พลังบริสุทธิ์ ของยุคใหม่ แสดงผลอย่างไร

กลับไปดูแลสุขภาพ อาจารย์ ตัวเอง บ้างเน้อ วงกลมจุด

 

สุขภาพอาจารย์ผมเป็นไงมั่งอ่ะ ท่านไปดูมาแล้ว ก็ บอกบอกมาเลยสิจ๊ะ
ทำไมต้อง มี ลีลา ด้วย นะจ๊ะ ชอบจังเลยนะ ไอ้เรื่อง ลีลาเนี่ย
ภูดิษ ไปทำอะไร ให้ สุขภาพอาจารย์ผม ไม่ดีหรือเปล่าจ๊ะ

 

นี่ไงภูดิษ อาจารย์ผม ไม่เห็นต้อง ไปดูแลเลยนะจ๊ะ สุขภาพ ท่านก็รายงานมาด้วย จะเอาอะไรอีกจ๊ะ ภูดิษ นะจ๊ะ

 

จะไปทำ อะไร ทำไม ไม่มีคุณค่า ที่จะไปทำ อะไร ....

หากมีใครจะทำ อะไร ก็แค่ หมูสนามรอให้เชือด เท่านั้น

 

ร้องขอต่อใคร
ร้องขอด้วยใจภักดี ซื่อสัตย์ ต่อตนเอง หรืออีกนัย ด้วยสัจจะ
หรือความจริงด้วยแรงปรารถนาที่แท้จริง คือ การพัฒนาตนเอง
ต้องการจะเปลี่ยนแปลง

ร้องขอด้วยใจ ก็จะได้สิทธิ์ ของการพัฒนา
ผู้ที่ได้คือ คนที่เข้าใจตนเองได้ดี

เมื่อมีเปลี่ยนแปลง ... และเมื่อมีผลกระทบ
จึงให้แก้ไขตามวิธีดังกล่าว

เปลี่ยนแปลง เพื่อพัฒนา เมื่อมีพัฒนาจึงมีของใหม่
ของเก่า ย่อมใช้ไม่ได้
ของเก่าจะถูกถอดทิ้ง

ของเก่าจะกลายเป็นของเสีย
ของเสีย จะทำให้ไม่สบาย

ให้ทำการถอดถอนของเสีย ตามวิธีการที่ให้ไว้

 

ร้องขอด้วยสัจจะ

คือ การร้องขอด้วยความจริง

ร้องขอด้วยความจริง คือ ร้องขอเพื่อพัฒนาตนเองจริง ๆ

เมื่อกระทำด้วยความจริง หรือ สัจจะ ที่ต้องการให้ปรากฎอย่างแท้จริง

จากใจตนเอง(บริสุทธิ์แท้) จึงจะได้รับ การประทานพรจาก สิ่งศักดิ์สิทธิ์ เสมอ

สิ่งศักดิสิทธิ์ อยู่คู่ อยู่ใกล้ และดูอยู่ ใกล้กับมนุษย์ทุกรูปทุกนาม

มนุษย์ตนนั้นจึงจะได้รับการพัฒนาตนเอง ....

พลังบริสุทธิ์ สามารถให้ผลได้จริง ตามสัจจะของตนเอง

 

สิ่งศักดิสิทธิ์ ไม่ใช่ เทวดา ยม ยักษ์ พรหม

สิ่งศักดิสิทธิ์ คือ ผู้ที่ดูแลมนุษย์ทุกรูปทุกนาม ในระบบของพระธรรมขันธ์

ให้ดำรงอยู่ด้วยความสมดุล

(พระธรรมขันธ์ : หากเป็นคนที่ทันสมัยหน่อยเรียกว่า matrix .. matrix ที่ถูกกำหนด
และควบคุมความสมดุลต่างๆ ให้ดำรง ให้ทำงาน ให้ปรับ เรื่อง เกี่ยวกับเงื่อนไขต่างๆ ภายใน
ระบบของจักรวาลต่างๆ )

 

สำหรับผู้(มนุษย์)ที่กระทำ หรือดำเนินการอธิษฐาน ด้วยอาการล้อเล่น

จะได้รับการถูกเพิกเฉย จนกว่า ตนเองจะมีสัจจะ (ความจริงใจในตนเอง)

