พุทธบารมีฯ เหตุ๑ กรณีหลวงพ่อฯลาพุทธภูมิ และกิจหลังจากนั้นฯ

ในห้อง 'พุทธภูมิ - พระโพธิสัตว์' ตั้งกระทู้โดย sravnane, 16 กุมภาพันธ์ 2006.

  1. sravnane

    sravnane เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    17 กรกฎาคม 2005
    โพสต์:
    695
    ค่าพลัง:
    +17,914
    ขอร่วมโมทนาบุญทุกอย่าง ถวายเป็นพุทธบูชาฯ

     
  2. sravnane

    sravnane เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    17 กรกฎาคม 2005
    โพสต์:
    695
    ค่าพลัง:
    +17,914
    ขอร่วมโมทนาบุญทุกอย่าง ถวายพุทธบูชาฯ

    [​IMG]

    ใช่แล้วครับที่เราเห็นไม่ใช่ครับ พระบาทท่านอยู่นอกกรงหรือที่ครอบครับ ท่านเป็นอิสระไร้เครื่องร้อยรัดคือกิเลสตัณหาอุปทานโดยสิ้นเชิงแล้ว แต่เราและหมู่สัตว์ทั้งหลายยังอยู่ในกรง เพราะถูกกิเลสตัณหาอุปทานเป็นเครื่องร้อยรัดผูกไว้ครับ
    วัดภูวังทองศิลาอาสน์ เป็นสถานที่สำคัญครับ เป็นสถานที่ประทับนั่งของพระสี่พระองค์ มีการพบรอยพระพุทธบาทหลายแบบ และจำนวนหลายสิบรอย พร้อมทั้งบ่อน้ำทิพย์ ฯลฯ
    ปล.ใครมีรูปรอยพระบาท,พระแท่น ฯลฯ ก็นำมาลงให้ทุกๆท่านโมทนาได้นะครับ จักได้เป็นบุญกุศลสืบเนื่องกันไปครับ
    (verygood) (verygood) (verygood) (verygood) ​
     
  3. sravnane

    sravnane เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    17 กรกฎาคม 2005
    โพสต์:
    695
    ค่าพลัง:
    +17,914
    ขอร่วมโมทนาบุญทุกอย่าง เป็นพุทธบูชาฯ

     
  4. leklek

    leklek เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 กุมภาพันธ์ 2006
    โพสต์:
    37
    ค่าพลัง:
    +1,014
    ชีวประวัติพุทธสาวิกา : พระนางมหาปชาบดีโคตมีเถรี 1

    [​IMG][​IMG][​IMG]
    ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย พระนางมหาปชาบดีโคตมีเลิศกว่าภิกษุณีทั้งหลาย ผู้เป็นสาวิกาของตถาคต ในฝ่าย "ผู้รู้ราตรีนาน"


    [​IMG][​IMG][​IMG]ประวัติโดยย่อของพระนางมหาปชาบดีโคตมี ในสมัยสมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าสมณโคดม มีดังนี้

    พระนางมหาปชาบดีโคตมีทรงเป็นพระราชธิดาของพระเจ้าอัญชนะกับพระนางยโสธราและทรงเป็นพระกนิษบภคินีของพระนางมหามายา

    พวกพราหม์ผู้ทำนายลักษณะ ได้กราบบังคมทูลถวายคำทำนายพระนางมหามายาและพระนางโคตมีว่า "พระราชกุมารผู้เสด็จมาประทับในพระครรภ์ของพระนางทั้งสองพระองค์ จะได้ทรงเป็นพระเจ้าจักรพรรดิ"

    ในเวลาที่พระนางทั้งสองทรงพระเจริญวัยแล้ว พระเจ้าสุทโธทนมหาราชได้ทรงทำการสู่ขอพระนางทั้งสองพระองค์ให้เสด็จมาประทับอยู่ ณ เมืองกบิลพัสดุ์

    เมื่อพระมหาบุรุษประสูติจากพระครรภ์ได้ ๗ วัน พระนางมหามายาก็เสด็จสวรรคต แล้วทรงไปบังเกิดในสวรรค์ชั้นดุสิต

    พระเจ้าสุทโธทนมหาราช ทรงสถาปนาพระนางมหาปชาบดีโคตมีเป็นพระอัครมเหสี และทรงมอบพระสิทธัตถราชโอรสให้พระนางทรงเลี้ยงดูต่อมา

    ภายหลังพระนางประสูติพระนันทกุมาร พระนางได้ทรงมอบพระนันทกุมารให้แก่พระพี่เลี้ยงนางนมรับเป็นธุระเลี้ยงดู ส่วนพระนางทรงบำรุงเลี้ยงพระสิทธัตถราชกุมารด้วยพระองค์เอง (พระนางมีพระราชธิดาอีกพระองค์คือ พระรูปนันทากุมารี)

    กาลต่อมาพระสิทธัตถราชกุมารได้เสด็จออกมหาภิเนษกรมณ์ แล้วได้ตรัสรู้พระสัพพัญญู ทรงกระทำการอนุเคราะห์ชาวโลก ได้เสด็จถึงพระนครกบิลพัสดุ์ และทรงกระทำญาตัตถจริยา คือทรงประพฤติสงเคราะห์พระประยูรญาติ

    ครั้งนั้นพระเจ้าสุทโธทนมหาราชได้ทรงสดับธรรมกถาในระหว่างที่ประทับอยู่ระหว่างหนทาง ก็ได้สำเร็จเป็นพระโสดาบัน [​IMG][​IMG][​IMG] (สาธุ สาธุ)

    ในวันที่สอง พระผู้มีพระภาคเจ้าทรงให้พระนันทกุมารทรงผนวชและวันที่ ๗ ทรงอนุญาตให้พระราหุลกุมารทรงบรรพชาเป็นสามเณร (ถือเป็นสามเณรองค์แรก)

    อีกสมัยหนึ่ง พระผู้มีพระภาคเจ้าเสด็จกลับมาที่พระนครกบิลพัสดุ์ เป็นวาระที่สอง และเสด็จเข้าประทับในพระวิหารนิโครธาราม

    ในกาลนั้นพระนางมหาปชาบดีโคตมี มีพระราชดำริว่า
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 17 พฤศจิกายน 2006
  5. WORLD

    WORLD เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    20 เมษายน 2006
    โพสต์:
    58
    ค่าพลัง:
    +1,545
    ขอร่วมโมทนาบุญทุกอย่าง ถวายเป็นพุทธบูชาฯ

    (f) ขอร่วมโมทนาบุญทุกอย่าง ถวายเป็นพุทธบูชาฯ บุญเยอะกันจริงๆนะค่ะ ขอพระคุ้มครองทุกๆท่านค่ะ สาธุ สาธุ สาธุ:cool:
     
