มนตร์เพนดูลัม

ในห้อง 'วิทยาศาสตร์ทางจิต - ลึกลับ' ตั้งกระทู้โดย Aqua-ma-rine, 14 สิงหาคม 2011.

  1. Aqua-ma-rine

    Aqua-ma-rine เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    17 เมษายน 2008
    โพสต์:
    820
    ค่าพลัง:
    +1,242
    ลูกดิ่ง (เพนดูลัม) ที่เอามาใช้ทำนายอะไรกัน ฝึกเองก็ได้นะ

    www.pendulumthai.com/lipsinterview.html
    สุทธิวัสส์ คำภา

    [​IMG]

    “จากนักธรรมชาติบำบัดที่คนเลียนแบบได้ยาก เพราะคิดว่าต้องเรียนจบหมอเท่านั้นถึงจะทำได้ จีงพลิกตัวเองมาเป็นหมอดู เพื่อง่ายต่อการเลียนแบบ”


    [​IMG]

    ประโยคสั้น ๆ กับความตั้งใจของอาจารย์ ‘สุทธิวัสส์ คำภา’ นักพยากรณ์สุขภาพด้วยเพนดูลั่มคนแรกของไทย ที่อยากให้ทุกคนรู้เท่าทันโรคภัยก่อนจะสายเกินแก้

    หากพูดถึงการพยากรณ์สุขภาพด้วยเพนดูลั่ม อาจไม่คุ้นหูคนไทยมากนัก แต่แท้จริงแล้วศาสตร์นี้อยู่คู่คนไทยมานานแสนนาน ดังที่อาจารย์สุทธิวัสส์บอกกับเราว่า

    “เพนดูลั่มมีในไทยมานานแล้ว แต่สมัยโบราณเขาจะสอนศาสตร์นี้แค่ในแวดวงประจำตระกูลเท่านั้น ซึ่งถูกห้ามสอนให้คนอื่น เพราะกลัวคนอื่นจะไม่เชื่อ

    ทำให้เกิดการดูถูกดูแคลน และอาจหมดกำลังใจจนเลิกที่จพะยากรณ์ด้านนี้ไป

    …นอกจากนี้ สมัยโบราณเวลาหมดหน้านา เขาจะปล่อยช้างเข้าป่า พอถึงคราวที่จะต้องตามช้างกลับมา ก็จะมาถามจากเพนดูลั่ม เพื่อหาตำแหน่งที่ช้างอยู่ โดยให้ ‘หมอธรรม’

    (ผู้รู้ประจำหมู่บ้าน เป็นผู้พยากรณ์ ซึ่งส่วนใหญ่จะรู้เรื่องการทำนายทายทักและรู้วิธีแก้ไข)

    เป็นผู้ทำนาย ซึ่งตามความเชื่อของคนโบราณ เขาเชื่อว่า เวลาเราถามคำถามจากเพนดูลั่ม จะมีเทวดาที่คอยดูแลเรา เป็นคนบอก จึงเรียกว่าเป็นการถามจากเทวดา

    …เพนดูลั่มในสมัยโบราณ จะทำจากข้าวเหนียวปั้น แล้วเอาตอกหรือฝ้ายผูกที่ปลาย ถ้าใช้ตอกก็จะมีลักษณะคล้ายคันเบ็ดและแกว่งได้ เหมือนไม้ที่โมเสส ใช้ในการหาแหล่งน้ำ ซึ่งเป็นเรื่องมหัศจรรย์มาก ที่มาคล้ายกับเมืองไทย

    บางแห่งจะใช้เทียนปั้นดินปั้น แต่พวกที่อยู่ในตระกูลสูง มีฐานะดีหน่อย ก็จะทำเพนดูลั่มจากเงิน หรือ จากทองบ้าง

    …ส่วนเพนดูลั่มในปัจจุบัน มีมากมายหลายรูปแบบ ทั้งวัสดุที่นำมาทำก็มีคุณสมบัติแตกต่างกันไป ซึ่งสามารถพกติดตัวเพื่อเป็นสิริมงคงกับชีวิตได้ ไม่จำเป็นต้องบูชา และ สะดวกต่อการเก็บรักษา

    เช่น เพนดูลั่มที่ทำจากคริสตัล เหมาะสำหรับคนที่ไม่ค่อยพูด เมื่อพกเพนดูลั่มที่ทำจากคริสตัลจะมีคนเข้าใจมากขึ้นโดยไม่ต้องอธิบาย

    เพนดูลั่มสีชมพู จะส่งเสริมทำให้มีคนรักเพิ่มขึ้น ส่วนเพนดูลั่มที่ทำจากหินพระธาตุ จะใช้ดูเจ้ากรรมนายเวร สิ่งที่ซับซ้อนมากกว่าปกติ”

    [​IMG]



    กว่า 50 ปี ที่ชีวิตได้ผูกพันกับสมุนไพรการรักษาโรค รวมถึงการช่วยเหลือเพื่อนมนุษย์ ด้วยจิตแน่วแน่ของครอบครัว ส่งผลให้เขาได้ซึมซับและถูกบ่มเพาะมาตั้งแต่เด็ก จากผู้เป็นพ่อ ที่เป็นแพทย์แผนไทย

    ซึ่งหลังจากจบจิตวิทยาที่มหาวิทยาลัยบูรพา และทำงานเป็นอาจารย์แล้ว เขายังคงไม่ลืมค้นคว้าหาความรู้เพิ่มเติม เพื่อประโยชน์ต่อผู้อื่น แต่นั่นถือว่า เป็นการแก้ปัญหาที่ปลายเหตุ

    [​IMG]