------------------------------------------------------------
เน้นที่คำว่า มนุษย์

คำว่ามนุษย์ คือ คนที่มีคุณสมบัติ ของมนุษย์ เท่านั้น

สำหรับคนที่ ไม่ใช่ มนุษย์ จะไม่มีสิทธิ์ ในการพัฒนาตนเอง

คนที่ไม่ใช่มนุษย์ เป็นอย่างไร คนที่ไม่มีศีลหนึ่ง (ทำร้ายตนเอง และผู้อื่น

ทั้งกายและใจ ) คนไม่มีศีลหมายถึงอย่างไร คนที่ไม่มีคุณงามความดี เหลืออยู่

แม้แต่ธาตุทิพย์ หรือ กายทิพย์ของตนเอง

คนที่มี อมนุษย์ต่ำทราม ครอบครอง หนึ่ง (กระทำการเบียดเบียนผู้อื่นอยู่เสมอเพื่อความสนุกสนานของตน)

 

การดูถูกจาบจ้วง ผู้อื่น (ที่ไม่เป็นความจริง)

แม้ว่าจะเป็นช่วงเวลาแว๊บเดียว

สิ่งเหล่านั้น คือ ความผิดปกติที่อยู่ภายใน

สิ่งเหล่านั้น ย่อมจะมีที่มาของเหตุ ของความคิด เหล่านั้น

มีที่มาจาก สิ่งแวดล้อมตนเองหนึ่ง และ ภาคอดีตหรือตัวตนของตนเองในภาคอดีต ในอดีตชาติ

ที่ส่งคลื่น ส่งสายพลังงานมาถึง ณ เวลาขณะนั้น

(node - anti node)

 

สิ่งแวดล้อมมีผลต่อระบบความคิดของตนเอง อย่างไร

เคยได้ยิน คบคนพาล คนพาลพาไปหาผิด บ่

ทำนองเดียวกัน เลย

สิ่งแวดล้อม ที่มีผลกระทบมาก คือ คนที่คบหาเป็นประจำ นั่นแล


ดังนั้น การเลือก คบ จึงควรเลือกให้ดี โดยสืบจากใจตนเอง

กัลยาณมิตร จึงสำคัญมาก

คบคนบัณฑิต จึงพาไปหาผล

คบคนพาล จึงพาไปหาผล ได้ เช่น กัน

อยู่ที่ว่า คบคนเช่นไร

ผลที่งดงาม

หรือ ผลเน่า

 

อย่าเพิ่งตัดสินที่ผล สิจ๊ะ ภูดิษ
ถ้าภูดิษเข้าใจเรื่อง ความไม่เที่ยง ความไม่แน่นอน แล้ว ภูดิษ จะไม่ยึดมั่นถือมั่นในผล ที่เห็นหรอกนะจ๊ะ

ความแน่นอนที่สุด ในจักรวาล คือ ความไม่แน่นอน นะจ๊ะ ดังนั้น อย่่าประมาท นะจ๊ะ

 

มนุษย์ผู้หลงเชื่อในตำรา

แม้แต่ตัวเองยังไม่ได้พิสูจน์ ให้เห็นจริง

แต่ก็ถูกนำมาเล่า ถูกนำมาขยายผล

ให้ผู้อื่น ได้ทดสอบ เพราะอ้างเหตุผล

ว่า ฉันไม่รับผิดชอบในสิ่งที่ทำ ให้ใช้

ความคิดให้รอบคอบ เอาเอง

นี่ล่ะคือผู้นำที่ประเสริฐ หรือ

แม้แต่ ผู้ที่ทุกคนกล่าวอ้าง ว่ารู้แจ้ง

ยังกล่าวว่า อย่าเพิ่งเชื่อ จนกว่าจะได้พิสูจน์ด้วยตนเอง

ผู้รู้แจ้ง ได้พิสูจน์ให้รู้แจ้ง (ในระดับที่ตนรู้แจ้ง) ด้วยตนเอง แล้ว

จึงกล่าว

แต่ผู้ที่ยังไม่รู้แจ้ง แต่นำมากล่าวให้ผู้อื่นปฏิบัติ ในแนวทางที่

ตนเองยังไม่รู้แจ้ง ....

