พื้นที่ปลอดภัยยามเกิดอภิมหันตภัย ในจังหวัดต่าง ๆ ของประเทศไทย

และการทำงานไม่ต้องลงทุนใช้จ่ายเงินอะไรกันมากมายเลย
แต่มีรายได้เพิ่มขึ้นทุกครัวเรือน โดยที่ทุกคนต่างทำมาหากิน
ไม่เบียดเบียนซึ่งกันและกัน ที่ไอยใช้วัดเป็นฐาน ก็เพื่อ
จุดประสงค์ ปรับความคิด ปรับจิตใจ ให้อยู่ในศีลในธรรม
มากบ้างน้อยบ้างก็ค่อย ๆ ขัดเกลากันไป งานตรงนี้ถึง
จะดำเนินไปได้อย่างสวัสดิภาพ รายละเอียดงานต่าง ๆ
จะขยับให้อ่านในกระทู้การเตรียมการรับมือภัยพิบัติทางเศรษฐกิจ
เพื่อที่ทุกคนจะได้ทราบแนวทางในการทำงานที่ไอยได้เขียนไว้
ก่อนหน้านี้แล้วนะค่ะ

 

สำหรับผู้ที่สอบถามเรื่องที่อยู่ที่ปลอดภัยจากภัยพิบัติ
มากันหลาย ๆ ท่านนั้น จริง ๆ ก็อยากบอกอยู่เหมือนกัน
แต่ถ้าลงหน้าเวปเมื่อไหร่ เกรงว่าบรรดานายทุนจะพากัน
แห่ไปกว้านซื้อที่เก็บไว้ ทำให้ที่ดินราคาสูงขึ้นลิบลิ่ว
จนคนธรรมดาอย่างเรา ไม่มีโอกาสไปซื้อ
จริง ๆ แล้ว ถ้าถึงเวลาภัยพิบัติเกิดขึ้นจริง ๆ ไอยก็
ต้องบอกล่วงหน้าให้แล้วละค่ะว่าควรให้ไปอยู่ที่ใด
ขนาดตัวไอยรู้ว่าที่ใดปลอดภัย ยังไม่คิดจะย้าย
ไปอยู่ที่ตรงนั้นเลย เพราะงานที่ทำ ธรรมะที่ถูก
อบรมสั่งสอนมา ทำให้เราวางกำลังใจได้ค่ะ
อยู่ที่ไหน ขอให้ใจเราปลอดภัย ก็อยู่ได้
ตายไปก็เป็นผู้ที่มีสติ คิดอะไรกันมากละค่ะ
แต่ถ้าต้องการย้ายที่อยู่จริง ๆ และไปเตรียมการ
รองรับผู้คนในวันข้างหน้า ก็ติดต่อมาทาง pm
ของไอยแล้วกัน ถ้าคุณมีความตั้งใจ จิตเป็นกุศล
ไอยจะบอกสถานที่ให้ค่ะว่า ควรไปอยู่ที่ใด
และรวมกลุ่มกันทำงานแบบใด โดยไอยจะเป็น
กองหนุน เป็นพี่เลี้ยงในการวางแนวทางในการ
ทำงานรวมถึงอาชีพ ให้ทุกคนมีรายได้ เพื่อเลี้ยชีพ
ภายใต้ปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียงนะค่ะ
แต่ตอนนี้ขอไปเก็บของก่อน ทั้งหลวงพ่อทั้งที่บ้าน
โทรตามให้กลับทุกวัน เฮ้อ มาบ้านเราแล้วไม่อยากกลับเลย
ถ้าไม่เห็นแก่งานที่รออยู่ตรงหน้า อยากจะนอนกลิ้งเกลือก
อยู่กับแม่กับลูก ๆ ตรงนี้จริง ๆ

 

กลับมาถึงตรังเมื่อกี้นี้เองค่ะ มี pm เข้ามาถาม
ถึงพื้นที่ปลอดภัยกันมาก เอาเป็นว่า พยายามอยู่ใน
พื้นที่ที่มีพระธาตุเก่าแก่และสำคัญ ๆ เป็นหลักไว้ก่อน
ระยะรัศมีไม่เกิน 3 ตารางกิโลเมตร ส่วนใครจะย้ายไป
ที่ปลอดภัยที่ไอยพอจะรู้นั้น ไม่มีอะไรมากไปกว่า
เป็นผู้ที่มีจิตสาธารณะ เตรียมการรองรับผู้คนยามเกิด
ภัยพิบัติ แต่ถ้าคิดเอาตัวรอดเฉพาะตนและครอบครัว
ก็ไม่เกิดประโยชน์อันใดค่ะ

 

ไม่ได้เข้ามาอ่านกระทู้คุณ ไอย.... มานานเข้ามาอ่านคราวนี้ก็อิ่มบุญกับความตั้งใจของท่าน....อภิมหาโมทนาสาธุกับสิ่งที่ท่านได้ทำค่ะ

 

ขออธิบายเพิ่มเติมในเรื่องพื้นที่ที่ปลอดจากภัยพิบัติที่ไอยพอจะทราบอยู่บ้างนะค่ะ
ว่าไม่มีที่ใด ปลอดจากภัยพิบัติ 100% โดยเฉพาะภัยพิบัติในใจคน ที่เป็น
มหันตภัยร้ายแรงที่สุด สำหรับคนที่ไม่มีจิตเป็นกุศล มีธรรมะเป็นเครื่องกำกับจิตใจ
ยิ่งไอยบอกว่าตรงไหนปลอดภัย ทุกคนทั่วทุกสารทิศ ก็จะแห่แหนกันไป
แย่งชิงพื้นที่กันอย่างเอาเป็นเอาตาย นั่นและค่ะ ภัยพิบัติทางธรรมชาติ
ยังไม่เกิดขึ้น แต่ภัยพิบัติในใจคน ก็เริ่มต้นเสียแล้ว

