พลังหินบำบัด-อาการที่แสดงว่าเรากำลังใช้หินและปิระมิดได้ผลอยู่

ในห้อง 'วิทยาศาสตร์ทางจิต - ลึกลับ' ตั้งกระทู้โดย Chayutt, 12 กันยายน 2021.

  1. Chayutt

    Chayutt รูปเดิมไม่เคยเปลี่ยนเลยครับ

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 สิงหาคม 2005
    โพสต์:
    6,408
    ค่าพลัง:
    +50,772
    **อาการที่แสดงว่าเรากำลังใช้หินและปิระมิดได้ผลอยู่ - ตอนที่ 1**

    Alchemistic Power of Stones-(1).jpg
    (Credit the picture from: Alchemistic Power of Stones : https://facebook.com/chayutt.naowarat)

    มันน่าแปลกมากครับ ที่อาการของการใช้พลังงานจากหิน, และจากปิระมิด และรวมถึงอาการแห่งการเลื่อนระดับขึ้น (Ascension symptom) อันเกิดจากการดาวน์โหลดลงมาของพลังงานจากจักรวาล จะส่งผลต่อร่างกายและระบบพลังงานของมนุษย์เราคล้ายๆกันเลย

    คือ..มันจะออกแนว..เข้าไปปรับสมดุลให้กับระบบต่างๆในร่างกายของเราเอง ทั้งในระดับกายหยาบ กายทิพย์ สนามพลังออร่า ระบบจักระ กายแห่งอารมณ์ ความคิด และจิตวิญญาณเลย ให้ค่อยๆคืนกลับมาสู่สมดุลย์ใหม่อีกครั้งหนึ่ง

    โดยกลไกหลักของมันก็จะมีอยู่ราวๆ 2 กลไกด้วยกัน คือ: การชำระล้างพลังงานที่ผิดปกตินั้นออกไป และ การนำเอาพลังงานแห่งแสงสว่างอันเป็นแก่นแท้ของตัวเราเองกลับคืนมา
    เดี๋ยวผมขออธิบายเพิ่มเติมดังนี้นะครับ :

    1).คริสตัลและปิระมิด (และ Vibrational Healing วิธีอื่นๆด้วย) จะส่งพลังงานเข้าไปเขย่า หรือกระตุ้น ให้พลังงานที่อุดตัน, ติดขัด, แทรกแซง, แอบแฝง หรือเข้ามาเกาะกินเป็นกาฝากอยู่ในกาย-จิต-อารมณ์-สนามพลังออร่า และระบบจักระของเรา ให้โผล่ขึ้นมาสู่ระดับพื้นผิวของความตระหนักรู้ของเรา แล้วให้เรา "เลือก" ที่จะปลดปล่อยมันออกไปเอง

    1.1).ตรงนี้แหละที่สำคัญอย่างยิ่งยวดเลยหละครับ..คือ คำว่า "เลือก" นี่แหละ ซึ่งถ้าใครเข้าใจหลักการณ์ตรงนี้แล้ว ก็จะถึงบางอ้อขึ้นมาทันทีเลยว่า..อ๋อ มิน่าหละทำไมคนบางคนถึงใช้หินและปิระมิดได้ผลดีจังเลย ส่วนคนบางคนทำไมไม่รู้สึกอะไรเลย!

    เพราะว่าไม่ว่าจะเป็นการทำงานของจักรวาล, จากสิ่งศักดิ์สิทธิ์, จากปิระมิด, จากหิน และจากอะไรก็ตามที่เป็นศาสตร์ทางด้านนี้ พวกเขาจะเคารพกฎแห่งทางเลือกเสรี หรือ Free Will ของมนุษย์เสมอ

    พวกเขาจะไม่เข้ามาก้าวก่าย หรือแทรกแซง หรือเข้ามารบกวนโดยพละการเลย ถ้าเราเองไม่ร้องขอความช่วยเหลือออกไป หรือถ้าพวกเขาไม่ได้มีพันธะสัญญาทางจิตวิญญาณกับพวกเราเอาไว้ก่อนหน้านั้นแล้ว

    ดังนั้น มันจึงแปลว่า เราจะเลือกที่จะปลดปล่อย หรือไม่ปลดปล่อยก็ได้ เพราะมันเป็นเรื่องตลกที่จะทำให้เราหัวเราะทั้งน้ำตา ถ้าได้รู้ว่า
    "ความจริงแล้ว คนที่ไม่ยอมให้ตัวเองหายป่วยซะที..ก็คือตัวเราเองนี่แหละ!!"

    เพราะว่า
    คนที่จะทำร้ายเราได้มากที่สุด และก็รุนแรงที่สุด ก็คือตัวเราเอง!! เดี๋ยวเรื่องนี้จะมีขยายความตอนท้ายนะครับ..อย่างที่ผมบอกนั่นแหละ..ว่ามันจะทำให้เราขำ และหัวเราะทั้งน้ำตาเลยครับ เมื่อได้รู้ความจริงนี้

    1.2).ทีนี้..การเลือกที่จะปลดปล่อยพลังงานที่ไม่ดี-ไม่งามเหล่านี้ออกไปจากระบบต่างๆของเรานั้น จะทำยังไงหละ?

