ภูมิปัญญาภายใน กับการทำงานของสมองซีกขวา

คุณชยุตมีความคิดที่จะนำเสนอหนังสารคดี The Day Before Disclosure
กำัลังค้นหา transcript เพื่อที่จะเอามาแปล
สามแอมมือซนค่ะ อยากฝากลิ้งค์ให้ไปชมกันก่อน ไม่อยากให้คนไทยน้อยหน้า
เรื่องราวมนุษย์ต่างดาวอาจจะไม่ใหม่
แต่ คำถาม คือ ทำไม เขา เลือกจะมา โลกเรา และ ทำไม มา ณ เวลานี้
ปล ไม่รู้จะแปะไว้ไหนดี เลยมาพักไว้ที่กระทู้นี้ก่อนนะคะ ถือว่าฝึกกระตุ้นสมองขวาละกัน (เกี่ยวไหมเนี่ย)

ชมภาพยนต์ฟรีที่ New paradigm Films - Alternative documentaries - Free: TDB Disclosure

บทแนะนำภาพยนตร์ The Day Before Disclosure บอกว่า

คุณคิดว่าไง ถ้าเราจะบอกว่า

พวกเราไม่ได้อยู่อย่างโดดเดี่ยว
มีคนหลายแสนคนอ้างว่า ได้เห็นวัตถุบินได้
และอันที่จริง มีพยานที่เห็นลำยานจากนอกโลก

แล้วถ้าเรื่องราวที่
คนหลายพันคนทั่วโลกได้บอกเล่าประสบการณ์
การเผชิญหน้ากับมนุษย์ต่างดาว
ทั้งแบบเป็นมิตรและที่ถูกลักพาตัวไปนั้น
เกิดเป็นความจริงล่ะ

แล้วถ้ารัฐบาลของเรารู้ดีในเรื่อง
การปรากฏตัวของสิ่งมีชีวิตนอกโลก
มานานมากว่าครึ่งศตวรรษแล้ว
และตัวรัฐบาลเอง
ก็ได้รับการผ่องถ่ายเทคโนโลยีจากมนุษย์ต่างดาว
ที่มีศักยภาพพอที่จะเปลี่ยนโฉมหน้าของโลกใบนี้
แต่ได้เลือกที่จะเก็บเป็นความลับจากสาธารณชน
โดยมีนโยบายปฏิบัติการยับยั้งการเผยแพร่ข้อมูลต่างๆ

แล้วถ้าปฏิบัติการดังกล่าวได้แทรกซึมเชื่อมโยงไปทั่วสังคมเรา
เพื่อสกัดกั้นมิให้เรา ตื่นรู้ขึ้นสู่ระดับจิตสติปัญญาที่สูงขึ้นระดับใหม่
และขาดความเข้าใจใน ตัวเรา โลกของเรา และจักรวาลรอบตัวเรา

แล้วถ้า ปฏิบัติการ นี้ จะสิ้นสุด ในวันพรุ่ง

The Day Before Disclosure วันก่อนเปิดเผยความจริง
เป็นภาพยนตร์สารคดีการสร้างความตื่นตัวต่อเหตุการณ์ที่นับได้ว่า
อาจเป็นเหตุการณ์ที่สำคัญที่สุดในประวัติศาสตร์ของมนุษยชาติ
วัน ที่ ยูเอฟโอ UFO ผู้มาจากนอกโลก ET จะปรากฏตัวขึ้น
ก็เริ่มจะเป็นสิ่งที่เป็นจริงเป็นจังขึ้นมาและเป็นที่ยอมรับกันทั่วโลก
นี่เป็นเรื่องราวของพยานรู้เห็นผู้ถูกเยาะเย้ยถากถาง
นักวิจัยค้นคว้า และผู้สื่อข่าวรายงาน ที่ไม่มีใครรับฟังเสียงของพวกเขา
และบุคคลในรัฐบาลและกองทัพซึ่งเคยสาบานว่าจะเก็บเรื่องฯเป็นความลับ

เรื่องราวที่จะกระตุ้นเตือนถึง
ทุกสิ่งทุกอย่างที่คุณเคยคิดว่าคุณรู้
และนำคุณก้าวพ้นจากฝันร้ายที่ลึกสุด
ไปสู่ความหวังอันสดใสสำหรับอนาคตของมนุษยชาติ

What if we were not alone?

