท้จริง
    ของเราให้พบเพื่อจะได้เดินไปตามทางนั้น
    และเป้าหมายของคนเรามี 3 สิ่ง

    1 ค้นหาตัวเองให้พบ

    [​IMG]

    คือการรู้ว่าเราคือจิตวิญญาณแก่นภายในที่มีคุณสมบัติ
    แห่งความรัก และความรอบรู้ ไม่ใช่รูปร่างกายนี้
    และจินตนาการถึงสิ่งที่เราอยากเป็น หรือความฝันที่เราอยากจะเป็น
    ไม่ใช่อยากจะทำ เช่นเราอยากเป็นนักเขียน นักธุรกิจ
    หรือหากเรายังไม่แน่ใจ ให้ลองถามตนเองจากภายในบ่อยๆ
    แล้วเราจะรู้ได้เอง และรู้ได้จากความสุขใจที่เกิดขึ้น

    2 ค้นหาศักยภาพ หรือ พรสวรรค์ ของเรา

    [​IMG]

    เพื่อจะได้นำมันมาใช้ในการสร้างตนเอง มาช่วยเสริมสิ่งที่เราอยาก
    เป็นให้สมบูรณ์ขึ้น
    โดยการฟังเสียงกระซิบของจิตวิญญาณ นั่นคือแรงบันดาลใจ

    มีคำกล่าวที่ว่า

    "หากการอธิษฐาน คือการที่เรากำลังติดต่อกับพระเจ้า
    แรงบันดาลใจ คือการที่พระเจ้ากำลังติดต่อกับเรา"

    การค้นหาสิ่งทื่เราสนใจ คือสิ่งนั้นต้องเป็นสิ่งที่เมื่อเราได้
    ทำแล้วมีความสุข
    เช่น งานอดิรกที่เราชอบทำ หรือสิ่งที่เราใฝ่ฝันว่าอยากจะทำ

    3 นำศักยภาพนั้นมาสร้างความผาสุข
    ให้แก่เราและผู้อื่น

    [​IMG]

    เมื่อค้นพบส่งที่เราอยากเป็น ค้นเจอในพรสวรรค์ของเราแล้ว
    จงนำมันมาแสดงสู่ภายนอกให้ประจักษ์
    ผ่านความคิดสร้างสรรค์

    ความคิดสร้างสรรค์ที่เกิดขึ้นจะผุดเกิดขึ้นมาเอง
    เราไม่ต้องไปกำหนดว่าให้มันเกิดขึ้น

    เราเพียงแต่ตั้งเป้าหมายที่เราอยากเป้น
    แล้วใช้จิตสำนึกของเราที่มีหน้าที่คัดเลือก
    ความคิดที่เราต้องการ

    เหมือนยามที่เฝ้าตรวจตราผู้ที่ผ่านไปมา
    เราพียงตรวจสอบความคิดใดที่เราต้องการ
    จะมีความคิดที่ตรงกับเป้าหมายของเรา ให้เลือก
    เฟ้นแต่ความคิดเหล่านั้น แล้วทิ้งความคิดที่ไม่ต้องการออกไป

    และวิธีที่จะทำให้ความคิดสร้างสรรค์ของเราให้ชัดเจนขึ้น
    คือให้ความคิดนั้นเป็นไปเพื่อความสุขของผู้อื่น
    คือจินตนากรว่าสิ่งที่เราจะสร้างสรรค์นี้หากผู้อื่นมา
    รับรู้แล้วเขาจะเกิดความสุข

    เช่น
    หากเราอยากใฝ่ฝันอยากจะเป็นนักเขียนนิยาย
    นั่นแสดงว่า เราชอบอ่านนิยายมาก่อนเป็นชีวิตจิตใจ
    เราได้ค้นพบเป้าหมายข้อที่ 1 แล้ว
    คือ เราอยากเป็นนักเขียนนิยาย
    ให้จินตนการถึงเราที่กำลังประสบควาสำเร็จในการเขียน
    ด้วยความรู้สึกที่เป็นสุขเหลือล้น

    [​IMG]

    เหมือนที่ เจ. เค โรลลิ่ง จินตนากรว่าเด็กที่กำลังอ่านนิยาย
    Harry Potter กำลังสนุกตื่นเต้นไปกับนิยายของเธอก่อน
    ที่เธอจะเขียนนิยายด้วยซ้ำ

    2 เราค้นพบพรสวรรค์ของเรา
    เราชอบเขียนแนวไหน และเราถนัดเขียนแนวไหนที่สุด
    และขอให้เชื่อมั่นว่าเราจะประสบความสำเร็จแน่นอน

    3 นำศักยภาพนั้นออกสู่ภายนอกให้คนอื่นประจักษ์
    เริ่มเขียนด้วยความเชื่อมั่น และมุ่งมั่น
    บอกตัวเองว่าไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้น
    เราจะเขียนให้สำเร็จ ไม่ว่าจะมีอุปสรรคมากมายเพียงใด

    มีวิธีที่จะช่วยสร้างกำลังใจในการเสริมสร้างความฝันของเรานี้ คือ
    ใช้วิธีสร้างจินตนาการถึงคนอื่น หรือคนรอบข้างเรา
    ที่เราคุ้นเคยได้มาอ่านหนังสือของเรา แล้วเขาจะรู้สึกยินดี
    และชอบใจนิยายที่เราเขียน

    สิ่งนี้จะช่วยเพิ่มพลังแห่งการสร้างสรรค์ให้เราบรรลุ
    ถึงเป้าหมายได้อย่างยอดเยี่ยม

    เพราะวิธีนี้คือการยกพลังความคิดของเราขึ้นสู่พลังแห่งความรัก
    เพื่อการแบ่งปันเพื่อผุ้อื่นอันเป็นพลังที่จะน้อมนำความคิดสร้างสรรค์
    ต่างๆมาให้เราได้ง่ายขึ้น

    การถ่ายทอดความคิดลงในนิยายนั้น ต้องเป็นอะไรที่ง่ายๆสบายๆ
    อย่าไปตั้งเป้าว่าจะต้องออกมาดี สมบูรณ์แบบ เพราะจะทำให้เรากดดัน
    ขอให้เราเขียนเหมือนเล่า เรื่องให้คนอื่นฟัง อาจเป็นเรื่องเกี่ยวกับตัวเรา

    เหมือนที่โกวเล้ง เล่าความเป็นตัวตนของเขาผ่านตัวละครในนิยายนั่นเอง

    เหมือนที่ เจ.เค โรลลิ่ง เล่าประสบการณ์ความรันทดของตัวเองที่ต้องอยู่ห้องแคบๆ
    ภายในบ้าน ที่ถ่ายทอดเป็นตัวละคร แฮรี่ พอตเตอร์ ต้องอยู่ห้องแคบๆในบ้าน

    เหมือนที่ เอ มิลน์ ที่แต่งนิทานให้ลูกชายของเขาฟังก่อนนอน โดยนำเอาลูก
    หมีของลูกชายมาเป็นตัวละคร
    จนกลายมาเป็น Winnie-the-Pooh จนโด่งดังไปทั่วโลก

    [​IMG]

    ขอให้จำคำที่แม่ชีเทเรซ่ากล่าว่า เราสามารถ
    ทำสิ่งเล็กน้อยด้วยควมรักอันยิ่งใหญ่ได้ทุกคน

    เมื่อได้ทำตามวิธีนี้ ความสำเร็จสมหวังจะบังเกิดขึ้นได้ไม่ยากเลย

    [​IMG] เอ มิลน์ และ ลูกชาย
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 11 มิถุนายน 2008
  3. รักไร้พ่าย

    รักไร้พ่าย เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 สิงหาคม 2007
    โพสต์:
    886
    ค่าพลัง:
    +2,861
    คนที่ใช้ชีวิตโดยการมีความหวังและเป้าหมายของชีวิต
    เขาจะมีพลังชีวิตที่เพิ่มขึ้น และศักยภาพต่างๆของเขา
    จะเพิ่มมากขึ้นตามไปด้วยเพื่อรองรับพลังแห่ง
    ความปารถนานั้น


    ยิ่งเป้าหมายในชีวิตยิ่งใหญ่มากเท่าไหร่
    พลังชีวิตของเขาจะมากตามไปด้วย

    แต่หากผู้นั้นไร้ซึ่งความฝันและเป้าหมายของชีวิต
    เขาก็เหมือนต้นไม้ที่แห้งแล้ว อับเฉา รอวันร่วงโรย

    คนที่มีอาการเซื่องซึม หดหู่ เฉื่อยชา ไร้ความกระฉับกระเฉง
    เพราะคนเหล่านี้ค้นหาความฝันตนเองไม่พบ หรือพบแล้ว
    กลับไม่อาจเดินไปถึงจุดหมายปลายฝันได้
    จะด้วยวิธีการที่เดินหลงทาง หรือไม่รู้จักทางที่ถูกต้องก็ตามแต่
    ชีวิตของเขานั้นจึงริบหรี่ลงไปเรื่อยๆ