    “พื้นฐานเดิมของผมเกิดในครอบครัวของแพทย์แผนไทย คือโตมากับกองสมุนไพร แต่พ่อไม่ได้สอนว่าสมุนไพรตัวไหนใช้ทำอะไร จะสอนปรัชญาของสมุนไพรมากกว่า คือ พูดถึงประวัติหมอชีวโกมารภัจจ์ว่า

    ‘ตอนที่อาจารย์หมอชีวะไปทำวิทยานิพนธ์ ว่าอะไรที่ใช้ทำยาไม่ได้ หมอชีวสำรวจเสร็จแล้ว กลับมาทำรายงานว่า ไม่มีอะไรที่ใช้ทำยาไม่ได้’

    พ่อจะเล่าเรื่องนี้ให้ฟังเป็นร้อย ๆ ครั้ง เพื่อให้รู้ว่าทุกอย่างสามารถนำมาทำเป็นยาเพื่อรักษาคนได้หมด

    …เมื่อโตขึ้นช่วง 6 ตุลาฯ ตัวเองได้เป็นหนึ่งในคณะนักศิกษาของธรรมศาสตร์ ซึ่งตอนหลังต้องเข้าป่า การเข้าป่าครั้งนั้นเลือกที่จะอยู่หน่วยแพทย์ เพราะผมไม่ชอบจับอาวุธ ทำให้ได้ค้นคว้าเรื่องสมุนไพรมากขึ้น หลังจากกลับมาก็มาเรียนจนจบและเข้ารับราชการครู แต่ว่างเมื่อไหร่ จะออกตามชนบทเพื่อค้นคว้าภูมิปัญญาชาวบ้าน ซึ่งพบว่า มีหลายเรื่องที่น่าสนใจ แต่กำลังสาบสูญ

    เช่น ถ้าไปทางภาคอิสาน นำความรู้ไปช่วยเขา เราก็ได้ความรู้ทางภาคนั้นกลับมาด้วย อย่างเรื่องของการรักษาคนเป็นนิ่ว เขาจะใช้เหล้าขาวบีบมะนาวให้กินก่อนนอน

    …เมื่อเดินทางไปอีกแห่งหนึ่ง ก็ได้ความรู้มาอีกว่า เอาน้ำมะพร้าวอ่อนแกว่งสารส้มให้กิน สามารถสลายนิ่วได้ หรือ การรักษาตาแดง เวลาเป็นตาแดงถ้าใช้ยาปฏิชีวนะ ต้องใช้เวลา 7 วัน

    แต่ถ้าเป็นภูมิปัญญาพื้นบ้าน ก็แค่เอาเท้าแช่น้ำแข็งที่ใสน่น้ำไว้เย็นจัด แล้วแช่ทีละข้างให้ท่วมตาตุ่ม สลับไปมา พอปวดให้เปลี่ยนอีกข้างหนึ่ง

    สักพักหนึ่ง ตาแดงจะหายเป็นปลิดทิ้ง คือเร็วที่สุดประมาณครึ่งชั่วโมง ช้าที่สุดคือ 2 ชั่วโมง ทำให้ไม่ต้องเสียเวลาเป็นวัน และไม่ต้องกินยาด้วย

    …ทำให้เริ่มค้นพบสิ่งที่พ่อสอนว่า ‘มันไม่จำเป็นต้องใช้ยา’ จึงพยายามค้นคว้าเรื่องเหล่านี้ต่ออีกหลายอย่าง เช่น การใช้ดนตรีบำบัด การใช้หินบำบัด

    อย่างอินเดียนแดง ที่เอาขนนกมาบำบัด ใช้เสียงกลองบำบัด แม้กระทั่งในต่างประเทศ ที่ใช้ปลาโลมาบำบัด ซึ่งฟังดูเป็นเรื่องตลก แต่สามารถทำให้หายป่วยได้จริง

    ยิ่งทำให้พบว่า มีหลายประเทศ ใช้วิธีการบำบัดที่แตกต่างกันไป หลังจากนั้นจึงศึกษาค้นคว้าและเรียนทุกเรื่อง ไม่ว่าจะเป็นเรื่องการบำบัดวิธีไหน

    เพราะเชื่อว่าวันหนึ่ง จะต้องมีคนจำเป็นต้องใช้ อย่างที่เขาเรียกลางเนื้อชอบลางยา”

    [​IMG]

    ปัญหาหลักคือ รู้วิธีรักษาแต่ไม่สามารถหาสาเหตุของอาการเจ็บป่วยได้

    “จนเมื่อ 10 กว่าปีก่อน ได้ศึกษาวิชาการพยากรณ์สุขภาพกับนายแพทบ์ของประธานาธิบดีเวเนซุเอลาที่มาเยือนเมืองไทย ซึ่งเขาสามารถใช้เพนดูลั่มหาสาเหตุของโรคได้

    แต่วิธีการสืบหาต้นเหตุของหมอประธานาธิบดีเวเนซุเอลายังอยู่ในวงจำกัด ไม่สามารถรู้ได้ลึก

    …ตอนหลังมีโอกาสไปสอนวิปัสสนากรรมฐานที่วัดเขาพุทธโคดม ได้เรียนพระอภิธรรม จนพบเรื่องราวในพุทธศาสนา ที่พูดถึงโรคภัยไข้เจ็บไว้หลายเรื่อง

    โดยเฉพาะการหาต้นเหตุของการเจ็บปวด คือในพระไตรปิฎกจะพูดว่า ธรรมทั้งหลายไ ม่ว่าจะเป็นร่างกาย การเจ็บปวดอะไรก็ตาม มักหนีไม่พ้นปัจจัย 4 ที่เรียกว่า ‘สังขตธรรม’

