เรื่องเด่น มนุษย์ต่างดาวติดต่อเราหรือยัง-ควรบอกว่า เมื่อไหร่จะไป

ในห้อง 'วิทยาศาสตร์ทางจิต - ลึกลับ' ตั้งกระทู้โดย chandayot, 18 เมษายน 2012.

  1. chandayot

    chandayot เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    11 กันยายน 2006
    โพสต์:
    1,458
    ค่าพลัง:
    +2,234
    ---ขนาดมีแสงสว่าง ยังเห็นได้ชัด แสดงให้เห็นว่า ดวงแสงวิญญาณมีพลังมากเกือบเท่าหลอดไฟฟ้าครับ ยินดีและอนุโมทนาบุญด้วยครับ แม้แต่เทวดายังออกมาแสดงความยินดี มิติของเค้าก็ซ้อนๆกันอยู่ แต่การออกมาให้เห็น ก็มีกฏของสวรรค์บังคับอยู่

    --ภรรยาผมเคยเห็นด้วยตาหลายครั้ง ผมเห็นสองครั้ง ครั้งแรกเป็นผู้หญิงสวย สวยมากกว่าดาราหนังละกัน ไม่สามรถบอกได้ว่าเชื้อสายไทย จีน อาหรับอียิปต์ เพราะไม่เหมือนชนชาติใดๆ ดวงหน้าสวยงาราวกับภาพวาด เป็นคนร่างเล็กๆ- คนที่สองเป็นหญิงแก่ นุ่งโจงกระเบน พบเวลากลางวันน่ะครับ ตอนที่เราเห็น เราก็คิดว่าเป็นคนธรรมดา
    หญิงแก่มาจับแขนภรรยาผม เธอบอกว่า -มือแกเย็นๆ เยือกไปถึงหัวใจ ขนหัวลุกซู่ และผมก็ขนลุกรู้สึกว่า หญิงคนนี้ไม่ใช่คนธรรมดาแน่นอน
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 21 เมษายน 2012
  2. chandayot

    chandayot เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    11 กันยายน 2006
    โพสต์:
    1,458
    ค่าพลัง:
    +2,234
    --หลวงพ่อชาบอกว่า "ธรรมมะที่แท้-ยากจะบอก อยู่นอกเหตุ-เหนือผล นอกผลเหนือเหตุ" ถ้อยคำธรรมดา ล้วนแต่ตื้นเขินเกินไป ไม่อาจจะบอกสิ่งที่พ้นไปเหนือธรรมดาโลก--สิ่งที่ เหนือมืด เหนือสว่าง หรือเหนือกว่า สูง-ต่ำ ดำ-ขาว หรือยาว หรือสั้น

    --เพียงแต่ปล่อยใจให้ว่างๆ ไม่ต้องบังคับ เพราะจิตเป็นธาตุรู้ มีความสดใส เบิกบาน สว่างอยู่ตามธรรมชาติอยุ่แล้ว เพียงแต่เศร้าหมองเพราะกิเลสมันจรมาชั่วคราว

    พี่สาวผม ได้ตามหา ค้นคว้าปฎิบัติตั้งแต่สายพุทโธ--ยุบหนอพองหนอ ไปสิ้นสุดตรงที่ประยุกต์เอา"จิตว่าง" "บ่อซิม" "ไร้ใจ"ของท่านพุทธทาส มารวมกับคำสอนเรื่องจิตว่างของฆราวาสท่านหนึ่ง
    -- รุ่นพี่ที่เป็นนายทหารเรือ(ลูกศิษย์ท่านกตะธะโร) ได้พบกับสายฟ้าฟาดแห่งความว่าง หรือการบรรลุน้อยๆ ในขณะที่กำลังเปิดท้ายรถ รู้สึกเหมือนโดนไฟช็อตลงมาทั่วตัว แต่ในใจกลับโปร่งสบาย รู้และเข้าใจ แต่ไม่รู้ว่า"รู้อะไร" และสามารถสอนธรรมที่ลึกซึ้งได้ แต่เล่นกีฬาที่ต้องการเอาชนะไม่ได้ ใจมันเฉยๆ ไม่อยากเอาชนะ ไม่ตื่นเต้น---พอมาสอนธรรม ให้ทำจิตว่างๆ เขาก็บอกรุ่นน้องว่า "ต้องว่างกว่านี้อีก" เป็น "ความว่างที่ไร้กระแส" จนได้พบ "ตัวตนและหน้าตาก่อนเราเกิด" --จุดนี้พิจารณาให้ดี สามารถไปนิพพานได้
    --คนเราเกิดมาได้อย่างไร ใครๆก็รู้ แต่ตายแล้วจะไปไหน ก็ไม่มีใครรู้ ส่วนร่างกาย ก็เป็น ดิน น้ำ ลม ไฟ คืนธรรมชาติเขาไป สำคัญที่จิตวิญญาณนะซิ
    "กลับไปสู่ที่ๆเราจากมา" หรือว่า "หลุดพ้นไป ไปสู่จิตเดิมแท้" พุทธะ สูญญตา นิพพาน อาตมัน ปรมาตมัน อาจจะเป็นสิ่งเดียวกัน--ไม่มีใครรู้ เพราะไม่มีใครบอก----ทุกๆสิ่งล้วนเกิดจากใจ "มะโน ปุพพัง ธรรมมา"
    --ธรรมมะวันละคำครับ---เขียนจากความทรงจำล้วนๆ
     
  3. Duangchan Rach

    Duangchan Rach Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    23 กันยายน 2011
    โพสต์:
    43
    ค่าพลัง:
    +28
    ท่านก็ศึกษาธรรมมะ มาไม่น้อยเลยนะคะ อนุโมทนาบุญด้วยค่ะ
     
  4. ทรงกลด999

    ทรงกลด999 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    10 มีนาคม 2009
    โพสต์:
    1,284
    ค่าพลัง:
    +1,510
    ผมว่าถ่ายรูปแล้วติดเป็นดวงๆน่าจะเป็นเรื่องจริงเพราะผมเคยเห็นรูปเดียวกัน สถานที่เดียวกัน เวลาใกล้กันห่างกันไม่เกิน 5 วินาทีแล้วเป็นดวงๆบางรูป จะเกิดจากฝุ่นก็ไม่น่าใช่ครับ ส่วนมนุษย์ต่างดาวผมว่าในเมืองไทยก็น่าจะมี ที่มาอยู่เป็นร่างคนปรกติเดินอยู่ในกรุงเทพฯเชียงใหม่ ก็น่าจะมีครับ ส่วนใหญ่เขาอยู่กันเงียบๆครับ
     
  5. SUEDE

    SUEDE Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    11 ตุลาคม 2010
    โพสต์:
    169
    ค่าพลัง:
    +59
    ทุกๆสิ่งล้วนเกิดจากใจ..(ธรรมะวันละคำ เขียนจากความทรงจำล้วนๆ)..โมทนาครับ..
     
  6. Duangchan Rach

    Duangchan Rach Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    23 กันยายน 2011
    โพสต์:
    43
    ค่าพลัง:
    +28
    ถ่ายติดหลายรูปเหมือนกันค่ะ ตอนแรกคิดว่าน่าจะบังเอิญมากกว่า มีให้ดูอีกนะคะ ลองพิจารณาดู
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    • S6302091.JPG
      S6302091.JPG
      ขนาดไฟล์:
      3 MB
      เปิดดู:
      153
    • S6302086.JPG
      S6302086.JPG
      ขนาดไฟล์:
      2.9 MB
      เปิดดู:
      184
  7. chandayot

    chandayot เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    11 กันยายน 2006
    โพสต์:
    1,458
    ค่าพลัง:
    +2,234
    ยินดีครับ รูปเหล่านี้มีค่ามากครับ ก็อย่างที่ว่ากล้องดิจิ 5 ตัวถ่ายพร้อมกันภาพออกมายังต่างกัน
    ---เรื่องต่างดาวยังไปได้ช้าๆครับ--ตอนนี้กำลังจะพูดถึง พวกอธรรม ซึ่งเกาะกันอย่างหลวมๆ พวกนี้มีเกจิอาจารย์เป็นทั้งพวกไร้ร่างกายก็มี --เป็นเทพฝ่ายมารในอวกาศก็มี เรียกว่า "กลุ่มภราดรภาพดำ" The dark Brotherhood ดาร์ค แบบนี้ไม่ใช่หมายถึง"ผิวดำ" แต่จะแปลว่า ความมืดมิด ความต่ำของจิตใจ

    --ส่วนกลุ่มภราดรภาพขาวThe White Brotherhood ก็มีครับ เป็นกลุ่มเดียวกับสมาพันธ์แห่งหลายกาแลกซี่--สภาอันโดรเมด้า ซึ่งส่วนใหญ่ไม่มีร่างกาย แต่พวกชาวต่างดาวให้ความเคารพยำเกรงมาก ซึ่งพวกเขาคงได้เจอฤทธิ์ของท่านผู้เฒ่าแห่งจักรวาลมาแล้วแน่ๆ

    -มีหลายกลุ่มบนโลกนี้ ที่ได้เหมือนเป็นโรงเรียนเวทย์มนตร์ ยังคงรักษาระเบียบ และวิธีติดต่อกับชาวต่างดาวและ เทพเจ้า เอาไว้ตลอดเวลาที่ผ่านไปเป็นพันๆปี เทพที่มาติดต่อ ส่วนใหญ่ก็จะเป็นชนเผ่าผู้แกร่งทางวิทยาคม เช่น ชาวทิเบต ชาวอินเดียนแดง เช่น มาสเตอร์คุถุมี ท่านเมฆขาว ซึ่งบางท่าน อาจได้ยินจากภาพยนต์บางเรื่อง เช่น ดีโอเอDead or Alive-(อยู่หรือตาย)

    --ซึ่งในหนังสือที่ผมค้น จะมีเยอะ แม้แต่คำลึกลับ ของภิกษุณีแห่งหิมาลัยที่เกี่ยวกับดินแดน(สวรรค์)ทั้งเจ็ด ในหนังสือก็บอกไว้ตรงเป๊ะ ทั้งๆที่ท่านภิกษุณีท่านสั่งว่า "ห้ามบอกกับคนนอก"

    --มีหลายๆอย่างที่เหมือนกับในหนังครับ เช่นแบ่งพลังฝ่ายดี-ชั่ว ก็เหมือนใน"สตาร์ วอร์" การส่งคนออกนอกยาน การใช้โทรศัพท์ที่เหมือนมือถือปัจจุบัน มีให้หนังเรื่อง"สตาร์เทร็ค"มาก่อน--นานแล้วด้วย สิ่งประดิษฐ์ทุกอย่าง มันจะเกิดในมโนภาพของมนุษย์ก่อนเสมอ แล้วภาพมันมาจากไหนล่ะ---อินเดียโบราณเรียกว่า คลังอากาศิกส์ เป็นเหมือนแหล่งความรู้ของทุกๆคนในทุกภพชาติรวมกัน ไม่เว้นชาวต่างดาว อย่างที่ท่านดร.อาจ-อง เล่าให้ผมฟังว่าา ได้ค้นคว้าระบบลงจอดของยานดาวอังคาร คิดมาลองใช้มันก็ใหม้หมด จนท่านท้อ คิดว่าจะละทิ้งทุกสิ่งทุกอย่าง ไม่เอาแล้ว ปล่อยวางแล้ว ท่านก็เดินขึ้นภูเขา มีร่มไม้ จึงลองนั่งสมาธิดู ปล่อยใจวาง เบาๆ --ทันใดนั้น ท่านเห็นวงจรไฟฟ้า เป็นภาพวิ่งจากท้องฟ้าเข้ามาให้เห็นครับ ท่านพยายามจำให้ครบ แล้วรีบเข้าแล็บทดลอง มันก็สำเร็จครับ ทุกวันนี้การลงจอดของยานครั้งใหม่ ก็ยังใช้วงจรนี้อยู่เลยครับ

