พระวังหน้า ที่หลวงปู่บรมครูเทพโลกอุดรเสก ถ้าต้องการที่จะได้.....

ในห้อง 'งานบุญอื่นๆ' ตั้งกระทู้โดย sithiphong, 23 ธันวาคม 2005.

  1. sithiphong

    sithiphong เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    45,445
    ค่าพลัง:
    +141,948
    http://guru.sanook.com/pedia/topic/การสัมภาษณ์งาน/
    <TABLE class=fontblacksm cellSpacing=8 cellPadding=0 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD vAlign=top><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" align=center border=0><TBODY><TR><TD>การสัมภาษณ์งาน [ แก้ไข ][ เก็บไว้เป็นเรื่องที่ติดตาม ]
    สร้างเมือ 26-01-2008 โดย kookaii </TD><TD align=right></TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR><TR><TD vAlign=top bgColor=#f7fafe><TABLE class=fontblacksm cellSpacing=0 cellPadding=5 width="100%" border=0><TBODY><TR vAlign=top><TD> การสัมภาษณ์งานมีชนิด รูปแบบ และกรรมวิธีหลายอย่างด้วยกัน ซึ่งผู้สมัครจำเป็นต้องทราบก่อนเข้า ทำการสัมภาษณ์ว่าเป็นการสัมภาษณ์ชนิดไหน เพื่อว่าจะได้เตรียมตัวล่วงหน้าได้อย่างถูกต้องในทางปฏิบัติ สำหรับชนิดและกรรมวิธีของการสัมภาษณ์งานที่ให้ไว้ข้างล่าง ต่างเป็นกรรมวิธีที่นิยมใช้กันทั่วไป ในการสัมภาษณ์งานยุคปัจจุบัน ดังนั้นผู้สมัครจำเป็นต้องทำความเข้าใจกับชนิดและกรรมวิธีเหล่านี้เสียก่อน

    (1) การสัมภาษณ์งานแบบบุคคลต่อบุคคล (Individual Interview)

    การสัมภาษณ์งานแบบบุคคลต่อบุคคลเป็นชนิดที่ใช้กันทั่วไปสำหรับหน่วยงานหรือบริษัทที่ต้องการ
    คัดเลือกพนักงานในระดับทั่วๆ ไป ซึ่งการสัมภาษณ์ดังกล่าวนี้ "ผู้สัมภาษณ์" จะติดต่อนัดหมายให้ "ผู้สมัคร" ไปทำการสัมภาษณ์ตัวต่อตัว ในตำแหน่งงานที่ไม่ค่อยมีความสำคัญนักที่ "ผู้สัมภาษณ์" สามารถพิจารณาและตัดสินใจได้ด้วยตนเอง
    แต่อย่างไรก็ตาม หากผู้สมัครทราบว่าตนจะต้องถูกสัมภาษณ์แบบบุคคลต่อบุคคลแล้ว ท่านก็ จำเป็นจะต้องเตรียมตัวไว้ก่อนล่วงหน้าตามคำแนะนำที่จะให้ไว้ในบทต่อไปเช่นเดียวกัน เพราะเมื่อใดที่ท่านต้องเผชิญหน้ากับผู้ที่มีอำนาจในการตัดสินใจแล้ว เมื่อนั้นท่านจำเป็นต้องสร้างความมั่นใจให้กับเขาให้มากที่สุด

    (2) การสัมภาษณ์งานทางโทรศัพท์ (Phone Interview)
    การสัมภาษณ์งานทางโทรศัพท์นั้น ส่วนใหญ่จะเป็นการสอบถามธรรมดา เพื่อต้องการทราบว่าผู้สมัครมีคุณสมบัติครบถ้วนตามที่กำหนดไว้หรือไม่ ทั้งนี้ เพื่อจะได้ทำการคัดเลือกบุคคลที่มีคุณสมบัติไม่เพียงพอออกไป การสัมภาษณ์ชนิดนี้บางครั้งก็เรียก "Screening Interview" ซึ่งหมายถึงการกลั่นกรองเอาผู้ที่มีคุณสมบัติครบถ้วนตามที่กำหนดไว้ นัดไปสอบสัมภาษณ์แบบใดแบบหนึ่งที่หน่วยงานหรือที่บริษัทต่อไป
    ขอให้เข้าใจว่าการสัมภาษณ์งานทางโทรศัพท์จะดูเป็นสิ่งง่ายๆ ที่สามารถกระทำได้ทุกเวลาก็ตาม แต่สำหรับผู้สมัครงานแล้วถือว่าเป็นขั้นตอนที่สำคัญที่สุดก็ได้ ทั้งนี้ เพราะหากท่านล้มเหลวใน ขั้นตอนแรกของการสัมภาษณ์งานนี้แล้ว โอกาสที่ท่านจะได้งานนั้นก็หมดไปทันทีโดยปริยาย
    (3) การสัมภาษณ์งานแบบใช้คณะผู้เชี่ยวชาญ (Panel or Board Interview)
    การสัมภาษณ์งานชนิดนี้ "ผู้สัมภาษณ์" จะเป็น "กลุ่มบุคคล" ที่ได้รับการแต่งตั้งหรือได้รับเลือกให้ทำหน้าที่นี้โดยเฉพาะ โดยปรกติการสัมภาษณ์ชนิดที่ใช้ผู้เชี่ยวชาญ มักจะเกี่ยวกับตำแหน่งหน้าที่สำคัญๆ เท่านั้น และเหตุผลที่ต้องใช้กลุ่มผู้เชี่ยวชาญก็เพราะต้องการให้เป็นการเลือกเฟ้นที่ดีและสมบูรณ์ที่สุด ดังนั้นหากท่านทราบว่าจะต้องรับการสัมภาษณ์ด้วยวิธีนี้แล้ว ก็จำเป็นต้องเตรียมตัวและวางแนวทางการตอบคำถามให้ดีที่สุดเท่าที่สามารถจะทำได้
    อย่างไรก็ตาม ผู้สมัครจะต้องเข้าใจว่าการสัมภาษณ์งานแบบใช้กลุ่มคณะผู้เชี่ยวชาญนี้ ยังแบ่งออกเป็นแบบย่อยอีกสองแบบด้วยกันคือ:
    (3.1) การสัมภาษณ์งานแบบอิสระ (Free Interview) การสัมภาษณ์งานชนิดนี้ กลุ่มคณะ ผู้สัมภาษณ์แต่ละคนสามารถถามผู้สมัครได้ตามความต้องการ หรือจะพูดอีกนัยหนึ่งว่า ทางหน่วยงานหรือบริษัทให้อิสระในการตั้งคำถามแก่คณะผู้สัมภาษณ์เต็มที่ ดังนั้น สำหรับทางด้านผู้สมัครแล้ว การสัมภาษณ์ชนิดนี้นับว่ายากกว่าการสัมภาษณ์ชนิดอื่นๆ มากที่สุด เพราะเป็นการยากมากที่ผู้สมัครจะคาดหวังได้หมดว่าตนเองจะต้องตอบคำถามในเรื่องใดบ้าง แต่อย่างไรก็ตาม หากผู้สมัครรู้ตนเองจะถูกสัมภาษณ์ในลักษณะนี้ ก็คงเตรียมรับมือด้วยสมาธิมั่นคง ไม่หวั่นไหวตามบุคลิกภาพของคณะผู้สัมภาษณ์แต่ละคนเป็นอันขาด
    (3.2) การสัมภาษณ์แบบจัดรูปแบบคำถามที่มีความสัมพันธ์ต่อกัน (Structured Interview) การสัมภาษณ์ในลักษณะนี้ คณะผู้สัมภาษณ์แต่ละคนจะต้องตั้งคำถามให้มีความสัมพันธ์ซึ่งกันและกัน กับคำถามของผู้อื่นหรือไม่ ก็อาจมอบหน้าที่ให้ผู้สัมภาษณ์แต่ละคนทำการสัมภาษณ์ในแต่ละด้านของข้อกำหนดในคุณสมบัติของผู้สมัคร อย่างเช่นประสบการณ์การทำงานที่ผ่านมา การศึกษา กิจกรรมพิเศษ ฯลฯ ดังนั้น จะเห็นได้ว่าการสัมภาษณ์งานในแบบนี้จะทำให้ผู้สมัครไม่ต้องพะวงอยู่กับบุคลิกภาพของผู้สัมภาษณ์มากนัก ทั้งนี้ เพราะคำถามของแต่ละคนต้องมีความสัมพันธ์ซึ่งกันและกัน
    (4) การสัมภาษณ์แบบขึ้นอยู่กับสถานการณ์ (Situational Interview)
    การสัมภาษณ์ชนิดนี้เป็นการทดสอบการแก้ปัญหาเฉพาะหน้าของผู้สมัคร ผู้สัมภาษณ์จะตั้งปัญหาเกี่ยวกับเหตุการณ์ต่างๆ ที่อาจเกิดขึ้นได้ในขณะที่ปฏิบัติงานจริงๆ ทั้งนี้ เพื่อเป็นการทดสอบว่า ผู้สมัครมีไหวพริบปฏิภาณในการแก้ปัญหาเฉพาะหน้าได้ดีแค่ไหน จะเห็นได้ว่าการสัมภาษณ์ชนิดนี้จะมีประโยชน์ต่อบริษัทหรือหน่วยงานมาก เพราะการรับเจ้าหน้าที่หรือพนักงานที่ขาดไหวพริบในการแก้ปัญหาเฉพาะหน้า จะสร้างความยุ่งยากหรือความเสียหายให้กับบริษัทได้
    (5) การสัมภาษณ์งานแบบประเมินผลงานสำคัญ (Assessment Centers Interview)
    การสัมภาษณ์งานชนิดนี้แตกต่างอย่างสิ้นเชิงกับการสัมภาษณ์งานแบบต่างๆ ตามที่กล่าวมาแล้ว กล่าวคือผู้สัมภาษณ์จะมอบหมายให้ผู้สมัครทดลองปฏิบัติงานหรือสาธิตการทำงานของตนต่อหน้าผู้สัมภาษณ์ อย่างเช่น การสาธิตการขาย สาธิตการควบคุมเครื่องจักรเครื่องยนต์ ฯลฯ ซึ่งผู้สัมภาษณ์จะใช้วิธีประเมินผลจาการสาธิตนั้นๆ จะเห็นได้ว่าการสัมภาษณ์ชนิดนี้จะให้ผลตามความเป็นจริงแก่หน่วยงานมากที่สุด ทั้งนี้ เพราะผู้สมัครจำเป่นจะต้องรอบรู้และมีประสบการณ์ในงานที่กำลังสมัครในระดับที่เชี่ยวชาญเท่านั้น จึงจะผ่านการคัดเลือกเข้าไปได้ ทำให้ทางบริษัทหรือหน่วยงานขาดความเสี่ยงต่อการต้อนรับพนักงานที่ขาดประสบการณ์ไปได้