    เพระฉะนั้นหากเราไม่อยากเป็นผู้ต้องรู้สึกไร้ค่าอีกต่อไป
    ขอให้จุดประกายแห่งความฝันขึ้นมา

    หากจะให้ความฝันของเราชัดเจนขึ้น เราต้องอาศัย

    "จินตนาการ"

    [​IMG]

    จินตนาการ คือการเคลื่อนไหวของมโนภาพในใจที่ผุดขึ้นมา
    หลังจากเราได้รับสัมผัสสิ่งเร้าต่างๆจากโลกภายนอก

    เราเห็นอะไร ได้ยินอะไร ใจเราจะสร้างเป็นภาพในใจ
    ที่เป็นไปตามความจำ
    จากประสบการณ์จากสิ่งที่สัมผัสนั้น
    และปรุงแต่งภาพนั้นไปตามการยึดถือและ
    แล้วตัดสินเพื่อให้คุณค่ากับมัน จนกลายเป็นความเชื่อของเราไป

    และความเชื่อนี้เองจะเป็นตัวกำหนดความเป็นไปของชีวิตเราผ่านการ
    พูด และกระทำชีวิตเราจะดีหรือแย่ปานใดก็ขึ้นกับความเชื่อที่เกิด
    จากจินตนาการ

    หากจะเปลี่ยนวิถีทางชีวิต ต้องเปลี่ยนแหล่งที่มาของมัน ก็คือความเชื่อ
    หากจะเปลี่ยนความเชื่อ ต้องเปลี่ยนที่ต้นธารกำเนิดของมัน คือจินตนาการ

    เช่น เมื่อเราจินตนาการนึกถึง "มีด"

    [​IMG]

    เมื่อภาพมีดผุดขึ้นในใจของคน แต่ละคนจะตีความหมายของ
    ภาพนั้นต่างๆกันไป
    คนที่เคยถูกมีดบาด เป็นแผลใหญ่ ถึงมีดจินตนาการถึงตอนที่
    ตนเองถูกมีดบาด และจะเกิดความรู้สึกหวาดเสียว และกลัว

    หากพ่อครัวนึกถึงมีด จะจินตนาการถึงการทำอาหารที่อร่อย


    [​IMG]

    เมื่อเราจะตัดเชื่อก หรือจะตัดกระดาษ แล้วนึกถึงมีด
    เราจะจินตนาการถึงเชือกหรือกะดาษที่ถูกตัดด้วยมีด
    เราจึงเห็นว่ามีดมีเครื่องมือสร้างประโยชน์ให้เรา

    เห็นได้ว่า จินตนาการของคนแต่และคนสามารถ
    เป็นไปได้หลากหลายแม้จะเห็นภาพนั้นเหมือนกัน

    [​IMG]

    เราสามารถใช้จินตนาการในการปรับเปลี่ยนวิถีชีวิตของเราได้
    โดยการนึกภาพในใจให้เป็นไปตามความต้องการของเรา
    เราอยากจะให้ภาพนั้นบรรเจิดเลิศหรูอลัการอย่างไรก็ได้
    เราจะสร้างความสุข ให้ดื่มด่ำได้นานเท่าไหร่ก็ได้

    จินตนาการสามารถช่วยเราให้ปลดเปลื้องจากความรู้สึก
    เลวร้ายจากโลกภายนอกได้
    มันเป็นดินแดนแห่งอิสรภาพภายใน ที่เราสามารถเนรมิตสิ่ง
    ต่างๆให้เราได้เป็นในสิ่งที่เราอยากเป็น

    [​IMG]

    และยังสามารถแก้ไขเรื่องราวต่างๆที่โลกแห่งความเป็นจริง
    ทำไม่ได้ให้กลายเป็นจริงในอาณาจักรแห่งจินตนาการของเราได้

    การค้นพบที่ยิ่งใหญ่ที่เปลี่ยนแปลงโลกนี้ให้เจริญก้าวหน้าได้
    ก็เพราะจินตนาการที่อยู่เหนือความเป็นจริง ที่ได้เปลี่ยนโลกที่
    จำเจอยู่กับสิ่งเดิมๆให้ก้าวหน้าทันสมัยอยู่เสมอ

    อัลเบิร์ต ไอน์สไตน์ กล่าวว่า

    " จินตนาการสำคัญกว่าความรู้ "

    [​IMG]

    เพราะความรู้มีที่สิ้นสุดด้วยกรอบของความคิด แต่จินตนการ
    ไร้ขอบเขต เป็นภาพในใจที่ไร้พรหมแดน

    สิ่งสำคัญคือ เราสามารถใช้จินตนาการสร้างเป้าหมาย
    ของเราให้เป็นจริงได้

    [​IMG]

    เพราะจินตนาการของเราไร้ขอบเขต มันอยู่เหนือข้อจำกัดต่างๆ
    ในโลกแห่งความเป็นจริง เพราะฉะนั้นเป้าหมายของความสำเร็จ
    ของเราก็ไร้ขอบเขตเช่นกัน

    หลายคนใช้จินตนการสร้างความเป็นไปได้ จากความเป็นไปไม่ได้

    [​IMG]

    สองพี่น้องตะกูล ไรท์ เห็นนกบินได้ จึงจินตนาการเห็นภาพ
    คนที่บินได้ และลงมือสร้างสรรค์เครื่องมือที่จะทำให้คนบินได้
    ท่ามกลางความเยาะเย้ยจากผู้คนและมองว่า
    พวกเขาทั้งสองมีความคิดบ้าๆ
    ในที่สุดทั้งสองพี่น้องจึงสร้างเครื่องบินได้สำเร็จ

    [​IMG]

    มีคนกล่าวว่า
    "อัจฉริยะ กับ คนบ้า มักมีพฤติกรรมที่คล้ายกัน"

    นักเขียนนิยายเชิงวิทยศาสตร์ทางจิต หรือเทคโนโลยีล้ำสมัย
    ที่เกิดจากจินตนาการของนักเขียนผู้นั้น
    ต่อมาได้เครื่องมือเหล่านั้นสามารถประดิษฐ์คิดค้น
    นำมาใช้ได้จริง

    [​IMG] [​IMG]

    ขอให้ฝันให้ไกลแล้วไปให้ถึง โดยอาศัย
    จินตนากรแห่งความฝันที่จะผันชีวิตเราให้กลาย
    เป็นสิ่งที่เราอยากเป็นได้

    เมื่อจินตนาการด้วย กลายเป็นความเชื่อและความ
    เชื่อนี้เองจะไปเปิด
    พลังแห่งจิตใต้สำนึกน้อมนำสิ่งต่างๆที่เราได้จินตนาการไว้
    มาบรรณาการแก่เรา

    ถ้าเราเชื่อในจินตนาการถึงสิ่งที่ยิ่งใหญ่
    เราจะประสบความสำเร็จอย่างยิ่งใหญ่
    ถ้าเราเชื่อมั่นในจินตนาการน้อย
    เราจะประสบความสำเร็จได้น้อย

    เพราะฉะนั้น ขอให้ความฝันของเรา เป็นฝันที่ยิ่งใหญ่เถิด

    ไมเคิล แองเจลโล กล่าวว่า

    "ความผิดพลาดอันใหญ่หลวงของคน ไม่ใช่คนนั้นตั้งความหวังไว้สูง
    แล้วทำล้มเหลว แต่เป็นการตั้งความหวังไว้ต่ำ แล้วทำสำเร็จต่างหาก"

    [​IMG] ไมเคิล แองเจโล
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 9 มิถุนายน 2008
  4. รักไร้พ่าย

    รักไร้พ่าย เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 สิงหาคม 2007
    โพสต์:
    886
    ค่าพลัง:
    +2,861
    จินตนาการสามารถนำเราออกสู่โลกแห่งความจำเจ
    โลกที่เต็มไปด้วยความซ้ำซากวนเวียนอยู่แต่สิ่งเดิมๆ

    หากเราใช้จินตนาการสร้างสรรค์แนวคิดใหม่ๆ
    แล้วนำความคิดนั้นมาสร้างความเจริญก้าวหน้า
    ให้กับชีวิตตัวเองผ่านผลงานอันสร้างสรรค์

    เรียกว่า

    "การคิดนอกกรอบ" Think out of the box!