    --บางท่านเป็นนักธุรกิจ บอกว่ามีตัวหนังสือเป็นธรรมมะขั้นสูง วิ่งมาเป็นสายๆ
    ท่านเรียกว่า "คลังจักรวาล" ครั้งหนึ่งท่านดูทีวี เป็นภาพดวงแสงพุ่งออกมาจากจอ ระเบิดใส่หน้าท่าน สักพักมีข่าวทีวีบอกว่ามีคนเห็นลูกไฟระเบิดกลางท้องฟ้าที่ลพบุรี มีคนเก็บสะเก็ดของมันได้ด้วย และท่านบอกว่าว่า ตอนที่ท่านเห็นนิมิต(ด้วยตา) มีร่างคนกระเด็นออกมาจากยานนั้นสองสามคนด้วย
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 21 เมษายน 2012
  8. chandayot

    chandayot เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    11 กันยายน 2006
    โพสต์:
    1,458
    ค่าพลัง:
    +2,234
    ถ้าจะเอาแบบไวไว ต้องต้มน้ำร้อนก่อนครับ จะเ้อาเรื่องมาแทรกไว้ ถ้าจะเดินตามหนังสือแล้วผมจะบอกอีกทีนึง

    [ame="http://www.youtube.com/watch?v=OxwHuue-jYE"]UFO Spacecraft Landing With Giant Aliens In Voronezh Russia 1989 - YouTube[/ame] รัสเซีย ปี 1989 เมืองโวโรเน็ซ พบจานบินลงจอด มีมนุษย์ต่างดาวสูง9 ฟุต ซึ่งคิดว่าเป็นชาว "อุมโม่"

    ELIZABETH KLARER(UFO CONTACTEE & SPACE TRAVELLER)
    --อลิซาเบธผู้ติดต่อชาวต่างดาว และเป็นนักเดินทางในอวกาศ
    หญิงชาวอังกฤษชื่อ เอลิซาเบ็ท ได้พบชาวต่างดาว และไปท่องเที่ยวที่ดาว"มีตั้น" ถึง 4 เดือน จนเธอได้กำเนิดบุตรบนดาวนั้นด้วย กระทั่งทางอังกฤษได้ยอมรับเรื่องจานบินต่างดาวอย่างเป็นทางการ--- ปี 1975 เธอได้พูดที่การประชุมคองเกรสฝ่ายค้นคว้าจานบินที่เยอรมัน-- ได้รับเกียรติอย่างมาก คือคนฟังทั้งหมดลุกขึ้นยืนปรบมือให้เธอ แสดงว่าเธอพูดในสิ่งที่เชื่อถือได้(สัมภาษณ์โดยนักข่าวอเมริกัน) เรื่องของเธอได้แพร่ไป และเชื่อถือกันมากที่ อเมริกา อังกฤษ และรัสเซีย

    --ปี1983 เธอได้รับเกียรติเป็นท่านลอร์ดจากอังกฤษ และสหประชาชาติก็สนใจศึกษาบทความของเธอ
    -เธอเกิดที่ประเทศนาทาลใกล้เผ่าซูลู ได้ฝึกเป็นนักวิเคราะห์อุกกาบาตที่อังกฤษ และไปเรียนดนตรีที่ ทรินิตี้คอลเลจ เธอยังฝึกเป็นนักบินอีกด้วย ในสงครามโลกครั้งที่สอง พวกเขาจ้างเธอถอดรหัสวิทยุลับของเยอรมัน
    มีลูกชื่อ เดวิด ลูกสาว-ชื่อมาริลีน และ ไอลิ่ง--- ซึ่งตอนนี้เป็นนักดาราศาสตร์อยู่ที่ดาวอื่น


    --เรื่องของเธอเริ่มเมื่อ7 ขวบ มีจานบินมา และพวกเขาเริ่มติดต่อทางจิตกับเธอ กับลูกเรือชื่อ อะคอน
    --เมษา1956 พวกเขานำเธอไปยังยานแม่ลำเก่าแก่ และพบรักกับคนรักใหม่คือ อะคอน
    --หลังจากนั้นแปดเดือน มีหน่วยลับของอเมริกาตามสะกดรอยเธอ ครั้งหนึ่งเธอเกือบโดนชาวรัสเซียลักพาตัว เพราะพวกนี้อยากรู้-- อยากครองอนาคตของโลก ผ่านการยึด"ลูกจากอวกาศ"ของเธอ
    --อะคอนพาเธอไปอยู่ดาว"มีตั้น" ในระบบ"อัลฟ่า เซ็นจูรี่"กาแลกซี่ -ซึ่งเธอให้กำเนิดบุตร"ไอ-ลิ่ง" และทิ้งไว้ที่ดาวนี้
    --ร่างกายของเธอไม่ทนทานกับความกดดันอากาศและสนามแม่เหล็กของที่นั่น ทำให้หัวใจเต้นผิดจังหวะ พวกนั้นบีบบังคับให้เธอกลับโลก เพราะอยู่ที่นั่นอาจถึงตายได้

    --ยังคงมีการติดต่อกันอยู่เรื่อยๆ จากอะคอนและลูกของเธอ ซึ่งมาปรากฏภาพใน"ระบบภาพฉายสามมิติ"(โฮโลกราฟฟี่).

    --1984 ประวัติของเธอได้รับความสนใจจากเจ้ากระทรวงการป้องกันประเทศของอังกฤษ ซึ่งได้รวบรวมเอกสารและยอมรับเรื่องจานบินอย่างเป็นทางการต่อประชาชน--เธอได้รับการยอมรับจากกลุ่มศึกษาจานบิน 22 ประเทศ ได้ไปออกทีวีที่ประเทศสวิส เธอบอกว่าเขียนหนังสือไว้สองเล่มคือ "เหนือกำแพงแห่งแสง-Beyond the Light Barrier" และ "แฟ้มเรื่องแรงโน้มถ่วง-the Gravity files"
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 21 เมษายน 2012
  9. chandayot

    chandayot เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    11 กันยายน 2006
    โพสต์:
    1,458
    ค่าพลัง:
    +2,234
    ----------------------
    หลักแห่งการพัฒนาจิตวิญญาณ ที่สำคัญที่สุดคือ ให้มีความรักเมตตาต่อเพื่อนร่วมโลกด้วยกัน ยิ่งเป็นความเมตตาที่ไม่มีประมาณ ให้อภัยแม้ผู้ที่เป็นศัตรูของเรา แล้วจิตวิญญาณของท่านจะยิ่งใหญ่ ---เป็นที่รัก เป็นผู้นำของมวลมนุษย์ต่อไป

    --ในทางวิทยาศาสตร์ ประจุบวกดึงดูดกับประจุลบ แม่เหล็กขั้วเหนือดูดกับขั้วใต้ แต่ในทางจิตวิญญาณ ถ้าคุณอธิษฐานหา แล้วผู้ที่มีคุณธรรมเสมอกันจะมาปรากฏ และมาเป็นเพื่อนกับคุณ แม้กระทั่งผู้ที่มีแต่ดวงวิญญาณก็ตาม กลายเป็นว่า "ประจุเหมือนกันนั้นดึงดูดกัน"

    ----กรรมดีทำทีละน้อย เหมือนน้ำหนึ่งหยด ทำบ่อยๆเข้าก็เต็มโอ่ง เหมือนการประจุไฟเข้าแบตเตอรี่ เข้าทีละน้อย ไม่ช้าก็เต็ม

    --เหล่านี้มาจากเทพท่านบอกเล่าให้ฟัง

    --------------------------------------

    ---ในการเกิดแต่ละชาติ ความรู้ -ความสามารถก็จะไปเพิ่ม สะสมไว้ในจิตวิญญาณ
    ในการสร้างระบบบันทึกกรรม หรือ "คลังอากาศิกส์"ของโลก ที่ใช้ผลึกคริสตัลเป็นสิ่งบันทึกนี้ มีจิตวิญญาณจากดาวลูกไก่(กลุ่มดาวสาวพี่น้องทั้งเจ็ด) 350 ล้านดวง ได้มาเริ่มให้ โดยมาเกิดในโลก โดยไม่เกิดซ้ำ --เพื่อให้ระบบอากาศิกส์นั้นสมบูรณ์ด้วยข้อมูล---ปัจจุบันสายพันธุ์ที่หลงเหลือเรียกว่า ชาวโพลินีเชียน เป็นนักเดินเรือที่เก่งกาจ


    ---ดินแดนก้นมหาสมุทรแปซิฟิกเดิม เป็นที่ที่น้ำเข้าไม่ถึง เป็นที่อยู่ของพวกเขา ต่อมาน้ำแข็งละลายมากขึ้น--เป็นแบบเดียวกับตอนนี้มที่เราคิดว่า "โลกร้อน"--ความจริงคือวัฏจักรของโลกทุกๆ 400 กว่าปี

    ---เดิมทีตอนนั้น---เมื่อแสนกว่าปีก่อน ได้มีชาติพันธ์คล้ายมนุษย์22 สายพันธุ์ และมีเพียงพันธุ์เดียวเท่านั้นที่ได้รับ "ดีเอ็นเอศักดิ์สิทธ์"มา และพันธุ์อื่นๆ ที่คล้ายลิงหางยาว ก็ได้สูญพันธุ์ไป เพราะมนุษย์มีความพิเศษที่รับดีเอ็นเอแบบนี้ได้ จึงเป็นผู้ครองโลกสืบมา
    (จิตจักรวาลครายออนเป็นผู้บอก)
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 20 เมษายน 2012
  10. chandayot

    chandayot เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    11 กันยายน 2006
    โพสต์:
    1,458
    ค่าพลัง:
    +2,234
    [​IMG] -------มีย้อนหลังเยอะนะ----[​IMG]

    -------ความเดิม-----อุมโม่---ชาวอุมโม่ได้รับข้อมูลคลื่นวิทยุที่ไม่สามารถตีความได้ ขึงตามคลื่นมาจนถึงระบบสุริยะจักรวาลของเรา(ตัวหนังสือยึกยือ คืออักขระภาษาอุมโม่ค้าบ)
    -ชาวอุมโม่แสนจะแปลกใจ ที่ได้พบอารยธรรมความเจริญชั้นสูงบนโลก และตัดสินใจจะสำรวจอารยธรรมบนโลกนี้ ครั้งแรกลงจอด ที่ลา จาวี เขต เลอ บาสสา (ไม่รู้อ่านยังไง พอดีบ้านไม่ไกล้ฝรั่งเศส) ไม่มีใครสังเกตเห็น และ สำรวจร่างมนุษย์ ชาย 4 หญิง2 ซึ่งก็ทิ้งไว้ ณ ที่เดิม

    --ชาวอุมไม้ท์บอกกับ แอนโตนิโอ ริเบอร่า ว่าดาวของเค้า หมุนรอบดาวดวงหนึ่ง ซึ่งนักดาราศาสตร์เรียกว่า วูลฟ์424-(Wolf-424) ซึ่งห่างโลกไป 15 ปีแสง ดาวอุมโม่มีความคล้ายโลกมากเลย แต่ชาวอุมไม้ท์นะ เป็นนักสื่อสารด้วยพลังจิตตัวยง และเชื่อมั่นว่า จิตวิญญาณ และพระเจ้าผู้สร้างน่ะมีจริง

