{ } พระอุปคุตสุภโร หลวงปู่หา ภูกุ้มข้าว ผู้ค้นพบ วิญญาณไดโนเสาร์

ในห้อง 'พระเครื่อง วัตถุมงคล' ตั้งกระทู้โดย โอสถ, 11 มีนาคม 2015.

  1. โอสถ

    โอสถ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    27 ตุลาคม 2007
    โพสต์:
    1,545
    ค่าพลัง:
    +12,113
    * วัตถุมงคลที่นำออกมาให้บูชาหรือแจก เป็นวัตถุมงคลที่เก็บสะสมส่วนตัว การกำหนดราคาจึงไม่เกี่ยวกับทางวัดใดๆ
    ไม่สามารถนำราคาในกระทู้นี้ไปใช้อ้างอิงว่าเป็นราคาวัตถุมงคลของวัดใดวัดหนึ่ง


    กระทู้นี้ ดำเนินงานโดยนโยบายของ ณกุศล

    www.nakusol.com

    หมายเหตุ : กำหนดการรับจองวัตถุมงคลเป็นเวลา 3 วัน ... หากเกินกว่ากำหนดโดยไม่ได้แจ้งล่วงหน้า ถือว่าท่านสละสิทธิ์การจอง
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 2 พฤษภาคม 2016
  2. โอสถ

    โอสถ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    27 ตุลาคม 2007
    โพสต์:
    1,545
    ค่าพลัง:
    +12,113
    รายละเอียด บัญชีการโอนเงิน

    [​IMG]

    ......................................
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    แก้ไขครั้งล่าสุด: 19 กุมภาพันธ์ 2016
  3. โอสถ

    โอสถ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    27 ตุลาคม 2007
    โพสต์:
    1,545
    ค่าพลัง:
    +12,113
    พระอุปคุตสุภโร หลวงปู่หา ภูกุ้มข้าว ( หลวงปู่ไดโนเสาร์ )

    พระอุปคุตสุภโร

    อธิษฐานจิตโดย หลวงปู่หา สุภโร ( หลวงปู่ไดโนเสาร์ ) ที่วัดสักกะวัน (ภูกุ้มข้าว) จ.กาฬสินธุ์

    ประวัติการจัดสร้าง

    พระอุปคุตสุภโร
    ออกแบบ จัดสร้าง รวบรวมชนวนและมวลสาร ดำเนินการจัดสร้างทุกขั้นตอน โดย อ.อำพลเจน หนึ่งในผู้สร้างตำนานพระเครื่องเมืองไทยยอดนิยมหลายรุ่น

    [​IMG]

    วัตถุประสงค์การจัดสร้าง ... เพื่องานบุญทอดผ้าป่า สร้างพระประธานนาคปรก วัดป่าถ้ำค้อ ช่องเม็ก จ.อุบลราชธานี โดยมี อ.อำพล เจน เป็นเสาหลักของงานบุญ

    ชนวนเนื้อโลหะ
    * ชนวนพระกริ่ง 20 จังหวัดภาคอีสาน ซึ่งรวบรวมตะกรุดและชนวนโลหะของพระอริยสงฆ์จำนวนมาก จากทุกจังหวัดในภาคอีสาน
    * ชนวนอื่นๆที่คุณอำพลเจน รวบรวมไว้

    มวลสารเนื้อผงอุดฐาน
    * ผงโสฬสของหลวงปู่ฝั้น อาจาโร
    * ผงนางพญาหลวงปู่จันทร์ วัดศรีเทพฯ นครพนม
    * ผง๑๐๘อาจารย์ที่ อ.อำพลเจน สงวนไว้ตั้งแต่คราวสร้างพระยุคแรกๆ
    * ผงมวลสารจำนวนมากมายที่ อ.อำพลเจน สะสมไว้ในยุคต่อๆมา

    [​IMG]

    อธิษฐานจิตเดี่ยว โดย หลวงปู่หา สุภโร ( หลวงปู่ไดโนเสาร์ ) ณ วัดสักกะวัน (ภูกุ้มข้าว) จ.กาฬสินธุ์

    จำนวนจัดสร้าง

    [​IMG] [​IMG]
    เนื้อเบญจโลหะ ตอกโค๊ต ฐานอุดผงปั๊มโค๊ต นะ ... จำนวน ๒๐๐ องค์

    พระจำนวนครึ่งหนึ่ง ถวายหลวงปู่หาสุภโร ... ส่วนที่เหลือ ๑๐ องค์ มอบให้คณะประธานผ้าป่า ... ๙๐ องค์นำออกให้ทำบุญ เพื่องานบุญทอดผ้าป่า สร้างพระประธานนาคปรก วัดป่าถ้ำค้อ ช่องเม็ก จ.อุบลราชธานี

    ในรอบแรก ทั้งๆที่ ไม่ได้แจ้ง วันเวลาการจองล่วงหน้า แต่กลับมีผู้จองร่วมบุญ พระหมดเกลี้ยง ภายในเวลาเพียง 3 ชั่วโมง มีจำนวนไม่เพียงพอกับผู้ประสงค์ร่วมทำบุญ

    พระชุดนี้ มีจำนวนน้อย ณ ปัจจุบัน แทบไม่พบพระหมุนเวียน ถือว่าเป็นวัตถุมงคลที่หายากชุดหนึ่ง

    ......................

    เนื้อเบญจโลหะ

    เท่าที่มีข้อมูล ตามสูตร อ.อำพล เจน

    เนื้อเบญจโลหะ จะมีส่วนผสมโลหะ 5 ชนิด คือ เงิน + ทองแดง + ทองเหลือง + อัลลอยด์ทองคำ + อัลลอยด์เงิน

    เนื้อเบญจโลหะ จะมีต้นทุนที่สูงกว่า เนื้อโลหะทั่วไป ถือว่าเป็น เนื้อโลหะที่พิเศษ ใกล้เคียงนวโลหะ โดยมีใส่ เงิน และ อัลลอยด์ทองคำ จึงมีมูลค่าสูงกว่าเนื้อโลหะทั่วไป

    พระแต่ละองค์ อาจจะมีโทนสีที่แตกต่างกัน ขึ้นกับว่าองค์นั้นมีส่วนผสมของเนื้อโลหะใดใน 5 ชนิด มากน้อยกว่ากัน
    ...............................................
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 11 มีนาคม 2015
  4. โอสถ

    โอสถ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    27 ตุลาคม 2007
    โพสต์:
    1,545
    ค่าพลัง:
    +12,113
    ประวัติ หลวงปู่หา ภูกุ้มข้าว ( หลวงปู่ไดโนเสาร์ )

    ประวัติหลวงปู่ไดโนเสาร์ วัดสักกะวัน จ.กาฬสินธุ์

    [​IMG]

    พระญาณวิสาลเถร หรือ ที่ลูกศิษย์ลูกหาต่างพากันเรียกท่านว่า “หลวงปู่ไดโนเสาร์” นั้น มีนามเดิมว่า หา เกิดในสกุล ภูบุตตะ เมื่อขึ้นวันศุกร์ ที่2 เดือนกรกฎาคม พ.ศ.2468 ที่บ้านนาเชือก ต.เวอ (ปัจจุบันเป็นตำบลนาเชือก) อ.ยางตลาด (ปัจจุบันเป็นอำเภอเมือง) จ.กาฬสินธุ์ โยมบิดาชื่อ สอ ภูบุตตะ โยมมารดาชื่อ บัวลา ภูบุตตะ มีพี่น้องรวมกัน 7 ท่าน ท่านถือกำเนิดในตระกูลคหบดีในหมู่บ้านนาเชือกซึ่งอพยพมาจากจังหวัด อุบลราชธานี มีฝูงวัวกว่า 200 ตัว มีที่นากว่า 300 ไร่ โยมแม่เลี้ยงหม่อนกว่า 100 กระด้ง ซึ่งถือว่ารวยที่สุดในแถบนั้น เมื่อท่านเป็นฆาราวาสท่านช่วยพ่อแม่ทำงานทุกอย่างและที่สำคัญท่านเป็นนักมวย แต่ด้วยโยมพ่อท่านไม่ชอบที่ท่านเป็นนักมวยจึงยื่นคำขาดให้ท่านเลิกเป็นนัก มวย ท่านจึงเบื่อหน่ายการครองเพศฆราวาส โดยบรรพชา เมื่ออายุ 19 ปี ที่วัดสุวรรณชัยศรี (ปัจจุบันนี้เป็นท่านาชาวบ้าน ในตำบลท่าเรือ อ.ยางตลาด จ.กาฬสินธุ์) โดยมี หลวงปู่ลือ เป็นอุปัชฌาย์ และอุปสมบทเมื่ออายุ 20 ปี ที่อุโบสถหลังเดิมและอุปัชฌาย์ องค์เดิม

    เหตุใดญาติโยมจึงพากันเรียกท่านว่าหลวงปู่ไดโนเสาร์?