What if the hundreds of thousands of people claiming to have seen unidentified flying objects, in fact had been witnesses to extra terrestrial spacecraft?

The day before Disclosure

What if the thousands of people all over the world who tell about their encounters with alien beings through friendly contact or even forced abductions, were actually telling the truth?

What if our governments had known about an ET-presence for more than half a century, if they were in possession of alien technology that had the potential of changing how our world is run, and they chose to keep the public in the dark through a campaign of informational suppression?

What if that campaign acted as a chain around the ankles of humanity, keeping us from rising to a whole new level of consciousness and understanding of our selves, our planet and the universe around us?

And what if that campaign ended tomorrow?

The Day Before Disclosure is a film documenting the growing awareness and the build up to what can potentially be the single, most important event in human history – the day the UFO and ET presence becomes a world wide accepted reality. This is the story of the witnesses that was laughed at, the researchers and reporters that wasn’t believed and the governmental and military personnel that were sworn to silence.

A story that alters the foundation of everything you thought you knew, and takes you along for a ride all the way from the darkest abyss of living nightmares, through to the brightest hope for the future of humanity.

 

OhMyGod มีใครเห็นเวลาที่เราโพสท์ไหม

 

<ins style="display: inline-table; border: medium none; height: 90px; margin: 0pt; padding: 0pt; position: relative; visibility: visible; width: 728px;"></ins>
<table style="width: 529px; height: 98px;" id="post3916071" class="tborder" align="center" border="0" cellpadding="6" cellspacing="0"><tbody><tr> <td class="thead" style="font-weight: normal; border-width: 1px 0px 1px 1px; border-style: solid none solid solid; border-color: rgb(255, 255, 255) -moz-use-text-color rgb(255, 255, 255) rgb(255, 255, 255);"> วันนี้, 01:11 AM </td> <td class="thead" style="font-weight: normal; border-width: 1px 1px 1px 0px; border-style: solid solid solid none; border-color: rgb(255, 255, 255) rgb(255, 255, 255) rgb(255, 255, 255) -moz-use-text-color;" align="right"> #22 </td> </tr> <tr><td style="vertical-align: top;">
</td></tr><tr valign="top"> <td class="alt2" style="border-width: 0px 1px; border-style: none solid; border-color: -moz-use-text-color rgb(255, 255, 255);" width="175"> threeam



</td></tr></tbody></table>

 

เย้ คุณเดรดคนสวย เก่งมากๆ ขอเชิญไปรับรางวัลชั้นต้นได้ที่คุณริสานะเจ้าคะ
ส่วนรางวัลใหญ่ ให้รอรับจากพี่ีพี่ UFO กะ น้องน้อง ET อีกทีนึง

 

อืม !!! แล้ว..... มุมขวาก็เป็นข้อความที่ 22

ปฏิบัติการช่วยชีวิตคนงานเหมืองในชิลีก็จากหลุมลึก 622 เมตร ทั้งหมดใช้เวลา 22 ชั่วโมง (เอาข่าวมาจากเดลินิวส์)

 

พลังการให้คะแนน ของคุณแก้วทิพย์ 111
เอาแค่นี้ก่อนเนอะ เดี๋ยวจะกลายเป็นกระทู้ใบ้ตัวเลข

 

ขอบคุณคุณชยุท และ คุณ 3 แอม ครับ ที่เอาบทความที่น่าสนใจนี้มาลงให้อ่านกัน

สรุปได้ว่า...

สมองซีกซ้าย : ทำงานเกี่ยวกับเจตสิก

สมองซีกขวาม : ทำงานเกี่ยวกับจิต


เรื่องราวเลือดคั่งในสองซีกซ้าย ที่ทำงานเกี่ยวกับ เจตสิก ส่งผลให้ อวิชชา ที่โดยปรกติแล้ว
มันจะเล่นงาน เจติสิก โดยตรง ไม่สามารถเล่นงานได้ เป็นผลให้ อวิชชา ดับลงชั่วคราว
ดร.คนนี้เลยได้พบกับสภาวะที่ จิต ทำงานเพียวๆ ได้พบโลกทัศน์ใหม่ ที่ไม่มีอวิชชา มาครอบงำ