    (6) การสัมภาษณ์งานโดยตัวแทนหางาน (Employment Agency)
    การสัมภาษณ์งานชนิดนี้ ทางบริษัทหรือหน่วยงานมอบให้เป็นหน้าที่ของตัวแทนจัดหางาน ทั้งหมด ดังนั้น เมื่อเปรียบเทียบกับการสัมภาษณ์งานอื่นๆ ทั้งหมด จะเห็นว่าง่ายต่อผู้สมัครมากที่สุด ทั้งนี้ เพราะตัวแทนจัดหางานไม่จำเป็นต้องซักถามอะไรมากนักนอกจากคุณสมบัติตามที่ทางหน่วยงานกำหนดเอาไว้เท่านั้น แต่อย่างไรก็ตาม การสัมภาษณ์งานชนิดนี้จะนำไปใช้เฉพาะการสมัครงานในตำแหน่งที่ไม่มีความสำคัญเท่านั้น ซึ่งคุณภาพของผู้สมัครอาจมีผลต่อการทำงานไม่มากนัก
    </TD><TD align=right><TABLE cellSpacing=1 cellPadding=10 bgColor=#cccccc border=0><TBODY><TR><TD align=middle bgColor=#ffffff>[​IMG]
    <TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD class=fontblackmini>การสัมภาษณ์งาน</TD><TD align=right>[​IMG]</TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR></TBODY></TABLE>
    [ดูภาพทั้งหมดในหมวด] </TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR><TR><TD>
    หัวข้อ </TD></TR><TR><TD><TABLE class=fontblacksm cellSpacing=0 cellPadding=5 width="100%" border=0><TBODY><TR vAlign=top><TD>คำถามที่พบบ่อยในการสัมภาษณ์งาน
    คำถาม 10 คำถามที่พบบ่อยเกี่ยวกับเรื่องส่วนตัว
    1. โดยมากแล้วในคำถามแรกจะให้แนะนำตัวเอง และประวัติการศึกษา
    2. ปัจจุบันคุณพักอาศัยอยู่ที่ไหน เดินทางมาที่สัมภาษณ์ยังไง
    3. โปรเจคจบของคุณทำเรื่องอะไร ทำไมถึงทำเรื่องนั้น
    4. วิชาเรียนที่คุณชอบ และวิชาเรียนที่คุณไม่ชอบ คืออะไร เพราะอะไร
    5. เป้าหมายในชีวิตที่วางไว้คุณอยากทำหรือเป็นอะไร
    6. ความสามารถพิเศษที่คุณมีนอกเหนือจากการทำงานคืออะไร
    7. บอกข้อดีและข้อเสีย หรือ บอกจุดเด่นและจุดด้อยในตัวคุณ
    8. สิ่งที่คุณได้ทำแล้วภูมิใจที่สุด และสิ่งที่คุณทำแล้วเสียใจที่สุด คืออะไร
    9. บอกกิจกรรมที่คุณเคยร่วม เคยทำสมัยเรียน
    10. เวลาว่างหรืองานอดิเรกคุณทำอะไร

    คำถาม 10 คำถามที่พบบ่อยเกี่ยวกับเรื่องงานที่สมัคร (ขึ้นอยู่กับตำแหน่งงานที่สัมภาษณ์)
    1. เล่าประสบการณ์การทำงาน หรือ การฝึกงานที่คุณเคยทำมา
    2. รู้ข่าวการรับสมัครนี้จากที่ไหน และทำไมสนใจทำงานตำแหน่งนี้
    3. ทำไมถึงออก หรืออยากออกจากที่ทำงานเดิม (กรณีที่เคยทำงานแล้ว)
    4. หน้าที่ที่คุณรับผิดชอบอยู่ที่ทำงานเดิมคืออะไร (กรณีที่เคยทำงานแล้ว)
    5. บอกลักษณะและหน้าที่ของตำแหน่งงานที่คุณสมัครในความคิดของคุณ
    6. บอกลักษณะของเพื่อนร่วมงานและเจ้านายที่คุณอยากร่วมงานด้วย
    7. คุณชอบทำงานคนเดียว หรือชอบทำงานเป็นทีม เพราะอะไร
    8. ปัญหาหรืออุปสรรคอะไรที่คุณคิดเป็นปัญหาในการทำงานของคุณ
    9. คุณอยากได้อะไรจากองค์กรหลังจากที่รับคุณเข้ามาแล้ว
    10. คุณคาดหวังเงินเดือนไว้เท่าไร ที่เก่าคุณได้เงินเดือนเท่าไร

    </TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR></TBODY></TABLE>
     
  2. nongnooo

    nongnooo เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 พฤศจิกายน 2006
    โพสต์:
    4,139
    ค่าพลัง:
    +9,446
    แซวเล่นท่านปา-ทาน ครับ เพื่อนผมให้เขาดูตอนมึนๆครับ55555(tm-love)
     
  3. :::เพชร:::

    :::เพชร::: เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    21 กรกฎาคม 2006
    โพสต์:
    8,584
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +36,137
    ทุกชีวิตล้วนถูกกำนดมาแล้ว...
    "ฝนธนสุนทร"หวิดดับรถประสบอุบัติเหตุที่บุรีรัมย์
    <HR style="COLOR: #ffffff" SIZE=1><!-- / icon and title --><!-- message --><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="96%" align=center border=0><TBODY><TR><TD class=headnews vAlign=top>"ฝน ธนสุนทร"หวิดดับรถประสบอุบัติเหตุที่บุรีรัมย์


    [​IMG]









    </TD></TR><TR><TD vAlign=top height=4></TD></TR><TR><TD class=dessubmmenu1>รถตู้นักร้องสาวลูกทุ่งชื่อดัง “ฝน ธนสุนทร” ซิ่งเกิดอุบัติเหตุเฉี่ยวชนปิคอัพขณะเดินทางไปเล่นงานคอนเสริ์ต เอ็ม 150 ที่ อ.สตึก จ.บุรีรัมย์ ศรีษะกระแทกเบาะบาดเจ็บเล็กน้อย ขณะเจ้าตัวเผยแขวนหลวงพ่อคูณ และจตุคามรามเทพ ทำให้แคล้วคลาด