    อันได้แก่ กรรม ซึ่งทุกอย่างมันเกิดจากรรม อาจเกิดจากกรรมเก่าหรือกรรมปัจจุบัน ผมได้เรียนรู้ว่าหลายคนมีอาการเจ็บปวด เพราะว่าจัดระเบียบท่านั่งไม่ถูกต้อง จึงทำให้กระดูกเคลื่อน นี่คือกรรมปัจจุบัน

    หรือบางคนมีพฤติกรรมชอบกินของหวาน นั่นเป็นกรรมที่ทำให้เขาเป็นเบาหวาน ซึ่งไม่ใช่กรรมพันธุ์

    … ปัจจัยที่ 2 คือสภาวะจิต ทางจิตวิทยาพบว่า ความคิดเป็นต้นเหตุให้คนเจ็บป่วยหลายโรค และบางคนอาการเจ็บป่วยที่เกิดขึ้น พอได้ระบายออกมาก็หาย

    ประการที่ 3 มาจากอุตุ ซึ่งจำแนกได้ 2 ประเภท คือ อุตุภายนอก หมายถึงดินฟ้าอากาศที่เปลี่ยนไปทำให้คนเจ็บป่วย

    ส่วนอุตุภายใน หมายถึง การไหลเวียนของพลังงานในร่างกาย ร่างกายคนเรานอกจากมีเลือดไหลเวียนแล้ว ยังมีประจุไฟฟ้าวิ่งไปตามเซลล์ประสาท ประจุไฟฟ้าที่วิ่งตามเซลล์ประสาท

    ในต่างประเทศก็เรียกชื่อต่างกัน คนญี่ปุ่นเรีย ‘คิ’ คนจีนเรียก ‘ชี่’ อินเดียเรียก ‘ปานะ’ ส่วนคนไทยเรียก ‘ลมปราณ’ และในภาษาพระเรียกว่า ‘อัชฌัตอุตุ’

    แต่คนไทยจะคุ้นกับคำว่าลมปราณ ถ้าในทางการแพทย์กแผนจีนก็หมายถึงเส้นลมปราณ หรือแนวเมอรร์เรเดียนของร่างกายนั่นเอง”


    [​IMG]

    เมื่อรวมศาสตร์ทั้งสองสิ่งเข้าไว้ด้วยกัน จึงก่อเกิดเป็นศาสตร์การพยากรณ์สุขภาพโดยการใช้เพนดูลั่มขึ้นมา

    แต่นั่นไม่ใช่สิ่งสำคัญ เท่าแนวคิดที่จะเผยแพร่ความรู้ เพื่อใช้เป็นที่ปรึกษายามเกิดปัญหา โดยที่ไม่หวังผลตอบแทน

    “หลังจากศึกษาพระไตรปิฏกในเรื่องสังขตธรรมแล้ว จึงนำมาประยุกต์ใช้กับการพยากรณ์สุขภาพ และเปิดสอนศาสตร์การพยากรณ์สุขภาพขึ้นมา ผมทำมา 10 กว่าปี ทำเป็นการกุศล ไม่เคยทำเป็นอาชีพเพื่อเงินทองเลย

    โดยจะสอนลูกศิษย์ทุกรุ่นว่า ห้ามเรียกร้องค่าใช้จ่าย หลักสำคัญคือ เมื่อเราทำได้ ก็อยากสอนให้คนอื่นทำได้ อีกหลาย ๆ คน

    …คุณสมบัติของผู้อยากศึกษานั้นไม่มีอะไรมาก เพียงแค่ต้องเป็นคนที่มีเมตตา อยากจะช่วยเหลือคนอื่น ถ้าเรียนเพื่อตัวเองก็จะจุความรู้ได้น้อย แต่ถ้าเรียนเพราะเห็นว่า มีคนทุกข์ยากลำบากอยากจะช่วยเหลือ พอใจเปิดกว้างมักจะเรียนได้เยอะ

    ซึ่งใครก็สามารถฝึกได้ ฝึกให้มีสมาธิในตัว รวมถึงต้องมีโลกทัศน์อื่น ๆ มีความรู้รอบตัวอื่น ๆ ประกอบด้วย และจะสอนเสมอว่าให้ดูตัวเองทุกวัน

    เช้ามาต้องดูว่าวันนี้มีเจ้ากรรมนายเวรมั้ย มีปัญหาอะไร แม้แต่อาหาร ก็ต้องดูว่ากินอะไรได้ ไม่ได้ เพราะบางคนเป็นโรคหัวใจ ซึ่งบางวันต้องกินผลไม้ แต่บางวันต้องงดผลไม้ หรือสีเสื้อผ้าที่จะใช้ในแต่ละวัน เพนดูลั่มก็สามารถบอกได้

    …ซึ่งก่อนที่จะมาศึกษาเรื่องเพนดูลั่ม ก็เรียนมาทุกศาสตร์แล้ว อย่างสมัยก่อนก็เอามาใช้เทียบเคียงกันว่า สิ่งที่เพนดูลั่มให้ผลออกมากับศาสตร์อื่น ๆ นั้นตรงกันมั้ย

    ซึ่งพบว่าเขา สามารถเจาะลึกซอกซอนได้มากกว่า อย่างเช่น ศาสตร์แห่งฝ่าเท้า ซึ่งดูได้แค่ว่าเป็นที่หัวใจ ม้าม ปอด แต่ดูไม่ได้ว่าต้นเหตุมาจากไหน เพนดูลั่มสามารถบอกได้หมดว่า ปวดแบบนี้มาจากกรรม สภาวะจิต อุตุ หรือ เกิดจากอาหาร