    [​IMG]

    ผู้ที่สามารถใช้จินตนาการ และความคิดสร้างสรรค์ผลิตผลงาน
    ออกสู่โลกภายนอกที่ไม่ยึดติดอยู่กับสิ่งที่มีอยู่เดิม
    แต่คิดด้วยจินจนการอันไร้ขอบเขต
    ด้วยแรงบันดาลใจของจิตวิญญาณของเรา ผลงานนั้นจะโดด
    เด่นและมีพลังแห่งการดึงดูด หรือความเสน่ห์

    เสน่ห์ที่ชวนหลงใหลแก่ผู้ได้มาสัมผัสผลงานของเรานี้
    แท้จริงแล้วเป็นพลังแห่งความรักที่มีคุณสมบัติแห่งการดึงดูดสิ่งรอบข้าง
    เข้ามาหา เหมือนที่โลกรักดวงจันทร์ และได้ดึงดูดดวงจันทร์เข้ามาหา
    ในวงโคจร

    หากเรามีความรัก และปารถนาจะให้ผู้อื่นมีความสุขที่เกิดจาก
    การสร้างสรรค์ของเรา
    ด้วยกฏแห่งการดึงดูดสิ่งที่ส่งออกไปจะวกลับมาหาเรา
    ตามแรงที่ส่งไปนั้น

    เมื่อเราส่งความรักออกไปในรูปของการสร้างสรรค์
    แรงสะท้อนกลับจึงมาในรูปของความรักตอบสนองเช่นกัน

    หากการสร้างสรรค์นนั้นอยู่ในรูปของธุรกิจการค้า ก็จะสามารถสร้าง
    ผลกำไรให้เจ้าของผลงานนั้นอย่างมากมาย แปรผันไปตามค่าของ
    ความรักที่เราส่งออกไป

    [​IMG]

    นี่คือสาเหตุที่ผู้ใช้แรงบันดาลใจแห่งจิตวิญญาณสร้างสรรค์ผลงาน
    ด้วยความรู้สึกของจิตวิญญาณ นั่นคือ ความรัก
    จึงประสบความสำเร็จมากมาย ทั้งเงินทอง ชื่อเสียง

    เฉกเช่นที่ เจ.เค โรลลิ่ง เขียนนิยาย Harry Potter
    ด้วยแรงบันดาลใจและความคิดสร้างสรรค์และการคิดนอกกรอบ
    สวนทางกับความเชื่อที่ว่าสมัยนี้เด็กจะไม่อ่านนิยานแนวเวทมนต์พ่อมด

    คนส่วนใหญ่มักยึดติดอยุ่กับสิ่งเดิมๆ เพราะเขาคิดว่าการ
    อยู่ในกรอบที่เราคุ้นเคย
    จะรู้สึกปลอดภัย นั่นเป็นสาเหตุให้การพัฒนา
    ไม่อาจเกิดขึ้นได้ตามวิถีทางที่ควรจะเป็น

    ระบบของจักรวาลหรือธรรมชาติ คือการเคลื่อนไหวเปลี่ยนแปลงอยู่
    เสมอหากเราหยุดนิ่งกับที่
    เท่ากับเราไปฝืนการเคลื่อนที่ของกงล้อสัจธรรม

    เมื่อก่อนเคนเชื่อโลกแบน ไม่มีผู้ใดกล้าเดินเรื่อออกไปสุดเส้นตัดขอบฟ้า
    เพระเขากลัวจะตกไปจากโลก
    หากแต่ คริสโตเฟอร์ โคลัมบัสไม่คิดเช่นนั้น เขากล้าที่ผ่านเส้นขอบฟ้า
    จะออกเดินเรื่อรอบโลก จนรู้ว่าโลกกลม และหลังจากนั้นการเดินทาง
    รอบโลกจึงเกิดขึ้นแพร่หลาย การติดต่อสื่อสารจึงกว้างไกล

    เพราะโคลัมบัส กล้าคิดนอกกรอบ

    [​IMG]

    และการคิดนอกรอบสามารถนำไปใช้ได้กับธุรกิจได้อย่างน่าทึ่ง

    เช่น ธุรกิจโรงหนังที่ต้องอยู่ในห้างสรรพสินค้า
    แต่นายวิชา พูลวรลักษณ์


    [​IMG]


    ได้คิดนอกกรอบว่า
    ปรกติคนที่ไปพักผ่อนหย่อนใจในวันหยุด
    มักจะไปดูหนังที่ห้าง หางไม่มีโรงหนัง
    ก็ขาดแรงจูงใจของผู้คนที่จะไปห้างนั้น

    นายวิชา จึงคิดสร้างธุรกิจของเขา โดนผนวก ด้านอสังหาริมทรัพย์กับ
    ธุรกิจโรงหนังเข้าด้วยกัน ซึ่งเป็นโรงหนังประเภท

    "Stand Alone"

    คือ เป็นโรงหนังที่ตั้งเดี่ยว
    แยกออกมาจากห้างสรรพสินค้า

    ท่ามกลางเสียงวิพากษ์วิจารณ์มากมายถึงแนวคิดนอกกรอบนี้
    แต่นานวิชา กล้าที่จะทำตามแรงบันดาลใจของเขา

    แต่แล้วในที่สุด โรงหนังของเขาก็ประสบความสำเร็จล้น
    หลามในนามของ

    "Major Cineplex"

    [​IMG]


    ที่มีมากว่า 41 สาขา

    บางครั้ง แรงบันดาลใจและจินตนการของเราอาจขัดแย้งกับความ
    คิดที่อยู่ในกรอบความเชื่อของผู้คนขณะนั้น

    ขอให้คุณเชื่อในแรงบันดาลใจ และกล้าที่จะคิดนอกกรอบให้เป็น
    แล้วคุณจะพบความสำเร็จที่โดดเด่นได้
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 10 มิถุนายน 2008
  5. neo1982

    neo1982 สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    23 พฤษภาคม 2008
    โพสต์:
    54
    ค่าพลัง:
    +17
    ทำไมคนเกิดวันที่ 24 จึงเป็นคนที่มีความสุข มากมายกับชีวิต

    ผมเกิดวัน ที่ 24 ไม่เห็นจะเป็นอย่างที่บอกเลยครับ
    อ่านมาเท่านี้ ผมก็เลิกอ่านละครับ
     
  6. รักไร้พ่าย

    รักไร้พ่าย เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 สิงหาคม 2007
    โพสต์:
    886
    ค่าพลัง:
    +2,861
    ต้องขอภัยที่ไม่ตรงกับชีวิตคุณ

    การที่ผมบอกว่า คนเกิดวันที่ 24 มีความสุขมากมาย
    คำว่าความสุขผมอาจจะพูดกว้างๆไป
    คนเกิดวันที่ 24 จะมีเพื่อนพ้องมากมาย เป็นที่รักของผู้คน
    จึงทำให้ชีวิตเขาดูอบอุ่นและมีความสุข

    ผมยกวันเกิดมาอ้างอิงนั้น เป็นพียงตัวอย่างคร่าวๆเท่านั้น
    แต่อาจมีปัจจัยอื่นให้ชีวิตมีความทกุข์
    เช่น เดือนเกิด ปีเกิด หรือผลรวมของ วัน เดือน ปีเกิด
    ชื่อ และนามสกุล
    หากจะดูละเอียดลึกลงไปต้องดูให้ครบทั้งหมด

    แต่วันที่ 24 โดยตัวมันเองก็อย่างตามที่ผมบอก คือมีความสุขกับชีวิต
    มีเสนห์ มีคนรักใคร่

    บางคนเกิดวันที่ 24 แต่กลับเป็นต้องหย่าร้าง เพราะผลรวมของ
    วัน เดือน ปี ได้เลข 20

    บางคนเกิด 24 แต่ ต้องทุกข์กับชีวิต เพราะผลรวมเป็น 29
     
  7. รักไร้พ่าย

    รักไร้พ่าย เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 สิงหาคม 2007
    โพสต์:
    886
    ค่าพลัง:
    +2,861
    เมื่อเจาะลึกลงไปถึงการทำงานของความคิดสร้างสรรค์
    มันมีการทำงานที่หลอมรวม คุณสมบัติของสิ่งตั้งแต่ 2 สิ่งขึ้นไป
    จนกลายมาเป็นคุณสมบัติใหม่

    เช่น สีแดง รวมกับ สีเหลือง คือ คุณสมบัติ 2 อย่าง รวมกัน
    กลายเป็น สี ส้ม

    หรือ ก๊าซ ไอโดรเจน รวมกันกับ ก๊าซ ออกซิเจน กลายเป็นน้ำ

    นี่คือหลักการของธรรมชาติที่สร้างสิ่งใหม่ขึ้น จากคุณสมบัติของสิ่งนั้น
    ไม่ใช่ตัวตนของสิ่งนั้น

    และสิ่งใหม่นี้จะไม่มีร่องรอยเดิมให้เห็น เพราะได้หลอมรวมเป็นสิ่งใหม่ไปแล้ว

    ผู้ที่ใช้ความคิดสร้างสรรค์ในการสร้างตนเองจนประสบความสำเร็จนั้น
    ล้วนแล้วแต่ใช้การหลอมรวมคุณสมบัติทั้งสิ้น


    เจ. เค โรลลิ่ง หลอมรวม ประสบการณ์ชีวิตของตนเอง กับ นิยายที่เธอชอบอ่าน
    สมัยยังเด็ก จนกลายเป็น Harry Potter

