พุทธ กับ พระเยซู อย่าโกรธกันนะ

ในห้อง 'ดูดวง และ ทำนายฝัน' ตั้งกระทู้โดย ไก่น้อยหัวใจเวอร์จิ้น, 19 สิงหาคม 2005.

  1. sao-wanee

    sao-wanee เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 กรกฎาคม 2005
    โพสต์:
    83
    ค่าพลัง:
    +124
    ศัตรู ตัวจริงของมนุษย์ คือ พญามาร ที่คอยส่งมาร 5 ฝูงมาคอยบังคับบัญชาความคิด การกระทำของคนเรา นั่นแหละ ศัตรูตัวจริงของมนุษยชาติ ไม่ใช่คนกับคนด้วยกันเอง ที่ทุกคนต้องช่วยกันทำสงครามกับเค้าแหละ เป็นสงครามศึกชิงภพ ก็ว่าได้..
    พุทธก็มีข้อดี คริสต์ก็ข้อดี อิสลามก็มีข้อดี เอาข้อดีของแต่ละศาสนามาใช้แล้วกัน เพราะฉะนั้นการถกเถียงกันในเรื่องศาสนานี้เอาไว้ประเทืองปัญญา ขอเพียงอย่าให้ศาสนิกชนในทุกศาสนามีความคิดว่า ต้องการให้ศาสนาใดศาสนาหนึ่งล้มหายไปก็พอเหมือนในอดีตกาล แถว ๆ ศรีลังกา เลย ยุคนี้ยุคพัฒนาแล้ว การกระทำก็ควรพัฒนาไปด้วย เพราะทุกคนคือ เป็นเพื่อนร่วมทุกข์เกิดแก่เจ็บตาย ไม่มีใครไม่เคยเป็นญาติกันมาก่อน
     
  2. sao-wanee

    sao-wanee เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 กรกฎาคม 2005
    โพสต์:
    83
    ค่าพลัง:
    +124
    ช่วยอธิบายหน่อยซิค่ะ เราไม่นับถือคริสต์ เราก็ไม่เข้าใจ ยิ่งศาสนานิกของท่าน ที่บอกท่านทำไปเพื่อไถ่บาปของมนุษย์ ทางพุทธสอน ไม่มีใครไถ่บาปใครได้ หากเป็นเช่นนี้ความหมายน่าผิดเพี้ยนจากจุดประสงค์หลักของท่านหรือเปล่า? หากผิดเพี้ยน ก็ควรแก้ไข ไม่ใช่ ว่าท่านทำไปเพื่อไถ่บาปให้มนุษย์โลก..แต่เพื่อต้องการสอนให้มนุษย์โลกรู้ถึงข้อธรรมเช่นไรกันแน่...
    พระเยซู ท่านเป็นพระโพธิสัตว์ที่สละชีพเพื่อมนุษย์โลก..
    ก็เหมือนพระพุทธเจ้าของเรา ขอเล่าโดยย่อ ๆ นะค่ะ พระพุทธเจ้าของเรา ท่านเสวยพระชาติเป็นพระดาบส ลูกศิษย์ทั้ง 500 คน เมื่อบิดามารดาของตนสิ้นชีพแล้ว ก็ได้ออกบวชตาพระโพธิสัตว์ เพราเกิดความเบื่อหน่ายในชีวิตของฆราวาส อยู่มาวันหนึ่ง ท่านได้ออกหาผลไม้กับลูกศิษย์คนหนึ่งที่บนยอดเขาบัณฑระอยู่นั้น พระโพธิสัตว์มองลงไปที่เชิงเขาเห็นแม่เสือตัวหนึ่ง พร้อมกับลูกน้อยที่เพิ่งเกิดมาได้ไม่นาน แม่เสือตัวนั้นมีร่างกายที่ผอมโซ เนื่องจาก อดอาหารมาหลายวัน ถูกความหิวกระหายคุกคามอย่างแรง แม่เสือมองไปรอบ ๆ ก็ไม่มีอะไรจะกิน จึงหันมามองลูกตัวเอง ด้วยจิตที่โหดร้าย โดยมีความคิดตามประสาสัตว์ดุร้ายว่า จะจับลูกของตนกินเป็นอาหาร เรื่องทั้งหมดนั่น อยู่ในสายตาของพระโพธิสัตว์ "โอหนอ! นี่หรือชีวิตของสัตว์โลก แม่เสือตัวนี้จักเคี้ยวกินลูกในไส้ของตนเอง เพื่อรักษาชีวิตของตนเพียงฝ่ายเดียว" เมื่อพระโพธิสัตว์เห็นเช่นนั้น จึงสั่งให้ลูกศิษย์ของตนไปหาเศษเนื้อที่ราชสีห์กินเหลือ เอามาให้โดยด่วน ลูกศิษย์นั่นก็รีบไปหาเศษเนื้อตามที่พระโพธิสัตว์สั่ง...พระโพธิสัตว์รอลูกศิษย์ที่ไปหาเศษเนื้อเป็นเวลานาน ไม่มีวี่แววมาสักที เห็นว่าจะไม่ทันการณ์แล้ว เดี๋ยวแม่เสือจะกินลูกเสือก่อน พระโพธิสัตว์คิดว่า "ร่างกายของเรานี้ เป็นร่างกายที่ปราศจากแก่นสาร ยังเกลือกกลั้วด้วยบาปอกุศลที่หมักดองใจมานานแสนนานมิใช่น้อย และร่างกายนี้เป็นเหตุแห่งทุกข์ทั้งหลายทั้งปวง จะมีวิธีใดที่สามารถปลดเปลี้องจากความทุกข์นั้นได้ ซี่งท่านก็ทราบชัดว่า มีแต่บารมีธรรมเพียงอย่างเดียวเท่านั้น..ที่จะช่วยตัวท่านและสรรพสัตว์ให้พ้นจากทุกข์ได้" เมื่อท่านทราบโดยญาณทัศนะของท่านทั้งปวง ท่านจึงตัดสินใจกระโดดพลีชีพเพื่อช่วยลูกเสือให้รอดพ้นจากความตาย ด้วยจิตที่ท่านเสียสละนั้นนำพาท่านไปบังเกิดในสวรรค์
    ซึ่งรายละเอียดต่าง ๆ สามารถดูได้ที่ วารสาร อยู่ในบุญ ฉบับเดือน มีนาคม 2548และเมษายน 2548 ได้ที่ http://www.kalyanamitra.org/u-ni-boon/index_u-ni-boon.html
     
