ภาพงานบุญต่อเนื่องของชมรมคนรักหลวงปู่ทวด

ในห้อง 'กระทู้เก่า' ตั้งกระทู้โดย jummaiford, 12 เมษายน 2008.

สถานะของกระทู้:
กระทู้ถูกปิด ไม่สามารถโพสต์ตอบกลับได้
  1. jummaiford

    jummaiford เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 มิถุนายน 2005
    โพสต์:
    10,501
    ค่าพลัง:
    +38,941
    [​IMG]

    พระใบฏีกาประสิทธิ์ เจ้าอาวาสวัดดีหลวง

    ท่านเคยร่วมพิธีปลุกเสกหลวงพ่อทวดปี2505ของวัดดีหลวงสมัยที่ท่านอาจารย์ทิม มาปลุกเสก ท่านเล่าว่าครั้งนั้น

    มีการประทับทรงหลวงพ่อทวดจริงๆ อีกทั้งหลวงพ่อหมุน วัดเขาแดงตะวันตกท่านได้มาในพิธีและยังยืนยันถึงความศักดิ์สิทธิ์ถึงขีดสุดของหลวงพ่อทวดปี2505ของวัดดีหลวงอีกด้วย

    นับว่าเป็นโอกาสดีที่ท่านเจ้าอาวาสมอบหลวงพ่อทวดปี2505และหัวเชื้อล้วนๆสมัยอาจารย์ทิม ที่เพิ่งค้นพบมอบให้เพื่ออุดฐานพระกริ่งดีหลวงนี้ทุกองค์
     
  2. jummaiford

    jummaiford เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 มิถุนายน 2005
    โพสต์:
    10,501
    ค่าพลัง:
    +38,941
    [​IMG]

    พ่อท่านเขียว วัดห้วยเงาะ ศิษย์น้องท่านอาจารย์ทิม เคยช่วยสร้างพระหลวงพ่อทวด วัดช้างให้เมื่อปี2497

    กล่าวว่า พระหลวงพ่อทวดที่เธอสร้างขึ้นไม่จำเป็นต้องให้พระองค์ไหนๆเสกเเม้กระทั่งฉันเองเธอไม่ต้องเอามาให้เสก ท่านศักดิ์สิทธิ์อยู่เเล้วหลวงพ่อทวดท่านมาทำมาเสกเองของท่าน ท่านลงมาทำให้อย่างเต็มที่ ไม่ต้องไปวัดใดๆเสกอีกสร้างเสร็จห้อยได้เลย
     
  3. jummaiford

    jummaiford เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 มิถุนายน 2005
    โพสต์:
    10,501
    ค่าพลัง:
    +38,941
    ไว้จะมาเล่าต่อว่ามีอะไรดีๆหลายอย่างในพระกริ่งดีหลวงรุ่นนี้
     
  4. jummaiford

    jummaiford เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 มิถุนายน 2005
    โพสต์:
    10,501
    ค่าพลัง:
    +38,941
    ตอนนี้มีคนจองพระกริ่งเนื้อนวโลหะกันมากจากทางเวปไซด์palungjit.org
    watthummuangna.com
    uamulet.com
    นับว่าพระกริ่งดีหลวงนี้มีผู้สอบถามให้ความสนใจและจองกันมากพอควรบางส่วนกำลังรอตัดสินใจกันอยู่ก็มาก

    บางท่านบอกว่าทำไมค่าบูชาพระถึงได้สูงมาก ???

    คำตอบคือว่า การจัดสร้างพระกริ่งดีหลวง มวลสารล้ำค่าหลายอย่างไม่สามารถซื้อด้วยเงินแต่บางส่วนอาทิ เนื้อทองคำ เนื้อนวโลหะที่ต้องผสมทั้งทองคำ เงินบริสุทธิ์เป็นต้น ต้องใช้เงินซื้อมาทั้งสิ้น การที่เราประกาศว่าเป็นเนื้ออะไรไม่ใช่เรื่องเล่นๆที่บอกว่าผสมของสิ่งนั้นๆแล้วไม่ได้ผสม เพราะ ชมรมคนรักหลวงปู่ทวด สงขลา ไม่ใช่พ่อค้า ไม่ใช่เซียนพระ ที่จะมานั่งเทียนเขียน ยกเมฆซื้อขายของหามิได้ ดังนั้นจึงขอกราบเรียนท่านผู้มีจิตศรัทธาว่า หากท่านมีกำลังทรัพย์ ค่อยๆสะสม เพื่อบริจาคสร้างอนุสรณ์หลวงพ่อทวดครั้งประวัติศาสตร์ ไว้ จารึกไว้ชั่วแผ่นดิน ชั่วลูกชั่วหลานเลยทีเดียว อีกทั้ง พระกริ่งดีหลวงหรือเรียกว่าพระของขวัญมงคลรำลึกยังประกอบด้วยมวลสารมหามงคล ชั้นครูหลายสิ่ง
    บางสิ่งสูงมากจนมิกล้ากล่าวอ้างคงรู้กันเเต่ในวงในหมู่แคบๆเท่านั้น บางสิ่งเป็นอันรู้กันว่าหาได้ยากยิ่ง และถ้าคนที่รู้จักดีจริงๆจะพบว่ามวลสารที่ใส่ในพระกริ่งดีหลวงเเละอุดก้นนั้นอาจเรียกได้ว่าล้วนๆเลยทีเดียวก็ว่าได้

    นึกว่าทำบุญครั้งใหญ่และได้พระกริ่งดีหลวงเป็นที่ระลึกว่าครั้งหนึ่งได้ร่วมบุญใหญ่กันและเงินที่ว่านี้ผู้สร้างไม่ได้เอาเงินเข้ากระเป๋าเเม้เพียงบาทเดียว

    สบายใจที่สุด ตรงที่สุด ตอบชนิดเรียกว่าไม่เกรงใจใครเพราะทุกสิ่งที่ทำ ทำเพื่อถวายให้หลวงปู่ทวดพระผู้เป็นดวงใจทั้งสิ้น
     
  5. jummaiford

    jummaiford เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 มิถุนายน 2005
    โพสต์:
    10,501
    ค่าพลัง:
    +38,941
    นวโลหะ หมายถึง การนำแร่ธาตุต่างๆ 9 ชนิด มาหลอมรวมกัน นวโลหะที่มีตำราชี้เฉพาะปริมาณของส่วนผสมได้แก่ พระในกลุ่ม พระกริ่ง-พระชัยวัฒน์ ที่มีสมเด็จพระสังฆราช(แพ) วัดสุทัศน์ กรุงเทพมหานคร เป็นองค์ปฐมการสร้าง สืบตำราต้นแบบที่บังคับในการสร้างพระกริ่งเนื้อนวโลหะสายวัดสุทัศน์ ประกอบไปด้วย

    ชิน น้ำหนัก 1 บาท (1บาท = 15.2 กรัม)

    จ้าวน้ำเงิน น้ำหนัก 2 บาท (แร่ชนิดหนึ่ง สีเขียวปนน้ำเงิน)

    เหล็กละลายตัว น้ำหนัก 3 บาท

    บริสุทธิ์ น้ำหนัก 4 บาท (ทองแดงบริสุทธิ์)

    ปรอท น้ำหนัก 5 บาท

    สังกะสี น้ำหนัก 6 บาท

    ทองแดง น้ำหนัก 7 บาท

    เงิน น้ำหนัก 8 บาท

    ทองคำ น้ำหนัก 9 บาท

    นำโลหะทั้ง 9 นี้ มาหลอมรวมกัน ได้เนื้อนวโลหะที่งดงามยิ่ง

    สัตตะโลหะ หมายถึง โลหะผสม 7 ชนิด อันประกอบด้วย เหล็ก, ปรอท, ทองแดง, เงิน, ทองคำ, จ้าวน้ำเงิน, บริสุทธิ์ ตามอัตราส่วนของแต่ละตำรา และวัสดุที่ทำขึ้นมาเพื่อใช้ประโยชน์ เช่น อาวุธที่เป็นเนื้อสัตตะโลหะก็จะมีปริมาณของแร่เหล็กมากกว่าแร่ชนิดอื่นๆ เป็นต้น

    เบญจโลหะ หมายถึงโลหะผสม 5 ชนิด อันประกอบด้วย เหล็ก, ปรอท, ทองแดง, เงิน, และทองคำ อัตราส่วนตามความเหมาะสมของวัตถุที่สร้าง แต่โลหะหนักส่วนมากก็จะเป็นเหล็ก

    ทองเหลือง นับเป็นโลหะผสมที่นิยมใช้กันมากในยุคหลังๆซึ่งเนโลหะผสมระหว่างทองแดงกับสังกะสี และอาจจะมีธาตุอื่นปะปนอยู่บ้างเล็กน้อย เช่น ตะกั่ว ดีบุก อลูมิเนียม เหล็ก แมงกานีส นิเกิล เป็นต้น

    บรอนซ์ เป็นชื่อดั้งเดิมของโลหะผสมระหว่างดีบุกกับทองแดง ปัจจุบันหมายถึงโลหะผสมระหว่างทองแดงกับโลหะอื่น โดยยกเว้นโลหะผสมระหว่างทองแดงกับสังกะสี ซึ่งจะเป็นทองเหลืองไม่ใช่บรอนซ์

    เมฆพัด เป็นโลหะผสมที่เกิดจากการนำแร่โลหะต่างๆหลายชนิด อาทิเช่น เหล็ก ทองแดง ดีบุก ตะกั่ว เงิน ทองคำ เป็นต้น จะเป็นปริมาณเท่าใด หรือใช้กี่ประเภทขึ้นอยู่กับความต้องการของผู้สร้าง ระหว่างหุงแร่จะซัดด้วยกำมะถัน จนเกิดเป็นสีดมันวาว ออกเหลือบสีน้ำเงิน