อืมๆๆ สุดยอด ปาฏิหารย์ แห่งยุค จริงๆ ครับ

 

ดีครับ ที่มีผู้รอบรู้ในด้านพุทธศาสนา
มาช่วยเชื่อมโยง หรือ อธิบายขยายความศัพท์ หรือหลักการทางพุทธ
ให้เข้ากับสิ่งที่เป็นผล หรือ เป็นไปทางวิทยาศาสตร์
เพื่อให้พวกเราได้เข้าใจ และมองเห็นจุดเชื่อมโยงของมันได้ง่ายขึ้น

โมทนาครับ
...................................

 

ขอขอบคุณ คุณ Threeam ด้วยอีกคน

 

Game Changers: Steve Jobs

http://www.bloomberg.com/video/63722844/

ตัวอย่างของ คนที่ใช้สมองซีกขวา

 

ถ้าเรามองผ่านความยาวของเนื้อหาทั้งหมดได้

แล้วลองเริ่มอ่านตั้งแต่ตอนแรก ลองอ่านไปเรื่อย ๆ

มันจะรู้สึกสนุกและเข้มข้นขึ้นไปเรื่อย ๆ

เหมือนกับการติดตามหนังเรื่องโปรดของคุณ

ผมเริ่มอ่านตั้งแต่ตอนแรกจนจบตอนสุดท้าย

รู้สึกได้ความรู้ ความตื่นเต้น

เรื่องนี้ให้เราได้เข้าใจในสิ่งที่เรายังไม่เคยรู้

ร่างกายของเรามันทำงานกันพิศวงเช่นนี้เอง

อ่านแล้วก็ทึ่งขึ้นเรื่อย ๆ

แต่พิธีกรเป็นฝรั่ง ทำให้ผมไม่ค่อยเข้าใจที่เธอพูดเท่าไร

อาจเป็นเพราะใช้สำนวนต่างจากคนไทย

ที่ปกติคนไทยนิยมพูดอะไรกันตรง ๆ มากกว่า



อนุโมทนาครับ
​

 

ขอบคุณเรื่องราวดีๆ ที่นำมาให้อ่านกัน

 

ขอบคุณครับ ที่ทำให้เข้าใจและเห็นภาพมากครับ

 

แหะๆ ไม่ถึงขนาดเป็น ผู้รอบรู้ หลอกครับ แค่รู้อะไรมาก็เล่าให้ฟังครับ

ในกรณีของกระทู้นี้ ผมขอเพิ่มเติม เรื่อง ขันธ์ 5 หน่อยนะครับ


ขันธ์ 5 จาก wiki

ขันธ์ - วิกิพีเดีย



ขันธ์ แปลว่า กอง, หมวด, หมู่, ส่วน ในทางพุทธศาสนาหมายถึงร่างกายของคนเรา คือแยกร่างกายออกเป็นส่วนๆ ตามสภาพได้ 5 ส่วน หรือ 5 ขันธ์ คือ

1. รูป ได้แก่ ส่วนที่ผสมกันของธาตุดิน น้ำ ลม ไฟ เช่น ผม หนัง กระดูก โลหิต
2. เวทนา ได้แก่ ระบบรับหรือรู้สึกสิ่งที่สัมผัสทางตา หู จมูก ลิ้น กาย และใจ -->(มันคือ เจตสิก ครับ)
3. สัญญา ได้แก่ จำสิ่งที่ได้รับและรู้สึกนั้นๆ ------------------------------->(มันคือ เจตสิก ครับ)
4. สังขาร ได้แก่ ระบบคิดปรุงแต่ง แยกแยะสิ่งที่รับรู้สึกและจำได้นั้นๆ -------->(มันคือ เจตสิก ครับ)
5. วิญญาณ ได้แก่ ระบบรู้สิ่งนั้นๆ หลังจากแยกแยะแล้ว -------------------->(มันคือ จิต ครับ)

ขันธ์นี้ อาจเรียก "ขันธ์ 5" เบญจขันธ์ หรือ ขันธปัญจก ก็ได้


-----------------------------------------------------------------------


จากเรื่องราวในกระทู้นี้ ทำให้เราได้ความรู้เพิ่มเติมขึ้นมาว่า...


