"รักไร้พ่าย" เปิดใจฟ้า

ในห้อง 'วิทยาศาสตร์ทางจิต - ลึกลับ' ตั้งกระทู้โดย รักไร้พ่าย, 30 พฤษภาคม 2008.

  1. รักไร้พ่าย

    รักไร้พ่าย เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 สิงหาคม 2007
    โพสต์:
    886
    ค่าพลัง:
    +2,861
    เมื่อคุณเริ่มรู้ตัวแล้วว่า การมองหาความสำเร็จ
    ความสุขจากภายนอกนั้น
    ไม่ได้ให้ผลที่น่าพอใจเลย
    แต่ยิ่งกลับเพิ่มภาระ ความกดดัน
    ให้แก่เรามากมาย ยิ่งมีมากก็ยิ่งทุกข์กังวลมาก
    และทำให้ชีวิตของเราหาความหมาย
    คุณค่าและจุดหมายของชีวิตที่แท้ไม่เจอ
    ได้แต่ตั้งคำถามว่า

    เกิดมาทำไม?


    อยู่เพื่ออะไร?


    มีเงินทอง ทรัพย์สินไปทำไมสุดท้าย
    ก็ตายเอาไปไม่ได้?

    นี่เป็นคำถามของคนที่หลงทางชีวิต

    เรามาเดินทางเข้าหาความสุขจากภายในกันดีกว่า
    แล้วคำถามเหล่านี้จะได้รับความกระจ่าง

    วิธีที่จะเข้าถึงจิตวิญญาณของตัวเอง คือการฟังความรู้สึก
    ของเราจากภายในฟังหากฟังด้วยหู รับรองไม่ไดยินแน่
    ต้องฟังด้วยความรู้สึก

    จิตวิญญาณติดต่อกับเราผ่านความรู้สึกเท่านั้น ที่เราเรียกว่า

    แรงบันดาลใจ !!!

    หรือ Inspire
    คำว่า Inspire มาจากคำว่า In Spirit หมายถึง
    ภายในจิตวิญญาณ

    [​IMG]
    แรงบันดาลใจ หรือ แรงดลใจนี้เท่านั้นที่เป็นพลังขับเคลื่อน
    ที่จแะนำพาเราไปพบความหมายของชีวิตที่แท้จริง
    และเป็นแรงผลักดันที่ยิ่งใหญ่ให้เราได้รับความสุขต่างๆกับชีวิต
    ทั้งความร่ำรวย ความสร้างสรรค์ รักแท้ชื่อเสียง และคุณค่าของชีวิต

    หากเราใช้ชีวิตด้วยแรงบันดาลใจ เราจะค้นพบความหมายของชีวิต
    และมีชีวิตชีวา เต็มไปด้วยสีสัน ไม่ได้แห้งแล้วซังกะตายอีกต่อไป

    กลไกของชีวิตมีส่วนสำคัญ 2 อย่างคือ
    ความรู้สึก และความคิด
    หาความรู้สึกเราเป็นอย่างไร ความคิดเราก็เป้นอย่างนั้น

    แรงบันดาลใจเป็นความรู้สึกจากจิตวิญญาณ
    เมื่อเรายอมรับมันเข้ามาในชีวิต
    ขอให้คล้อยตามมันไป มันจะสร้าง
    ความคิดให้เราชนิดหนึ่งเรียกว่า

    ความคิดสร้างสรรค์ !!
    หรือ Creative

    ความคิดสร้างสรรค์อันเป็นดั่งพรจากพระเจ้า หรือที่เขาเรียกกันว่า
    มีพรสวรรค์นั่นเอง กฎแห่งจักรวาลมอบความคิดสร้างสรรค์ให้มนุษย์ เพื่อ

    1 สร้างตัวเอง คือการสร้างฐานะตัวเองให้ร่ำรวย
    2 สร้างสังตม คือสร้างความรักในสังคม
    3 สร้างความเป็นหนึ่งเดียวแก่โลกนี้

    [​IMG]

    เพื่อละครแห่งจักรวลาจะดำเนินต่อไปได้

    หากคุณลองดูบุคคลที่ประสบความสำเร็จในชีวิตในด้านค่างๆ
    เช่น นักเชียน ดารา นักแสดง นักกีฬา นีกประดิษฐ์

    พวกเขาเหล่านี้ล้วนใช้
    แรงบันดาลใจและความคิดสร้างสรรค์สร้างตัวเอง
    สร้างฐานะตัวเองขึ้นมาทั้งสิ้น

    แม้พวกเขามาจากครอบครัวยากจน
    แต่ด้วยการเข้ามาจิตวิญญาณจากภายในโดย
    การฟังแรงบันดาลใจและเชื่อมั่นในความคิดสร้างสรรค์แล้ว
    ผลที่ตามมาคือ พวกเขาร่ำรวย มีชื่อเสียง
    ระดับความสำเร็จ แปรผันไปตามระดับความ
    เชื่อมั่นในแรงบันดาลใจและความคิดสร้างสรรค์ทั้งสิ้น
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 6 มิถุนายน 2008
  2. รักไร้พ่าย

    รักไร้พ่าย เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 สิงหาคม 2007
    โพสต์:
    886
    ค่าพลัง:
    +2,861
    เมื่อใดที่เราค้นพบแรงบันดาลใจในตนเอง
    เราเปลี่ยนชีวิตได้อย่างแน่นอน

    ขอยกตัวอย่างของผู้ที่เปลี่ยนชีวิตตนเอง
    เมื่อเดินไปตามแรงบันดาลใจ

    นั่นคือ เจ เค โรลลิ่ง ผู้ประพันธ์ Harry Potter
    เธอมีชื่อจริงว่า โจแอน แคธลีน โรลลิ่ง เป้นชาวอักฤษ
    ตอนเด็กชอบอ่านหนังสือนิทาน
    การผจญภัย

    [​IMG]

    เมื่อโตขึ้นเธอได้โปตุเกส และพบรัก และแต่งงาน
    ต่อมาเธอหย่าร้าง เพราะถูกสามีชอบทุบตี จนเธอทนไม่ได้

    เธอก็ตั้งท้อง และเกิดลูกสาว 1 คน

    แต่เธอได้พบแรงบันดาลใจในตนเอง เธอได้เห็นภาพกรผจญภัยต่างๆ
    ออกมาจากความคิดของเธอ ซึ่งเป็นภาพที่ชัดมาก
    เธอเริ่มเดินตามแรงบันดาลใจด้วยการเขียนนิยาย ชื่อ Harry Potter
    ซึ่งชื่อนี้มาได้รับอิทธิพลมาจากเพื่อนบ้าน ชื่อ เอียน พอตเตอร์


    แต่เธอต้องมีชีวิตที่ลำบาก ไม่มีเงิน ไมมีรายได้
    แต่ก็ยังเดินตามแรงบันดาลใจต่อไป

    เธอต้องนั่งเขียนนิยายในร้านกาแฟ เหตุผลเพราะที่ร้านนั้น
    สามารถนั่งได้นาน เพราะมีเตาผิงไฟช่วยบรรเทาความหนาว

    หากเธออยู่ที่บ้านต้องเสียค่าไฟในการใช้เตาผิง

    เธอจึงเขียน Harry Potter ที่ร้านกาแฟนั้น ขณะเดียวกัน
    เธอก็เลี้ยงลูกสาวไปด้วย
    มือข้างหนึ่งจับปากกา มืออีกข้างไกวเปล

    เธอไม่มีรายได้จุนเจือตนเองและลูก จึงได้ไปเข้าแถว
    ขอเงินประกันสังคมจากทางรัฐบาล จนคนที่เข้าแถวอยู่นั้นต่อว่าเธอ
    ว่าเธออยู่ในวัยทำงานได้ ไม่ได้พิการหรือชรา
    กลับมาขอเงินช่วยเหลือ

    เมื่อเธอเขียนจบ เธอนำไปเสนอยังสำนักพิมพ์ แต่ถูกปฏิเสธเพราะ
    เจ้าของเชื่อว่า ยุคของ หนังสือนิทานเวทมนต์หมดยุคไปแล้ว
    ยุตนี้เป็นยุเกมคอมพิวเตอร์ เด็กๆไม่สนนิยายสมัยคุณยายอีกต่อไป

    แต่เธอยังเชื่อมั่นในแรงบันดาลใจของเธอ
    เธอเชื่อว่าเด็กๆที่ได้อ่านจะชอบเรื่องนี้
    เธอได้ตระเวณไปตามที่ต่างๆเพื่อให้ได้ตีพิมพ์

    จนในที่สุดเลขาหยิงได้หยิบต้นฉบับของเธอที่ถูกทิ้งอยู่
    ในถังที่มีนิยายเรื่องต่างๆถูกนำมาเสนอ
    เลขาหยิบเอามาอ่านจึงประทับใจกับนิยาย Harry Potter
    และได้เสนอ บ.ก และด้วยความเห็นชอบจึงอนุมัติตีพิมพ์
    นิยายเรื่องนี้

    และประสบความสำเร็จอย่างล้นหลามจากเด็กๆทั่วโลก
    และได้รับรางวัลมากมาย

    จน เจ เค โรลลิ่ง เป็นหนึ่งในสตรีที่รวยที่สุดในโลก

    เธอไม่ได้จบด้านการเป็นนักเขียน เธอไม่ได้เป็นอัจฉริยะแต่กำเนิด
    แต่เธอแค่เชื่อในแรงบันดาลใจเท่านั้น

    อย่างที่บอก แรงบันดาลใจเป็นพลังจิตวิญญาณ มอบให้มนุษย์
    สร้างตัว เปลี่ยนวิถีชีวิตให้ดีขึ้น ให้ร่ำรวยสุขสบายขึ้น