    เมษสิทธิ์ นับเป็นโลหะผสมที่มีความคล้ายคลึง และเป็นคู่แฝดกับเมฆพัด กรรมวิธีการสร้างก็คล้ายคลึงกัน ถ้าเป็นคนรุ่นเก่าจะเรียกการสร้างโลหะผสม เมฆสิทธิ์ และเมฆพัดว่า
     
  6. jummaiford

    jummaiford เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 มิถุนายน 2005
    โพสต์:
    10,501
    ค่าพลัง:
    +38,941
    พระกริ่งสมัยเจ้าคุณศรีสนธิ์ และพระพุทธชินราชอินโดจีน2485 จากวัดสุทัศน์เมื่อสมัย2490กว่าๆทำบุญประมาณ3บาทในสมัยในนำมาให้ชมเป็นวิทยาทานโดยคุณยายผมไปทำบุญที่วัดสุทัศน์และได้รับพระมาเป็นชุดบูชาอยู่ที่บ้านประมาณ60ปี


    [​IMG] [​IMG]





    [​IMG] [​IMG]
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    • PICT0009.JPG
      PICT0009.JPG
      ขนาดไฟล์:
      44.1 KB
      เปิดดู:
      2,203
    • PICT0011.JPG
      PICT0011.JPG
      ขนาดไฟล์:
      47.7 KB
      เปิดดู:
      1,831
    • PICT0511.JPG
      PICT0511.JPG
      ขนาดไฟล์:
      42.9 KB
      เปิดดู:
      1,856
    • PICT0512.JPG
      PICT0512.JPG
      ขนาดไฟล์:
      39.9 KB
      เปิดดู:
      1,873
    แก้ไขครั้งล่าสุดโดยผู้ดูแล: 1 กรกฎาคม 2008
  7. jummaiford

    jummaiford เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 มิถุนายน 2005
    โพสต์:
    10,501
    ค่าพลัง:
    +38,941
    [​IMG]
    หลวงปู่คำพอง ติสโส
    วัดถ้ำกกดู่ ตำบลโนนหวาย อำเภอหนองวัวซอ จังหวัดอุดรธานี

    ท่านกล่าวว่า ไอ้แว่นอ้วน เธอจงจำเอาไว้ของฟรีไม่มีในโลก ในโลกใบนี้ปัจจุบันล้วนเเต่ใช้เงินทั้งสิ้น เธอมันคนใจดีเธอเอ็งไม่รวยหรอก เห็นใครๆก็สงสารเมตตาไปหมด ให้ฟรีเขาหมดนะสิ เธอเป็นอย่างนี้มานานเเล้วหละ ไม่เเปลกหรอก
    <!-- / message -->
     
  8. jummaiford

    jummaiford เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 มิถุนายน 2005
    โพสต์:
    10,501
    ค่าพลัง:
    +38,941
    กำเนิดของศาสนาพระศรีอาริยเมตไตรย์ และผู้ที่มีสิทธิ์ไปเกิดในยุคนั้น

    <HR style="COLOR: #ffffff; BACKGROUND-COLOR: #ffffff" SIZE=1><!-- / icon and title --><!-- message -->[​IMG]






    กำเนิดของศาสนาพระศรีอาริยเมตไตรย์ และผู้ที่มีสิทธิ์ไปเกิดในยุคนั้น

    *จากคำภีร์วิสุทธิมรรค "พระมาลัยพบพระศรีอาริย์ บนสวรรค์ชั้นตาวติงสาห์ภูมิ"


    ขณะนั้น ปรากฏร่างเทพบุตรอีกองค์หนึ่ง ทรงเครื่องสรรพอาภรณ์อันวิจิตร มีนางฟ้าแวดล้อมจำนวนมากเหลือคณานับ เหาะมาทางอากาศ ส่งรัศมีสว่างไสวเจิดจ้า ไม่ต่างอะไรกับพระจันทร์หมื่นดวง ตรงมายังพระจุฬามณีเจดีย์สถานแห่งนั้น
    ฝ่ายพระเถระครั้นเหลือบเห็น ก็นึกได้ทันทีว่า องค์นี้คงจะเป็นพระศรีอาริย์แน่ แต่เพื่อความแน่ใจ จึงหันมาถามพระอินทร์


    "เทพบุตรองค์ในใช่ไหม คือพระศรีอาริย์ มหาบพิตร?"
    "ถูกแล้ว พระคุณเจ้า"
    "แหม! นางฟ้าบริวารของพระองค์มากเหลือเกิน" พระมาลัยกล่าวชม "เออ! พวกนางฟ้าที่เหาะมาข้างหน้าพระศรีอาริย์นั้น นุ่งผ้าอาภรณ์ขาวสะอาด และหนำซ้ำรัศมีที่พวยพุ่งออกมา ยังเป็นสีขาวเสียด้วย มหาบพิตรทราบไหมว่า เมื่อก่อนนางพวกนี้ ทำบุญอะไรไว้"
    "นางพวกนี้เมื่อชาติก่อน ถึงวันอุโบสถนุ่งผ้าขาว ห่มผ้าขาว สมาทานศีลแปด และทำบุญด้วยข้าวของสะอาด อีกทั้งจิตใจยังใสสะอาดาด้วยขอรับ"


    "แล้วพวกนางฟ้าที่เหาะมาทางขาว มีรัศมีและเครื่องประดับสีเหลือง ก็คงจะทำบุญด้วยของสีเหลืองละซี มหาบพิตร"
    "ถูกแล้ว พระคุณเจ้า พวกนี้ส่วนมาก มักจะถวายผ้าสบงจีวร หรือข้าวของสีเหลืองอื่นๆ ส่วนพวกที่มีรัศมีและเครื่องประดับสีแดง สีม่วง สีอื่นๆ อีก ก็ดุจเดียวกัน ล้วนแต่เป็นผู้รักษาศีล และถวายของที่มีสีนั้นๆ ทั้งนั้น ครั้นตาย ก็มาบังเกิดเป็นบริวารของพระศรีอาริย์ ณ สวรรค์ชั้นดุสิตขอรับ"


    ขณะที่พระมาลัย จะไต่ถามพระอินทร์ต่อไปนั้นเอง พระศรีอาริย์พร้อมด้วยนางฟ้าบริวาร ก็เสด็จมาถึงที่ลานพระเจดีย์ และเมื่อจัดแจงกระทำการสักการบูชา กราบไหว้ถวายเครื่องของหอมเสร็จแล้ว พอดีเหลือบมาเห็นพระมาลัยเถระ จึงเข้านมัสการ แล้วตรัสถามว่า
    "ข้าแต่พระคุณเจ้า พระคุณเจ้ามาจากที่ไหนขอรับ?"
    "อาตมา มาจากชมพูทวีป" พระมาลัยตอบ
    เมื่อทราบว่า พระเถระมาจากชมพูทวีป ดังนั้นพระศรีอาริย์ ก็ดีพระทัย รับสั่งถามข่าวคราวของมวลมนุษย์ต่อไปว่า
    "ข้าแต่พระคุณเจ้า ชมพูทวีปขณะนี้ พวกมนุษย์พากันทำมาหากินยังไงบ้างขอรับ?"

    "บางพวกก็ค้าขายตามความรู้ความสามารถของตน บางพวกก็ออกเงินให้กู้กินดอกเบี้ย บางพวกก็เข็ญใจ ไร้ทรัพย์ บางพวกก็สุขสบาย บางพวกก็เดือดร้อนทุกข์ยากปากแห้งขนาดหนัก มหาบพิตร"
    "แล้วส่วนมากพวกเขาทำบุญกันบ้างหรือเปล่า พระคุณเจ้า หรือว่าทำแต่บาปหยาบช้า?"
    "พวกที่ทำบุญนั้น รู้สึกจะน้อยมาก มหาบพิตร ส่วนคนที่ทำบาปหยาบช้านั้น นับไม่ถ้วนเลย"

    "คนที่เขาทำบุญ เขาทำกันอย่างไร พระคุณเจ้า?"
    "บางพวกก็ให้ทาน รักษาศีล บางพวก ก็จัดให้มีพระธรรมเทศนา พร้อมทั้งป่าวประกาศ ให้เพื่อนๆ บ้านใกล้เรือนเคียง มาร่วมด้วย บางพวกสร้างวัดวาอาราม พระพุทธรุป พระสถูปเจดีย์ ถวายจีวรบิณฑบาต เสนาสนะ ยารักษาโรคแก่พระภิกษุสงฆ์ บางพวกก็เลี้ยงพ่อแม่ บางพวกก็สร้างพระไตรปิฎก ทั้งนี้สุดแล้วแต่กำลังทรัพย์ กำลังปัญญาของพวกเขา มหาบพิตร"
    "แล้วพวกเขาปรารถนาสิ่งใดบ้าง พระคุณเจ้า มนุษย์สมบติ สวรรค์สมบัติ หรือว่านิพพานสมบัติ?"
    "เห็นจะไม่ตรงความจริงนัก มหาบพิตร เพราะส่วนมาก เมื่อทำบุญแล้ว ล้วนแต่ตั้งความปรารถนาว่า ขอให้เกิดทันศาสนา ของพระองค์ทั้งนั้น"


    พระศรีอาริย์ทรงสดับเช่นนั้น ก็ทรงพระสรวล พลางรับสั่งต่อไป
    "ถ้าหากเขาอยากเกิดทันศาสนาของข้าพเจ้า ก็จงอุตส่าห์ฟังธรรมมหาเวสสันดรชาดก ให้จบในวันเดียว แล้วบูชาด้วยธูปเทียน ดอกไม้อย่างละพันฉัตร ดอกบัวหลวง บัวเขียว บังขาว ดอกสามหาวอย่างละพัน ถ้าทำได้ดังนี้ ก็จะพบศาสนาของข้าพเจ้า และเมื่อข้าพเจ้าตรัสรู้ ผู้นั้นก็จะได้บรรลุพระอรหันต์ พร้อมด้วยปฏิสัมภิทา ส่วนที่ทำบาปหนัก เช่น ฆ่าพ่อ ฆ่าแม่ ฆ่าพระอรหันต์ ทำร้ายพระพุทธเจ้า พระภิกษุสงฆ์ ทำลายหมู่คณะให้แตกแยกกัน ทำลายเจดีย์สถาน และคนที่ตระหนี่ขี้เหนียว ไม่รู้จักทำบุญให้ทาน ไม่รู้จักบาปบุญคุณโทษ เป็นคนโง่ มีความประมาทอยู่เสมอ คนพวกนี้ จะไม่มีโอกาสได้พบศาสนาของข้าพเจ้า"