    โกวเล้ง หลอมรวม นิยายจีน กับ นิยายตะวันตกเข้าด้วยกัน จนกลายเป็นนิยาย
    ที่เป็นเอกลักษณ์เฉพาะตัว

    กิมย้ง หลอมรวมเหคุการณ์ประวัติศาสตร์จีน และ จิตวิญญาณของ
    ความเป็นมนุษย์จนกลายมาเป็น นิยาย
    "แปดเทพอสูรมังกรฟ้า"

    ในนิยายเรื่องนี้ นำประวีติศาสตร์จีนสมัย ที่ดินแดนจีน ถูกรุกรานจาก
    แคว้นต่างๆรอบๆประเทศจีน คือ แคว้นชี่ตันที่อยู่ทางเหนือของจีน
    และแคว้นต้าหลี่ที่อยู่ทางใต้ โดยแคว้นต่างๆกำลังรุกราน
    ประเทศจีนอย่างหนักจากทุกด้านเพื่อหวังยึดดินแดน

    โดย กิมย้งสร้างตัวละครพระเอก 3 คน ซึ่งเกิดในดินแดนทั้ง 3 นี้

    คือพระเอก เฉียวฟง เป็นชาวชี่ตัน
    ต้วนอวี้ เป็นองค์ชายชาวต้าหลี่
    และ ซีจู๋ เป็นหลวงจีนวัดเส้าหลินชาวจีน


    [​IMG]


    และทั้ง 3 คนนั้นได้สาบานเป็นพี่น้องกัน ท่ามกลางความขัดแย้ง
    ของสงคราม
    กิมย้งต้องการถ่ายทอดให้เห็นถึงแก่นแท้ของจิตวิญญาณ
    ความเป็นมนุษย์ซึ่งล้วนแต่เป็นพี่น้องกัน


    [​IMG]
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 11 มิถุนายน 2008
  8. รักไร้พ่าย

    รักไร้พ่าย เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 สิงหาคม 2007
    โพสต์:
    886
    ค่าพลัง:
    +2,861
    การสร้างสรรค์ที่เกิดจากการหลอมรวม ไม่ว่าจะเกิดขึ้นที่ไหน
    เกิดขึ้นกับใครผลงานนั้นนั้น จะคงความเป็นอมตะไว้ตลอดกาล

    ในอดีตมีนักเขียนการ์ตูนชาวญี่ปุ่น 2 คน ชื่อว่า ฮิโรชิ ฟุจิโมะโตะ
    และ โมโตโอะ อะบิโคะ
    เป็นเพื่อนรักกันตั้งแต่สมัยเรียนหนังสือ

    ทั้งสองรักการเขียนการ์ตูนมากและได้เดินไปตาม
    แรงบันดาลใจของตนเอง
    ในที่สุดการ์ตูนของเขาเป็นที่นิยมอย่างกว้างขวาง
    ทั้งสองใช้นามปากกาว่า

    "ฟุจิโกะ" และ "ฟุจิโอะ"


    [​IMG] ฟุจิโกะ
    [​IMG] ฟุจิโอะ

    และมีครั้งหนึ่งที่เขาต้องส่งต้นฉบับการ์ตูนเรื่องใหม่
    แต่เขายังคิดพล็อตเรื่องและกำหนดตัวละครยังไม่ได้

    ขณะที่ฟุจิโกะกำลังนั่งกลุ้มใจอยู่ในห้องทำงาน ได้มองออกไปนอกบ้าน
    ได้เห็นแมวจรจัดตัวหนึ่ง เขาได้พิจารณาเกี่ยวกับแมวตัวนั้น
    และขณะที่เขากำลังเดินออกจากโต๊ะทำงาน ได้ไปสะดุดเข้ากับคุ๊กตาล้มลุก
    ของลูกสาวของเขา

    จากนั้นความคิดสร้างสรรค์ของเขาจึงเกิดขึ้น นั่นคือการหลอมรวม
    ระหว่าง แมว กับ ตุ๊กตา จนกลายเป็น ตัวละครใหม่ในการ์ตูนของเขา
    นั่นก็คือ

    "โดเราเอมอน" !!

    โดราเอมมอน แปลว่า "แมวหลงทาง"

    ซึ่งฟุจิโกะได้แรงบันดาลใจจากแมวจรจัด
    ซึ่งเป็นที่มาของตัวละครนี้

    [​IMG]

    เป็นผลจากการหลอมรวมของ สิ่ง 2 สิ่ง ที่กลายเป็นสิ่งใหม่ที่มี
    เอกลักษณ์เฉพาะไม่หลงส่วนเดิมให้เห็น

    [​IMG]

    คือโดเราเอมอน มีความเป็นเอกลักษณ์ของตัวเอง จะดูเป็นแมวก็ไม่ใช่
    เพราะเป็นแมวที่ไม่มีหู จะดูเป็นตู๊กตาก็ไม่เชิง

    โดราเอมอน เป็นการ์ตูนที่มีเนื้อหาจากการหลอมรวมระเหว่าง
    ยุคปัจจุบันกับยุคอนาคต
    โดยมีโดราเอมอน หุ่นยนต์จากโลกอนาคตที่ย้อนอดีต
    มาสู่โลกปัจจุบันและมีของวิเศษทางวิทยาศาสตร์จากโลกอนาคต
    มากมาย

    [​IMG]

    นี่คือการหลอมรวมทางเนื้อหา
    ที่นักเขียน 2 ท่านนี้ช่วยกันสรรค์สร้างขึ้น
    โดยคนหนึ่งมีความรู้ด้านการสร้างพล๊อตเรื่อง

    ส่วน อีกคนหนึ่งเคยสนใจเรื่องวิทยศาสตร์ล้ำยุค
    จึงนำความรู้ทั้ง 2 นี้มาหลอมรวมกัน กลายเป็นเนื้อเรื่อง
    โดราเอมอนที่แสนสนุกตื่นเต้น

    นอกจากผลงานโดราเอมอนที่โด่งดังเป็นขวัญใจเด็กๆทั่วโลกแล้ว
    ฟุจิโกะ ฟุจิโอะ ยังเขียนการ์ตูนที่เป็นที่นิยมมากมาย เช่น

    นินจาฮาโตริ !
    [​IMG]

    ปาร์แมน !

    [​IMG]

    ผีน้อยคิวทาโร่ !

    เอสเปอร์สาวน้อยพลังจิต !

    นี่คือตัวอย่างของการหลอมรวมคุณสมบัติตั้งแต่ 2 สิ่งขึ้นไป
    จนกลายเป็นสิ่งใหม่ขึ้นมา

    ผู้ที่จะสร้างผลงานของตัวเองให้โดดเด่น หรือ ผู้ที่จะทำธุรกิจให้
    ประสบความสำเร็จได้นั้นหากใช้ความคิดสร้างสรรค์จากการหลอมรวม
    ธุรกิจหรือผลงานของเขาจะโดดเด่นมีเสนห์เป็นอย่างยิ่ง

    การค้นพบทางความคิดที่ยิ่งใหญ่ คือการค้นพบความคิดสร้างสรรค์จากภายใน
    ไม่ต่างจากการค้นพบเพชรเม็ดงามที่ทรงคุณค่าและประเมินราคาไม่ได้


    และในเนื้อเพลงไตเติ้ลโดราเอมอน ที่กล่าวถึงความฝันและแรงบันดาลใจ
    ที่มีความหมายว่า
    "หากคนเรามีความฝัน และทำได้อย่างที่ฝันไว้ก็คงจะดี"

    http://www.ijigg.com/songs/V2C70DAPD

    และกระเป๋าวิเศษของโดเราเอมอน ก็เหมือนกับการค้นพบแรงบันดาลใจ
    และความคิดสร้างสรรค์จากภายใน ที่จะทำให้ชีวิตเราวิเศษขึ้นมาได้


    [​IMG]
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 11 มิถุนายน 2008
  9. QuaOs

    QuaOs เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    20 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    139
    ค่าพลัง:
    +480
    ของผม

    เกิดวันที่ 24

    รวมวัน เดือน ปี (พ.ศ.) ได้เลข 21
    ถ้ารวม วดป แบบ คศ. ได้เลข 9

    ชื่อภาษาไทย ได้เลข 18
    ชื่อภาษาอังกฤษ ก็ได้เลข 18
    พอมาเลือกใช้ชื่อในเน็ตชื่อนี้ (ใช้มาหลายปีแล้ว) ตอนหลังคำนวณดู ก็ดันได้ 18 อีก

    สรุปโดยภาพรวมแล้วออกมาสุกๆ ดิบๆ ชอบกลอยู่
     
  10. mandark

    mandark Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    9 ตุลาคม 2007
    โพสต์:
    65
    ค่าพลัง:
    +100
    ผมเกิด วันที่ 4 มารอติดตามอยู่ครับ
     
  11. รักไร้พ่าย

    รักไร้พ่าย เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 สิงหาคม 2007
    โพสต์:
    886
    ค่าพลัง:
    +2,861
    เมื่อเราได้ค้นพบ แรงบันดาลใจ ความคิดสร้างสรรค์ และจินตนการ
    ที่เราแน่ใจที่จะทำแล้ว ขอให้มุ่งมั่นกับมัน จดจ่ออยู่กับภาพ
    ความสำเร็จที่กำลังจะเกิดขึ้น

    และอย่าได้ท้อถอย หรือลังเล เพราะเป็นปรติที่ผู้ค้นพบความใฝ่ฝัน
    ของตนเองมักโลเล หรือ ความมุ่งมั่นจะหดหายไปเป็นบางเวลา
    หรือกลับมามีความมุ่งมั่นใหม่บางเวลา

    เพราะกิเลสของเราจะยั่วยุ และคอยกระซิบให้เราถอยห่างจาก
    แรงบันดาลใจนั้นโดยการใช้เหตุผลหลอกล่อเราต่างๆนานา
    ให้เราหลงเชื่อคล้อยตาม โดยยกเอาความจริงทางโลก
    มาอ้าง เช่น

    สิ่งที่เราจะทำนั้น เราไม่มีเงินทุนพอ !