    แล้วค่อยมาดูรายละเอียดว่า เป็นกรรมเก่าหรือกรรมปัจจุบัน ส่งผลไปที่ไหน ต้องแก้ไขอย่างไร เพนดูลั่มจะบอกได้ตรงโดยไม่ต้องไปคลำหา สามารถรู้ต้นเหตุและใช้เครื่องมือถูกต้อง

    …นอกจากเรื่องสุขภาพแล้ว เพนดูลั่มยังสามารถดูเรื่องอื่น ๆ ที่เป็นเหตุการณ์ปัจจุบันกับสิ่งที่ผ่านมาได้ เช่น ถามเรื่องปัญหาครอบครัวว่า ที่เป็นอย่างนี้กรรมเก่ามาจากชาติไหน หรือปัจจุบันสามีมีหญิงอื่นมั้ย

    รวมถึงเรื่องการเมือง ซึ่งเราต้องดูจากบุญของผู้เกี่ยวข้องด้วย เช่นช่วงนี้บุญส่งผลมั้ย ถ้าบุญไม่ส่งผลถึงมีฐานเสียงแค่ไหนก็ไม่เป็นผล คือทุกอย่างต้องเอามาเชื่อมโยงกัน เราต้องศึกษาศาสตร์องค์รวมทุกด้าน

    …เพนดูลั่มมีข้อจำกัดคือ ไม่สามารถดูเรื่องอนาคต ทำได้เพียงประเมินสถานการณ์ในอนาคตได้เท่านั้น คือพวกเราจะไม่เชื่อว่า มีใครขีดชีวิตเราไว้ เราถือว่าอนาคตเป็นเรื่องที่เปลี่ยนแปลงได้

    และเราก็จะสอนให้คนมีพลังจิต ที่จะเปลี่ยนชีวิตในอนาคต อย่าไปรอ หรือยอมจำนนกับสิ่งที่ขีดคอยไว้แล้ว”

    [​IMG]

    ตามเจตนารมณ์ที่อยากเผยแพร่ให้ทุกคนรู้ตัวก่อนเจ็บป่วย วิชานี้จึงพร้อมอ้าแขนรับทุกคน ขอเพียงแค่มีศรัทธา มีความตั้งใจจริง แล้วการเรียนรู้จะไม่ยากเกินเอื้อม

    “การใช้เพนดูลั่มพยากรณ์สุขภาพนั้นไม่ใช่เรื่องยาก หลักการก็คือ เพนดูลั่มจะทำได้แค่หมุนกับนิ่ง ลักษณะของเพนดูลั่มจะทำงาน 2 แบบ

    แบบที่ 1 ถ้าอะไรที่มีพลังตามธรรมชาติเป็นแหล่งนำจะผลักเพนดูลั่มให้หมุน อะไรที่ไม่มีพลังก็จะดูดเพนดูลั่มให้นิ่ง การทำงานของเพนดูลั่ม จะอ่านจากสนามแม่เหล็กโลก และสนามแม่เหล็กในสมอง ในสมองของคนเรา มีอานุภาพแม่เหล็กอยู่ 7,000 ชิ้น

    เวลาคนคิดยังไงอานุภาพ แม่เหล็กก็จะเรียงตัวในระบบของเขา ทำให้เพนดูลั่มสามารถอ่านออก ที่เราอ่านเรื่องราวในอดีตได้ เพราะทุกอย่างจะถูกบันทึกไว้ ในสนามแม่เหล็กโลก เพนดูลั่ม ก็จะไปอ่านข้อมูลจากตรงนี้มา

    โดยเวลาถามให้ถามแบบคำถามปิด คือ เพนดูลั่มจะตอบแค่ ‘yes’ กับ ‘no’ ถ้าใช่ให้หมุน ถ้าไม่ใช่ให้นิ่ง

    [​IMG]


    …วิธีการดู เริ่มจากจิ้มเพนดูลั่มไปที่มือซ้ายหรือขวาก็ได้ แล้วเลือกนิ้วที่ต้องการถาม โดยนิ้วโป้งจะพูดถึงอำนาจ ถ้าอำนาจไม่ดีอาจมีปัญหาที่สติ ต้องมีสติอยู่เสมอ แล้วผู้คนจะนับถือ

    นิ้วชี้จะบอกเรื่องความสำเร็จ ให้พัฒนาเรื่องความเพียร นิ้วกลางจะบอกเรื่องวาสนา ตัววาสนาจะเกี่ยวกับปัญญา

    นิ้วนางพูดถึงเรื่องของบารมี ให้พัฒนาสมาธิ และ นิ้วก้อยบอกเรื่องการเงิน ถ้าการเงินไม่ค่อยดี ต้องฝึกเรื่องศรัทธา”

    [​IMG]

    หลายคนคงกำลังสงสัยว่า สิ่งที่เขาทำอยู่อาจดูงมงาย ไม่ว่าเป็นการดูจากกรรมเก่ากรรมใหม่ หรืออะไรก็แล้วแต่ ที่ไม่สามารถพิสูจน์ให้เห็นเป็นรูปธรรมได้ แต่บทสรุปของการค้นหานั้น สามารถตอบโจทย์ได้อย่างชัดเจน

    “จริง ๆ เป็นวิทยาศาสตร์ เพราะว่าการทำงานของเพนดูลั่มจะอาศัยประจุไฟฟ้าลบ ที่ปลายเพนดูลั่ม เมื่อเจอกับวัตถุที่มีประจุไฟฟ้าลบด้วยกัน ลบกับลบเจอกันก็จะผลักกัน แต่ถ้าเจออะไรที่ไม่มีพลังอันนั้นก็จะมีสภาพเป็นประจุบวก บวกกับลบก็จะดูดกัน