    "แล้วพระองค์จะลงไปตรัสรู้ เป็นพระพุทธเจ้าเมื่อไรเล่า มหาบพิตร?"
    "อีกไม่นานหรอก พระคุณเจ้า เมื่อครบถ้วนห้าพันปี สิ้นศาสนาของพระพุทธโคดมแล้ว ตอนนั้น พวกสัตว์ทั้งหลายจะมืดมัว ไม่รู้จักทำบุญกุศลจริต มีแต่จะกระทำกรรมอันบาปหนา หยาบช้า ไม่รู้จักละอายต่อบาป แม่กับลูกจะอยู่กินด้วยกันเป็นสามีภรรยา พี่สาวกับน้องชาย พี่ชายกับน้องสาว ทั้งพี่ป้าน้าอา ลุงหลาน จะสมสู่อยู่กินกันเป็นสามีภรรยากัน ทั้งความโลภ ความโกรธ ความหลง ก็จะหนาขึ้นมาก


    อายุของสัตว์ก็จะน้อยลง ตราบจนเหลือ 10 ปี เด็กเกิดได้ 5 ปี ก็จะแต่งงานกันแล้ว และตอนนั้น มนุษย์ทั้งหลายเห็นเข้า ก็จะเข้าใจว่าเป็นเนื้อปลา จับอะไรได้เป็นต้นว่าท่อนไม้ผุ ก็จะกลับกลายเป็นอาวุธหอกดาบไป แล้วจะไล่ทิ่มแทงกันล้มตายเป็นอันมาก พ้นที่จะประมาณได้ ฝ่ายพวกคนที่มีสติปัญญานั้น รู้ว่าถึงวันนั้นคืนนั้น จะเกิดมิคสัญญี ฆ่าปันกันและวุ่นวายหนักหนา คนที่ดีมีวิชา ก็จะไปซ่อนเร้นอยู่ตามซอยห้วยซอกเขา


    ครั้นมนุษย์พวกบ้าดีเดือดทั้งหลาย ฆ่าฟันกันตายหมดแล้ว คนพวกนั้น ก็จะพากันออกจากที่ซ่อน ครั้นมาพบปะกันเข้า ก็จะพากันสวมกอดซึ่งกันและกัน ต่างหันหน้าเข้าปรึกษากันว่า ความฉิบหายที่เกิดแก่พวกเราในครั้งนี้ ก็เพราะผู้คนประมาท ก่อแต่บาปกรรมอันหยาบช้า แต่นี้ไปเบื้องหน้า เราจงอุตส่าห์กระทำความดี เว้นเสียจากฆ่าสัตว์ ประหัตประหารกันและกัน ลักขโมยของกัน ผิดผัวผิดเมียกัน พูดเท็จ และดื่มสุราเมรัย งดเว้นเสียจากการพูดคำหยาบ พูดส่อเสียด พูดเพ้อเจ้อ เว้นจากความโลภ ความโกรธ ความเห็นผิด จากทำนองคลองธรรม เมื่อคนมีสติปัญญาปรึกษากันดังนั้นแล้ว ก็ตั้งหน้าบำเพ็ญบุญกุศล มีให้ทานรักษาศีลเป็นต้น คนพวกนั้น ครั้นมีลูก ลูกมีอายุได้ 3 ปี ต่อมามีหลาน ก็จจะมีอายุมากขึ้นไป 5 ปี และเจริญขึ้นโดยลำดับ


    ตราบเท่าอายุของมนุษย์ เจริญขึ้นได้อสงไขยหนึ่งแล้ว ความแก่และความตาย ก็มิได้บังเกิดมี คราวนั้น คนทั้งหลายก็กลับประมาทอีก เมื่อเกิดความประมาทขึ้น อายุของพวกเขา ก็เสื่อมถอยลงมา เหลือเพียงแปดหมื่นปี ตอนนั้น ฝนจะตกทุกๆ 15 วัน และส่วนมาก มักจะตกตอนใกล้รุ่ง ทำให้มนุษย์มีความชุ่มชื่นเจริญใน และพื้นดินอุดมสมบูรณ์ แม่น้ำลำคลองมีกระแสน้ำไหลขึ้นข้างหนึ่ง ไหลลงข้างหนึ่ง เต็มเปี่ยมเพียบฝั่งไม่พร่อง ไม่ล้น อยู่อย่างนั้นเสมอ ดอกไม้ต่างชนิด ผลิดอกบานสะพรั่งตลอดกาล บ้านเรือนจะปลูกอยู่ใกล้ๆ กัน พอไก่บินถึง ปราศจากโจรผู้ร้าย บริบูรณ์ด้วยน้ำ และข้าวปลาอาหาร ผัวเมียจะไม่รู้จักทะเลาะวิวาทกัน ผู้ชายไม่ต้องทำไร่นาค้าขาย ผู้หญิงก็ไม่ต้องทอหูกปั่นฝ้าย ผ้าที่จะนุ่งห่ม ก็ล้วนแต่เป็นของทิพย์ อำมาตย์ข้าราชการ จะตั้งอยู่สุจริตธรรม ไม่เบียดเบียนอาณาประชาราษฎรให้เดือดร้อน พระมหากษัตริย์ ก็จะไม่มีกริ้วโกรธ ถือลงโทษพระราชอาญา
    มีพระทัยรักใคร่กรุณาแก่ประชาชน พวกสัตว์ที่เป็นศัตรูกันทั้งหลาย เช่น กากับนกเค้า แมวกับหนู งูกับพังพอน หมีกับไม้สาค้อ ก็จะแผ่เผื่อเมตตาจิตต่อกัน เลิกเป็นคู่เวรคู่กรรมกันต่อไป เครื่องใช้ไม้สอย มีสมบูรณ์ทุกอย่าง แผ่นดินก็จะราบเรียบเป็นหน้ากลอง ไม่มีหลักตอเสี้ยนหนาม คนทั้งหลายมีรูปร่างสวยงามเหมือนกันหมด ไม่มีคนใบ้ คนบ้า หูหนวก ตาบอด ง่อย เปลี้ย เสียขา เลย ทุกคนปราศจากโรคภัยเบียดเบียน เห็นกันเข้าก็มีไมตรีรักใคร่กัน ในครั้นนั้น ชายจะมีภรรยารักคนเดียว สตรีก็จะมีสามีคนเดียว ไม่มีการล่วงประเวณีกัน และคนในยุคนั้น จะมีความผาสุกสมบูรณ์มาก ไม่ต้องทำมาหากิน ใช้สอยแต่เครื่องทิพย์ มีกิจอยู่แต่นั่งนอนฟังเสียงอันเป็นทิพย์ ไพเราะยิ่งหนักหนา ทุกคนล้วนมีสมบัติเหมือนกันหมด ไม่มีคนกำพร้าอนาถา ไม่มีคนเข็ญใจไร้ทรัพย์ จะได้วิวาทแก่งแย่งชิงเอาบ้านเรือนไร่นาของกันและกันนั้น ไม่มีเลย และยุคนั้น พืชข้าวกล้าเพียงเม็ดเดียว ถ้าตกลงพื้นดิน แล้วก็งอกขึ้นเป็นต้นเป็นลำปล้อง หน่อ และเป็นกอใหญ่ๆ ออกไปได้ร้อยเท่าพันทวี ทั้งหมดที่เป็นดังนี้ ก็เพราะข้าพเจ้า ได้สั่งสมบารมีไว้มาก


    ในศาสนาของข้าพเจ้า ไม่มีคนบ้าใบ้ เพราะข้าพเจ้าไม่เคยพูดเท็จล่อลวงคนอื่น
    ไม่มีคนตาบอด เพราะข้าพเจ้ามองสมณะผู้มีศีลและยาจกทั้งหลาย ด้วยนัยน์ตาที่เต็มไปด้วยความรักใคร่สงสาร
    ไม่มีคนง่อยเปลี้ย เพราะในเวลาทำบุญให้ทาน ข้าพเจ้าจะยืดตัวตรงเสมอ
    ไม่มีคนเจ็บไข้ได้ป่วย เพราะข้าพเจ้าเคยถวายยาเป็นทาน
    ไม่มีมารผจญ เพราะข้าพเจ้า ไม่เคยทำให้สัตว์ตกใจ
    ในศาสนาของข้าพเจ้าจะมีแต่คนรูปร่างงดงาม เพราะข้าพเจ้าให้สิ่งของที่รัก เป็นทานแก่สมณพราหมณ์ และยาจกวณิพกเสมอ
    คนในศาสนาของข้าพเจ้า ได้ไปสวรรค์ทุกคน เพราะข้าพเจ้าเคยให้ช้างม้า ราชรถ ยวดยานพาหนะเป็นทาน
    ในศาสนาของข้าพเจ้า แผ่นดินราบเรียบเสมอ เพราะข้าพเจ้าแผ่เมตตาจิต ไปยังสัตว์ทั้งหลายเสมอ

    คนในศาสนาของข้าพเจ้ามั่นคงสมบูรณ์ด้วยความสุข เพราะข้าพเจ้าให้ทานแก่ขอทาน ด้วยทรัพย์สิ่งของเงินทอง ตามที่เขาปรารถนาโดยทั่วถึง