  3. sao-wanee

    sao-wanee เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 กรกฎาคม 2005
    โพสต์:
    83
    ค่าพลัง:
    +124
    ศาสนาทุกศาสนาที่เคยเป็นตัวการกระทำเพื่อรอดจากความทุกข์ทุกชนิิดโดยตรงเป็นประจำวันนั้น
    ได้กลายเป็นพิธีรีตรองไปหมดกระทั่งในที่สุดเป็นเพียงเครื่องประดับเกียรติ
    ในเรือนอิสสรชนหรือคนมั่งมีพระหรือเจ้าหน้าที่นั้นก็เลยกลายเป็นขุนนาง..
    ขอให้เราได้กลับไปสู่ศาสนาเดิมแท้ตามแบบเก่ากันเถิด
    เราพยายามทำความเข้าใจกันใหม่จนให้ได้ศาสนาตามแบบเก่่ากลับมาเถิดโลกจึงจะกลับมีศาสนาอีกครั้ง


    นั่นแหละ เมื่อไร ตรงไหน ใครจะเป็นแกนนำ...ฯลฯ
     
  4. ไก่น้อยหัวใจเวอร์จิ้น

    ไก่น้อยหัวใจเวอร์จิ้น Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    2 กรกฎาคม 2005
    โพสต์:
    84
    ค่าพลัง:
    +86
    เมื่อวานเข้าโบสถ์คริสครั้งแรกในชีวิต

    เมื่อวานเข้าโบสถ์คริสต์ครั้งแรกในชีวิต มีเรื่องมากมายที่จะเล่าให้ฟัง ซึ่งผมจะเล่าความจริงที่เกิดขึ้นในโบสถ์ให้ฟัง และหากผมโกหกก็ขอให้ทุกคนสาบแช่งผมให้มีอันเป็นไปแล้วกันนะครับ
    ผมไม่ได้เคยหวังว่าจะให้ใครนับถือหรือไม่นับถือศาสนาอะไร แต่ความจริงแล้ว ผมหวังให้ทุกคนมีสมอง คิดและวิเคราะห์เอง ว่าอันไหนควร ไมควร จริง ไม่จริง เหมาะสมหรือไม่เหมาะสมก็เท่านั้น และผมก็ชอบระบายอารมณ์ ไม่อยากเก็บความรู้สึกไว้คนเดียว เมื่อไปได้พบเห็น หรือได้ยินอะไรมา แม้แต่พิธีกรรมทางศาสนาพุทธที่ผมนับถือ บางพิธี ผมก็ยังมีบางข้อที่ผมไม่ชอบและไม่เป็นธรรมเอาซะเลย และผมก็บ่นเช่นกัน ผมไม่สนหรอกใครจะว่ายังไง บางคนที่ตอบมาก็ตอบมาทั้งที่ผมหรือใคร ๆ รู้แล้ว บางคนก็ตอบมาแบบไม่มีเหตุไม่มีผล บางคนได้ให้สิ่งใหม่ ๆ ที่ผมไม่เคยรู้มาก่อน ที่จริงนะผมนึกว่าจะไม่มีใครมาสนใจกระทู้นี้สักเท่าไหร่นะ ช่วงแรกไม่เห็นมีใครเข้ามาแสดงความคิดเห็นเลย แต่ตอนนั้นผมก็รู้สึกโล่งที่ได้ระบาย ไปก่อนนะครับ ตอนนี้ผมก็ไม่ว่างเหมือนเดิมครับ แต่อยากตอบเฉย ๆ ถ้าผมจะแสดงความเห็นจริง ๆ ตอบทั้งวันก็ไม่หมดหรอกครับ ว่าแล้ว ไก่น้อยผู้น่ารักคนนี้ ก็ถึงเวลาที่จะไปตามหาหัวใจแล้วนะครับ ไปหล่ะ ปู๊น ๆๆๆ
     
  5. nanaja

    nanaja สมาชิกใหม่

    วันที่สมัครสมาชิก:
    27 กันยายน 2005
    โพสต์:
    1
    ค่าพลัง:
    +0
    เป็นอย่างไรหรอคะ พอดีว่าวันนี้พึ่งสมัครเป็นสมาชิกนะคะ ยังไงอธิบายให้ทีนะคะ
     