    พออายุ 13ปี7เดือน หนูๆเด็กๆชาวอุมไม้ท์ต้องจากบ้านเพื่อเข้าศูนย์การเรียนรู้ เพื่อเตรียมตัวสำหรับชีวิตผู้ใหญ่ พวกเขาต้องพบกับการใช้งานสถานะต่างๆอย่างน้อย 10 มิติขึ้นไป-ในโลกแห่งความจริง(เรียลลิตี้)และยังมีเกินนี้อีก(โลกเรามีแค่สามมิติเท่านั้น ไม่นับมิติของเวลา ที่เชื่อว่าเป็นมิติที่4)


    --พวกเขาบอกว่าเจริญมากกว่าเราทั้งทางเทคโนโลยี่และทางจิตวิญญาณ และยังไม่อยากปรากฏให้ชาวโลกรู้จักนัก เพราว่า พวกเรายังไม่เรียนรู้กฏ-หลักของความเจริญทางด้านจิตวิญญาณ หรือเรียกได้ว่า ยังไม่ได้ให้ค่าทางจริยธรรมกับกฏของอารยธรรมความเจริญ การที่จะบอก หรือแบ่งกฏเหล่านี้ นับว่าเป็นความผิดร้ายแรง และต่อต้านกับกฏรวมของจักรวาล(เดอะ คอสมิค ลอว์)
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 20 เมษายน 2012
  11. chandayot

    chandayot เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    11 กันยายน 2006
    โพสต์:
    1,458
    ค่าพลัง:
    +2,234
    ยานทรงหม้ออบนี่แหละคือของเค้า-------[​IMG]

    ---ก่อนอื่นเรามาทบทวนเรื่องมิติ ก่อนนะนักเรียน.. แหะๆลืมปาย---- ส่วน "3 มิติ"ที่เราทราบดี คือ กว้าง ยาว หนา(สูง) ถ้ามีกระดาษที่บางมากๆ วางบนโต๊ะ เราส่องจากขอบโต๊ะ ก็ไม่เห็นมัน

    --เพราะว่าเราไปหาฟังก์ชั่นทางความหนาซึ่งกระดาษนั้นเป็นศูนย์(สมมุติว่า) --เราจึงมองไม่เห็นมัน
    เทียบกับแกน x , y และ z ตามหลักของคณิตศาสตร์ แหละจ้ะ และจากคณิตศาสตร์เราสามารถสร้างลูกบาศก์ 4 มิติขึ้นมาได้ แม้ว่าจะทำไม่ได้จริง แต่มันส่อเค้าว่ามันเริ่มมีมิติที่มากกว่า3 ส่วนเวลา หรือไทม์ คนเราให้เป็นมิติที่4--จริงๆแล้วเวลาไม่มีจุดต้นจุดปลาย และเป็นภาพลวงแบบหนึ่งที่เกิดขึ้นกับการรับรู้ของเรา

    ---เวลา เป็นตัวกำหนดว่า มีเหตุ แล้วต้องมีผล ซึ่งผลเกิดก่อนเหตุไม่ได้ เวลา จึงเป็นการกำหนดระบบของการกระทำ --แรงต่อต้าน หรือเวลาตือตัวจัดระบบกรรม ซึ่งกฏแห่งกรรมถือว่าเป็นกฏพื้นฐานแห่งเอกภพ หรือคอสมิก ลอว์ ซึ่้งระบบของโลกต้องมีไว้ --และยังเป็นสิ่งที่ให้เรารู้จักพื้นฐานของความอนิจจัง เกิด แก่ เจ็บ ตาย ซึ่งทุกวิญญาณ จากทุกระบบดาว จากทุกดวงดาวต้องมาเรียนรู้ที่โลกใบนี้ และที่ชัดๆคือจากพุทธธรรม จะบ่งบอกไว้อย่างละเอียดยิ่ง

    --ถ้าเรา เอาวัตถุวางไว้ที่เวลา t1 แล้วเอาไปเคลื่อนออกไปอยู่ที่อื่น ณ เวลา t2 ซึ่งตอนนี้เวลา t2 วัตถุนั้นได้หายไปจากระบบแกนทั้งสามและเวลา t1(การระบุุตำแหน่งของต้องกำหนดสามแกน กว้างยาว สูง และเวลาด้วย) นักวิทยาศาตร์ต้องกำหนดละเอียด แต่ชาวต่างดาวบอกว่า วัตถุหายไปจากตำแหน่งนั้น เพราะ "เวลา ได้บดบัดทุกสิ่งและบดบังตัวมันเองด้วย" พระพุทธองค์ก็ได้กล่าวว่า "กาลเวลากลืนกินสรรพสิ่งกับทั้งตัวมันเอง" อย่างเราจะไปหาไปพบคนที่ตายไปแล้ว ก็เป็นไปไม่ได้ เพราะกาลเวลาย้อนกลับไม่ได้--สิ่งที่ทำไปแล้ว จะแก้กลับคืนไม่ได้--และยังเป็นหลักการของระบบความร้อน คือเทอร์โมไดนามิกส์ ที่เรานำมาใช้สร้างเครื่องยนต์ต่างๆ

    --แต่ยังมีสิ่งหนึ่งมีพลังอำนาจมหาศาล สามารถ ย้อนไปรู้เห็นอดีต และอนาคตได้ เคลื่อนไหวทะลุมิติเวลา รวดเร็วกว่าแสงซะอีก สิ่งนั้น คือ พลังจิต พลังวิญญาณ มโน หรือใจ ของเรานั่นเอง จะเห็นว่า คนเราไม่ค่อยรู้เรื่องเวลา-ว่านานเท่าไหร่แล้ว ต้องคอยดูแต่นาฬิกา เพราะจิตใจ ไม่เกี่ยวเนื่อง (ไม่เป็นฟังก์ชั่นของ)เวลา มันจึงไม่รับรู้อะไรทั้งนั้นเกี่ยวกับระบบของเวลา

    --เวลาและที่ว่าง หรือที่อยู่ มันแยกออกจากกันไม่ได้ เพราะเรานำความรู้นี้ไปสร้างยานต่างๆ หรือสำรวจอวกาศ แม้แต่ขับรถหรือเดลื่อนไหวร่างกายก็ตาม "กาลและอวกาศ ไม่สามารถแยกจากกันได้"(คำกล่าวไอน์สไตน์) จึงเรียกว่า "กาลอวกาศ-เป็นสิ่งเกี่ยวเนื่องพัวพัน" --Time-Space Continuum หรือเรียก ไทม์สเปซ--timespace เฉยๆ ก็พอรู้กัน

    --เรื่องของมิติและเวลา เขียนเป็นหนังสือได้หลายพันหน้า ---เหมือนข้อความเรื่องคนที่ตายไปแล้ว สามารถเห็นเหตุการณ์ย้อนเวลาได้หมด และ"รู้สึกว่า"ตัวเขา"เข้าไปรับรู้"ทุกสิ่งนั้นพร้อมๆกัน --จริงๆแล้วถ้าหนึ่งคน จะบันทึกภาพทุกวินาที ปริมาณข้อมูลก็มหาศาลแต่จิตใจ และระบบอากาศิกส์ของโลกนั้นรองรับข้อมูลนี้รับได้เสมอ--อย่าลิมนะ"ถ้ำแก้วผลึกลึกลับในมิติที่เกิน 4"(บันทึกอากาศิกส์ คือบันทึกกรรม บนแก้วผลึกในถ้ำลึกลับใต้โลก--และระบบสำรองข้อมูล อยู่ที่สมอง-พลังจิตของปลาวาฬและปลาโลมา ซึ่งชาวต่างดาวกับจิตจักรวาลก็สื่อสารกับพวกนี้เช่นเดียวกับมนุษย์)

    --ชาวต่างดาวเรียกระบบมิติ ว่า "ความหนาแน่น-Density " ซึ่งไม่ตรงกับความเข้าใจของเรา แต่คล้ายๆ คือให้ก้อนหินและแร่ธาตุ ซึ่งมีจิตรู้ทุกอันนะแหละว่าเป็น "ความหนาแน่นที่1" ส่วน-ต้นไม้ พืช คือ "ความหนาแน่นที่2"
    --โลกของ คน- สัตว์ เป็นระบบความหนาแน่นที่3 -ขณะนี้เขาจะย้ายระบบของเราไปสู่มิติสูงขึ้น คือ"เข้าสูระบบความหนาแน่น ที่4" ซึ่งอีกปีเศษๆก็จะรู้เองครับ
    (มค. ปี2014 จะเริ่มย้ายโลกไปมิติ4)

    ---ไม่มีใครมานั่งรวบรวมความรู้เหล่านี้และอธิบาย คงมีแต่ตรงนี้และคนที่โชคดีเข้ามาอ่านนะครับ

     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 20 เมษายน 2012
  12. chandayot

    chandayot เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    11 กันยายน 2006
    โพสต์:
    1,458
    ค่าพลัง:
    +2,234
    --ชาวต่างดาวบอกว่า ยีนส์ขยะ ที่มีในของมนุษย์ตั้ง80-90 เปอร์เซ็นต์ เป็นภาษา เป็นรหัสจากจิตจักรวาลผู้สร้างมนุษย์ มันเก็บอะไรหลายๆอย่างเช่นเรื่องพลังจิต และตวามพิเศษที่เกินมนุษย์-- ลึกๆแล้ว คุณ ชยุตต์ แปลได้ดีมากๆ ข้อมูลละเอียด ลึกซี้ง มีมากด้วย และข้อมูลที่ได้อ่าน ตรงกับทางผมครับ คิดว่าผลงานเค้าสุดยอดครับท่านนี้

    สี่แยกมิติ-Dimesional Intersection เป็นเรื่องของชาวต่างดาวที่บางครั้งก็ไปคุยกับหิน -ต้นไม้ ในมิติ 1 และ2 กลับมาหามนุษย์ -(มิติที่3) และยังไปหามิติของเทพ และที่สูงกว่านั้นอีกมากเป็นร้อยๆมิติ(มั้ง) โดยผ่านจุด หรือวัตถุ --ที่มีตัวตนในระบบมากกว่าสามมิติ(สี่แยกมิติ) ซึ่งไม่อาจอธิบายให้เราเข้าใจได้ เพราะเราไม่เคยมีประสพการณ์อะดิ๊ อย่างไรก็ตาม-ทางเทพ ท่านยืนยันว่าได้ติดต่อ และได้ความรู้จากชาวต่างดาวหลายพวก แม้ว่ากายเนื้อจะโดนขังอยู่ที่แอเรีย51 แต่ก็ใช้กายทิพย์ทำงานไปพร้อมกัน นับว่าเลิศสุดๆ

    --คือจิตวิญญาณของพวกเขาจะแนบชิดกับพระผู้สร้าง ส่วนโคตรเหง้าวิญญาณมนุษย์ได้แตกตัวออกมาจาก จิตจักรวาล (พระพรหม-ดวงอาทิตย์กลางกาแลกซี่ทางช้างเผือก-อัลซิโอน-Alcyone) และมีเจตจำนงเป็นอิสระ เมื่อหลุดพ้นแล้ว จิตวิญญาณก็กลับสู่จิตจักรวาลตามเดิม

    ---(เสียเวลาหน่อย อัพงานนี้ขึ้นที่ บล็อก --- บล็อกแกง เข้าเว็ปนี้ได้อ่านก่อนจ้ะ)