    เมื่อเวลา 14.00 น. วันที่ 27 ม.ค. ร.ต.อ.ภัทราวุฒิ คงนอก ร้อยเวรฯ สภ.เมืองบุรีรัมย์ ได้รับแจ้งเหตุรถชนกันที่บริเวณกลางสี่แยกโรงฆ่าสัตย์ ถนนจิระ ต.ในเมือง อ.เมืองบุรีรัมย์ จึงได้รุดไปตรวจสอบที่เกิดเหตุ พร้อมเจ้าหน้าที่หน่วยกู้ภัยสว่างจรรยาธรรม
    ที่เกิดเหตุพบรถตู้ ยี่ห้อโตโยต้า สีบรอนฟ้า หมายเลขทะเบียน ออ - 6719 กรุงเทพฯ จอดอยู่กลางสี่แยก สภาพด้านหน้าพังเสียหายยับ ใกล้กันพบรถปิคอัพ ยี่ห้ออีซูซุ สีบรอน ทะเบียน บฉ - 7844 บุรีรัมย์ ด้านข้างได้รับความเสียหายทั้งแถบ ซึ่งรถตู้คันดังกล่าวได้บรรทุกผู้โดยสารมาเต็มคัน มุ่งหน้าจากตัวเมืองบุรีรัมย์ เพื่อเดินทางไป อ.สตึก โดยหนึ่งในจำนวนผู้โดยสารมีนักร้องสาวลูกชื่อดัง “ฝน ธนสุนทร” นั่งมาภายในรถด้วย ได้รับบาดเจ็บเล็กน้อย เนื่องจากศรีษะกระแทกกับเบาะด้านหน้า
    สอบสวนของตำรวจ "ฝน ธนสุนทร" ให้การว่า ตนพร้อมทีมงานกำลังเดินทางไปเล่นคอนเสริ์ต เอ็ม 150 ที่ อ.สตึก ร่วมกับวง นกน้อย อุไรพร แต่พอมาถึงบริเวณสี่แยกที่เกิดเหตุ ไม่มีสัญญาณไฟจราจร จึงทำให้รถตู้ที่ตนนั่งมา กับรถปิคอัพที่วิ่งจากทางศาลเจ้าแม่บัวลอย มุ่งหน้าไปทางวัดอีสาน ได้ชนกันเต็มแรง แต่โชคดีที่ไม่มีใครได้รับบาดเจ็บสาหัส หรือเสียชีวิต ส่วนตนบาดเจ็บที่ศรีษะเพียงเล็กน้อยเท่านั้น "ฝน ธนสุนทร" กล่าวด้วยว่า ได้แขวนเหรียญหลวงพ่อคูณ ปริสุทโธ และองค์จตุคามรามเทพ ซึ่งเป็นสิ่งศักดิ์สิทธิ์ที่นำติดตัวมาตลอดการเดินทาง เชื่อทำให้ตนและทีมงานแคล้วคลาดจากอุบัติเหตุครั้งนี้ ด้านตำรวจได้นำรถทั้ง 2 คัน พร้อมคนขับ ไปที่ สภ.เมือง เพื่อสอบสวนข้อเท็จจริงของการเกิดอุบัติเหตุ เบื้องต้นเจ้าหน้าที่ได้แจ้งข้อหาทั้งคู่ “ขับรถโดยประมาท” ส่วน"ฝน" และทีมงานได้เปลี่ยนถ่ายรถเพื่อเดินทางไปเล่นคอนเสริ์ตที่ อ.สตึก ตามปกติในเวลาต่อมา

    http://www.komchadluek.net/2008/01/2...news_id=187464
    </TD></TR></TBODY></TABLE>
    "ฝน ธนสนทร"ชนระทึก-กลางสี่แยกวัดใจ

    ที่บุรีรัมย์ เชื่อรอด! จตุคามคุ้ม




    <TABLE cellSpacing=5 cellPadding=1 width="20%" align=left border=0><TBODY><TR bgColor=#400040><TD>[​IMG]
    "ฝน"ระทึก- นักร้องลูกทุ่งคนดัง "ฝน ธนสุนทร" โชว์รูปเหมือนหลวงพ่อคูณและเหรียญจตุคาม หลังประสบอุบัติเหตุนั่งรถตู้ชนกับปิกอัพกลางสีแยกในเมืองบุรีรัมย์ แล้วรอดชีวิตมาได้ โดยเชื่อเพราะบารมีพ่อคูณและเหรียญคุ้มครอง ตามข่าว


    </TD></TR></TBODY></TABLE>ลูกทุ่งสาวชื่อดัง"ฝน ธนสุนทร"ระทึก รถตู้ชนสนั่นกลางเมืองบุรีรัมย์ ระหว่างไปเล่นคอนเสิร์ตร่วมกับวงเสียงอิสานของ"นกน้อย อุไรพร" โชคดีบาดเจ็บเล็กน้อยแค่หัวกระแทกเบาะ เจ้าตัวเชื่อแคล้วคลาดจากเหรียญพ่อคูณกับจตุคามฯ รุ่นจักรพรรดิ

    ลูกทุ่งสาวเสียงหวาน "ฝน ธนสุนทร" ระทึกรถชนสนั่นครั้งนี้ เปิดเผยเมื่อเวลา 14.00 น. วันที่ 27 ม.ค. ร.ต.อ.ภัทราวุฒิ คงนอก ร้อยเวรสภ.เมืองบุรีรัมย์ รับแจ้งเหตุรถชนกันกลางสี่แยกโรงฆ่าสัตว์ ถ.จิระ ต.ในเมือง อ.เมือง จ.บุรีรัมย์ หลังรับแจ้งจึงรายงานผู้บังคับบัญชาทราบแล้วนำกำลังรุดไปตรวจสอบพร้อมเจ้าหน้าที่หน่วยกู้ภัยสว่างจรรยาธรรม

    ที่เกิดเหตุพบรถตู้โตโยต้า สีฟ้าอ่อน หมายเลขทะเบียน ออ-6719 กทม. จอดอยู่กลางสี่แยก สภาพด้านหน้าพังเสียหายยับ ใกล้กันพบรถปิกอัพอีซูซุ สีบรอนซ์ ทะเบียน บฉ-7844 บุรีรัมย์ ด้านข้างเสียหายทั้งแถบ

    จากการตรวจสอบพบว่ารถตู้คันดังกล่าวมีผู้โดยสารมาเต็มคันมุ่งหน้าจากตัวเมืองบุรีรัมย์ไป

    ทางอ.สตึก 1 ในจำนวนผู้โดยสารมี"ฝน ธนสุนทร" นักร้องลูกทุ่งสาวชื่อดังนั่งมาด้วย โดยได้รับบาดเจ็บเล็กน้อยจากศีรษะกระแทกกับเบาะด้านหน้า ลูกทุ่งสาวเสียงหวานให้การว่า ตนพร้อมทีมงานกำลังเดินทางไปแสดงคอนเสิร์ต เอ็ม 150 ที่อ.สตึก ร่วมกับวงเสียงอิสานของนกน้อย อุไรพร เมื่อมาถึงบริเวณสี่แยกที่เกิดเหตุไม่มีสัญญาณไฟจราจร รถตู้ที่นั่งมากับรถปิกอัพชนกันเต็มแรง แต่โชคดีไม่มีใครได้รับบาดเจ็บรุนแรง

    "สำหรับตัวฝนบาดเจ็บที่ศีรษะเพียงเล็กน้อยเท่านั้นค่ะ" ฝน ธนสุนทร กล่าว

    ลูกทุ่งสาวเสียงหวานกล่าวอีกว่า ตัวฝนห้อยเหรียญหลวงพ่อคูณ วัดบ้านไร่ ด้านหลังมีจีวรและเส้นผมของหลวงพ่อคูณ และห้อยจตุคามรามเทพ รุ่นจักรพรรดิ สิ่งศักดิ์สิทธิ์ที่นำติดตัวมาตลอด เชื่อทำให้ฝนและทีมงานแคล้วคลาดจากอุบัติเหตุครั้งนี้