  6. WORLD

    WORLD เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    20 เมษายน 2006
    โพสต์:
    58
    ค่าพลัง:
    +1,545
    ขอร่วมดมทนาบุญทุกอย่าง ถวายเป็นพุทธบูชาฯ

    [​IMG]
    (f) ขอร่วมโมทนาบุญทุกอย่าง ถวายเป็นพุทธบูชาฯ โมทนาบุญแล้วขอไปด้วยนะค่ะ อยากไปมากค่ะ สาธุ สาธุ สาธุ:cool:
     
  7. ao.angsila

    ao.angsila เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    17 กุมภาพันธ์ 2006
    โพสต์:
    2,332
    ค่าพลัง:
    +26,683
    ถวายปัจจัย และแผ่นทองจารึกคุณพระรัตนตรัย ร่วมสร้างพระ(อู่ทอง)หน้าตักประมาณ 39 นิ้ว และพระอรหันต์ 8 ทิศ ปางยืน
    ทอดผ้าป่าสร้างพระประธานหน้าตัก ประมาณ 10 เมตร พระอุโบสถ 2 ชั้น ณ วัดท้ายดอน จ.ชลบุรี
    น้อมถวายบุญทั้งหมดนี้เป็นพุทธบูชา ธรรมบูชา สังฆบูชาและเพื่อนิพพานในชาติปัจจุบันนี้​
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    • 000.jpg
      000.jpg
      ขนาดไฟล์:
      49.9 KB
      เปิดดู:
      64
    • 00.jpg
      00.jpg
      ขนาดไฟล์:
      46.3 KB
      เปิดดู:
      70
    • 0.jpg
      0.jpg
      ขนาดไฟล์:
      48.6 KB
      เปิดดู:
      54
  8. ao.angsila

    ao.angsila เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    17 กุมภาพันธ์ 2006
    โพสต์:
    2,332
    ค่าพลัง:
    +26,683
    5-10 พ.ย. 49 ทำบุญถวายเป็นพุทธบูชาฯ ตอน 8 วันที่ 6

    ก่อนหน้าที่เดินทางมาวัดนี้เราได้เจอพระอีก 2 รูป กำลังเดินทางไปแม่เหียะเพื่อทำกิจสงฆ์ เราได้อาสาพาท่านไปส่ง และได้แวะทำบุญวัดนี้ก่อน

    8. วัดพระธาตุจอมแจ้ง
    ถวายปัจจัยทำบุญทุกอย่างกับพระฯ ร่วมสร้างพระปางประทานพรนั่งหน้าตักประมาณ 8 ศอก พร้อมบรรจุลูก3ลูกไว้ในพระอุระ,พระประจำวัน,ซ่อมพระบรมธาตุ,พระนอน ร่วมทำบุญทุกอย่างกับวัดพระธาตุจอมแจ้ง พร้อมทั้งโมทนาบุญพระโพธิสัตว์องค์หนึ่งที่ได้สร้างพระองค์ปฐมดินเผาถวายเป็นพุทธบูชา เพื่อพระโพธิญานในอนาคต(เราก็ได้ถวายลูกแก้วนี้ใส่ในมือพระเหมือนกัน) โมทนาบุญด้วยครับ ท่านคงจะปั้นและได้เผาเองกำลังใจสูงมาก..

    จากนั้นเราได้ถวายปัจจัยเพื่อตัดแว่นให้พระท่านที่เราได้อาสาพามา เราคิดว่าพระท่านต้องใส่แว่นที่เราทำมาเพื่ออ่านพระธรรม คิดแล้วรู้สึกมีปิติเป็นอย่างมากบุญที่เราทำในครั้งนี้ใหญ่หลวงมาก จากนั้นเราจะไปอีกวัดหนึ่งแต่ท่านต้องลงระหว่างทางเราเลยไม่ได้ไปส่งถึงที่ เราจึงได้ถวายปัจจัยเพื่อเป็นค่าเดินทางและร่วมทำบุญทุกอย่างกับท่าน(ได้ข่าวว่าท่านจะธุดงค์ไปเชียงแสนด้วย)
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    • IMG_2995.jpg
      IMG_2995.jpg
      ขนาดไฟล์:
      68.8 KB
      เปิดดู:
      42
    • IMG_2997.jpg
      IMG_2997.jpg
      ขนาดไฟล์:
      56.4 KB
      เปิดดู:
      43
    • IMG_3000.jpg
      IMG_3000.jpg
      ขนาดไฟล์:
      46.6 KB
      เปิดดู:
      67
    • IMG_3001.jpg
      IMG_3001.jpg
      ขนาดไฟล์:
      114.1 KB
      เปิดดู:
      45
    • IMG_3003.jpg
      IMG_3003.jpg
      ขนาดไฟล์:
      73.6 KB
      เปิดดู:
      107
    • IMG_3006.jpg
      IMG_3006.jpg
      ขนาดไฟล์:
      66 KB
      เปิดดู:
      66
    • IMG_3007.jpg
      IMG_3007.jpg
      ขนาดไฟล์:
      60.5 KB
      เปิดดู:
      48
  9. sravnane

    sravnane เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    17 กรกฎาคม 2005
    โพสต์:
    695
    ค่าพลัง:
    +17,914
    ขอร่วมโมทนาบุญทุกอย่าง ถวายเป็นพุทธบูชาฯ

     
  10. sravnane

    sravnane เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    17 กรกฎาคม 2005
    โพสต์:
    695
    ค่าพลัง:
    +17,914
    ขอร่วมโมทนาบุญทุกอย่าง ถวายเป็นพุทธบูชาฯ

    [​IMG]
    ขอเชิญทุกท่านไปช่วยกันต่อยอด การสร้างพระเจดีย์ปฐมสิกขีทศพลที่ ๑ ด้วยการร่วมกันสร้างฉัตร,ซุ้มพระอรหันต์ ๘ ทิศ รอบองค์พระเจดีย์ฯ วัดเขาแร่ ให้แล้วเสร็จด้วยครับ ช่วยกันอีกหน่อยครับ ใกล้สำเร็จลุล่วงแล้วครับ เพื่อถวายเป็นพุทธบูชาฯ และเพื่อความเจริญรุ่งเรืองตั้งมันแห่งพระศาสนาตลอดกาลนานเทอญฯ
    (verygood) (verygood) (verygood) (verygood)
     
  11. อานนท

    อานนท เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    13 พฤศจิกายน 2006
    โพสต์:
    72
    ค่าพลัง:
    +1,748
    ขอร่วมโมทนาบุญทุกอย่าง

    [​IMG]
    (i) ขอร่วมโมทนาบุญทุกอย่าง บุญพระยิ่งใหญ่ประมาณไม่ได้ เป็นสิ่งอัศจรรย์ให้เราได้พบได้เห็นอยู่เสมอๆ สาธุ สาธุ สาธุ
    :cool: (verygood) :cool:
     