    -มาเรื่องอุมโม่กันต่อ บางเว็ปทำหน้าตาน่าเกลียดเชียว ชาวอุมโม่หน้าเหมือนเราครับ เหมือนคนแถวนอร์เวย์ --ชาวไวกิ้งมั้ง
    ตั้งแต่เรื่องที่ว่าชาวอุมโม่อายุ13.7ปี หลังจากนั้นผมอ่านหน้าผิด จริงๆแล้วเป็นเรื่องชาวลาร์ก้าครับ -ของชาวอุมโม่เขาจะพูดถึงการเดินทางทะลุมิติ-เร็วกว่าแสงนะครับ ขออภัยอย่างยิ่งเลย
    --ชาว<STRIKE>อุมโม่</STRIKE> ลาร์ก้ากล่าวต่อถึงตัวอย่างอันน่าเจ็บแสบว่า "มนุษย์ทุ่มเงินหลายหมื่นล้านดอลล่าร์ เพื่อสำรวจดาวอังคาร ขณะที่มนุษย์จำนวนไม่น้อย จมอยู่กับความยากจนและความหิวโหย"

    --การถูกโดดเดี่ยวทางจักรวาลนั้น จะถูกยกระดับขึ้นมา แค่เพียงแต่ส่วนน้อยของมนุษย์สู่ระดับจริยธรรมที่สูงขึ้น (ปลอบใจเรา)

    -จากการบอกกล่าวที่ได้พบปะกับมนุษย์เป็นครั้งแรก โดย ดีนาร์ด-Denaerde-อ่านว่า ดี-หนาด-(แต่ดีนาร์ด เกี่ยวกับชาวดาว"ลาร์ก้า-Larga")---ซึ่งเรื่องลาร์ก้า อยู่บทต่อไปอะจ้ะ

    [​IMG] [​IMG]
    ดาวน์โหลด (49.56 KB)
    30-3-2012 17:41

    ใบหน้าชาวลาร์ก้าคล้ายกับม้า[​IMG]
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 20 เมษายน 2012
  13. chandayot

    chandayot เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    11 กันยายน 2006
    โพสต์:
    1,458
    ค่าพลัง:
    +2,234
    วันก่อนจับแก๊งคอลเซ็นเตอร์ไต้หวัน วันนี้จับแก๊งยูเครน ตำรวจไทยเก่งสุดๆ
    --ความเสียหายแก๊งไต้หวัน สูญเสียทั้งในไต้หวันและจีน วงเงินนับ หมื่นล้านบาท
    -----------------------------------------------------------------------------------
    --เนื่องจากมีข้อมูลเพิ่มเติมที่น่าตื่นเต้นมากๆ จากชาวอุมโม่ อีกสัก สองหมื่นคำ-- และพวกเขาบอกว่า จิตจักรวาลมีความสมบูรณ์ในตัวเอง มีความคิด มีการปรับปรุงระบบตลอด เดิมทีเป็นพลังรูปทรงกลม ต่อมาปรับตัวเป็นวงรี ทำให้เกิดสรรพสิ่งระหว่างสองขั้วที่ตรงข้ามกัน เช่นความมืด ความสว่าง ซึ่งลัทธิเต๋า(ไม่ค่อยเหมือนนัก) และท่านไสบาบา ก็พูดแบบนี้

    --จิตจักรวาลที่มาผ่านร่าง ดร.ปริญญา กล่าวว่า ในอีกไม่กี่ปี เราทุกคนจะมีตาทิพย์ซึ่งไม่ต้ิองฝึก เพราะมันจะเกิดขึ้นเอง

    --ซึ่งตรงกับที่ชาวพลีอิเดี้ยนพูดไว้ว่า เราจะเข้าสู่แถบแสงแอนตี้โฟตอน และเกิดเหตุแบบนั้น และยังมีในพระไตรปิฏก ซึ่งจากสามแหล่งข้อมูลนี้ ตรงกันหมดครับ
    --บอกแล้ว เรื่องแปลกๆ แบบนี้ มีที่นี่ที่เดียว
    จดหมายจากต่างดาว [​IMG] ( บทความนี้คัดลอกมาจาก หนังสือ สมาธิหมุน มังกรจักรวาล ภาค 1 เขียนโดย ดร.สุวินัย ภรณวลัย )


    ถือกันว่าเรื่องนี้เป็นเหตุการณ์ที่โดดเด่นมากที่สุด เหตุการณ์หนึ่งของวงการในการติดต่อสื่อสารกันมนุษย์ต่างดาว

    เป็นเรื่องราวของจดหมายจากผู้ที่อ้างตัวว่าเป็นมนุษย์ต่างดาวยูมิต ถูกส่งมาให้คนสเปนผู้หนึ่งชื่อ "เชสม่า"ซึ่งพักอาศัยอยู่ที่กรุงมาดริด เป็นผู้ที่ชอบค้นคว้าศาสตร์เรื่องลึกลับ และอ้างตนว่าเคยพบมนุษย์ต่างดาวมาแล้ว

    โดยการติดต่อครั้งแรกนั้น เริ่มขึ้นเมื่อปี ค.ศ 1962 จากการมีจดหมายนับพันฉบับถูกส่งมาถึงเชสม่าติดต่อกัน มานานกว่า 30 ปีแล้ว โดยที่มนุษย์ต่างดาวยูมิต ซึ่งไม่เคยปรากฎตัวออกมาให้ชาวโลกพบแม้แต่ครั้งเดียว แต่เมื่อพิจารณาจากเนื้อหาวิชาการในจดหมายต่างๆ เหล่านั้นแล้ว แม้แต่นักวิทยาศาสตร์ระดับสุดยอดของโลกที่เป็นผู้นำเหตุการณ์เหล่านี้มาตีแผ่ คือ
    ดร.ปิแอร์ ปูจิ (Jean Pierre Petit) นักวิทยาศาสตร์ฟิสิกส์จักรวาลก็ต้องยอมรับว่า นี่ไม่ใช่เรื่องตลกหรือเรื่องพิเรนทร์ของนักวิทยาศาสตร์สติเฟื่องที่สร้างจดหมายปลอมว่าเป็นจดหมายจากมนุษย์ต่างดาวขึ้นมาได้ มิหนำซ้ำ วิทยาการหลายอย่างที่นำเสนอในจดหมายนั้น ได้มีการนำไปประยุกต์ทดลองในปัจจุบันด้วย จดหมายเหล่านี้และเนี้อหาที่เป็นวิทยาการชั้นสูงของมันคือหลักฐานที่ดีที่สุดในการยืนยันว่า มีการดำรงอยู่ของมนุษย์ต่างดาวอยู่แล้วภายในตัวนั่นเอง

    อันที่จริง จุดประสงค์ในตอนแรกที่มนุษย์ต่างดาวยูมิตมาเยือนโลกใบนี้คือมาสำรวจวิจัยเท่านั้นเอง แต่เขาเกิดอยากรู้ปฏิกริยาของชาวโลกว่า ถ้าหากชาวโลกรู้ว่ามีมนุษย์ต่างดาวที่มีรูปร่างหน้าตาเหมือนมนุษย์ มาแอบอาศัยอยู่บนโลกใบนี้แล้ว ผู้คนส่วนใหญ่จะรู้สึกกันอย่างไร เขาจึงทดลองส่งจดหมายไปถึงเชสม่า และ็ส่งติดต่อกันมาเรื่อยๆ เนื้อหาของจดหมายส่วนใหญ่เกี่ยวกับวิทยาการเทคโนโลยี่ขั้นสูง ประวัติศาสตร์ของดาวอุมโม และสังคมของมนุษย์ต่างดาว

    ในปีค.ศ.1967มนุษย์ต่างดาวยูมิตได้ส่งจดหมายฉบับหนึ่งมาให้เชสม่าและพวกว่ายานอวกาศของพวกเขาจะมาร่อนลงที่ชานเมืองมาดริดในวันรุ่งขึ้น เชสม่าเองก็ยังไม่แน่ใจในจดหมาย จึงร่างจดหมายพิสูจน์ยืนยันรับรองกับเพื่อนๆทุกคนให้ เซ็นชื่อเป็นพยายไว้ก่อน พอวันรุ่งขึ้นยานอวกาศก็มาจริงๆ เป็มที่ประจักษ์ของผู้คนจำนวนมาก และยังมีร่องรอยปรากฎให้เห็นบนพื้นดินด้วย

    หลังจากนั้น เรื่องราวของมนุษย์ต่างดาวยูมิต หรือที่เรียกกันโดยทั่วไปในนามของ อุมโม(ummo) ก็เริ่มเป็นที่ทราบกันในวงการกว้างขึ้นกว่าเดิม

    หลังจากหายข่าวคราวไปชั่วระยะหนึ่่ง จดหมายจากมนุษย์ต่างดาวยูมิตก็เริ่มเปลี่ยนโทนไปจากเดิม จดหมายเริ่มเปลี่ยนจากเนื้อหาเรื่องยานอวกาศ และโครงสร้างจักรวาล แล้วหันมาเตือนชาวโลกเรื่องความพยายามคิดค้นระเบิดมหาประลัยที่ชื่อว่า ระเบิดพลาสม่า ซึ่งมีอานุภาคร้ายแรงกว่านิวเคลียร์หลายหมื่นเท่าและ สามารถทำลายโลกนี้ให้เป็นจุลได้ภายในพริบตา และพูด ถึง อภิปรัชญา และโลกหลังความตายของพวกเขาด้วย
    [size=-1]แก้ไขเมื่อ 31 ก.ค. 51 23:21:16
    <TABLE style="WIDTH: 98%" class=t_table cellSpacing=0 bgColor=#000e><TBODY><TR><TD><TABLE style="WIDTH: 98%" class=t_table cellSpacing=0 bgColor=#222244><TBODY><TR><TD>[​IMG]</TD></TR></TBODY></TABLE></TD><TD rowSpan=2><TABLE style="WIDTH: 98%" class=t_table cellSpacing=0 bgColor=#204080><TBODY><TR><TD width=10>[size=-3]</TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR><TR><TD colSpan=2><TABLE style="WIDTH: 98%" class=t_table cellSpacing=0 bgColor=#204080><TBODY><TR><TD width=10>[</TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR></TBODY></TABLE>
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 20 เมษายน 2012
  14. chandayot

    chandayot เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    11 กันยายน 2006
    โพสต์:
    1,458
    ค่าพลัง:
    +2,234
    นักวิทยาศาสตร์ชาวฝรั่งเศส ดร.ปิแอร์ ปูจิ(เปติท) ได้เข้ามาพัวพันโดยบังเอิญหลังจากได้รับมอบสำเนาจากเพื่อนนักดาราศาสตร์ ซึ่งเป็นจดหมายสำเนาของมนุษย์ต่างดาวยูมิต(ยูไม้ท์) ที่แปลเป็นภาษาฝรั่งเศสแล้วประมาณ 50 หน้า เกี่ยวกับกลไกของยานอวกาศ มาให้เขาลองอ่านดู เมื่อเขาได้อ่านจดหมายเหล่านั้นแล้วเขาถึงกับตื่นเต้น เนื่องจากเขาเป็นผู้เชี่ยวชาญเรื่องยานอวกาศคนหนึ่งเ ช่นกัน จึงตระหนักถึงความน่าทึ่งของเนื้อหาในจดหมายเหล่านั้น และรีบเดินทางไปพบกับเชสม่า ที่สเปนทันที เพื่อรวบรวมจดหมาย จนได้มาเพิ่มอีกเืกือบหนึ่งพันหน้า

    จากนั้นเขาก็ทำการทดลองและคำนวณเพื่อพิสูจน์ความเป็นไปได้ทางวิทยาศาสตร์เหล่านั้น ภายหลังจากการค้นคว้าเป็นเวลาหลายปี ผลวิจัยที่เขาอ้างอิงมาจากจดหมายของมนุษย์ต่างดาวยูมิต ทำให้เขามีผลงานวิจัยทางวิทยาศาสตร์ออกมา 3 เรื่องใหญ่ๆด้วยกัน คือ