    จากนั้นฝนและทีมงานเปลี่ยนถ่ายรถคันใหม่เพื่อเดินทางไปแสดงที่อ.สตึก

    จากการสอบสวนของเจ้าหน้าที่ตำรวจทราบว่า คนขับรถตู้ชื่อนายชัยพร กุดครบุรี อายุ 36 ปี อยู่บ้านเลขที่ 137 ม.3 ต.ชี้น้ำร้าย อ.อินทร์บุรี จ.สิงห์บุรี บาดเจ็บขาขวาเล็กน้อย ส่วนคนขับรถปิกอัพ ชื่อนายปิยะ เจียรัมย์ อายุ 48 ปี อยู่บ้านเลขที่ 581 ม.2 ต.บัวทอง อ.เมือง จ.บุรีรัมย์ ไม่ได้รับบาดเจ็บแต่อย่างใด เบื้องต้นเจ้าหน้าที่แจ้งข้อหาทั้งคู่ขับรถโดยประมาท ส่วนค่าเสียหายทั้งสองฝ่ายยังไม่สามารถตกลงกันได้ เจ้าหน้าที่จะให้ทั้งสองฝ่ายมาตกลงกันอีกครั้ง

    ภาพบรรยากาศในงานวันเกิด

    [​IMG] [​IMG] [​IMG]
    [​IMG] [​IMG] [​IMG] [​IMG] [​IMG] [​IMG]
    [​IMG] [​IMG] [​IMG]
    [​IMG] [​IMG] [​IMG]
    [​IMG] [​IMG] [​IMG]
    [​IMG] [​IMG] [​IMG]
    [​IMG] [​IMG] [​IMG]
    ประมวลภาพ ฝน ธนสุนทร กับกิจกรรมในวันเกิด

    ประมวลภาพ ฝน ธนสุนทร กับกิจกรรมในวันเกิด
    ******* เมื่อวันที่ 29 มิถุนายน ที่ผ่านมา ฝน ธนสุนทร กับทีมงานชัวร์ออดิโอได้นำเงินรายได้จากคอนเสิร์ต “ฝนโชว์” ไปมอบให้ที่วัดพระบาทน้ำพุ ลพบุรีเป็นที่เรียบร้อย พร้อมแฟนเพลงที่ตามมามอบเค้กฉลองวันเกิดให้อีกด้วย และที่สำคัญฝนยังได้นำขนมไปเยี่ยมเยียนและพูดคุยกับผู้ป่วยเอดส์ถึงที่พัก เล่นเอาอิ่มบุญอิ่มใจไปตามๆกัน******

    ประมวลภาพ ฝน ธนสุนทร กับกิจกรรมในวันเกิด
    ******* เมื่อวันที่ 29 มิถุนายน ที่ผ่านมา ฝน ธนสุนทร กับทีมงานชัวร์ออดิโอได้นำเงินรายได้จากคอนเสิร์ต “ฝนโชว์” ไปมอบให้ที่วัดพระบาทน้ำพุ ลพบุรีเป็นที่เรียบร้อย พร้อมแฟนเพลงที่ตามมามอบเค้กฉลองวันเกิดให้อีกด้วย และที่สำคัญฝนยังได้นำขนมไปเยี่ยมเยียนและพูดคุยกับผู้ป่วยเอดส์ถึงที่พัก เล่นเอาอิ่มบุญอิ่มใจไปตามๆกัน******
    [​IMG]
    [​IMG]
    [​IMG]
    [​IMG]
    [​IMG]
    [​IMG]
    [​IMG]
    ******* เมื่อวันที่ 29 มิถุนายน ที่ผ่านมา ฝน ธนสุนทร กับทีมงานชัวร์ออดิโอได้นำเงินรายได้จากคอนเสิร์ต “ฝนโชว์” ไปมอบให้ที่วัดพระบาทน้ำพุ ลพบุรีเป็นที่เรียบร้อย พร้อมแฟนเพลงที่ตามมามอบเค้กฉลองวันเกิดให้อีกด้วย และที่สำคัญฝนยังได้นำขนมไปเยี่ยมเยียนและพูดคุยกับผู้ป่วยเอดส์ถึงที่พัก เล่นเอาอิ่มบุญอิ่มใจไปตามๆกัน******

    ผมคิดว่าที่รอดมา และปลอดภัยเพราะบุญที่เธอทำไว้ ทำอย่างสม่ำเสมอ ช่วยเธอด้วยนะครับ

    ผมลองสอบดูดวงชาตาเธอในช่วงวันที่ ๒๗/๐๑/๒๕๕๑ แล้วไม่มีอะไรที่รุนแรงถึงแก่ชีวิต ดังนี้..

    ชื่อจริง ต. นามสกุลจริง ศ.
    ชื่อเล่น ฝ. นามสกุลที่ใช้ในการแสดง ธ.

    เกิด วันเสาร์ที่ ๒๙ มิ.ย. ๒๕๑๗
    วันขึ้น ๑๐ ค่ำ เดือน ๘ ปีขาล
    อายุเธอเมื่อ ๒๗ มกราคม ๒๕๕๑ คือ ย่างเข้า ๓๔ ปี

    ชื่อ นามสกุล ทั้งจริง และแฝงล้วนอยู่ในตำแหน่งที่ดี และที่สำคัญที่สุดที่สัมพันธ์กับเหตุการณ์คือชื่อเล่นเธอคือ ฝ.เป็นตำแหน่ง "อายุ" ซึ่งตรงนี้ จะหมายถึง สุขภาพ และวิถีแห่งการดำเนินชีวิต และคือตำแหน่งของทักษาเรือนในจรของเธอนั่นเองที่ไปสัมพันธ์กับที่ที่เธอจะไปนั่นคือ จังหวัด บุรีรัมย์ หากสถานที่ที่เธอไปที่จะกระทบกระเทือนต่อสุขภาพของเธอนั่นคือ สถานที่ที่ขึ้นต้นด้วยอักษร "บ-ป-ผ-ฝ-พ-ฟ-ภ-ม" แบบนี้ต้องระมัดระวัง

    จุดที่ยืนยันอีกจุดคือ ตำแหน่งอายุเป็นดาวครู(หลวงพ่อคูณ และองค์ท่านท้าวจตุคามรามเทพที่เธอนับถือนั่นเอง) และดาวเกตุเล็งกับอายุ แบบนี้บอกได้ว่า ปลอดภัย ไม่มีเรื่องที่จะถึงแก่ชีวิตครับ
     
  4. sithiphong

    sithiphong เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    45,445
    ค่าพลัง:
    +141,948
    อ้างอิง:
    <TABLE cellSpacing=0 cellPadding=6 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD class=alt2 style="BORDER-RIGHT: 1px inset; BORDER-TOP: 1px inset; BORDER-LEFT: 1px inset; BORDER-BOTTOM: 1px inset">ข้อความดั้งเดิมโดยคุณ sithiphong [​IMG]
    เซียนมันมั่วมาหรือเปล่า น่าจะเป็นเซียนสมัครเล่นแล้วแบบนี้

    แล้วที่บอกว่ามี 40-50 องค์ มาขอแก้ข่าว มีอยู่ไม่กี่องค์เอง ไว้ห้อยเอง ไว้ให้ลูกหลานครับ

    .
    </TD></TR></TBODY></TABLE>

    มึนหรือเมาครับ 55555 ;)

    .
     
  5. โชคชัยชนะ

    โชคชัยชนะ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    6 มิถุนายน 2007
    โพสต์:
    77
    ค่าพลัง:
    +148
    เมื่อกี้นี้ อ่านพระกรุพระเครื่องที่...."ไม่ธรรมดา"

    รู้สึกว่า ถ้าคนไม่ศึกษาเรื่องราวต่างๆให้ดี รู้เพียงเล็กๆน้อยๆ แต่แสดงความไม่รู้ออกมา มาแสดงความคิดเห็น เป็นการหลอกลวงสังคม ทั้งๆที่ตัวมันเอง ก็ไม่ได้รู้เรื่องเลย เห็นพระพิมพ์หรือพระเครื่องเป็นสินค้า นำมาขายกัน และไม่เสียภาษีให้กับรัฐบาล ซึ่งเป็นการเอาเปรียบสังคมเป็นอย่างมาก คนพวกนี้ไม่เจริญแน่ แถมตายไปก็ไปนรก

    เวลาที่ท้าสาบาน กลับทำปากกล้า ขาสั่น ไม่สมเป็นลูกผู้ชายตัวจริง คงไม่ได้รับการอบรมมา จึงประพฤติตนกันแบบนี้ หุหุหุ

    ถ้าพร้อมเมื่อไหร่ มาได้ตลอดเวลา พร้อม 24 ชั่วโมง

    เท่าที่รู้ตอนนี้ นับได้ว่า สาบานกันไป 1 ครั้งแล้ว เนื่องจากมีคำตอบมาว่า "ยินดีครับ" แต่ต้องมาสาบานกันใหม่ เนื่องจาก ต่างกรรม ต่างวาระ

    .
     