  6. surapong2you

    surapong2you สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    19 กันยายน 2005
    โพสต์:
    6
    ค่าพลัง:
    +5
    ที่ผมมาเล่าความฝันนี้ให้ฟังนั้น เพราะมันเคยมีเรื่องแปลกเกี่ยวกับคริสต์เกิดขึ้นก่อนหน้านี้ ก็มี ก่อนอื่นขอบอกก่อนนะครับว่า ผมค่อนข้างจะแอนตี้ ศาสนาคริสต์ โดยเฉพาะบัญญัติ ของพระเจ้าของคริสต์มาก ผมมักจะท้าทาย และวิจารณ์ อยู่คนเดียวบ่อย ๆ
    ผมเคยบอกว่า พระเยซูอาจจะมีจริง สมมุติพระเจ้าของคริสต์อาจจะมีจริง แต่ถึงท่านจะทำคุณอะไรให้ผม ก็ไม่สามารถทำให้ผมเลิกนับถือพุทธได้หรอก และถ้าสมมุติผมจะนับถือหลายศาสนา แล้วไง คุณจะมาลงโทษผมเหรอที่ผมไม่นับถือท่านแต่เพียงผู้เดียว ด้วยเหตุนี้ผมจึงไม่มีความศรัทธาในพระเจ้าของศาสนาคริสต์ และการที่ท่านให้สุขกับคนที่นับถือท่าน และล้างปาบให้ก็สิ้นเรื่อง อันนี้ก็เป็นอีกหนึ่งในหลายข้อที่แสดงให้เห็นถึงกิเลสที่พระเจ้าคริสต์ยังมีอยู่ อันนี้ความรู้สึกผมนะครับ ผมไม่ได้หมายความว่า ศาสนาคริสต์เป็นศาสนาไม่ดีนะครับ ผมเพียงแต่รู้สึกเช่นนี้ขึ้นมาเฉย ๆ เมื่อเปรียบเทียบกับพุทธ ผมเคยสัญญากับเพื่อนที่นับถือคริสต์ไว้ว่า ถ้าเกิดอะไรขึ้นกับผม ถึงแม้จะเป็นของคริสต์ผมก็จะนำมาเล่าให้คนฟังอย่างเป็นกลาง เพราะเพื่อนผมขอพรจากคริสต์ให้ผมหายจากทุกข์(เพิ่งขอให้ได้ไม่ถึง 2 อาทิตย์) ผมบอกว่า ถ้าท่านให้สิ่งดี ๆ กับผม ผมก็จะขอบคุณก็แค่นั้น และจะบอกคนอื่นด้วยว่าได้รับอย่างไร ไม่ว่าแต่สิ่งดีหรอก สิ่งเลวก็บอก แต่ผมก็จะยังยินดีตกนรกตามกรรมที่สมควรได้รับ ถึงจะทรมานแสนสาหัส มิใช่จะพ้นนรกเพราะเชื่อในท่าน เพราะถ้าผมยึดถือแบบนั้น รับรองโลกจะต้องวุ่นวายแน่ เพราะมัวแต่ขอความช่วยเหลือจากท่านประมาณนี้ ฯลฯ


    นิสัยเหมือนผมเลยครับ คุณไก่น้อยหัวใจเวอร์จิ้น
    อย่างนี้คุยกัยคล่องคอดีครับ เบอร์ 05-1150058 นะครับ ต้องครับ

    จากสมชิกที่แอนตี้ศาสนาคริสต์คนหนึ่ง
     
  7. โปเยโปโลเย

    โปเยโปโลเย สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 กุมภาพันธ์ 2005
    โพสต์:
    18
    ค่าพลัง:
    +8
    พวกนี้นี่ ไร้สาระ
    แม้แต่อุปจารสมาธิก็ไม่มีใครได้สักคน
    ปาฏิหาริย์ที่พระเจ้าแสดงก็ยังไม่มีคนที่นี่ได้สัมมะผัส
    ทั้งพระพุทธเจ้า และ JESUS ยิ่งใหญ่เกินกว่าลูกกระจ๊อกจะเข้าใจ
    ตอนที่ท่านเผยแผ่ ท่านไม่ได้ใช้สมองไง ท่านใช้จิตวิญญาณ
    พอลูกกระจ๊อกเอาสมองไปคิดมันก็เลยจูนไม่ติด
    พี่ท่านเลยเถียงกันใหญ่ยังกะ ไอ เป็นผู้กำหนดชะตาจักรวาล
    สุดท้ายนี้ อยากบอกว่ารักทุกคนนะ (รักดอกจึงหยอกเล่น) อิๆๆๆอิๆๆๆๆ
     
  8. อักขรสั จร

    อักขรสั จร เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    2 สิงหาคม 2005
    โพสต์:
    220
    ค่าพลัง:
    +343
    หายโง่เมื่อไหร่จะเสียใจภายหลัง
     
  9. firstjit

    firstjit Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    21 กันยายน 2005
    โพสต์:
    22
    ค่าพลัง:
    +52
    การที่จะศรัทธาใครสักคนหนึ่ง ก็ควรจะศรัทธาโดยใช้ปัญญา ใช่ว่าฉันชอบศาสนานี้ฉันก็จะนับถือศาสนานี้ ศรัทธาศาสนานี้ พึงควรใช้ปัญญา ไตร่ตรองให้ดีก่อน ที่จะคิดทำอะไร
     
  10. firstjit

    firstjit Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    21 กันยายน 2005
    โพสต์:
    22
    ค่าพลัง:
    +52
    ศรัทธา คือ เชื่อ โดยใช้เหตุผล จ่ะ
    จะเชื่อในพระเจ้า หรือใครๆ คุณมีเหตุผลพอหรือยังที่จะเชื่อ
    ถ้าหากเชื่อโดยไร้เหตุผลละก็ เขาเรียกว่า งมงาย จ่ะ
     