 

และด้วยความที่เป็นคนคาดการณ์และวิเคราะห์เหตุการณ์ต่าง ๆ มาตลอด
เรื่องใดที่ไอยคาดการณไว้ในใจล่วงหน้า ก็จะเกิดเป็นจริงทุกครั้งเสมอ
ดังนั้น คนที่จะเข้าไปอยู่ในพื้นที่รุ่นแรก ๆ นั้น ไอยถือว่าเป็นรุ่นบุกเบิก
เพราะคุณต้องเข้าไปซื้อที่ดิน เตรียมสถานที่ เตรียมความพร้อมในทุก ๆ ด้าน
รวมถึงอาชีพการงานต่าง ๆ ซึ่งไอยจะเป็นพี่เลี้ยง ให้คำแนะนำ และ support
ในเรื่องต่าง ๆ ไว้ ดังนั้น คนที่ไปอยู่ต้องมีความพร้อมเรื่องเหล่านี้ และต้องมี
จิตสาธารณะ เข้าไปเตรียมการไว้ล่วงหน้า ถ้าภัยพิบัติเกิดขึ้น คุณก็พร้อมที่
จะช่วยเหลือคนที่อพยพมาอย่างผู้ที่ให้อย่างแท้จริง ดังนั้น ไอยขอคัดคน
ที่มีความพร้อมตรงนี้เข้าไปก่อน สำหรับคนที่คิดว่าตนเองยังไม่พร้อมในตรงนี้
ต้องใช้เวลาในการปรับจิตปรับใจ ค่อยตามไปทีหลังตอนใกล้จะเกิดภัยพิบัติ
ก็แล้วกัน เพราะถึงเวลานั้นจริง ๆ ไอยจะแจ้งล่วงหน้าให้ทราบเองนะค่ะ
คอยดูงานที่ไอยเตรียมการไว้ที่ วัดนาเมืองเพชร แล้วคุณจะทราบได้เองค่ะ
จะทำงานอย่างไร อย่างผู้ที่จิตเป็นกุศล และผู้ที่ใช้ปัญญาในการทำงาน
เขาทำงานกันอย่างไร ที่ทำอย่างไรให้ใช้จ่ายน้อยที่สุด แต่ผลที่ได้รับ
มีมากมายมหาศาล อย่าพึ่งเคืองไอยเลยนะค่ะว่า ทำไมไม่ยอมบอกจุดปลอดภัย
ก็เพราะเหตุผลข้างต้นที่กล่าวมานั่นแหละค่ะ

 

ไอยอยากเตือนสติคนที่กริ่งเกรงเรื่องภัยพิบัติ กลัวว่าตัวเองและครอบครัว
จะเอาตัวไม่รอด ห่วงลูก ห่วงหลาน ห่วงพ่อ ห่วงแม่ ห่วงคนรัก
เมื่อก่อนหน้านี้ไอยก็เป็นเหมือนพวกคุณทุกคนนั่นแหละค่ะ
แต่เพราะความหวาดกลัว ทำให้ไอยได้ค้นพบธรรมะ ซึ่งกล่อมเกลา
และขัดเกลาจิตใจของเรา จนปราศจากความกลัวเรื่องเหล่านี้
เพราะเราได้ค้นพบธรรมะอันยิ่งใหญ่แล้ว ความตาย ความห่วงทั้งหลาย
ก็ค่อย ๆ จางหายไป คุณดูไอยเป็นตัวอย่างก็ได้ ขนาดทั้ง ๆ ที่รู้อยู่แล้วว่า
จังหวัดตรัง จะไม่เหลือ มีทางรอดแค่ 1% ไอยและลูกสาวคนโต
ก็มาอยู่ที่นี่ มาเป็นกำลังให้กับคนใต้ ซึ่งมิได้หมายถึงจังหวัดตรังเท่านั้น
แต่หมายถึงภาคใต้และประเทศไทยทั้งหมด ถึงแม้ว่ารู้จุดปลอดภัยอยู่ตรงไหน
ก็มิได้ขยับขยายเตรียมซื้อที่ไว้รองรับแต่อย่างใด เพราะถึงเวลานั้นจริง ๆ
ต่อให้อยู่จุดปลอดภัย แต่เมื่อถึงคราวตัวเราเองอาจมีเหตุจำเป็นต้องออกจาก
พื้นที่ก็ได้ ดังนั้นเตรียมจิตเตรียมใจ ปฏิบัติธรรมให้ถ่องแท้จะดีกว่า
การที่คุณพลุ่งพล่านหวาดเกรงจะเกิดภัย ทั้ง ๆ ที่ยังไม่เกิดในตอนนี้
แต่คุณดิ้นรนสารพัดเพื่อให้ตัวเองรอดให้ได้ หลาย ๆ คนในเวปนี้
ลงทุนขายบ้านขายช่อง ออกจากงาน ไปอยู่ในที่คิดว่าปลอดภัย
ผลสุดท้ายภัยก็ยังไม่เกิด งานการไม่มีจะทำ มันคุ้มหรือเปล่า
กับการลงทุนครั้งนี้ ไตร่ตรองให้รอบคอบเสียก่อนนะค่ะ
ก่อนที่คิดจะขยับขยาย เพราะรังจะทำให้ตนเองและครอบครัว
พากันเดือดร้อนไปเสียเปล่า ไอยว่าดูแนวทางที่ไอยกำลัง
เริ่มต้นทำ และคุณจะเห็นได้เลยว่า คุณไม่จำเป็นต้องไปซื้อที่ดิน
ไม่ต้องห่วงเรื่องข้าวปลาอาหารในวันเกิดภัย ไม่ต้องห่วงว่าจะ
ไม่มีอาชีพเลี้ยงตนเอง เพราะการทำงานตรงนี้ คือ การวางแผน
ในการรับมือภัยพิบัติทางธรรมชาติ และภัยพิบัติทางเศรษฐกิจ
ไปพร้อม ๆ กัน โดยใช้เงินให้น้อยที่สุด แต่ทุกคนได้ผลประโยชน์มากที่สุด
นี่คือวิธีการทำงานของไอย มิใช่ทุ่มเทเงินทอง แรงกาย แรงใจลงไปจนหมดตัว
เพื่อเตรียมการรับมือโดยไม่มีแนวทาง ไม่มีจุดหมายชัดแจ้ง เท่ากับเป็น
การลงทุนที่สูญเปล่า ซึ่งไอยไม่อยากให้ทุกคนเป็นแบบนั้น ณ ปัจจุบันนี้
คุณมีหน้าที่เตรียมจิตของคุณอย่างผู้ใฝ่ธรรมก่อนเถิดค่ะ อย่าหวาดเกรง
จนเกินเหตุกันไปเลย ไอยไม่อยากให้คุณหลงทาง เข้ารก เข้าพง
เผลอ ๆ ไปเข้าทางพวก 108 มงกุฎ จะพากันหมดตัวเสียก่อนภัยจะมานะค่ะ