    หลวงปู่ดำเนินการก่อสร้างวัด สั่งสอนผู้คนสอนปริยัติธรรมแก่พระภิกษุ-สามเณร บริหารการปกครองคณะสงฆ์ ท่านต้องรับผิดชอบงานหลายด้านก็ไม่ละทิ้งการปฏิบัติการอบรมจิตทำสมาธิภาวนา เมื่อมีเวลาว่างท่านจะขึ้นบนยอดภูกุ้มข้าวกางกลดนั่งสมาธิครั้งละ 15 วัน โดยไม่ฉันอาหารไม่เข้าห้องน้ำ!
    อบรมจิตใจตนเองอย่างนี้โดยวิธีนี้เรียกว่าการเข้า “ปฏิสลี” มีเพียงบางวันที่สามเณรจะเอายาต้มไปส่ง แต่ถ้าเห็นหลังปู่ไม่เปิดกลด ก็จะกลับลงมาโดยไม่ได้ถวายยาต้มนั้น ในบางปีท่านฉันภัตตาหารเพียงวันเข้าพรรษาและวันออกพรรษาเท่านั้น

    ประมาณปี 2534 ท่านได้พบนิมิตโอภาส คือพบแสงสว่างที่ใสมากเป็นแสงที่ท่านไม่เคยพบในโลกนี้สว่างไปทั่วโลกธาตุ สว่างทั้งจักรวาล มองทะลุภูเขา มองทะลุต้นไม้มองเห็นทุกอย่างอยากเห็นสิ่งใดก็เห็นไปหมด แล้วก็ปรากฏสัตว์ชนิดหนึ่ง คอยาว ตัวใหญ่กว่าช้างเท้าใหญ่เท่ากระบุง เดินไปเดินมาในบริเวณภูกุ้มข้าว กินยอดไม้ เล่นน้ำ และล้มลงตายขณะที่เห็นมีลักษณะเป็นเหมือนฟิล์มหนังกลางแปลงในสมัยก่อนพอ สัตว์นั้นตายลงก็หมดม้วนพอดี เป็นอย่างนี้อยู่สองสามครั้ง

    ในปี 2536 และปี 2537 ก็มีลักษณะเดียวกัน

    ครั้งสุดท้ายพอเห็นจบแล้วก็มีเสียงมาบอกว่า จะมาขออยู่ด้วยเตรียมตัวไว้พรุ่งนี้จะมีฝนมาจากทิศอุดรห่าใหญ่ผมจะมากับฝน ครั้งล่าสุดท่านเข้าปฏิสลีได้เพียงสามวันเท่านั้นก็เก็บบาตรและกลดลงจากยอด เขา สั่งให้พระเณรเก็บสิ่งของไปไว้บนกุฏิ เวลาประมาณเที่ยงวันฝนก็เริ่มตั้งเค้าและตกลงมาอย่างไม่ลืมหูลืมตา หลวงปู่ท่านได้กางร่มเดินออกมาตรวจบริเวณวัดขณะฝนตก ด้วยลมที่กรรโชกและห่าฝนที่กระหน่ำตกลงมาอย่างไม่ลืมหูลืมตาทำให้ร่มในมือ หลวงปู่โดนพัดไปเหลือแต่ด้ามเท่านั้น ท้องฟ้าบริเวณทั้งมืดมิดจนมองไม่เห็นสิ่งใด หลวงปู่จึงนั่งลงตรงที่เห็นสัตว์นั้นตายในนิมิต ฝนตกกว่าสามชั่วโมงจึงเริ่มซาและหายไปในที่สุด จากฟ้าที่มืดก็ปรากฏแสงสว่างขึ้นมา แผ่นดินที่เคยสูงโดนน้ำเซาะจนเห็นเป็นกระดูกชิ้นใหญ่ หลายสิบชิ้นกระจัดกระจายอยู่ทั่วไปในบริเวณที่ท่านนั่ง ท่านก็สั่งให้คนเก็บกระดูกนั้นไว้และส่งข่าวไปยังนายอำเภอเพื่อมาตรวจสอบ ทางอำเภอจึงส่งข่าวไปยังศูนย์วิจัยไดโนเสาร์ที่ อ.ภูเวียง จ.ขอนแก่น เจ้าหน้าที่ก็ได้มาตรวจสอบปรากฏว่าเป็นไดโนเสาร์พันธุ์กินพืชที่ใหญ่เก่าแก่ และสมบูรณ์ที่สุดเท่าที่มีการค้นพบมา (ภายหลังให้ชื่อว่า อีสานโนซอรัสสิรินธรเน่)

    ต่อมามีการแจ้งว่าจะมีการจะขอทำการขุดค้นเพิ่มเติมจึงกราบเรียนถามองค์หลวง ปู่เพื่อชี้จุดที่เห็นในนิมิตเพิ่มเติมท่านจึงได้ชี้ใต้ต้นไม้ทางทิศเหนือ ของวัดก็พบฟอสซิลไดโนเสาร์อีกหลายตัว ปัจจุบันคือ “อาคารหลุมขุดค้นไดโนเสาร์พระญาณวิสาลเถร” เพื่อเป็นอนุสรณ์แก่ผู้ค้นพบครั้งแรก) อีกทั้งยังมีการรวบรวมฟอสซิลไดโนเสาร์จากทั่วสารทิศมารวมที่วัดสักกะวันและ ก่อสร้างพิพิธภัณฑ์เพื่อศึกษาเกี่ยวกับสัตว์โลกล้านปีได้รับพระราชทานนามว่า “พิพิธภัณฑ์สิรินธร”

    คณะศิษย์ยานุศิษย์ ลูกหลาน จึงถวายฉายานามหลวงปู่ว่า “หลวงปู่ไดโนเสาร์” และเรียกกันมาจวบจนปัจจุบัน

    ..........
    .
    ...........

    หนังสือตามรอยหลวงปู่ภูกุ้มข้าว (ฉบับปฐมบท)

    [​IMG]

    จำนวนหน้า: 168 หน้า
    ขนาดไฟล์: 89.42 MB
    ผู้แต่ง:
    เป็นบันทึกธรรมคำสอนของ พระญาณวิสาลเถร (หา สุภโร) เจ้าอาวาสวัดสักกะวัน (ภูกุ้มข้าว) ที่ปรึกษาเจ้าคณะจังหวัดกาฬสินธุ์ (ธ) พระเถราจารย์ผู้ค้นพบวิญญาณไดโนเสาร์ สัตว์โลกล้านปี จนเป็นที่มาของฉายานาม “หลวงปู่ไดโนเสาร์”
    วันที่พิมพ์: 5 มี.ค. 2557

    ท่านสามารถดาวน์โหลดได้ ฟรี ที่ หนังสือตามรอยหลวงปู่ภูกุ้มข้าว (ฉบับปฐมบท)


    ......................
    ......................
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 11 มีนาคม 2015
  5. โอสถ

    โอสถ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    27 ตุลาคม 2007
    โพสต์:
    1,545
    ค่าพลัง:
    +12,113
    พระธาตุ

    พระญาณวิสาลเถร (หา สุภโร)

    พระธาตุ

    เรื่องเกศาองค์หลวงปู่ ปกติเมื่อมีการปลงออกมาจะม้วนกันเป็นก้อนกลม บางก้อนจะปรากฏเป็นผลึกแก้วใสปนอยู่ข้างใน บางก้อนเส้นเกศาจะใสและสะท้อนแสง

    เคยมีผู้ได้รับเล็บเท้าท่านมาใส่ผอบไว้บูชา ปรากฏว่า เศษเล็บขององค์ท่านค่อยๆเปลี่ยนจากเล็บ เป็นการรวมกันเป็นก้อนกลมๆ และบางชิ้นก็จับกันเป็นแพ มีผลึกแก้วใสๆปนรวมอยู่ เล็บบางชิ้นก็เริ่มใสขึ้นเรื่อยๆ อีก

    อีกอย่างที่แปลก...คือ เมื่อสมัยท่านเข้ารักษาอาการอาพาธที่กรุงเทพ ได้ขอเจาะเลือดท่านไว้ตรวจ เมื่อตรวจเสร็จส่วนที่เหลือคุณขวัญเรือน อุปฐากท่านขอหมอเก็บรักษาไว้ เป็นเวลากว่า ๒ ปี ปรากฏว่าเลือดนั้นไม่เน่าไม่เสีย ไม่จับเป็นก้อน กลับยังเป็นน้ำเลือดที่ยังไหลและเป็นสีเลือดอยู่

    ..........
    ................................................................
    ....................................................
     
  6. โอสถ

    โอสถ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    27 ตุลาคม 2007
    โพสต์:
    1,545
    ค่าพลัง:
    +12,113
    ๑ ของดี กับ คนดี

    ของดี กับ คนดี

    โดยหลวงปู่หา สุภโร

    ++++++++++++++++++++++++++++++++++++

    โยม : หลวงปู่ครับ ตะกรุดหลวงปู่ดีด้านไหนครับ

    หลวงปู่ : ดีหมดแหละ ขึ้นชื่อว่าวัตถุมงคลดีหมดแหละ ดีกว่า วัตถุอัปมงคล

    โยม : แล้วทำยังไงถึงรู้ว่า วัตถุมงคลอันนี้ อันนั้นขลังล่ะครับ

    หลวงปู่ : คุณเชื่อไหม คุณเชื่อไหม ถ้าคุณเชื่อมันดีหมดแหละ ถ้าคุณมีศรัทธา แม้แต่ขี้หมายังมีฤทธิ์เลย แต่ถ้าคุณไม่มีศรัทธา แม้จะลอยลงมาจากฟ้าก็ช่วยคุณไม่ได้ เหมือนโทรศัพท์โทรไปไม่มีใครรับก็คุยกันไม่ได้ เขาโทรมาเราไม่รับก็คุยกันไม่ได้ มันต้องประกอบกันนะ หาว่าแต่ของนั้นไม่ดี ของนี้ไม่ดี เจ้าของไม่ดีก็ไม่ว่า......