    เราไม่มีประสบการณ์พอ !

    เราไม่เคยทำ อาจล้มเหลวได้ !

    ไว้อีกหน่อยค่อยทำ !


    [​IMG]

    นี่คือข้ออ้างของกิลส อัตตา เพื่อให้เราหยุดสร้างความฝันของเรา

    คนจำนวนมากมักตกหลุมพรางกำดักของกิเลสตนเอง เพราะมัน
    มีหน้าที่สร้างความล้มเหลวให้ชีวิต ด้วยคุณสมบัติที่มันมีอยู่
    นั่นคือ ความกลัว

    ขอให้รู้ว่าเมื่อใดเรา กลัวจะล้มเหลว ลังเลใจ นั่นคือเราได้ติดกับ
    ดักกิลเลสของเราเรียบร้อยแล้ว

    เพราะเราจะเป็นอย่างที่เราเชื่อ !

    เพราะฉะนั้นหากเรายังปารถนาจะประสบความสำเร็จในชีวิต
    จงมุ่งมั่น อย่าท้อถอยเป็นอันขาด ขอให้รู้ว่ากิเลสต่างๆ
    มันเป็นเพียงภาพลวงตาให้เราหลงกลัวไปเท่านั้นเอง

    หากเรามุ่งมั่นจริแล้ว กิเลสมันจะหายไปเอง เพราะมันไม่มีอำนาจ
    ต้านทานพลังแห่งแรงบันดาลใจได้ เพราะเป็นพลังจากจิตวิญญาณ
    ตัวตนแก่นแท้ของเรานั่นเอง

    ขอให้ยึดมั่นในแรงบันดาลใจ เหมือนการยึดจับราวรถเมลล์
    ที่จะไม่ทำให้เราหวั่นไหว โยกเสียหลักไป

    ดังคำกล่าวว่าที่ว่า

    "ทุกอย่างจะเป็นไปได้ด้วยดี สำหรับผู้ที่
    สามารถรับมือได้ดีกับทุกอย่างที่เป็นไป"

    เหมือนชายหนุ่มชาวเกาหลีใต้คนหนึ่ง ชื่อ "คิม วู จุง"
    ที่เขาต้องดิ้นรนต่อสู้ชีวิตมากมาย เพื่อต้องการสร้างความฝันของเขาให้เป็น
    จริง เขารักในเรื่องเครื่องยนต์ และใฝ่ฝันจะทำงานด้านเครื่องยนต์

    แต่ด้วยฐานะทางครอบครัวของเขายากจน และเขาต้องทำงาน
    หาเลี้ยงตนเองและครอบครัวด้วยลำพังตัวเขาเอง
    เขาต้องเลี้ยงน้องๆที่ป่วยเรื้อรัง


    [​IMG]

    เขาต้องทำงานเป็นเด็กส่งหนังสือพิมพ์ในหมู่บ้าน
    แต่กระนั้นเขาก็ยังไม่ละทิ้งความฝันของตนเอง

    ต่อมาเขาได้เก็บเงินเปิดร้านห้องแถวเล็กๆ
    ขายอะไหล่รถยนต์ได้สำเร็จ

    และด้วยแรงบันดาลใจที่ไม่หยุดยั้ง และความมุ่งมั่น
    บากบั่นที่ไม่ย่อท้อในที่สุด

    เขาได้สร้างอาณาจักรอุตสหกรรมผลิตรถยนต์

    "แด วู" (Daewoo ) ได้สำเร็จ


    [​IMG]

    [​IMG]

    ธุรกิจของเขามีมูลค่ามากกว่า 2 หมื่นล้านเหรียญ
    และมีพนักงานกว่า8 หมื่นคน

    [​IMG] คิม วู จุง

    นี่คือการมุ่งมั่นและจดจ่ออยู่กับแรงบันดาลใจของตนเอง
    ไม่ว่าชีวิตจะต้องประสบอุปสรรคเพียงใดก็ตาม
    ขอให้ยืนหยัดในภาพความฝันและแรงบันดาลใจ

    ควาสำเร็จจะอยู่ไม่ไกลเกินเอื้อมแน่นอน
    เพราะ ฟ้าหลังฝนย่อมสดชื่นสวยงาม

    มาร์ติน ลูเธอร์ คิง นักสิทธิมนุษยชนกล่าวว่า

    "หากเราไม่อาจค้นพบสิ่งที่เราสามารถจะทุ่มเท
    และยอมตายเพื่อมันได้ เราก็ไม่สมควรมีชีวิตอยู่"

    [​IMG] มาร์ติน ลูเธอร์ คิง
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 11 มิถุนายน 2008
  12. รักไร้พ่าย

    รักไร้พ่าย เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 สิงหาคม 2007
    โพสต์:
    886
    ค่าพลัง:
    +2,861
    การสร้างสรรค์ในบางครั้งอาจขัดกับกรอบเดิมๆที่เคยมี
    ขอให้เดินตามทางแห่งการสร้างสรรค์นั้น
    เพราะสิ่งนั้นเป็นแรงผลักดันจากภายใน

    หากเราเดินจามในเส้นทางที่ผู้อื่นตีกรอบไว้ให้เดินตาม
    และไม่ยอมหาแนวคิดหรือหลักการ
    และจุดยืนชองตนเอง
    เราก็ไม่ต่างจากผู้ถูกคนอื่นจูงจมูกไปตลอด

    มีอาจารย์ท่านหนึ่งชื่อ

    ดร. วรภัทร์ ภู่เจริญ

    ซึ่งที่มีแนวคิดที่ต่างจากคนส่วนใหญ่
    แต่เป็นแนวคิดที่สร้างสรรค์ และเข้าถึงแก่นแท้ของตนเอง
    และสามารถนำการสร้างสรรค์มาประยุกต์เข้ากับการดำเนินชีวิต
    ให้ประสบความสำเร็จได้

    อาจารย์ท่านนี้เคยทำงานให้กับองค์การนาซ่า เป็นผู้บรรยายธรรม
    โดยใช้หลัก สติ ความคิด และ จิต เข้ากับการบริหารจัดการ
    อาจารย์ท่านนี้ยังเปิดบริษัทเป็น
    ที่ปรึกษากับองค์กรและบริษัทยักษ์ใหญ่ต่างๆ

    เพราะการที่เขาไม่ยึดติดอยู่กับกรอบเดิมๆ แต่มุ่งเข้าถึง
    แก่นแท้ของสัจธรรม และด้วยบุคลิกที่โดดเด่น
    ทำให้อาจารย์ท่านนี้ได้รับความนิยมเป็นอย่างมาก
    จากผู้คนในทุกระดับ ทุกอาชีพ

    เมื่อตอนื่เขาเป็นอาจารย์สอนหนังสือที่มหาลัย
    เขามีวิธีการสอนที่แปลกใหม่

    เขาได้พาลูกศิษย์คณะวิศวกรรมไปเรียนวิชาฟิสิกส์ที่ริมสระน้ำ
    โดยให้ดูสาวๆว่ายน้ำ เพื่อจะศึกษาเรื่อง "คลื่น"
    โดยดูจากท่าว่ายน้ำของสาวๆในท่า ฟรีสไตล์ และ ท่าผีเสื้อ

    [​IMG]

    และศึกษาความต่างของคลื่นจากการดูสาวๆที่ว่ายน้ำในชุด
    ทูพีซ กับ วัน พีซ

    [​IMG]

    และตอนที่อาจารย์ผู้นี้ออกข้อสอบ จะแหวกแนวกว่าที่เคยมีมา
    คือ คำสั่งในหัวข้อสอบว่า
    "จงออกข้อสอบเอง พร้อมเฉลย "