  11. april_28

    april_28 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 กันยายน 2005
    โพสต์:
    69
    ค่าพลัง:
    +174
    พุทธกับคริสต์แตกต่างกันตรงที่ว่า คริสต์ให้เชื่อและศรัธธาก่อนเชื่อในพระเจ้าเชื่อพระบุตรและพระวิญญาบริสุทธิ์ พุทธจงปฏิบัติก่อนค่อยเชื่อค้นหาเหตุและผลมีเหตุย่อมมีผลที่ตามมา
    คริสต์เน้นความเชื่อและศรัธธาต่อพระเจ้า พุธทให้ปล่อยวางไม่ยึดติดเิดินทางสายกลางพุทธปฏิบัติได้ยากกว่าและลึกกว่า
     
  12. ไก่น้อยหัวใจเวอร์จิ้น

    ไก่น้อยหัวใจเวอร์จิ้น Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    2 กรกฎาคม 2005
    โพสต์:
    84
    ค่าพลัง:
    +86

    บางคนบอกว่า "พอศึกษาอย่างลึกซึ้งแล้วพบว่า พระเยซูตายบนไม้กางเขนและฟื้นขึ้นมาในวันที่ 3 จริง ๆ " แล้วทำให้เกิดคำถามว่า อะไรคือลึกซึ้งมีเครื่องพิสูจน์หรือยืนยันความลึกซึ้งรึเปล่าเอาอะไรมาวัด แล้วอะไรคือจริงมีเครื่องยืนยันหรือไม่ แม้แต่ศาสนาของผม ผมก็ยังไม่เคยยืนยันเลยว่า พระพุทธเจ้าทรงเดินได้ 7 ก้าว หรือว่าทรงแสดงปาฏิหารย์ต่าง ๆ แต่ก็เชื่ออยู่ในใจไม่เคยบอกใครว่า จริง ๆ นะ จริง ๆ นะ เป็นอย่างนั้นจริง ๆ ศาสนาพุทธสอนให้ผมเชื่ออย่างมีเหตุมีผล และพระเยซูอาจจะตายบนไม้กางเขนจริง ๆ ผมยังไม่โต้แย้งเลยว่าท่านไม่ได้ตายบนไม้กางเขนและฟื้นขึ้นมาในวันที่ 3 หญิงคนนึงกับสามีนับถือคริสต์พูดกับผมว่า
    "แต่ก่อนงูมีขานะ และเล่าให้ฟังว่า เมื่อก่อนมีมนุษย์ 2 คน ที่พระเจ้าสร้างขึ้น เป็นชายกับหญิง สร้างผู้ชายมา 1 คน และหักกระดูกซี่โครงของผู้ชายมาสร้างเป็นผู้หญิง 1 คน แล้วบอกว่าไม่เชื่อก็ลองนับกระดูกซี่โครงข้างซ้ายกับข้างขวาดูจะไม่เท่ากัน (ลองนับดูนะครับ แต่ถึงจะไม่เท่ากันก็ไม่ใช่เหตุผลที่ผมต้องนับถือหรือไม่นับถือ)
    จากนั้นพระเจ้าก็ทรงสร้างต้นไม้แห่งความดีความชั่วอะไรนี่แหล่ะ บอกมนุษย์ที่พระเจ้าที่สร้างขึ้นมาว่าห้ามกินจนกว่าจะได้รับอณุญาต มิเช่นนั้นจะโดนลงโทษ ขณะเดียวกันนั้น ก็กำลังมีการบวงสรวงพระเจ้าซึ่งต้องขึ้นไปสวดมนต์หรืออวยพรในที่ ๆ พระเจ้าอยู่ แต่มีเทพองค์นึงพากันกำลังอวยพรหรือบวงสรวงพระเจ้าอยู่ในที่ ๆ หนึ่ง ซึ่งห่างไกลจากพระเจ้า จากนั้นพระเจ้าจึงโกรธที่ไม่พากันมาแสดงความเคารพในที่ที่ควร จึงลงโทษเทพองค์นั้น ลงโทษอย่างไรผมจำไม่ได้ จำได้แต่ว่าได้ลงมาอยู่บนโลก จากนั้นเทพองค์นั้นจึงเกิดความแค้นจึงปลอมตัวเป็นงู แล้วไปบอกกับ มนุษย์ 2 คนนั้นว่า ให้กินผลไม้เถอะ ไม่เป็นไรหรอก เกลี้ยกล่อมจนมนุษย์ได้กินผลไม้แห่งความชั่วดีอะไรนี่แหล่ะ จากนั้นพระเจ้ากลับมาจึงทราบ จึงได้สาบแช่งและลงโทษงูสาบให้ไม่มีขาจนทุกวันนี้ จึงต้องไปไหนตะเกียกตะกายไปอย่างลำบาก " เหล่านี้คือคำพูดของสามีกับภรรยาคริสต์คู่หนึ่งเท่านั้น จริงไม่จริงก็ต้องโทษคำสอนที่เค้าได้รับมา ผมรู้มาอย่างนี้ก็บอกไปอย่างนี้ ซึ่งภรรยาเค้นับถือคริสต์ได้ประมาณ 10 ปีได้ สาเหตุที่นับถือคริสต์ก็เพราะได้แต่งงานกับสามีที่นับถือคริสต์