    ข้าแต่พระคุณเจ้า ข้าพเจ้าบำเพ็ญบารมีมาช้านนานถึง 16 อสงไขยแสนกัปป์ บารมี 30 ทัส นั้น ข้าพเจ้าได้บำเพ็ญมาอย่างพร้อมมูลแล้ว ข้าพเจ้าจะลงไปเกิดในโลกมนุษย์ ตรัสรู้เป็นพระพุทธเจ้า เพื่อโปรดสัตว์ทั้งหลาย โดยจะเกิดในตระกูลพราหมณ์ มหาศาลบริบูรณ์ด้วยสมบัติ


    พระบิดานั้น ทรงพระนามว่า สุพรหมพราหมณ์ เป็นปุโรหิต ของ พระเจ้าสังขจักรพัตราธิราช
    พระชนนี นามว่า นางพราหมณ์วดีพราหมณี
    อัครสาวกเบื้องขวา นามว่า พระอโสกเถระ
    อัครสาวกเบื้องซ้าย นามว่า พระสุพรหมเถระ
    อัครสาวิกาเบื้องขวา นามว่า ปทุมาเถรี
    อัครสาวิกาเบื้องซ้าย นามว่า สุมนาเถรี
    อุบาสกพุทธอุปัฎฐาก 2 คน นามว่า สุทัตตคหบดี และ สังฆหบดี
    อุบาสิกาพุทธอุปัฏฐาก 2 คน นามว่า ยสปวดี และ สังฆอุบาสิกา
    ไม้ที่ตรัสรู้ คือ ไม้กากะทิง ขนาดลำต้น จากพื้นไปถึงคาคบ 120 ศอก จากคาคบ ขึ้นไปถึงยอด 120 ศอก มีกิ่งใหญ่ 4 กิ่ง ทอดออกไปในทิศทั้ง 4 ทอดออกไปในทิศทั้ง 4 ยาวได้กิ่งละ 120 ศอก รวม 480 ศอก มีดอกเท่ากงจักรถ แต่ละดอกนั้น มีเกสรได้ทะนานหนึ่ง มีกลิ่นหอมฟุ้งขจรไปไกลถึง 500 โยชน์
    ตอนที่ตรัสรู้เป็นพระพุทธเจ้า ข้าพเจ้าจะมี พระกายสูงได้ 88 ศอก จากพื้นพระบาท ถึง พระชานุ 22 ศอก จากพระชานุ ถึง พระนาภี 22 ศอก จากพระนาภี ถึง รากขวัญ 22 ศอก จากพระรากขวัญ ถึง พระอุณหิส 22 ศอก พระชนมายุได้ 8 หมื่นปี
    ศาสนาของข้าพเจ้ายืนยาวถึง 8 พันปี"


    ฝ่ายพระมาลัยเมื่อได้ฟังพระศรีอาริย์ บรรยาย ก็ถามต่อไปอีกว่า
    "มหาบพิตร เท่าที่พระองค์ทรงเล่ามา อาตมายังกำหนดไม่ได้เลยว่า พระองค์จะลงไปโปรดมนุษย์ เมื่อใด?"

    "ก็ตอนที่ข้าวสาลีเมล็ดเดียว บังเกิดเป็นข้าวสารร้อยเจ็ดสิบเมล็ด จุเต็มสองเล่มเกวียนกับสิบหกสัดใหญ่ๆ เท่าสองกระบุงเมื่อใดนั่นแหล่ะ พระคุณเจ้า ข้าพเจ้าจะลงไปเกิดในโลกมนุษย์ โดย ครั้งแรกจะเป็นมนุษย์ธรรมดาก่อน กระทำ สัตตสตกมหาทาน บริจาคลูกเมียเหมือนพระเวสสันดร แล้วจะกลับขึ้นมาเกิดบนสวรรค์ชั้นดุสิตอีกระยะหนึ่ง จนถึงตอนที่สัตว์ทั้งหลาย มีอายุน้อยลง

    จากอสงไขย มาเป็น แปดหมื่นปี ชมพูทวีปบริบูรณ์ มีเมล็ดข้าวสาลีเพียงเมล็ดเดียวแต่ให้ผลมากมายดังก่อน ตอนนี้แหละ ข้าพเจ้าจะได้ไปจุติ ไปบังเกิดในโลกมนุษย์อีกครั้งหนึ่ง เพื่อตรัสรู้เป็นพระพุทธเจ้า ขอรับ"


    "ขอถวายพระพร มหาบพิตรจะเสด็จไปเอง หรือมีผู้มาเชิญเสด็จไป?"
    "เข้าใจว่าคงมีผู้มาเชิญขอรับ และผู้ที่จะเชิญก็คือ เทวดาในหมื่นจักรวาล มี ท้าวมหาพรหม เป็นประธาน สำหรับข้าพเจ้า เมื่อได้ฟังคำเชิญของเทวดาทั้งหลาย ก็จะแลเห็นโลก ด้วยเหตุ 5 ประการ คือ กาล ประเทศ ทวีป ตระกูลมารดา และ สัตว์ทั้งหลาย ตามเยี่ยงอย่าง พระบรมโพธิสัตว์แต่ก่อน มาพิจารณาดู

    กาล อายุสัตว์ ครั้งนั้น ไม่มากกว่าแสนปีขึ้นไป ไม่น้อยกว่าร้อยปีลงมา เพราะถ้าสัตว์มีอายุมากกว่าแสนปี ความแก่ความตาย ไม่ค่อยจะบังเกิดปรากฏให้เห็น บรรดาสรรพสัตว์ ฟังพระธรรมเทศนาแล้ว ไม่เห็นสังขาร เป็นอนิจจัง ทุกขัง อนัตตา ก็จะไม่เชื่อถือพระธรรม มรรคผลก็จะไม่บังเกิดขึ้น

    และพระธรรมเทศนา ก็จะไร้ประโยชน์ อีกประการหนึ่ง ถ้าสัตว์อายุน้อยกว่าร้อยปีลงมา ก็หาเป็นการสมควรที่พระพุทธเจ้า จะลงไปตรัสรู้ไม่ เพราะสรรพสัตว์พวกนี้ จะมีกิเลสหนากล้านัก จะรับโอวาท หรือเชื่อถือแต่เพียงต่อหน้าเท่านั้น พอลับหลัง ก็ลืมโอวาทสั่งสอนเสีย รับศีลไปประเดี๋ยวก็ทิ้งศีลเสีย ไม่ผิดอะไรกับรอยขีดในน้ำ ดังนั้น เวลที่เหมาะสำหรับการลงไปตรัสรู้ของพระพุทธเจ้า ก็คือในระหว่างแสนปีลงมา และตั้งแต่ร้อยปีขึ้นไป

    ทวีป ดูทวีปใหญ่ทั้งสี่ มีทวีปน้อยสองพันเป็นบริวารนั้น โดยลงความเห็นว่า พระพุทธเจ้าทุกๆ พระองค์ ผู้บังเกิดในชมพูทวีป อันเป็นมัชฌิมประเทศ ที่พระพุทธเจ้า พระปัจเจกพุทธเจ้า พระอสีติมหาสาวก พระเจ้าจักรพรรดิ์ และชนผู้มีบุญญาธิการมาก มักบังเกิดเป็นส่วนมาก

    ประเทศ ครั้งนั้น กรุงพาราณสี มีชื่อว่า มัณฑารนคร กว้างใหญ่ สิบสองโยชน์ พวกมนุษย์ถอนอายุลงมา จากอสงไขย ด้วยความประมาท มีอายุแปดหมื่นปีเป็นอายุขัย กรุงมัณฑารนครนั้น เปลี่ยนชื่อใหม่เป็น เกตุมบดีนคร บริบูรณ์ด้วยวัตถุสิ่งของทั้งปวง สมควรที่จะบังเกิดในกรุงเกตุมบดีนครนี้

    ตระกูล พิจารณาถึงตระกูลอันสมควรว่า ประเพณีสมเด็จพระพุทธเจ้าทั้งหลาย ย่อมบังเกิดในตระกูล ซึ่งโลกนับถือ คือ ตระกูลกษัตริย์ ตระกูลพราหมณ์ ตอนนั้นโลก นับถือตระกูลพราหมณ์ ว่าประเสริฐ สมควรที่จะลงไปบังเกิดในตระกูลพราหมณื ซึ่งเป็นปุโรหิตผู้ใหญ่ ของพระเจ้าสังขจักร
    บิดามารดา พิจารณาดูว่า สุพรหมพราหมณ์ สมควรจะเป็นบิดา นางพราหมณี ชื่อ วดี สมควรจะเป็นมารดา
    รวมเป็นห้าประการด้วยกัน ขอรับ พระคุณเจ้า"


    "แล้วนางผู้เป็นคู่บุญบารมีของมหาบพิตร ชื่ออะไร และพระกุมารองค์ไหน จะได้เป็นพระโอรสของพระองค์?"
    "ข้าแต่พระคุณเจ้า นางอนุลาเทวี เป็นคู่สร้างบารมีของข้าพเจ้า ซึ่งจะได้เป็นอัครมเหสี นามว่า นางจันทมุขีเจ้าสาลี ราชโอรสของพระเจ้าอภัยทุฏฐคามินี จะได้เป็นโอรส มีนามว่า พรหมวดีกุมาร ขอรับ"

    "ตอนที่พระองค์จะเสด็จออกผนวช พระองค์เห็นบุพพนิมิตประการใดหรือไม่ และกระทำบำเพ็ญเพียรมากน้อยเท่าใด มหาบพิตร?"