    อย่างอเมริกา เขาใช้เพนดูลั่มในการค้นหาเรือดำน้ำ เรดาร์ไม่สามารถจับสัญญาณเรือดำน้ำได้ รู้แค่ว่า มาในน่านน้ำ แต่ไม่รู้ว่าอยู่ตรงไหน ซึ่งเพนดูลั่มสามารถบอกได้ ว่าอยู่ตรงไหน

    …ศาสตร์ทั่วไปจะเก่งแบบเก่งคนเดียวไม่สามารถสอนใครได้ อะไรที่สอนคนให้ทำได้ก็เป็นวิทยาศาสตร์ อะไรที่เป็นความสามารถเฉพาะตัวห้ามลอกเลียนแบบ ค่อนข้างจะไปทางไสยศาสตร์ เพราะว่ามันลึกลับ”

    ไม่ว่าจะด้วยเหตุผลใดก็ตาม แต่สิ่งที่สัมผัสได้คือความดีที่มีต่อมนุษย์ด้วยกัน อย่างที่อาจารย์สรุปให้ฟังว่า

    [​IMG]

    “ศาสตร์การพยากรณ์สุขภาพถือเป็นภูมิปัญญาไทย จะเรียกว่าเป็นภูมิปัญญาพื้นบ้านก็ได้ เป็นศาสตร์ที่เราควรอนุรักษ์ไว้ อย่างน้อยก็เป็นประโยชน์ เป็นที่ปรึกษาที่ดีสำหรับตัวเรา

    ยิ่งช่วงนี้ คนสิ้นหวังจากเศรษฐกิจ การเมือง ควรจะต้องเรียนรู้เรื่องพวกนี้เอาไว้ เพื่อช่วยดูแลตัวเอง ดูว่า เราจะต้องพัฒนาตัวอย่างไรบ้าง”

    บทสรุปตอนสุดท้ายจะเป็นอย่างไร คงมีแต่คุณเท่านั้นที่เป็นผู้กำหนด

    (จากนิตยสาร LIPS 10/12 ปักษ์หลังธันวาคม 2551)



    [​IMG]




    <TABLE border=0 cellSpacing=0 cellPadding=0 width=1001><TBODY><TR><TD height=35 vAlign=top colSpan=2><TABLE border=0 cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%"><TBODY><TR><TD vAlign=top width=986>วิธีฝึกลูกดิ่ง</TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR><TR><TD height=700 vAlign=top colSpan=2><TABLE border=0 cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" background=images/pic_11.jpg height=708><!--DWLayoutTable--><TBODY><TR><TD height=659 width=21></TD><TD vAlign=top width=956>
    1. เช็คสภาพร่างกาย และ จิตใจว่า ขณะจะฝึกนั้น ไม่เพลียเกินไป เช่น หากทำงานหนักมาทั้งวัน มาฝึก ผลที่ได้จะพลาด บางครั้ง
    ลูกดิ่งไม่ทำงานเลย, ขณะที่ป่วย ลูกดิ่งก็จะทำงานพลาด ไม่ควรฝึก, อดนอน, หิวข้าวจัด .. กรณีเหล่านี้ ทำให้สมาธิไม่แน่วแน่ ไม่ควรฝึก

    2. เมื่อเริ่มฝึก ให้ back to basic ก่อน คือ เริ่มต้นด้วย วิธีการถือลูกดิ่ง

    ท่าที่ 1. ข้อศอกข้างขวา ควรวางยันไว้บนแท่น โต๊ะ หรือหมอนหรืออะไรก็ได้ที่ไม่เคลื่อน ไม่ควรปล่อยให้ศอกลอย
    จะทำให้ลูกดิ่งแกว่ง

    ท่าที่ 2. ถ้ามีพื้นที่สะดวก ทาบข้อศอกไปถึงปลายแขนราบลงไปเลยได้ยิ่งดี เช่น วางท่อนแขนช่วงล่างทาบบนโต๊ะ แล้วทิ้งลูกดิ่งลงมาใต้โต๊ะ ท่านี้จะมั่นใจได้ว่ามือไม่สั่น

    3. เช็คการสื่อสารระหว่างเรา กับลูกดิ่ง โดยไม่ต้องดิ่งที่มือ แล้วสื่อสารให้ลูกดิ่งแกว่งในทิศทางที่ต้องการ เช่น พูดในใจว่า “ขอให้ท่านแกว่งซ้ายไปขวา” , “ขอให้หยุดนิ่ง” , ขอให้แกว่งวงกลมวนขวา, ขอให้แกว่งวงกลมวนซ้าย, ขอให้แกว่งหน้าหลัง ลองทุกคำสั่ง ถ้าทำได้ แสดงว่าสมาธิใช้ได้ การสื่อสารเริ่มดีขึ้น

    4. ดิ่งที่เนินพฤหัสฝ่ามือซ้าย (เป็นเนินระหว่างโคนนิ้วชี้กับเส้นแบ่งกึ่งกลางฝ่ามือ) ถามคำถาม basic ที่เรารู้คำตอบอยู่แล้ว โดยก่อนถาม ต้องทำใจให้เป็นกลาง ไม่ใช่จิตบังคับให้ลูกดิ่งแกว่ง