    อาจารย์วรภัทร์ ให้เกตุผลในการทำเช่นนี้เนื่องด้วย
    คนส่วนใหญ่ยังยึดติดอยู่กับรูปแบบเดิมๆ ที่คอยหวังพึ่งพิง
    ระบบเดิมๆที่ป้อนความรู้มาให้เบ็ดเสร็จ ทำให้การพัฒนาตนเองไม่ก้าวหน้า
    ระบบสอบแบบปรนัย ที่มีตัวเลือกมาให้ ทำให้คิดอยู่ในกรอบที่มีอยู่

    เหมือนแม่อีแร้งที่ป้อนอาหารให้ลูกอีแร้ง

    แต่หากคนสามารถคิดเองโดยสร้างแนวคิดและความรู้เป็นของตนเอง
    จะทำให้เข้าใจความรู้นั้นได้กว้างขึ้นและ
    สามารถพัฒนาตนเองให้ก้าวหน้าได้

    เมื่อตอนที่อาจารย์ท่านนี้บรรยายธรรม เขามักจะพูดคำไม่สภภาพ
    จนผู้สนับสนุนด้านสถานที่ไม่เห็นด้วยกับคำพูดของเขา และเตือนว่า
    หากพูดเช่นนี้อีกจะไม่ให้การสนับสนุน

    สิ่งที่อาจารย์วรภัทร์ตอบกลับไปพร้อมกับอารมณ์ขัน

    "กูไม่ง้อมึงก็ได้ กูหาของกูเองได้ !! "

    อาจารย์ให้เหตุผลว่า หากคนเรายังยึดติดอยู่กับสิ่งสมมุติต่างๆ
    เหล่านี้ และหวั่นไหวไปกับมันก็ยากจะเขาถึงแก่นแท้ของธรรมได้

    และวิธีทางที่อาจารย์สอนนี้ แทนที่จะถูกต่อต้านจากผู้ฟัง
    กลับเพิ่มความสนใจแก่ผู้ฟังเป็นวงกว้างขึ้นเรื่อยๆ

    นี่คือผู้ที่ใช้การสร้างสรรค์โดยไม่ยึดติดกรอบเดิมๆ

    [​IMG] ดร. วรภัทร์ ภู่เจริญ
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 11 มิถุนายน 2008
  13. รักไร้พ่าย

    รักไร้พ่าย เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 สิงหาคม 2007
    โพสต์:
    886
    ค่าพลัง:
    +2,861
    เมื่อเข้าใจเรื่อง ความคิดสร้างสรรค์ แรงบันดาลใจ
    และจินตนากรแล้ว

    บางคนอาจตั้งคำถามว่า หากปราถนาจะให้ความคิดสร้างสรรค์
    แรงบันดาลใจเกิดขึ้นกับเราอย่างสม่ำเสมอ จนเป็นปรกตินิสัยได้หรือไม่

    เพราะบางคนอาจมีแรงบันดาลใจมาเป็นช่วงๆ ซึ่งไม่
    อาจควบคุมหรือบังคับให้เกิดได้

    คำถามนี้ ถูกต้องที่สุด !

    เพราะแรงบันดาลใจ และควาคิดสร้างสรรค์ต่างๆที่เกิดขึ้นกับคนได้นั้น
    ต้องแปรผันไปตามอารมณ์รู้สึกแห่งความรัก ความสนุกสนาน
    และอารมณ์ที่ผ่อนคลาย

    เพราะความรู้สึกอารมณ์ที่ว่านี้เป็นอาหารของมัน มันเติบโตได้ด้วย
    อารมณ์แห่งความรักเท่านั้น

    แม้แต่บุคคลที่ขึ้นชื่อว่าเป็นอัจฉริยะที่สามารถคิดค้น
    ประดิษฐ์ผลงานอันน่าทึ่งนั้น

    จริงๆแล้วเขาไม่สามารถที่จะเป็นอัจฉริยะได้ตลอดเวลา
    เมื่อช่วงขณะใดที่เขาเกิดความรู้สึกหดหู่ โกรธเคือง หงุดหงิด
    แม้เขาจะเก่งกาจเพียงใดก็ยากที่จะคิดสร้างสรรค์ผลงานที่ดีได้

    เปรียบเหมือนเราเขียนหนังสืออย่างหวัดๆ กับเขียนหนังสือด้วย
    ความบรรจง ลายมือที่ออกมาจากการเขียนนั้นย่อมต่างกัน

    เพราะการเขียนด้วยความบรรจง ผู้เขียนจะเขียนด้วยอารมณ์ละเอียดอ่อน
    และมีความพิถีพิถันในการเขียน

    เพราะฉะนั้นหากเกิดความรู้สึกแห่งความรักเพื่อเป็นปัจจัยให้เกิด
    แรงบันดาลใจ ความคิดสร้างสรรค์ได้นั้น
    เราจำเป็นต้องรู้จัก

    "มองโลกในแง่ดี"

    [​IMG]

    การมองโลกในแง่ดีเป็นการสร้างความคุ้นเคยทางอารมณ์ รู้สึกแห่งความรัก

    คนที่มองอะไรในแง่ร้ายจะไม่สามารถสร้างสรรค์ผลงานที่ดีได้เลย
    เพราะผลงานที่ออกมาเป็นเพียงภาพสะท้อนของอารมณ์ของผู้สร้างสรรค์นั้น

    ผู้จะเข้าถึงการสร้างสรรค์ที่ดีได้นั้น ต้องเข้าถึงพลังแห่งความรัก
    ของจิตวิญญาณของผู้นั้น

    และการมองโลกในแง่ดี หรือมองคนในแง่ดี เป็นการเปลี่ยนแนวคิด
    จากสิ่งที่เราสัมผัสจากโลกภายนอก

    เราสามารถเปลี่ยนความคิดของเราได้เสมอตลอดเวลา
    ขึ้นอยู่กับการจดจ่อเอาใจใส่ต่ออารมณ์ของเรามากน้อยเพียงใด

    เพราะทุกคนมีอำนาจอยู่ในตัวเอง
    และอำนาจที่แท้จริงที่วิเศษสุดของชีวิตคนก็คือ อำนาจแห่งการเลือกจะ
    รับหรือไม่รับอารมณ์ใดจากสิ่งเร้าภายนอก
    ให้เข้าสู่ความนึกคิดของเราก็ได้

    หรือเรียกว่า

    "เจตจำนงค์เสรี" Free will


    คือการที่คนเรามีสิทธิที่จะคิด พูด หรือ ทำอะไรก็ได้
    อย่างอิสระโดยไม่มีใครบังคับได่

    เพราะฉะนั้นไม่ว่าสิ่งที่เราพบเห็นจะดูไม่ดี หรืออาจทำให้เรารู้สึกแย่ได้
    แต่หากเรามีทักษะในการมองโลกในแง่ดี

    เราจะเปลี่ยนความรู้สึกได้ และเปลี่ยนความคิดให้เป็น
    ไปในทางที่ดีต่อเราได้ และเราก็จะเปลี่ยนชีวิตเราได้

    เพราะชะตาชีวิตเรานั้นถูกกำหนดด้วยความเชื่อของเราเอง
    ความเชือเกิดจาก ความรู้สึก นึกคิด อารมณ์ทีรับมาจากโลกภายนอก

    จงสร้างความคุ้นเคยกับ จิตวิญญาณของเราด้วยการ มองโลกในแง่ดี

    [​IMG]

    ครั้งหนึ่งตอนที่ฝูงชนมามุงดู หมาเน่าที่นอนตายอยู่ มีกลิ่นเหม็นเน่าฟุ้งกระจายไปทั่ว
    ทุกคนในที่นั้นต่างบ่นกันไปถึงเรื่องนี้ แต่พระเยซูอยู่ในที่นั้นด้วย กลับบอกว่า

    [​IMG]

    ดูฟันของเจ้าหมาที่ตายนี้สิ มันสวยงามมาก ขนาดไม่ได้ขัด
    ยังเงางามขนาดนี้

    "โสเครติส" นักปราชญ์ชาวกรีก มักถูกภรรยาของเขาซึ่ง
    เป็นคนขี้บ่น ดุด่าว่ากล่าวเขาอยู่เสมอ แต่เขาวางเฉยกับเสียงบ่นนั้นได้ทุกครั้ง
    และครั้งเมื่อภรรยาของเธอ เห็นโสรเครติส นั่งฟังเธอบ่นโดยไม่สะทกสะท้าน
    เธอจึงโกรธแล้วได้หยิบแก้วที่มีน้ำอยู่ สาดใส่หน้าเขา

    จากนั้นโสเครติสจึงพูดขึ้นว่า


    "แปลกจัง ! เมื่อก่อนมีแต่เสียงฟ้าร้อง แต่วันนี้ฟ้าร้องแล้วมีฝนตกด้วย"

    [​IMG]

    ผู้ประสบความสำเร็จในชีวิต หรือผู้ใช้ชีวิตอย่างชาญฉลาด
    มักมองโลกในแง่ดีเสมอท่ามกลางโลกรอบตัวที่คนที่ยังไม่เข้าใจโลกดีพอ
    มักมองว่าเลวร้าย

    เพราะเมื่อเรามองคนอื่น หรือเหตุการณ์ใดๆที่เรารับรู้ สัมผัสเห็น
    จริงๆแล้วเรากำลังมองตัวเอง ภาพที่เห็นนั้นเกิดขึ้นที่ในใจเราเอง

    หากเราตัดสินว่าสิ่งที่เห็นนั้นว่าผิดหรือเลวร้าย ชีวิตเราก็แย่และเลวร้าย
    ไปด้วย

    เพราะฉะนั้นจงเลือกสร้างสิ่งที่ดีให้ตัวเองด้วยการมอง
    โลกในแง่ดีกันเถอะ
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 13 มิถุนายน 2008
  14. รักไร้พ่าย

    รักไร้พ่าย เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 สิงหาคม 2007
    โพสต์:
    886
    ค่าพลัง:
    +2,861
    มีหลายคนเคยตั้งคำถามว่า

    เราเกิดมาทำไม ?