    ผมเลยพูดว่า ตลกงูมีขารู้ได้ไง เค้าบอกว่าจริง ๆ มีจริงๆ ผมว่ารู้ได้ไงที่พูดมาว่าเป็นเรื่องจริง เค้าก็บอกว่า จริง ๆ เรื่องจริง นะ ผมก็เลยบอกว่า มันพิสูจน์ไม่ได้หรอกว่าจริงหรือไม่จริง แต่เราอาจจะเชื่อก็ได้ แต่อย่าไปถึงขนาดยืนยันเลย แม้แต่เรื่องของศาสนาพุทธที่เรานับถือ มีหลากหลาย ที่ปรากฏเป็นหลักฐานเป็นตัวเป็นต้นแท้ ๆ เช่น สถานที่สำคัญ พระบรมสารักธาตุ อื่น ๆ ที่คนนับถือกันเรายังไม่สามารถพิสูจน์ได้เลยว่าเป็นเรื่องจริง แต่มันอาจจะจริงก็ได้ หรืออาจจะไม่จริงก็ไม่รู้ ฉนั้นอย่าพยายามบอกว่าจริงให้มากนัก มันเหมือนกับงมงาย เชื่อก็เชื่อไป อย่ามาบังคับคนอื่นให้เชื่อ เค้าเงียบไปพักนึง แล้วลองให้เค้าตอบคำถามผมดูตอบได้มั้ย ผมถามว่า ถ้าเกิดคนนึงถูกฆ่าตาย คุณก็เห็นใคร ๆ ก็เห็นว่าผีบีบคอตายรู้ทั้งรู้ว่าผีบีบคอตาย แล้วทางด้านญาติผู้ตายก็ไปแจ้งความกับตำรวจว่า ผีบีบคอลูกฉันตาย ผีตัวนั้นเป็นลูกของศัตรูฉันเอง แม่มันใช้ลูกมันมาบีบคอลูกชั้น แล้วผมบอกว่า แล้วตำรวจจะเชื่อมั้ย ถึงแม้ตำรวจจะเห็นด้วยว่าผีบีบคอตายแล้วไงจะเอาผิดแม่ผู้จ้างวานไอ้ลูกผีได้มั้ย เพราะฉนั้นอย่าบังคับให้ใครเชื่อ แม้แต่เรื่องที่เห็น ๆ ยังไม่มีใครเชื่อ ยังพิสูจน์ไม่ได้ นับประสาอะไรกับเรื่องที่เกิดขึ้นสมัยที่พระเจ้าเริ่มสร้างโลก ยังไม่เกิดด้วยซ้ำ เค้าเงียบไปพักนึง แล้วผมเลยพูดทีเด็ดต่อว่า แม้แต่ยมบาลที่แม่พี่เห็นนั้นที่พี่เล่าให้ฟัง เป็นเรื่องราวในพระพุทธศาสนานั้น ก็ยังไมีการยืนยันว่ามีจริง ทั้ง ๆ ที่แม่พี่เคยเห็น พอผมพูดประโยคนี้จบเค้าจึงเงียบ คงแทงใจดำเค้ามาก
    เพราะแม่เค้านับถือคริสต์ ซึ่งยังไม่เคยเจออะไรเกี่ยวกับเรื่องคริสต์เลย แต่ดันมาเจอยมบาลซึ่งเป็นเรื่องที่ชาวพุทธรู้กันดีว่ามีอยู่จริง ผมไม่รู้ว่าวันนั้นที่เค้าเงียบไป เค้าจะคิดอะไรได้หรือเปล่าก็ไม่รู้ แต่ที่แน่ ๆ ผมสบายใจขึ้นที่ได้พูด
    ผมก็เคยได้ยินมาบ้างเช่นกันเกี่ยวกับมนุษย์คู่แรก เคยได้ยินมาว่า หลังจากที่กินผลไม้นั้นแล้ว พระเจ้าทรงโกรธมาก เลยสาบแช่งให้มนุษย์มีบาปติดตัวทุกคนตั้งแต่นั้นเป็นต้นมา ข้อแคลงใจมีอยู่ว่า
    1. พระเจ้าคริสต์ทำไมต้องลงโทษเทพองค์นั้นเพียงเพราะว่าไม่ได้แสดงความเคารพในที่ที่ควร
    2. พระเจ้าทรงสร้างมนุษย์คู่แรกมา ทั้งร่างกายและจิตใจ ทำไมควบคุมไม่ได้ที่ไม่ให้กินผลไม้
    3. แล้วทำไมพระเจ้าต้องสร้างผลไม้ขึ้นมา แล้วทำไมต้องไม่ให้กิน แล้วทำไมต้องรอเวลา ในเมื่อพระเจ้าสร้างมนุษย์มากับมือน่า จะรู้นิสัยมนุษย์ดี
    4.พระเจ้าทำไมจึงคิดอาฆาตแค้นสาบแช่งให้มนุษย์ต้องมีบาปติดตัวไปตลอด
    5. ถ้าพระคัมภีร์หรือเรื่องที่เล่ามาทั้งหมดเป็นจริง ท่านจะยอมรับไหมว่า พระเจ้าท่านมีกิเลสอยู่มาก รัก โลภ โกรธ หลง มีอยู่เต็ม เปี่ยม ไม่ต่างจากมนุษย์ทั่วไป นอกจากอิทธิฤทธิ์และความสามารถและความเมตตาความห่วงใย
    6. ท่านจะยอมรับไหมว่า มีความเป็นไปได้ที่คำสอนของศาสนาคริสต์ถูกบิดเบียนไปจากความเป็นจริง ท่านจะยอมรับไหมว่ามี ความเป็นไปได้ ที่แท้จริงแล้วภาพลักษณ์ของพระเจ้าของท่านอาจไม่ได้เลวร้ายอย่างนั้น
    7. ลองถามตัวเองให้ลึกซึ้งว่า ท่านนับถือศาสนานั้น ๆ เพราเหตุใด
    8. ทำไมต้องเชื่อหรือไม่เชื่อ
     