    และสร้างสังคมให้เป็นหนึ่งเดียว สังคมของคนอ่าน
    Harry Potter กระจายไปทั่วโลก

    [​IMG] เจ. เค. โรลลิ่ง
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 4 มิถุนายน 2008
  3. narin1960

    narin1960 Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 เมษายน 2008
    โพสต์:
    50
    ค่าพลัง:
    +40
    คุณเคยทำนายให้ผม แต่หลังจากอ่านบทความที่คุณเขียน2หน้านี้แล้วมันทำให้ผมเริ่มมองเห็นภาพได้ลางๆ (ผมไม่ค่อยฉลาดเท่าไร) สิ่งทีคุณทำนายให้ผมมันมีโอกาสเป็นจริงตามความฝันของผมหากผมรู้จักตัวตนที่แท้จริงของผมได้ คุณน่าจะรวบรวมบทความที่คุณเขียนนี้เป็นอันเดียวกันและเขียนให้จบเพื่อเป็นวิทยาทานนะครับ ตอนนี้สิ่งที่ผมกลัวคือการถูกเจ้าหนี้ตามทวงเงินมันมองไม่เห็นทางที่แก้ไขเมื่อก่อนไม่สามารถนอนหลับได้จนถึงเช้าเพราะสมองคิดวนแต่เรื่องนี้หลังจากเริ่มศึกษาจากผู้ที่รู้เรื่องการทำกรรมฐานและสนทนากันบ่อยๆทำให้เริ่มแยกความคิดและหยุดมันได้ ตอนนี้อยากอ่านบทความของคุณให้จบจะได้รู้มากขึ้น
    ขอบคุณมากครับที่ให้ความสว่าง
     
  4. รักไร้พ่าย

    รักไร้พ่าย เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 สิงหาคม 2007
    โพสต์:
    886
    ค่าพลัง:
    +2,861
    จิตวิญญาณมีที่ตั้งสถิตย์อยู่ในกลางหน้าผากเข้าไปข้างในตรงต่อมไร้ท่อ
    ชื่อ พิทูอิตารี่

    เราอาจเคยเห็นคนแขก เอาจุดสีแดงมาทาตรงกลางหน้าผาก
    หรือจุด "อุณาโลม" เพื่อเป็นเครื่องหมายแสดงที่อยู่ของจิตวิญญาณ

    การเข้าถึงแรงบันดาลใจและความคิดสร้างสรรค์ คือการยกระดับ
    จิตของเราให้เป็นหนึ่งเดียวกับจิตวิญญาณ และเป็นหนึ่งเดียวกับจักรวาล
    เพราะจักรวาลหรือธรรมชาติมอบแต่ความรักและความสุข ความบริบูรณ์
    พรั่งพร้อมให้แก่เราเสมอ ไม่มีอะไรนอกจากนี้เลย

    ในมิติแห่งจักรวาล ธรรมชาติ หรือ จิตวิญญาณนั้นเป็นการไหล
    เวียนที่เป็นระบบมีการให้และรับส่งทางพลังงาน เพื่อสร้าง
    "ความสมดุล" อันเป็นกฏหลักของจักรวาลความสมดุลมีไว้
    เพื่อให้ทุกสรรพสิ่งดำรงอยู่ได้

    [​IMG]
    และระบบจักรวาลเป็นระบบไหลผ่าน หรืเปลี่ยนแปลงเสมอ
    ภายใต้การเกิดขึ้น ตั้งอยู่ และ สิ้นสุด
    เพื่อให้ระบบต่างๆเข้าสู่ภาวะสมดุล

    และระบบจักรวาลเป็นมิติที่ไร้กาลเวลา หรือเวลามีค่าเท่ากับ 1 คงที่เสมอ
    หรือเวลาเป็นปัจจุบันเสมอ ไม่มีอดีต และอนาคต

    เราจะสังเกตุได้ว่าเมื่อเราได้ทำอะไรก็ตามด้วยความรักที่จะทำ
    เราจะสนุกเพลิดเพลิน และเปี่ยมสุข จนสังเกตุว่าเวลาได้ผ่านไปอย่างรวดเร็ว
    นั่นเพราะเรากำลังเคลื่อนจิตตัวเองเขาสู่มิติแห่งจิตวิญญาณ และจักรวาล
    เราจึงรู้สึกอยู่แต่ให้ห้วงปัจจุบัน

    แต่เมื่อเรากำลังรอใครสักคนตามที่นัดเจอกัน เมื่อคนนั้นยังไม่
    มาตามเวลานัด เราจะอึดอัด รำคาญใจ และคิดว่าเวลาเดินช้า
    เพราะเราได้อยู่ในห้วงความคิดของอัตตา ที่คาดหวังด้วยความอยาก
    และไม่อยาก

    อดีต และอนาคต มีแต่ในห้วงความคิดของผู้ยังใช้อัตตาดำเนินชีวิต
    เป็นความคิดที่ตีกรอบทุกสิ่งแบบแยกส่วน คือ แยกเรา กับสิ่งอื่น
    ออกจากกัน

    คนที่ฝังใจอยู่กับในอดีตที่เลวร้าย และมักนำมันมาบั่นทอนชีวิตปัจจุบัน
    ให้วนเวียนอยู่กับภาพฝันร้ายที่ผ่านมา ก็เหมือนกับการฆ่าตัวเองทั้งเป็น
    เพราะเรากำลังใช้บริการของอัตตา

    คนที่หวังอยู่กับอนาคตด้วยผลของความสุขโดยไม่รู้จัก
    แรงบันดาลใจในตนเอง
    มักพบความผิดหวังอยู่เนืองนิจ เพราะการหวังความสุขนั้น
    คือหวังในผลของมันด้วยความโลภ ที่จะได้มาสนองอัตตาตนเอง

    ต่างจากการหวังความสุขด้วยการกระทำด้วยความรักของจิตวิญญาณ

    แม่ชีเทเรซ่า กล่าวว่า

    "พระเจ้าไม่ได้ให้มนุษย์สร้างสิ่งที่ยิ่งใหญ่
    ได้ทุกคน
    แต่ให้มนุษย์สร้างสิ่งเล็กน้อยด้วยความ
    รักอันยิ่งใหญ่ได้ทุกคน"

    [​IMG]

    เมื่อเข้าถึงแรงบันดาลใจ หรือเสียงเรียกจากจิตวิญญาณได้
    แล้วผลที่ได้รับจะแสดงให้เราเห็นผ่านโลกมายาของเรานี้โดย
    ทำให้เราเป็นคนมั่งคั่งร่ำรวย สุขภาพดี เป็นที่รัก และยกย่องของผู้คน


    เราสามารถตรวจสอบได้ว่า เราเป็นดั่งเช่นที่กล่าวมานี้หรือไม่
    ถ้าเป็นแค่บางส่วน แต่ขาดไปอีกบางส่วน แสดงว่า เราเข้าถึงจิตวิญญาณ
    แค่บางส่วน และยังใช้อัตตาบงการชีวิตอยู่

    เช่น เราอาจร่ำรวย แต่ไม่มีมิตรแท้

    หรือ มีรักแท้ แต่ต้องใช้ชีวิตอย่างขัดสนเงินทอง

    หรือ เป็นที่รักของผู้คน และร่ำรวย แต่เป็นโรคร้าย

    หรือ มีรักแท้ สุขภาพดี แต่ต้องทำงานประจำแบบซังกะตาย

    หากเราไม่มีความสุข ไม่มีรักแท้ ยากจน ป่วยเป็นโรค ไม่มีเพื่อนแท้
    ทุกอย่างติดขัดไปหมด มีแต่เรื่องทุกข์ใจ
    นั่นแสดงว่าเราได้ปิดประตูไม่ต้อนรับจิตวิญญาณ
    เราเอง เราจึงเป็นเช่นนี้

    แรงบันดาลใจไม่ใช่เกิดได้ด้วยการนึกคิด หรือความต้องการ
    หรือโดยการสั่ง หรือบังคับของเรา

    แต่เป็นการสื่อสารจากจิตวิญญาณ ตัวตนแก่นแท้ของเรา
    ที่ต้องการบอกให้เรา
    เชื่อและเดินตามความรู้สึกนั้น เมื่อเราค้นพบแรงบันดาลใจแล้ว
    นั่นเป็นก้าวแรกสู่ประตูแห่งความสุข สมหวังในชีวิต

    เราอย่าได้ตัดสิน และวิเคราะห์ด้วยสมองซีกซ้ายซึ่งส่งการโดย
    จิตสำนึกแห่งอัตตา เพราะมันจะคอยหลอกล่อเราให้ละทิ้งแรงบันดาลใจ
    เพื่อให้เรากลับไปเป็นคน อมทุกข์ต่อไป

    ขอย้ำว่า ผู้ใดก็ตามที่มีความทุกข์ กาย ทุกข์ใจ ชีวิตตำต่ำ การงานไม่รุ่ง
    ความรักแตกแยก เพื่อนพ้องห่างหาย ขอให้รู้ไว้ว่า
    ผู้นั้นเป็นคน "หัวดื้อ"

    เพราะเขาดื้อต่อจิตวิญญาณตัวเองโดยปล่อยให้อัตตาครอบงำชีวิต
    และอัตตานี่แหละเป็นตัวการในการรบกวนการไหลเวียนของจักรวาล
    ด้วยการต่อต้านสิ่งที่ปรากฏให้เห็น ได้ยิน รู้กลิ่น ลิ้มรส สัมผัส
    และตีความหมายมันไปตามความเชื่อของอัตตา
    ที่แยกส่วนเรากับทุกสรรพสิ่งออกจากกัน
    เท่ากับว่าเราได้เลือกปฏิเสธความรัก
    ความสร้างสรรค์ ความร่ำรวย ความมีสุขภาพดีไปด้วยนั่นเอง

    เพราะสิ่งเหล่านี้ มีอยู่เฉพาะในจิตวิญญาณเท่านั้น


    แทบเป็นไปได้ยากที่จะร่ำรวยอย่างมีความสุข หากไม่เดินตามแรงบันดาลใจ
    และหากร่ำรวย ก็ยากที่จะดำรงความร่ำรวยให้ยืนยาวออกไป