  12. อานนท

    อานนท เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    13 พฤศจิกายน 2006
    โพสต์:
    72
    ค่าพลัง:
    +1,748
    ขอร่วมโมทนาบุญทุกอย่าง

    (i) ขอโมทนาบุญทุกอย่าง ดีมากครับ บุญเยอะดีจริงๆเลยครับ สาธุ สาธุ สาธุ
    :cool: (verygood) :cool:
     
  13. sravnane

    sravnane เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    17 กรกฎาคม 2005
    โพสต์:
    695
    ค่าพลัง:
    +17,914
    การเปลี่ยนชื่อกระทู้

    [​IMG]
    การเปลี่ยนชื่อกรทู้ฯ เป็น "พุทธบารมีฯ เหตุ๑ แห่งการลาพุทธภูมิ ของหลวงพ่อฯ และกิจหลังจากนั้นฯ
    จากที่ได้เปิดกระทู้มาหลายเดือน โดยค่อยๆบอกเล่าเรื่องราวการทำบุญและวิธีปฏิบัติอีกแบบหนึ่ง เพื่อเป็นการแลกเปลี่ยนความรู้และร่วมโมทนาบุญต่างๆ เพลานี้เห็นว่าพอมีบางท่านสามารถที่จะรับรู้และเข้าใจเรื่องราวในการทำบุญหรือปฏิบัติมากขึ้น จึงจะได้นำทุกท่านเข้าสู่เนื้อเรื่องของกระทู้จริงๆสักที
    การทำบุญในกระทู้นี้ยังมีอีกมากแต่ไม่สามารถลงได้หมด ที่นำมาลงก็เป็นเพียงบางส่วนและไม่ยากเกินความเข้าใจ น่าจะพอโมทนากันได้ ไม่แปลกหรือพิศดารจนเกินไป หากท่านประสงค์จะส่งปัจจัยหรือข้าวของมาทำบุญฯ ให้ส่งไปที่เวบพลังจิต เพื่อช่วยในการปรับปรุงเวบหรือใช้จ่ายในด้านต่างๆของเวบเลยนะครับ ให้ถือว่ามีส่วนร่วมในการทำบุญทุกครั้งไปนะครับ สะดวกดี ขอร่วมโมทนาบุญทุกอย่างกับทุกๆท่านเป็นอย่างสูง ขอบารมีพระคุ้มครองทุกคนนะครับ
    (bb-flower (bb-flower (bb-flower (bb-flower ​
     
  14. ao.angsila

    ao.angsila เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    17 กุมภาพันธ์ 2006
    โพสต์:
    2,332
    ค่าพลัง:
    +26,683
    5-10 พ.ย. 49 ทำบุญถวายเป็นพุทธบูชาฯ ตอน 9 วันที่ 6

    9. วัดบ้านเด่นสหลีศรีเมืองแกน
    ถวายปัจจัยทำบุญทุกอย่างกับพระฯ ร่วมสร้างพระ ,พระบรมธาตุ 13 องค์ ,หอไตรฯ,หอระฆังและร่วมทำบุญทุกอย่างกับวัดบ้านเด่นฯ น้อมถวายเป็นพุทธบูชาฯ
    รูปที่1.พระวิหารในปี48
    2.รูปหอไตรในปัจจุบันนี้ กำลังสร้างบันไดนาคครับ
    3.วิหารที่อยู่ข้างพระบรมธาตุกำลังสร้างอยู่
    4.วิหาร,โบสถ์,พระบรมธาตุ
    5.กำลังก่อสร้างอะไรบางอย่าง(ไม่ทราบแน่)
    6.พระนอนในวิหารหลังหนึ่ง
    7.พระนอนในมุมใกล้ ผมได้ถวายลูกแก้วพร้อมปัจจัยในมือท่านด้วยครับ
    8.ปัจจุบันพระบรมธาตุเกือบเสร็จแล้ว
    9.พระบรมธาตุที่ผมไปปี48ครับ
    10.วิหาร,หอไตรในปัจจุบัน
    11.หน้าวิหาร
    12.พระภายในวิหาร
    13.รอยพระหัตถ์,พระบาทของครูบาเทืองในพระวิหาร
    14.ภาพต้นกฐิน(ไม่ทราบว่าปีไหนแต่อยู่ในวิหาร)แต่ต้นกฐินใหญ่และสวยงามมากขอโมทนาบุญทั้งหมดครับ
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    • IMG_1754.jpg
      IMG_1754.jpg
      ขนาดไฟล์:
      83.5 KB
      เปิดดู:
      54
    • IMG_3012.jpg
      IMG_3012.jpg
      ขนาดไฟล์:
      59.2 KB
      เปิดดู:
      57
    • IMG_3013.jpg
      IMG_3013.jpg
      ขนาดไฟล์:
      68.4 KB
      เปิดดู:
      52
    • IMG_3015.jpg
      IMG_3015.jpg
      ขนาดไฟล์:
      40.1 KB
      เปิดดู:
      60
    • IMG_3011.jpg
      IMG_3011.jpg
      ขนาดไฟล์:
      56.9 KB
      เปิดดู:
      55
    • IMG_3016.jpg
      IMG_3016.jpg
      ขนาดไฟล์:
      54.6 KB
      เปิดดู:
      55
    • IMG_3017.jpg
      IMG_3017.jpg
      ขนาดไฟล์:
      46.5 KB
      เปิดดู:
      59
    • IMG_3008.jpg
      IMG_3008.jpg
      ขนาดไฟล์:
      38.8 KB
      เปิดดู:
      86
    • IMG_1755.jpg
      IMG_1755.jpg
      ขนาดไฟล์:
      70.8 KB
      เปิดดู:
      54
    • IMG_3010.jpg
      IMG_3010.jpg
      ขนาดไฟล์:
      51.1 KB
      เปิดดู:
      44
    • IMG_1752.jpg
      IMG_1752.jpg
      ขนาดไฟล์:
      80 KB
      เปิดดู:
      53
    • IMG_1750.jpg
      IMG_1750.jpg
      ขนาดไฟล์:
      86.8 KB
      เปิดดู:
      44
    • IMG_1749.jpg
      IMG_1749.jpg
      ขนาดไฟล์:
      76 KB
      เปิดดู:
      67
    • IMG_1751.jpg
      IMG_1751.jpg
      ขนาดไฟล์:
      93.2 KB
      เปิดดู:
      177
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 20 พฤศจิกายน 2006
  15. jaggrit

    jaggrit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 กุมภาพันธ์ 2006
    โพสต์:
    106
    ค่าพลัง:
    +3,793
    ขอร่วมโมทนาบุญทุกอย่าง ถวายเป็นพุทธบูชาฯ