  13. ไก่น้อยหัวใจเวอร์จิ้น

    ไก่น้อยหัวใจเวอร์จิ้น Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    2 กรกฎาคม 2005
    โพสต์:
    84
    ค่าพลัง:
    +86
    ผมเห็นด้วย
     
  14. ไก่น้อยหัวใจเวอร์จิ้น

    ไก่น้อยหัวใจเวอร์จิ้น Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    2 กรกฎาคม 2005
    โพสต์:
    84
    ค่าพลัง:
    +86
    อาจจะมีพระเจ้าจริง ๆ หลายศาสนา หรือทุกศาสนาก็ได้ แต่คำสอนอาจจะไม่จริงไปทุกเรื่องก็ได้เช่นกัน
     
  15. ไก่น้อยหัวใจเวอร์จิ้น

    ไก่น้อยหัวใจเวอร์จิ้น Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    2 กรกฎาคม 2005
    โพสต์:
    84
    ค่าพลัง:
    +86
    ฉนั้นเป็นไปได้ 100 เปอร์เซ็นไม่มีขาด ที่จะต้องมีศาสนาใดศาสนาหนึ่ง หรือหลายศาสนา แต่ไม่ใช่ทุกศาสนา ที่โมเมว่าตนสร้างโลก
    เพราะคำว่าพระเจ้าเพียงผู้เดียวที่สร้างโลก แต่ที่ถกเถียงกัน พระเจ้าที่สร้างโลกไม่ได้มีผู้เดียว อย่างน้อยถ้าจะปลอบใจให้เข้าใจว่าพระเจ้าสร้างโลกจริง ก็ควรจะบอกว่า พระเจ้าหลายพระองค์ร่วมกันสร้างโลก จึงจะไม่ขัดแย้งกัน แต่ถึงอย่างนั้นก็ขัดแย้งอยู่ที่ หากศาสนานั้นยังคิดว่าพระเจ้าของตนเพียงผู้เดียวเท่านั้นที่สร้างโลก และถึงยังไงการถกเถียงก็จะไม่มีวันยุติว่าใครสร้าง เพราะพิสูจน์ไม่ได้ ถึงจะพิสูจน์ได้ ก็จะถกเถียงกันต่อว่า พิสูจน์จอมปลอมเชื่อไม่ได้ ถึงแม้กระทั่ง ให้ พระเจ้าของศาสนานั้น ๆ มาปรากฏตัวต่อหน้าสาธารณชนแล้วบอกว่า ข้าเองแหล่ะสร้าง อาจมีคนเชื่อแต่ก็อาจยังถกเถียงกันได้ต่าง ๆ นา นา เช่น พระเจ้าของเจ้าโกหก หรือ พวกเจ้าแสดงมายากลชั้นสูง แล้วเจ้าเชื่อได้อย่างไรว่าเป็นพระเจ้าของเจ้า ถ้าแสดงปาฏิหารย์ได้ด้วย ก็บอกว่าเป็นแค่มายากล เดวิด คอปเปอร์ฟิว ยังทำให้ตึกทั้งหลัง รถไฟทั้งขบวนหายไปได้ ไม่มีวันจบหรอก พวกมนุษย์ ก็เหมือนผมนี่แหล่ะ ที่ยังหัวดื้อถกเถียงกัดคนนั้น แหย่ะคนนั้น ไป ๆ มา ๆ แต่ก็โล่งอกดีกั๊บ
     