    ****** ถ้าคุณมีศรัทธา แม้แต่ขี้หมายังมีฤทธิ์ **********

    จากหนังสือตามรอยหลวงปู่ภูกุ้มข้าว (ฉบับปฐมบท) พระญาณวิสาลเถร (หา สุภโร)
     
  7. โอสถ

    โอสถ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    27 ตุลาคม 2007
    โพสต์:
    1,545
    ค่าพลัง:
    +12,113
    ๒ ภาชนะเก็บบุญ

    ๒ ภาชนะเก็บบุญ

    โยม : หลวงปู่เจ้าขา ดีใจเหลือที่ได้มาทำบุญกับหลวงปู่ ทำบุญกับพระสุปฏิปันโน

    หลวงปู่ : อือ

    โยม : ไปทำบุญที่ไหนก็ไม่สุขใจเท่าทำบุญกับหลวงปู่ เย็นกายเย็นใจได้บุญเยอะ

    หลวงปู่ : ทำบุญที่ไหนก็ดีหมดนั่นล่ะ ได้บุญหมดนั่นล่ะ ติแต่ว่าทำบุญกับวัดนี้กับพระนี้ เหมือนจะได้บุญน้อย ทำบุญกับวัดนั้นกับพระนั้นเหมือนจะได้บุญมาก ได้บุญมากหรือบุญน้อยบ่สำคัญดอก สำคัญว่า... ที่เก็บบุญของคุณนั้น เก็บบุญอยู่บ่นี่... ที่เก็บบุญมันเก็บบ่อยู่ ก็เทียวทำบุญไป มันก็ไหลออกไป จำไว้เด้อเก็บบุญไว้ในใจ อย่าให้ไหลออกทางตา หู จมูก ลิ้น กายเด้อ รักษาใจให้สะอาด บุญเราจะได้สะอาดไปด้วย เพราะบุญอยู่ในใจเด้

    **** ได้บุญมากหรือบุญน้อยบ่สำคัญดอก สำคัญว่า... ที่เก็บบุญของคุณนั้น เก็บบุญอยู่บ่นี่ ****

    จากหนังสือตามรอยหลวงปู่ภูกุ้มข้าว (ฉบับปฐมบท) พระญาณวิสาลเถร (หา สุภโร)
     
  8. โอสถ

    โอสถ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    27 ตุลาคม 2007
    โพสต์:
    1,545
    ค่าพลัง:
    +12,113
    นสพ. ข่าวสด ฉบับวันที่ 19 พ.ค. 2547

    ฮือฮาศิษย์พระเกจิดังตายแล้วฟื้น เผยเป็นทายกวัดและเป็นคนขับรถให้กับเจ้าอาวาสวัดที่กาฬสินธุ์ เมียเผยสามีป่วยหนักด้วยโรคระบบทางเดินหายใจ เข้ารับการรักษาที่โรงพยาบาลก่อนที่จะเสียชีวิต แพทย์ปล่อยศพไว้ 2 ชั่วโมงเพื่อให้แน่ใจว่าตาย แต่กลับลืมตาขยับตัวขึ้น แพทย์พยาบาลช่วยกันปฐมพยาบาลจนทำให้ร่างกายดีขึ้นมาจนถึงวันนี้ ส่วนเจ้าตัวบอกช่วงที่อาการหนักที่เห็นลูกเมียร้องไห้ระลึก ถึงพระญาณวิสาลเถรเจ้าอาวาสวัดที่ได้ปรนนิบัติมาตลอดจนมาสะดุ้งตื่นอีกทีก็ที่เตียงคนไข้ ผอ.ร.พ.ยอมรับถือเป็นเรื่องปาฏิหาริย์

    เมื่อวันที่ 18 พ.ค.ผู้สื่อข่าวได้รับการบอกเล่าจากชาวบ้านว่ามีคนตายแล้วฟื้น อยู่ที่วัดป่าสักกะวัน ภูกุ้มข้าว อ.สหัสขันธ์ จ.กาฬสินธุ์ จึงเดินทางเข้าไปพิสูจน์ภายในวัด ปรากฏพบพระญาณวิสาลเถร เจ้าอาวาสวัด และบรรดาทายก กำลังทำพิธีสะเดาะเคราะห์ให้นายพุทธ มาลัยจันทร์ อายุ 59 ปี เลขที่ 75 หมูที่ 2 ต.นิคม อ.สหัสขันธ์ ทายกวัดและเป็นคนขับรถให้กับเจ้าอาวาส ซึ่งเป็นคนที่มีผู้บอกเล่าว่าตายแล้วฟื้น

    นายพุทธกล่าวว่า ในช่วงที่ญาติบอกว่าตายไปแล้ว ตนไม่มีความรู้สึกอะไรเลย เพียงแต่ช่วงที่อาการหนักที่เห็นลูกเมียร้องไห้ ได้ระลึกถึงพระญาณวิสาลเถร เจ้าอาวาสวัดที่ได้ปรนนิบัติมาตลอด และรู้สึกเหมือนกับว่าเดินทางกลับมาที่วัด แต่ไม่สามารถเข้าไปในวัดได้ จนมาสะดุ้งตื่นอีกทีก็ที่เตียงคนไข้ เมื่อฟื้นขึ้นมาก็พูดกับลูกแค่ว่าพ่อไม่ตายแล้ว

    ผู้สื่อข่าวรายงานว่า สำหรับเหตุการณ์นี้ชาวบ้านเชื่อว่าเป็นอิทธิฤทธิ์ของพระญาณวิสาลเถร เนื่องจากผู้ตายเป็นศิษย์วัด เมื่อวิญญาณออกจากร่างจึงได้กลับเข้ามาหาหลวงตาช่วยยื้อเอาชีวิตไว้ทำให้รอดตาย

    ......................
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 12 มีนาคม 2015
  9. โอสถ

    โอสถ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    27 ตุลาคม 2007
    โพสต์:
    1,545
    ค่าพลัง:
    +12,113
    ตามรอยบาทพระศาสดา

    บนยอดเขาภูกุ้มข้าว มีรอยพระพุทธบาทที่ศรัทธาคณะท่านพระครูปลัดอนันต์ พทฺธญาโณ เจ้าอาวาสวัดท่าซุงและศิษยานุศิษย์ของท่าน นำมาถวายหลวงปู่และไปประดิษฐานไว้บนยอดภูเพื่อเป็นตำแหน่งเครื่องหมายจุดที่หลวงปู่เข้า ปฏิสัลลี จนพบวิญาณของสัตว์โบราณ ทุกๆวัน จะมีคนเดินทางมากราบไหว้ไม่ได้ขาด พอลงมากราบหลวงปู่เรื่องรอยพระพุทธบาทแท้หรือไม่แท้

    โยม ; หลวงปู่เจ้าขา ลูกมาพิพิธภัณฑ์ไดโนเสาร์แล้วก็เลยขึ้นไปกราบรอยพระพุทธบาทบนยอดเขา ลูกเลยสงสัยว่า รอยพระพุทธบาทที่อยู่บนเขาเป็นของแท้หรือเปล่าเจ้าค่ะ

    หลวงปู่ ; แท้สิ รอยพระพุทธบาทของแท้

    โยม ; อ้าว ดูเหมือนเป็นรอยพระพุทธบาทที่ทำขึ้นมาใหม่ ทำไมหลวงปู่ว่าของแท้หล่ะเจ้าค่ะ ไม่เห็นเหมือนที่ สระบุรี พระพุทธบาทสี่รอยที่เชียงใหม่หรือที่อื่นๆเลย