    "ข้าพเจ้า จะเห็น บุพพนิมิต สี่ประการ คือ คนแก่ คนเจ็บ คนตาย และ นักบวช ขอรับ พระคุณเจ้า และวันนั้น ปราสาทที่อยู่ของข้าพเจ้า จะลอยไปกลางอากาศ เมื่อข้าพเจ้าผนวชแล้ว จะบำเพ็ญเพียรประมาณเจ็ดวัน ตกเย็นวันที่เจ็ด จะไปนั่งที่ควงไม้กากะทิง แล้วได้ตรัสรู้เป็นพระสัมมาสัมพุทธเจ้า"

    เมื่อพระศรีอาริย์บรมโพธิสัตว์ ได้ตรัสกับพระมาลัยมามากมาย ถึงตอนนี้แล้ว ก่อนจะจากลา จึงสั่งพระเถระว่า
    "ข้าแต่พระคุณเจ้า พระคุณเจ้ากลับไปโลกมนุษย์แล้ว จงบอกแก่ชาวชมพูทวีปด้วยว่า อย่าได้สร้างเวรทั้งห้า คือ
    อย่าฆ่าสัตว์ตัดชีวิต
    อย่าลักขโมยเข้าของเงินทองผู้อื่น
    อย่าล่วงละเมิดลูกเมียผู้อื่น
    อย่าเจรจาโกหกหลอกลวง
    อย่าเสพสุราเมรัย

    ให้สมาทานอุโบสถศีล และเว้นจากอนันตริยกรรม ทั้ง 5 ประการ มี ฆ่าพ่อแม่ เป็นต้น แล้วก็จะได้พบศาสนาของข้าพเจ้ดั่งประสงค์ ขอพระคุณเจ้าจงบอกเล่าให้พวกเขาทราบ ตามที่ข้าพเจ้าสั่งนี้ด้วยเถิดขอรับ"
    ครั้นสั่งเสร็จ พระศรีอาริย์ ก็ถวายนมัสการลาพระเถระ ลุกขึ้น กระทำอภิวาท ประทักษิณพระจุฬามณีเจดีย์ แล้วเสด็จกลับ พร้อมด้วยบริวาร เหาะลอยขึ้นสู่นภาอากาศ ตรงไปยังดุสิตพิภพ อันเป็นที่อยู่ของพระองค์ โดยไม่รอช้า


    ฝ่ายพระมาลัยมองตามพระศรีอาริย์ไปด้วยความชื่นชม ในบุญบารมีจนลับตา แล้วก็หันมาถวายพระพรลา พระอินทร์ แล้วถวายอภิวาทนมัสการพระจุฬามณีเจดีย์ 3 ครั้ง จึงกลับลงสู่โลกมนุษย์ดังเดิม
    ครั้นวันรุ่งขึ้น พระเถระได้เข้าบิณฑบาตในบ้านกัมโพชคาม พร้อมทั้งบอกชาวบ้านทั้งมวลว่า พระศรีอาริย์สั่งมาว่าดังนี้ หากท่านปรารถนาจะพบศาสนาพระศรีอาริย์ จงตั้งใจทำบุญกุศล เพิ่มพูนบารมีให้มากๆ เข้าเถิด แล้วจะได้เกิดในศาสนาของพระองค์สมประสงค์


    ฝ่ายมหาชนชาวบ้าน ครั้นได้ฟังคำบอกเล่าของพระเถระแล้ว ต่างก็มีกำลังใจมุ่งมั่นในการทำบุญกุศลมากขึ้นเป็นเท่าทวีคูณ และครั้นสิ้นชีพแล้ว ก็ไปบังเกิดบนสวรรค์โดยทั่วกัน แล
    สิ่งที่พวกเขาหวังกันมากที่สุด คือ การได้พบศาสนาพระศรีอาริย์นั้น คงจะอยู่ใกล้เขาเพียงแค่เอื้อมเท่านั้นเอง ยังไงๆ พวกเขาต้องได้พบแน่ ขณะนี้เพียงแต่เสวยสุขบนสวรรค์ รอการมาตรัสรู้ของพระองค์เท่านั้นเอง
     
  9. jummaiford

    jummaiford เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 มิถุนายน 2005
    โพสต์:
    10,501
    ค่าพลัง:
    +38,941
    คาถาเต็มของหลวงพ่อทวด???



    เมื่อออกแบบปกหนังสือหลวงปู่ทวด ผู้เขียน (อ.ทรงวิทย์ แก้วศรี) เห็นมีคาถาอยู่ใต้รูปหลวงปู่ทวดว่า
     
  10. jummaiford

    jummaiford เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 มิถุนายน 2005
    โพสต์:
    10,501
    ค่าพลัง:
    +38,941
    ลูกขอตั้งสัจจะอธิษฐานขอกราบขออาราธนาเมตตาบารมีรวมหลวงปู่ทวด
    หลวงปู่ดู่ท่านอันเป็นที่สุด ขอหลวงปู่ได้โปรดมีเมตตาอารธนาบารมีรวม
    ขององค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าโดยตั้งแต่องค์ปฐมจนถึงองค์ปัจจุบันบรมมหาจักรพรรดิทุกๆพระองค์
    บารมีรวมพระปัจเจกพุทธเจ้า พระโพธิสัตว์ พระธรรมและพระอริยสงฆ์ทั้งหลาย
    โดยตั้งแต่อดีตจนถึงปัจจุบันและอนาคต บารมีรวมหลวงปู่ทวด หลวงปู่ดู่ ท่านอันเป็นที่สุด
    บารมีทั้ง 30 ทัศ จงมีผล
    ให้ท่านทั้งหลายถึงซึ่งทางแห่งความสุขความสว่างเทอญ

    [​IMG]
     
  11. jummaiford

    jummaiford เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 มิถุนายน 2005
    โพสต์:
    10,501
    ค่าพลัง:
    +38,941
    พระศรีอาริยเมตไตรย์จากคำทำนายของนอสตราดามุส
    <HR style="COLOR: #cccccc" SIZE=1><!-- / icon and title --><!-- message -->มีโคลงทำนายของนอสตราดามุสบทหนึ่งที่เพิ่งค้นพบ
    เนื้อหาน่าสนใจและคิดว่าน่าจะเกี่ยวและเชื่อมโยงถึงศรัทธาใหม่โดยตรง
    และระบุถึงพระศรีอาริยเมตไตรย์อีกด้วย
    คือบทที่ ซ.4 ค.24 มีสาระสำคัญน่าสนใจดังนี้

    "The soft voice of the sacred friend
    is heard under holy ground,
    The human flame shines for the divine voice:
    It will cause the earth to be stained
    with the blood of the celibate monks,
    And to destroy the sacred [or false]
    temples of the impure ones." [C.4 Q.24]

    "เสียงนุ่มนวลแห่งมิตรไมตรีอันศักดิ์สิทธิ์ได้ยินจากแผ่นดินทิพย์
    แสงเพลิงมนุษย์ฉายรองรับเสียงประเสริฐนั้น
    จะเป็นเหตุให้โลกต้องเปื้อนเลือดสมณเพศทั้งหลายที่ยึดถือศีล (พรหมจรรย์)
    และนำไปสู่การทำลายโบสถ์วิหารที่ไร้ความบริสุทธิ์"
    นับว่าเป็นเรื่องที่น่าแปลก น่าอัศจรรย์อย่างมากเลยทีเดียว
    ที่นอสตราดามุสได้เขียนโคลงทำนายบทนี้ขึ้นเมื่อสี่ร้อยห้าสิบปีก่อน
    ภายใต้อิทธิพลของสังฆจักรโรมันคาทอลิก
    สมมุติว่าท่านมีโอกาสได้ศึกษาพระธรรมคำสอนขององค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า
    ซึ่งมีประวัติยาวนานถึงสองพันกว่าปีมาแล้วในสมัยนั้น
    ท่านคงจะไม่กล่าวถึงองค์พระศรีอาริยเมตไตรย์อย่างแน่นอน
    ถ้าในจิตทัศน์ของท่านไม่ได้เห็นสัจธรรมบางอย่างที่จะเกิดขึ้นในอนาคต
    และมีส่วนเชื่อมสัมพันธ์กับศรัทธาใหม่ของโลกโดยตรง
    คำว่า 'มิตรไมตรีอันศักดิ์สิทธิ์' นี้
    จะเป็นอื่นใดไปไม่ได้ นอกจากพระนามของ พระศรีอาริยเมตไตรย์
    เพราะคำว่า 'เมตไตรย์' นี้ แปลว่า เพื่อน
    ในความหมายของภาษาบาลี สันสกฤต
    บุคคลผู้นี้ที่เป็น Sacred Friend จะเป็นใครก็ตาม
    แต่การใช้คำว่า
    'มิตรไมตรีอันศักดิ์สิทธิ์' หรือ 'เพื่อนผู้ศักดิ์สิทธิ์'
    แสดงให้เห็นว่าผู้ที่จะมาโปรดสัตว์ในโลกยุคนั้น
    จะไม่ใช่เป็นบุคคลธรรมดาอย่างแน่นอน
    อีกทั้งมาจากแผ่นดินทิพย์ แผ่นดินศักดิ์สิทธิ์ หรือ Holy Ground อีกด้วย
    ก็ยิ่งชี้ชัดว่าน่าจะเป็นองค์พระศรีอาริยเมตไตรย์
    ซึ่งนายจอห์น ฮ็อค ฟันธงว่าจะเสด็จมาในโลกนี้
    ประมาณระหว่างคริสต์ศักราช ค.ศ.2000 (พ.ศ.2543) หรือกว่านั้นเล็กน้อย
    ซึ่งก็ใกล้เคียงกับวันเวลาที่พระเยซู หรือพระมาซีอา
    นบีอีซาตามความเชื่อของมุสลิม จะเสด็จมาในวันพิพากษาโลกนี้
    ซึ่งศาสนาจารย์หลายฝ่ายเชื่อกันอย่างเงียบๆ ว่า
    อาจจะเป็นพระศาสดาโพธิสัตว์องค์เดียวกันก็ได้