    แทบจะเป็นไปได้หากที่จะพบรักแท้ หากพบแล้วก็ยากที่จะรักษาความสัมพันธ์
    ของรักนั้นให้ยั่งยืน หากเราไม่เชื่อฟังเสียงจากจิตวิญญาณ

    และเป็นการยากยิ่งที่เราจะมีความคิดที่สร้างสรรค์ แยบยล
    เพื่อจะสร้างผลงานให้เป็นที่ประทับใจแก่ผู้คน
    หากเราไม่เคารพแรงบันดาลใจ

    เพราะฉะนั้นเราต้อง เข้าใจในจิตวิญญาณของเรา
    ที่มีคุณสมบัติของความรัก
    ในทุกสิ่ง รักตัวเรา รักคนรอบข้าง เพื่อความเป็นหนึ่งเดียวอันเป็น
    กฏของจักรวาลโดยผ่านการเล่นบทบาท และหน้าที่ต่างๆ
    ทางโลกมายา ด้วยแรงบันดาลใจ และความคิดสร้างสรรค์

    บทบาท หน้าที่ต่างๆทางโลกใดที่เรารุกที่จะทำ มีความสุขที่ได้ทำ
    หรือใฝ่ฝันว่าอยากจะทำ นั่นคือหน้าที่ และบทละครที่เราได้เลือกไว้แล้ว
    เพียงแต่เราหลงลืมมันไป จนจิตวิญญาณภายในต้องส่งสัญญาณเตือนเราด้วย
    แรงบันดาลใจนั่นเอง

    ขอให้เดินตามความรู้สึกนั้น แล้วความสุข ความสำเร็จจะหลั่ง
    ไหลมาสุ่ชีวิตเรา

    เหมือนเช่น เจ.เค .โรลลิ่ง หรือคนอื่นๆได้ประสบมาแล้ว
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 4 มิถุนายน 2008
  5. รักไร้พ่าย

    รักไร้พ่าย เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 สิงหาคม 2007
    โพสต์:
    886
    ค่าพลัง:
    +2,861
    เมื่อคนเราไม่ได้ใช้จิตวิญญาณในการสร้างแรงบันดาลใจ
    แล้วอัตตาเราใช้พลังอะไรขับเคลื่อน

    จิตที่เป็นอัตตา ใช้ แรงจูงใจ ในการดำเนินชีวิต
    แรงจูงใจ หรือ Motivation

    คือด้านตรงข้ามกับจิตวิญญาณ เป็นการหันเหตนเองออกจาก
    แสงสว่างแห่งความรุ่งเรืองของชีวิต
    แรงจูงใจ เป็นการขับเคลื่อนด้วยการหวังผลตอบแทน เพื่อมาสร้างอำนาจ
    ให้กับอัตตาของตนเอง และใช้การกระตุ้นก้านสอง อันเป็นส่วนการทำงาน
    ของสัญชาติญาณ ที่สัตว์โลกทั้งหลายใช้ดำเนินชีวิต

    จิตที่เป็นอัตตามองโลกแบบแยกเป็นสวนๆ
    จิตที่เข้าถึงจิตวิญญาณจะมองโลกแบบสัมพันธ์กันทั้งหมด

    เพราะฉะนั้น ขอเปรียบเปทียบระหว่าง แรงบันดาลใจ และ แรงจูงใจ

    แรงจูงใจ Motivaton

    มองออกนอก
    พึ่งพาคนอื่น
    ต้องมีสิ่งจูงใจภายนอกจึงจะทำ

    ความสุขอยู่ที่ผลสำเร็จ

    จะทำตามเงื่อนไขของเวลา

    จะยุติเมื่อเจออุปสรรค

    หากจะทำมากกว่าที่กำหนด
    ต้องเพิ่มการจูงใจด้านวัตถุ

    ต้องการผลตอบแทนเป็นรางวัล
    ความสำเร็จเป็นผลพลอยได้

    แรงบันดาลใจ Inspiration
    [​IMG]
    มองเข้าสู่ภายใน

    พึ่งพาตนเอง

    ทำตามความรู้สึกมุ่งมั่นจากภายใน

    ความสุขอยู่ที่การกระทำ

    ทำจนกว่าจะสำเร็จ ไม่ยึดในกรอบเวลา

    เจออุปสรรคจะไม่ย่อท้อ

    จะทำจนกว่าจะสำเร็จด้วยความเชื่อมั่น

    ต้องการความความสำเร็จรางวัล
    ผลตอบแทนเป็นผลพลอยได้

    ตัวอย่างของผู้ใช้แรงจูงใจ Motivation
    เช่น พนักงาน บริษัท ที่ทำงานกินเงินเดือน
    พวกเขาจะทำงานเพื่อเงินมากกว่าความสำเร็จของงาน

    และทำงานภายใต้เงื่อนไขของเวลา
    เช่น เริ่มงาน 9 โมงเช้า เลิก 5 โมงเย็น

    หากจะทำงานเลยเวลา ต้องมีค่าจ้างเพิ่ม คือทำ OT
    ขณะที่ทำงานมักจะไม่มีความสุข แต่เมื่อเลิกงานจะยินดี
    และรอคอยวันหยุด จะได้ไปเที่ยวหรือพักผ่อน

    และรอคอยวันเงินเดือนออก และหวังโบนัสเพิ่ม

    เมื่อองค์กรมีปัญหา มักจะไม่สนใจมากนัก
    แต่หากไม่ได้รับค่าจ้างจากองค์กร จะไม่พอใจ

    แทบจะไม่รู้สึกผูกพันเป็นหนึ่งเดียวกับองค์กรทำทำอยู่
    มององค์กรเป็นเหมือนบันไดเพื่อตัวเองก้าวขึ้นไปหาความสำเร็จ

    จะเห็นได้ว่าผู้ที่ใช้ แรงจูงใจขับเคลื่อนชีวิตในสังคมปัจจุบันมีมากมาย
    และมากกว่าผู้ใช้ แรงบันดาลใจ

    ทำให้คนที่ร่ำรวย เป็นนายตัวเอง มีน้อยกว่า
    ผู้มีฐานะการเงินปานกลาง หรือยากจน

    หากคุณอายุ 35 ขึ้นไปแล้วยังเป็นพนักงานกินเงินเดือน
    หากไม่ได้อยู่ในตำแหน่งสูง หรือเป็นหัวหน้าหน่วยงานแล้ว
    แสดงว่าคุณใช้แรงจูงใจจนเคยชินไปแล้ว

    ผู้ใช้แรงจูงใจเลี้ยงชีวิต จะเป็นผู้ที่เต็มไปด้วยความกลัว กลัวล้มเหลว
    จึงยึดอยู่กับองค์กรด้วยเหตุผลว่าเขารู้สึกปลอดภัย
    ยอมขาดอิสรภาพในการคิด แสดงออก
    แม้จะได้ผลตอบแทนไม่มากนัก

    [​IMG]
    ในที่สุดพวกเขาจะไม่สามารถสร้างความร่ำรวยให้ตนเองได้อย่างแท้จริง

    เพราะวิธีแห่งแรงบันดาลใจเท่านั้นจะสร้างอิสรภาพ ความมั่งคั่งร่ำวย
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 4 มิถุนายน 2008
  6. narin1960

    narin1960 Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 เมษายน 2008
    โพสต์:
    50
    ค่าพลัง:
    +40
    เกิดวันที่ 13 เป็นอย่างไรครับ
    การค้นหาแรงบันดาลใจในตัวเรานั้นทำได้อย่างไร และเราจะรู้ได้อย่างไรว่านี้แหละใช่เลย ทุกวันนี้ผมพยามทำใจให้นิ่งไม่ยึดติด อยากได้ หลงไหลแต่พยายามทบทวนว่าเราทำถูกหรือผิดอย่างไร แต่หน้าที่การทำงานประจำของเรามันบังคับให้เราต้องเดินตามกรอบของเวลาจนไม่รู้ว่าเราจะหลุดจากกรอบนี้ได้อย่างไร ผมรบกวนช่วยอธิบายหรือแนะนำถ้ายกตัวอย่างได้ก็ยิ่งดีนะครับ รบกวนด้วยนะครับ
     
  7. รักไร้พ่าย

    รักไร้พ่าย เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 สิงหาคม 2007
    โพสต์:
    886
    ค่าพลัง:
    +2,861
    อีกตัวอย่างของผู้ที่เข้าถึงแรงบันดาลใจในตนเอง

    เขาคือชายชาวจีนคนหนึ่ง ชื่อว่า "จงเหลียนหยง"
    ได้อพยพจากแผ่นดินจีนไปตั้งรกรากอยู่ที่ฮ่องกง
    และได้ทำงานด้านหนังสือพิมพ์ แต่ไม่ประสบความสำเร็จ

    แล้วเขาได้เดินตามเสียงเรียกจาก
    จิตวิญญาณภายด้วยแรงบันดาลใจของเขา

    จึงได้ผันตัวเองมาเป็นนักเขียนนิยายกำลังภายใน
    ด้วยภาษาที่สละสลวย และสอดแทรกประวัติศาสตร์
    สร้างความประทับใจให้กับผู้อ่านตั้งแต่เรื่องแรก

    จากนั้นเขาได้เขียนเรื่องต่อมา ด้วยแรงบันดาลใจที่เพิ่มมากขึ้น
    จนนิยายเรื่องต่อมาของเขาโด่งดังคับฟ้า
    ผลงานของเขาจึงเป็นที่กล่าวขวัญอย่างมาก
    เขาผู้นี้ใช้นามปากกาว่า

    "กิมย้ง"

    และนิยายเรื่องที่สร้างชื่อให้เขามากมาย เช่น มักรหยก
    ดาบมังกรหยก เพ็กฮ่วยเกี่ยม จิ้งจอกภูเขาหิมะ
    แปดเทพอสูรมังกรฟ้า กระบี่เย้ยยุทธจักร
    และเรื่องสุดท้ายของเขาคือ อุ้ยเสี่ยวป้อ