    หลวงปู่ ; เหอ เหมือนสิ ทำไมจะไม่เหมือน รอยพระบาทที่ไหนๆก็เหมือนกันนั้นหล่ะ คุณจำไว้นะ "คนมีพระอยู่ในใจกราบที่ไหนก็ถูกพระ แต่คนที่ไม่มีธรรมะแม้จะกราบตักพระยังไม่ถูกพระเลย" รอยพระพุทธบาท พระบรมสารีริกธาตุแท้ทุกอันนั้นหล่ะอย่าสงสัยเลย รอยพระพุทธบาทอยู่ในเมืองไทยมีมากมายนับไม่ถ้วน พระบรมสารีริกธาตุก็มีมากเหลือคณานับ แต่ทั้งรอยพระพุทธบาท ทั้งพระบรมสารีริกธาตุ ล้วนแต่เป็นตัวแทนพระบรมศาสดา เป็นตัวแทนพระพุทธเจ้า เราก็กราบเพื่อเป็นสื่อแทนเป็นองค์แทนพระองค์ ให้นึกถึงคุณความดีของพระองค์ ถ้าเรามีพระในใจจะกราบพระพุทธรูป จะกราบพระธาตุ จะกราบพระบาท ก็แท้หมดนั่นหล่ะ อย่ามัวแต่หาแท้ หาแต่แท้มันเลยไม่เจอธรรม เพราะแท้มันบังธรรม มัวแต่หากราบอันแท้อันปลอม หาอยู่นั้นหาไปหามาเลยแก่ตายพอดี ไม่ได้อะไรเลย การเกิดมาพบพระพุทธศาสนานั้นเป็นโชคอนันต์นะ ให้เอาศรัทธาเป็นที่ตั้ง และปฏิบัติธรรมให้เกิดปัญญา เอาเวลาที่คุณเที่ยวหาแท้หาปลอมมาปฏิบัติให้เกิด พระพุทธ พระธาตุ พระบาทในใจเราดีกว่า หาแท้หาปลอมเป็นเรื่องของโลก ไม่ใช่เรื่องของธรรม หาโลกก็แบกโลก ค้ำโลก "คนแบกโลกอยู่ต่ำ คนนำโลกอยู่กลาง คนวางโลกอยู่สูง คนจูงโลกอยู่รุงรัง" วางซะแล้วหาธรรมจะได้ไม่ต้องหาแท้หาปลอม เข้าใจนะ
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 16 มีนาคม 2015
  10. โอสถ

    โอสถ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    27 ตุลาคม 2007
    โพสต์:
    1,545
    ค่าพลัง:
    +12,113
    ทำอย่างไรถึงจะค้าขายรวยๆ

    ทำอย่างไรถึงจะค้าขายรวยๆ

    โยม . หลวงปู่เจ้าขา โยมจะทำการค้าทำยังไงจะรวยเจ้าค่ะ

    หลวงปู่ หือ ทำการค้าหยังหล่ะ

    โยม .ร้านอาหารเจ้าค่ะ

    หลวงปู่ อ้อ อยากรวยให้มี ๓ ฝีเด้อ

    โยม . อ้าว ๓ ฝี ยังไงเจ้าค่ะหลวงปู่

    หลวงปู่ เออ ฝีตีน ฝีมือ ฝีปาก ฝีตีนให้เฮ็ดให้ทำเร็วทันใจลูกค้า ฝีมือให้แซบให้ถืกปาก ฝีปากให้เว้าดีๆ คนเฮาเขามากินข้าวบ่แม่นเขากินเข้าปากอย่างเดียว เข้าตา เข้าหู เข้าใจนำ จัดร้านให้งาม เว้าให้ดี คันได้ ๓ ฝี มีแต่รวยอย่างเดียว...
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 17 มีนาคม 2015
  11. โอสถ

    โอสถ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    27 ตุลาคม 2007
    โพสต์:
    1,545
    ค่าพลัง:
    +12,113
    การแลกบุญด้วยเงิน

    การแลกบุญด้วยเงิน

    โยม ; หลวงปู่เจ้าขา ทำไมศาสนาพุทธถึงมีแต่ให้ทาน เดี๋ยวก็ถวาย เดี๋ยวก็ถวาย นี่อย่างวันนี้ก็ถวายเทียน ถวายผ้าอาบน้ำ ถวายผ้าป่า กฐิน มีแต่ถวายเต็มไปหมดแสดงว่าจะได้บุญมาต้องเสียเงินเสียทองสิเจ้าค่ะ

    หลวงปู่ ; อือ บุญเป็นชื่อของความสุข ทำแล้วทุกข์อย่าทำ

    โยม ; โยมก็ไม่ได้ทุกข์ แค่สงสัยว่าทำไม ศาสนามีแต่การให้ทาน

    หลวงปู่ ; การทำบุญในพระศาสนาหน่ะมีหลายแบบ มีหลายระดับ ระดับทาน ระดับศีล ระดับภาวนา คนใจยังไม่สูงก็มัววุ่นอยู่กับทานอย่างเดียว คนใจสูงมาอีกหน่อยก็ทำบุญเรื่องศีล เมื่อใจถึงระดับแล้วเขาจะทำบุญด้วยการภาวนา

    เพราะทานกำจัดกิเลสอย่างหยาบ ศีลกำจัดกิเลสอย่างกลาง ภาวนากำจัดกิเลสอย่างละเอียด บางคนทำบุญแล้วไม่รู้เรื่องบุญก็มัวแต่หาว่ามีแต่ทานแต่ทาน คนบ้าทานก็ทำทานเอาหน้า ทำทานเอาตรา ทำทานเพื่อโฆษณา แท้จริงแล้วจุดประสงค์เพื่อละตัวเรา เพื่อละของเรา อาศัยสิ่งของเพื่อละความเห็นแก่ตัว ละความถือตัวถือตน

    บางคนทำบุญทำทานไม่เป็นให้แล้วยังถือว่าเป็นเราเป็นของเรา บางคนทานแล้วประสงค์นั่น อธิษฐานนี่ วุ่นวายไปหมด อันนี้ให้ทานเอาตัณหา ให้ทานเอาโลก ให้ทานเอากิเลส ทานที่แท้จริงต้องทานเพื่อละเพื่อทิ้ง เอาของมาทานให้หลวงปู่แล้วมาให้หลวงปู่เสกนั้นเป่านี่ อธิษฐานเอานั้นเอานี่ เหมือนหลวงปู่จะบันดาลให้ได้

    คนที่เอาเอาข้าวให้หมากินเขายังได้อานิสงค์มากว่าคนพวกนี้ เพราะเขาให้ทานเพื่อละ ให้ทานเพื่ออนุเคราะห์สัตว์ตกยาก เขาให้ทานโดยไม่ความเป็นตัวเป็นตน ไม่อธิฐานเอานั้นเอานี่จากหมา ไม่ต้องบอกหมาว่า ต้องฉันของโยม ของหนู ของฉัน นั้นคนพวกนั้นเขาทานเพื่อละเพื่อวาง

    คนที่วางตัววางตน ก็ไม่มีตัวไม่มีตน คนไม่มีตัวไม่มีตนมันจะทุกข์มาจากไหน เพราะมีตัว อะไรก็ของตัว ได้ตัวก็ได้ เสียตัวก็เสีย กระทบอะไรตัวก็กระทบ มันจึงทุกข์จึงยาก แต่ละตัวละตนเสียแล้วจะทุกข์กับอะไร ถ้าคุณเข้าใจอย่างนี้หลวงปู่เรียกคนเหล่านั้นว่าเขาทำทานเพื่อพึ่งพา ให้ทานเพื่อละ เพื่อวาง เขาจะไม่ทุกข์กับการให้ทาน เขาเป็นนักทานที่แท้จริง เข้าใจนะ

    ที่มา : คติธรรม คำสอน โดย หลวงปู่หา สุภโร
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 18 มีนาคม 2015
  12. โอสถ

    โอสถ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    27 ตุลาคม 2007
    โพสต์:
    1,545
    ค่าพลัง:
    +12,113
    วิธีการบรรลุธรรมได้เร็วที่สุด

    วิธีการบรรลุธรรมได้เร็วที่สุด

    โยม ; หลวงปู่ครับผมทำอย่างไรจะบรรลุธรรมได้เร็วที่สุด

    หลวงปู่ ; ก็ละความอยากบรรลุธรรมของคุณสิ ได้เร็วที่สุด คุณละได้เร็วเท่าไหร่คุณก็จะบรรลุธรรมได้เร็วเท่านั้น

    โยม ; ไม่ใช่ครับผมหลวงปู่ ผมหมายถึงว่า ในการปฏิบัติธรรม วิธีการปฏิบัติของสายใดเป็นวิธีลัดให้เราบรรลุธรรมได้ง่ายๆและเร็วที่สุด

    หลวงปู่ ; เออ ก็อย่างนั้น แล้วคุณจะรีบไปไหนหล่ะ หรือทุกวันนี้คุณรีบไม่พอ เดินทางก็รีบ ทำมาหากินก็รีบ รีบไปหมด การปฏิบัติธรรมก็รีบ คุณดูนี่ (แล้วท่านก็ยกมือข้างซ้ายท่านขึ้นมา กางนิ้วมือทั้ง ห้าน้ิวออก แล้วก็เริ่มโบกเร็วๆ) คุณว่าตอนนี้มีกี่นิ้ว

    โยม ; เห็นไม่ชัดครับผม หลวงปู่ต้องโบกข้าๆครับผม ผมถึงจะเห็น

    หลวงปู่ ; นั้นๆ นี่ไงหล่ะ ขนาดคุณยังอยากให้หลวงปู่โบกมือช้าๆเลย โบกมือเร็วๆไม่เห็นนิ้วมือใช่ไหม โบกช้าๆมันจึงจะเห็นชัด การปฏิบัติธรรมหน่ะคุณเอ้ย มันไม่มีอะไรเร็วได้ดอก รีบทำ รีบทำ มันไม่เห็นปัญญานะ ถึงเห็นมันก็ไม่แจ้ง ต้องค่อยๆทำ ค่อยๆเป็นค่อยๆไป แต่อย่าหยุด เดินทุกวัน ทำทุกวัน ภาวนาทุกวัน ขี้เกียจขี้คร้านก็ทำ ขยันหมั่นเพียรก็ต้องทำ อย่าหยุด ค่อยเป็นค่อยไป พวกคุณใช้ชีวิตแบบเร่งๆรีบๆจนเคยตัว เลยคิดว่าการพ้นทุกข์นั้นก็รีบได้