    อีกประโยคหนึ่งที่ถัดมา
    คำว่า แสงเพลิงมนุษย์ หรือ Human Flame

    ก็เป็นศัพท์ที่นอสตราดามุสชอบใช้พรรณนา
    ถึงพระสงฆ์ในบวรพุทธศาสนาในโคลงบทอื่นอยู่แล้ว
    เช่น ประโยคที่บอกว่า His body in the flame ใน ซ.3 ค.31
    คำทำนายนี้จึงหมายถึงพระสงฆ์ในผ้ากาสาวพักตร์อีกอย่างไม่ต้องสงสัย
    ยิ่งมีประโยคที่กำกับมาอีกว่า เป็นสมณะผู้ยึดถือพรหมจรรย์
    ก็ยิ่งชี้ชัดเจนแน่นเข้าไปอีก
    เพราะพระสงฆ์ในบวรพุทธศาสนาถือพรหมจรรย์อย่างเคร่งครัดตามพระวินัยสงฆ์อยู่แล้ว
    เมื่อปรากฎพระศาสดาองค์ใหม่บังเกิดในโลก
    บรรดาพระสงฆ์องค์เจ้าผู้ปฏิบัติดี ปฏิบัติชอบต่างรองรับเสียงประเสริฐ
    หรือพระธรรมคำสอนแห่งศรัทธาใหม่นั้นด้วยจิตใจที่ปีติปราโมทย์

    การเสด็จมาของพระศรีอาริยเมตไตรย์
    ก็คงต้องมาชำระสะสางความเสื่อมของศาสนาอยู่แล้ว
    ในสภาวะที่มีการวิวัฒนาการ
    บรรดาพระสงฆ์สมณเพศผู้ยึดถือพรหมจรรย์
    ก็คงไม่แตกต่างอะไรกับนักบุญทั้งหลาย
    ผู้เสียสละชีพเพื่อยึดมั่นในศรัทธาต่อความเชื่อของตนในอดีต
    วันเวลาแห่งการเปลี่ยนแปลงนั้น
    คงต้องผ่านขบวนการขั้นตอนตามปรกติวิสัย
    ซึ่งบางครั้งอาจจะต้องมีความเจ็บปวดอันเกิดขึ้นจากการต่อต้าน
    หรือขัดแย้งทางอุดมการณ์ ที่มีต่อแนวความคิดใหม่
    ที่กำลังจะเข้ามาทดแทนสิ่งเก่า
    ซึ่งในอดีตก็เคยเกิดกรณีพิพาทขัดแย้งกันมาแล้ว
    จนทำให้นักบุญทั้งหลายต้องเสียสละชีพ
    ในลักษณะเดียวกันกับที่พวกโรมัน
    เคยปลงพระชนม์พระเยซูคริสต์บนไม้กางเขน
    ทำลายฆ่าสาวกของพระเยซู
    หรือที่กระทำทารุณกรรมต่อผู้เผยแพร่พระกิตติคุณในอดีต
    โดยเฉพาะอย่างยิ่งในประโยคสุดท้ายที่ระบุว่า
    จะมีการทำลายโบสถ์ วิหารที่ล่อลวงทุศีล
    นายจอห์น ฮ็อค ยังตีความอีกว่า
    ในช่วงเวลานั้นจะมีศรัทธาใหม่
    หรือความเชื่อใหม่ที่เป็นสัจธรรมเกิดขึ้นในสังคมโลก
    และเป็นที่ยอมรับได้ของฆราวาส ปัจเจกบุคคล
    ตลอดจนอุบาสก อุบาสิกาทั้งหลาย
    เพราะเป็นธรรมะคำสอนและการปฏิบัติ
    ที่ยึดอยู่บนฐานของความสมเหตุสมผลลงตัวทุกประการ
    [Individual and Nondogmatic Teachings]
    ซึ่งนายจอห์น ฮ็อค ได้มองเห็นและตีความว่า
    จะมีผู้นำของศรัทธาใหม่เกิดขึ้นก่อนหน้านั้น
    ท่านเล็งไปที่ เมเฮอร์ บาบา นักบุญชื่อดังของอินเดีย
    ที่ยึดความเงียบเป็นสรณะเมื่อปี ค.ศ.1924 (ตรงกับหมายเลขของโคลงทำนาย)
    กับนักบุญอีกท่านหนึ่งชื่อ จิดดู กริสนามูรติ
    ที่คิดว่าได้บรรลุถึงขั้นตรัสรู้ในปี ค.ศ.1922
    แต่ทั้งหมดที่นายจอห์น ฮ็อคได้ค้นพบ
    ถ้านำเปรียบเทียบกับการค้นพบอันมหัศจรรย์ของท่านสด จนฺทสโร
    หรือพระมงคลเทพมุนี ที่ค้นพบวิชชาธรรมกาย
    เมื่อคืนวันเพ็ญขึ้น 15 ค่ำ เดือน 10 พ.ศ.2460
    ก็จะเป็นปรากฎการณ์ที่สอดคล้องตรงกับคำทำนายของนอสตราดามุส
    มากกว่านักบุญองค์อื่นๆ อย่างชัดเจน.

    ที่มา : NOSTRADAMUS นอสตราดามุส ผู้บันทึกประวัติศาสตร์จากอนาคต
    ศาสตราจารย์เจริญ วรรธนะสิน
    <!-- / message --><!-- sig -->

    <!-- / message --><!-- sig -->
     
  12. jummaiford

    jummaiford เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 มิถุนายน 2005
    โพสต์:
    10,501
    ค่าพลัง:
    +38,941
    ความสำคัญของผงจักรพรรดิ์หัวเชื้อของหลวงพ่อดู่ วัดสะเเกที่จะบรรจุใต้ฐานพระกริ่งดีหลวง???

    [​IMG]


    ทำไมวันนี้หลวงปู่เสกนานจริงครับ
    หลวงปู่ท่านตอบว่า "วันนี้เป็นวันดี วันเสาร์ห้า ขึ้นห้าค่ำ เดือนห้า ข้าเสกเต็มที่ ข้าอัญเชิญบุญบารมีขององค์สมเด็จสัมมาสัมพุทธเจ้าทั้งแสนโกฏจักรวาลมารวมเป็น พลังเหนือพลัง และอันเชิญดวงขององค์สมเด็จสัมมาสัมพุทธเจ้ทั้งแสนโกฏจักรวาลมารวมเป็นดวงเดียวกัน เป็นดวงเหนือดวง พระผงดวงนี้ รวมทั้งเหรียญดวงนี้จะมีพุทธานุภาพมากผู้ใดนำไปบูชา ถึงเขาผู้นั้นจะดวงตก แต่พุทธานุภาพ โดยไม่มีประมาณของดวงเหนือดวง พลังเหนือพลัง ก็จะคุ้มครองให้รอดปลอดภัย จากสิ่งอัปมงคล ผี ปีศาจ คุณไสยมนต์ดำ ภัยพิบัติที่จะเกิดขึ้นให้หนักเป็นเบา ทุเลาเป็นหาย เหรีญและพระผงนี้เป็นเหรียญทำน้ำมนต์ของข้า แม้ผู้ใดถูกผี ปีศาจเข้าสิง ให้นำพระมาทำน้ำมนต์ ดื่มกัน ก็จะหายจากคุณไสย ภูติผี ปีศาจ และสิ่งอัปมงคลทั้งปวง แม้แต่คนที่ดวงดีนำไปบูชา ก็จะเกิดโชคดี เป็นมงคล มีเสน่ห์ เป็นที่รักใคร่ต่อคนทั้งหลาย รอดปลอดภัยจากภัยพิบัติทั้งหมดทั้งมวล"
    หลวงปู่ท่านบอกต่ออีก "ผงที่ข้าให้แกกับยายอิ้งไปทำเป็นพระผงดวงนั้นคือผงมหาจักรพรรดิ วิธีทำผงมหาจักรพรรดินั้นต้องเขียนยันต์มหาจักรพรรดิเขียนไปเสกไป พอเสร็จเป็นผงก็นำมาเสกอีกครั้ง ทำเป็นพระแล้วก็เสกอีกครั้ง ผงมหาจักรพรรดินั้นเวลาเสกต้องรวมพลังบุญบารมีทั้งหมดตั้งแต่อดีต จนถึงอนาคต อธิษฐานจิตด้วยญาณบารมีขั้นสูง พระที่สร้างด้วยผงมหาจักรพรรดิของข้าจะมีพุทธานุภาพโดยไม่มีประมาณ"
    ท่านพูดจบก็หยิบพระผงดวงให้ลุงแกละและป้าอิ้งคนละหนึ่งองค์แล้ว
    ท่านพูดว่า "ตาแกละและยายอิ้งก็ไม่มีลูกเมื่อแกสองคนแก่ หลังจากข้าตายไปแล้ว จะมีผู้ที่มีบุญมาคอยเลี้ยงดูแกสองคนไปจนตาย"
    ป้าอิ้งเล่าให้ฟังว่าเมื่อแกได้ยินดังนั้นแกและลุงแกละก็ก้มลงกราบหลวงปู่ เพราะว่าวาจาของหลวงปู่ศักดิ์สิทธิ์
    ป้าอิ้งบอกอีกว่าแกบอกกับหลวงปู่ว่าเมื่อตอนที่หลวงปู่ส่งพระดวงให้นี้ เกิดแสงสว่างไปทั่ว แกเลยตั้งจิตตามไปดูและอยากรู้ว่าแสงสว่างนั้นไปถึงไหน แต่ก็ไม่สมารถตามไปดูได้เพราะแสงสว่างนั้นไปไกล โดยประมาณไม่ได้ว่าไปสุดที่ใด
    หลวงปู่ยิ้มแล้วตอบว่า นั้นแหละคือ พลังเหนือพลัง
    ในบรรดาลูกศิษย์หลวงปู่ใคร ๆ ก็รู้ว่ายายอิ้งเป็นหนึ่งในจำนวนศิษย์ที่มีสมาธิละเอียดและแก่กล้าคนหนึ่งเหมือนกัน ลูกศิษย์ที่ปฏิบัติถึงขึ้นแล้วล้วนรู้ดีว่าป้าอิ้งจิตของแกดีสามาหรถกำหนดไปดูได้ทั้งนรกและสวรรคื เคยมีคนไม่น้อยที่ต้องสูญเสียบุคคลอันเป็นที่รักไป บ้างก็เป็นพ่อแม่พึ่น้องตลอดไปถึงลูกหลาน ญาติที่ยังมีชีวิตบางคนก็เป็นห่วงญาติของตนที่ตายป จะไปดีหรือไปร้ายเพียงใด คนที่รู้จักหลวงปู่ดู่ แห่งวัดสะแก จะรู้ว่าท่านเป็นพระกัมมัฏฐาน คนที่เป็นห่วงญาติที่ว่ตายไปแล้วมักเดินทางไปขอความเมตตาจากหลวงปู่อยู่เสมอ ถ้ามีใครเรียนถามท่านว่าญาติของตนที่ตายไปแล้วตอนนี้เป็นอย่างไรบ้าง หลวงปู่ท่านก็จะหันไปทางป้าอิ้ง และบอกว่า ว่ายังไงยายอิ้ง ป้าอิ้งก็จะกำหนดจิตดูให้เป็นที่รู้กันดีว่าลูกศิษย์ของหลวงปู่ดู่ วัดสะแก ที่เก่งแบบป้าอิ้งบางคนยังเรียกว่าเก่งกว่าป้าอิ้งยังมีอีกมากมายจนนับไม่ถ้วน ผู้เขียนต้องขอโทษได้เล่าข้ามไปตอนหนึ่ง ป้าอิ้งบอกว่าหลวงปู่ท่านได้อธิบายถึงคำว่ามหาจักรพรรดิให้ฟังว่า เจ้าแผ่นดินทุกแผ่นดินถึงจะเป็นใหญ่กว่าคนทั้งปวง แต่ก็จะเป็นได้เพียงจักรพรรดิ แต่มหาจักรพรรดิ จะเป็นใหญ่อยู่เหนือจักรพรรดิทั้งหมด ผงมหาจักรพรรดิถือว่าได้เป็นผงที่ศักดิ์สิทธิ์ที่สุด มิฉะนั้นท่านจึงใช้ผงมหาจักรพรรดิมาสร้างเป็นพระเพราะรักและเป็นห่วงลูกศิษย์และคนทั่วไปที่ศรัทธาในองค์ท่าน
    หลวงปู่บอกว่า ข้ากลัวสู้เขาไม่ได้พระผงที่ข้าสร้างจึงต้องใช้ผงมหาจักรพรรดิข้าเสกและอธิษฐานจิตให้พระที่ข้าสร้างนั้นไม่เป็นรองใครในแผ่นดิน
    ป้าอิ้งยังบอกต่ออีกว่าหลวงปู่บอกว่าเหรียญและพระผงดวงนี้ อีกหน่อยจะมีค่ามาก คนที่มีบุญวาสนาเท่านั้นถึงจะได้ครอบครอง
    หลวงปู่ท่านบอกให้ป้าอิ้งจำไว้ว่า
    วิธีใช้เหรียญดวงและพระผงดวง เหรียญดวง ให้ตั้ง
    นะโมสามจบ แล้วภาวนาว่า
     