    ก็โดยการ "แค่รู้ แค่ดู แค่เห็น" สภาวะของมันเฉยๆ ในฐานะของผู้สังเกตการณ์ แล้วส่งมอบความรักให้กับพวกมันไป แล้วขอบคุณมัน แล้วก็บอกให้มันจากไป ให้อภัยมัน และให้อภัยตัวเองด้วย ก็แค่นั้นเองครับ..แปลกดีไหมหละครับ??

    ผมว่ามันแปลกมากเลย..และในเบื้องต้นก็ดูเหมือนจะไม่สมเหตุสมผลด้วย..แต่จริงๆแล้ว พอศึกษามากเข้าๆก็เริ่มเห็นความสมเหตุสมผลแล้วหละว่า..มันเป็นเช่นนั้นเอง

    คือ..อาการเจ็บไข้ได้ป่วยทั้งหลาย และความผิดปกติและความไม่สมดุลทั้งหลายของเรา ทั้งทางกาย ทางจิตใจ ทางอารมณ์ และทางความคิด เวลาพวกมันสำแดงออกมาผ่านอาการเจ็บป่วยนั้น ทั้งหมดทั้งสิ้นก็เพื่อส่งสัญญาณมาบอกเราให้รับรู้ว่า กำลังมีอะไรที่ไม่ปกติเกิดขึ้นใน กาย จิตใจ อารมณ์ ความคิด คำพูด การกระทำ วิถีชีวิต และความสั่นสะเทือนที่เราส่งออกมาอยู่นะ..แค่นั้นเองครับ ที่มันกำลังพยายามจะบอกเรา

    1.3).ทีนี้..ถ้าเราเพียงแต่หยุด และตั้งใจรับฟังพวกมัน อย่างมีสติสัมปชัญญะ และอย่างมีใจเป็นกลาง วางอุเบกขา ไม่ปรุงแต่งต่อเติม ว่าดีหรือไม่ดี ว่าชอบหรือไม่ชอบ และไม่พยายามไปผลักไสมันออกไป

    แค่ยอมรับรู้และรับฟังพวกมันอย่างจริงจังจริงใจ และด้วยการยอมรับอย่างสิโรราบ และด้วยความรู้สึกขอบคุณ และทราบซึ้งใจ และส่งความรักกลับไปให้กับพวกมันหละก็ พลังงานเหล่านั้น มันก็จะสลายไปเอง และอาการผิดปกติเหล่านั้น มันก็จะไม่ลุกลามต่อไป จนกลายมาเป็นการเจ็บป่วยจริงๆ

    เพราะดูเหมือนว่า เจ้าพลังงานเหล่านั้น มันต้องการแค่เรียกร้องความสนใจของเราแค่นั้นเองครับ เพราะว่าพวกมันคือสิ่งที่มีชีวิตและความตระหนักรู้เช่นเดียวกับเรา และที่น่าตกใจก็คือ พวกมันก็คือภาคส่วนหนึ่งของเราเองด้วยเช่นเดียวกัน!

    เพราะว่าในทาง Metaphysics นั้น โรคภัยไข้เจ็บ ก่อเกิดมาจากต้นตอที่เป็นพลังงานของมัน ที่เราเรียกกันว่า Miasm และเจ้า Miasm ที่ว่านี้ ก็มาจากการอุดตัน ติดขัด และเสียสมดุลของความคิด และอารมณ์-ความรู้สึกของเรานั่นเอง

    เห็นไหมหละครับ ว่าโรคภัยไข้เจ็บเหล่านี้ไม่ใช่ใครอื่รเลย แท้ที่จริงแล้ว มันก็คือภาคส่วนหนึ่งของพลังงานของเราเอง ที่เสียสมดุลไปนั่นเอง และเพราะฉะนั้น มันจึงพยายามเรียกร้องจนสุดความสามารถ ที่จะให้เราหันมาใส่ใจมัน และแก้ไขมันให้ถูกต้องเสียที

    นี่แหละคือจุดเชื่อมต่อจุดหนึ่งของหลักการวิปัสสนาหละครับ และนี่จึงเป็นสาเหตุที่ทำให้การทำสมาธิและวิปัสสนาด้วยหลักการนี้ สามารถรักษาโรคภัยไข้เจ็บได้..เพราะว่าทุกๆอย่างล้วนต้องการความรัก และการยอมรับ และการเอาใจใส่ทั้งสิ้น ไม่ยกเว้นแม้แต่พลังงานที่ติดขัดเหล่านี้เลย

    1.4).แต่ว่า..บางที..เจ้าพลังงานที่อุดตัน ติดขัด แอบแฝง แทรกแซง หรือสิงสู่ เป็นกาฝากอยู่ในระบบต่างๆของเราอยู่นั้น มันก็อยู่ลึกเกินไป หรือติดแน่นมากจนเกินไป หรือดื้อรั้นมากจนเกินไป..จนไม่ยอมออกไปซะที

    เพราะว่ามันกำลังลุ่มหลงมัวเมากับการเสพพลังงานอะไรบางอย่างของเราอยู่ มันก็เลยหลุดออกไปได้ยาก หรือไม่ยอมหลุดออกไปซะที!! เพราะว่าเราป้อนอาหารที่เป็นพลังงานที่มันชื่นชอบให้กับมันอยู่ตลอดเวลา