  6. โชคชัยชนะ

    โชคชัยชนะ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    6 มิถุนายน 2007
    โพสต์:
    77
    ค่าพลัง:
    +148
    ข้าพเจ้า บุคคลที่ใช้ชื่อในเว็บพลังจิตว่า sithiphong หรือ โชคชัยชนะ ขอตั้งจิต ตั้งสัจจะต่อเทพเทวาทั้ง 16 ชั้นฟ้า และองค์พยามัจจุราชเจ้าว่า พระพิมพ์,พระเครื่อง,พระบูชาและวัตถุมงคลทุกประเภทและทุกๆองค์ ที่ข้าพเจ้าได้มาตั้งแต่วันที่ 29 พฤศจิกายน พ.ศ.2550 เวลา 21.36 น.ซึ่งเป็นเวลาในการตั้งกระทู้
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 6 กุมภาพันธ์ 2008
  7. :::เพชร:::

    :::เพชร::: เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    21 กรกฎาคม 2006
    โพสต์:
    8,584
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +36,137
     
  8. :::เพชร:::

    :::เพชร::: เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    21 กรกฎาคม 2006
    โพสต์:
    8,584
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +36,137
    เช้าวันนี้ฝนตกต้อนรับคนจากโรงพิมพ์มาส่งหนังสือพระราชประวัติกรมพระราชวังบวรมหาสุรสิงหนาทที่พวกเราร่วมกันสร้างไว้จำนวน ๑,๐๐๐ เล่ม ทั้งๆที่รับปากว่าจะมาส่งให้เมื่อวานนี้ กลับมาส่งให้ช่วงเช้านี้ขณะฝนตกหนัก...

    วันอาทิตย์ที่ ๓ ก.พ. ๒๕๕๑ เวลาประมาณ ๙.๓๐ น.- ๑๐.๓๐ น. ผมจะไปที่ศาลวังหน้าถวายพานบายศรีบวงสรวงท่าน และถวายหนังสือ ๑,๐๐๐ เล่มครับ ขอให้ตั้งจิตนึกถึงบุญกุศล และถวายอุทิศส่วนบุญส่วนกุศลนี้ให้พระองค์ท่านโดยพร้อมเพรียงกันด้วยครับ

    หลังจากถวายแล้ว ผมจะมอบหนังสือไปตามที่อยู่ที่ท่านได้แจ้งไว้ทาง PM(ท่านใดยังไม่ได้แจ้งที่อยู่ ก็ขอรบกวนช่วยแจ้งทาง PM ให้ผมด้วยครับ) จำนวน ๑๐ % ของที่ท่านได้ร่วมบุญสร้างหนังสือ เพื่อมอบต่อมิตรสหายที่ท่านรัก และอยากให้เขาได้เข้าใจ และรับทราบพระราชประวัติของพระองค์ท่านที่มีพระคุณต่อแผ่นดินไทย...
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    • P1010472.JPG
      P1010472.JPG
      ขนาดไฟล์:
      289.3 KB
      เปิดดู:
      49
    • P1010473.JPG
      P1010473.JPG
      ขนาดไฟล์:
      258.6 KB
      เปิดดู:
      57
    • P1010474.JPG
      P1010474.JPG
      ขนาดไฟล์:
      267.8 KB
      เปิดดู:
      57
  9. :::เพชร:::

    :::เพชร::: เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    21 กรกฎาคม 2006
    โพสต์:
    8,584
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +36,137
    ฤกษ์ดีมีมงคล


    <DD>"เมื่อไหร่จะได้ฤกษ์ทำความสะอาดบ้านซะทีล่ะจ๊ะแม่คุณ สกปรกจังเลย"

    <DD>"ฤกษ์รดสังข์กี่โมงจ๊ะ ป๋าจะได้ไปให้ทันฤกษ์ ต้องเผื่อเวลารถติดไว้ด้วย"

    <DD>"ได้ฤกษ์เปิดกล้องละครเรื่องใหม่ของผู้กำกับชื่อดังอีกแล้ว"

    <DD>"ประธานในพิธีมาถึง วงดุริยางค์บรรเลงเพลงมหาฤกษ์มหาชัย"

    <DD>"กำหนดพิธีวางศิลาฤกษ์อาคาร...วันเสาร์...เวลา..."<DD>

    <DD>ดูเหมือนเรื่องของฤกษ์ยามต้องเข้ามาเกี่ยวข้องกับการกระทำหรือกิจกรรมตลอดจนพิธีการต่าง ๆ ในชีวิตประจำวันของคนไทยเราอยู่เสมอ จึงมักได้ยินคำว่า ดูฤกษ์ดูยามแล้วหรือยังกันอยู่บ่อย ๆ

    <DD> <DD>จะปลูกบ้านสร้างตึกก็ต้องดูฤกษ์ดูยามกันก่อน ถ้าเป็นอาคารสถานที่สำคัญ ๆ ก็ต้องมีพิธีวางศิลาฤกษ์ การถือฤกษ์ยามในการก่อสร้างก็มีคติและความเชื่อที่แตกต่างกันไป บางท้องถิ่นก็กระทำกันอย่างง่าย ๆ บาท้องถิ่นก็ถือเป็นเรื่องสำคัญที่ต้องมีพิธีให้ถูกต้อง หรือไม่ก็เป็นไปตามฐานะของผู้ที่เป็นเจ้าของสิ่งก่อสร้างนั้น ๆ ด้วย ทำไมต้องมีพิธีวางศิลาฤกษ์ และต้องทำอะไรกันบ้างในพิธีวางศิลาฤกษ์ หญิงไทยได้อ่านหนังสือและข้อเขียนของผู้มีความรู้ที่ได้เขียนไว้อย่างข้อเขียนของ ส.พลายน้อย หรืออาจารย์สมบัติ พลายน้อย นักเขียนผู้มีความรู้เรื่องราวแบบไทย ๆ รวมทั้งจากข้อเขียนเบ็ดเตล็ดอีกหลายเรื่อง ก็เลยขอเขียนให้ชาวกรมประชาสัมพันธ์ได้อ่านได้รู้กันในเป็นอยู่อย่างไทยนี้

    <DD>ถ้าจะแปลตามตัวอักษร หญิงไทยขออ้างถึงตามพจนานุกรมให้เป็นหลักฐานกันหน่อย พจนานุกรมราชบัณฑิตยสถานอธิบายไว้ว่าศิลาฤกษ์ เป็นคำนาม หมายถึง แผ่นหินที่จารึกดวงชะตาของสถานที่ที่จะก่อสร้างแล้ววางตามฤกษ์

    <DD> <DD>คราวนี้ไปฟังความเห็นและคำอธิบายจากท่านผู้ทรงความรู้ด้านศิลปวัฒนธรรมอย่าง ส. พลายน้อย กันบ้าง ท่านได้เขียนถึงเรื่องนี้ไว้ว่า พิธีวางศิลาฤกษ์ของไทยจะมีมาแต่ครั้งใดยังไม่พบหลักฐาน แต่การประกอบพิธีตามฤกษ์ของไทยจะมีมาแต่ครั้งใดยังไม่พบหลักฐาน แต่การประกอบพิธีตามฤกษ์นั้นคงมีมาช้านานแล้ว เท่าที่พบเรื่องราวในศิลาจารึก มีการกล่าวถึงฤกษ์การสร้างพระวิหาร สร้างพระเจดีย์ สร้างพระพุทธรูป แต่ไม่พบเรื่องศิลาฤกษ์ที่เป็นแผ่นหิน คงถือฤกษ์เวลาก่อสร้างแต่อย่างเดียวคือฤกษ์ดีในเวลาใดก็ลงมือทำในเวลานั้น ในสมัยแรกทีเดียวเข้าใจว่า เมื่อกำหนดฤกษ์แล้วก็ลงมือก่อสร้างให้ตรงกับฤกษ์ ครั้นต่อมามีบุคคลสำคัญมาเป็นผู้ก่อสร้างตามฤกษ์ ก็ใช้อิฐในการก่อสร้างวางลงก่อนคนอื่น การวางอิฐนี้เองน่าจะเป็นที่มาของการวางแผ่นหินหรือศิลาฤกษ์ในเวลาต่อมา