    1.ทฎษฎีเกี่ยวกับเครื่องบินประเภทใหม่ที่ใช้พลังแม่เหล็กไฟฟ้ากวนอากาศ ทำให้เกิดแรงขับเคลื่อนแบบใหม่ สามารถทำให้เครื่องยกตัวลอยได้

    2. หากสามารถสร้างสูญญากาศบริเวณส่วนหน้าของเครื่องบิน โดยการดูดโมเลกุลอากาศ เครื่องบินเหล่านั้นจะบินได้เร็วกว่าเสียงในระดับเกิน 5มัค(Mach)ได้โดยไม่เกิดคลื่นช็อก

    3.สามารถพิสูจน์ให้เห็นความเป็นไปได้ว่า จักรวาลไม่ใช่มีอยู่อย่างโดดเดี่ยว แต่มีโครงสร้างแฝดคู่ ที่มีทิศทางของเวลาสวนกัน ซึ่งจะทำให้เกิดความเป็นไปได้ที่จะเคลื่อนที่ระหว่าง อวกาศด้วยความเร็วที่เร็วกว่าแสงได้

    ผลงานวิจัยของปิแอร์ถูกตีพิมพ์ ในวารสารวิทยาศาสตร์ชั้นนำ หลังจากนั้นไม่นาน คือในเดือนตุลาคม ปีค.ศ 1991 ตัวปิแอร์ ก็เริ่มได้รับจดหมายจากมนุษย์ต่างดาวโดยตรง! เป็นภาษาฝรั่งเศส

    ข้อความต่อไปนี้ คือบางส่วนของจดหมายจากมนุษย์ต่างดาวยูมิต
    ที่กล่างถึงจุดประสงค์ในการมาเยือนโลกของพวกตน

    "พวกชาวโลก เมื่อได้เห็นจดหมายจำนวนมากจากพวกเราแล้ว คงจะมีคำถามเกิดขึ้นในใจหลายคำถามเป็นแน่ เราจะลองตั้งคำถามเหล่านั้นออกมาแล้วตอบให้ฟังทีละข้อ"

    A.กลุ่มคนที่อ้างตัวเองว่าเป็นมนุษย์ต่างดาวนี้ทำไมส่งจดหมายมาให้ชาวโลก?

    # เหตุที่เราใช้เครื่องมือข่าวสารเป็นจดหมายนั้นก็เพราะว่าในช่วงเวลาหลายปีที่พวกเราทุ่มเทศึกษาวัฒนธรรมของพวกคุณ โดยย้อนไปถึงต้นตอนั้น เราได้ใช้ประโยชน์จากเอกสารต่างๆ ของชาวโลกเป็นจำนวนมาก พวกเราจึงอยากแสดงความขอบคุณและตอบแทนในรูปแบบเดียวกัน เพื่อให้คุณได้ประโยชน์จากการศึกษาเรื่องราวของพวกเราบ้าง

    B.พวกเราชาวโลกควรจะยอมเชื่อ หรือไม่เชื่อ พวกที่อ้างตัวว่าเป็นมนุษย์ต่างดาว?

    # พวกเรามาเยือนโลกใบนี้เป็นครั้งแรก ในวันที่
    28 มีนาคม ค.ศ.1950 เวลา4 นาฬิกา 16 นาที 42 วินาที(ระบุชัดเว่อร์)
    ตามเวลาสากลที่เทือกเขาแอลป์ ประเทศฝรั่งเศส จุดประสงค์ของพวกเราในตอนแรกคือมาสำรวจอารยธรรมของโลกนี้อย่างลับๆ แต่ต่อมาพวกเราได้เปลี่ยนแผนและเริ่มติดต่อชาวโลกโดย ผ่านจดหมาย แผนการของพวกเรามีแผนสำรองเตรียมไว้ด้วยถ้าเผื่อปฎิกริยาของชาวโลกที่มีต่อพวกเรา ออกมาในทางลบ เราจะปล่อยข่าวสารออกมาเพื่อทำลายความน่าเชื่อถือในจดหมายฉบับก่อนๆของพวกเรา แต่จนปัจจุบัน การดำเนินงานของพวกเรายังเป็นไปได้ด้วยดี

    C.ข้อมูลที่ยังไม่แน่ใจว่าเป็นข้อมูลจริงหรือปลอม พวกเราชาวโลกจะใช้ประโยชน์จากมันอย่างไรดี?

    #
    จดหมายที่พวกเราเขียนถึงผู้เชี่ยวชาญทางวิทยาศาสตร์บางคนนั้น เราได้ให้ข้อมูลที่สามารถตรวจสอบและทดลองได้ แต่แม้เราจะเปิดเผยข้อมูลทางวิทยาศาสตร์ที่โลกไม่รู้ ก็ตามที เราก็พยายามระวังที่จะไม่ให้ข้อมูลเหล่านี้ไปสร้างความวุ่นวายให้กับวิวัฒนาการทางวิทยาศาสตร์ตามธรรมชาติ ของชาวโลกด้วยการไม่เปิดเผยทั้งหมด
    ข้อมูลที่พวกเรา ถ่ายทอดให้โดยไม่หวังผลตอบแทนนั้น เราถือเป็นสมบัติร่วมของมนุษย์ทุกคน ตราบใดที่มีคนไปเรียนรู้มันเราจึงไม่สนว่าใครจะใช้ข้อมูลของเราไปในทางใด

    D.ถ้าเราเชื่อว่าพวกคุณมาจากต่างดาวจริง และเห็นด้วยกับคำเตือนของพวกคุณเกี่ยวกับวิกฤติของโลกใบนี้ พวกคุณจะให้พวกเราตัดสินใจอย่างไร? ระหว่างรับเอาอุดมการณ์ของพวกคุณ หรือการปฏิบัติตามเข็มมุ่งตามของผู้นำโลก?
     
  15. chandayot

    chandayot เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    11 กันยายน 2006
    โพสต์:
    1,458
    ค่าพลัง:
    +2,234
    <TABLE id=pid654033 cellSpacing=0 summary=pid654033 cellPadding=0><TBODY><TR><TD class=postcontent><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0><TBODY><TR><TD id=postmessage_654033 class=t_msgfont>----------------------------------------------------------------
    ------ ข้อสันนิษฐานนี้ไม่ได้ตั้งอยู่บนความเป็นจริง เราจึงไม่อยากอภิปรายในเรื่องนี้อย่างจริงจัง แต่เราบอกพวกคุณได้อย่างหนึ่งว่า ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้นกับโลกใบนี้ก็ตามที พวกคุณควรจะปฏิบัติตามกฏระเบียบของชาวโลก หาใช่พวกของเราไม่

    E.ถ้าหากว่าพวกคุณเป็นมนุษย์ต่างดาว ที่มีโครงสร้างร่างกายแตกต่างไปจากพวกเราชาวโลกจริง พวกเราควรแจ้งเรื่องนี้ให้พรรคพวกเพื่อนร่วมโลกของเรารับทราบหรือไม่?

    # คนส่วนใหญ่ในสังคมของพวกคุณ ยังพยายามปฎิเสธไม่ยอมรับการดำรงอยู่ของพวกเรา เพราะฉะนั้นเราจึงขอเตือนคุณไม่ให้ทำอะไรที่เกินควร จนอาจมีผลกระทบต่อชื่อเสียงและฐานะทางสังคมของพวกคุณได้

    F.ทีมสำรวจของยูมิต มีจุดประสงค์อะไรหลังจากนี้บ้าง? พวกคุณคิดจะปรากฎตัวต่อหน้าพวกเราไหม? และจะเข้ามาแทรกแซงให้เกิดความโกลาหลแก่โลกเราหรือไม่?

    # คำตอบของพวกเราต่อคำถามนี้ชัดเจนแจ่มแจ้ง ในทางตรรกะอยู่แล้ว พวกเรามีโปรแกรมของเราอยู่เองแล้ว และมีความเป็นไปได้สูงที่จะปรับเปลี่ยนโปรแกรมของพวก เราอย่างขนานใหญ่หลังจากนี้ด้วย ส่วนนโยบายของพวกเรานั้นจะเป็นอย่างไรมันขึ้นอยู่กับ แนวโน้มของโลกหลังจากนี้จะคลี่คลายไปในทิศทางไหน และขึ้นอยู่กับคำสั่งฝ่ายนำของพวกเราด้วย ในปี 1970 จะมีพวกเราเหลือที่โลกนี้ 82 คน โดยกระจายไปอยู่ตามประเทศต่างๆทั่วโลก

    ส่วนจดหมายอีกฉบับหนึ่งที่ลงวันที่ 25 กรกฎาคม ค.ศ.1967 นั้น เนื้อหาเป็นศัพท์เทคนิคมาก เกี่ยวกับโครงสร้างจักรวาลและวิชาฟิสิกส์จักรวาล ซึ่งยากเกินกว่าจะอธิบายให้เข้าใจ จึงต้องขอข้ามไป โดยจะขอนำเสนอเนื้อหาในจดหมายฉบับที่ 3 ซึ่งลงวันที่ 20 มกราคม ค.ศ.1988 แทน ซึ่งเนื้อหาน่าสนใจมากเพราะมนุษย์ต่างดาวยูมิตได้พูด ถึงสภาพที่เป็นวิกฤติของมันสมองของชาวโลกส่วนใหญ่ ที่ใช้กันอย่างผิดพลาด และมีแต่ "มนุษย์ภาพแบบใหม่" เท่านั้นที่จะแก้ไขปัญหา วิกฤติการณ์แห่งการทำลายล้างตนเองของมนุษย์พวก โฮโม-เซเปียนส์ ได้

    ภาพถ่ายนี้คือการติดต่อกับพวกอุมโมครับ
    เพื่อนๆชาวหว้ากอสามารถอ่านเพิ่มเติมได้จาก
    http://www.galactic.no
    แก้ไขเมื่อ 31 ก.ค. 51 23:35:11

    ความคิดเห็นที่ 2
    ดร.ปิแอร์ ปูจิ (Jean Pierre Petit)
    ---ต้องเป็น ฌอง ปิแอร์ เปอตี

    ความคิดเห็นที่ 3
    ขอบคุณครับ คุณโอจารุมารุโดนยึดอมยิ้ม
    ----ขอบคุณมิสเตอร์ เทอร์รัน--บล็อกเค้าก็มีนะ</TD></TR></TBODY></TABLE>



    </TD></TR><TR><TD class=postcontent vAlign=bottom>
    </TD></TR><TR><TD class=postauthor></TD><TD class=postcontent>
    </TD></TR></TBODY></TABLE>------ ข้อสันนิษฐานนี้ไม่ได้ตั้งอยู่บนความเป็นจริง เราจึงไม่อยากอภิปรายในเรื่องนี้อย่างจริงจัง แต่เราบอกพวกคุณได้อย่างหนึ่งว่า ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้นกับโลกใบนี้ก็ตามที พวกคุณควรจะปฏิบัติตามกฏระเบียบของชาวโลก หาใช่พวกของเราไม่

    E.ถ้าหากว่าพวกคุณเป็นมนุษย์ต่างดาว ที่มีโครงสร้างร่างกายแตกต่างไปจากพวกเราชาวโลกจริง พวกเราควรแจ้งเรื่องนี้ให้พรรคพวกเพื่อนร่วมโลกของเรารับทราบหรือไม่?

    # คนส่วนใหญ่ในสังคมของพวกคุณ ยังพยายามปฎิเสธไม่ยอมรับการดำรงอยู่ของพวกเรา เพราะฉะนั้นเราจึงขอเตือนคุณไม่ให้ทำอะไรที่เกินควร จนอาจมีผลกระทบต่อชื่อเสียงและฐานะทางสังคมของพวกคุณได้

    F.ทีมสำรวจของยูมิต มีจุดประสงค์อะไรหลังจากนี้บ้าง? พวกคุณคิดจะปรากฎตัวต่อหน้าพวกเราไหม? และจะเข้ามาแทรกแซงให้เกิดความโกลาหลแก่โลกเราหรือไม่?