    ทำไมจึงต้องมีทุกข์ ?

    ทำไมต้องผิดหวังกับชีวิต ?

    ที่นี่มีคำตอบ !

    จักรวาลมีระบบแบบแผนที่แน่นอน นั่นคือ

    "ความไม่แน่นอน"


    ทุกสิ่งล้วนเคลื่อนที่แปรเปลี่ยนไป เพื่อให้กระบวนการ
    เติบโต และ เรียนรู้จักตัวเองได้ดำเนินไปได้

    การที่คนเราเกิดมานี้ เพื่อรู้จักตัวเอง ผ่านประสบการณ์การเรียนรู้
    ในโลกนี้ ซึ่งเป็นห้องเรียนอย่างดีที่สุด
    เพราะโลกนี้มีสภาวะความเป็นคู่ เช่น

    มีทุกข์- สุข
    ร้อน -หนาว
    รวย- จน
    สูง-ต่ำ

    เพื่อให้มนุษย์เราใช้ในการเปรียบเทียบอ้างอิง
    ในการที่จะเรียนรู้จากโลกรอบตัว
    และกลับมาเรียนรู้โลกภายในตัวเอง


    หากโลกนี้มีแต่ สีแดง เราจะไม่รู้ว่าสิ่งนั้นคือสีแดง หากมีสีอื่นที่ไม่ใช่
    สีแดงเกิดขึ้น เราจะรู้จักสีแดง เพราะมีสีอื่นไว้อ้างอิงเปรียบเทียบ

    หากโกลนี้มีแต่ความสุข เราจะไม่รู้คุณค่าของความสุข
    จึงต้องมีทุกข์ไว้เปรียบเทียบ
    เพื่อเราจะได้รู้จักความสุข และเห็นคุณค่าของความสุขได้

    เช่น เมื่อปรกติ เราอยู่บ้านเปิดไฟนีออนในบ้าน เรารรู้สึกเป็นปรกติ
    และไม่ได้เห็นคุณค่าของไฟนีออน ที่เอื้อประโยชน์แก่เรามากมาย
    ทำให้เราได้เห็นสิ่งต่างๆภายในบ้าน
    ทำให้เราปลอดดภัยจาการเดินชนข้าวของต่างๆ
    ทำให้เราได้ค้นหาอะไรได้เจอ

    แต่เมื่อวันหนึ่งเกิดไฟดับ เรารู้สึกไม่คุ้นเคยกับสภาวะที่
    ต้องอยู่อย่างมืดมิด
    ทำอะไรย่อมไม่สะดวกเหมือนตอนมีไฟนีออน

    ตอนนี้เราเริ่มทุกข์ใจกับสภวาวะใหม่นี้
    เราได้ตะหนักถึงคุณค่าของไฟนีออนขึ้นมา ตอนนี้เราสามารถ
    เปรียบเทียบะรหว่างความสุขที่เกิดจากการอยู่อย่างมีไฟ กับไม่มีไฟได้
    เพราะทุกข์ที่เกิดจากการไม่มีไฟใช้ ทำให้เราเห็นคุณค่าของการมีไฟใช้

    แต่เมื่อไฟมาแล้ว เรารู้สึกยินดี ปิติเป็นอย่างมาก
    ทั้งๆที่ ภาวะปรกติเราไม่เคยรู้สึกยินดีแบบนี้มาก่อน

    แสดงให้เห็นว่า การที่เราเป็นทุกข์
    ทำให้เราได้เห็นคุณค่าของความสุข

    และการเลือกเดินทางวิถีแห่งอัตตา
    ทำให้เราเห็นคุณค่าของจิตวิญญาณ

    หากเราอยากรู้จักความร่ำรวย
    ต้องผ่านประสบการณ์ที่ตรงข้ามก่อน คือความไม่รวยก่อน

    เช่น ตอนเป็นเด็กหากเราเกิดในครอบครัวที่มีอันจะกิน
    พ่อแม่เราให้เงินเราใช้ ไม่ต้องทำงานหาเงินเอง
    เราจะไม่รู้จักคุณค่าของเงิน เราจะใช้เงินอย่างสุรุ่ยสุ่ร่าย
    เพราะเราไม่เคยมีประสบการณ์ด้านการขัดสนเงินทอง

    ต่างจากเราเกิดในครอบครัวยากจน ขัดสนเงินทอง
    เขาจึงตระหนักถึงค่าของเงินทอง และใช้เงินอย่าคุ้มค่าที่สุด

    ด้งนั้นโลกนี้จึงเป็นสถานที่เรียนรู้ และรู้จักตัวเองได้
    ตัวเราเองในที่นี้ คือ จิตวิญญาณอันเป็นแก่นแท้ของตัวเรา

    หากเราต้องการรู้จักแก่นแท้ของตัวเราได้ เราต้องผ่านประสบการณ์
    การเป็นที่ไม่ใช่จิตวิญญาณเสียก่อน

    นั่นคือ การเลือกมาเกิดเพื่อเรียนรู้จักตัวเองผ่านโลกภายนอกรอบตัว
    โดยใช้อัตตาของเราในการดำเนินชีวิตเพื่อการเรียนรู้

    กฎของจักรวาลคือ ความไม่แน่นอน

    และการเรียนร฿ให้เข้าใจในกฏแห่งความไม่แน่นอนี้
    เราต้องเข้าใจในด้านตรงข้ามก่อน คือความเชื่อว่าทุกอย่างแน่นอน
    โดยผ่านการเรียนรู้จากด้านตรงข้ามกับความจริง นั่นคือ โลกมายา
    โดยมีเครื่องมือ คือ อัตตา หรือความยึดมั่นใน
    ความเป็นตัวตนที่มองโลกจากภายนอก

    อัตตาจะมองทุกอย่างผิดเพี้ยนไปจากความจริงของสัจธรรม
    โดยหลงไปยึดติดกับภาพมายาจากโลกภายนอก
    และหลงเชื่อว่าทุกอย่างสามารถควบคุมให้เกิดความแน่นอนได้

    เมื่อความเชื่อว่าทุกอย่างแน่นอน ขัดแย้งกับกฏของจักรวาลคือ
    ความไม่แน่นอน
    ผลก็คือความทุกข์ยาก ความขัดสน ความยากจน ความโดดเดี่ยว
    โรคภัยไข้เจ็บ ความกลัว

    เมื่อถึงจุดหนึ่งของการเรียนรู้ด้านที่ไม่ใช่ตัวเราที่แท้แล้ว
    จะเกิดจุดพลิกผันให้เรากลับเข้ามาเรียนรู้โลกภายในของเรา
    นั่นคือทางเดินทางเข้าสู่จิตวิญญาณภายในอันเป็นแก่นแท้ของเรา

    เมื่อคนที่เกิดความทุกข์มากมายสั่งสมมาอย่างต่อเนื่อง
    หรือผิดหวังกับชีวิตในด้านต่างๆ
    เช่น ผิดหวังเพราะครอบครัว
    ทุกข์เพราะรัก
    หรือเจ็บปวดเรื่องการงาร การเงิน เพื่อนพ้อง

    เมื่อความทุกข์รุมเร้าจนถึงที่สุดแล้ว เขาจึงพลิกผันเขาสู่ทางแห่งสัจธรรม
    เพื่อค้นหาเส้นทางชีวิตทางใหม่จากภายในจิตใจ

    มีคำกล่าวว่า

    "นักบุญ กับคนบาป แค่ผลัดเปลี่ยนกันเป็น"

    คนที่เเป็นนักคนใจบุญนั้น เคยเป็นคนที่ทำผิด และทุกข์ใจมาก่อน
    และเกิดสำนึกในการเดอินทางผิด ด้วยการเดินทางที่ถูกต้อง