    ยิ่งพวกคุณอยาก พวกคุณรีบ ยิ่งพวกคุณปฏิบัติสุกเอาเผากิน ธรรมมะก็ยิ่งจะหนีห่างพวกคุณออกไปไกลเรื่อยๆ ค่อยๆคิด ค่อยๆทำ สังเกตุไปทุกระยะ ตั้งสติอย่าขาด อย่าวาดอนาคต อย่าผูกอดีต อย่าอยาก การปฏิบัติธรรมให้เหมือนการเอามือกำนกตัวน้อยๆ กำแรงนกก็ตาย กำเบานกก็บินหนี กำให้มันพอดี อย่าเบาอย่าแรง อย่าเร่งอย่ารีบ อย่าอยากมุงหลังคาทั้งๆที่ยังไม่ตั้งเสายังไม่เทพื้นเทคาน ทานเป็นเหตุชำระกิเลสอย่างหยาบมีศีลเป็นผล ศีลเป็นเหตุชำระกิเลสอย่างกลางมีสมาธิเป็นผล สมาธิเป็นเหตุชำระกิเลสอย่างละเอียดมีปัญญาเป็นผล ปัญญาเป็นเหตุรู้รอบในกองสังขารทั้งปวงมีวิมุติความหลุดพ้นเป็นผล

    ทำไปตามขั้นตามตอน อย่าอยากอย่าเร่งอย่ารีบ ถ้ามันบ่มให้สุกได้อย่างกล้วย อย่างมะม่วง มันก็ดีหน่ะสิแต่ในความเป็นจริงมันทำไม่ได้ ไม่มีใครลัดได้ดอก ดูความยากของการปฏิบัตินะ มันจะได้ละอยาก ละความห่วงในโลก อันนั้นหล่ะคุณจะได้ไวไว

    ที่มา : คติธรรม คำสอน โดย หลวงปู่หา สุภโร
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 19 มีนาคม 2015
  13. โอสถ

    โอสถ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    27 ตุลาคม 2007
    โพสต์:
    1,545
    ค่าพลัง:
    +12,113
    ถือศีล 8 แต่งหน้าเข้าสังคมได้ไหม?

    ถือศีล 8 แต่งหน้าเข้าสังคมได้ไหม?

    โยม ; หลวงปู่เจ้าขา ในพรรษานี้ลูกอยากมาถือศีลแปดทุกวันพระ ติดที่ว่าลูกต้องไปทำงานทุกวัน มาถือศีลไม่ได้เจ้าค่ะควรทำอย่างไรเจ้าค่ะ

    หลวงปู่ ; ศีลของคุณอยู่ไหนหล่ะ ถ้าคุณถือศีลที่วัดคุณก็ไม่ต้องมา ถ้าคุณถือศีลที่ใจปฏิบัติส่วนตัวเองคุณก็มาถือสิ

    โยม ; ศีลโยมถือที่ใจเจ้าค่ะ

    หลวงปู่ ; เออ คุณถือที่ใจ ใครๆก็ถือที่ใจ ถ้าคุณถือศีลที่วัดคุณก็ต้องอยู่วัด ถ้าคุณถือศีลที่ใจจะไปไหนๆคุณก็ไม่ต้องห่วงจะไม่มีศีล มันเป็นเรื่องของใครของมัน เป็นกิจภายในเราจะต้องห่วงอะไร คุณก็เอาศีลไปทำงานด้วยสิ

    โยม ; แต่ถ้าโยมถือศีลแปดแล้วไปทำงานโยมก็แต่งตัว ทาแป้ง ทาลิปไม่ได้นี่สิเจ้าค่ะ

    หลวงปู่ ; บ่ะ ไหนคุณว่าคุณถือศีลที่ใจเด้ คุณเอ้ย ศีล๕ ศีล๘ ศีล ๒๗๗ ศีล๓๑๑ ศีลแปดโกฏิสี่กือ ไม่มีดอก ศีลมีข้อเดียว คือข้อใจข้อเจตนา ศาสนานี้เอาเจตนาเป็นใหญ่ ส่วนจำนวนพวกนั้นเป็นชื่อของความเลว เป็นชื่อของความชั่ว พระพุทธเจ้าเอาเจตนาเป็นใหญ่ ถ้าเจตนาอย่างไรผลก็ไปตามนั้น เจตนาเป็นตัวชี้กรรมชี้วิบาก คุณเอ้ย คนมีธรรมคือคนเข้าใจธรรมชาติ คนที่ผิดธรรมชาติ กระทำผิดธรรมชาติอันนั้นไม่เรียกว่าธรรม ทาโลดทาลิป ทาแป้งนั้นทาโลด คุณทาเพื่อเข้าสังคมทำตัวให้เป็นปกติในสังคม วันดีคืนดี มาเข้าวัดจำศีลไปทำงาน หน้าดำปากขาว ปานผีหลอก คนเห็นเข้าจะว่าคุณบ้า เขาจะว่าผีหลอก เขาจะตำหนิว่าคนเข้าวัดบ้าๆบอๆ ให้ฉลาดนะ คนปฏิบัติธรรมให้ฉลาดนะ เราแต่งหน้าถือศีลแปด เรารู้ว่าเราแต่งตัวเพื่อไม่แปลกสังคม ไม่ได้ทาเพื่อยึดเพื่อติด เพื่อสวยเพื่องาม เอาใจเอาเจตนาเป็นสำคัญนะ ทำใจแบบนี้คุณจะถือศีลแปดไปทำงานได้หรือไม่หล่ะ

    โยม ; รักษาศีลแปดก็ไปทำงานได้เจ้าค่ะ

    หลวงปู่ ; เออ คนมีธรรมอย่าโง่นะ อย่าแปลกสังคม ธรรมมะคืออยู่กับสังคมไม่แปลกสังคม

    ที่มา : คติธรรม คำสอน โดย หลวงปู่หา สุภโร
    .....
    ..................
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 20 มีนาคม 2015
  14. โอสถ

    โอสถ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    27 ตุลาคม 2007
    โพสต์:
    1,545
    ค่าพลัง:
    +12,113
    ปัญหาเกี่ยวกับพุทโธ

    ปัญหาเกี่ยวกับพุทโธ

    โยม : หลวงปู่ครับผมได้ยิน พระบางรูปหรืออาจารย์บางท่าน สอนว่าพุทโธพาเราไปได้แค่พรหมไม่สามารถพาเราไปนิพพานได้นี่ถูกต้องไหมครับ

    หลวงปู่ : คุณดูนั้น (ท่านชี้มือไปที่ต้นสะเดาข้างอุโบสถ) คุณว่าต้นมะขามที่ขึ้นอยู่ข้างต้นสะเดา มันจะกลายเป็นต้นสะเดาได้ไหมหล่ะ

    โยม : ไม่ได้ครับหลวงปู่

    หลวงปู่ : หือ ไม่ได้เหรอ เอาใหม่นะ ถ้าต้นมะขามออกใบ ออกดอก ออกผล แล้วร่วงหล่นลงมาที่โคนของต้นสะเดา ย่อยสลายกลายเป็นธาตุอาหารในดิน รากของต้นสะเดาก็ดูดเอา ปุ๋ยนั้นไปหล่อเลี้ยงลำต้น ออกเป็นใบสะเดา ดอกสะเดา ผลสะเดา ผลสะเดาก็ตกลงมาเป็นต้นสะเดาเล็กๆ หลวงปู่ถามคุณอีกครั้งว่า มะขามกลายเป็นสะเดาได้ไหม

    โยม : ได้ครับผมหลวงปู่

    หลวงปู่ : เออ พุทโธ ที่คุณว่า ไม่พาคุณไปนิพพานเหรอ แต่คุณต้องอาศัยพุทโธพาคุณไปนิพพาน นิพพานหน่ะประตูไม่กว้างนะและก็ไม่แคบ พอดีตัวคุณเลยหล่ะ

    คุณจะเอาอย่างอื่นเข้าไปด้วยไม่ได้ บุญก็เข้าไม่ได้ บาปก็เข้าไม่ได้ ศีลก็เข้าไม่ได้ ธรรมก็เข้าไม่ได้ พุทโธก็เข้าไม่ได้ คุณต้องทิ้งหมด ทั้งดีทั้งชั่ว เข้าไปแค่ตัวคุณคนเดียว

    พุทโธ เป็นบาทเป็นฐาน เป็นสมถะที่เข้าสู่วิปัสสนา วิปัสสนาตัวปัญญานั้นถึงจะพาคุณตัดกิเลสได้ แต่วิปัสนาของคุณต้องอาศัยพุทโธ อาศัยสมถะ วิปัสนาเป็นรถ สมถะเป็นน้ำมัน รถที่ขาดน้ำมัน มันจะวิ่งไหมหล่ะ

    พองหนอ ยุบหนอก็ดี นะ มะ พะ ธะ ก็ดี สัมมาอรหังก็ดี ล้วนแต่เป็นปุ๋ยให้พระนิพพานเหมือนกันหมด เหมือนต้นมะขามที่กลายเป็นสะเดานั้นไง เข้าใจนะ...