    <DD>ตามปกติผู้ประกอบพิธีวางศิลาฤกษ์จะเป็นพราหมณ์ถ้าไม่เป็นพราหมณ์ก็เป็นผู้ทรงความรู้ในท้องถิ่นเป็นผู้ทำพิธีแทนแต่ต้องมีพิธีสงฆ์ด้วย เพราะเท่ากับเป็นการทำบุญ การจัดสถานที่จึงต้องตั้งโต๊ะหมู่บูชาตามพิธีกรรมทางศาสนา

    <DD> <DD>ในส่วนของพิธีวางศิลาฤกษ์ต้องจัดเตรียมสิ่งของประกอบพิธี ได้แก่ ดวงศิลาฤกษ์ สลักลงในแผ่นหินอ่อน มีดวงฤกษ์และข้อความอย่างอื่นเพื่อให้เกิดความขลังและศักดิ์สิทธิ์ แผ่นอิฐ ใช้ก้อนอิฐหนา ๙ ก้อน ทาสีทอง ๓ ก้อน ข้าวตอกดอกมะลิสำหรับโปรยลงบนแผ่นหินอ่อนที่เป็นดวงศิลาฤกษ์ และ เครื่องสังเวยจัดตามความเหมาะสมหรือตามคำแนะนำของพราหณ์หรือผู้ประกอบพิธี

    <DD>เมื่อเตรียมสิ่งประกอบในพิธีเรียบร้อยแล้ว ก็ถึงวันทำพิธีวางศิลาฤกษ์ พิธีเริ่มด้วยการบูชาพระรัตนตรัย จากนั้นเป็นการลงยันต์ที่แผ่นอิฐ เจิมแผ่นอิฐ การสังเวยเทวดา ผสมปูนและทรายลงในหลุมที่เตรียมไว้ วางแผ่นอิฐทั้ง ๙ ก้อนลงในหลุ่มแล้วยกแผ่นดวงศิลาฤกษ์ที่เป็นแผ่นหินอ่อนวางลงบนแผนอิฐอีกทีหนึ่ง ปิดท้ายด้วยการโปรยข้าวตอกดอกมะลี เป็นอันว่าเสร็จพิธีวางศิลาฤกษ์

    <DD> <DD>จากอิฐฤกษ์ที่บุคคลสำคัญวางลงเป็นคนแรกในการก่อสร้างอาคารสถานที่ ก็ได้พัฒนามาเป็นศิลาฤกษ์ (แผ่นหิน) ที่มีความสำคัญต่อความเชื่อและกำลังใจของผู้คนมากหลายยุค หลายสมัย</DD>
     
  10. :::เพชร:::

    :::เพชร::: เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    21 กรกฎาคม 2006
    โพสต์:
    8,584
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +36,137
    <TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="85%" border=0><TBODY><TR><TD colSpan=3 height=20><TABLE height=20 width="100%"><TBODY><TR><TD align=left>โดย บ้านเมืองออนไลน์</TD><TD align=right>เมื่อเวลา 8:51:00 วันที่ 24 มกราคม พ.ศ.2551</TD></TR></TBODY></TABLE></TD><TR><TD colSpan=3 height=51>มงคลบูรณฤกษ์ลงเสาเอกพระเมรุ พราหมณ์ พร้อม
    มงคลบูรณฤกษ์ลงเสาเอกพระเมรุ พราหมณ์ พร้อม
     
  11. :::เพชร:::

    :::เพชร::: เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    21 กรกฎาคม 2006
    โพสต์:
    8,584
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +36,137
    พระพี่นาง เมื่อวัยเยาว์ ทรงพระสิริโฉมเลิศล้ำ



    <CENTER>
    ประมวล รูปภาพ พระพี่นาง ประวัติพระพี่นาง ประวัติพระพี่นางเธอ เมื่อ พระพี่นาง ทรงพระเยาว์พระองค์ทรงสิริโฉมยิ่งนัก … อ่าน ข่าว ข่าว ข่าวในพระราชสำนัก ข่าวพระพี่นาง และ รูปภาพ พระพี่นาง ทั้งหมด ที่นี่ค่ะ
    [​IMG]

    [​IMG]

    [​IMG]

    [​IMG]

    [​IMG]

    [​IMG]

    [​IMG]

    [​IMG]

    [​IMG]

    [​IMG]

    ประมวลภาพสมเด็จพระเจ้าพี่นางฯเมื่อครั้งทรงพระเยาว์ทรงสิริโฉมยิ่งนัก ฟังเพลงพระราชนิพนธ์ "เมนูไข่" ที่ในหลวงทรงพระราชทานเป็นของขวัญวันประสูติครบ 72 พรรษาของพระพี่นางฯ

    เพลงพระราชนิพนธ์ เมนูไข่ เป็นเพลงพระราชนิพนธ์ ลำดับที่ ๔๘ ของพระบาทมเด็จพระเจ้าอยู่หัวฯ ทรงพระราชนิพนธ์เมื่อวันที่ ๖ พฤษภาคม พ.ศ. ๒๕๓๘ เพื่อพระราชทานเป็นของขวัญวันประสูติครบ ๗๒ พรรษา ของ สมเด็จฯ เจ้าฟ้าฯกรมหลวงนราธิวาสราชนครินทร์ ด้วยทรงรำลึกได้ว่า สมเด็จพระเชษฐภคินี โปรดเสวยพระกระยาหารไข่ เป็นแรงบันดาลพระราชหฤทัย ให้ทรงพระราชนิพนธ์ กอปรกับทรงพบโคลงสี่ "เมนูไข่" ที่ สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี ทรงพระราชนิพนธ์ไว้เมื่อ พ.ศ. ๒๕๑๘ได้โปรดเกล้าฯ พระราชทานให้ พลเรือตรี หม่อมหลวงอัศนี ปราโมช นำไปแยกและเรียบเรียงเสียงประสาน เพื่อให้ วง อ.ส. วันศุกร์ นำออกบรรเลงและขับร้องในงานพระราชทานเลี้ยงฉลองสมเด็จฯ เจ้าฟ้าฯ กรมหลวงนราธิวาสราชนครินทร์ ณ ศาลาดุสิดาลัย เมื่อวันที่ ๘ พฤษภาคม พ.ศ. ๒๕๓๘

    คำร้อง: สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี


    เมนูไข่เมนูไข่ อร่อยแท้อยากกิน
    เมนูไข่เมนูไข่ อร่อยแท้อยากกิน

    ไข่เค็มไข่ลวกทั้ง ไข่หวาน
    กับไข่ต้มสุกนาน เยี่ยวม้า

    เมนูไข่เมนูไข่ อร่อยแท้อยากกิน
    ไข่ตุ๋นรสเยี่ยมปาน รสทิพย์
    ไข่ไก่โอ้เอี่ยมอ้า อร่อยแท้อยากกิน

    เมนูไข่เมนูไข่ อร่อยแท้อยากกิน
    เมนูไข่เมนูไข่ อร่อยแท้อยากกิน
    เมนูไข่เมนูไข่ อร่อยแท้อยากกิน
    เมนูไข่เมนูไข่ อร่อยแท้อยากกิน
    เมนูไข่เมนูไข่ อร่อยแท้อยากกิน




    ข้อมูลและภาพประกอบจาก

    [​IMG]
    </CENTER>
     
  12. :::เพชร:::

    :::เพชร::: เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    21 กรกฎาคม 2006
    โพสต์:
    8,584
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +36,137
    ด้วยรักและผูกพัน ระหว่างพระเชษฐภคินี และพระอนุชา แห่งราชจักรีวงศ์



    <CENTER>
    พระพี่นาง พระพี่นางเธอ สมเด็จพระพี่นาง สมเด็จพระพี่นางเธอ สมเด็จพระเจ้าพี่นางเธอ ทรงถ่ายทอดความทรงจำในวัยเยาว์ที่ทรงมีต่อพระอนุชาพระองค์เล็ก ในหลวง ในหนังสือ เจ้านายเล็กๆ ยุวกษัตริย์ ติดตามอ่าน เรื่องเล่าระหว่างพระเชษฐภคินี และพระอนุชา แห่ง ราชจักรีวงศ์ ของ พระพี่นาง พระพี่นางเธอ ได้ที่นี่ค่ะ

    [​IMG]

    [​IMG]