    ดังนั้น อันนี้..เราเลยต้องมีอุปกรณ์เสริมมาช่วยครับ ซึ่งก็คือ พลังของหินสีและอัญมณีทั้งหลาย ที่เราเรียกกันรวมๆว่าคริสตัลนั่นแหละครับ

    แล้วก็ยังมี "พลังงานจากปิระมิด" อีกอย่างหนึ่งที่สามารถช่วยได้จริงๆ (และก็พลังงานของ Vibrational Healing แบบอื่นๆด้วย ซึ่งผมไม่ถนัด ก็เลยจะยังไม่พูดถึง ณ.ที่นี้ด้วยนะครับ)
    เพราะว่าสิ่งเหล่านี้จะไปช่วยล้วง ช่วยควัก ช่วยเขย่า ช่วยผลักดัน และช่วยกระตุ้นให้พลังงานที่ไม่ดีไม่งามเหล่านี้หลุดออกมาจากที่ๆมันยึดเกาะอยู่

    รวมถึง พลังงานของคริสตัล และปิระมิดที่ว่านี้ ก็จะไปเหนี่ยวนำให้พฤติกรรมต่างๆของเราเปลี่ยนไปด้วย เพื่อขจัดต้นตอของสาเหตุแห่งความผิดปกติทางพลังงานเหล่านั้น

    เช่น ถ้าเราป่วยเป็นโรคที่มีต้นตอมาจาก "การไม่รักตัวเอง" (ซึ่งเป็นสาเหตุสำคัญของโรคภัยไข้เจ็บจำนวนมากมาย) พลังงานของคริสตัล และปิระมิด ก็จะไปเหนี่ยวนำให้เราค้นหา และค้นพบ วิธีการ และ/หรือสภาวะแห่งการรักตัวเอง แล้วจากนั้น เราก็ "เลือก" ที่จะรักตัวเองในท้ายที่สุด

    จากนั้น เจ้าพลังงานที่ผิดปกติทั้งหลาย ที่มันซ่องเสพอารมณ์แห่งการไม่รักตัวของของเราเป็นแหล่งพลังงานที่หล่อเลี้ยงชีวิตของพวกมันอยู่ ก็จะไม่สามารถอยู่กับเราได้อีกต่อไป เพราะว่าเราไม่ได้ผลิตพลังงานแห่งการไม่รักตัวเอง ออกไปป้อนให้กับพวกมันทุกเมื่อเชื่อวันอีกต่อไปแล้ว

    ตัวอย่างของพลังงานแห่งการไม่รักตัวเอง ก็เช่น การชอบโทษตัวเอง, การดูถูกตัวเอง, การขี้น้อยใจ, การประชดตัวเอง, การทำร้ายตัวเอง, การเกลียดตัวเอง, การไม่เห็นคุณค่าในตัวเอง, การเที่ยวไปควานหาความรักจากคนอื่นๆ, การขี้บ่น-ก่นด่า-หรือสาบแช่งตัวเองอยู่ตลอดเวลา เป็นต้น

    หมายเหตุ: พอมาถึงตรงนี้แล้ว มันก็ยังไม่จบนะครับ เพราะว่ามันก็จะวนไปที่ข้อ 1.2 ใหม่อีก..คือ..พอพลังงานเหล่านี้ ถูกเขย่าหรือถูกกระตุ้นให้หลุดออกมาจากที่ๆมันฝังแน่นอยู่ได้แล้ว..แล้วเรา "เลือก" ทำยังไงต่อ??

    นั่นแหละ คือคำถามสำคัญที่สุดหละครับ..เพราะถ้าเราเข้าไปนั่งสมาธิในปิระมิด แล้วใช้หินช่วยด้วย จนรู้สึกโล่ง โปร่ง เบา สบาย ดีแล้ว พอลุกออกมาจากปิระมิด แล้วเราก็มาเกลียดตัวเองต่อไป ไม่รักตัวเองอยู่ต่อไป เจ้าพลังงานที่เพิ่งหลุดลอยขึ้นมานั้น และอาจจะจากไปบางส่วนแล้วนั้น มันก็หวนคืนกลับมาอีก

    หรือถ้าหลงเหลืออยู่เล็กน้อย มันก็จะแผ่ขยาย และเพิ่มจำนวนมากขึ้นไปอีก จนมีปริมาณเท่าเดิม หรือมากขึ้นกว่าเดิม..ทีนี้..เราก็จะเจ็บป่วย และเป็นทุกข์วนไปอยู่แบบนั้น ซ้ำแล้ว ซ้ำเล่า เพราะว่าต้นตอของความผิดปกติดังกล่าว มันยังไม่ถูกขจัดไปจริงๆนั่นเอง

    2).หลังจากที่พลังงานที่ไม่ดีไม่งามทั้งหลาย ถูกขจัดออกไปแล้ว พลังงานของคริสตัล และปิระมิด (และศาสตร์ทาง Vibrational Healing อื่นๆด้วย) ก็จะนำพาเอาแสงสว่างกลับมาเติมเต็มให้กับระบบต่างๆของเราเหมือนเดิม

    จริงๆแล้ว..คำว่าเอาแสงสว่างกลับมาเติมเต็มให้เหมือนเดิม ก็ไม่ใช่คำพูดที่ถูกต้องนักหรอกนะครับ เพราะว่ามันเป็นแสงสว่างจากแก่นแท้ของเราเอง ที่เรา "มี" และ "เป็น" อยู่ตลอดเวลาอยู่แล้วต่างหาก!!