     
  16. อานนท

    อานนท เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    13 พฤศจิกายน 2006
    โพสต์:
    72
    ค่าพลัง:
    +1,748
    ขอร่วมโทนาบุญทุกอย่าง ถวายเป็นพุทธบูชาฯ

    (i) ขอร่วมโมทนาบุญทุกอย่าง ถวายเป็นพุทธบูชาฯ รู้สึกภาพพระชัดขึ้นกว่าแต่ก่อนครับ ไม่ค่อยกังวลกับการมองเห็น แต่ยังไม่เห็นอะไรมากเลยครับ มีแสงสว่างพุ่งลงมา และเห็นภาพพระปรากฏขึ้นครับ แต่ตั้งอยู่ไม่นาน จะลองพยามยามดูอีกนะครับ ถ้าติดขัดอย่างไร จะแจ้งให้ทราบและช่วยแก้ไขให้ด้วยนะครับ
    ตอนนี้ขอพักก่อนครับ ขอบคุณมากครับ
    (verygood) (verygood) (verygood) (verygood)
     
  17. อานนท

    อานนท เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    13 พฤศจิกายน 2006
    โพสต์:
    72
    ค่าพลัง:
    +1,748
    ขอร่วมโทนาบุญทุกอย่าง ถวายเป็นพุทธบูชาฯ

    (i) ขอร่วมโมทนาบุญทุกอย่าง ถวายเป็นพุทธบูชาฯ ขอบารมีพระคุ้มครองทุกๆท่านนะครับ สาธุ สาธุ สาธุ กระทู้นี้ทำบุญกันเยอะดีจริงๆครับ
    :cool: (verygood) :cool:
     
  18. เอกา

    เอกา เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    13 พฤศจิกายน 2006
    โพสต์:
    59
    ค่าพลัง:
    +1,412
    ขอร่วมโมทนาบุญนะครับ

    (f) ขอร่วมโมทนาบุญนะครับ คือผมฝึกสมาธิแบบอื่นอยู่แล้วครับ แต่ก็จะลองนำไปประยุกต์ใช้ดูในเรื่องการกำหนดภาพกสิณครับ ขอบคุณมากครับ
    (f) (verygood) (f)
     
  19. ao.angsila

    ao.angsila เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    17 กุมภาพันธ์ 2006
    โพสต์:
    2,332
    ค่าพลัง:
    +26,683
    ถวายปัจัยทำบุญทุกอย่างกับพระฯ ร่วมสร้างซ่อมวิหารพระนอน ณ วัดราชโอรส กรุงเทพ น้อมถวายเป็นพุทธบูชา ธรรมบูชา สังฆบูชา และเพื่อพระนิพพานในชาตินี้
     
  20. chai9club

    chai9club เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 กุมภาพันธ์ 2006
    โพสต์:
    131
    ค่าพลัง:
    +2,770
    ประวัติพระธาตุพนม

    (f) 2004_1128Image0111.JPG (f)
    พระธาตุพนม



    (i) ในสมัยที่พระพุทธองค์ยังทรงพระชนม์อยู่ ในคราวนั้น องค์สมเด็จพระบรมครูทรงพิจารณาเห็นโบราณประเพณีแห่งพระพุทธเจ้าทั้ง 3 พระองค์ ที่เสด็จสู่ปรินิพพานแล้ว พระบรมสารีริกธาตุของพระองค์ คือ สมเด็จพระกุกกุสันโธ พระโกนาคม และพระพุทธกัสสป ก็ได้เคยมาประดิษฐานไว้ที่ "ภูกำพร้า" อันมีอยู่ใกล้เมืองศรีโคตบุรีนี้

    :cool: ครั้นพระองค์ทรงดำริเช่นนี้แล้ว จึงเสด็จออกจากพระเชตวันพร้อมด้วยพระอานนท์ตามพุทธลีลามาทางอากาศ ได้เสด็จไปประทับรอยพระพุทธบาทไว้ที่ "โพนฉัน" และ "เวินปลา" จากนั้นจึงประทับค้างคืนที่นี้ ซึ่งมีพระอินทร์ และวิษณุกรรมเทพบุตร เป็นผู้คอยอุปัฎฐาก

    (i) ในตอนเช้าจึงเสด็จไปบิณฑบาตเพื่อทรงโปรด พระยาศรีโคตบูร ให้ได้รับทราบภารกิจของพระองค์ว่ การเสด็จมาครั้งนี้ เพราะทรงอาศัยเหตุอดีตพระพุทธเจ้าทั้ง 3 พระองค์ เมื่อทรงเข้าสู่พระปรินิพพานไปแล้วนั้น พระอรหันต์ทั้งหลายย่อมอัญเชิญพระบรมสารีริกธาตุของพระพุทธเจ้าทั้ง 3 พระองค์นั้น มาประดิษฐานไว้ที่ภูกำพร้านี้ เพื่อเป็นที่กราบไหว้บูชาของท้าวพระยา เหล่าเทพเทวา และมนุษย์ทั้งหลายในภายภาคหน้า อันนี้เป็นประเพณีแห่งพระพุทธเจ้าทั้งหลายสืบ ๆ กันมามิได้ขาด

    (i) ในตอนนี้ พระอินทร์ จึงกราบทูลว่า
    "ข้าพระองค์ทั้งหลาย และเหล่าเทพบุตร เทพธิดาทั้งหลาย เรียกว่า "เมืองโคตโม" เพราะเหตุพระองค์ทรงพระนามว่า "โคตโม" เพื่อให้เป็นศิริมงคลแก่พระยาศรีโคตบูร ข้าพระองค์ทั้งหลายจึงเรียกดังนี้ พระพุทธเจ้าข้า..."

    :cool: ในขณะนั้นเป็นที่อัศจรรย์ยิ่งนัก เทพเจ้าผู้มีมเหศักดิ์ทั้หลาย อันสิงสถิตในราวป่าบริเวณนั้น จึงได้เปล่งเสียงสาธุการขึ้นพร้อมกัน แล้วพระองค์จึงทรงพยากรณ์ว่า

    (i) "ดูก่อนอานนท์ พระยาศรีโคตบูรองค์นี้ จะจุติไปเกิดในเมืองสาเกตุนคร (ร้อยเอ็ด) มีนามว่า "สุริยกุมาร" เมืองศรีโคตบูรนี้ จักย้ายไปตั้งที่ป่าไม้รวกมีนามว่า "มรุกขนคร" จุติจากชาตินั้นแล้ว จะได้มาเกิดเป็น พระยาสุมิตธรรมวงศา ครองมรุกขนครแล้ว จะได้ปฏิสังขรณ์อุรังคธาตุของตถาคตไว้ที่ภูกำพร้านี้"