    แสง ส่องสว่างอาบสะท้อนให้ผู้คนเห็นความงดงามของสรรพสิ่ง แสง มีคุณค่าที่ไม่เคยปรากฏตัว ผู้คนไม่คิดจะค้นหา... สมเด็จพระเจ้าพี่นางเธอ เจ้าฟ้ากัลยาณิวัฒนา กรมหลวงนราธิวาสราชนครินทร์ ทรงเป็นดังแสงหนึ่งที่ส่องให้เห็นความงดงามบนแผ่นดินไทย เป็นดั่งแสงแห่งการให้ แสงแห่งความรัก และแสงแห่งความกรุณา เมื่อแสงนั้นฉายผ่านท้องฟ้า จึงปรากฏเป็นรุ้งงาม 7 สี กอปรด้วย แดง แสด เหลือง เขียว น้ำเงิน คราม ม่วง ดุจดังพระเกียรติคุณอันอเนกอนันต์
    ในฐานะสมเด็จพระเจ้าพี่นางเธอ ในพระมหากษัตริย์ไทยถึง 2 พระองค์คือ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว อานันทมหิดล รัชกาลที่ 8 และ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ภูมิพลอดุลยเดช รัชกาลที่ 9 สมเด็จฯ กรมหลวงนราธิวาสราชนครินทร์ ยังทรงเปรียบดัง แสงแห่งรุ่งอรุณ ที่สาดส่องให้ความอบอุ่นแก่องค์พระอนุชา ตลอดหลายทศวรรษที่ผ่านมา นับเนื่องตั้งแต่ยังทรงพระเยาว์ จวบจนถึงเมื่อครั้งสมเด็จพระศรีนครินทราบรมราชชนนี เสด็จสู่สวรรคาลัย ก็ทรงยืนหยัดเคียงข้างให้กำลังพระทัยพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวอย่างใกล้ชิด มิเพียงจะทรงช่วยแบ่งเบาพระราชภารกิจให้คลายพระราชกังวล แต่ยังทรงเป็นคู่คิดร่วมแบ่งปันทั้งทุกข์และสุข
    ย้อนกลับไปเมื่อยังทรงพระเยาว์ ทั้งสองพระองค์พี่น้อง ต่างสนิทสนมรักใคร่ผูกพันกันมาก ทรงเติบโตขึ้นท่ามกลางความเรียบง่ายและเป็นธรรมชาติ โดยสมเด็จพระศรีนครินทราบรมราชชนนี ทรงอบรมดูแลให้พระราชธิดาและพระราชโอรสช่วยเหลือตนเอง มีระเบียบวินัย และเอื้อเฟื้อต่อผู้ด้อยโอกาสกว่า จนเป็นพื้นฐานสำคัญในพระอุปนิสัยของทุกพระองค์
    สมเด็จพระเจ้าพี่นางเธอฯ ทรงเล่าไว้ในหนังสือ เจ้านายเล็กๆ-ยุวกษัตริย์ ถึงความทรงจำแรกที่ทรงมีต่อพระอนุชาพระองค์เล็กว่า ...ข้าพเจ้าอยากเห็นน้องใกล้ๆ และอยากแตะต้อง แต่ที่โรงพยาบาลเขาก็ให้ดูเพียงหลังกระจกที่กั้นห้องเด็กไว้ เมื่อกลับมาบ้านแล้ว ข้าพเจ้าได้ถามแหนน (พระพี่เลี้ยง) ว่า "น้องคนใหม่นี้พูดไทยได้หรือเปล่า" ในที่สุด หลังจากที่ได้ไปพักผ่อนประมาณ 1 สัปดาห์ แม่และน้องก็กลับมาบ้าน คราวนี้ข้าพเจ้าก็สนุกใหญ่ แหนนจะอาบน้ำ แต่งตัว หรือทำอะไรให้น้อง ข้าพเจ้าต้องเข้าไปยุ่งด้วยเสมอ จนแหนนทนไม่ไหว ต้องไปฟ้องแม่ ข้าพเจ้าเลยถูกห้ามไม่ให้ไปยุ่งในเวลาเหล่านั้น​
    [​IMG]

    ในบทพระนิพนธ์ดังกล่าว ยังทรงเล่าว่า พ.ศ.2469 ครอบครัวราชสกุลมหิดลเสด็จยังสหรัฐอเมริกา โดยสมเด็จพระบรมราชชนก ทรงศึกษาต่อจนได้รับปริญญาแพทยศาสตรบัณฑิต ขณะเดียวกัน มีเหตุการณ์สำคัญเกิดขึ้นในครอบครัว เมื่อพระอนุชาองค์ที่สอง ประสูติลืมพระเนตรดูโลก ในวันจันทร์ที่ 5 ธันวาคม พ.ศ. 2470 ณ โรงพยาบาลเคมบริดจ์ ประเทศสหรัฐอเมริกา พระบาทสมเด็จพระปกเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 7 ได้ พระราชทานพระนามว่า พระวรวงศ์เธอ พระองค์เจ้าภูมิพลอดุลยเดช ทั่วไปคนเรียกขานว่า พระองค์เล็ก ส่วนพระวรวงศ์เธอ พระองค์เจ้าอานันทมหิดล รู้จักในนาม พระองค์ชาย

    สมเด็จพระเจ้าพี่นางเธอฯ ยังทรงถ่ายทอดความทรงจำในวัยเยาว์ไว้อย่างน่าประทับใจว่า ทูลหม่อมพ่อฯเสด็จโรงพยาบาลศิริราชบ่อยๆ ทรงหวังว่าจะได้ ทรงงานแบบแพทย์ประจำบ้าน ดังที่ได้ทรงตั้งพระทัยไว้แต่เมื่อยังประทับอยู่ต่างประเทศ... ส่วนแม่ ก็มีงานมากในการจัดระเบียบให้ลูก 3 คน พระองค์เล็ก ยังเดินไม่ได้ ตอนแรกๆจึงถูกผูกไว้ บ่อยๆในรถเข็นที่นำมาด้วยจากต่างประเทศ...เมื่อข้าพเจ้าเห็นรูป พระองค์เล็ก ถือไม้ที่ดูเหมือนเป็นไม้ตีกลอง ก็มีความรู้สึกว่าน่ากลัวจะตีพี่ชาย และอาจเกิดอันตรายได้ เมื่อถามแม่ดู ท่านตอบว่าไม่เคยเลย
    ...แม่เล่าว่า พระองค์เล็ก ถึงแม้ว่าจะยังเดินไม่ได้ ก็มีวิธีขององค์เองในการข้ามถนนหน้าบ้านที่เป็นกรวดแหลมๆ ท่านจะโก้งโค้ง เอามือและเท้าแตะพื้น และเดินสี่เท้าแบบนี้ไป แทนที่จะคลานให้เจ็บเข่า ในไม่ช้าข้าพเจ้าก็ถูกส่งไปโรงเรียนราชินี พระองค์ชาย และ พระองค์เล็ก เล่นด้วยกันที่วังทั้งวัน เมื่อ พ.ศ. 2473 พระองค์ชาย ถูกส่งไปโรงเรียนมาแตร์เดอีวิทยาลัยในชั้นอนุบาล 1 พระองค์เล็ก จึงอยู่ที่วังองค์เดียว แต่ตอนบ่ายก็อยู่ด้วยกันอีก เพราะไม่ได้ไปโรงเรียนในตอนบ่าย...ในสมัยนั้น วังสระปทุมยังนับว่าอยู่ชานเมือง อากาศยังบริสุทธิ์ แม่จึงอยากให้ลูกๆได้อยู่กลางแจ้งให้มากที่สุด ท่านจัดที่ทาง สิ่งก่อสร้าง และอุปกรณ์ให้ทีละเล็กละน้อย สิ่งแรกที่สร้างขึ้นคือที่เล่นทราย

    [​IMG]