    หรือ นิ่ง ห้ามบังคับ ! เช่น ถามว่า “ฉันเป็นผู้ชายใช่ไหม” ถามแล้ว ใจก็ปล่อยเฉย ๆ ดูเองว่าลูกดิ่งจะแกว่งหรือไม่ ไม่ใช่ใจไปบังคับว่า “แกว่งซี แกว่งหน่อยดิ” หรือ “อย่าแกว่งนะ” นั่นคือการใช้จิตบังคับ ซึ่งผิด ลูกดิ่งจะสับสน และ จะให้ผลที่ผิด

    5. วิธีถามเช็ค เมื่อไม่แน่ใจว่า เมื่อกี๊มือเราสั่นไปเอง หรือ ลูกดิ่งแกว่ง ให้ถามคำถามเดิม แต่เปลี่ยนเป็นประโยคปฏิเสธ เช่น
    •ครั้งแรกถามว่า “ฉันเป็นผู้ชาย ใช่หรือไม่” ลูกดิ่งแกว่ง แต่เราไม่แน่ใจว่า มือเราสั่นไปเอง หรือ ลมพัด เราจึงต้องการเช็คใหม่
    •ให้ถามกลับอีกทีว่า “ฉันไม่ใช่ผู้ชาย (หรือ ฉันเป็นผู้หญิง) ใช่หรือไม่” หากลูกดิ่งนิ่ง แสดงว่า คำตอบทั้งสองครั้ง เป็นคำตอบที่ถูกต้อง

    หากลูกดิ่งแกว่งอีก แสดงว่า คำตอบที่ได้ทั้งสองข้อ ยังเชื่อถือไม่ได้ ให้เริ่มต้นถามใหม่

    6.เมื่อมั่นใจว่า คำตอบเริ่มถูก เป็นส่วนใหญ่ ให้เริ่มถามถึงประวัติของเทวดา เช่น

    •ท่านเป็นเทวดาชั้นไหน (จาตุมหาราชิกา, ดาวดึงส์,ยามา,ดุสิต,นิมมานรดี,ปรนิมิตสวัสดี)

    •เคยเกี่ยวเนื่องเป็นอะไรกับข้าพเจ้า เมื่อชาติสุดท้าย เช่น พ่อ แม่ ปู่ ย่า พี่ น้อง ?

    •ต้องการให้เรียกท่านว่าอะไร ? ท่านแม่ ท่านปู่ น้อง พี่ น้า อา ?

    •ต้องการให้บูชาท่านด้วยอะไร ? น้ำเปล่า, ปะแป้ง, จุดธูป, ใส่บาตร/ ให้บูชาบ่อยขนาดไหน ? ทุกวัน ทุก week ?




    </TD><TD width=24></TD></TR></TBODY></TABLE>[​IMG]




    </TD></TR><TR><TD height=940 vAlign=top colSpan=2><TABLE border=0 cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" bgColor=#e1e1e1><!--DWLayoutTable--><TBODY><TR><TD height=940 width=20></TD><TD vAlign=top width=956>
    เมื่อฝึกได้จนมั่นใจแล้ว ก็ค่อยถามคำถามอื่น ๆ โดยขอให้เข้าใจเรื่องความแม่นดังนี้

    1. เรื่องอดีต จะมีความแม่นยำน้อยกว่าเรื่องปัจจุบัน เช่น

    1.1 เราถามว่า ปัจจุบันเรามีพยาธิเส้นด้ายใช่หรือไม่ ลูกดิ่งตอบว่า ใช่

    1.2 เราถามต่อว่า พยาธิเส้นด้ายนี้ ติดมาตั้งแต่ 4 วันที่แล้ว ใช่หรือไม่ ลูกดิ่งตอบว่า ใช่
    กรณีนี้ ให้เข้าใจว่า

    ข้อ 1.2 คือเหตุการณ์ในอดีต จะมีความแม่นยำน้อยกว่า

    ข้อ 1.1 ยิ่งอดีตที่ผ่านมานาน ยิ่งพลาดได้มากกว่า

    2. เรื่องอนาคต จะยิ่งแม่นยำ น้อยกว่าเรื่องในอดีตเสียอีก เพราะ อนาคตคือเรื่องที่ยังไม่เกิด เทวดาต้องใช้ความสามารถในการเดาบ้าง หรือ หากเป็นเรื่องที่กฎแห่งกรรมบีบบังคับ ก็ไม่สามารถรู้ได้

    3. เรื่องที่ไกลตัว จะมีความแม่นยำน้อยกว่าเรื่องใกล้ตัว เช่น ถามเรื่องเหตุการณ์ใน USA จะแม่นน้อยกว่าถามเรื่องเหตุการณ์ในประเทศไทย, ถามเรื่องคนที่ใกล้ชิดเรา โดยเขาไม่ได้อยู่ด้วย (ใช้นึกหน้าเอา) จะแม่นยำกว่า ถามเรื่องคนไกลตัว และ ไม่ได้อยู่ด้วย

    4. เรื่องที่กฎแห่งกรรมกำหนดว่า ไม่ควรรู้ ก็จะไม่รู้ แม้กระทั่งเรื่องของตัวเอง เช่น ถามว่า วันนี้หากขับรถไปเส้นทางนี้ จะไม่เกิดอุบัติเหตุ ใช่หรือไม่ หากไม่มีอกุศลกรรมสนอง ลูกดิ่งจะตอบได้ตรง แต่หากกำลังมีอกุศลกรรมบีบให้เราเกิดอุบัติเหตุ ลูกดิ่งจะตอบพลาด หรือ ลูกดิ่งไม่ทำงาน