    ต่อจากนั้นองค์สมเด็จพระชินสีห์จึงได้เสด็จไปประทับรอยพระบาทที่เมืองหนองหารหลวง (พระธาตุเชิงชุม จ.สกลนคร) แล้วได้เสด็จไปประทับที่ ดอยแท่น (พระธาตุภูเพ็ก อ.พรรณานิคม จ.สกลนคร) ทรงระลึกถึงพระมหากัสสป เมื่อพระเถระทราบพระปริวิตกดังนั้นแล้ว จึงมาเฝ้าตามพุทธประสงค์ทันที

    (i) องค์สมเด็จพระผู้มีพระภาคเจ้าทรงมีพระพุทธฎีกาตรัสว่า

    (i) "ดูก่อนกัสสป ตถาคตนิพพานไปแล้วเธอจงนำอุรังคธาตุของตถาคตมาไว้ที่ภูกำพร้านี้"

    :cool: เพราะฉนั้น ในคราวถวายพระเพลิงพระบรมศพ พระอุรังคธาตุ ที่หุ้มห่อด้วยผ้ากัมพลก็ปาฏิหารย์เสด็จออกจากพระหีบทองมาประดิษฐานอยู่เหนือฝ่ามือเบื้องขวาของพระมหากัสสปะเถระ

    (i) ครั้งนั้นท้าวพระยาทั้งหลาย อันมี พระยาจุลณีพรหมทัต พระยาอินทปัฐนคร พระยาสุวรรณภิงคาร พระยาคำแดง และ พระยานันทเสน (เมื่อพระยาศรีโคตบูตสวรรคต พระยานันทเสนน้องชายได้ครองต่อมาอีก 13 ปี พระศาสดาจึงปรินิพพาน)

    :cool: เมื่อพระยาทั้ง 5 นคร รู้ข่าวพระมหากัสสปเถระจะนำพระอุรังคธาตุของพระพุทธเจ้ามาประดิษฐานไว้ที่ภูกำพร้า ดังนั้น พระยาจุลณีพรหมทัต พระยาอินทปัฐนคร และพระยานันทเสน ทั้ง 3 พระองค์ พร้อมด้วยไพร่พลโยธา เสด็จมาประทับและพักอยู่ที่ริมฝั่งแม่น้ำโขงใต้ปากเซ ตรัสสั่งไพร่พลช่วยกันสกัด "หินมุก" มาสร้างอารามไว้คอยท่าพระมหากัสสปเถระ

    (i) ส่วน พระยาสุวรณภิงคาร และ พระยาคำแดง ตรัสสั่งให้ไพร่พลโยธาสกัด "หินมุกหินแลง" มากองไว้เป็นกอง ๆ สำหรับก่ออุโมงค์บนยอด "ดอยแท่น" ที่พระศาสดาเสด็จมาประทับแต่ครั้งโน้น

    :cool: ต่อมา พระมหากัสสป พร้อมด้วยพระอรหันต์ 500 องค์ อัญเชิญพระอุรังคธาตุมาถึงเมืองหนองหารหลวง แล้วไนขึ้นไปประดิษฐานไว้บนแท่นอุโมงค์ที่ยังสร้างไม่เสร็จนั้นก่อน แล้วเข้าไปบิณฑบาตในเมือง ท้าวพระยาทั้งสองพร้อมด้วยชาวเมืองทั้งหลายพากันใส่บาตร แล้วได้จัดเครื่องสักการะบูชา ขึ้นไปบนเขานมัสการและทรงน้ำพระอุรังคธาตุ

    (i) ขณะนั้น พระยาสุวรรณภิงคารทอดพระเนตรอุดมงนั้น เห็นยังไม่เสร็จจึงทรงพระพิโรธโกรธจัด พระมหากัสสปจึงคิดที่จะเตือนสติพระราชา จึงได้ถามปัญหาธรรมว่า

    (i) "อะไรร้อนยิ่งกว่าไฟ อะไรใสยิ่งกว่าแก้วมณี อะไรบ่มีแข้ว (เขี่ยว) รู้กัดคนกินได้ อะไรบ่มีตนตัว รู้เดินเที่ยวไปมาได้นั้นเล่า...พระมหาบพิตร...?"

    (i) เมื่อพระยาสุวรรณภิงคารไม่สามารถแก้ปัญหานี้ได้ พระเถระจึงอธิบายต่อไปว่าสิ่งที่ร้อนกว่าไฟนั้นได้แก่ "ราคะ ตัณหา" สิ่งที่สว่างยิ่งกว่าแก้วมณีนั้น ได้แก่ สติ และ ปัญญา สิ่งที่บ่มีแข้ว รู้กัดกินคนได้นั้น ได้แก่ "ความแก่เฒ่า" สิ่งที่บ่อมีตัวตน รู้เดินเที่ยวไปมานั้น ได้แก่ "จิต"

    :cool: ครั้นพระยาสุวรรณภิงคารได้สดับพุทธภาษิตก็มีจิตใจหายขุนมัว จึงขอสถาปนาพระอุรังคธาตุไว้ ณ ที่นี้ แต่มหาเถระได้ทูลห้ามว่า พระองค์อย่าได้ฝ่าฝืนพระพุทธบัญชาเลย แล้วพระยาทั้งสองจึงอัญเชิญพระอุรังคธาตุขึ้นสู่ปราสาท พร้อมขบวนพสกนิการใส่ชุดขาวแห่พระอุรังคธาตุไปสู่ภูกำพร้า พร้อมไปด้วยพระอรหันต์ทั้งหลาย

    (i) เมื่อมาถึงแล้ว พระมหาเถระจึงแนะนำให้พระยาทั้ง 5 ได้รู้จักกัน และแนะนำให้ปั้นดินดิบเอาไฟเผาก่อเป็นอุโมงค์ พระยาทั้ง 5 ได้สดับคำดังนี้แล้ว จึงตกลงสั่งให้คนทั้งหลายปั้นดินดิบ ส่วนแม่พิมพ์นดินนั้น เอาฝ่าเมือพระมหาเถระเป็นแบบกว้างยาว

    :cool: ต่อจากนั้นพระยาทั้ง 5 และเสนาข้าราชบริพานพร้อมด้วยประชาราษฎร์ทั้งหลาย จึงได้ทำการขุดหลุมและก่อเป็นอุโมงค์ เพื่อเป็นที่บรรจุพระอุรังคธาตุ ขณะอัญเชิญพระอุรังคธาตุนั้น พระอุรังคธาตุที่หุ้มด้วยผ้ากัมพลก็กระทำปาฏิหาริย์เสด็จออกมาประดิษฐานอยู่บนฝ่ามือข้างขวาพระมหากัสสป

    (i) พระอรหันต์ทั้งหลายพร้อมด้วยพระยาทั้ง 5 กับทั้งเสนาอำมาตย์ประชาราษฎร์ทั้งหลายเห็นเป็นอัศจรรย์ดังนั้น จึงเปล่งเสียงสาธุการขึ้นพร้อมกัน จากนั้นก็ปาฏิหารย์เสด็จกลับเข้าไปที่เดิม