 

หายเงียบไปนานเลยนะค่ะ หลายคนส่ง pm มาหา
ส่ง sms ก็มี ช่วงนี้ยุ่งมาก ๆ ค่ะ ก็เลยไม่มีเวลามา
up date ข้อมูล เพราะคนที่บ้านขอร้องให้เพลา ๆ
เรื่องงานบุญบ้าง ก็มัวแต่มุ่งงานบุญ งานของที่บ้าน
ไม่มีเวลาทำให้ จนคนในบ้านเคืองแล้วละค่ะ
แต่ตอนนี้คุยกันเข้าใจแล้วว่า ปล่อยให้ไอยทำเหอะ
รับรองว่าทั้งงานวัดและงานครอบครัวจะไม่ให้เสียเลยจ้า
นั่นแหละ ถึงยอมปล่อยให้ทำ เฮ้อ..กว่าจะกล่อมได้
ต้องให้แอ๊บขู่หน่อย ๆ ก็ไม่ให้ไอยขอมาทำได้อย่างไร
ก็ทุกคนเล่นส่งกระแสเข้ามาตลอดเวลา ไอยรับรู้ได้นะค่ะ
ไม่ใช่ไม่รู้ ตอนนี้เริ่มเดินหน้าทำงานแล้วค่ะ รับรองมีเฮแน่
เพราะทางเปิดแล้วจ้า

 

พระธาตุจอมปิง วัดพระธาตุจอมปิง (พระบรมธาตุซี่โครงเบื้องซ้าย)
ตั้งอยู่ที่หมู่ 5 บ้านจอมปิง ตำบลนกแก้ว อำเภอเกาะคา


การเดินทางนั้นใช้เส้นทางเดียวกันกับวัดพระธาตุลำปางหลวง แต่แยกซ้าย
ตรงที่ว่าการอำเภอไปอีก 17 กิโลเมตร วัดพระธาตุจอมปิงเป็นวัดโบราณ
ตามตำนานกล่าวว่าสร้างขึ้นในสมัยพระเจ้าติโลกราชแห่งอาณาจักรล้านนาไทย
วัดนี้มีความมหัศจรรย์ของการเกิดเงาสะท้อนเป็นภาพสีธรรมชาติขององค์พระธาตุ
ผ่านรูเล็กบนหน้าต่างมาปรากฏบนพื้นภายในพระอุโบสถตลอดเวลาที่มีแสงสว่าง
ทั้งกลางวันและกลางคืน และทางวัดยังจัดที่สำหรับแสดงโบราณวัตถุต่างๆ
ที่ขุดพบในบริเวณนี้ด้วย

คุณลุงซึ่งเป็นผู้อธิบายปรากฏการณ์ “ เงาพระธาตุ ” ในพระอุโบสถ์ว่า
เงาสะท้อนพระธาตุเจดีย์นี้มีมานานแล้วแต่ไม่มีใครสังเกตุเห็น ชาวบ้านที่มา
ทำบุญหรือมาฟังธรรมในวันสำคัญทางศาสนาตอน กลางคืน หรือวันขึ้น 15 ค่ำ
ทีมีพระจันทร์เต็มดวง จะปรากฏเงาพระธาตุทอดเป็นแนวยาวขึ้นบนพื้นปูน
ภายในโบสถ์หลังเก่า ครั้งแรกก็ไม่มีใครรู้เพราะเป็นภาพที่เลือนลางไม่ชัดเจน
และรูปทรงพระเจดีย์ก็เหมือนภาพถูกยืดให้ยาวขึ้น เมื่อหลายคนช่วยกันดู
จึงรู้ว่า เป็นเงาสะท้อนของพระธาตุฯที่ผ่านช่องรูเล็กๆเท่าปลายนิ้วก้อย
ของบานหน้าต่างที่ปิดไว้ จากนั้นก็บอกต่อให้ชาวบ้านคนอื่นๆได้รู้ จนปรากฏ
เป็นข่าวไปทั่วประเทศ
ที่มา http://www.thai-tour.com/thai-tour/north/lampang/data/place/pic_prathatjomping.htm

http://www.photoontour.com/gallery2/watjomping/watchomping.htm

 

พระธาตุดอยนางแตน (วัดดอยน้อย) (รอยพระพุทธบาทคู่)
บ้านนางแตน ตำบลท่าผา อำเภอเกาะคา