    หากเราจะสังเกตุผลงานของผู้ที่สร้างสรรค์ด้วยจิตวิญญาณ
    ผลงานนั้นจะโดดเด่นเป็นเอกลักษณ์ของตัวเอง และไม่ซ้ำแบบใคร

    เพราะเป็นการเขียนจากภายในใจ และผลงานจะออกมาแบบองค์รวม
    เช่น กิมย้งเขียนเรื่องมังกรหยกภาค 1


    [​IMG]

    เป็นการบอกเล่าเรื่องราวโดยโยงความขัดแย้งทางประวีติศาสตร์จีนมาเป็น
    เหตุการณ์ดำเนินเรื่อง คือ สงครามของชาวจีน กับมองโกล

    และกิมย้ง ได้นำชื่อของฮ่องเต้องค์หนึ่งของจีนชื่อ "ก๊วยคัง"
    มาแบ่งชื่อออก เป็น 2 คำ แล้วตั้งเป็นตัวละครหลัก 2 ตัว
    ชื่อว่า "ก๊วยเจ๋ง" และ "เอี้ยคัง"

    เพื่อแสดงถึงความดีและความชั่ว

    อย่างที่บอกว่าการเข้าถึงแรงบันดาลใจคือการ
    มองเข้าไปหาจากภายใน ผลงานที่สร้างสรรค์นั้นจะแยบยล
    ระดับอัจฉริยะ เหนือความคิดของคนทั่วไปที่คิดแบบอัตตา

    นักวิจารณ์มากมายยกย่องผลงานของกิมย้งว่าเป็นดั่ง
    "เสื้อสวรรค์ที่ไร้รอยตะเข็บ"

    เพราะเขียนได้ "เนียน" มาก เป็นการถ่ายทอดความกลมกลืนระหว่าง
    ประวัติศาสตร์และความเป็นจินตนิยายได้อย่างลงตัวไร้ที่ติ
    และเป็นเอกลักษณ์ของตนเอง

    เรื่องมังกรหยกภาค 2 ก็สื่อถึงความรักนั้นยิ่งใหญ่เหนือข้อจำกัด
    ของค่านิยม ซึ่ง ตัวละคร เอี้ยก๊วย รักกับ เซียวเหล่งนึ่ง
    ผู้เป็นอาจารย์ของเขา

    ซึ่งตามประเพณีจีนห้ามไม่ให้ ศิษย์และอาจารย์
    มีความรักต่อกัน แต่กิมย้งสื่อให้เห็นถึงความเป็นจริง
    ของความรู้สึกมนุษย์ ที่ความรักนั้นไร้พรหมแดน


    [​IMG]


    และเรื่องสุดท้ายของผลงานกิมย้ง คือ "อุ้ยเสี่ยวป้อ"

    นิยายเรื่องนี้กิมย้งต้องการสื่อถึงแก่นแท้ของความเป็นมนุษย์
    ที่มีคุณค่าเหนือค่านิยมจากภายนอกที่ยึดถือกันตามประเพณี

    ในนิยายเรื่องนี้ อุ้ยเสี่ยวป้อ เติบโตมาจากซ่องโสเภณี มีเมีย 7 คน
    เขาไม่มีวิทยายุทธ์ นิสัยกะล่อน ที่ซ้ำร้ายกว่านั้นเขายังเป็นขันที
    (แม้จะไม่ได้ถูกตอนก็ตาม)

    นอกจากนี้ยังเป็นคนบ่าว 2 นาย คือทำงานให้กับราชสำนักโดย
    เป็นคนสนิทของฮ่องเต้และทำงานให้กับพรรคฟ้าดิน
    ที่มีอุดมการณ์ต่อต้านราชสำนัก

    ตามค่านิยมของชาวจีน ชายที่ไร้วรยุทธ์นั้นไม่ใช่วีรบุรุษ
    และยิ่งเติบโตในซ่องโสเภณี ยิ่งหมดค่าความเป็นวีรบุรุษ
    และยังเป็นขันที
    มีเมีย 7 คน นิสัยกะล่อน

    เป็นนิยายที่มีตัวเอกขัดแย้งกับภาพลักษณ์พระเอกหนัง
    กำลังภายในที่ผ่านมา
    และถูกต่อต้านจากนักอ่าน แต่ท้ายที่สุด
    อุ้ยเสี่ยวป้อ กับเป็นขวัญใจของผู้อ่านมากมาย

    เพราะในเนื้อเรื่อง อุ้ยเสี่ยวป้อ แม้จะมีนิสัยและภาพลักษณ์ไม่ดี
    แต่เขาเป็นผู้รักเพื่อนมนุษย์ และต้องการสร้างความสมาน
    ฉันท์ท่ามกลางความขัดแย้ง

    เพราะอุ้ยเสี่ยวป้อเข้าถึงภาวะของจิตวิญญาณแห่งความรักสากล
    ที่มีต่อเพือนมนุษย์โดยไร้การแบ่งแยก

    นี่เป็นเหตุผลที่นิยายเรื่องนี้ถูกตัดสินว่าเป็นนิยาย
    ที่ทรงคุณค่ายอดเยี่ยมที่สุดของกิมย้ง

    เพราะกิมย้งนำความเป็นจิตวิญญาณ
    ของคนมาตีแผ่ในรูปของนิยาย ชนะใจคนทั้งปวงได้


    [​IMG]

    หลังจากนั้นกิมย้งไม่ได้เขียนนิยายเรื่องใดอีก
    มีหลายคนถามว่า ด้วยชื่อเสียงของเขา สามารถเขียนนิยาย
    ต่อเพื่อทำเงินได้ไม่ยาก
    แต่กิมย้งให้เหตุผลว่า เขาไม่สามารถเขียนนิยายที่ดี
    ไปกว่านี้ได้อีกแล้วหรือเขาหมดภูมิแล้วนั่นเอง
    เขาไม่ได้เขียนเพื่อเงิน แต่เขียนเพราะการเขียนเป็นสิ่งที่เขารัก


    ผลงานของเขาได้ถูกนำมาสร้างเป็นภาพยนตร์ และหนังชุดมากมาย
    เขาได้รับค่าลิขสิทธิ์จากผลงานของเขา เป็นเงินมหาศาล


    [​IMG] กิม ย้ง


    และนี่บทพิสูจน์ว่า การเข้าถึงแรงบันดาลใจในตนเอง
    สร้างความมั่งคั่ง ชื่อเสียง ได้จริง


    จะเห็นได้ว่างานที่ทำด้วยใจรัก คือ การเดินเข้าสู่ภาย
    ในตัวตนที่แท้จริง
    แล้วปล่อยให้เป็นภาระหน้าที่ของจิตวิญญาณที่จะสร้างสรรค์
    ทุกอย่างให้เอง เราเพียงแค่ทำตามความรู้สึกเท่านั้น
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 5 มิถุนายน 2008
  8. Nu_Bombam

    Nu_Bombam เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    30 ธันวาคม 2006
    โพสต์:
    1,030
    ค่าพลัง:
    +4,914
    ผมขอเซฟเก็บไว้นะครับ คล้ายๆหนังสือชุดโนวา อนาลัย เลย ได้แง่คิดมากครับ
     
  9. นายพิสิฐวงศ์

    นายพิสิฐวงศ์ สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    24 พฤศจิกายน 2006
    โพสต์:
    11
    ค่าพลัง:
    +11
    ผมเกิดวันที่ 17 แฟนเกิดวันที่ 11 แต่ลูกเกิดวันที่ 22 กับ 26 ลูกสองคนนี้เป็นเจ้ากรรมนายเวรจริงๆครับ และคนใกล้ชิดรอบๆตัวผมด้วย แล้วผมก็เป็นคนหัวดื้อด้วยครับ จึงมีครบตามที่คุณรักไร้พ่ายเขียนมาครับ
    ครอบครัวแตกแยก ลูกเกเรทุกรูปแบบ ธุรกิจล้มละลาย ไร้รัก ทรัพย์สินไม่มี
    มีแต่หนี้สิน เพื่อนก็แทบจะไม่มี ทำงานกินเงินเดือนสังกะตายไปวันๆ เป็นคน
    อมทุกข์ อมโรคครับ ไม่มีความหวังในชีวิต แล้วก็ตอนนี้พยายามค้นหาตัวเองอยู่ครับ
    พยายามทำความเข้าใจตัวเอง และหาพรสวรรค์หาความฝันของตัวเองว่าชีวิตจะไปทาง
    ไหนดี เหมือนอยู่ในห้องมืดครับ ขอให้คุณรักไร้พ่ายช่วยชี้แนะด้วยนะครับ และขอให้
    คุณรักไร้พ่ายสมหวังในสิ่งที่คิดที่หวังทุกประการเถิด
     
  10. รักไร้พ่าย

    รักไร้พ่าย เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 สิงหาคม 2007
    โพสต์:
    886
    ค่าพลัง:
    +2,861
    ผมขอเป็นกำลังใจให้กับทุกท่านประสบความ
    ทุกข์ต่างๆในชีวิต
    ทุกข์เกิดจากความไม่รู้ในเหตุและผลของมัน
    ผมเชื่อว่าหากเรารู้จัก และเข้าใจในความทุกข์
    เราจะเปลี่ยนทุกข์ให้เป็นสุขที่เลิศล้ำได้

    เหมือนการนำเอา "ขี้วัว" มาทำ "ปุ๋ย"
     
  11. รักไร้พ่าย

    รักไร้พ่าย เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 สิงหาคม 2007
    โพสต์:
    886
    ค่าพลัง:
    +2,861
    การค้นพบแรงบันดาลใจในตนเอง สามารถเปลี่ยนวิถีชีวิตเราได้เสมอ
    ไม่ว่าสภาพชีวิตเราขณะนั้นจะย่ำแย่ ยากจน ขัดสน อมทุกข์ เพียงใด
    ก็ตาม
    หากเราเลิกเป็นคนหัวดื้อ แล้ว ทางแห่งความสว่างจะส่องกระจ่าง
    ขี้นำชีวิตให้เราเอง เพียงแค่เรา เข้าใจ ชีวิตเท่านั้น