    เพียงแต่การเชื่อมต่อของภาคที่เป็นมนุษย์นี้ของเรา กับภาคพลังงานที่เป็นแสงสว่าง และเป็นสิ่งศักดิ์สิทธิ์ ของตัวเราเองนั้น มันอ่อนแอลง หรือถูกสกัดกั้นไว้เฉยๆ ด้วยพลังงานที่ไม่ดีไม่งามที่ว่านั้นแหละ

    ดังนั้น พอพวกมันสลายไปบ้างแล้ว เราก็เลยสามารถ connect ได้มากขึ้นกว่าเดิมนั่นเอง และความสมดุล ก็เลยค่อยๆหวนกลับมาใหม่อีกครั้งหนึ่งนั่นเอง

    (เดี๋ยวมาต่อในตอนที่ 2 นะครับ เพราะดูเหมือนว่าบทความนี้มันจะยาวเกินไปแล้วครับ)

    ติดตามอ่านตอนที่ 2 ได้ที่นี่นะครับ : http://Alchemistic.2.vu/SymptomOfUsingCrystal2

    Chayutt Naowarat
    12/09/21
    .............................
    #Facebook: Chayutt Naowarat https://web.facebook.com/chayutt.deejaroen
    temp_hash-5b2a256136d0e513ecac26433db8d45a-jpg-jpg.jpg
    #เพจขายหินออนไลน์ที่ใหญ่ที่สุดในประเทศไทย: Alchemistic Power of Stones (https://facebook.com/chayutt.naowarat)
    #ฝากกระทู้เกี่ยวกับหินด้วยนะครับ http://Alchemistic.2.vu/AlchemisticHere
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 12 กันยายน 2021
  2. Chayutt

    Chayutt รูปเดิมไม่เคยเปลี่ยนเลยครับ

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 สิงหาคม 2005
    โพสต์:
    6,408
    ค่าพลัง:
    +50,772
    **อาการที่แสดงว่าเรากำลังใช้หินและปิระมิดได้ผลอยู่ - ตอนที่ 2**

    1).อาการที่เกี่ยวกับหินสีและอัญมณี (หรือคริสตัล)

    ผมตอบคำถามและอธิบายให้ลูกค้าผมฟังอยู่เสมอๆ เรื่องวิธีการใช้หินพลังงานสูงๆทั้งหลาย เช่น Moldavite, Gibeon, Sugilite, Auralite23, Phenacite, Libyan Gold Tektite, Himalaya Gold Azeztulite, Cinnabar, Rhodizite, Rainbow Tibetan Black Quartz, Herkimer Diamond และ Magnetite เป็นต้น

    เพราะว่าหินเหล่านี้ จะมีพลังงานค่อนข้างสูง หรือบางตัวก็สูงมาก อย่าง Moldavite เป็นต้น (ซึ่งตอนนี้กำลังขาดตลาดอย่างหนัก เพราะใกล้จะหมดไปจากโลกแล้ว และราคาก็เลยพุ่งสูงขึ้นไปอีก 3-4 เท่าตัว) ที่เวลาใส่แล้ว บางคนหัวใจจะเต้นแรงกว่าปกติ, บางคนก็จะ Alert มากกว่าปกติ, นอนไม่หลับ, เหมือนกินกาแฟซัก 2 แก้ว

    หรือบางคนก็จะปวดหัว หรือแน่นหน้าอก, หรือโรคเก่ากำเริบ หรืออารมณ์แปรปรวน หรือปรี๊ดแตกได้ง่ายกว่าปกติ อะไรแบบนั้น แล้วแต่คนนะครับ ซึ่งลูกค้าของผมหลายคน ได้ feedback กลับมาเล่าให้ฟังแบบนี้อยู่บ่อยๆครับ

    อันนี้ผมพูดถึงเฉพาะด้านอารมณ์และร่างกายนะครับ แต่ที่ผมยังไม่ได้พูดถึงเลยคือ ด้านความคิดครับ เพราะก็ได้รับผลกระทบเหมือนกัน เพียงแต่ว่ามันหลากหลายมากๆ จนไม่รู้จะยกตัวอย่างยังไง

    เช่น ถ้าเป็นหินเกี่ยวกับโชคลาภเงินทอง ซึ่งหลักๆก็จะเป็นหินจักระที่ 3 และ 4 ของเรา (แต่จริงๆดูเหมือนว่ามันจะเกี่ยวข้องกับหลายๆจักระอยู่ เช่น จักระ 1, 3, 4, 6 เป็นต้น)

    ซึ่งจักระ 3 ก็จะควบคุมด้านพลังอำนาจในการเนรมิตความสำเร็จทางโลกของเราอยู่แล้ว ส่วนจักระ 4 ก็จะเกี่ยวกับความรัก และพลังแก่นแท้ของชีวิตจากจิตวิญญาณของเราที่จะส่งมาหล่อเลี้ยงชีวิตของเราผ่านทางจักระหัวใจ