เชื่อกันว่าวัดแห่งนี้สร้างโดยครูบาศรีวิชัย โดยแต่เดิมบนดอยน้อยแห่งนี้มี
ป่าไม้หนาทึบอุดมสมบูรณ์ พระภิกษุสงฆ์ที่แสวงหาความวิเวกจึงได้แวะเวียน
ขึ้นมาปฏิบัติธรรม ชาวบ้านละแวกนั้นได้เห็นก็พากันศรัทธา ช่วยถางบริเวณ
ป่าสร้างกุฏิไม้ไผ่มุงด้วยหญ้าคาถวายพระภิกษุให้ท่านได้อยู่อาศัยเพื่อปฏิบัติธรรม

ในปี พ.ศ.2504 ทางวัดดอยน้อยได้รับเมตตาจาก ครูบาศรีวิชัย นำคณะ
ศรัทธาสาธุชนทั่วทั้งหลายมาก่อสร้างพระวิหารขึ้นทางทิศเหนือของพระเจดีย์
พร้อมทั้งสร้างพระพุทธรูปรูปปูนปั้นปางมารวิชัยไว้ในพระวิหารโดยเรียกกันว่า
"วิหารหลังเปียง"สร้างหันหน้าไปทางทิศใต้ ซึ่งถือว่าค่อนข้างแปลกแตกต่าง
จากวัดอื่นๆ แต่ที่แปลกกว่านั้นก็คือวิหารหลังนี้ปรากฏเงาพระธาตุให้เห็นถึง
5 เงาเลยทีเดียว

เจ้าอาวาสวัดพระธาตุดอยน้อย เล่าว่า พระธาตุองค์นี้มีมาตั้งแต่ก่อนสร้างวัด
ด้านในบรรจุอัฐิพระสัมมาสัมพุทธเจ้า เดินตรงเข้าไปจะเจอกันวิหารอีกหลังหนึ่ง
คือ"วิหารรอยพระพุทธบาท"ซึ่งเป็นรอยพระพุทธบาทที่ชาวบ้านพบที่ตรงเนิน
ใกล้ทางรถไฟใกล้ๆวัด จึงได้นำขึ้นมาไว้ที่วัดเมื่อปี พ.ศ.2530

ที่มา http://www.danpranipparn.com/web/pratttas/pratta25mini3.html

Travel - Manager Online - มหัศจรรย์!?! เงาพระธาตุ 5 เงา ที่วัดพระธาตุดอยน้อย

 

พระธาตุดอยฮาง
บ้านทุ่งขาม ตำบลใหม่พัฒนา อำเภอเกาะคา


ดอยฮางเป็นภูเขาหินปูนทั้งลูก และยังเป็นที่ประดิษฐานของพระธาตุดอยฮาง และ
บ่อน้ำศักดิ์สิทธิ์ บนยอดดอยมีบ่อน้ำที่มีน้ำอยู่ตลอดทั้งปีไม่เคยแห้ง ถึงแม้จะขุดบ่อ
เข้าไปในหินปูนก็ตาม นอกจากนี้กลางดอยยังมีถ้ำซึ่งเคยพบหีบเก็บพระธรรมโบราณ
ชาวบ้านจึงเรียกว่าถ้ำหีบ ปัจจุบันด้านในถ้ำเป็นที่ประดิษฐานของพระพุทธรูปพระเจ้า
สองดอยทอง ซึ่งสร้างขึ้นเมื่อปี พ.ศ. 2496

ที่มา ลำปาง-พบแหล่งท่องเที่ยวแห่งใหม่ที่ยอดดอยฮาง ข่าวต่างประเทศ ข่าวอาชญากรรม ข่าวสังคม ข่าวเศรษฐกิจ ข่าวการเมือง ข่าวด่วน ข่าว ข่าวสด ข่าววันนี้ สลากกินแบ่งรัฐบาล ข่าวดารา ข่าวบันเทิง : ครอบครัวข่าว 3

 