1. รูป --> ตามกระทู้นี้ คือ สมอง

2.เวทนา --> เจตสิก --> ตามกระทู้นี้ คือ การทำงานของ สมองซีกซ้าย

3. สัญญา --> เจตสิก --> ตามกระทู้นี้ คือ การทำงานของ สมองซีกซ้าย

4. สังขาร --> เจตสิก --> ตามกระทู้นี้ คือ การทำงานของ สมองซีกซ้าย

5. วิญญาณ --> จิต --> ตามกระทู้นี้ คือ การทำงานของ สมองซีกขวา



ปล.ผมขอบกระทู้นี้นะ เพราะมันเป็นประสบการณ์ตรง ที่ได้สัมผัสมาจริงๆ ครับ

 

Beyond the Cutting Edge – David Icke

เนื้อหา VDO ครอบคลุมหลายเรื่อง รวมถึงเรื่องสมองซีกซีกของเราด้วย เลยเอามาฝากจ้า
Free Your Mind!
อันนี้ตอนแรก ที่เหลือ ตามไปดูต่อที่ยูทูบเนอะ จะได้ช่วยประหยัด server ให้กับเว็บพลังจิต

<object width="480" height="385">


<embed src="http://www.youtube.com/v/M35gsedKjMM?fs=1&hl=en_US" type="application/x-shockwave-flash" allowscriptaccess="always" allowfullscreen="true" width="480" height="385"></object>

 

มีความรู้สึกว่า มีบางคนกำลังค้นหาข้อความที่มีเนื้อหาแบบนี้อยู่
เลยขออนุญาตขุดขึ้นมาให้ผู้ที่ยังไม่เคยอ่าน..ได้อ่านอีกรอบหนึ่งหนะครับ

บางทีอาจจะช่วยให้พวกเขาเกิดความคิดรวบยอดขึ้น
เกี่ยวกับวิธีการปฏิบัติสมาธิ และวิปัสสนาแบบต่างๆ
ว่ามีความเกี่ยวข้อง และอาศัยหลักการอะไรของหน้าที่การทำงาน
ของสมองทั้งสองซีกที่มนุษย์เรามีอยู่นี้ก็ได้

พอจะเชื่อมโยงความสัมพันธ์ของมันได้ไหมครับ

ซีกขวา => เกี่ยวข้องกับปัจจุบันขณะ, การหยั่งรู้, จิตใต้สำนึก, ความเป็นหนึ่งเดียวของสรรพสิ่ง
สมถะ => ภาวนาซ้ำๆ พุทโธๆๆๆๆๆๆ จดจ้องอยู่กับแต่ลมหายใจเข้าออก ในปัจจุบันขณะนี้เท่านั้น
วิปัสสนา => ตามรู้เท่าทันอารมณ์ ความคิด และอื่นๆของตัวเอง และอยู่กับปัจจุบันขณะเสมอ

เมื่อสมองซีกขวาทำงานเป็นหลัก..ภูมิปัญญาจากภายในบังเกิด..ความรักความเมตตา..
ความปิติสุขบังเกิด การมองโลกในแง่ดีบังเกิด ความยึดมั่นในอัตตาตัวตนลดลง
และจิตสำนึกแห่งความเป็นหนึ่งเดียว ไร้การแบ่งแยก ก็บังเกิดขึ้นด้วย

...อันนี้ในเบื้องต้นนะครับ...

มันเป็นธรรมชาติการทำงาน และคุณสมบัติของสมองซีกขวาเท่านั้น
หาได้เป็นปาฏิหาริย์แต่อย่างใดไม่..เพราะฉะนั้น

หากมนุษย์ผู้ใดสามารถฝึกได้แบบนี้ ก็สามารถที่จะมีประสบการณ์เหมือนกันได้ทุกคน

..........................................

 

ขอบคุณครับสำหรับความรู้ที่ดีมีประโยชน์

 

เห็นด้วย "ตัวกู ของกู" อยู่นี่เอง

 

นึกถึงเลยขอกลับมาอ่านอีกครั้งครับ

 

ผมอยากฆ่ามันครับบ...สมองซีกซ้าย ทำลายผม55+