    เหมือนอย่าง กิมย้ง ที่ร่ายวรยุทธ์สร้างสรรค์ผลงานนวนิยาย
    อมตะมากมายประดับโลกนี้ไว้

    เมื่อตอนที่ กิมย้ง ประสบความความสำเร็จโด่งดัง มีนักเขียนมากมาย
    อยากประสบความสำเร็จเฉกเช่นกิมย้ง

    โดยการนำผลงานของกิมย้งมาดัดแปลง
    ด้วยคิดว่า
    หากนำความสำเร็จของคนอื่นมาเปลี่ยนแปลง และ
    เสริมแต่งให้เข้ากับผลงานของตัวเองโดยอาศัยกระแสนิยม
    ของผู้ประสบควาสำเร็จนั้น จะทำให้พวกเขาจะประสบความสำเร็จ
    ตามไปด้วย นั่นคือความเข้าใจที่ผิดมหันต์

    นักเขียนเหล่า ได้นำมังกรหยกของกิมย้ง อันโด่งดัง
    มาเขียนเป็นเรื่อง มังกรแก้ว มังกรทอง ที่คล้ายกับเรื่องมักรหยก
    บางคนก็นำตัวละครอาวุโสที่เยี่ยมยุทธ์ในเรื่องมักรหยกมา
    เขียนย้อนอดีตสมัยเป็นหนุ่ม

    ปรากฏว่าผลงานของนักเขียนเหล่านั้นล้วนล้มเหลวทั้งสิ้น

    แท้จริงแล้วภาพแห่งความสำเร็จ มั่งคั่ง รำรวย มีชื่อเสียงเหล่านี้
    เป็นเพียงภาพสะท้อนของแก่นแท้ที่อยู่ภายใน นั่นคือจิตวิญญาณ
    ต่างหาก

    แต่ด้วยนักเขียนเหล่านั้นไม่อาจรู้จัก และเข้าใจในจิตวิญญาณตนเองได้
    พวกเขาจึงหาความสำเร็จจากภายนอกด้วยการมอง
    ด้วยสายตาของอัตตา

    แต่เพราะกิมย้งเดินตามความรู้สึกของจิตวิญญาณ ที่เรียกว่า
    แรงบันดาลใจ Inspiration
    คือ แรงดลใจจากจิตวิญญาณที่กระตุ้นการสร้างสรรค์
    ด้วยความรัก

    ส่วนนักเขียนเหล่านั้นสร้างสรรค์ด้วย ความจูงใจ Motivation
    ด้วยการเดินตามความทะยานอยากของกิเลสตัวเอง
    ซึ่งอยู่คนละด้านกับจิตวิญญาณ

    เมื่ออยู่กันคนละด้าน ความสำเร็จ ความร่ำรวย มีชื่อเสียง
    อันเป็นคุณสมบัติของการข้าถึงจิตวิญญาณ
    ก็พลอยอยู่คนละด้านไปด้วย

    หนึ่งในนักเขียนเหล่านันคนหนึ่งชื่อว่า ฮิ้มเอี้ยวฮั้ว ซึ่งเริ่มต้น
    เป็นนักขียนด้วยการเลียนแบบกิมย้ง เหมือนนักเขียนทั่วไป
    แต่ไม่ประสบความสำเร็จ เพราะเขาต้องการเขียนนิยาย
    เพื่อเลี้ยงปากเลี้ยงื้องตัวเองไปวันๆ

    จนวันหนึ่งเขาได้ถามตนเองจากภายใน และได้ฟังเสียง
    จากแรงบันดาลใจที่ดังก้องมาจากภายใน และเริ่มวิถีทาง
    เขียนนิยายตามแบบของเขาเอง

    โดยได้หวนนึกถึงสมัยที่เขาได้ทำงานเป็นบรรณารักษ์
    ในห้องสมุดของคณะที่ปรึกษาทหารอเมริกัน ในไต้หวัน
    และได้อ่านหนังสือนวนิยายตะวันตกมากมาย

    แล้วด้วยแรงบันดาลใจอันยิ่งใหญ่ได้อุบัติขึ้น
    เขาได้เขียนนิยายที่กลั่นกรองมาจากจิตวิญญาณของเขาเอง
    ด้วยการสร้างสรรค์ผลงานจากการหลอมรวม
    ความเป็นตัวของเขาเองกับนิยายแนวตะวันตก
    จนออกมาเป็นผลงานสร้างสรรค์ระดับอัจฉริยะ
    และโลกแห่งวรรณกรรมจีนได้ร้จักเขาในนามปากกาว่ามังกรโบราณ

    "โกวเล้ง"

    นิยายของเขาหลังจากนั้นได้เลื่องชื่อระบือไกล
    [​IMG]
    ชอลิ้วเฮียง !

    ฤทธิ์มีดสั้น ลี้คิมฮวง !

    จอมดาบหิมะแดง !!

    เซียวฮื้อยี้ !!

    เล็กเซียวหงส์ !!

    เอี๊ยบไค เหยี่ยวเดือนเก้า !!

    เซียวจับอิดนึ๊ง !!

    โกวเล้ง ได้เปลี่ยนมาเขียนนิยายตามแบบฉบับของเขาเอง
    โดยเน้นการถ่ายทอดความเป็นบุคคล ความขัดแย้งทางความ
    รู้สึกจากภายใน ผ่านผลงานของเขา
    โดยตัวพระเอกในนิยายมีนิสัย
    และวิถีชีวิตเช่นเดียวกับนิสัยจริงๆของโกวเล้งนั่นเอง

    โกวเล้งขอบดื่มเหล้าเป็นชีวิตจิตใจ อยุ่ไม่เป็นหลักแหล่ง
    และอาภัพความรัก และแยกทางจากคนรักมาหลายคน

    ตัวละครอย่าง ลี้คิมฮวง ในเรื่องฤทธ์มีดสั้น หรือ เซียวฮื้อยี้
    ก็ชอบดื่มเหล้า สูญเสียคนรักให้คนอื่น และอยู่ไม่เป็นหลักแหล่ง

    และโกวเล้งถ่ายทอดความคับแค้นและปมด้อยของตัวเอง
    เพราะเขาเป็นคน อ้วน เตี้ย และหัวโต และมักถูกล้อจากผู้คน

    โดยตัวละครชื่อ ฮาฮายี เป็นหนึ่งในสิบคนโฉด
    ในเรื่อง เซียวฮื้อยี้ ก็เป็นคนอ้วน และฆ่าคนตายเพราะถูกด่าว่า
    หมูอ้วน

    ที่แปลกใหม่กว่านิยายทั่วไป คือโกวเล้งเขียนนิยายกำลังภายในของ
    เขาโดยรับอิทธิพลมาจากนวนิยายตะวันตกที่เขาได้อ่านมามากมาย
    สมัยทำงานห้องสมุด

    [​IMG]
    เช่น นิยายเรื่อง "ชอลิ้วเฮียง" จอมโจรจอมใจ เป็นนิยายแนวสืบสวน
    ของเขาอันมีเค้าโครงมาจากเรื่อง "จอมโจรลูแปง"

    "เล็กเซียวหงส์" มาจากนิยายเรื่อง "เชอร์ล๊อค โฮล์ม"

    "เพชรฆาตดาวตก" มาจากเรื่อง "เดอะ ก๊อด ฟาร์เธอร์"
    [​IMG]


    เมื่อใดก็ตามที่การสร้างสรรค์ด้วยแรงบันดาลใจบังเกิดขึ้น
    จะหลอมรวมประสบการณ์ของคนนั้น และเรื่องราว
    หรือคุณสมบัติต่างๆที่ประทับใจตั้งแต่ 2 สิ่งขึ้นไป
    ผ่านการจินตนาการ ความเชื่อมั่น
    และความรู้สึกแห่งความรักที่ได้ทำ

    เมื่อมันถูกรังสรรค์ออกมาภายนอก
    จะสร้างคุณค่าที่ยิ่งใหญ่ตรึงตราใจผู้คนได้เสมอ

    ขอนำคำกล่าวจากนิยายของโกวเล้งมาฝาก

    "คนผู้หนึ่งยามมีชีวิต ขอเพียงอยู่อย่างเบิกบานสำราญใจ
    แม้มีชีวิตน้อยลงสักหลายวัน จะเป็นอันใดไป
    หรือคนอายุขัยยาวนานจะสุขสำราญกว่าคนอายุสั้น....
    มีบ้างบางคน ยิ่งอายุยืนยาว ยิ่งรวดร้าวทรมาน
    คนเยี่ยงนี้มีชีวิตมิสู้ตายไป ขอเพียงผ่านวันเวลา
    อย่างสุขสำราญ ใยมิใช่มีความหมายกว่าอยู่
    อย่างคับแค้นร้อยปี"

    โกวเล้ง ไม่ได้สร้างสรรค์ผลงานเพื่อหวัง
    ความร่ำรวย แต่เขาได้ทำสิ่งที่เขารักที่จะทำ
    โกวเล้งไม่ได้ใส่ใจในเงินทองที่ได้มา แต่ให้คุณค่ากับ
    มิตรสหายของเขามากกว่าสิ่งใด
    เพราะเขาได้เข้าถึงแรงบันดาลใจแห่งจิตวิญญาณภายใน

    แต่น่าเสียดายที่โกวเล้งเสียชีวิตเมื่ออายุ 48 ด้วยโรคพิษสุรา
    แต่ผลงานของเขาที่รังสรรค์จากแรงบันดาลใจจะอยู่ชั่วนิรันดร์

    นี่คือตัวอย่างของผู้ที่เคยหลงทางชีวิตด้วยการเดินไปในทางมืดมน
    และค้นหาคุณค่าของตัวเองจากการใช้แรงจูงใจของอัตตา

    หากโกวเล้ง ยังยืนอยู่บนเส้นทางแห่งแรงจูงใจ เขาก็คงมีสภาพ
    เหมือนกับนักเขียนโนเนมทั่วไปที่มีอยู่ดาษดื่น เพียงทำงาน
    เพื่อหาเลี้ยงปากท้องตัวเองไปวันๆ

    แต่โกวเล้งเปลี่ยนชีวิต เพียงแค่ไม่เป็นคนหัวดื้อกับชีวิตตัวเอง
    และได้ใช้แรงบันดาลใจจากจิตวิญญาณพลิกชีวิตเขาจากดินสู่ดาว

    ขอปิดท้ายด้วยคำพูดในนิยายของโกวเล้ง

    "ในใต้หล้า ไม่มีเรื่องงามเพียบพร้อม
    และก็ไม่มีเรื่องชั่วร้ายสุดยอด ความล้มเหลวแม้ไม่ดีงาม
    แต่ความล้มเหลวก็คือรากฐานของความสำเร็จ

    ความสำเร็จแม้เลิศเลอ แต่มักทำให้ผู้คนยโสถือดี
    จากนั้น ความล้มเหลวก็อุบัติตามมา"

    [​IMG] โกว เล้ง
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 6 มิถุนายน 2008
  12. หนุมาน ผู้นำสาร

    หนุมาน ผู้นำสาร เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    10 กรกฎาคม 2006
    โพสต์:
    13,680
    ค่าพลัง:
    +51,926
    เกิดวันที่ 32 เป็นคนอย่างไร !!!
     