  13. jummaiford

    jummaiford เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 มิถุนายน 2005
    โพสต์:
    10,501
    ค่าพลัง:
    +38,941
    เมื่อสองสามวันที่ผ่านมามีคนโทรสอบถามเเละจองพระกริ่งดีหลวงเนื้อนวโลหะกันมากยังผลให้พระกริ่งเนื้อนวโลหะเหลือน้อยลงไปมากคาดว่าพระกริ่งเนื้อนวโลหะน่าจะหมดก่อนวันเททอง......หากใครมีจิตศรัทธาอยากร่วมบุญครั้งนี้

    ติดต่อที่คุณภานุเดชหรือคุณป๋องได้โดยตรง0816901081

    หมายเหตุผู้บริจาคบูชาพระกริ่งเนื้อนวโลหะจะได้รับการจารึกชื่อบริเวณอนุสรณ์สถาน
    และพระกริ่งดีหลวงทุกองค์ยังมีหมายเลขประจำองค์พระกริ่งอีกด้วย
     
  14. jummaiford

    jummaiford เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 มิถุนายน 2005
    โพสต์:
    10,501
    ค่าพลัง:
    +38,941
    เนื้อนวโลหะที่สร้างพระกริ่งดีหลวงนี้ได้มาจาก....??

    ชิน ได้จากชินพระกรุเก่าสมัยอยุธยาและลพบุรี

    จ้าวน้ำเงิน จากสมบัติเก่าตกทอดของ พ่อท่านเอียด วัดดอนศาลา อาจารย์ยุคเก่าของเขาอ้อ


    เหล็กละลายตัว บริสุทธิ์ แร่โลหะพิเศษที่เคยผสมไว้เเล้วในเนื้อพระกริ่งยอดฟ้ายอดยิ่งยศ
    ปรอทสำเร็จเเละปรอทเสกของพระคณาจารย์ยุคเก่าสังกะสี ทองแดง จากพระตะกรุดเก่าๆและเหรียญพระคณาจารย์ยุคเก่า

    เงิน จากพระเนื้อเงินเเละเม็ดเงินบริสุทธิ์ที่ผ่านการเเช่น้ำพระพุทธมนต์สำคัญ

    ทองคำ จากทองบริสุทธิ์
     
  15. jummaiford

    jummaiford เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 มิถุนายน 2005
    โพสต์:
    10,501
    ค่าพลัง:
    +38,941
    [​IMG]


    [​IMG]


    [​IMG]
    พระมารุตพงส์ผู้สร้างพระกริ่งเจ้าฟ้านเรศมาช่วยผสมมวลสารพระหลวงพ่อทวดรุ่นก่อนๆ


     
  16. jummaiford

    jummaiford เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 มิถุนายน 2005
    โพสต์:
    10,501
    ค่าพลัง:
    +38,941
    [​IMG] [​IMG]



    หลวงปู่ดู่เทศน์สอนคณะศิษย์วัดท่าซุงผู้ได้มโนมยิทธิ
    หลวงปู่ดู่ท่านเทศน์สอนคณะศิษย์วัดท่าซุงที่ได้มโนมยิทธิ
    ซึ่งได้เดินทางไปกราบหลวงปู่ดู่ ตามคำสั่งหลวงพ่อฤาษีฯ





    หลวงปู่.....เอ้า คณะนี้มาจากไหน (แล้วหลวงปู่ท่านก็เงียบ)...อ๋อเด็กฝาก



    คณะมโนมยิทธิ...หลวงพ่อ(ฤาษี) ท่านให้มากราบเจ้าค่ะ
    หลวงปู่รู้จักไหมเจ้าคะ



    หลวงปู่ดู่...รู้จัก



    คณะมโนมิยทธิ....หลวงปู่เจ้าคะดิฉันฝึกมโนขึ้นไปกราบ
    พระข้างบนดีไหมเจ้าคะ?



    หลวงปู่ดู่.....การไปกราบพระ พบพระนั้นเป็นของดี
    ให้หมั่นรักษาองค์พระ(ภาพพระ)เข้าไว้ พระท่านจะสอน
    ท่านจะบอกวิธีการปฏิบัติ เราก็นำมาประพฤติปฏิบัติตามด้วยความตั้งใจ
    เคร่งครัด แต่ถ้าพบพระแล้ว ท่านสอนแล้วไ ม่นำมาประพฤติปฏิบัติ
    หรือปฏิบัติจนพบพระแล้วไม่สามารถทำให้อารมณ์ชั่วทั้ง ๓ คือ
    โลภ โกรธ หลง มันเบาบางหลง อย่างนี้ยังใช้ไม่ได้ ถือว่าปฏิบัติผิดทาง
    คนที่มัวแต่เอาสิ่งที่ตนเองได้ (ญาณ) ไปดูนั้นดูนี่ ทำนายทายทัก
    ไม่นานอุปทานก็เข้าแทนที่ ทีนี้แทนที่มันจะไปสุคติภูมิ
    มันก็ไปอบายภูมิแทน เหตุจากการแอบอ้าง คำสอนของพระ
    เพราะอารมณ์อุปาทานนั้นเอง จงระวังไว้ ท่านมหาวีระ
    ท่านมีบารมีสูง มีข้างบนเป็นกำลังหนุน เป็นอาจารย์ใหญ่สอน
    คนได้จำนวนมาก ข้าขอโมทนา พวกแกเกิดมาพบพระอรหันต์
    ที่มีบารมีสูง อย่าให้เสียทีที่ได้พบ เอาสิ่งที่ตนปฏิบัติบัติได้(ญาณ)
    มาอบรมตนเอง อย่าเที่ยวไปทำนายทายทักชาวบ้าน
    ข้ออันนั้นเห็นจะไม่ใช่จุดประสงค์ แม้ลูกศิษย์ อยู่ใกล้ข้าแท้ๆ
    ยังเฝือได้ แล้วถ้าพวกแกยังประมาท ระวังนรกจะกินหัวเอา....




    คณะมโนมยิทธิ...เราจะรู้ได้ยังไงเจ้าคะ

    ว่าเวลาเราขึ้นไปกราบนั้น เราเห็นจริงๆ





    หลวงปู่....แกลองใช้อารมณ์นั้น(ญาณ) ตรวจสิ่งที่มองไม่เห็น





    แต่สิ่งนั้นยังมีอยู่สิ เช่น แกลองตรวจดูว่าในกระเป๋าของเพื่อน

    ที่มาด้วยกันมีเงินอยู่เท่าไหร่ ถ้าแกตอบถูก อารมณ์ที่แกขึ้น
    ไปกราบพระ แกก็เห็นจริง แต่ถ้าแกตอบไม่ถูก พระที่แกเห็นก็ไม่จริง...