    :cool: หลังจาพิธีบรรจุพระอุรังคธาตุไว้ในอุโมงค์แล้ว พระยาทั้ง 5 ได้ทรงบริจาคพระราชทรัพย์ต่าง ๆ เป็นอันมาก เช่น แก้ว แหวน เงิน ทอง เป็นต้น แล้วช่วยกันสร้างบานประตูคนละด้าน แล้วให้คนนำเอาหินจากอินเดียและลังกามาฝังไว้ทั้งสี่มุม ในปัจจุบันนี้ยังมีอยู่

    (i) เมื่อเสร็จแล้วจึงทำพิธีสักการบูชาเวียนรอบองค์พระธาตุ พระยาทั้ง 5 อธิฐานขอให้ได้ออกบวชในพระพุทธศาสนา แล้วสำเร็จเป็นพระอรหันต์ในอนาคตกาลนั้นเทอญ พระอรหันต์ทั้ง 500 มีพระมหากัสสปเป็นประธานจึงพร้อมกันอนุโมทนาในความปรารถนาของพระยาทั้ง 5 นั้นว่า

    (i) "ขอให้ความปรารถนานั้น ๆ ของมหาราชเจ้าทั้งมวล จงสำเร็จบริบูรณ์ตามพระราชประสงค์ทุกประการเทอญ..."


    :cool: หลังจากนั้นพระอรหันต์ทั้งหลายและพระยาทั้ง 5 ต่าง แยกย้ายกลับไปแล้ว ท้าวสักกะพร้อมด้วยเหล่าเทพเจ้าทั้งหลายได้ทรงเครื่องชุดขาว เสด็จลงมากระทำการสักการะบูชาพระอุรังคธาตุ ด้วยการจัดเป็นขบวนแห่เครื่องบูชาทั้งหลายแล้ววิษณุกรรมเทพบุตรได้แกะสลักเป็นรูปเทวดาเป็นรูปม้า และรูปพระพทธเจ้าไว้อย่างสวยงาม แล้วจัดให้เทวดารักษาพระอุรังคธาตุ พร้อมด้วยเครื่องสักการะทั้งหลายเหล่านั้น

    (i) ครั้งนั้น พระอุรังคธาตุเสด็จออกกระทำปาฏิหารย์ แต่ละด้านเสด็จออกมาถึง 6 องค์วกเวียนเสด็จขึ้นมารวมอยู่ด้วยกันทั้งสิ้น ตั้งอยู่บนอากาศเสมอยอดอุโมงค์ระยะ 100 วา แล้วเสด็จออกจากยอดอุโมงค์ 2 องค์ เสด็จขึ้นไปเบื้องบน แล้วเสด็จลงมารวมกันเป็นองค์เดียว โตเท่าลูกมะพร้าว แล้วประทักษิณไปทางขวา 3 รอบ ประดิษฐานอยู่ มี่ประตูทิศตะวันออก เฉาพะพระพักตร์ของท้าวสักกเทวราช

    (i) เหล่าเทพบุตรเทพธิดาทังหลายมีความชื่นชมยินดียิ่งนัก จึงได้เปล่งเสียงสาธุการขึ้นตลอดไปทั่วบริเวณ คนธรรพ์ทั้งปวงประโคมด้วยดุริยดนตรี เหล่าเทพอัปสรท้งหลายต่างก็ฟ้อนรำขับร้องถวายบูชา พระอุรังคธาตุเสด็จเข้าไปประดิษฐานภายในอุโมงค์ทางประตูด้านทิศตะวันออก ประตูก็ปิดเข้าไปพร้อมกัน เหล่าเทพเจ้าทั้งหลายจึงเสด็จกลับ

    :cool: เมื่อพระมหากัสสปกลับไปแล้ว ก็ได้เลือกสามเณรมา 3 รูป ชื่อว่า พุทธรักขิตตะ ธรรมรักขิตะ และ สังฆรักขิตตะ สามเณรทั้ง 3 องค์นี้ ต่อมาภายหลังเมื่อายุครบบวชเป็นภิกษุแล้ว ได้สำเร็จเป็นพระอรหันต์

    (i) กาลเวลาผ่านไป ฝ่ายพระยาสุวรรณภิงคารเมืองหนองหารหลวง จุติมาถือกำเนิดในครรถ์แห่งพระนางเทวี เมืองอินทปัฐนคร มีนามว่า มหารัตนกุมาร ต่อมาพระยาคำแดงเมืองหนองหารน้อย ก็จุติมาถือกำเนิดร่วมบิดา มารดา เดียวกันอีก มีนามว่า จุลรัตนกุมาร

    :cool: ครั้นเมื่อ 2 กุมารประสูติมาได้ขวบหนึ่งนั้น พระยาจุลณีพรหมทัตและพระยาอนิทปัฐนครจุติพร้อมกัน มาถือกำเนิดในครรภ์แห่งนางปัจฉิมกุมารี พระมเหสีของเจ้าราชบุตรผู้เป็นโอรสพระยาจุลณีพรหมทัต

    (i) ครั้นนางปัจฉิมราชกุมารีทรงครรถ์ถ้วนทศมาส ก็ประสูติราชกุมารฝาแฝดพร้อมกันในวันเดียว พระราชบิดาจึงขนานนามกุมารผู้พี่มีชื่อว่า มหาสุวรรณปราสาท ผู้น้องชื่อว่า จุลสุวรรรณปราสาท

    :cool: ส่วนพระยานันทเสนแห่งเมืองศรีโคตบูรก็จุติไปถือกำเนิดในครรห์แห่ง พระนางศรีรัตนเทวี พระราชเทวีของ พระยาสุริวงศา เมืองร้อยเอ็ดประตู ครั้นพระนางประสูติราชโอรสได้ 4 วัน ก็สวรรคตไป ส่วนพระราชกุมารที่เป็นโอรสนั้น นางสนมเอาไปเลี้ยงไว้เมื่อพระชนมายุได้ขวบหนึ่งจึงได้ขนามนามว่า เจ้าสังขวิชชากุมาร

    (i) หลังจากถวายพระเพลิงพระยานัทเสนแล้วเสนาอำมาตย์พร้อมด้วยชาวเมืองศรีโคตบูรจึงพร้อมกันย้ายเมืองไปที่ป่าไม้รวก และได้ราชาภิเษก พระอนุชา ของพระยานันทเสน ให้ขึ้นเสวยราชสมบัติแทน ทรงพระนามว่า พระยามรุกขนคร