  13. chocolatus

    chocolatus Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    10 เมษายน 2008
    โพสต์:
    220
    ค่าพลัง:
    +58
    ได้ดูเรื่อง APOCALYPTO ปิดตำนานอารยชน Mel Gibson กำกับดูหลายรอบมาก แล้วก็ยังสงสัยว่าทำไมถึงชอบได้ขนาดนั้น
    เพราะรู้สึกได้อะไรหลาย ๆ อย่างจากเรื่องนี้ ถึงจะยังไม่เข้าใจถ่องแท้ แต่รู้สึกว่าความกลัวมีอิทธิพลต่อชีวิตคนเราจริง ๆ

    แต่ตอนนี้เข้าใจแล้วค่ะ หลังจากได้อ่านข้อความตั้งแต่ต้นในกระทู้นี้ นั่นก็คือผลขอ ความรัก ความกลัว แรงบันดาลใจที่มาจากจิตวิญญาณ


    ขอบคุณที่ทำให้เกิดความกระจ่างค่ะ
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 5 มิถุนายน 2008
  14. รักไร้พ่าย

    รักไร้พ่าย เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 สิงหาคม 2007
    โพสต์:
    886
    ค่าพลัง:
    +2,861
    คุณสมบัติของจิตวิญญาณคือ มีความรักสากลที่มีต่อเพื่อนมนุษย์
    มีแต่ความปารถนาดี
    ไม่มีการแบ่งแยกระหว่างเรากับสิ่งอื่น รอบรู้ในทุกสิ่ง
    ความสุข และความกล้าหาญ

    เราอย่าได้มัวแต่มองหาคุณค่าของชีวิต
    จากภายนอกอีกต่อไปเลย
    [​IMG]
    เรามักชื่นชมบุคคลที่ประสบความสำเร็จมากมายในชีวิต
    และเปรียบเทียบกับตัวเราว่า เราคงเป็นเหมือนเขาไม่ได้
    เรายกยกพวกเขามากเกินกว่าที่เราจะยกย่องตัวเอง
    ทั้งที่เราก็มีในสิ่งที่พวกเขามี และสามารถทำในสิ่งที่พวกเขาทำได้

    หากตัดความสำเร็จที่เกิดจากแรงบันดาลใจของผู้ประสบความ
    สำเร็จนั้นออกไป

    เชื่อไหมว่า พวกเขาก็คือคนธรรมดา ที่อาจมีชีวิตแบบซังกะตายไปวันๆ
    อาจเป็นเพียงลูกจ้างรายวัน (cry)
    เป็นคนที่ไม่มีคนรู้จัก พวกเขาอาจมีชีวิตทีย่ำแย่กว่าคุณก็ได้

    เมื่อคุณได้ฟังเสียงจากแรงบันดาลใจแล้ว ขอให้มีความแน่วแน่
    และมั่นคงในกับมัน อย่าได้ปล่อยให้มันหลุดลอยไปอีกเลยเพราะนี่คือ
    หนทางสู่ขุมทรัพย์สุดขอบฟ้า ที่จะเปลี่ยนชีวิตคุณได้แน่นอน

    [​IMG]

    การแน่วแน่ในแรงบันดาลใจนี้ เหมือนการจับราวรถเมล์
    เมื่อเราโดยสารรถเมลที่กำลังแล่นไป เราจะต้องโหนจับ
    ราวบนรถเมลเพื่อพยุงเราไม่ให้
    เสียหลักล้มลง เมื่อรถเมลเลี้ยวซ้าย ขวา หรือเบรคกระทันหัน
    วิธีที่เราจะไม่ล้มเสียหลัก
    ไป คือการจับราวนั้นให้แน่น

    [​IMG]

    เช่นเดียวกันกับ การแน่วแน่ในการเข้าถึงแรงบันดาลใจ
    ที่คอยบอกเราตลอดเวลาผ่านความ รู้สึก แห่งความเชื่อมั่น
    ฮึกเหิม กล้าหาญที่จะทำในสิ่งที่เรารัก และเกิดความสุข ความภูมิใจ
    ความสนุกทุกครั้งขณะที่เราได้ทำโดยปราศจากการคาดหวังในที่ตาม

    หากคุณนั่งอยู่ แล้วอยากจะเดิน คุณจะทำอย่างไร
    คุณก็เพียงแต่ลุกขึ้นแล้วก้าวเดินออกไป
    ซึ่งคุณก็ทำได้

    แล้วถ้าคุณคิดจะประสบความสำเร็จ มีความสุขในชีวิต
    ทำไมจะทำไม่ได้เล่า

    การที่คุณเดินได้เพราะคุณเชื่อมั่นว่าจะเดินได้ แล้วก็ก้าวเท้าเดิน
    ไป เพราะความเชื่อว่าทำได้ คุณก็ได้

    [​IMG]

    แต่ทำไมเด็กที่เพิ่งหัดเดิน เขาจึงไม่กล้าเดิน
    เพราะเขาไม่เชื่อว่าเขาเดินได้ แต่เมื่อเขากล้าที่จะเดิน
    แม้จะต้องล้มลุกคลุกคลาน แต่ในที่สุดเขาก็เดินได้

    [​IMG]
    ซึ่งพวกคุณก็ล้วนมีประสบการณ์นี้ทั้งนั้น

    แต่พอคุณอยากจะประสบความสำเร็จในสิ่งที่คุณต้องการ
    คุณกลับไม่เชื่อว่าคุณได้ นี่สิเรื่องตลก

    กฎแห่งจักรวาลบอกว่า
    คุณเชื่อสิ่งใด คุณได้สิ่งนั่น(deejai)


    เชื่อว่าพวกคุณ และบุคคลที่ประสบความสำเร็จ ร่ำรวย มีชื่อเสียง
    หรือ อัจฉริยะทั้งหลาย ล้วนแต่มีแรงบันดาลใจด้วยกันทั้งนั้น

    เพียงแต่ผู้ประสบความสำเร็จเหล่านั้น ใช้เวลาในการใส่ใจ
    และแน่วแน่ในแรงบันดาลใจนานกว่าคุณเท่านั้นเอง
    แล้วพวกเขาเพียงแต่แสดงมันออกมา นี่คือข้อแตกต่าง
    ระหว่างคุณกับคนที่ประสบความสำเร็จ
    มีเท่านี้เอง :p

    เมื่อคุณใส่ใจกับสิ่งใดหรือเรื่องใด เรื่องนั้นจะมีพลังขึ้นมา
    เมื่อคูณเลิกใส่ใจกับเรื่องใด เรื่องนั้นจะหมดพลังลงไป
    [​IMG]
    พื้นฐานความรู้สึกมนุษย์มีเพียงความรักและความกลัวเท่านั้น
    นอกนั้นเป็นองค์ประกอบย่อย และส่วนขยายของความรู้สึกทั้งสองนี้

    เช่น ยามปรกติคุณไม่กลัวผี แต่พอได้ฟังเรื่องผี และจินตนาการตามไป
    คุณจะรู้สึกกลัว จนบางครั้งคุณก็ไม่กล้านอนคนเดียว หรือ นอนปิดไฟ
    ทั้งที่ปรกติคุณก็นอนคนเดียวและปิดไฟเสมอ^-^
    [​IMG]
    แต่เพราะคุณไปใส่ใจในความกลัว มันจึงมีพลังแห่งความเชื่อขึ้นมา

    ที่ตลกที่สุดคือ
    คุณสร้างความกลัวขึ้นมา
    เพื่อหลอกหลอนตัวเอง

    คนที่ทุกข์ใจเพราะความกลัว และไม่เข้าใจชีวิต
    คุณจะใส่ใจอยู่กับสิ่งเหล่านี้
    และเชื่อในสิ่งเลวร้าย แล้วชีวิตคุณก็พลอยย่ำแย่ไปด้วย

    หากคุณลองใส่ใจในแรงบันดาลใจหรือสิ่งดีงามทั้งหลาย
    แล้วรอต่อไป
    ว่าอะไรจะเกิดขึ้น แน่นอนสิ่งนั้นจะเป็นอื่นไม่ได้นอกจาก
    ความคิดดีๆ ความหวังที่สดใส
    และทางแก้ปัญหาที่จะมาหาคุณเองโดยที่คูณไม่ต้องพยายาม
    ใดๆเลย

    เมื่อประตูบานหนึ่งกำลังปิด แต่ประตูอีกบานกำลังเปิด
    แต่เรามัวแตไปสนประตูที่ปิด จนลืมมองดูประตูที่เปิดออก:eek:

    [​IMG]

    ขอให้เปลี่ยนมาใส่ใจอยู่กับแรงบันดาลใจในตนเอง
    แล้ว ปาฎิหารย์ จะเกิดขึ้นกับชีวิตคุณ