    ดังนั้น ถ้าจะให้ราบรื่นและอุดมสมบูรณ์ด้านความสำเร็จทางโลกหละก็ พลังอำนาจในการเนรมิตและดึงดูดความสำเร็จของเรา ก็จะต้องแข็งแกร่งมากๆ (ซึ่งเป็นหน้าที่ของจักระที่ 3 ที่อยู่ตรงกลางท้องเหนือสะดือขึ้นมาราวๆ 2 นิ้ว หรือก็คือตรงตำแหน่งที่เขาฝึกวิชาธรรมกายกันนั่นแหละครับ..เห็นไหมหละครับ ว่าทำไมเขาถึงรวยกันนักหนา ฮิฮิ)

    และในขณะเดียวกัน ตัวเราเองก็จะต้องมีศักยภาพในการดึงดูดเอา หรือรองรับเอา พลังแก่นแท้ของชีวิตที่จิตวิญญาณของเราจะส่งมาหล่อเลี้ยงเราผ่านทางจักระหัวใจของเราให้ได้มากๆอีกด้วย ความอุดมสมบูรณ์มันถึงจะเกิดขึ้นได้ ดังนั้น จักระที่ 4 ของเราก็จะต้องเปิดให้มากที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้

    ซึ่งหินแห่งจักระที่ 3 ก็ เช่น ไหมทอง, ไหมทองใน Smoky Quartz, ไหมทองผสมเฮมาไตต์, Libyan Gold Tektite, Himalaya Gold Azeztulite, Pyrite, Citrine, Gold Apatite, Golden Labradorite, Yellow Sapphire หรือบุษราคัม และ อำพัน เป็นต้น

    ส่วนหินจักระ 4 ที่เกี่ยวข้องกับด้านนี้ ก็เช่น หยก, Green Aventurine, Green Tourmaline, Green Garnet, Green Apatite, มรกต, Kambaba Jasper, Moss Agate, Unakite และ Peridot เป็นต้น

    ส่วนหินจักระอื่นๆที่เกี่ยวข้องกับด้านนี้ด้วยก็เช่น Topaz, Ruby, ไพลิน เป็นต้น

    ดังนั้น ผมก็เลยมีทำสร้อยคอและสร้อยข้อมือที่รวมเอาหินด้านนี้โดยเฉพาะเข้าไว้ด้วยกันหนะครับ เช่น เส้นที่ชื่อ Love & Prosperity Mix เวอร์ชั่นต่างๆเป็นต้น

    เพราะว่าปกติแล้วหินที่มีคุณสมบัติเหมือนกัน จะส่งเสริมพลังซึ่งกันและกัน และจะช่วยขยาย Spectrum ของย่านความถี่รวมออกไปให้มากกว่าการใช้หินชนิดเดี่ยวๆหนะครับ

    (เราไม่ต้องไปนั่งกลัวว่าพลังของหินจะตีกันไหมนะครับ เพราะธรรมชาติเขาจะมีวิธีการทำให้ตัวเองอยู่ด้วยกันได้อย่างรักใคร่ปรองดองกันเสมอนั่นแหละครับ เพราะมันก็เป็นเช่นนั้นเสมอมาอยู่แล้ว

    เช่น ในหิน Super Seven หรือ Auralite23 เป็นต้นที่มีแร่ธาตุอยู่รวมกันตั้ง 7 และ 23 ชนิดตามลำดับ เขาก็ยังมาอยู่รวมกันได้ แล้วกลายไปเป็นหินพลังงานสูงชนิดใหม่ ที่พลังงานสูงกว่าเดิมและยอดเยี่ยมยิ่งกว่าเดิมซะอีกนะครับ ฮิฮิ)


    อ้าว..มาต่อกันที่อาการทางอารมณ์ที่เราจะได้รับผลกระทบจากหินนะครับ ซึ่งซึ่งก็จะออกแนวประมาณว่า: อยากจะออกไปหาเรียนรู้อะไรเพิ่มเติมเกี่ยวกับการทำธุรกิจของตัวเอง หรือหาธุรกิจใหม่ทำ หรือขยายสายงานหรือช่องทางใหม่ๆเพิ่ม เช่น เปิดขายออนไลน์ด้วย เป็นต้น เพื่อให้มีรายได้มากขึ้น

    ซึ่งความคิดที่โผล่เข้ามาในหัวของเราลักษณะนี้ น้อยคนนักที่จะแยกแยะออกว่ามันมาจากไหน? แม้ว่าเราจะได้รับผลกระทบทางความคิด, จิตใจ และอารมณ์ความรู้สึก จากผู้คนรอบข้างและสิ่งที่แวดล้อมรอบๆตัวเราอยู่ตลอดเวลาอยู่แล้วก็ตาม

    ดังนั้น เราจึงไม่เคยเอะใจเลยว่า "หิน" ที่เราใส่อยู่ หรือที่เราเอามาตั้งไว้ใกล้ๆตัวบนโต๊ะทำงาน หรือวางไว้ในจุดที่สำคัญในบ้านนั่นแหละ คือผู้ที่กระตุ้น หรือเหนี่ยวนำให้เรามีความคิดนั้นขึ้นมา ซึ่งปกติแล้ว เราอาจจะไม่เคยมีความคิดแบบนั้นมาก่อนเลย เป็นต้น

    อีกตัวอย่างหนึ่งของหินที่เกี่ยวข้องกับสุขภาพตัวสำคัญๆก็เช่น Gibeon, Cinnabar, Malachite, Sugilite, Petalite, Fire Agate, Seraphinite, Fluorite, Faden Quartz, Angeline Quartz หรือที่ร้านผมเรียกว่า Clear Quartz ลำแสง, Rainbow Quartz, Pyrite in Quartz, Hematite in Quartz, Green Tourmaline Quartz, Bloodstone, Hematite, Pyrite, Magnetite, Amethyst, Auralite23 เป็นต้น