    :cool: ต่อมา พระยาสุริยวงศา เมืองร้อยเอ็ดประตู จุติถือกำเนิดในครรภ์แห่งพระราชเทวี เมืองมรุกขนคร พระราชบิดาจึงขนานนามว่า เจ้าสุมิตวงศากุมาร เมื่อพระราชกุมารทรงเจริญวัยได้ 13 พรรษา พระชนกชนนีก็สวรรคตไปทั้งสองพระองค์ จึงได้เสวยราชสมบัติแทน พระราชบิดา มีพระนามว่า พระยาสุมตวงศาราชามรุกยนคร

    (i) ซึ่งต่อมาพระองค์ได้ทรงปฏิสังขรณ์พระธาตุพนมเป็นครั้งแรก ตามพระพุทธพยากรณ์ขององค์สมเด็จพระผู้มีพระภาคเจ้า ที่ได้ตรัสทำนายไว้กับ พระยาศรีโคตบูร ซี่งจุติจากพระยาสุริยวงศาก็มาเป็น พระยาสุมิตวงศา

    :cool: ในคราวนั้น พระอรหันต์ทั้ง 3 ที่เป็นศิษย์ของพระมหากัสสป คือ พระพุทธรักขติ พระธรรมรักขิตะ และพระสังฆรักขิตะ ซึ่งบรรพชามาตั้งแต่เป็นสามเณร ได้มาแต่เมืองราชคฤห์ แล้วได้นำราชกุมารทั้ง 5 นั้นมาบวชในพระพุทธศาสนา

    (i) ครั้นราชกุมารทั้ง 5 ได้บรรพชาเป็นสามเณรแล้ว ก็ได้ฝึกฝนพระกรรมฐานจากพระอาจารย์ทั้ง 3 จนกระทั้งได้บวชเป็นภิกษุแล้วได้บรรลุเป็นพระอรหันต์ทั้ง 5 องค์ โดยลำดับสมกับความปรารถนาที่ได้ตั้งจิตอธิฐานไว้ในชาติก่อน ตอนที่เป็นท้าวพระยาทั้ง 5 โน้น

    (i) ครั้นต่อมาพระอรหันต์ทั้ง 5 ทรงระลึก "คาถา 4 บาท" ที่พระมหากัสสปเคยแสดงไว้แต่ชาติปางก่อนนั้นว่า "คจฉันติ นรคัจฉันติ" เป็นต้น (ตอนที่พระยาทั้ง 5 จะพบกัน ต่างก็ใคร่จะได้เป็นผู้สร้างพระธาตุพนม จนพระมหากัสสปต้องเข้ามาไกล่เกลี่ยด้วยหลักธรรม จึงได้ร่วมกันสร้างจนสำเร็จ) ดังมีใจความว่า

    (i) ผู้ประเสริฐต่อผู้ประเสริฐ เดินทางมาพบกันเข้า ซ้ำประเสริฐยิ่งกว่า(i)
    (i) ผู้ฉลาดต่อผู้ฉลาด เดินทางมาพบกันเข้า ก็ยิ่งฉลาดกว่าแต่ก่อน(i)
    (i) ผู้รู้ต่อผู้รู้ เดินทางมาพบกันเข้า ก็ยิ่งรู้หลักนักปราชญ์เพิ่มขึ้นกว่าเดิม(i)
    (i) ผู้รักกันต่อผู้รักกัน เดินทางมาพบกันเข้า ก็ยิ่งซ้ำรักกันกว่าแต่ก่อน ....ดังนี้(i)

    :cool: พระเถระทั้ง 5 หวลนึกถึงคติธรรมทั้ง 4 บาทนี้ ก็มีความซาบซึ้งตรึงใจยิ่งนัก จึงใคร่จะบูรณะพระอุรังคธาตุที่ภูกำพร้าอีกครั้งหนึ่ง จึงได้ปรึกษาหารือกันที่จะไปสู่เมืองมรุขนคร เพื่อถวายพระพรแก่ พระยาสุมิตธรรมวงศา ให้ช่วยทรงอุปถัมภ์ แล้วจึงแยกย้ายกันไปบิณฑบาตในเมืองของตน เพื่อชักชวนพระบิดาและพระมารดา มาร่วมกันปฏิสังขรณ์พระอุรังคธาตุร่วมกับพระยาสุมิตธรรมวงศา โดยเฉพาะ พระสังขวิชชา ท่านได้เล่าถึงความเป็นมาในชาติปางหลังให้พระยาสุมิตธรรมวงศาทราบ แล้วพระราชาและพระราชเทวีจึงตรัสถามว่า

    (i) "ท่านเป็นพระอรหันต์แล้วหรือ"

    :cool: เมื่อพระเถระถวาพระพรว่า "ถูกแล้ว" ดังนี้ ก็มีอัศจรรย์บังเกิดขึ้น คือ เทพยดาที่รักษาเศวตฉัตของพระองค์ และเทวดาที่รักษาภูกำพร้าทั้งสิ้น ต่างพากันเป่าหอยสังข์ขึ้นประโคมทั่วในพระราชฐานแลในที่นัน ๆ เป็นที่สนุกสนานยิ่งนัก คนทั้งหลายได้ยินแต่เสียงสังข์ หาได้เห็นเทวดาไม่ จึงพร้อมกันให้เสียงสาธุการเซ็งแซ่ทั่วไปทั้งพระนคร แล้วพระเถระจึงถวายพระพรต่อไปว่า

    (i) เมื่อชาติก่อนโน้น มหาราชได้เป็น พระยาศรีโคตบูต ครั้งเมื่อพระศาสดายังมีพระชนม์อยู่ ได้เสด็จมาในเมืองศรีโคตบูร มหาราชได้ถวายบิณบาตแล้ว ปรารถนาค้ำชูพระศาสนาครั้งนั้น อาตมาเป็น พระยานันทเสน น้องของมหาบิตร

    :cool: เมื่อมหาบพิตรจุติจากชาตินั้น จึงได้ไปเกิดในเมืองร้อยเอ็ดประตู ส่วนอาตมาภาพได้เสวยราชสมบัติ 13 ปี พระศาสดาจึงเสด็จเข้าสู่พระนิพพาน แล้วพระอรหันต์ท้ง 500 มี พระมหากัสสปเถระ เป็นประน นำเอาพระบรมธาตุส่วนหัวอกของพระพุทธเจ้ามาประดิษบานไว้ทีภูกำพร้า

    (i) พระยาทั้ง 4 ได้พร้อมกันก่ออุโมงค์ไว้เป็นที่บรรจุ ครั้งนั้นได้พร้อมกันอธิฐานให้ได้อุปสมบทในพระพุทธศาสนาแล้วให้ได้สำเร็จพระอรหันต์ เฉพาะหน้าพระอรหันต์ทั้ง 500 นั้น พระเถระทั้งหลายพร้อมกันอนุโมทนาในความปรารถนาทุกองค์ อาตมาจึงได้มาบวลและได้สำเร็จพระอรหันต์ในชาตินี้