    # คำตอบของพวกเราต่อคำถามนี้ชัดเจนแจ่มแจ้ง ในทางตรรกะอยู่แล้ว พวกเรามีโปรแกรมของเราอยู่เองแล้ว และมีความเป็นไปได้สูงที่จะปรับเปลี่ยนโปรแกรมของพวก เราอย่างขนานใหญ่หลังจากนี้ด้วย ส่วนนโยบายของพวกเรานั้นจะเป็นอย่างไรมันขึ้นอยู่กับ แนวโน้มของโลกหลังจากนี้จะคลี่คลายไปในทิศทางไหน และขึ้นอยู่กับคำสั่งฝ่ายนำของพวกเราด้วย ในปี 1970 จะมีพวกเราเหลือที่โลกนี้ 82 คน โดยกระจายไปอยู่ตามประเทศต่างๆทั่วโลก

    ส่วนจดหมายอีกฉบับหนึ่งที่ลงวันที่ 25 กรกฎาคม ค.ศ.1967 นั้น เนื้อหาเป็นศัพท์เทคนิคมาก เกี่ยวกับโครงสร้างจักรวาลและวิชาฟิสิกส์จักรวาล ซึ่งยากเกินกว่าจะอธิบายให้เข้าใจ จึงต้องขอข้ามไป โดยจะขอนำเสนอเนื้อหาในจดหมายฉบับที่ 3 ซึ่งลงวันที่ 20 มกราคม ค.ศ.1988 แทน
    ซึ่งเนื้อหาน่าสนใจมากเพราะมนุษย์ต่างดาวยูมิตได้พูด ถึงสภาพที่เป็นวิกฤติของมันสมองของชาวโลกส่วนใหญ่ ที่ใช้กันอย่างผิดพลาด และมีแต่ "มนุษย์ภาพแบบใหม่" เท่านั้นที่จะแก้ไขปัญหา วิกฤติการณ์แห่งการทำลายล้างตนเองของมนุษย์พวก โฮโม-เซเปียนส์ ได้

    ภาพถ่ายนี้คือการติดต่อกับพวกอุมโมครับ
    เพื่อนๆชาวหว้ากอสามารถอ่านเพิ่มเติมได้จาก
    http://www.galactic.no
     
  16. chandayot

    chandayot เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    11 กันยายน 2006
    โพสต์:
    1,458
    ค่าพลัง:
    +2,234
    <table cellpadding="0" cellspacing="0"><tbody><tr><td id="postmessage_654034" class="t_msgfont">----------------
    ข้อความต่อไปนี้คือบางตอนในจดหมายของยูมิต ในปีค.ศ.1988 ที่เกี่ยวกับ"จักรวาลทัศน์" ของพวกเขา
    ----------------
    จักรวาลทัศน์ของพวกเราตั้งอยู่บนพื้นฐานวิทยาศาสตร์ที่หนักแน่น เท่าที่เรารู้นั้น เราทราบว่าเราอยู่ท่ามกลางจักรวาลเชิงซ้อนหรือมีโครงสร้างคู่แฝด ต้นตอของข่าวสารที่มากมายมหาศาลของจักรวาลที่สามารถให้ความเป็นไปได้แก่รูปการณ์ใดๆทั้งปวงนั้น อยู่ท่ามกลางของสิ่งที่มีสองขั้ว
    สรรพสิ่ง และ สิ่งมีชิวิต ทั้งที่รับรู้โดยประสาทสัมผัสได้ และที่ไม่สามารถสัมผัสรับรู้ได้ ล้วนเกิดมาจากทั้งสองขั้วนี้ทั้งสิ้น ถ้าหากไม่มีการดำรงอยู่ของสองขั้วนี้ในการสร้างสรรค์ จักรวาลก็จะไร้รูปร่างที่แน่นอน เป็นสารรูปที่ไร้เรื่องราวไร้ข่าวสารเป็นเพียงดุจผลึกก้อนมหึมาเท่านั้นเอง


    ---พวกเราได้เรียกแกนกลางแห่งวิวัฒนาการของจักรวาลที่เป็นผู้ให้รหัส(code) แก่รูปลักษณ์ทั้งปวงของสรรพสิ่งนี้ว่า"อัว"(WOA-วัวอ์) คือแผนการหรือโปรแกรม ประเภทหนึ่ง เป็นแหล่งข่าวสารของจักรวาลผู้คอยดูแลสิ่งมีชีวิต และอยู่ร่วมกับสิ่งมีชีวิตทั้งปวง (คล้ายๆสิ่งเหล่านี้คือ-จิตสากล-พระเจ้า-จิตจักรวาล-อาตมัน -ปรมาตมัน-เต๋า หรือพุทธะ หรือสูญญตา-ผมคิดเองน่ะ)กล่าวในอีกความหมายหนึ่ง "อัว"จึงเป็นองค์ประธานที่คอยควบคุมกฎอันเป็นสากล เป็นปฐมเหตุของพวกเรา หากจะเทียบกับ"พระผู้สร้าง"ที่พวกเทววิทยาของชาวโลกนั้น หากดูเผินๆจะมีส่วนร่วมกันมากทีเดียว


    --แต่อย่างที่เป็นที่รู้กันโดยทั่วไปว่าจินตภาพ(Image-ภาพลักษณ์) ของ "พระเจ้า" สำหรับชาวโลกนั้น มีความแตกต่างกันไปตามความเชื่อของแต่ละศาสนาบนพื้นโลกนี้ ไม่ว่าจะเป็นพระเจ้าหรือเทพเจ้าองค์ไหนต่างก็มีรูปลักษณ์คล้ายคน เป็นผู้มีจิตใจดีงามอย่างสมบูรณ์อย่างไร้ขอบเขต ในขณะที่ "อัว" ซึ่งเป็นปฐมเหตุของพวกเรานั้น เป็นสิ่งที่ถูกรับรู้ในเชิงวิทยาศาสตร์ โดยไม่ต้องพึ่งพาเทววิทยาเลยแม้แต่น้อย โลกที่เราอยู่จึงไม่มีขบวนการทางศาสนา เพราะเรายึดถือเหตุผลและบทพิสูจน์ทางวิทยาศาสตร์เป็นสรณะเท่านั้น
    ---"อัว"ของดาวเคราะห์ของเราจึงไม่เคยบอกว่าต้องสร้างโบสถ์ ต้องสร้างศาสนา เนื่องจากเราเกิดในสังคมที่วิวัฒนาการแล้ว จึงเน้นความถูกต้องแม่นยำโดนไม่ยอมให้มีที่ว่าเหลือไว้แก่"เทพนิยาย"เลยแม้แต่เพียงน้อยนิด ในขณะที่ศาสนาคริสต์เกิดในยุคที่ยังไม่มีวิทยาศาสตร์ จึงต้องใช้วิธีเปรียบเปรยแทน

    มิติการสร้างและความสัมพันธ์กันในระดับจักรวาล
    การจัดตั้งจักรวาลของ"อัว" มิใช่จิตภาพแบบ"พระผู้สร้าง"ของมนุษย์ แต่เป็นดุจ "มันสมอง"ของช่างปั้นหม้อมากกว่า สายตาของช่างจะพุ่งไปที่ก้อนดินเหนียว (วัตถุและพลังงาน) ขณะที่ใช้มือปั้นหม้อขึ้นมา ซึ่งกระบวนการปั้นหม้อนี้จำเป็นต้องมีกระบวนการทางสติปัญญาอย่าน้อยสองกระบวนการด้วยกัน คือ การดีไซน์แบบของภาชนะ (Model Design) หรือโมเดลข่าวสาร และการตระหนักถึงเจตนารมณ์ที่จัดตั้งของจักรวาล พร้อมคอยควบคุมให้การปั้นหม้อเป็นไปได้ดังเป็นไปดังใจ

    --สิ่งที่จัดตั้งจักรวาลนี้ ต่างดำรงอยู่ร่วมกับปรากฎการณ์จิตแบบรวมหมู่ ของดาวเคราะห์ต่างๆ ที่รักษาความเป็นอิสระซึ่งกันและกันเอาไว้ "อัว"จึงเป็นมันสมอง ของจักรวาล โดยที่จักรวาลที่เป็นองค์รวมจะมีพฤติกรรมดุจตัวตนองค์ชีวภาพในเชิงไซเบอเนติคส์ (Cybernetics) ขนาดใหญ่ และมีความสามารถในการปรับปรุงบูรณะตนเองอยู่ภายในตัว
    --ดาวเคราะห์ที่แข็งตัว(ก่อตัวน่ะ)แล้ว ครั้นเมื่อมีความเย็นเพียงพอ พื้นผิวของมันจะเกิดองค์โมเลกุลที่ซับซ้อนขึ้นมา โดยองค์โมเลกุลนี้จะทวีความซับซ้อนให้แก่ตัวเองเพิ่ม ขึ้นเรื่อยๆ จนเมื่อซับซ้อนมากขึ้นถึงระดับหนึ่งก็จะเกิดการก้าวกระโดดทางคุณภาพ ทีละช่วงจนกลายมาเป็นดังเช่นที่เห็นกันในปัจจุบัน
    </td></tr></tbody></table>
    คุณเทอรันเรียกพวกนี้ว่า "ยูมิต" ผมเรียกว่า "อุมไม้ท์" แต่เป็นศัพท์ตัวเดียวกันครับ--
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 21 เมษายน 2012
  17. chandayot

    chandayot เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    11 กันยายน 2006
    โพสต์:
    1,458
    ค่าพลัง:
    +2,234
    มนุษย์สามารถสัมผัสติดต่อกับ จิตสำนึกรวมหมู่ ของดาวเคราะห์ได้ก็โดยผ่านการก้าวกระโดดทางคุณภาพ เช่นนี้เอง เมื่อมนุษย์ตระหนักถึงการดำรงอยู่ของจักรวาลรอบๆตัวขึ้นมาโดยฉับพลัน เขาจะมีดุลยพินิจในเรื่องเหล่านี้ขึ้นมาเอง

    ในวิวัฒนาการของมนุษย์นั้น ระบบเครือข่ายทางประสาทนับว่าซับซ้อนจริงๆ เส้นใยประสาทอันซับซ้อนที่มีเป็นล้านๆเหล่านี้ พัวพันกันอย่างนัวเนียและมีการแลกเปลี่ยนข่าวสารซึ่งกันและกัน --และมันสมองของมนุษย์ ก็คือจะรับข่าวสารจากสภาพแวดล้อมทางกายภาพที่อยู่รอบ ๆตัว ซึมซับเข้าไปในตัวเอง และปล่อยข่าวสารบางส่วนไปสู่ มันสมองของดาวเคราะห์โลก(จิตสำนึกแห่งโลก-อ๊า..บันทึกอากาศิกส์) หรือไม่ตัวเองก็ใช้ข่าวสารนี้เพื่อปรับเป็นฝ่ายกระทำ ต่อสภาพแวดล้อมทางกายภาพของโลกได้เช่นกัน