    ดังนั้น ก็จงเข้าใจไว้ซะนะครับว่า..การทำงานของพลังงานของหินและปิระมิดนั้น ไม่ได้จำกัดอยู่แค่ในระดับกายเนื้อของเราเท่านั้น แต่ยังครอบคลุมลึกลงไปในระดับอื่นๆของระบบแห่งความเป็นตัวตนของเราอีกด้วย ทั้งระดับกายทิพย์, สนามพลังออร่า, ระบบจักระ, อารมณ์, ความคิด, และจิตใจของเรา

    เพราะว่าคริสตัลทั้งหลาย เป็นสิ่งมีชีวิตหลากมิติ และทำงานคร่อมอยู่ในหลากหลายมิติ เฉกเช่นเดียวกับมนุษย์เรา (มนุษย์เราก็เป็นสิ่งมีชีวิตหลากมิติ ที่ดำรงอยู่ในหลากหลายมิติพร้อมๆกันด้วยนะครับ)
    ดังนั้น วิธีใช้งานหินพลังงานสูงๆเหล่านี้ก็คือ :

    1.1).หลังจากได้รับหินมาแล้ว ให้ล้างพลังงานลบที่อาจติดมากับหินก่อน โดยใช้เจตจำนงของเราว่าเพื่อ "ชำระล้างพลังงานลบออกไป" ร่วมกับวิธีการล้างที่เหมาะสมกับหินชนิดนั้นๆ

    เช่น ถ้าเป็นหินที่สามารถล้างน้ำเปล่าได้ ก็ให้เอาไปล้างน้ำเปล่า แต่อย่าเอาหินเนื้ออ่อน และหินที่มีส่วนผสมของเหล็กไปล้างน้ำนะครับ เพราะอาจสึกกร่อนเสียหาย และเป็นสนิมได้

    หินเนื้ออ่อนก็เช่น Selenite, Celestite, Angelite, Hemimorphite, Calcite, Fluorite เป็นต้น ส่วนหินที่มีส่วนประกอบของเหล็กก็เช่น Pyrite, Magnetite, Hematite, Gibeon, Pallasite เป็นต้น

    ศึกษาวิธีการล้างพลังงานให้กับหินแต่ละชนิดได้ในเพจ Alchemistic Power of Stones และในอินเตอร์เน็ตทั่วไปนะครับ

    http://Alchemistic.2.vu/CleansingCrystal

    1.2).ให้ทำการเชื่อมจิตกับหินก่อนใช้ทุกๆชนิดหิน แบบชิ้นต่อชิ้นได้ยิ่งดี และก็ต้องเชื่อมจิตกับหินเป็นระยะๆด้วย หรือเชื่อมจิตกับหินทุกครั้งก่อนใช้งานได้ยิ่งดีครับ..วิธีการหาอ่านได้ในเพจ Alchemistic Power of Stones เหมือนเดิมนะครับ..หรือหาในอินเตอร์เน็ตก็ได้เช่นกัน

    http://Alchemistic.2.vu/ConnectWithCrystal2

    1.3).ให้ลองใส่หินดูก่อน ซักครึ่งวัน ถ้ามีอาการดังที่ผมกล่าวไปแล้วในช่วงต้นๆ หรือมีอาการอื่นใดก็ตาม ที่เราคิดว่าไม่น่าจะมาจากสาเหตุอื่นๆ ก็ไม่ต้องตกใจนะครับ

    ให้แค่รับรู้มันเฉยๆ ด้วยจิตใจที่สงบ และให้พยายามมีสติอยู่ในปัจจุบันขณะให้ได้มากที่สุด แล้วตามดู ตามรู้ อาการเหล่านี้ไปเฉยๆ ในฐานะของผู้สังเกตการณ์ คือ อย่าเอาตัวเองไปร่วมในอาการเหล่านั้น ว่ามันเป็นของเรา..ให้พยายามวางอุเบกขากับเวทนาเหล่านั้นให้ได้มากที่สุด ไม่ปรุงแต่งต่อเติม หรือตัดสินชี้ถูกผิด ว่ามันดีหรือไม่ดี ว่าชอบหรือไม่ชอบมัน เพราะมันจะทำให้จิตใจเราเสียสมดุล

    1.4). แต่ถ้าอาการมันเยอะ และรุนแรง และเราทนไม่ไหวแล้ว ก็ให้ถอดๆใส่ๆสลับกันไปทีละ 6 ชั่วโมง หรืออาจจะน้อยกว่านั้นก็ได้ แล้วแต่ความหนักเบาของอาการของแต่ละคนนะครับ

    จนกว่า..เมื่อเวลาผ่านไปราวๆ 3-7 วัน ปกติร่างกายและระบบพลังงานของเรา ก็จะสามารถปรับตัวให้เข้ากับพลังงานของหินได้แล้ว เมื่อถึงตอนนั้น อาการเหล่านั้นก็จะค่อยๆหายไปครับ เมื่อถึงตอนนั้น เราก็จะไม่จำเป็นต้องถอดๆใส่ๆแล้วหละครับ