    :cool: เมื่ออาตมาจุติจากชาติอันเป็นพระยานันทเสน ได้ไปเกิดในท้องแห่ง นางศรีรัตนเทวี พระราชเทวีพระยาร้อยเอ็ดประตู ก็คือ มหาราชเจ้ากับพระนางเทวีแก้วบัดนี้แล เมื่อพระนางประสูติอาตมภาพได้ 7 วัน นางก็จะติมาเกิดในวงศ์พระยามรุขนคร ส่วนมหาราชเจ้าจุติมาบังเกิดเป็นพระราชโอรสพระยามรุกขนครแต่ชาติก่อนนั้น มหาราชเจ้าและพระนางเทวีแก้วเป็นพระบิดาและพระมารดาของอาตมาภาพอย่างแท้จริง ด้วยเหตุนี้ อาตมาภาพจึงได้เรียกมหาราชเจ้าทั้งสองว่า เป็นพระบิดาและเป็นพระมารดาหลงมาอยู่ในที่นี้ทั้งสองพระองค์

    (i) เมื่อได้ทรงสดับพระธราเทศนาเรื่องอดีตชาติจากพระเถระแล้ว จึงมีพระทัยประดุจดังว่า ระลึกได้ยังพระชาติหนหลัง มีน้ำพระเนตรตกลงมาเฉพาะหน้าพระเถระ ขณะนั้นอำมาตย์และข้าทาศบริวารทั้งหลาย ได้เห็นน้ำพระเนตรของหมหาราชเจ้าทั้งสองหยดย้อยตกลงมามาได้ขาด ก็บังเกิดโสมนัสร่ำร้องไห้ไปด้วยกัน

    (i) นางเทวีแก้วจึงไว้พระเถระแล้วถามว่เมื่อโยมจุติทิ้งท่านไปเสียแต่เมื่อยังเยาว์อยู่นั้นใครเล่าเป็นผู้เลี้ยงดูท่านเล่า พระเถระจึงทูลว่าน้าเลี้ยงพ่อนมพร้อมทั้งนางสนมทั้งหลายเป็นผู้เลี้ยงสืบต่อมา เมื่อบ้านเมืองเกิดยุคเข็ญขึ้น ครั้งนั้นนางทั้งหลายบางคนก็ตาย บางคนก็หนีกลับคืนสู่บานเมืองเดิม น้าเลี้ยงพ่อนมจึงได้นำเอาอาตมาภาพอพยพหนีมาอยู่ที เมืองสุวรรณภูมิ แต่ยังเล็กอยู่ แล้ว พระสังฆรักขิตเถระ จึงได้นำเอาอาตมาไปบวช แล้วสั่งสอนจนได้สำเร็จพระอรหันต์

    :cool: ในขณะที่พระเถระกำลังกล่าวอยู่นั้นเอง พระเถระอีก 4 องค์ที่มาจากเมืองอินทปัฐนครและเมืองจุลณีพรหมทัต ก็เข้ามาสู่ปราค์ปราสาทกับด้วยพระสังฆวิชชานั้น แล้วจึงทูลว่ามหาบพิตรทรงปรารถนาค้ำชูพระศาสนาตราบเท่า 5000 พระวรรษา และพระยาทั้ง 5 ก็คือ อาตมาภาพทั้ง 5 ในบัดนี้

    (i) ดังนี้แล้ว ทั้งพระเถระทั้ง 5 และพระยาทั้ง 3 คือ พระยาสุมิตธรรมวงศา พระยาปุตตจุลณีพรหมทัต พระยาจุลอินทปัฐนคร ได้พากันไปบูรณะพระอุรังคธาตุที่ภูกำพร้านั้นอีกครั้งหนึ่ง ซึ่งพระบรมสารีริกธาตุก็ได้แสดงปาฏิหารย์ เหมือนเมื่อครั้งท้าวสักกเทวราชลงมาบูชากระนั้น

    :cool: ในครั้งนั้น ได้มีการบรรจุพระอุรังคธาตุใหม่ จึงมีเหตุอัศจรรย์ฝนตกลงมาถูกต้องบุคคลนั้น บุคคลจำพวกใดที่ไม่ชอบฝน ก็ไม่ตกลงมาถูกต้อง ส่วนบุคคลที่เป็นโรคหูหนวก ตาบอด ทูต ขี้เรื้อน เมื่อได้ข่าวร่วมในการกุศลนั้น ๆ โรคร้ายต่าง ๆก็หายสิ้น เหล่าเทวดานางฟ้าทั้งหลายต่างก็เริ่มโปรยปรยข้าวตอกดอกไม้ทิพย์ลงมา สักการบูชาทั่วบริเวณภูกำพร้าทั้งสิ้นแล

    (i) ฝ่ายพระยาสุมิตธรรมบรมโพธิสัตว์ จึงได้ตั้งความปรารถนาให้ได้เสวยราชสมบัติทั่วทุกพระนคร ที่มีในชมพูทวีปทั้งสิ้น และให้ได้เป็นผู้ค้ำชูพระพุทธศาสนาตลอด 5000 พระวรรษา ครั้นจุติให้ได้เสวยสุขในสวรค์ชั้นดุสิต จะลงมาพร้อมด้วย พระศรีอริยเมตรไตรยโพธิสัตว์ ส่วนพระยาปุตตจุลณีพรหมทัตและพรยาจุลอินทปัฐนคร ปรารถนาเป็นพระอัครสาวก

    (i) ส่วนพระราชเทวีและเสนาอำมาตย์ ข้าราชบริพารทั้งหลาย ต่างก็ปรารถนาเป็นพระสาวกในตำแหน่งต่าง ๆต่อไป ในสมัยที่พระยาสุมิตธรรมวงศาจะได้ตรัสรุ้เป็นพระพุทธเจ้าครั้งนั้น พระอรหันต์ทั้ง 5 จึงได้พร้อมกันอนุโมทนาในความปรารถนา และก็ขอให้ได้สำเร็จตามความประสงค์ทุกประการเทอญ

    เป็นอันว่า หลังจากท้าวพระยาทั้ง 3 ได้ร่วมกันบูรณะเมื่อประมาณ พ.ศ 500 และสิ้นพระชนม์ไปแล้ว บรรดาพระโอรสต่าง ๆก็ขึ้นครองเมืองแทน แล้วได้มีการปฏิสังขรณ์ต่อ ๆ กันมาจนตราบเท่าถึงวันที่ 11 สิงหาคม 2518 พระธาตุพนมก็ได้โค่นล้มลงมา จึงได้สร้างขึ้นมาใหม่อีก เสร็จสิ้นเมื่อวันที่ 23 สิงหาคม 2522

    (f) (f) (f) (f) (f) (f) (f)
     
    แก้ไขครั้งล่าสุดโดยผู้ดูแล: 22 พฤศจิกายน 2006

แชร์หน้านี้

Loading...