    ที่มา : คติธรรม คำสอน โดย หลวงปู่หา สุภโร
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 21 มีนาคม 2015
  15. โอสถ

    โอสถ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    27 ตุลาคม 2007
    โพสต์:
    1,545
    ค่าพลัง:
    +12,113
    พระพุทธรูปคอหัก

    พระพุทธรูปคอหัก

    บ่ายวันหนึ่งขณะที่หลวงปู่กำลังนั่งรถเข็ญออกตรวจบริเวณวัด พบชาย ๒-๓ คนกำลังก้มๆเงยๆ อยู่โคนต้นไม้หลังอุโบสถ

    หลวงปู่ : ทำอะไร โยม

    โยม : พวกกระผมเอาพระพุทธรูปมาปล่อย(ทิ้ง)ครับ

    หลวงปู่ : ทำไมเอาพระพุทธรูปมาปล่อยซะหล่ะ

    โยม : พระพุทธรูปสององค์นี้คอหักครับ พ่อว่าไม่ดีเลยให้เอามาปล่อย

    หลวงปู่ : อ้อ พระพุทธรูปคอหักไม่ดี เลยเอามาปล่อยวัด อะไรไม่ดีก็เอามาปล่อยวัด หมากัดเป็ดกัดไก่ ไก่ ๔ ขา หมา ๔ หู ต้นไม้ประหลาด
    ลูกบอกไม่ได้สอนไม่เอาก็ให้มาบวช แต่เวลาขอของดีต้องมาขอกับพระ มาหาพระมาหาของดี ที่ไม่ดีก็เอามาทิ้งวัด มาทิ้งให้เป็นภาระพระ
    พระพุทธรูปคอหักคุณว่าไม่ดี เพราะคุณเข้าใจว่าไม่ดี ตอนไปบูชามาเสียเงินเสียทอง เอามากราบไว้บูชา ถือว่าดีว่าขลัง
    พอตกแตกคอหักคุณก็ว่าเป็นของอัปมงคล คนเราอยู่ด้วยกันรักกันชอบกัน พออีกคนตายหมดลมหายใจก็กลัวกัน สมมุติกันว่าเป็นผีก็พาลกลัวกันซะอีก คุณเอ้ย
    ความเป็นพระไม่ได้อยู่ที่ก้อนอิฐก้อนดินดอกนะ ความเป็นคนก็ไม่ได้อยู่กับร่างกายสังขารดอกนะ ความเป็นพระอยู่ที่คุณงามความดีของพระองค์
    ความเป็นคนก็อยู่ที่คุณงามความดีของเขา คุณสมมติว่าพระคอหักคือพระตายก็กลัวพระคอหัก คุณสมมติว่าคนหมดลมหายใจก็เป็นผีก็กลัวผี
    ถ้าความเป็นพระอยู่ที่ใจเรา พระนั้นถึงจะแตกจะหักก็น่ากราบน่าไหว้ ถ้าความเป็นคนอยู่ที่ความรักความผูกพันธ์ อยู่ในความดีของกันและกัน
    ถึงเขาหมดลมก็ยังน่าคิดถึงน่านับถือ ไม่น่ากลัว แต่คุณคิดว่าเมื่อเสกพระพุทธรูปแล้วท่านมีชีวิต มีความขลัง พอท่านคอหักก็คือท่านตาย
    ท่านหมดความขลังความศักดิ์สิทธิ์ ให้เข้าใจเสียใหม่ พระก็คือพระจะคอหักจะแตกจะบิ่นความเป็นพระก็ไม่ได้ลดน้อยลงเลย
    เพราะพระก็คือพระ ความดีเป็นพระ ความที่พระองค์ทรงสั่งทรงสอนเป็นพระ ไม่ใช่ความเป็นอิฐเป็นดินเป็นพระ
    ถ้ามีความเชื่อความศรัทธาอย่างนี้ พระจะแตกจะหักเราก็ยังเก็บไว้ได้ ยังกราบได้ เข้าใจนะ

    โยม : แล้วจะให้พวกผมทำอย่างกับพระพุทธรูปคอหักนี้ครับ

    หลวงปู่ : ที่บ้านมีกาวไหม มีก็ทาติดให้เหมือนเดิมซะ

    โยม ...................................

    คติธรรม คำสอน โดย หลวงปู่หา สุภโร
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 22 มีนาคม 2015
  16. โอสถ

    โอสถ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    27 ตุลาคม 2007
    โพสต์:
    1,545
    ค่าพลัง:
    +12,113
    กินเจเว้นกรรม

    กินเจเว้นกรรม

    เหตุเกิดเมื่อปีที่แล้ว ณ วัดสักกะวันเมื่อมีโยมคณะหนึ่งไปกราบหลวงปู่

    โยม :หลวงปู่เจ้าขา โยมกับเพื่อนอธิษฐานว่าปีนี้ตลอดพรรษาจะกินเจกันและกินมาได้หนึ่งเดือนแล้วเจ้าค่ะ

    หลวงปู่: อือ ดีแล้ว กินเจได้ คนฆ่าสัตว์ก็ลดลง

    โยม: นั้นสิเจ้าค่ะหลวงปู่ คนกินเจ งดฆ่าสัตว์ ได้บุญ ไม่รู้ทำไมนะ คนชอบกินสัตว์ กินแล้วก็ฆ่าเขา ถึงตัวเองไม่ได้ฆ่าไปซื้อเขาก็เท่ากับ สนับสนุนคนอื่นเขาฆ่าตัวเองก็บาปด้วย โยมคิดว่าคนกินเนื้อสัตว์ต้องตกนรกแน่นอน นี่ไงโยมถึงว่าคนกินเนื้อเหมือนเปรตเหมือนผี

    หลวงปู่: คุณ!! คุณงดการฆ่าได้เป็นเรื่องน่าอนุโมทนา คุณไม่กินเนื้อได้ก็น่าอนุโมทนาเพราะคุณลดการเบียดเบียนทางปาก แต่การที่ส่งใจไปคิดไม่ดีกับคนอื่น การนินทาว่าร้าย การเห็นว่าเขาเลว นั้นก็การเบียดเบียนคนอื่นเขาด้วย

    คุณกินเจด้วยใจเป็นบุญเป็นกุศลนั้นยอดความดี แต่เมื่อกินแล้วกลับไปกล่าวร้ายว่าร้ายคนอื่นคุณก็ยังเบียดเบียนคนอื่นอยู่ดีนั้นหล่ะ ปากหน่ะเป็นบ่อเกิดบุญก็ได้ เป็นบ่อเกิดบาปก็ได้ เราทำดีนั่นเป็นส่วนดีของเรา แต่อย่าเที่ยวไปว่าคนอื่นเขา ศีลมีไว้พัฒนาตนเองไม่ใช่มีไว้จับผิดคนอื่น คนที่กินผักกินเจแล้วเที่ยวไปว่าคนอื่นก็หนีไม่พ้นการเบียดเบียนอยู่ดี จงทำตนให้ดีแต่อย่าไปเที่ยวว่าใครเห็นว่าตนดีกว่าเขา คุณก็ทุกข์เท่าความดีที่คุณมีนั่นหล่ะ ทำความดีหน่ะมันดี แต่หลงในความดีหรือหลงในสิ่งที่ตนคิดว่าดี ความดีนั่นกำลังทำร้ายเรานะ

    ทำดีแทนที่จะมีสุขกลับทุกข์เพราะความดีที่ตนทำ จำไว้ความดีความบริสุทธิ์เป็นเรื่องส่วนบุคคลอย่าเอาตนเป็นบรรทัดฐาน กินเจกินผัก ต้องเว้นการเบียนเบียนทางกายทางวาจาทางใจด้วย ถ้ากินเจแล้วเที่ยวไปจับผิดคนอื่น อย่ากินเลยจะดีกว่า
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 23 มีนาคม 2015
  17. โอสถ

    โอสถ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    27 ตุลาคม 2007
    โพสต์:
    1,545
    ค่าพลัง:
    +12,113
    ถนนทุกสายล้วนมุ่งสู่เมืองหลวง หัวใจทุกดวงก็ล้วนมุ่งสู่พระนิพพาน

    ถนนทุกสายล้วนมุ่งสู่เมืองหลวง หัวใจทุกดวงก็ล้วนมุ่งสู่พระนิพพาน

    ด้วยเรื่องการปฏิบัติธรรมของเมืองไทยมีอยู่หลายสำนัก หลายวัด ทำให้ผู้คนเริ่มสับสนไม่รู้ว่าควร ปฏิบัติตามแนวทางใด สำนักใดจึงจะถูกต้อง วันนี้ก็เช่นกัน หลังฉันเช้าเสร็จก็มีโยมเข้ามากราบและเรียนถามปัญหาคาใจกับหลวงปู่