    เพราะคุณคือจิตวิญญาณ ที่เต็มเปี่ยมไปด้วยความรัก
    ความรอบรู้ ความสร้างสรรค์
    เพียงแต่คุณต้องค้นหามันจากภายใน
    คุณเป็นอินทรีย์ ไม่ใช่ไก่น้อย จงเป็นดั่งอินทรีย์บินทยาน
    ให้สูงเสียดฟ้า
    [​IMG]
    เพียงแต่คุณเดินหาประสบการณ์เพื่อค้นพบตัวเองเท่านั้น

    การค้นพบตัวเองต้องค้นหาจากภายในใจคุณเท่านั้น
    ค้นให้พบว่าคุณเป็นจิตวิญญาณ ไม่ใช่รูปกายมนุษย์นี้
    เพียงแต่มาใช้รูปกายมนุษย์นี้ สร้างประสบการณ์ที่ยิ่งใหญ่ที่
    ได้เลือกเดินในวิถีชีวิตนี้:p

    ขอให้จำคำกล่าวของ นักปรัชญาชื่อดัง เตยาร์ด เดอ ชาร์แตง
    กล่าวว่า

     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 6 มิถุนายน 2008
  15. รักไร้พ่าย

    รักไร้พ่าย เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 สิงหาคม 2007
    โพสต์:
    886
    ค่าพลัง:
    +2,861
    หน้าที่การงานของเรา ที่ถูกจำกัดด้วยเงื่อนไขกาลเวลา
    ต้องทำงานด้วยการเป็นลูกน้องที่ขาดอิสรภาพ
    ไม่ใช่วิถีทางของการเดินเข้าถึงแรงบันดาลใจ^-^

    วิถีชีวิตแบบงานประจำนี้ เป็นเพียงที่พักของชีวิตเพื่อรอการเรียก
    จากความรู้สึกจากภายใน:p

    แต่แรงบันดาลใจนั้นเชื่อมโยง ติดต่อคุณตลอดเวลา
    เพียงแต่ คุณอาจไม่ได้ใส่ใจฟัง

    เพราะกระแสของของวิบากรรมต่างๆ ได้มารบกวนชีวิตคุณ
    จนทำให้คุณได้ใสใจอยู่กับกระแสต่างๆเหล่านั้น ซึ่งจริงๆแล้ว

    มันเป็นเพียงเครื่องทดสอบว่า คุณจะมุ่งมั่นเข้า
    ถึงแรงบันดาลใจตัวเองหรือไม่
    ด้วยการหลอกล่อคุณต่างนานา

    คุณลองคิดดูว่า สิ่งไหนที่คุณใฝ่ฝันที่จะทำ
    และหากได้ทำแล้วจะมีความสุขที่ได้ทำ
    ไม่ใช่หวังในผลของการกระทำ

    เมื่อคุณพบแล้ว นั่นแหละ แรงบันดาลใจ
    ขอให้คุณยึดกับภาพเหล่านั้น ความรู้สึกเหล่านั้น
    หากมีเวลา ก็อยู่กับภาพและความรู้สึกเหล่านั้น^-^

    และขอให้ยึดมันเหมือนยึดราวรถเมล ที่ทำให้คุณไม่ไหวโคลง
    ไปตามแรงเหวียวของรถ
    มั่นคงในการไม่หวั่นไหวในแรงบันดาลใจ
    แม้ต้องโยกคลอนด้วยสิ่งเร้าภายนอก

    การทำเช่นนี้ คือก้าวแรกของการเปิดประตูสู่ความสำเร็จแน่นอน
    เพียงแค่คุณอยู่กับความใฝ่ฝันภายในใจเท่านั้น
    จักรวาลจะต้อนรับคุณ
    เพราะคุณได้ตอบรับการเชื้อเชิญของจิตวิญญาณของคุณแล้ว

    ขอให้สำรวจตรวจสอบว่า คุณยังมีความสุข ความมั่นใจ
    ในสิ่งที่ใฝ่ฝันหรือไม่
    ถ้ามีความสุข ขอให้เพิ่มความสนใจไปเรื่อยๆ
    แล้วมันจะกลายเป็นความมั่นใจตามมา

    ภาพจินตนาการของคุณจะนำพาคุณไปเอง
    อย่าไปตัดสิน วิเคราะห์
    ด้วยกรอบเหตุผลและความเป็นจริงจากชีวิตภายนอก
    เพราะนั่นต่างหากที่เป็นภาพลวงตา

    ขอให้เชื่อมั่นในความมั่นใจนั้น

    แล้วสิ่งต่างๆที่จะเป็นองค์ประกอบของความใฝ่ฝันของคุณ
    จะทยอยตามมา ผ่านข้อมูล ผู้คน หนังสือที่ได้อ่านโดยบังเอิญ
    กระทู้จากเวบไซด์ที่เปิดอ่านโดยไม่ได้ตั้งใจ
    เป็นเหมือนอะไหล่รถยนต์ที่ถูกนำมาประกอบทีละชิ้น
    จนกลายเป็นรถทั้งคัน
    เพื่อวิ่งสู่จุดหมายแห่งความฝัน

    ยิ่งคุณผ่านการหลอกล่อมากเท่าไหร่
    คุณจะประสบความสำเร็จมากเท่านั้น
    เพราะหากคุณนยังมุ่งมั่นกับภาพความสุข
    ในสิ่งที่คุณจะทำ โดยการฝ่าฟันอุปสรรค

    อุปสรรคนั้นเป็นหมือนเครื่องฝึกทหาร
    ดูเหมือนจะโหดร้าย แต่ท้ายที่สุดคุณจะเป็นหทารที่กล้าแกร่ง
    ร่างกายแข็งแกร่ง

    แต่หากคุณไม่พบแรงบันดาลใจ คุณก็เสียโอกาสใปเปล่าๆ
    ปล่อยให้อุปสรรคเหล่านั้นที่มันมีหน้าที่ทดสอบแรงบันดาลใจ
    กลับเป็นเครื่องทรมานกายใจ ไปเปล่าๆ

    คุณแทบไม่ต้องทำอะไรกับแรงบันดาลใจเลย
    เพราะเป็นหน้าที่ของจิตวิญญาณจะดำเนินต่อไปให้เอง
    คุณแค่ทำตาม สนใจอยู่กับมั่น

    ไม่ตัดสิน ไม่วิจารณ์ และทำตามความรู้สึกเท่านั้น
    จิตวิญญาณมีความรู้สึกแห่งความรัก
    ปารถนาดีต่อผู้อื่น กล้าหาญ

    สิ่งที่คุณอยากทำ อยากเป็น มันจะต้องเป็นไป
    เพื่อความสุขของตนเองและผู้อื่นด้วย
    ดังนั้น มันจึงไม่เป้นการทำให้ใครเดือดร้อนแน่นอน


    นี่คือการตอบสนองของจิตวิญญาณ
    เพื่อกระบวนการของความสำเร็จตามแรงบันดาลใจ
    จะเป็นจริงขึ้นมาได้
    เพราะเป็นสิ่งที่คุณได้เลือกทีจะมาทำในสิ่งนี้ก่อนที่จะมาเกิดด้วยซ้ำ
    แรงบันดาลใจแค่เพียงเตือนคุณเท่านั้นเอง


    คนที่ประสบความสำเร็จทุกคนใช้วิธีนี้ รู้ความลับนี้
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 7 มิถุนายน 2008
  16. narin1960

    narin1960 Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 เมษายน 2008
    โพสต์:
    50
    ค่าพลัง:
    +40
    ขอบคุณมากครับสำหรับคำอธิบาย เป็นเพราะตอนนี้สมองผมมันมีแต่เรื่องปัญหาหนี้สินและเรื่องปัญหาในงานจนเราแทบบ้าเพราะไม่สมารถแยกแยะหรือจัดระบบในสมองได้ จิตผมมันเลยไม่นิ่ง เครียดมากด้วยครับ
     
  17. Haruki

    Haruki Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    18 ตุลาคม 2005
    โพสต์:
    14
    ค่าพลัง:
    +36
    แล้วคุณ รักไร้พ่าย จะรวบรวมเป็นเอกสารแจกไหมครับ จะได้ไม่ต้องเปิดหลายหน้าครับ
     
  18. รักไร้พ่าย

    รักไร้พ่าย เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 สิงหาคม 2007
    โพสต์:
    886
    ค่าพลัง:
    +2,861
    ขอบคุณครับที่ติดตามอ่าน
    ผมคงจะเขียนไปเรื่อยๆในกระทู้นี้ แบบผ่อนคลายสบายๆ
    ยังไม่ได้คิดจะทำเป็นเอกสารครับ

    และอันที่จริงแล้วที่ผมเขียนกระทู้นี้ ส่วนหนึ่งก็เพื่อ
    ทบทวนความรู้ตัวเองไปด้วย

    โดยวิธีแบ่งบันความรู้นี่แหละ ทำให้ผมได้เข้าใจและเรียนรู้ได้
    ลึกซึ้งไปด้วย
    และที่สำคัญเป็นการเติมแรงบันดาลใจให้ผมได้มากขึ้นกว่าเดิม
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 7 มิถุนายน 2008
  19. รักไร้พ่าย

    รักไร้พ่าย เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 สิงหาคม 2007
    โพสต์:
    886
    ค่าพลัง:
    +2,861
    ขอให้เข้าใจก่อนว่า

    ความสำเร็จ ความมั่งคั่งร่ำรวย การเป็นที่รักยกย่อง
    ความสุข สุขภาพดี
    สิ่งเหล่านี้ เป็นเพียงเงามายาของแก่นแท้ที่อยู่ภายในตัวเราเท่านั้น

    คำว่า "เงา" มันคือภาพสะท้อนของสิ่งหนึ่งที่เป็นต้น
    กำเนิดที่แท้จริงของมัน

    [​IMG]

    และต้นกำเนิดมันก็คือ จิตวิญญาณที่แสดงคุณสมบัติของมัน นั่นก็คือ

    "ความรัก"