  16. ไก่น้อยหัวใจเวอร์จิ้น

    ไก่น้อยหัวใจเวอร์จิ้น Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    2 กรกฎาคม 2005
    โพสต์:
    84
    ค่าพลัง:
    +86
    ตอบความคิดเห็นที่สิบครั้งที่ 2 เห็นด้วยครับ ชอบคำตอบและความคิดเห็นคุณมาก ขอเสริมนิดนึงนะครับการที่คนแปลความหมายหลักคำสอนผิด ๆ นั้น นอกจากเกิดจากความเข้าใจผิดแล้วนั้นในการถ่ายทอดใจความและความหมายที่แท้จริงแล้ว ยังเกิดจากคัมภีร์ที่สอนมาผิด ๆ ซึ่งอาจเกิดจากคนเข้าใจผิดเขียนตกแต่งขึ้นมาเสริมบ้าง หรือคนที่ไม่เข้าใจอะไรเลยร่วมกันเขียนขึ้นมา และสุดท้ายก็อาจเป็นไปได้เช่นกันที่คำสอนนั้น ๆ เป็นของจริงแต่ดั้งเดิมที่พระศาสดาเขียนขึ้นมาทุกตัวอักษรซึ่งไม่จำเป็นต้องเชื่อว่าถูกต้อง หรือเหมาะสม สมบูรณ์แบบ ไม่มีที่ติ 100 เปอร์เซ็นต์
    ยกตัวอย่างศาสนาคริสต์นะครับ การที่ผมเข้าใจว่าพระเจ้าทรงยกบาปให้กับผู้ที่เชื่อในท่าน เคารพท่าน และล้างบาปให้นั้น เป็นการเข้าใจถูกหรือผิดไม่ทราบ แต่ที่แน่ ๆ ที่ผมเข้าใจแบบนี้เพราะว่า คนที่นับถือคริสต์สอนผมแบบนี้ ผมเข้าใจแบบนี้ เขาสอนผมว่า หลักการมันเป็นแบบนี้ ทั้งที่จริงแล้วผู้ที่เข้าใจอย่างลึกซึ้งคงอยากบอกว่า ผมเข้าใจผิด แต่จะโทษผมก็ไม่ได้ เพราะสาวกของท่านสอนผมอย่างนี้ แต่กระนั้นคำสอนและความเชื่อแบบนี้ ก็ยังมีคนเชื่อและยึดถือไม่น้อย ซึ่งยังคงทำบาปอยู่เรื่อย มีตัวอย่างที่ประสบมาจะเล่าให้ฟัง
    เรื่องที่ 1...คืนหนึ่งผมไปซื้อลูกชิ้น ตอนประมาณ 6 ทุ่ม มีวัยรุ่นชายสองคนมาซื้อลูกชิ้น สักพักมองไปที่หมาแล้วพูดกับเพื่อนว่า (จำข้อความสนทนาได้ไม่หมดหรอก แต่ใจความชัวร์ ๆ) เฮ้ย! กินเนื้อหมามั้ย คนนึงตอบว่า บ้าเหรอ....! เดี๋ยวเจ้าของเค้าว่าเอา อีกคนเลยถามแม่ค้าขายลูกชิ้นว่า ป้า ๆ หมาใครป้า ป้าก็ตอบว่า ไม่มีเจ้าของหรอกหมาจรจัดแถวนี้ ถ้าผมฆ่ามันจะมีคนว่ามั้ย ป้าบอก ไม่นะ ไม่เห็นมีเจ้าของ เค้าไม่ว่าหรอก ในขณะนั้นผมได้ยินผมเกลียดป้ามาก คล้าย ๆ กับว่า ลูกค้ามาซื้อลูกชิ้นด้วย พูด เออออ เอาใจลูกค้าไปหมด ไม่คิดจะพูดขัดขวางเลยเห็นแก่ได้มาก จากนั้น เพื่อนคนนึงพูดต่อว่า เฮ้ย เอามั้ย ๆ เดี๋ยวจัดการเอง เพื่อนคนนึงตอบ จะดีเร้อ บาปนะมึง พูดแบบทีเล่นทีจริง และเพื่อนอีกคนก็ตอบแบบทีเล่นทีจริงเช่นกันว่า ไม่เป็นไรหรอกกลัวอะไรไม่บาปหรอก ฆ่าแล้วพรุ่งนี้ก็เข้าโบสถ์ไปสารภาพบาปก็สิ้นเรื่อง..........จบแล้ว นี่แหล่ะจะมาบอกว่าวัยรุ่นชายพวกนี้เข้าใจศาสนาคริสต์ผิดไม่ได้ ต้องบอกว่าเข้าใจศาสนาคริสต์ถูกต้องตามผู้ที่สอนมา ถ้าจะผิดก็คงผิดที่สาวก หรือคำสอนที่สอนมาผิดๆ ให้กับกลุ่มคนที่ไร้สมอง ไม่คิดไม่วิเคราะห์เอง
     
  17. ไก่น้อยหัวใจเวอร์จิ้น

    ไก่น้อยหัวใจเวอร์จิ้น Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    2 กรกฎาคม 2005
    โพสต์:
    84
    ค่าพลัง:
    +86
    ตอบความคิดเห็นที่สิบครั้งที่ 3
    เรื่องที่ 2 ต่อจากเรื่องกินเนื้อหมา ผัวเมียคู่หนึ่งผมรู้จักและก็สนิทกันมาก ฝ่ายเมียรุ่นน้องผมไม่เดือน ฝ่ายสามีแก่กว่าผมประมาณ 2-3 ขวบ พากันตื่นตอนประมาณ เที่ยงวัน ทำภารกิจส่วนตัว แล้วเตรียมของขายเริ่มขายของ ห้าโมงเย็น เก็บร้าน กลับถึงบ้านก็ตีหนึ่งถึงตีสอง กว่าจะนอนตีสองครึ่งถึงตีสาม เพราะดูทีวีต่อ และจะต้องตื่นแบบนี้ทุก ๆ วัน แต่พอถึงวันอาทิตย์ก็จะหยุดขายของ เพื่อพากันไปโบสถ์ ผัวเมีย น้องผัว และลูกชาย ถึงแม้ว่าบางวันจะนอนประมาณ 6 โมงเช้า เพราะเช่าหนังมาดูแล้วติดลม แต่พอถึง 8 โมงเช้าก็จะต้องฝืนตื่นเพื่อไปโบสถ์ ที่กล่าวมายาวๆ เพื่อจะให้ทราบว่าเคร่งศาสนาเพียงใด เหนื่อยแค่ไหนก็ต้องไปโบสถ์ แต่สิ่งที่ได้รับจากการปฏิบัติตามคำสอนคือ
    วันหนึ่งสามีกับลูกกับน้องชายทำหนังยางไปยิงจิ้งจกเล่น ผมก็ห้ามว่าไปทำมันทำไม สงสารมัน มันไม่ได้ทำอะไรซักหน่อย ไม่กลัวบาปเหรอ ลูกชายตอบว่า ศาสนาคริสต์ฆ่าสัตว์ไม่บาปหรอก พอดีฝ่ายพ่อพูดขึ้นพร้อมลูกว่า พระเจ้าบอกว่า สัตว์ในโลกถูกสร้างขึ้นมาเพื่อเป็นอาหารฆ่าได้ไม่บาปหรอก ภรรยาก็เสริมทำนองเดียวกัน แต่หลัง ๆ มาผมสอนลูกชายเข้าบ้างบางเรื่อง เค้าก็ฟัง แต่ผมไม่ได้อ้างอิงถึงศาสนาเค้าเลย สอนแค่ความเหมาะสม และมีวันนึง สามีไปไล่ตีแมว ลูกแมว เอาไม้ฟาดปากเลย และพยายามจะจองล้านจองผลาญ เพียงแค่มันมาเดินเกะกะ และเมื่อสองวันนี้เอง น้องชายเค้า ไปซื้อหนังกะติ๊ก ผมถามว่าเอาไว้ทำอะไร บอกว่าเอาไปยิงแมว และเมื่อวานนี้เอง ก็ได้รับความรู้ใหม่สด ๆ ร้อน ๆ ไม่ทราบว่า ใครเคยได้ยินมาบ้าง พูดไปพูดมาก็ลามไปถึงเรื่องกระเทย ภรรยาเค้าบอกว่า พระเจ้าบอกว่าพวกกระเทย พวกทอม ฆ่าได้ พระเจ้าให้ฆ่าไม่ได้บาป ผมอึ้งแล้วสวนกลับนิดนึง แต่เค้าก็บอกว่าจริง ๆ ไม่บาปจริง ๆ .........จบแล้ว ที่บอกมานี้เป็นคำพูดของบุคคลที่เข้าโบสถ์ฟังธรรมของศาสนาคริสต์เป็นประจำ เค้าอาจไม่ได้เข้าใจผิด แต่คำสอนและสาวกอีกนั่นแหล่ะที่ผิด
     