    โยม ; หลวงปู่เจ้าขา โยมเป็นคนชอบปฏิบัติธรรม ชอบกราบชอบไหว้...ครูบาอาจารย์ เจ้าค่ะ

    หลวงปู่ ; อนุโมทนานะคุณนะ

    โยม ; โยมไปปฏิบัติมาหลายสำนัก แต่งงที่ยังไม่ก้าวหน้ามาหลังเลยเจ้าค่ะ เวลาภาวนาพุทโธ บางที่พอง-ยุบก็เข้ามาแทรก ครั้นพอเอาสติมาจับพอง-ยุบ สัมมาอรหังก็โผล่มา ไม่รู้โยมจะทำอย่างไร จับต้นชนปลายไม่ถูกแล้ว ไม่ทราบว่าสายไหนดี สายไหนไม่ดีเจ้าค่ะ

    หลวงปู่ ; เหอะ เหอะ คุณรู้จักเป็ดไหม

    โยม ; รู้จักเจ้าค่ะ ทำไมเจ้าค่ะ

    หลวงปู่ ; เออ เป็ดหน่ะ มันบินเป็น ว่ายน้ำเป็น เดินก็เป็น มุดน้ำก็เป็น แต่มันเป็นแบบไม่เก่ง ไม่สวย เดินมันก็เดินไม่สวยเหมือนไก่ ว่ายน้ำมันก็ว่ายเป็นแต่ไม่เก่งเหมือนปลา บินมันก็บินเป็นแต่ไม่เก่งเหมือนนก สำนักปฏิบัติธรรมมีมากมายหลายหลาก ต่างแบบก็ต่างทำ ต่างวิธีการ ล้วนแต่ทำตามความถนัด ทำตามจริตของตนเอง ของครูบาอาจารย์ แต่ทุกสำนักทุกสายก็รวมลงที่ความสงบ รวมลงที่ปัญญา รวมลงที่การรู้ธรรมเห็นธรรม ตามแบบตามแผนที่ครูบาอาจารย์ท่านสั่งท่านสอน ถนนทุกสายล้วนมุ่งสู่เมืองหลวง หัวใจทุกดวงก็ล้วนมุ่งสู่พระนิพพาน ให้เดินถนนสายเดียวนะ จะเข้ากรุงเทพ ออกไปจากการสินธุ์ ไปถึงขอนแก่นก็เปลี่ยนใจวิ่งไปทางเมืองเลย ไปถึงเมืองเลยก็วิ่งเข้าพิษณุโลก ออกจากพิษณุโลกก็เปลี่ยนใจไปกาญจนบุรี แล้วเมื่อไหร่จะถึงกรุงเทพ ทั้งๆที่ถนนทุกสายก็มุ่งสู่กรุงเทพ ก็เพราะเปลี่ยนใจ เปลี่ยนไปเปลี่ยนมา หาถนนเส้นนั้น เปลี่ยนถนนเส้นนี้ ก็เนิ่นช้าเท่านั้น คุณเอ้ย ถ้ากรรมฐานยังจัดเข้าใน สมถะ ๔๐ วิปัสนา ๒ อย่างอยู่ กรรมฐานนั้น การปฏิบัติของสำนักนั้นก็ถือว่าถูกต้อง อย่าเลือกว่าสายใดแบบไหน อย่ามีสาย อย่าไปสังกัดสายนั้นสายนี้ ให้มันเป็นอัตตา ให้มันมีตัวมีตน เราปฏิบัติเพื่อทิ้งตัวทิ้งตน มีสายก็มีตน มีตนก็มีเรา มีเราก็มีพวกเขาพวกเรา เห็นว่าเราดีกว่าเขา เขาเลวกว่าเรา ถ้าคุณภาวนาพุทโธแล้วเที่ยวไปเหยียดหยาม พองหนอ - ยุบหนอ ไปเหยียดหยามสัมมาอรหัง ไปเหยียดหยามนะมะพะธะ ว่าเป็นของเลวเป็นของไม่ดี ในเมื่อคุณยังไม่เคยปฏิบัติคุณรู้หรือว่าไม่ดี คุณไม่รู้จักดี ไม่รู้อย่างลึกซึ้ง ไปยังไม่ถึงที่สุด จะเป็นการไม่ให้ความเป็นธรรมแก่สำนักเหล่านั้นหรือ ธรรมมะของพระบรมครูตรัสไว้มากมาย ตรัสให้คนต่างคน ต่างโอกาสฟัง คุณไม่ต้องทำตามเสียทุกอย่างนี่ เลือกเอาที่ตรงใจเรา ตรงจริตเรา เหมาะสมกับเราแล้วปฏิบัติ เดินทางเดียวอย่าเดินหลายทาง มันช้า เข้าใจนะ

    โยม ; เจ้าค่ะ แต่โยมจะแก้อาการที่พบอยู่อย่างไรเจ้าคะ

    หลวงปู่ ; ตั้งผู้รู้ขึ้นนะ ตั้งสตินะ รู้กับเดี๋ยวนี้ รู้กับขณะนี้ แล้วดูความเปลี่ยนแปลงในใจ ดูคำบริกรรม อย่าทิ้งบริกรรม ตั้งสติดูคำบริกรรม เมื่อมันขาดสติไปหาคำอื่นๆตั้งสติแล้วดึงกลับมา เลิกเป็นกรรมฐานเป็ด เลิกเป็นกรรมลอย ลอยไปหาคำนั้น ลอยไปหาวิธีนี้ ให้มั่นใจในเส้นทางที่ครูบาอาจารย์นำพาพวกเราเดิน เข้าใจนะ อย่าเป็นกรรมฐานเป็ดนะ
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 24 มีนาคม 2015
  18. โอสถ

    โอสถ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    27 ตุลาคม 2007
    โพสต์:
    1,545
    ค่าพลัง:
    +12,113
    พระพุทธเจ้ามีจริงหรือเปล่า

    วันนี้มีโยมมาเที่ยวพิพิธภัณฑ์สิรินธร เลยขึ้นมานมัสการองค์หลวงปู่ที่ศาลาหลวงพ่อบันดาลฤทธิผลจึงกราบเรียนถามปัญหาคาใจ

    โยม : หลวงปู่ครับพระพุทธเจ้ามีจริงหรือเปล่าครับ

    หลวงปู่ : มีจริงสิ ทำไมจะไม่มี

    โยม : เราจะพิสูจน์ยังไงครับว่าพระพุทธเจ้ามีจริงและคำสอนที่อยู่ในพระไตรปิฏกเป็นของจริง อาจเป็นพระสงฆ์องค์ใดองค์หนึ่งเขียนขึ้นมาเองก็ได้

    หลวงปู่ : ไดโนเสาร์มีจริงไหมคุณ

    โยม : มีสิครับผม

    หลวงปู่ : อ้าวคุณรู้ได้ไงว่าไดโนเสาร์มีอาจเป็นใครคนใดคนหนึ่ง เอาอะไรมาหล่อเป็นโครงกระดูกแล้วแต่งเรื่องหลอกพวกคุณก็ได้

    โยม : ก็มีฟอสซิล มีโครงกระดูก มีนักวิชาการรับรองว่าไดโนเสาร์มีจริงเป็นสัตว์ที่เคยมีชีวิตอยู่ในโลกนี่ครับ มีการพิสูจน์มีเอกสารรับรอง

    หลวงปู่ : ถ้าคุณว่าอย่างนั้นพระพุทธเจ้าก็ทรงมีจริง พระธาตุหรือกระดูกของพระองค์ยังอยู่ พระธรรมที่พระองค์ทรงแสดงก็ยังอยู่ พระอรหันต์พระอริยะเจ้าที่ประพฤติปฏิบัติตามคำสอนของพระองค์ก็ยังพ้นทุกข์อยู่ ท่านเหล่านั้นก็ยืนยันว่าพระธรรมของพระองค์ปฏิบัติได้จริงและพิสูจน์แล้วเห็นผลจริง พวกเราผู้เกิดไม่ทันก็อาศัยพระธรรมคำสั่งสอนนั้น ปฏิบัติตามและก็เห็นผลตามนั้น ถ้ามีครูบาอาจารย์องค์ใดองค์หนึ่งแต่งพระไตรปิฏกมาหลวงปู่ก็ถือว่าท่านเป็นพระพุทธเจ้าเพราะภูมิธรรมในชั้นพระไตรปิฏกเป็นธรรมชั้นพระพุทธเจ้าเท่านั้นที่ทรงแสดงได้ พ่อแม่ครูบาอาจารย์ผู้เป็นพระอรหันต์พระอริยะเจ้าทั้งหลาย ผู้ประพฤติปฏิบัติตาม ล้วนแต่เคารพในพระพุทธเจ้าและพระธรรมคำสั่งสอนนั้น พระพุทธเจ้ามีจริง พระธรรมปฏิบัติได้จริงเห็นผลจริง พระพุทธเจ้าไม่ได้หลอกเรา พ่อแม่ครูบาอาจารย์ก้ไม่หลอกเรา เพราะพระไตรปิฏกนั้นก็เป็นเครื่องรับรองความมีอยู่ของพระพุทธเจ้านั้นไงเล่า