    [​IMG]

    ซึ่งเป็นความรู้สึกเดียวเท่านั้นที่มันมี โดยวิธีทางแห่งการสร้างสรรค์
    ผ่านการเป็นมนุษย์เพื่อหาประสบการณ์ถึงตัวจิตวิญญาณเอง

    แต่เมื่อเรา ไม่เข้าใจ ในมิติแห่งแก่นแท้ของเรา เราจึงเกิดความกลัว
    และเข้าใจคลาดเคลื่อนโดยการมอง "เงา" ของแก่นแท้

    ว่าเป็นแก่นแท้เสียเอง มันจึงกลายเป็นอัตตาไป ที่พยายามเข้าใจ
    ทุกสิ่งเป็นแบบตรงข้ามความจริงของจักรวาล หรือ สัจธรรม

    และต้องการปกปิดความกลัวด้วยการ หา "เงา" มายาเหล่านั้น
    มาเต็มความรู้สึกที่ขลาดกลัวนั้นให้มันรู้สึกมั่นคง

    ดังนั้นเมื่อเราไม่รู้ความจริงของจักรวาล มันจึงกลายเป็น
    ความลับ สำหรับเรา
    จึงใช้บริการของอัตตาดำเนินขีวิต

    การหา "เงา" ของแก่นแท้ คือ

    ความร่ำรวย
    ความรัก
    ความสำเร็จ
    การต้องการเป็นที่ยอมรับ
    อิสรภาพ

    เพราะมันเชื่อว่าหากมีสิ่งเหล่านี้ อัตตาจะรู้สึกปลอดภัยจากความกลัว
    มันจึงพยายามใฝ่หามาทุกวิถีทาง

    อัตตาไม่ต้องการเป็นผุ้แพ้ ถ้ามันแพ้ มันจะรู้สึกกลัว กลัวว่ามันจะ
    ดำรงอยู่ไม่ได้
    [​IMG]
    แต่เพราะอัตตามันไม่รู้ความเป็นจริงว่า สิ่งที่มันตามหาแท้จริง
    เป็นเพียงเงาของแก่นแท้ที่เกิดจาก ความรักสากลเท่านั้น

    หากมันได้ครอบครอง เงา เหล่านี้แล้ว มันยังวิตกกังวลว่าสิ่งเหล่านี้
    อาจสูญหายไป

    มันจึงเริ่มระแวง เป็นกังวล และมันจะพยายามครอบครองสิ่งเหล่า
    นี้ให้อยู่กับมันต่อไป หากถูกคุกคามมันจะรู้สึกโกรธ และจะต่อต้าน
    หรือต่อสู้ เพื่อปกป้องสิ่งที่มันคิดไปว่าเป็นของมัน

    [​IMG]

    มันจึงใช้อำนาจจอมปลอมของมันเพื่อคุกคามคนอื่น
    ต้องการมีอำนาจเหนือคนอื่น
    เพื่อมันจะได้แน่ใจว่า มันจะไม่แพ้ และสามารถปกปิดความกลัวซึ่งเป็น
    รากเหง้าของมันได้ มันจึงใช้วิธีการแข่งขัน และวัดการชนะด้วยอำนาจ
    จอมปลอมจากภายนอก

    แต่อัตตามันหารู้ไม่ว่า ในกฏแห่งจักรวาล
    ทุกสรรพสิ่งล้วนมีอำนาจเป็นของตนเอง ที่จะไม่เบียดเบียน
    ซึ่งกันและกัน

    มีแต่ความรักความเป็นหนึ่งเดียวกันเท่านั้น
    ไม่ได้แบ่งแยกส่วนเหมือนที่อัตตามันมอง

    โลก ไม่เคยเบียดเบียนดวงจันทร์ ดวงอาทิตย์ไม่เคยเบียดเบียนโลก
    ต่างก็พึ่งพากัน และเหนี่ยวรั้งกันด้วยการดึงดูดให้อยู่ในระยะที่สมดุล
    เพื่อความดำรงอยู่ และพวกสิ่งเหล่านี้จึงร่วมกันได้อย่างยาวนาน

    [​IMG]

    ต่อให้อัตตามันได้ครอบครองทุกอย่างแล้ว มันก็ไม่สามารถ
    จะปกปิดความกลัวได้

    เพราะทุกสิ่งในจักรวาลนี้ได้ไหลไปเรื่อย เป็นการเปลี่ยนแปลง ส่ง รับ
    ทางพลังงาน
    โดยการเกิดขึ้น ดำรงอยู่ และสูญสิ้นไป เพื่อสร้างสมดุลระบบให้อยู่ได้ต่อไป
    หรือเรียกว่ากฏแห่งความไม่แน่นอนนี่เอง

    นี่คือระบบของธรรมชาติซึ่งมันต้องเป็นไปตามระบบนี้

    ดังนั้นเมื่อ อัตตามันจะพยายามครอบครองสิ่งใดให้อยู่กับมัน
    มันจึงประสบแต่ความขัดแย้ง
    ระหว่างสิ่งที่ต้องการ กับสิ่งนั้นที่กำลังเปลี่ยนแปลง
    ไปตามระบบการเคลื่อนไหวของจักรวาล

    ความขัดแย้งภายในนี้ มันเสียดสี บีบคั้น ซึ่งเรียกกันว่า ความทุกข์นั่นเอง
    หรือขยายความว่า

    สิ่งไม่ได้ตามที่ต้องการ

    สิ่งที่ได้กลับไม่เป็นไปตามต้องการ

    คาดหวังสิ่งที่ต้องการแล้วไมได้

    วิธีจะขจัดทุกข์ไม่ใช่การใปเปลี่ยนแปลงระบบการเคลื่อนไหวของธรรมชาติ
    ให้เป็นไปตามที่อัตตามันปารถนา

    แต่เป็นการเปลี่ยนความปารถนาของอัตตาที่จะครอบครองสิ่งต่างๆ
    เพื่อตัวมันเอง ด้วยการเข้าใจ ในจิตวิญญาณแก่นแท้ เข้าใจในระบบ
    จักรวาล และมันจะค่อยๆสลายไปด้วยการปล่อยวางในการยึด
    คิดเพื่อครอบครอง
    แล้วเราจะกลับมาเป็นเป็นจิตวิญญาณที่แท้จริงได้
    และแสดงคุณสมบัติแห่งความรัก
    ออกมา รักในทุกสรรสิ่ง แล้ว ความร่ำรวย ความสำเร็จ
    ความเป็นที่ยอมรับ
    จะเป้นเงาที่ติดตามมาเอง

    จริงๆแล้ว ที่อัตตามันต้องการความมั่นคง ความมั่งคั่งนั้น
    ไม่ใช่ที่ตัวเงินทอง แต่มันต้องการ ความรู้สึกมั่นคั่ง และมั่นคงเท่านั้น

    ต่อให้มันได้เงินทองมามากมายทั้งภูเขา มันก็ยังไม่รู้สึกมั่นคงเลย
    เพราะมันไม่เข้าใจในความเป็นแก่นแท้แห่งตัวตนที่แท้จริง

    หากคุณยังปล่อยให้อัตตานำชีวิตแบบนี้ คุณจะหาคุณค่าที่แท้จริงไม่พบ
    แม้ว่าจะมีเงินทอง มากมายปานใดก็ตาม

    เมื่อสิ่งนี้หมดไป คุณก็จะหมดอำนาจไปด้วย


    ดังคำกลอนที่ว่า

    "เมื่อมั่งมีมากมาย มิตรหมายมอง
    เมื่อมัวหมอง มิตรมองเหมือนหมูหมา
    เมื่อไม่มี มวลมิตรไม่มองมา
    เมื่อมอดม้วย แม้หมูหมาไม่มามอง"

    [​IMG]

    อัตตามันไม่มีอำนาจด้วยตัวมันเอง มันจึงแสวงหาอำนาจ
    จากภายนอกมันนั่นก็คือเงาของแก่นแท้นั่นเอง

    และท้ายที่สุดจะบ่นกับตัวเองออกมาว่า เกิดมาทำไม
    มีเงินทองไปเพื่ออะไร ตายไปก็เอาไปไม่ได้

    ท่านไสบาบา ได้กล่าวว่า

    [​IMG]

    คนที่ปีนต้นมะพร้าว เพื่อบิดผลมะพร้าวมากิน
    ขณะที่ปีน เงาของคนนั้นก็ปีนไปด้วย ขณะที่คนนั้นบิดผลมะพร้าว
    เงานั้นก็บิดมะพร้าวด้วย
    แต่เมื่อได้ผลมะพร้าวมากิน เงานั้นกลับไม่ได้กิน

    [​IMG]

    ขอให้เดินตามทางแห่งจิตวิญญาณโดยอาศัยแรงบันดาลใจชี้ทางชีวิตเถิด
    เพื่อจะได้พบคุณค่าที่แท้จริงของชีวิต ด้วยความรูสึกแห่งรัก

    ก่อนที่เวลาในชีวิตเราจะไม่เหลือเพียงพอให้

    ดั่งคำกล่าวของซิดนีย์ แฮริส นักเขียนอเมริกากล่าวว่า


    "การรู้สึกเสียใจในสิ่งที่ได้ทำไป
    จะหายไปเมื่อเวลาผ่านไป
    แต่ความรู้สึกเสียใจในสิ่งที่เรายังไม่ได้ทำ
    จะคงอยู่นานเท่านาน"
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 7 มิถุนายน 2008
  20. ฐาณัฏฐ์

    ฐาณัฏฐ์ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    5 มกราคม 2008
    โพสต์:
    6,197
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +4,075
    "การรู้สึกเสียใจในสิ่งที่ได้ทำไป จะหายไปเมื่อเวลาผ่านไป
    แต่ความรู้สึกเสียใจในสิ่งที่เรายังไม่ได้ทำ จะคงอยู่นานเท่านาน"

    ^-^ ขอบคุณครับ หุหุ
     

แชร์หน้านี้

Loading...