พระธาตุไหล่หินหลวง
วัดเสลารัตนปัพพตาราม บ้านไหล่หิน อำเภอเกาะคา


วัดไหล่หินหลวง ซึ่งอยู่บนเนินเขาเล็ก ๆ เกาะหนึ่ง ในท้องที่หมู่ที่ ๒ ต.ไหล่หิน อ.เกาะคา
จ.ลำปางห่างจากตัวอำเภอเกาะคาไปทางทิศตะวันตกเฉียงเหนือประมาณ ๖ ก.ม.เศษ
มีเนื้อที่ที่ธรณีสงฆ์ประมาณ ๕๐ ไร่เศษ สร้างขึ้นเมื่อประมาณ พุทธศักราช ๒๑๘
นับว่าเป็นวัดหนึ้งของจังหวัดลำปางที่มีความสำคัญทางด้านประวัติศาสตร์การสร้าง
เมืองลำปางหรือเขลางค์นคร เพราะว่าวัดนี้ได้สร้างขึ้นขณะที่ พระอรหันต์ได้อัญเชิญ
พระบรมสารีริธาตุขององค์สัมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า มาไว้ยังม่อนหินแห่งนึ้ จึงมี
ตำนานที่ สำคัญ จะได้เล่าขานโดยสังเขปดังนี้ ศาสตราจริกา อ้างสมัยหนึ่งพระสัมมา
สัมพุทธเจ้าครั้งยังทรงทรมานสำราญอยู่ในเขตเชตวันมหาวิหารมีคืนวันหนึ่งยามใกล้รุ่ง
พระองค์ทรงรำพึงว่าตั้งแต่กูตถาคตได้ตรัสรู้พระสัมมาสัมโพธิญาณ มา ถึงบัดนี้ได้
๒๕ พรรษาแล้วต่อเมื่อกูมีพระชมมายุอยู่ได้ ๘๐ พรรษาเมื่อไดกูตถาคตก็ได้เสด็จ
ดับขันธปรินิพพานแล้ว ควรกูจะอธิฐานธาตุให้ย่อยเพื่อให้คนทั้งหลายและพระอรหันต์
ได้นำไปบรรจุไว้เป็นที่สักการะ บูชาเสมอเหมือนกูตถาคดยังวทรงมีพระชนม์ชีพอยู่
พระพุทธองค์ทรงรำพึงดังนี้แล้วพอพระองค์ดับขันธปรินิพพานไปแล้วได้ ๒๑๘ ปี
ยังมีพระยาองค์หนึ่งทรงพระนามว่า ศรีธรรมาโศกราชได้ทรงชนะข้าศึกทั้งหลายแล้ว
ได้อาศัยเจ้านิโครธสามเณรอยู่ ได้เลิกถอยความเลื่อมใสพวกเดียรถีย์ทั้งหลายแล้ว
จึงบังเกิดความเลื่อมใสอันแก่กล้าในพระพุทธศาสนาอย่างมาก จึงดำริที่จะสร้าง
พระเจดีย์เป็นที่บรรจุซึงพระบรมสารีริกธาตุของพระสัมมาสัมพุทธเจ้า จำนวน
๘๔,๐๐๐ องค์พระธรรมขันธ์ ต่อมาพระองค์ทรงพิจารณาหาพระบรมสารีริธาตุของ
พระสัมมาสัมพุทธเจ้า ก็พบที่เมืองราชคฤห์แล้ว พระองค์ก็อัญเชิญเข้าสู่เมืองนคร
ปาตรีบุตรนคร พระองค์ทรงแบ่งพระบรมสารีริธาตุมอบให้พระเถระทั้งสองพระองค์
คือพระกุมารกัสสปะและพระเมฆิยะเถระเจ้าท่านได้พระบรมสารีริธาตุของพระสัมมา
สัมพุทธเจ้าอัญเชิญขึ้นบนหลังช้าง มาจากประเทศอินเดีย เพื่อมาประดิษฐานยัง
วัดพระธาตุลำปางหลวง พอขบวนช้างที่อัญเชิญพระบรมสารีริกธาตุมาถึงยังม่อนหิน
แห่งนี้ขบวนช้างเชือกนั้นก็ไม่ยอมเดินทางต่อถึงเจ้าจะขับจะจะใสอย่างไรช้างก็ไม่ยอม
ที่จะเดินทางต่อ อันเป็นเหตุที่น่าอัศจรรย์เป็นอย่างยิ่งนัก องค์พระอรหันต์ผู้เป็นพระประมุข
ของขบวนนั้น จึงพร้อมด้วยผู้คนที่ติดตามได้ปรึกษากันที่จะสมควร สร้างองค์พระเจดีย์
บรรจุเอาพระบรมสารีริธาตุขององค์สัมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าเพื่อไว้เป็นที่กราบไหว้
สักการะบูชาตลาดกาลนาน และเป็นอนุสรณ์ที่ได้อัญเชิญพระบรมสารีริกธาตุมายังที่แห่งนี้ด้วย

วัดถ้ำพระสบาย (รอยพระพุทธบาท) อ.เกาะคา 
วัดถ้ำพระสบาย เป็นวัดปฏิบัติสายหลวงปู่มั่น ภูริทัตโต ที่ ท่านหลวงปู่แว่น ธนปาโล
เป็นผู้บุกเบิกและได้อยู่จำพรรษาจนกระทั่งมรณภาพ, ท่านหลวงพ่อลี ธัมมธโร เคยมา
พำนักเพื่อปฏิบัติธรรม ณ ถ้ำพระสบายแห่งนี้ แล้วถ้ำก็สว่างโพล่งทั่ว ปรากฏเป็นเจดีย์
ให้เห็น หลวงพ่อลีเคยบอกว่า ในถ้ำนี้มีพระอรหันต์ 3 รูปมาบรรลุธรรมที่นี้


ที่มา วัดเสลารัตนปัพพะตาราม - วิกิพีเดีย

http://www.thaiall.com/lovelampang/watlaihin.htm
www.dhammajak.net/board/viewtopic.php?t=1616

 

วัดพระธาตุดอยเต่าคำ (พระบรมธาตุแขนเบื้องซ้าย)
บ้านสบดี ตำบลแจ้ซ้อน อำเภอเมืองปาน


วัดพระธาตุดอยเต่าคำ เป็นวัดเก่าแก่แห่งหนึ่ง อันประกอบไปด้วยพระธาตุศักดิ์สิทธิ์
คู่เมืองแจ้ห่ม ที่ตั้งของวัดในปัจจุบัน ห่างจากตัวอำเภอเมืองปานไปทางทิศตะวันออกเฉียงเหนือ
ประมาณ 3 กิโลเมตร สันนิษฐานว่าวัดพระธาตุดอยเต่าคำแห่งนี้ มีอายุไม่ต่ำ กว่า 500 ปี
ตำนานเมืองแจ้ห่ม กล่าวไว้ว่าเมื่อถึงสมัยของพระยาการเมือง เป็นเจ้าครองเมืองลำปาง
มีพระภิกษุรูปหนึ่งได้บันทึกเป็นภาษา บาลีว่า พระธาตุดอยเต่าคำนั้น มีถ้ำเป็นอุโมงค์ลึก
อยู่บริเวณเชิงพระธาตุ ภายในอุโมงค์มีเรือเงิน เรือทองยาวประมาณ 8 ฟุต กว้างประมาณ
3 ฟุต มีปราสาทอยู่ในเรือทอง สูงประมาณ 3 ฟุต อุโมงค์ลึกลงไปประมาณเท่าลำน้ำมอญ
มีโซ่ทองคำล่ามเรือใหญ่คะเนได้ ประมาณ 9 หุน ยาวประมาณ 8 วา ในเรือมีเต่าทองคำ
ตัวหนึ่ง ในประสาทมีสารีริกธาตุโตเท่าเม็ดมะกล่ำมีรัศมีรุ่งดั่งสีทองสุกปลั่งอยู่ในกระบอกไม้รวก
นอกจากนี้ในตำนานยังกล่าวถึงพระพุทธรูปปางไสยาสน์แดงเป็นพระบรมสารีริกธาตุแขนซ้าย
ซึ่งประดิษฐานอยู่ในพระวิหาร มีพระเนตรเป็นแก้ววิเศษ หัวใจแก้วเป็นทองคำเท่า
ลูกมะพร้าวไฟปลอกเปลือก มีไส้เป็นเหรียญทองแดงยาว ประมาณ 8 วา ตำนานดังกล่าว
ถูกบันทึกและปรากฎในตำนานพระเจ้าเลียบโลก