    5. รายละเอียดที่ละเอียดมาก ๆ หรือ หลักฐานที่ไม่เด่นชัด ความแม่นยำก็จะน้อย เช่น มีอาการเพลียมาได้ครึ่งวันแล้ว เช็คลูกดิ่งว่า
    มีพยาธิใช่หรือไม่ ตอบว่า ไม่มี ต่อมาอีก 24 ชม. อาการหนักขึ้น เช็คลูกดิ่งอีกที ปรากฏว่า ตอบว่า มีพยาธิ นั่นแสดงว่า ขณะที่เช็คครั้งแรก จำนวนพยาธิที่ฟักเป็นตัว ยังไม่มากพอที่ลูกดิ่งจะตรวจพบ

    6. ในขณะที่เราอ่อนเพลีย ความแม่นยำจะลดลง

    7. ความแม่นยำของลูกดิ่งแต่ละท่านนั้น ไม่เท่ากัน

    8. คำถามที่ไม่ชัดเจน หรือ คำถามที่กว้าง ต้องอาศัยการตีความเอง ก็ได้คำตอบที่พลาด เช่น ถามว่า “เขารักฉันมากใช่มั้ย” ... งง ตกลงคำว่า “มาก” นี่ มันวัดกันที่กี่กิโลกรัม

    ทั้ง 8 ข้อนี้ เป็นแค่ค่าเฉลี่ยโดยรวม ไม่ได้หมายความว่า จะต้องไม่แม่นยำแบบนี้ ทุกครั้ง ทุกคน เพราะ ได้รู้มาว่า คนที่ใช้ลูกดิ่งจนสามารถบอกเหตุการณ์ในอนาคตได้อย่างแม่นยำนั้น ก็มีจริง

    และอ.สุทธิวัสส์เอง ก็ใช้ลูกดิ่งได้ ไม่มีข้อจำกัดทั้ง 8 ข้อ ฉะนั้น อย่าให้ 8 ข้อนี้ ทำให้เราท้อใจ เล่าให้ฟังเพื่อให้ผู้ฝึกใหม่รู้ว่า หากเกิด 8 ข้อนี้ ก็ไม่ต้องตกใจ เป็นปกติ ค่อยพัฒนาไป


    [​IMG]

    ลูกดิ่งทดสอบเรา !!!! สำคัญมาก สำหรับที่ผู้ทีฝึกใหม่ ๆ

    สำหรับผู้ที่ฝึกใหม่ ท่านจะเจอช่วงทดสอบใจ หลังจากฝึกลูกดิ่งได้ซักพัก เริ่มคุ้นเคย สื่อสารได้ดี ทำนายแม่น จู่ ๆ มาวันนึง ลูกดิ่งก็ไม่ทำงาน ถามอะไรก็ไม่ตอบ หรือ แกล้งตอบพลาดในหัวข้อง่าย ๆ ทำให้เราหงุดหงิด ยิ่งหงุดหงิด ยิ่งพลาด ยิ่งไม่ทำงาน หลาย ๆ คน

    เจอช่วงนี้แล้วท้อ จึงเลิกใช้ลูกดิ่ง เก็บขึ้นหิ้งเรียบร้อย ไม่แตะต้องอีกเลย เพราะงอน ถ้าท่านเจออาการนี้ ให้งดใช้ลูกดิ่งชั่วคราว
    แล้วฝึกประจุพลังเรื่อย ๆ สักวันสองวัน กลับมาใช้ใหม่

    ถ้ายังไม่ได้ ก็พักให้นานขึ้นเป็น 3-4 วัน ประจุพลังต่อไปเรื่อย ๆ แล้วกลับมาใช้ใหม่ ทำอย่างนี้ไปเรื่อย ๆ อย่าท้อ อย่าเร่งรัดจนเครียด จนลูกดิ่งรู้แน่ว่าท่านตื๊อ เอาจริง ลูกดิ่งก็จะกลับมาทำงานเหมือนเดิม

    อาการเหล่านี้ ทั้ง อ.สุทธิวัสส์ และ อ.จัสติน ล้วนเคยผ่านมาแล้วทั้งนั้น ถ้าท่านผ่านช่วงนี้ไปได้ ท่านก็สามารถใช้ลูกดิ่งได้ตลอดไป



    [​IMG]



    </TD><TD width=25></TD></TR><!--DWLayoutTable--><!--DWLayoutTable--><!--DWLayoutTable--></TBODY></TABLE></TD></TR><TR><TD height=312 vAlign=top colSpan=2><TABLE border=0 cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" bgColor=#ffffff><!--DWLayoutTable--><TBODY><TR><TD height=8></TD><TD></TD><TD></TD></TR><!--DWLayoutTable--><TR><TD height=199 width=22></TD><TD vAlign=top width=953>
    ก่อนตรวจสุขภาพทุกครั้ง ควรตรวจเจ้ากรรมนายเวรของตัวท่านเอง

    เมื่อลูกดิ่งตอบว่า มีเจ้ากรรมนายเวร ให้ค้นหารายละเอียดเพื่อแก้ไขดังต่อไปนี้

    จองเวรเรื่องอะไร ? เรื่องโชคลาภ ชื่อเสียงเกียรติยศ ความสำเร็จ ครอบครัว เรื่องสุขภาพ

    เริ่มจองเวรเมื่อไร ? จองเวรมาแล้วไม่ถึง 1 ปี ใช่หรือไม่ ? กี่เดือนมาแล้ว ? หรือจองเวรมากี่ปีแล้ว ? ไล่หาจนกว่าจะพบ

    ผู้จองเวรคือใคร ?

    ล่วงเกินพระรัตนตรัยใช่หรือไม่ ? ถ้าใช่ ส่วนใหญ่มักจะเป็นการล่วงเกินพระสงฆ์

    วิธีแก้คือ ต้องขอขมาต่อหน้าพระสงฆ์อย่างน้อย 4 รูป

    ล่วงเกินมนุษย์ใช่หรือไม่ ? ทำร้าย หรือ ฆ่า ? ฆ่าโดยเจตนาส่วนตัว หรือ ฆ่าโดยหน้าที่ ?