  18. ไก่น้อยหัวใจเวอร์จิ้น

    ไก่น้อยหัวใจเวอร์จิ้น Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    2 กรกฎาคม 2005
    โพสต์:
    84
    ค่าพลัง:
    +86
    เห็นด้วยครับกับข้อความข้างบน เป็นเรื่องที่เข้าใจง่าย ๆ
     
  19. ไก่น้อยหัวใจเวอร์จิ้น

    ไก่น้อยหัวใจเวอร์จิ้น Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    2 กรกฎาคม 2005
    โพสต์:
    84
    ค่าพลัง:
    +86
    .คุณคงจะให้ความหมายของคำว่าป้ายผิดไปแล้วนะครับ คำว่าป้ายในที่นี้หมายถึง การกระทำ การสร้างขึ้นมาโดยไม่มีเหตุผลไม่มีความเป็นจริง สร้างมาโดยบิดเบือนความจริง ผมไม่ได้เอาคำสอนของคุณมาป้าย ผมแค่บอกมาตามความเป็นจริง ซึ่งคุณหรือใคร ๆ ก็รู้และยอมรับกันทั้งนั้นว่าเป็นจริง คุณบอกว่าผมมาพูดให้คนเข้าใจผิด คุณต่างหากที่เข้าใจผิด ผมมาพูดให้เค้าเข้าใจถูกต่างหาก ที่บอกว่าศาสนาพุทธให้เรารักษาศีล 5 พวกเรายังทำกันไม่ค่อยได้เลย อันนี้มันไม่เกี่ยวกันนะครับ อันนี้มันเกิดจากตัวบุคคล ต่อให้คน 60 ล้านคน ทำผิดศีลทุก ๆ วัน ผมก็จะเชื่อในศาสนาของผม ศรัทธาในศาสนาของผม แม้แต่ผมเองรักศาสนาของผมจะตาย ผมยังรักษาศีล 5 ไม่ได้เลย ก็แน่หล่ะ ผมทำดีไม่ได้ แต่มันก็แปลกผมกลับอยากให้คนอื่นทำดี มันคนละเรื่องเลยนะคุณว่ามั้ย แต่ผมก็เห็นด้วยนะครับที่คุณว่าคนโง่เป็นเหยื่อของคนฉลาด ซึ่งนี่ก็เป็นสาเหตุหลักของสังคมปัจจุบัน" แต่ผมไม่ได้เป็นคนฉลาดและผมไม่ต้องการให้ใครเป็นเหยื่อ ผมคิดว่า ทุกคนที่กล้ามาแสดงความคิดเห็นในนี้ มีความคิดทั้งนั้น จะเห็นด้วยหรือขัดแย้งค่อยว่ากัน อย่างคุณก็เป็นคนมีความคิดดีคนนึงนะ แต่อาจจะเคืองผมอยู่บ้างก็แค่นั้น
     
  20. ไก่น้อยหัวใจเวอร์จิ้น

    ไก่น้อยหัวใจเวอร์จิ้น Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    2 กรกฎาคม 2005
    โพสต์:
    84
    ค่าพลัง:
    +86
    ผมเพิ่งได้ความรู้ใหม่จากคุณ แต่พิสูจน์ไม่ได้หรอกว่าจริงหรือไม่ หลายอย่างที่คุณกล่าวมาตรงกับความรู้สึกผมมากเลย เช่น คุณบอกว่า คำสอนเกี่ยวกับการชำระบาป ถูกเบียดเบียนจากสาวกของท่านในภายหลัง หรือจุดหมายของศาสนาไม่แตกต่างกันเลย จะแตกต่างกันก็เพียงวิธีปฏิบัติ ผมอยากอ่านหนังสือเล่มที่คุณพูดจังเลย จะทำยังไงดีครับ
     

แชร์หน้านี้

Loading...