    คณะมโนมยิทธิ....เราถามเทวดาเลยได้ไหมเจ้าค่ะ




    หลวงปู่....เอ้า เงินในกระเป๋านี้มันเป็นของหยาบ






    แกยังมองไม่เห็นเลย นับประสาอะไรกับเทวดา

    แกจะไปมองเห็นล่ะ กายเทวดาละเอียดกว่ากันเยอะ






    คณะมโนมยิทธิ...ต้องตรวจอารมณ์เช่นนี้ก่อนใช่ไหมค่ะ





    หลวงปู่ดู่...
    ใช่ ข้าก็ให้ลูกศิษย์ตรวจอารมณ์อย่างนี้ก่อนแล้ว

    ค่อยขึ้นไปกราบพระ ถ้าตรวจแล้วไม่ตรงก็ต้องหัดวางอารมณ์ใหม่
    ไม่นานก็ตรง คราวต่อไป ไม่ต้องกำหนด เขาจะรู้เลยว่า
    อะไรซ่อนอยู่ตรงไหน .....(หลวงปู่เงียบสักพัก) (แล้วท่านก็พูดขึ้นว่า)
    พระมหาวีระยังสอนให้แกหัดทำเวลาตอนเช้ามืด ให้ลองตรวจว่า
    เช้าวันนี้จะมีใครมาหาไหม เขาจะมาทำอะไร
    ใส่เสื้อสีอะไร ใช่ไหมล่ะ

    คณะมโนมยิทธิ....หลวงปู่รู้ได้ยังไงเจ้าคะ


    หลวงปู่ดู่...ก็พระมหาวีระบอกข้า อยู่ข้างๆนี่แหละ บอกว่า..
    พวกแกมันลิงทะโมน ต้องจับไปมัด เฆี่ยนแล้วสอน
    (เสียงหลวงปู่หัวเราะ แล้วพูดว่า)ต่อไปให้รีบตั้งใจปฏิบัติ
    อย่าสนใจคนอื่น สนใจจิตตัวเองให้มากๆ รักษาจิตตนเองให้ดี
    รักษาองค์พระ(ภาพพระ)ไว้อย่าให้หาย ชำระใจให้
    ปราศจากความโลภ โกรธ หลง มันก็ถึงเองแหละนิพพาน
    ไม่ใช่ปากก็บอกจะไปนิพพาน แต่ไม่ชำระโลภ โกรธ
    หลงให้ขาดไป อธิษฐานยังไงมันก็ไม่ถึงนะแก
    นิพพานเข้าไม่ได้ด้วยการอธิษฐาน แต่ต้องอาศัยการปฏิบัติ
    ซึ่งจุดสำคัญคือการละอารมณ์ โลภ โกรธ หลง







    ละได้เมื่อไหร่ถึงทันที ละไม่ได้มันจะถึงแค่หัวตะพาน....



    คณะมโนมยิทธิ...สาธุเจ้าค่ะ หลวงปู่​


    หลวงปู่ดู่ ...(ให้พร)......
     
  17. jummaiford

    jummaiford เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 มิถุนายน 2005
    โพสต์:
    10,501
    ค่าพลัง:
    +38,941
    [​IMG]
    [​IMG] พระกริ่งดีหลวง......พระกริ่งรวมบารมีพระโพธิสัตว์

    พระกริ่งรุ่นนี้นอกจากมีมวลสารที่ทันเเละถึงหลวงพ่อทวดเเล้ว พระกริ่งเนื้อทองคำเเละเนื้อนวโลหะยังอัญเชิญอัฐิธาตุหรือเรียกได้ว่าธาตุขัณฑ์แท้ๆของหลวงพ่อดู่ บรรจุทุกองค์พระอาจารย์ใหญ่ของเราเหล่าลูกศิษย์เพื่อพระกริ่งดีหลวงนี้เสมือนหนึ่งครูบาอาจารย์ทั้งสองรูปคอยดูเเลรักษาเราอยู่ตลอดมีหลวงปู่ทั้งสองทีไรอุ่นใจทุกที

    <!-- / message --><!-- / message -->
     
    แก้ไขครั้งล่าสุดโดยผู้ดูแล: 1 กรกฎาคม 2008
  18. jummaiford

    jummaiford เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 มิถุนายน 2005
    โพสต์:
    10,501
    ค่าพลัง:
    +38,941
    ขออนุโมทนารายนามผู้มอบมวลสารทั้งหมด ดังรายนามต่อไปนี้ พระมงคลวิสุทธิ์ (สุภา กันตสีโล) วัดสีลสุภาราม จังหวัดภูเก็ต
    พระนิมมานโกวิท (ทองดำ) วัดท่าทอง จังหวัดอุตรดิษฐ์
    พระราชวีราภรณ์ วัดโคกสมานคุณ หาดใหญ่ สงขลา เจ้าคณะจังหวัดสงขลา
    พระราชปัญญาโสภณ (ฉิ้น โชติโก) วัดเมืองยะลา จังหวัดยะลา
    หลวงปู่บุญมี วัดสระประสานสุข อุบลราชธานี
    หลวงปู่ถม วัดเชิงท่า ลพบุรี
    หลวงปู่ท่อน วัดศรีอภัยวัน เลย
    หลวงปู่เปลี่ยน วัดป่าอรัญวิเวก เชียงใหม่
    หลวงปู่สังข์ วัดป่าอาจารย์ตื้อ เชียงใหม่
    หลวงปู่ครูบาชัยวงศา วัดพระบาทห้วยต้ม ลี้ ลำพูน
    หลวงปู่ประโยชน์ วัดนาลับแลง จังหวัดอุตรดิษฐ์
    หลวงปู่สมบูรณ์ เจ้าอาวาสวัดดอนธาตุ จังหวัดอุบลราชธานี
    หลวงพ่อคูณ วัดบ้านไร่ นครราชสีมา
    หลวงตาม้า วัดพุทธพรหมปัญโญ (ถ้ำเมืองนะ) อำเภอเชียงดาว จังหวัดเชียงใหม่
    พ่อท่านพรหม วัดบ้านสวน จังหวัดพัทลุง
    พ่อท่านเขียว วัดห้วยเงาะ อำเภอโคกโพธิ์ จังหวัดปัตตานี
    พ่อท่านพล วัดนาประดู่ จังหวัดปัตตานี
    เจ้าอาวาสวัดราชานุวาส(วัดแค) ตำบล หัวรอ จังหวัด พระนครศรีอยุธยา
    เจ้าอาวาสวัดสีหยัง อำเภอระโนด จังหวัดสงขลา
    เจ้าอาวาสวัดพะโคะ อำเภอสทิงพระ จังหวัดสงขลา
    เจ้าอาวาสวัดต้นเลียบ อำเภอสทิงพระ จังหวัดสงขลา
    เจ้าอาวาสวัดดีหลวง อำเภอสทิงพระ จังหวัดสงขลา
    พระครูประสาทอโนมคุณ เจ้าอาวาสวัดประสาทบุญญาวาส กรุงเทพ
    พระครูเจ้าอาวาสวัดรามแก้ว นครศรีธรรมราช
    พระครูสังฆรักษ์(พระศิริพงศ์ ครุพันธ์ ติสฺภรโณ) วัดสุทธาราม ธนบุรี
    พระอาจารย์ธรรมนูญ (พระอาจารย์ติ๋ว) วัดมณีชลขัณฑ์ จังหวัดลพบุรี
    หลวงพี่โอ๋ วัดศรีมหาโพธิ์ อำเภอโคกโพธิ์ จังหวัดปัตตานี
    พระอาจารย์สิทธิพงศ์ เจ้าอาวาส วัดร้องขุ้ม จังหวัดเชียงใหม่
    พระมหาทองสุข วัดบวกครกน้อยจังหวัดเชียงใหม่
    พระใบฏีกาปรานพหรือหลวงหนุ่ย วัดหงส์ประดิษฐาราม
    คุณบุญส่ง ธาดาประดิษฐ์ (เสี่ยลิ้งค์) หาดใหญ่
    คุณป้าปราณี ศิษย์หลวงปู่ดู่ที่ทำพระประจำที่วัดนานกว่า30ปี
    ช่างก๊วย ช่างแกะพระจีนจังหวัดภูเก็ต
    พี่ใหญ่ หาดใหญ่
    คุณย่าสุมณฑา กุลละวนิชย์
    คุณอนิตา กุลละวนิชย์
    คุณเกียรติสกุล พิมลวงศ์
    เจ้าหน้าที่ที่ขุดสำรวจวัดใหญ่ชัยมงคล จังหวัดพระนครศรีอยุธยา
    เจ้าหน้าที่กรมศิลปากรที่วัด พระศรีรัตนมหาธาตุ ลพบุรี
    เจ้าหน้าที่กรมศิลปากรที่ปราสาทหินพนมรุ้ง
    เจ้าหน้าที่ที่เฝ้าพิพิธภัณฑ์หลวงปู่บุญ พระพุทธวิธีนายก
    คุณตฤณ ปาลีเรียม
    คุณเอกขอนแก่น
    คุณสุธัน สุนทรเทวี
    คุณเต้ยและเพื่อน
    คุณสมชาย


    และมีหลายท่านมากมายที่ช่วยเหลือมากมายที่ไม่ได้กล่าวนาม

    ข้าพเจ้าขออนุโมทนากับท่านทั้งหลายด้วย
     
  19. jummaiford

    jummaiford เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 มิถุนายน 2005
    โพสต์:
    10,501
    ค่าพลัง:
    +38,941
    [​IMG]
    ลักษณะการอุดผงพระกริ่งเเต่ละเนื้อจะเหมือนกันเเต่ของที่บรรจุต่างกันรูปข้างบนเป็นตัวอยางพระกริ่งรุ่นเก่าที่อุดผงก่อนที่จะปิดด้วยเเผ่นโลหะ
     
  20. jummaiford

    jummaiford เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 มิถุนายน 2005
    โพสต์:
    10,501
    ค่าพลัง:
    +38,941
    ขอเชิญผู้มีจิตศรัทธาร่วมบุญกันนะครับ
     
สถานะของกระทู้:
กระทู้ถูกปิด ไม่สามารถโพสต์ตอบกลับได้

แชร์หน้านี้

Loading...