    1.5).แต่อย่างไรก็ตาม สำหรับคำแนะนำในเบื้องต้นนี้ ในการใช้หินพลังงานสูงทุกๆชนิด ไม่แนะนำให้ใส่ติดต่อกันตลอด 24 ชั่วโมงนะครับ..ให้ใส่แค่ 12 ชม.ก็พอ คือ..ใส่เฉพาะตอนกลางวัน หรือตอนกลางคืน อย่างใดอย่างหนึ่ง เพื่อให้ร่างกายของเราได้มีเวลาปรับสมดุลตัวเองตามธรรมชาติของมันบ้าง ไม่ใช่ถูกกระตุ้นโดยพลังงานของหินตลอดเวลา

    1.6).ในระหว่างที่เราใช้หินพลังงานสูงๆ แล้วมีอาการดังกล่าวนั้น สิ่งที่เกิดขึ้นผมได้กล่าวไปแล้ว ในบทความที่ชื่อเดียวกันนี้ ตอนที่ 1 นะครับ

    แต่สิ่งที่ผมจะกล่าวเพิ่มเติมอีกก็คือ ในระหว่างที่เรามีอาการเหล่านี้อยู่นั้น สนามพลังออร่าของเรา อาจจะมีการรั่วไหล และฉีกขาดด้วย เพราะว่า vibration ที่สูงๆของหินที่เราใส่ไปทำให้มันฉีกขาดครับ เพื่อที่ออร่าของเราจะได้ซ่อมแซมตัวเองใหม่ แล้วมีระดับพลังงานสูงขึ้นกว่าเดิม ซึ่งอาจเทียบเท่าหรือพอๆกับพลังงานของหินที่เราใส่เลยทีเดียว

    สาเหตุที่สนามพลังออร่าของเราฉีกขาด ก็จะคล้ายๆกับการที่เราเอาลูกโป่งมาเติมลมเพิ่มเข้าไปนี่แหละครับ ซึ่งถ้าสมมุติว่าลมคือพลังงาน และปกติสนามพลังออร่าของเรามีพลังงานอยู่ที่ระดับ 3 แต่พลังงานของหินอยู่ที่ระดับ 6 แล้วพอหินชาร์จพลังงานระดับ 6 เข้ามาสู่สนามพลังออร่าของเรา มันก็เลยรับไม่ไหว เพราะมากเกินไป ดังนั้น มันก็เลยฉีกขาดไป

    แต่ว่าสนามพลังออร่าของเรา ก็เป็นสิ่งที่มีชีวิตและความตระหนักรู้ด้วย ดังนั้น มันจึงซ่อมแซมตัวเองได้ โดยที่มันจะพยายามปรับระดับพลังงานของมันให้เข้ากันได้กับระดับพลังงานของหินที่เราใส่เข้าไป ซึ่งพอมันซ่อมแซมและปรับตัวเองเสร็จแล้ว ระดับพลังงานใหม่ของมันก็จะกลายเป็น 6 แล้วครับ ไม่ใช่ 3 เหมือนเดิมอีกแล้ว

    ปรากฎการณ์สนามพลังออร่าฉีกขาด แล้วซ่อมแซมและปรับตัวเองใหม่นี้ ท่านมหาเทพเมตาตรอนได้เคยสื่อสารมาเหมือนกันครับ แต่ท่านพูดถึงกรณีของ "จุดประสานมิติ" ที่อยู่บนโลกหลายๆจุดที่มีพลังงานสูงกว่าจุดอื่นๆของโลก

    และท่านก็แนะนำว่าให้พวกเราหาโอกาสไปเยี่ยมเยือนสถานที่เหล่านั้นบ้างเป็นครั้งคราว ครั้งละ 3-7 วันเป็นต้น เพื่อที่สนามพลังออร่าของเรา จะได้มีพลังงานสูงขึ้นเมื่อปรับตัวเองเสร็จแล้ว ซึ่งก็จะเป็นประโยชน์อย่างมากต่อทุกๆด้านของชีวิตเราเลย เพราะว่าสนามพลังออร่าของเรา มีความสำคัญมากกว่าที่เราเคยรู้มาซะอีกครับ

    เช่น ภูเขาไกรลาส, ภูเขา Shasta, ปิระมิดที่อียิปต์, และน่าจะรวมถึงปิระมิดที่บอสเนียด้วย เป็นต้น

    2).เกี่ยวกับปิระมิด

    *ประโยชน์ของปิระมิด*
    http://Alchemistic.2.vu/BenefitOfPyramid1

    2.1).สำหรับคนที่ร่างกายอ่อนแอมากๆ หรือคนที่ร่างกายทรุดโทรมมากๆ หรือป่วยหนัก หรือมีสารพิษมากๆ หรือมีพลังงานลบในตัวเองมากๆ เวลาเข้าไปนั่งสมาธิในปิระมิดแล้ว อาการที่มักจะเกิดขึ้นในช่วงวันแรกๆหรือสัปดาห์แรกๆก็คือ จะมีอาการทรุดหนักลงกว่าเดิมอีก หรือโรคเก่ากำเริบ หรือตัวสั่นมากๆ