    วิวัฒนาการของสมอง
    ----มนุษย์ต่างดาวยังกล่าวว่า มันสมองของมนุษย์นั้นถือเป็นเครือข่ายที่สมบูรณ์ที่สุดในบรรดาเครือข่ายที่มีมาจนถึงปัจจุบัน และสิ่งหนึ่งที่ที่พวกเขายอมรับว่าสู้ไม่ได้เรื่องหนึ่งก็คือ "ศิลปะและจินตนาการ" ส่วนสมองของพวกมนุษย์ต่างดาวอุมโมเองนั้น มีรูปร่าง และโครงสร้างที่แตกต่างไปจากสมองของชาวโลกบ้างเล็กน้อย แต่ไม่ถึงกับเป็นความแตกต่างในเชิงก้าวกระโดดทางคุณภาพ ความจริงความสามารถทางจิตของมนุษย์ก็มีแนวโน้มที่จะสูงขึ้นเรื่อยๆและเริ่มจะมีอิทธิพลต่อปรากฎการณ์ทางจิตสำนึกรวมหมู่ของดาวเคราะห์ดวงอื่นๆมากขึ้นเรื่อยๆ และชาวโลกเริ่มมีความก้าวหน้าทางเทคโนโลยี่ชีวภาพ ที่จะเข้าไปแทรกแซงโครงสร้างของเซลประสาทสมองได้แล้ว อันเป็นการกระทำที่ฝืนกฎธรรมชาติโดยที่ชาวโลกหารู้ตัวไม่ว่า ตัวเองกำลังทำเรื่องที่เสี่ยงภัยขนาดไหน
    (เชื่อหรือไม่ว่าทางอเมริกา กับชาวเกรย์ได้ออกแบบและทำชิป --คือ คอมพิวเตอร์จิ๋วที่จะควบคุมและรายงานระบบกาย-ใจของมนุษย์แล้ว และฝังไว้ที่ต้นคอ และสามรถผลิตจำนวนมาก เหมือนสติกเกอร์ที่ติดเสื้อผ้า --และบนรถ-(จ่ายค่าทางด่วน)RFID-ตัวจำแนกโดยการส่งคลื่นวิทยุ--ส่วนใหญ่สั่งผลิตจากญี่ปุ่น--ในไบเบิ้ล เรียกว่า"รหัสของสัตว์ร้าย --คือเลข666" บางคนตีความว่า คือบัตรเครดิต ถ้าไม่มีก็ทำธุรกรรมการเงินใดๆไม่ได้

    ลักษณะพิเศษที่สุดของ"เครือข่าย"คือความสามารถในการพัฒนาสร้างสรรค์ และบรรลุการก้าวกระโดดทางคุณภาพนั้นไม่ได้หมายถึง การเพิ่มความซับซ้อนเฉยๆ เท่านั้น เพราะการก้าวกระโดดทางคุณภาพสมองจะเกิดขึ้นก็ต่อเมื่อมีความหนาแน่นของข่าวสารภายในสมองที่มีปริมาณมากถึง 10 ยกกำลัง 19 ต่อหนึ่งลูกบาศก์เซ็นติเมตร ขึ้นไปแล้วเท่านั้น และกว่าที่จิตสำนึกแบบใหม่ที่เหนือธรรมดาจะเกิดขึ้นได้ มันจะต้องมีการเชื่อมกันใหม่ระหว่างแผ่นกั้นตรงกลางสมอง Septum กับ Amygdlae ของผิวสมองส่วนหน้า และกับ Thalamus ภายในสมองเกิดขึ้นเสียก่อน


    มนุษย์ต่างดาวยูมิตอ้างว่า"อะตอมคริปตัน" ที่ประกอบขึ้นเป็น "แก๊สเจือจาง"ภายในช่องที่สามของสมองมนุษย์นี้แหละคือโซ่ทางวัตถุที่เชื่อมวิญญาณกับร่างกายของมนุษย์เข้า ด้วยกัน เขาอ้างว่าวิทยาศาสตร์ของชาวโลกในปัจจุบันยังไม่สามารถค้นพบ อะตอมคริปตันและแก๊สเจือจางนี้ได้ เพราะแม้แต่พวกเขาเองก็ยังถือว่าการค้นพบสิ่งนี้เป็น เรื่องใหญ่ ในวงการชีววิทยาของเขาเลยทีเดียว

    เขาอ้างว่าพวกเขาได้พบว่ากลุ่มอิเลคตรอนของอะตอมคริปตันในต่อมใต้สมองไฮโปทาลามัสของผิวสมองใหญ่ มีการทำงานร่วมกันและประสานกันอย่างชัดเจน และเชื่อมเข้ากับการทำงานของเส้นประสาทที่เกิดจากคลื่นสมองคนด้วย พูดง่ายๆก็คือพวกเขาเห็นว่าอิเล็คตรอนในคริปตันนี้แหละ เป็นตัวสั่งการร่างกายอีกทีหนึ่ง นอกจากนี้ พวกเขายังได้ค้นพบอีกว่าในอะตอมคริปตันนี้ ยังมีกลไกที่ทำหน้าที่สื่อสาร ( ส่งข่าวสาร ) อีกด้วย แต่สิ่งที่ชาวโลกเพิ่งค้นพบได้ไม่นานมานี้คือ แกสเสรี NO ( ไนตริคออคไซด์ ) ภายในสมองที่มีบทบาทต่อกระบวนการความจำเท่านั้น

     
  18. chandayot

    chandayot เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    11 กันยายน 2006
    โพสต์:
    1,458
    ค่าพลัง:
    +2,234
    คุณเชื่อเรื่อง ufo มนุษย์ต่างดาวหรือป่าว หรือคุณไม่เคยสนใจ ---ผมมีคำอธิบาย ---5 คะแนน 12 คำตอบ มีการดู 545 ครั้ง

    17 พ.ค. 2554, 14:05:55 บางคนเล่าว่า เป็นพระเจ้าที่ลงมาจากยานลำนั้นเพื่อมาพิพากษาโลก
    หรือบางคนเล่าว่ามนุษย์ต่างดาวอยู่ในใต้เเกนโลก เมื่อพวกเขาได้รับรู้ว่าข้างบนโลกได้รับภัยพิบัติ จึงขึ้นมาดู

    ---นักวิทยาศาสตร์เล่าว่า เอกภพของเรามีหลายมิติ
    มิติที่ 6หรือ7 คือมิติมนุษย์ต่างดาว มิติ 4 มิติผีวิญญาณ
    มีตีที่3คือมิติสัตว์โลก
    มิติที่2 นรก
    มิติที่1 โลกที่มีการพัฒนาต่ำมาก

    ส่วนผมยัง งง เหมือนกัน

    ใครพออธิบายได้ บอกผมด้วยละกัน บาย(จากกูเกิ้ลกูรู)

    --------------------------------------------------

    สิ่งที่ผมอาจจะยังไม่ได้พูดคือ ถ้าเราเพิ่มมิติให้กับโลก หรือเราปรับมิติมาที่ 5-6-7 กาลอวกาศที่ถักทอตัวเองละเอียดยิบ ก่อให้เรา"เห็น" เป็นโลกวัตถุนี้ จะม้วนตัวกลับทุกทิศทาง จักรวาลและกาแลกซี่ต่างๆจะหายไป อาจจะทิ้งร่องรอยแค่หัวเข็มหมุดลอยอยู่ หรือ ไร้ร่องรอย(ข่าวสารจากชาวซีต้า และตรงกับทฤษฎีทางฟิสิกส์) ถ้หากคุณฝัน ในโลกนั้นมีวัตถุให้สัมผัสได้ด้วยประสาททั้งห้า เราเชื่อว่านั่น หรือโลกเราน่ะ อันไหนคือ "ความจริงแท้" อันไหนคือ "โลกเสมือนจริง" ตราบใดที่เรายังไม่"ตื่น"

    ----ปราชญ์จางจื๊อฝันว่าตัวเองเป็นผีเสื้อโบกบินไป ขณะนั้นเขาไม่แน่ใจว่าเป็น "จางจื๊อผู้ฝันว่าเป็นผีเสื้อ" หรือว่าเป็น "ผีเสื้อที่ฝันว่าตนเองเป็นจางจื๊อ"

    --มิติอื่น หมายความว่า คือสิ่งกั้นไร้สภาพ เช่นคนที่ตายไปแล้ว ก็อยู่ในโลกวัตถุแบบนึง มีทุกอย่างที่เป็น บ้าน-ที่อยู่ หรือภูเขาแม่น้ำ ขณะที่เราก็อยู่ของเรา ---

    --เขาอยู่1วัน เท่ากับเวลาเราหนึ่งปี----นั่นคือคนโบราณอยากบอกว่า"ระบบเวลาของสองโลกนี้ต่างกันมาก"


    --สิ่งก่อสร้างที่มียอดแหลม สามารถเก็บพลังที่ดีจากอวกาศไว้ แบบเดียวกับปิรามิด ทำให้อาหารไม่เน่า มีดโกนคมขึ้นมาก
    --อะไรแบบนี้ ในขณะที่เราคิดว่าเป็นประเพณี--ความเชื่อ มันอาจจะเป็นเทคโนโลยี่แบบหนึ่ง เช่นเดียวกับพระเครื่องที่มีความแคล้วคลาด -คงกระพัน-ก็เป็นเทคโนโลยี่ เพียงแต่เรายังไม่แม่นในวิธีทดสอบ

    ----ต่อเรื่องอุมโม่ครับ--ได้กล่าวแล้วว่าพวกเขาคล้ายคนทั่วไป จนสามารถมาแฝงตัวในโลก 15 ปี โดยที่เราไม่รู้เลย-
    ---พวกเขาบอกว่า เทคนิคในการเดินทางระยะไกลหลายร้อยปีแสงยยใช้เวลาน้อยมาก นั้น อยู่ที่ประสิทธิภาพการทำงานของยาน สามรถม้วนพับอวกาศ และวาร์ป(warp)ผ่านระยะทาง(ความต่อเนื่องกาลวากาศ--ไทม์-เสปซ คอนทินิวอั้ม-Time-Space Continuum)ได้--จะว่าไปก็เป็นการทะลุมิติด้านเวลา-ผู้แปล
    --ลำพังแต่เฉพาะตัวยานนั้น มีเทคโนโลยี่ที่ซับซ้อนมาก จนสามรถเร่งความเร็วให้เหนือกว่าแสงได้ (เกินสามแสนกิโลเมตรต่อวินาที)(รถไฟหัวกระสุนที่ว่าเร็วๆ น่าจะ200-300กม.ต่อชั่วโมง)

    --แม้ว่าพวกเขาจะคล้ายมนุษย์มาก แต่นิ้วมือเขาก็ไวต่อแสง และรังสีอื่นๆ ด้วยเหตุนี้ พวกเขาจึงมีความลำบากในการใช้ลำแสงเป็นระบบสวิทช์ปิดเปิด หรือสวิทช์ไฟฟ้าทุกชนิด


    --ปี1967 กลุ่มศึกษาจานบินที่ มาดริด ได้รับการโทรเข้ามาอย่างผิดปกติ และมีจดหมายเข้าอย่างต่อเนื่อง มันมาจากชาวอุมไม้ท์บนโลกเรานี่เอง จนต้องจ้างคนมาพิมพ์งานไว้ เลยบอกผู้พิมพ์งานว่า "ข่าวสารพวกนี้มาจากหมอชาวเดนมาร์คหลายคน" จดหมายนั้นมีมาก และข้อความช่างแปลกประหลาด จนนักพิมพ์ดีดรู้สึกอึดอัดและเครียด ชาวอุมไม้ท์จึงสร้างทรงกลมประหลาดขึ้นอันหนึ่งอัน ขนาดประมาณหนึ่งนิ้ว มันล่องลอยอยู่ในอากาศ เมื่อนักพิมพ์มองดูมัน จะเห็นภาพเขาพักผ่อนอยู่ที่บ้านกับภรรยา ซึ่งทำให้คลาดเครียดได้ดี ไม่มีใครรู้ว่าพวกอุมไม้ท์ ทำมันขึ้นมาได้อย่างไร ยกเว้นแต่พวกเขาจะบอกความจริงเรื่องของพวกเขาออกมานะแหละ
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 21 เมษายน 2012
  19. chandayot

    chandayot เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    11 กันยายน 2006
    โพสต์:
    1,458
    ค่าพลัง:
    +2,234
    --ดาวลาร์ก้า--