ที่มา http://www.dvthai2.com/what_prathad_tao_com_histry.htm

 

วัดพระธาตุดอยซาง
ตำบลแจ้ซ้อน อำเภอเมืองปาน

พระธาตุดอยซาง ตั้งอยู่บริเวณหมู่ที่ 9 ตำบล แจ้ซ้อน มีการเล่าสืบต่อกันว่า
พระนางเจ้าจามเทวี ได้นำพระพุทธรูปพร้อมด้วยเครื่องทรง บรรจุไว้บนยอดและ
สร้างสถูปครอบไว้ เมื่อปี พ.ศ. 1226 ต่อมาในปี พ.ศ. 2470 ครูบาศรีวิชัย
ได้ให้ช่างสร้างเจดีย์ครอบสถูปไว้และในปัจจุบันราษฎรบ้านข่วงกอมร่วมกับ
ส่วนราชการ ได้ทำการพัฒนาให้เป็นแหล่งท่องเที่ยว โดยมีกองทัพภาค 3
เป็นแกนนำและมีการจัดทำบุญประเพณีสรงน้ำพระธาตุดอยซาง ในวันขึ้น 8 เหนือ
ขึ้น 8 ค่ำเป็นประจำทุกปี

 

พระธาตุวัดศรีหลวงแจ้ซ้อน ตำบลแจ้ซ้อน อำเภอเมืองปาน

พระธาตุวัดอักโขชัยคิรี
ตำบลวิเชตนคร อำเภอแจ้ห่ม


วัดอักโขชัยคีรี ตั้งอยู่ที่ตำบลวิเชตนคร บนเนินเขาริมถนนสายลำปาง-แจ้ห่ม
เส้นทางหลวงหมายเลข 1035 บริเวณกิโลเมตรที่ 50-51 ด้านซ้ายมือ
มีทางขึ้น 2 ทางคือ ทางเดินขึ้นบันไดด้านหน้าหรือขับรถขึ้นทางถนนด้านหลัง
โบสถ์และเจดีย์เป็นแบบล้านนาอยู่ใกล้เคียงกัน ที่วัดนี้มีปรากฏการเงาสะท้อน
พระเจดีย์เป็นภาพสีเช่นเดียวกับวัดพระธาตุจอมปิง เงาพระเจดีย์จะปรากฏอยู่
ตรงที่เดิมไม่เคลื่อนย้ายตลอดทั้งวันตราบเท่าที่ยังมีแสงสว่าง นอกจากนี้ภายใน
โบสถ์ยังเป็นที่ประดิษฐานพระพุทธรูปยืนองค์ใหญ่เรียกว่า พระศากยะมุณีคีรีอักโข
มีความสูง 5 วา 2 ศอก เป็นพระพุทธรูปเก่าแก่ เป็นที่นับถือของชาวแจ้ห่มมาก
โบสถ์เปิดเวลา 07.00-17.00 น

ตำนานเมืองแจ้ห่ม อำเภอแจ้ห่ม - วิกิพีเดีย

ที่มา เที่ยววัดอักโขชัยคีรี ข้อมูลที่เที่ยวและแผนที่บนมือถือ

 

พระธาตุวัดดงนั่ง
ตำบลวิเชตนคร อำเภอแจ้ห่ม

วัดดงนั่งคีรีชัย ตั้งอยู่ในเขตบ้าน ปงคอบ ต.วิเชตนคร อ.แจ้ห่ม จ.ลำปาง ห่างจาก
หมู่บ้าน ๕๐๐ เมตร มองเห็นแต่ไกล เพราะวัดตั้งอยู่บนเขาสูงประมาณ ๓๐ เมตร
อ้างถึงคำภีร์พุทธจารีต คำภีร์เทวตาสูตร และตำนานพระเจ้าเลียบโลก ( จารย์ด้วย
ตังอักษร ล้านนา ลงในใบลาน มีอยู่หลายวัด ในภาคเหนือ ตอนบน ) กล่าวไว้ว่า
เมื่อสมัยพุทธกาล องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า พร้อมด้วยพระอรหันตสาวก
ได้เสด็จจาริกมาเผยแผ่พระธรรมคำสั่งสอน ในแค้วนล้านนานี้ เสด็จมาถึงเขตเมืองลัวะ
และเมืองอาราวี ได้มีสองตายายชาวเมืองลัวะ และฤาษีตนหนึ่งชื่อ สิทธะสี
คอยติดตามอุปถาก กาลครั้งนั้นพระพุทธได้พาพระอรหันต์ ขึ้นมาประทับนั่งพักผ่อน
พระอิริยาบถ บนเขาแห่งหนึ่งทางทิศเหนือเมืองลัวะ แล้วทรงตรัสแก่พระอานนท์ว่า
เมื่ออดีตชาติ ตถาคต เคยจุติมาเกิดเป็น เต่าคำชาติหนึ่ง และจุติมาเป็น นกกระทาป่า
สองชาติเพื่อมาบำเพ็ญบารมีบนเขาแห่งนี้ และทรงทำนายว่า กาลข้างหน้าสถานที่
แห่งนี้จะเจริญไปด้วยพระธรรมคำสั่งสอนของพระพุทธศาสนา และทรงรับสั่งต่อไปว่า
หากตถาคตปรินิพพานไปแล้ว ให้นำเอาพระอัฐิธาตุส่วนที่เป็นข้อมือข้างซ้ายมาบรรจุ
บนเขาแห่งนี้ เพื่อให้มนุษย์และเทวดาได้สักการะบูชา พระอานนท์ได้กราบทูลขอ
พระเกษาธาตุ พระองค์ก็ทรงอธิษฐานเอาพระเกษาธาตุมอบให้พระอานนท์ จำนวน ๘ เส้น