    โยม : อย่างนั้นผมจะเคารพต่อครูบาอาจารย์และปฏิบัติตามพระไตรปิฏกจะสามารถพ้นทุกข์และเข้าสู่พระนิพพานเป็นพระอริยะเจ้าได้ใช่ไหมครับหลวงปู่

    หลวงปู่ : ไม่ได้ บางคนหลงหนังสือหลงพระไตรปิฏกจนลืมพระธรรม บางคนหลงครูบาอาจารย์เที่ยวกราบเที่ยวเฝ้าเที่ยวแหนครูบาอาจารย์ จนลืมการปฏิบัติ อะไรที่สอนเราได้ที่เราพิจารณาเพื่อลดความอยากละกิเลสตัณหาได้ อันนั้นก็พระธรรม เราอาศัยพระไตรปิฏกและครูบาอาจารย์เป็นแนวทางเป็นหลักยึดเพื่อเข้าสู่พระนิพพาน แต่การหลงยึดหลงติดในพระไตรปิฏกหลงติดในครูบาอาจารย์ก็เป็นเครื่องขวางกั้นพระนิพพานได้เหมือนกัน หลงมันก็คือหลง จะให้เดินตามทางที่ถูกต้องไม่หลง เข้าใจนะ
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 25 มีนาคม 2015
  19. โอสถ

    โอสถ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    27 ตุลาคม 2007
    โพสต์:
    1,545
    ค่าพลัง:
    +12,113
    พระแท้ ไม่หมดจากศาสนา

    โยม: หลวงปู่ครับผมจะขอนับถือแค่พระพุทธกับพระธรรมครับเพราะพระสงฆ์ทุกวันนี้มีแต่เรื่องเสื่อมเสีย ผมว่าพระแท้ๆหมดแล้วจากพระศาสนา

    หลวงปู่: ฮ้วย แสดงว่าบ่นับถืออาตมานำตั้วนี่

    โยม: เปล่าๆ ครับหลวงปู่ ผมยังเคารพศัทธาหลวงปู่เหมือนเดิม

    หลวงปู่: เอ้าไสว่าไม่นับถือพระสงฆ์เด้

    โยม: เว้นหลวงปู่สิครับผม

    หลวงปู่: บ่ะ เว้นหลวงปู่ก็แสดงว่าหลวงปู่ก็ไม่ใช่พระสงฆ์สิ

    โยม: (ทำหน้าเหมือนคิดหนัก).........

    หลวงปู่: บักหล่าเอ้ย เวลาเขาเอาทองคำนั้นเขาไปหามาจากที่ไหน

    โยม: ไปขุดดินแล้วร่อนเอาทองมาครับ

    หลวงปู่: ดินมากหรือทองมาก

    โยม: ดินมากครับผม ร่อนทองจากดินมากแล้วจะได้ทองนิดเดียว

    หลวงปู่: มันก็เหมือนพระสงฆ์นั้นหล่ะ พระสงฆ์ก็ร่อนมาจากลูกชาวบ้าน ลูกสมมติสงฆ์ ไม่ใช่เป็นพระอรหันต์แล้วมาบวชเมื่อไหร่ มันก็มีบ้างเสียบ้าง จะให้ดีหมดมันก็ทำไม่ได้ จะให้มันเสียหมดก็ทำไม่ได้ ส่วนที่มันเป็นดินก็อย่าเอา เอาส่วนที่มันเป็นทองสิ ถ้าเชื่อหลวงปู่ถ้าเคารพหลวงปู่ ก็จงเชื่อว่าพระผู้ปฏิบัติดีปฏิบัติชอบมีมากมาย อย่าเหมาว่าไม่ดีทั้งหมด ขนาดคุณยังมีข้อเสีย จะให้ดีทั้งหมดทั้งโลกก็ไม่ได้ พระรัตนตรัยเหมือนไม้สามลำค้ำกันไว้ เอาออกอันหนึ่งมันก็ล้ม จำไว้พระก็คือนักเรียน ผู้เป็นอริยะคือผู้สอบผ่าน ผู้เป็นข่าวคือผู้สอบตก ให้สงสารคนสอบตก อย่าไปเกลียดคนสอบตก เพราะไม่มีใครอยากจะสอบตก เข้าใจนะ
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 26 มีนาคม 2015
  20. โอสถ

    โอสถ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    27 ตุลาคม 2007
    โพสต์:
    1,545
    ค่าพลัง:
    +12,113
    ยศถาบรรดาศักดิ์

    ยศถาบรรดาศักดิ์


    หลวงปู่มีศิษย์เป็นข้าราชการทหารเรือหลายท่าน ตั้งแต่ผู้พัน ผู้การ ตลอดจนถึงนายสิบนายจ่า บางนายเป็นศิษย์เพราะธรรม บางนายเป็นศิษย์เพราะวัตถุมงคล บางนายเป็นศิษย์เพราะหลวงปู่ไปโปรดเอาในฝัน บางนายหลวงปู่ช่วยชีวิตจากกระสุนจากระเบิด หลวงปู่จึงเป็นที่เคารพศรัทธาของเหล่าทหารเรืออย่างยิ่ง ทุกนายเมื่อมีปัญหาทุกข์เนื้อร้อนใจก็มักจะกราบเรียนท่านอยู่เสมอ เช่นท่านผู้การ(พลเรือโท(พิเศษ)) เป็นศิษย์คนโปรดองค์หลวงปู่เพราะท่านจะมาร่วมงาน มาปฏิบัติกับท่านไม่ได้ขาด หลวงปู่ชอบชมผู้การท่านนี้ให้พระ-เณร ฟังเสมอ เมื่อท่านเกษียนประมาณปลายปีที่แล้ว ก็เข้ามากราบองค์หลวงปู่

    ผู้การ: กราบนมัสการปู่ครับผม

    หลวงปู่: อือ ผู้การมายังไง

    ผู้การ: กระผมตั้งใจมากราบครูบาอาจารย์ ผมจะมาลาบวชสัก ๒-๓ เดือน บวชให้เจ้ากรรมนายเวร

    หลวงปู่: อือ สาธุ ดีแล้วๆ

    ผู้การ: แต่หลวงปู่ครับผม มันน่าใจหาย ทั้งๆที่ผมก็เตรียมใจไว้แล้ว แต่ก่อนมีลูกน้อง มีคนดูแล มาบวชแล้วจะต้องทำตัวอย่างไร มันเหมือนมีอะไรหายๆไป คิดแล้วก็น่าใจหาย

    หลวงปู่: เหอ โอ้ปฏิบัติมาจนป่านนี้ยังตัดห่วงไม่ขาดเหรอ เป็นพระแล้วไม่มีพระพลโท พระพลเอกนะ มีแต่พระ มีแต่ผู้ปฏิบัติ ตั้งแต่เราเกิดมาเราก็ไม่ได้เป็นพลเอก พลโทมาด้วยนะ เมื่อเราคิดได้อย่างนี้ความยึดความติดมันจะลดลง แท้จริงแล้วเราไม่ได้เป็นอะไรและอย่าเป็นอะไร เพราะเราเป็นอะไรเราก็ทุกข์เพราะเราเป็น ทุกข์เท่าที่เราเป็นนั้นหล่ะ อย่าเป็นมันเป็นแล้วมันทุกข์ หลวงปู่ ไม่เป็นเจ้าคุณ ไม่เป็นพระอริยะ ไม่เป็นไดโนเสาร์ ไม่เป็นผู้วิเศษ คุณก็เหมือนกันนะ เป็นนายพลก็ทุกข์เท่านายพล เป็นนายพันก็ทุกข์เท่านายพัน เป็นพลทหารก็ทุกข์เท่าพลทหาร อย่าเป็นมันทุกข์นะ ยศที่ได้มาคือหน้าที่ ที่เราต้องรับผิดชอบ เมื่อหมดหน้าที่แล้วก็หมดยศด้วย แต่เรายังเหลือยศอันเดียวกันยศเท่ากัน นั้นคือยศคน เราเป็นคน ยศที่คุณหมดไป อันนั้นเป็นยศดีกรี แต่พระพุทธเจ้าท่านมียศดีจริงให้นะ ยศดีจริงคือ ยกระดับใจเราจากคนเป็นมนุษย์ จากมนุษย์เป็นพระ จากพระเป็นอริยะ คุณละยศดีกรีเสียแล้วมาเอายศดีจริง ยศดีกรีเมื่อคุณละโลกนี้ไปแล้วเกิดมาใหม่ต้องมาหาอีกนะ แต่ยศดีจริงแม้คุณจะละโลกนี้ไปยศนั้นจะตามคุณไปด้วย เกิดชาติหน้าไม่ต้องหาใหม่ มันจะเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ ละวางยศดีกรีซะ ปล่อยซะวางซะ แล้วเพียรพยายามทำยศดีจริงให้มันเกิดขึ้น เข้าใจนะ

    คติธรรม คำสอน โดย หลวงปู่หา สุภโร
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 27 มีนาคม 2015

แชร์หน้านี้

Loading...