    -ชาวโลกไม่ได้ให้คุณค่า และส่วนจริยธรรมเพื่ออารยธรรมที่สูงขึ้น และมันก็เป้นสิ่งขัดขวางในการที่ชาวโลกจะได้รวมเป็นส่วนหนึ่งของจักรวาลรวม -The Cosmic Integration -------คำกล่าวของชาวลาร์กั้นส์


    --ดาวเคราะห์ลาร์ก้า อยู่ห่างจากดวงอาทิตย์ของเราประมาณ 10ปีแสง

    หรือ 9.46 คูณ 10 ยกกำลัง13- กม. หรือ 94,000,000,000,000 กม.-- 94ล้านล้าน กิโลเมตร ผมเองเพิ่งจะตระหนักในความเจริญก้าวหน้าของพวกเขาเมื่อได้อ่านหนังสือ -"จานบิน--การติดต่อกับดาวลาร์ก้า" โดย สเตฟาน เดนาร์ด , และพลอากาศโท เวนเดลล์ ซี สตีเว่นส์

    --การติดต่อครั่้งแรกเกิดเมื่อเดนาร์ด ได้ออกเรือสู่ทะเลพร้อมกับภรรยา กลางสมุทรนั้น เรือของพวกเข้าได้ชนเข้ากับโลหะทรงแบนซึ่งลอยอยู่ในทะเล ทันใดที่เห็นร่างหนึ่งจมลง--- เขารีบโดดลงทะเลเพื่อช่วยคนๆนั้น และน่าแปลกใจมากที่ตนนั้นใส่ชุดที่เหมือนโลหะ เขาสังเกตว่า ผ้าใยโลหะนั้น พอพ้นน้ำกลับมีแสงสว่างเกิดขึ้น

    --พอสังเกตดูใกล้ๆ กลายเป็นว่าชายคนนั้น มีใบหน้าเป็นสัตว์ (ดูรูปซิเออ) เดนาร์ดกลัวมาก และพยายามจะหนีจากจุดนั้น แต่เรือไม่เคลื่อนตัวเลย ชาวต่างดาวขึ้นเรือมา เอาตัวคนนั้นไป ก่อนจะลงไปที่ยาน พวกเขายังได้โค้งคำนับอย่างสุภาพ


    ---เดนาร์ดเริ่มมีความผ่อนคลายสบายใจขึ้น เมื่อพวกนี้เริ่มทักทายเขาเป็นภาษาอังกฤษ และขอบคุณที่ได้ช่วยลูกเรือของเขา เริ่มบอกว่า พวกเขามาจากระบบสุริยะอื่น การวิเคราะห์กันทั้งสองฝ่ายจบลงที่ จะให้เดนาร์ดใช้เวลาบนจานบิน 2 วัน เพื่อศึกษา และสอบถามคุยกันเรื่องการใช้ชีวิตแบบชาวลาร์ก้า

    --พวกเขาเป็นสังคมที่เจริญก้าวล้ำนำหน้ามาก--ก้าวหน้าทั้งทางเทคโนโลยี่ และจิตวิญญาณ--และไม่ยอมให้สังคมมนุษย์โลกได้รู้จัก เพราะว่าชาวโลกยังอ่อนด้อยทางศีลธรรม-อะดิ๊---(ให้กลับไปอ่านเรื่องชาวลาร์ก้า ตรงที่แปลผิดไป -อยู่กับอุมโม่นะครับ)

    <table id="pid654401" summary="pid654401" cellpadding="0" cellspacing="0"><tbody><tr><td class="postcontent"><table cellpadding="0" cellspacing="0"><tbody><tr><td id="postmessage_654401" class="t_msgfont">การได้ติดต่อกับเดนาร์ด ถือเป็นการพบกันแบบเจอหน้ากัน (พบกันทางร่างกาย) -ครั้งแรกของพวกเขา
    ---พวกเขาได้ฉายหนังระบบสามมิติเหมือนจริง (โฮโลกราฟฟี่) เกี่ยวกับดวงดาว และอารยธรรมของพวกเขา
    (ตัวหนังสือเล็กมากครับ รออีกสัก 12ชั่วโมงละกัน) [​IMG] [​IMG] ดาวน์โหลด (16.04 KB)
    1-4-2012 01:36

    </td></tr></tbody></table>



    </td></tr><tr><td class="postcontent" valign="bottom">
    </td></tr><tr><td class="postauthor">
    </td><td class="postcontent">ตอบกลับ อ้างอิง แก้ไข คะแนน การ์ดวิเศษ TOP


    </td></tr><tr class="threadad"><td class="postauthor">
    </td><td class="adcontent">
    </td></tr></tbody></table>
    <style type="text/css">.haor {background:url(images/show/haor.gif) no-repeat left;width:45px;height:35px;text-align:center;float:left;margin-right:4px;cursor: default} .haor span { font-size:12px; font-weight:normal;height:24px; line-height:24px;} .tuid {background:url(images/show/tuid.gif) no-repeat left;width:45px;height:35px;text-align:center;float:left;cursor: default} .tuid span { font-size:12px; font-weight:normal;height:24px; line-height:24px;} .ziz {background:url(images/show/ziz.gif) no-repeat left;width:45px;height:35px;text-align:center;float:left;margin-right:4px;cursor: default} .ziz span { font-size:12px; font-weight:normal;height:24px; line-height:24px;} #zg11{border-bottom:1px solid #DCD9C9;} .zla {background: url(images/show/zl1.png) no-repeat top left;} .zlb {background: url(images/show/zl2.png) no-repeat bottom left;} .zlc { margin-left:5px; padding-bottom:10px;overflow:hidden;position:relative; width:170px} .yuyan { position:absolute; background: url(images/show/yuyan.gif) no-repeat; width:11px; height:18px; margin-left:170px; margin-top:20px;}.user-pic {background: url(images/show/qc.gif) no-repeat; width:160px; height:162px;} .STYLE3 {color: #0099FF}.STYLE8 {font-size: 11px}</style><table id="pid654667" summary="pid654667" cellpadding="0" cellspacing="0"><tbody><tr><td class="postauthor" rowspan="2">
    jesdath ออนไลน์
    <dl class="s_clear"><dt>UID</dt><dd>16999 </dd><dt>โพสต์แล้ว</dt><dd>1317 </dd><dt>ตั้งกระทู้</dt><dd>1 </dd><dt>เครดิต</dt><dd>1295 </dd><dt>แต้ม</dt><dd>1295 </dd><dt>ความนิยม</dt><dd>1280 </dd><dt>เพศ</dt><dd>ชาย </dd><dt>สมัครสมาชิกเมื่อ</dt><dd>21-8-2011 </dd><dt>เข้าระบบล่าสุด</dt><dd>20-4-2012 </dd></dl>[​IMG] [​IMG]



    [​IMG]
    [​IMG]
    jesdath


    [​IMG] [​IMG] [​IMG] [​IMG] ระดับ credit: [​IMG][​IMG]
    <!-- ัซีย --><!-- ัซียend -->[​IMG]





    </td><td class="postcontent">1413<sup>#</sup>
    [​IMG] jesdathโพสต์ 31-3-2012 20:14 | แสดงเฉพาะโพสต์ของผู้ใช้นี้





    <table cellpadding="0" cellspacing="0"><tbody><tr><td id="postmessage_654667" class="t_msgfont">อยากบอกบางอย่างครับ
    --บางคนคิดว่า ชาวต่างดาวต้องมีรูปร่างหน้าตาคล้ายมนุษย์ มีตัวตนเป็นกายเนื้อ ก็ใช่ ส่วนนึงครับ
    --มนุษย์ที่ได้ติดต่อกับชาว ซีต้า ได้ขึ้นจานบิน ไปพบ มนุษย์บางตัวเป็น ของเหลวๆ ไหลไป เพราะดาวที่เคยอยู่ มีแรงโน้มถ่วงสูงมาก บางคนเหมือนมนุษย์แต่ไร้กระดูก(มนุษย์ยางมิชลิน) บางตัวก็คือไดโนเสาร์ที่เรียกว่า ทีเร็กซ์ เหมือนมนุษย์กิ้งก่า เหมือนแมลง หัวเป็นแมว เหมือตั๊กแตนตำข้าวขนาดยักษ์ ดูๆประหลาดเหมือนดูหนังสตาร์วอร์นะแหละครับ
    --บางคนบอกว่า พวกเขาไม่มีร่างกาย เป็นกลุ่มแก๊สและอิเลคตรอนพลังงานสูง
    -บางพวกเป็นดวงวิญญาณ เป็นเทพ ซึ่งพวกต่างดาวยังกลัว บางพวก ก็มีเทพ สั่งให้มาช่วยมนุษย์ เช่นพระพรหมท่าน สั่งมาที่ชาวต่างดาว ที่เขากะลา นครสวรรค์ ให้ช่วยมนุษย์


    --ถ้าจบเรื่องชาวลาร์ก้า ผมก็สบายแล้วครับ เพราะส่วนใหญ่แปลใส่บล็อกไว้แล้ว เพิ่มเติมข้อมูล และรูปก็โอเคเลย
    --เรื่องต่อไป มีคนชื่อ ธอร์ มาจากดาวอังคาร มานั่งเล่น นอนเล่นในทำเนียบขาว 2 ปี
    --มีอีกท่านนึง คือ คุณเทอรันก็เขียนแบบนี้ แต่เขาถือลิขสิทธิ์ิอยู่ จึงจะให้ทุกท่านไปอ่านเองเองครับ--เทอรันแปลว่า ชาวโลก
    เทอร่าแปลว่าโลก --ภาษาโบราณ ละตินมั้งครับ
    ผมก็ค้นของผมแบบนี้ ซึ่งข้อมูลหลังต่างกันเยอะ เพราะค้นกันคนละที่ครับ--ปกติก็คุยกันอยู่ครับทางเมล์</td></tr></tbody></table>



    </td></tr></tbody></table>
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 21 เมษายน 2012
  20. veer

    veer เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    5 มิถุนายน 2011
    โพสต์:
    246
    ค่าพลัง:
    +356
    ภาษาอุมโม่วันละคำ แก้อาการง่วง ท่านจะมึนจนต้องหลับไปเลยครับ
    BUUAWAA - soul, spirit บูวา---แปลว่า---จิตวิญญาณ หรือ วิญญาณ

    DOROO - magnetic recording โดรู--การบันทึกทางแม่เหล็ก
    GEE - man จี คือ คน
    OIWI - year ออยวิ- คือ---ปี

    OEMMII - body โอมมิ --ร่างกาย
    OEMMOYUAGAA - terrans โอมโมยัวกา --ชาวโลก
    OEMIIA BII- humanization โอเมีย บี--มนุษยชาติ
    ONAWO WUA - college of mathematics -- โอนาโว วัว --- วิทยาลัยคณิตศาสตร์
    UAA - code of ethics อัว----หลักแห่งจริยธรรม
    UMMOALEWE - general assembly of UMMO อุมโมอะเลวี--องค์ประกอบพื้นฐานของอุมโม่
    UMMOTAEEDA - university อุมโมทาอีดา---มหาวิทยาลัย
    WAAM - cosmos วาม---จักรดารา--เอกภพ
    WAAM TOA - cosmology---วาม โทเอ---จักรวาลวิทยา
    WOA - God วัว หรือ อัว--พระเจ้า

    สุดยอดครับ................
     

แชร์หน้านี้

Loading...