ที่มา ศูนย์ข้อมูลกลางทางวัฒนธรรม _ หน้าแรก

 

สำหรับผู้ที่ต้องการพระผงจักรพรรดิ-หลวงตาม้า (วัดถ้ำเมืองนะ)
กรุณาแจ้งชื่อ-ที่อยู่ ทางหน้าเวปหรือจะ pm มาก็ได้ค่ะ
จะจัดส่งไปให้พร้อมแผ่นพับบทสวดมนต์พระมหาจักรพรรดิ์
สำหรับคุณต้น ส่งให้วันนี้แล้วนะค่ะ ต้องขอโทษที งานเยอะมาก
อีกทั้งย้ายมาอยู่ที่ใหม่ พึ่งรู้ว่าไปรษณีย์อยู่ตรงหน้านี่เองค่ะ
รับรองว่าจัดส่งให้ได้ทุก ๆ คน ในทุกวัน ๆ เลยค่ะ
หรือจะมารับเองได้ที่วัดนาเมืองเพชร จังหวัดตรัง
ไอยจะอยู่ช่วยงานวัดช่วงเช้าถึง 9 โมงนะค่ะ
แต่มารับพระได้ตลอดเวลาค่ะ หรือจะมารับที่
โครงการชาลีทวีทรัพย์ที่คลองเต็งก็ได้ค่ะ
ไอยประจำอยู่ที่นี่ตลอดเวลา แถมพระแล้ว
เลี้ยงข้าวให้ด้วยค่ะ Promotion เต็มที่
ไม่คิดตังค์สักบาทเดียว

 

หลาย ๆ ท่านที่รู้จักไอยพอสมควรว่าได้ผ่านเรื่องราวต่าง ๆ มามากมาย
ได้สัมผัสทั้งด้านดีและไม่ดี โดยใช้ตนเองเป็นบททดสอบ รวมทั้งคำแนะนำ
จากผู้รู้ ครูบาอาจารย์หลาย ๆ ท่าน และได้เข้าไปปฏิบัติธรรมตั้งแต่ช่วงแรก ๆ
ที่วัดถ้ำเมืองนะ ซึ่งผู้รู้ ครูบาอาจารย์ต่าง ๆ ท่านก็รับรองในพุทธคุณของ
พระผงจักรพรรดิว่าเป็นสิ่งที่ดี ป้องกันสิ่งไม่ดี และกระแสพลังงานด้านมืดได้
ซึ่งกว่าที่ไอยจะกล้าบอกกล่าวให้ทุกคนได้รับทราบได้ ก็ใช้เวลาตรวจสอบ
อยู่หลายปีเช่นกัน ว่ามีพุทธคุณหรือสิ่งใดที่สามารถป้องกันพลังงานไม่ดี
มาสู่ตัวเราได้ ดังนั้นไอยจึงได้แนะนำวัดนาเมืองเพชร ให้เป็นกำลังบุญ
ในการแจกพระผงจักรพรรดิฟรีให้กับคนใต้และทั่วประเทศอีกแรงหนึ่ง
เหมือนกับหลาย ๆ ที่และหลาย ๆ ท่านที่เป็นกำลังบุญในการแจก
พระผงจักรพรรดิ์เช่นเดียวกัน

 

การอธิษฐานครอบดวงแก้วให้แก่บ้าน เพื่อป้องกันรังสี

พระผงจักรพรรดิที่หลวงปู่ดู่ท่านสร้างขึ้น และพระผงจักรพรรดิ
ที่สร้างขึ้นตามสูตรของหลวงปู่ดู่นั้น สามารถนำมาอธิษฐานเพื่อป้องกันอันตราย
จากรังสีนิวเคลียร์ได้ทุกองค์ กับผู้ที่บูชาคล้องคอติดตัว และกับบ้านพักที่อาศัย
แต่ถ้าต้องการให้คุ้มครองบ้านพักอาศัยด้วยนั้น ต้องอัญเชิญพระผงจักรพรรดิ
ไว้ที่บ้าน 1 องค์ โดยให้อัญเชิญพระผงจักรพรรดิมาอธิษฐานทำน้ำมนต์
ในเวลา 20.30 น. เพราะต้องอาศัยกำลังใหญ่(ช่วงเวลาดังกล่าว หลวงตาม้า
จะนำเทพ พรหม ร่วมสวดพระคาถามหาจักรพรรดิ) โดยนำพระผงจักรพรรดิ
แช่ในภาชนะที่เหมาะสม เช่น ขันน้ำมนต์ และให้แช่ไว้อย่างนั้นตลอด
เพื่อจะได้เป็นหัวเชื้อน้ำมนต์สำหรับใช้ในการอื่นๆ ได้ แล้วให้ตั้งจิตน้อม
ระลึกถึง หลวงปู่ดู่ พรหมปัญโญ แล้วกล่าวคำอธิษฐานว่า “ข้าพเจ้าขอ
อาราธนาอัญเชิญพระบารมีรวม แห่งองค์สมเด็จพระอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้า
พระปัจเจกพุทธเจ้า พระโพธิสัตว์เจ้า พระอรหันตาขีณาสพเจ้าทั้งหลาย
พระธรรม บารมีรวมแห่งพระอริยสงฆ์ ตั้งแต่อดีต ปัจจุบัน และอนาคต โดยมี
บารมีรวมของหลวงปู่ดู่ พรหมปัญโญ เป็นที่สุด ขอหลวงปู่ท่านได้โปรดรวม
บารมีทั้งหมดทั้งมวล แผ่มายังน้ำบริสุทธิ์นี้ ให้มีพุทธานุภาพ ธรรมานุภาพ
สังฆานุภาพ และมหิทธานุภาพ ในการป้องกัน ขจัดทำลายรังสีและพลังงาน
อันไม่ดีทั้งปวง ที่เข้ามาในอาณาบริเวณเขตน้ำมนต์แห่งนี้ให้เกิดเป็น
ปราการแก้ว 7 ชั้น คุ้มครองทั้ง 6 ทิศ คือ เบื้องหน้า เบื้องหลัง เบื้องซ้าย
เบื้องขวา เบื้องบน และเบื้องล่าง ให้กระแสเย็นแห่งน้ำมนต์นี้จงเปล่งออกไป
เป็นรัศมีเรืองรอง คุ้มครองป้องกันและครอบคลุมบ้านทั้งหลังของข้าพเจ้านี้
ให้ผู้ที่อาศัยอยู่ภายในบ้านนี้จงร่มเย็น ปลอดภัยจากอันตรายทั้งหลายทั้งปวง
ด้วยเถิด” จากนั้นให้สวดบทอัญเชิญพระเข้าตัว(บทสัพเพฯ) แล้วให้นำ
น้ำมนต์ไปรดรอบๆ บ้าน แล้วตั้งภาชนะใส่น้ำมนต์ที่มีพระผงจักรพรรดิแช่
อยู่ไว้ในที่อันควร หมั่นเติมน้ำอย่าให้แห้ง น้ำมนต์นี้ใช้ได้ทั้งกินและอาบ