    สมัยนั้น เราเกิดในตระกูลใด กษัตริย์, ราชวงศ์/ มีตำแหน่งใด แม่ทัพ ทหาร ตำรวจ ?/ หรือตระกูลขุนนาง เช่น เจ้าพระยา พระยา พระ หลวง ขุน หรือ

    เป็นพ่อค้า/ หรือ เป็นชาวไร่ ชาวนา

    (ถ้าใช่ มักเกี่ยวข้องกับ สัตว์ เช่น ฆ่าสัตว์ เผาเต่า วางยาเบื่อหมาแมว ฆ่านก หรือ ปล่อยให้วัวควาย อดหญ้า)
    </TD><TD width=26></TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR><TR><TD height=418 vAlign=top colSpan=2><TABLE border=0 cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" bgColor=#ffffff><!--DWLayoutTable--><TBODY><TR><TD height=418 width=20></TD><TD vAlign=top width=956>
    - ผู้ถูกละเมิด เป็นใคร ? : บุพการี, ญาติพี่น้อง, ลูก, บริวาร, ไส้ศึก, ศัตรู, ข้าศึก, นักโทษ

    - ล่วงเกินเมื่อชาติไหน ? ชาติที่แล้ว, 2 ชาติที่แล้ว, 3 ชาติ (การฆ่าไส้ศึก จะต้องจองเวรภายใน 3 ชาติ เกินกว่านี้ จะหมดอายุความ)

    - ถ้าไม่ใช่การฆ่า ให้ถาม

    - ทำให้เสียทรัพย์ใช่ใหม ? โกงทรัพย์, ล่อลวง หรือ ทำให้เสียทรัพย์โดยไม่ตั้งใจ

    - ล่วงเกินทางเพศ ? ทำมาแล้วกี่ราย ?

    - พูดจาให้ร้าย ? เกี่ยวกับคำพูดใช่หรือไม่ ?

    - ทำให้เขาเสียสติ ? ให้ยาเสพติด ?

    - ล่วงเกินสัตว์ใช่หรือไม่

    - สัตว์ไม่มีเท้า ? งู ? มีพิษ หรือ ไม่มีพิษ (งูหลาม งูเหลือม งูสิงห์)

    - สัตว์ 2 เท้า ? ไก่ เป็ด ห่าน นก

    - สัตว์ 4 เท้า ? สัตว์ป่า (กระเทิง เก้ง กวาง เสือ) หรือ สัตว์บ้าน (หมู แมว หมา เต่า)

    - สัตว์หลายเท้า ? มด ปลวก แมลงสาบ ตะขาบ

    เมื่อทราบแน่ชัดว่าเป็นอะไร ให้ถามต่อว่าต้องการให้ทำบุญโดยวิธีใด เช่น ใส่บาตรกี่วัน กี่รูป, ปล่อยสัตว์ชนิดใด, ทำสังฆทาน, ปฏิบัติกรรมฐานกี่วัน แล้ว อุทิศส่วนกุศล ขอให้ไปเกิดในภพภูมิที่สูงขึ้น​


    แบบฟอร์มพยากรณ์สุขภาพ เชิญ ที่นี่

    (อ่านประสบการณ์การใช้ลูกดิ่งของ Diane Stein ได้ ที่นี่)
    <!-- Begin ShinyStat Free code --><SCRIPT language=JavaScript type=text/javascript src="http://codice.shinystat.com/cgi-bin/getcod.cgi?USER=trainingx"></SCRIPT>​


    </TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR></TBODY></TABLE>
    [​IMG]
    [​IMG]
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 14 สิงหาคม 2011
  2. Aqua-ma-rine

    Aqua-ma-rine เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    17 เมษายน 2008
    โพสต์:
    820
    ค่าพลัง:
    +1,242
    [​IMG]

    ถ้าฝึกให้จริงจัง ก็คงจะมีประโยชน์นะ
     
  3. น้ำใบเตย

    น้ำใบเตย สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    6 พฤษภาคม 2010
    โพสต์:
    35
    ค่าพลัง:
    +20
    มีประโยชน์มากมากค่ะ เพราะฝึกมาเหมือนกัน แต่อีกอย่างคริสตัลหรือหินนั้นมีสัมผัสรับรู้ถึงเราได้ เราจะไม่เหงาเลยค่ะ เหมือนมีเพื่อนเพิ่มอีก1ก็ว่าได้
     
  4. ธารธรา

    ธารธรา สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 มิถุนายน 2009
    โพสต์:
    93
    ค่าพลัง:
    +17
    สนใจค่ะ หาซื้อเพนดูลั่มได้ที่ไหนบ้างคะ
     
  5. toba

    toba เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 พฤษภาคม 2007
    โพสต์:
    90
    ค่าพลัง:
    +381
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 13 ตุลาคม 2011
  6. เทพธรรมบาล

    เทพธรรมบาล เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    10 ตุลาคม 2011
    โพสต์:
    1,218
    ค่าพลัง:
    +293
    เป็นคริสตัสนะ อย่าเป็นเหล็กนะ ประเดี๋ยวเด็กช่างจักตีกันแล
     
  7. โฮดี้โจนส์

    โฮดี้โจนส์ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    26 กันยายน 2011
    โพสต์:
    1,152
    ค่าพลัง:
    +1,487
    มาอีกแก็งแล้วพี่น้อง
     

แชร์หน้านี้

Loading...