    ส่วนคนบาปนั้นกำลังเดินทางสู่การเป็นนักบุญ

    และต้องขอขอบคุณความไม่แน่นอนของจักรวาลที่ทำให้ทุกสิ่ง
    ได้ม๊โอกาสเปลี่ยนแปลงเพื่อการเรียนรู้ของเรา

    หากคนเรามีแต่ความสุข เราจะประมาทในชีวิตและการเรียนรู้จักชีวิต
    ผ่านประสบการณ์ทางโลกจะไม่ก้าวหน้า

    เช่นคนที่ร่ำรวยมากๆ มักประมาทกับชีวิต และจะหลงไปกับอำนาจเงินตรา
    อำนาจจากโลกวัตถุที่คิดว่าจะสามารถบันดาลทุกอย่างให้
    จึงยึดติดกับอำนาจภายนอกนั้น
    และกลายเป็นนิสัยของอัตตาไป
    จนลืมพลังแห่งความรักจากจิตวิญญาณอันเป็น
    ต้นเหตุที่บันดาลความร่ำรวยมาให้นั้น

    และหากคนเรามีแต่ทุกข์ ทำให้ชีวิตต้องระทมจมอยู่กับความจำเจ
    และหมดหวังกับชีวิต ทำให้โลกนี้ไร้ความหมาย ไร้สีสันไป

    เพราะการเปลี่ยนแปลงไม่คงที่นี้เอง ทำให้ทุกสิ่งกลับไปกลับมาได้
    โทษแห่งความสุขทำให้เราประมาท

    และประโยชน์ของความทุกข์ทำให้เราได้รู้จักคุณค่าของความสุข
    ผ่านการดำเนินชีวิตสอดคล้องกับสัจธรรม

    นี่คือโลกแห่งโอกาสในการเรียนรู้จักตนเองอย่างแท้จริง

    เหมือนสัญลักษณ์ "หยิน หยาง" ของจีน
    บ่งบอกถึงถึงสิ่งที่ตรงข้ามกัน ต่างเกื้อกูลส่งเสริมกันได้

    [​IMG]

    เมื่อเราได้เรียนรู้โลกภายนอกผ่านอัตตามามากพอแล้ว
    โดยมีความทุกข์เป็นเครื่องเปลี่ยนทางเดินชีวิต
    หากเราเรียนรู้จักตัวตนแก่นแท้ของเราโดยการเลือกเปลี่ยนวิถีชีวิตใหม่
    เรามีสิทธิ์เต็มที่ที่จะเลือกเดินทางใดก็ได้

    เมื่อเราปารถนาอยากจะเรียนรู้โลกภายในจากตัวตนแก่นแท้ของเรา
    โดยเราจะสำแดงอำนาจทีตรงข้ามกับที่เราเคยแสดงออกมาผ่านอัตตา
    หรือกิเลสที่นำมาซึ่งความผิดหวัง และทุกข์ต่างๆนานา

    เพราะการเปรียบเทียบอ้างอิงนี้เองทำให้เราสามารถรียนรู้และ
    ตัดสินใจเลือกเดินทางใหม่ได้

    นั่นคือทางสู่ภายในแก่นแท้ตัวตนของเรา
    และใช้อำนาจแห่ง "ความรัก"
    ซึ่งเป็นพลังแห่งแก่นแท้ของจิตวิญญาณ
    แสดงออกสู่โลกภายนอกผ่าน ความคิดสร้างสรรค์
    เพื่อสร้างความเป็นหนึ่งเดียวกับทุกสรรพสิ่ง

    เพราะทุกสิ่งล้วนเป็นหนึ่งเดี่ยวในสายตาของจักรวาล

    โดยที่จิตวิญญาณของแต่ละคนได้เลือกมาเกิดในแต่ละชาตินี้เพื่อรู้จัก
    ตนเองผ่านการเลือกที่จะมีประสบการณ์ในแต่ละด้านต่างกันไป
    บางคนอยากเป็นศิลปิน อยากเป็นครู อยากเป็นนักธุรกิจ

    แต่ไม่ว่าทางเลือกจะต่างกันไปปานใด แต่ผลที่ออมา หรือภาพสะท้อนของ
    เงาของแก่นแท้ที่เกิดจากการสร้างสรรค์ย่อมเหมือนกันคือ

    ความสุข ความเป็นหนึ่งดียว ความมั่งคั่ง สมบูรณ์ ควาเป็นที่ยอมรับ
    ความสมปราถนา ความพึงพอใจ การปล่อยวางโดยการเข้าใจ


    นี่คือเหตุผลว่าทำไมคนเราจึงต้องมีทุกข์และสุข
    เพราะความเป็นคู่ตรงข้ามนี่เอง จึงเอื้ออำนวยให้เราสามารถรู้จัก
    ตัวตนแก่นแท้ของเราได้

    ฉะนั้นเมื่อเราเรียนรู้บทเรียนจากโลกภายนอกจนเบื่อหน่ายแล้ว
    เพราะความทุกข์ต่างๆ ความผิดหวังมากมายที่เป็นสะท้อน
    จากการเรียนรู้วิถีนี้

    หากเราคิดอยากจะเปลี่ยนมาเรียนรู้จักตนเองจากโลกภายในแล้ว
    จงเดินเข้ามาสู่โลกแห่งจิตวิญญาณได้ทุกเมื่อ
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 13 มิถุนายน 2008
  15. narin1960

    narin1960 Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 เมษายน 2008
    โพสต์:
    50
    ค่าพลัง:
    +40
    เราเกิดมาทำไม ?


    ทำไมจึงต้องมีทุกข์ ?


    ทำไมต้องผิดหวังกับชีวิต ?

    เรื่องราวเหล่านี้ผมได้อ่านในหนังสือเรื่อง "เสียดายคนตายไม่ได้อ่าน" โดย 'ดังตฤน'(ไม่แน่ใจว่าเขียนถูกหรือเปล่านะครับ) ลองหามาอ่านดูกันแล้วจะเข้าใจหลักคำสอนของพระพุทธเจ้าดียิ่งขึ้น(ไม่ได้เชียร์หนังสือเขานะครับ)​
     
  16. mandark

    mandark Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    9 ตุลาคม 2007
    โพสต์:
    65
    ค่าพลัง:
    +100
    ไม่อัพแล้วเหรอครับรออ่านอยุ่
     
  17. toetoutee

    toetoutee สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 กันยายน 2009
    โพสต์:
    13
    ค่าพลัง:
    +13
    เพิ่งจะได้อ่าน ขอบคุณมากมาก
     
  18. โอมธนกฤต

    โอมธนกฤต เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 กันยายน 2009
    โพสต์:
    606
    ค่าพลัง:
    +3,984
    คนเกิดที่ 27 จะเป็นอย่างไรบ้าง
     
  19. tenis

    tenis เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 กุมภาพันธ์ 2007
    โพสต์:
    343
    ค่าพลัง:
    +1,228
    เกือบจะโดน
    แต่ยังไม่โดนคะ

    เข้ามาอ่านและอัพกระทู้ให้
    ข้อดีคือ จทกท ได้เน้น ชี้ ประเด็น ในการเข้าถึงจิตวิญญาณ ความรู้สึก
    เพื่อปลดปล่อยตัวตน นำสู่อิสระทางการเงิน

    ประเด็นที่ยังไม่หนักแน่นคือ
    การเข้าถึงจิตวิญญาณ การสื่อสารภายใน

    เอาง่าย ๆ ว่า ในขณะจิตที่ทุกข์อยู่
    ลำพังยกจิตให้ไม่ทุกข์ ยังลำบากเลย

    จิตที่ยึดติดกับอัตตาและความกลัว ทำให้ยากต่อการรับสารภายใน
    ไม่แน่ใจว่าส่งที่คิดนั้นจะ เป็นไปได้มากน้อยแค่ไหน เพราะการลงทุนมีปัจจัยเสี่ยง
    การลดปัจจัยเสี่ยง คือการรู้ให้มากที่สุด

    รู้ ตรงนี้ รู้ทั้งภายในภายนอก ซึ่งแน่นอนว่าคนที่ยังไม่รู้
    ก็เหมือนมองหาแมวดำในห้องมืด

    ได้แต่ฟังเสียง
    กลัวแต่ว่า คนหาแมวจะหูไม่ค่อยดี

    เลยมาคอมเม้นท์วิธีการช่วยให้หูดี จะได้ยินเสียงเรียกจากหัวใจ
    และหาแมวดำเจอคะ
     
  20. โอมศิวะ

    โอมศิวะ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    15 มิถุนายน 2008
    โพสต์:
    113
    ค่าพลัง:
    +133
    คนที่เกิดวันที่ 29 ทุกคนจึงต้องขัดแย้งในตนเอง
    นำมาซึ่งความทุกข์ใจ และผิดหวังกับชีวิตมากมาย


    มีส่วนค่ะ..แต่ช่วยขยายความให้อีกได้ไหมคะ..ตอนนี้สุขกายแต่ไม่สบายใจ
     

แชร์หน้านี้

Loading...