 

อานิสงส์การสวดบทพระคาถามหาจักรพรรดิ

บทสวดพระคาถามหาจักรพรรดินี้ หลวงปู่ดู่ พรหมปัญโญ เป็นผู้เรียบเรียงโดยมีที่มาจาก
การที่ศิษย์ของหลวงปู่ท่านหนึ่ง ต้องการพระคาถาเพื่อใช้สวดบูชาพระพุทธรูปที่เขาได้
จัดสร้างขึ้น เป็นการสวดเพื่อบูชาพระพุทธเจ้าทุกๆ พระองค์ ตลอดทั้งพระนิพพาน
รวมถึงพระธรรมเจ้า พระโพธิสัตว์เจ้า พระอรหันตาขีณาสพเจ้า พระอริยะสงฆ์ และ
พระสงฆ์สาวกทั้งมวล เป็นการบูชาพระพุทธเจ้าทั้ง 5 พระองค์ในภัทรกัป(กัปปัจจุบันนี้)
อีกทั้งยังเป็นการอัญเชิญกำลังแห่งพระพุทธเจ้าจักรพรรดิ กำลังแห่งพระโพธิญาณของ
พระโพธิสัตว์เจ้าทุกๆ พระองค์ นับตั้งแต่อดีต ปัจจุบัน และอนาคต น้อมนำกำลังของ
เทพพรหม พระอริยะเจ้าทั้งหลาย อาราธนารวมเข้าที่กาย ใจ จิต วิญญาณของผู้สวด
เป็นการอาราธนาบารมีแห่งคุณพระพุทธ พระธรรม พระสงฆ์ ครูบาอาจารย์ เทพ พรหม
สิ่งศักดิ์สิทธิ์เข้าสู่ตัว เพื่อคุ้มครองป้องกันภัย และเสริมโชคลาภให้แก่ผู้สวด เนื่องจาก
ในบทสวดมีการระลึกถึงพระสีวลี ผู้ซึ่งเป็นพระอสีติมหาสาวกเอตทัคคะในทางผู้มี
ลาภมากรวมอยู่ด้วย การสวด ครั้งหนึ่ง มีอานิสงส์แผ่ไปทั่วจักรวาลตลอดสามแดนโลกธาตุ
(เทพ พรหมภูมิ, มนุษย์ภูมิ, อบายภูมิ) สามารถแผ่ส่วนบุญปรับภพภูมิแก่สรรพสัตว์
ตลอดจนเทวดาประจำตัว ญาติมิตร ครอบครัว เจ้ากรรมนายเวร และหากนำบทสวดนี้
ไปสวดหรือแผ่ไปในนรก(อบายภูมิ) ไฟนรกจะดับชั่วขณะ นอกจากนี้ การสวดบท
พระคาถามหาจักรพรรดินี้ ยังเป็นการสร้างกำแพงแก้วคุ้มกันตัวแก่ผู้สวดอีกด้วย
บทสวดพระคาถามหาจักรพรรดินี้มีพลังงานมากมาย เหมาะอย่างยิ่งที่จะใช้สวดก่อน
หรือระหว่างการนั่งภาวนากัมมัฏฐาน เพราะจะก่อให้เกิดกระแสพุทธานุภาพครอบคลุม
และคุมการปฏิบัติภาวนาของเรา และหากได้สวดอยู่เป็นประจำจะสามารถอธิษฐาน
เรื่องราวใดที่มีข้อติดขัด เรื่องร้ายทั้งหลาย ทำให้ผ่านพ้นไปได้ด้วยดี นำมาซึ่งความเจริญ
แก่ผู้สวดทั้งในทางโลกและทางธรรม

วัดถ้ำเมืองนะ จ. เชียงใหม่ วัดถ้ำเมืองนะ (วัดพุทธพรหมปัญโญ) บารมี หลวงปู่ทวด, หลวงปู่ดู่ พรหมปัญโญ, หลวงตาม้า, พระผง บทสวด จักรพรรดิ
วัดนาเมืองเพชร จ. ตรัง http://palungjit.org/threads/ขอเชิญ...55-ณ-วัดนาเมืองเพชร-จังหวัดตรัง.367685/page-6