    ซึ่งก็ไม่ต้องตกใจเหมือนเดิมนะครับ เพราะพลังงานของปิระมิดกำลังไปปรับสภาพให้เราอยู่ เพราะว่าช่วงนี้สนามพลังออร่าของเรา อาจจะกำลังฉีกขาดอยู่เหมือนกัน มันก็เลยจะเป็นช่วงที่เราอ่อนแอมากที่สุดหนะครับ

    แต่ก็ให้นั่งสมาธิในปิระมิดต่อไป เพราะว่าอีกไม่นาน อาการเหล่านั้นก็จะค่อยๆทุเลาลงแล้วหายไปในที่สุดครับ พร้อมกับการกลับมามีสุขภาพที่สมบูรณ์และแข็งแรงมากขึ้น สมดุลมากขึ้น อย่างที่เราอาจจะนึกไม่ถึงเลยทีเดียว

    2.2).วิธีการปฏิบัติตัวในระหว่างที่ใช้ปิระมิดนั้น ก็เหมือนวิธีการปฏิบัติตัวในระหว่างที่ใช้หินนั่นแหละนะครับ คือ:

    ให้ทำจิตใจให้สงบมากที่สุด เชื่อมั่นในตัวเอง เชื่อมั่นในกระบวนการรักษาของปิระมิด และให้มีสติอยู่กับปัจจุบันขณะให้ได้มากที่สุดเท่าที่จะทำได้ แล้วคอยตามรู้ ตามดู อาการต่างๆที่เกิดขึ้นอย่างสงบ อย่างมีอุเบกขา อย่างไม่ตัดสินชี้ถูกผิด และอย่างปราศจากความชอบหรือไม่ชอบ

    ให้ทำตัวเป็นแต่เพียงผู้สังเกตการณ์ดูเฉยๆเท่านั้น แล้วยอมรับอาการเหล่านั้นอย่างไม่มีเงื่อนไข, รักและขอบคุณอาการเหล่านั้นอย่างไม่มีเงื่อนไข เพราะพวกมันคือสัญญาณที่ถูกส่งมาจากร่างกายเนื้อและจิตวิญญาณของเรา เพื่อบอกให้เราทราบว่ามีอะไรบางอย่างที่เราจะต้องหันมาให้ความใส่ใจและแก้ไขให้ถูกต้องแล้ว อะไรแบบนั้น

    2.3).ส่วนผู้ที่ร่างกายค่อนข้างแข็งแรงดีอยู่แล้ว การเข้าไปนั่งสมาธิในปิระมิดนั้น อาจจะทำให้รู้สึกกระปรี้กระเปร่ามากขึ้น, สดชื่นมากขึ้น, นอนหลับสนิทมากขึ้น, ฝันแม่นขึ้น, ใช้เวลานอนน้อยลง, ทำสมาธิได้ดีขึ้น, จิตนิ่งขึ้นและสงบมากขึ้น, มีพัฒนาการทางจิตมากขึ้นและเร็วขึ้น อะไรแบบนั้น เป็นต้น

    **สรุป**

    สิ่งที่มนุษย์เราเห็นอยู่ตรงหน้าและบอกว่าดีหรือไม่ดีนั้น บางทีมันก็อาจจะไม่ได้เป็นอย่างนั้นเสมอไปก็ได้นะครับ เพราะมันอาจจะเป็นส่วนหนึ่งของ process ของมันก็ได้

    เฉกเช่นเดียวกับอาการต่างๆที่อาจจะเกิดขึ้นกับเรา ตอนเราใช้หินและใช้ปิระมิดนั่นแหละครับ เพราะมันอาจไม่ใช่เรื่องแย่เสมอไปก็ได้ ดังนั้น ให้ฟังเสียงจากข้างในตัวเอง ให้เชื่อมั่นในตัวเอง และให้ไว้วางใจในกระบวนการบำบัดรักษาของหินและปิระมิดด้วย เพื่อจะได้ไม่หยุดหรือเลิกกลางคัน ก่อนที่กระบวนการของมันจะเสร็จสิ้นสมบูรณ์ลง

    *หมายเหตุ:*

    แต่อย่างไรก็ตาม ผมก็ไม่ได้กำลังบอกให้ท่านเปลี่ยนมาใช้หินและปิระมิดในการบำบัดรักษาอาการเจ็บไข้ได้ป่วยของท่าน แทนวิธีการหลักที่ท่านกำลังใช้อยู่หรอกนะครับ

    เพียงแต่ว่า มันจะดีกว่า ถ้าเรามีวิธีการเสริมแบบนี้เอามาใช้ควบคู่กันไปด้วย เพื่อเสริม และเร่งผลการรักษาให้ได้ผลดียิ่งขึ้นไปอีก

    ด้วยความปราถนาดีครับ
    Chayutt Naowarat
    12/09/21

    .............................
    อ่านบทความเกี่ยวกับหินเพิ่มเติมได้ที่นี่:

    วิธีการที่จะช่วยให้หินของเรามีอานุภาพสูงขึ้น: http://Alchemistic.2.vu/IncreaseCrystalEnergy

    ประโยชน์และวิธีการใช้งานรังอเมทิสต์หรือโพรงอเมทิสต์: http://Alchemistic.2.vu/AmethystBenefits

    กลไกการทำงานของคริสตัล (หินสีและอัญมณี) : http://Alchemistic.2.vu/HowCrystalWorks
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 13 กันยายน 2021

แชร์หน้านี้

Loading...