ชึ่งก็เป็นเรื่องของคนตาบอด เพื่อที่จะจูงคนตาบอด

 

ใครเนี่ย ที่พูด ไช่ภูดิษคนเดิมหรือเปล่าจ๊ะ ไม่น่าเชื่อเลยนะจ๊ะ
อย่างน้อยผมก็ดีใจนะ ที่ ภูดิษ เป็นแบบนี้ นะจ๊ะ

 

ผลคือ อะไร

ผลคือ ความดี กับ ความไม่ดี

ทำดี ด้วยความดีบริสุทธิ์ ผลคือ แสงสว่าง

ทำไม่ดี ด้วยความชั่วบริสุทธิ์ (ผู้ไม่เหลือในความดีอะไนอยู่ภายใน) ผลคือ ความมืด

แสงสว่าง คือ ธาตุความดีมีแสงสว่างมากขึ้น หรือเรียกว่า บารมีเพิ่ม

ความมืด คือ ธาตุที่มีแต่ความมืด หรือโลกันต์ธาตุ

สิ่งเหล่านี้ ไม่มีคำว่า ไม่แน่นอน โดยเด็ดขาด

โลกที่เต็มไปด้วยความไม่แน่นอน เพราะ ว่ายังมีมิติของความจริง อื่นๆ อีกที่

จะถูกนำมาอธิบาย เมื่อยังมีความไม่แน่นอนอีก นั่นแสดงว่า ตนเองยังไม่

ถึงที่สุดของความรู้ ความไม่รู้จึงยังเกิดขึ้น ความไม่รู้จึงยังมีอยู่

 

ไช่แล้ว จ้า เพราะความทุกข์ของภพภูมิอื่น ยังมีอยู่จริง ความหลงของคนอื่นยังมีอยู่จริง ถ้าไม่หลงก็คือจะไม่มีภพภูมิอื่น นั่นเอง
ดังนั้น การเข้าไปช่วยเหลือคนอื่น หาไช่ความหลง ความโง่ ความบ้า แต่อย่างใด

ทั้งหมดดูที่เจตนา นะจ๊ะ

 

คนเหล่านั้น จึงอ้างว่า โลกนี้จึงมีแต่ความไม่แน่นอน

เพราะ ยังมีความรู้ ยังมีมิติอื่น ที่จะนำมาอธิบาย

ยังมีเหตุหรือมิติอื่น ที่ยังไม่รู้ อีกมาก เป็นปัจจัย ของ เหตุ นั้นๆ

จึงเรียก จักรวาลและอนันตจักรวาล เป็น matrix

 

มันก็ไม่แน่นอนทุกภพภูมินั่นแหล่ะ เพราะทั้หมดอยู่ภายไต้ กฏไตรลักษณ์นะจ๊ะ
แค่รุ้เหตุหรือความจริง ก็หมดสงสัยนะจ๊ะ

 

คนที่มีปัญญา มีญาณหยั่งรู้ได้เอง
สว่างไสวได้จากภายในของตัวเอง


มีน้อยนะ


แต่ที่อ่านและจำมาเป็น "ความรู้ในสมอง"
อันนี้ มีเยอะ แต่ก็ไม่ได้ผิดอะไรหรอกนะ
แค่เรามีสติรู้ว่าเราเป็นอย่างไร ไม่หลงก็
พอละ ไม่ใช่ว่า ตัวเองไปอ่าน ไปจำมา
มากแล้วหลงว่า ฉันเก่งกว่ามันละ ฯลฯ


ไม่มีไรมากครับ พูดเล่นๆ เฉยๆ ใครจะ
ได้มันก็ต้องพร้อม ไม่พร้อมก็ไม่ได้อ่ะ

 

ผมไม่พร้อม ผมไม่อยากได้ นะจ๊ะ ช่วยเอาคืนไปทีนะจ๊ะ

 

ใครอยากได้ มาเอาที่ผมนะจ๊ะ จะยกให้นะจ๊ะ