    ...เวลาอยู่กลางแดดนานๆ หรือไปเที่ยวที่ไหนที่คิดว่าจะต้องตากแดด แม่มักจะให้เราใส่กะโล่ กลัวว่าอาจไม่สบายได้ เพราะยังไม่ชินกับแดดร้อนๆของเมืองไทย แต่ เมื่อแรกๆ พระองค์เล็ก จะโยนหมวกนั้นออกไปเสมอ ไม่ชอบเลย แหนน จึงคิดหาชฎาใบลานแบบที่ขายในงานวัดมา พระองค์เล็ก ก็ยอมใส่ได้ นานกว่าหมวกกะโล่ ในไม่ช้าการเล่นในกองทรายนั้นจะรู้สึกว่าไม่สนุกนัก เพราะเมื่อเอาน้ำเทลงไปในทราย น้ำก็จะซึมลงไปหมด จึงย้ายกันออกมาเล่นข้างนอกขุดคลองในดิน นำน้ำมาใส่ให้มาไหลในคลอง แล้ววิ่งไปเก็บกิ่งไม้ที่พุ่มไม้ นี่คือการสัมผัสครั้งแรกกับงานชลประทานและการปลูกป่า!!...แม่ให้เล่นน้ำด้วย ตอนแรกๆ เล่นในถังเงิน ซึ่งสมเด็จย่าทรงทำให้หลานๆอาบน้ำในห้องน้ำ แต่ไม่สะดวกเพราะหนักมากและดำเร็ว แม่จึงให้ทำถังไม้ทาสีใช้แทน เครื่องเล่นประกอบคือถ้วยชามตุ๊กตาและลูกมะพร้าวที่เขาใช้แล้ว
    สมเด็จพระเจ้าพี่นางเธอฯ ยังกราบบังคมทูลสัมภาษณ์พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ถึงสมัยที่ยังทรงพระเยาว์ว่า ทรงจำอะไรได้บ้าง พระอนุชาพระองค์เล็กรับสั่งว่า ส่วนมากจะทรงจำได้เพราะรูปหรือหนัง แต่ก็มีบางอย่างที่ทรงจำได้เอง ทั้งๆที่ไม่มีรูปหรือหนัง...ทรงจำความรู้สึกได้บางอย่าง เช่น ครั้งหนึ่งมีการแสดงหุ่นเรื่องอาลีบาบา ที่บ้านของเพื่อนของเพื่อนแม่ ตอนหนึ่งมีการเปิดถ้ำด้วยเสียงดัง รับสั่งว่ารู้สึกกลัว อยากกลับ แต่แม่ไม่ยอมให้กลับ ต้องให้จบก่อน อีกครั้งหนึ่งเป็นเวลาใกล้เทศกาลคริสต์มาส ห้างไวท์อะเวย์ ได้จัดให้ มีคนแต่งเป็นซานตาคลอส นั่งในเรือบินและแจกของให้เด็ก รับสั่งว่าไม่ชอบเลย ออกจะกลัว สิ่งที่ทรงเล่าอีกคือ ทรงจำคืนสุดท้ายก่อนออกเดินทางไปประเทศสวิตเซอร์แลนด์ได้ นอนไม่หลับจึงลุกขึ้นมาห้องแหนน ซึ่งอยู่ติดกับห้องนอน นั่งกับพื้น และหลับตา ทรงจำได้ว่าเป็นครั้งแรกที่เห็นสีต่างๆผ่านไปมาในนัยน์ตาที่หลับอยู่...
    ความรักความผูกพันระหว่างทั้งสองพระองค์พี่น้อง เป็นที่ประจักษ์ชัดแก่พสกนิกรชาวไทยทั้งประเทศ โดยเมื่อวันที่ 6 พ.ค.2538 พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช ได้ทรงมีพระบรมราชโองการดำรัสสั่งให้สถาปนาพระอิสริยศักดิ์พระเชษฐภคินีพระองค์เดียว ขึ้นเป็นเจ้าฟ้าต่างกรมฝ่ายในเป็นพระองค์แรกในรัชกาลปัจจุบัน ขณะทรงเจริญพระชนมายุครบ 72 พรรษา โดยมีพระนามจารึกตามพระสุพรรณบัฏว่า สมเด็จพระเจ้าพี่นางเธอ เจ้าฟ้ากัลยานิวัฒนา กรมหลวงนราธิวาสราชนครินทร์ดังมีพระบรมราชโองการโปรดเกล้าฯให้ประกาศเกียรติคุณไว้บางตอนว่า
    สมเด็จพระเจ้าพี่นางเธอ เจ้าฟ้ากัลยาณิวัฒนา เป็นสมเด็จพระโสทรเชษฐภคินีอันสนิทแต่พระองค์เดียว ที่ได้ทรงร่วมทุกข์กันมาแต่ยังทรงพระเยาว์ ทั้งเป็นที่ทรงเคารพนับถือในฐานะที่ทรงมีอุปการคุณมาแต่หนหลัง... ต่อมาสมเด็จพระเจ้าพี่นางเธอ เจ้าฟ้ากัลยาณิวัฒนา ก็ยังใฝ่พระหฤทัยมั่นคงอยู่มิได้ทอดทิ้งในอุปการกิจที่มีแก่พระองค์ โดยเจตจำนงมุ่งหมายแต่จะให้ทรงพระเกษมสุขและทรงพระเจริญยิ่งด้วยพระราชอิสริยยศในมไหศูรยสมบัติ...

    ทั้งได้ปฏิบัติวัฎฐากสมเด็จพระบรมราชชนนีอย่างใกล้ชิดในที่ทุกสถาน และรักษาพยาบาลในเมื่อทรงพระประชวร โดยมิได้มีความเบื่อหน่ายย่อหย่อน ด้วยมีพระประสงค์จะแบ่งเบาพระราชภาระ ทำให้ทรงคลายพระราชกังวล และวางพระราชหฤทัย ในการส่วนสมเด็จพระบรมราชชนนีได้เป็นอันมาก...มาบัดนี้ สมเด็จพระเจ้าพี่นางเธอ เจ้าฟ้ากัลยาณิวัฒนา ทรงเจริญด้วยวัสสายุกาลวัยวุฒิ กอปรด้วยพระอัธยาศัยซื่อตรง ดำรงพระองค์มั่นอยู่ ในสุจริตธรรมสัมมาจารี มีความกตัญญูกตเวทีเป็นอย่างยิ่ง ทั้งทรงพระคุณแก่บ้านเมืองปรากฏอยู่เป็นอเนกปริยาย สมควรที่จะสถาปนาพระอิสริยศักดิ์ให้สูงขึ้น โดยอนุโลมตามแบบ อย่างโบราณราชประเพณี
    ขณะเดียวกัน ในยามที่พระเชษฐภคินีทรง พระประชวรหนักเสด็จเข้ารับการรักษาพระองค์ ที่โรงพยาบาลศิริราช ต่อเนื่องเป็นเวลาหลายเดือน แม้พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว จะทรงพระประชวรอยู่เช่นกัน แต่ก็หาได้ทรงละเลยหน้าที่ความเป็นพระอนุชาที่ดี โดยได้เสด็จฯเฝ้าสมเด็จพระเจ้าพี่นางเธอฯ เป็นประจำทุกเช้าค่ำ อีกทั้งยังทรงมอบหมายให้ คณะแพทย์ถวายการรักษาสมเด็จฯ กรมหลวงฯ อย่างสุดความสามารถ จนกระทั่งถึงวาระสุดท้าย เมื่อพระเชษฐภคินีสิ้นพระชนม์อย่างสงบ ในวันที่ 2 ม.ค.2551 ยังทรงมีพระราชกระแสรับสั่งให้จัดการพระศพถวายพระเกียรติยศสูงสุดตามราชประเพณี โดยประดิษฐานพระศพ ณ พระที่นั่งดุสิตมหาปราสาท ในพระ บรมมหาราชวัง เพื่อให้สมกับที่ทรงเป็นสมเด็จพระโสทรเชษฐภคินีอันสนิทแต่พระองค์เดียว...นับได้ว่า ทรงเป็นสมเด็จพระเจ้าพี่นางเธอ ที่รู้พระราชหฤทัยอย่างลึกซึ้ง ยากที่จะหาพี่น้องคู่ใดรักใคร่ผูกพันเสมอเหมือน





    ข้อมูลและภาพประกอบจาก
    [​IMG]
    </CENTER>
     
  13. โชคชัยชนะ

    โชคชัยชนะ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    6 มิถุนายน 2007
    โพสต์:
    77
    ค่าพลัง:
    +148

    ฤกษ์

    ฤกษ์นี้ดีจริงๆ ฤกษ์นี้ทำให้ทำอะไรตามใจกลุ่มฉัน
    ฤกษ์นี้เยี่ยมจริงๆ ฤกษ์นี้ทำให้ปูชนียบุคคล กลายเป็นบุคคลสาธารณะ
    ฤกษ์นี้ยอดจริงๆ ฤกษ์นี้ทำให้อะไรก็ได้ ไม่สนใจว่าผู้ที่เป็นปูชนียบุคคลกลายเป็นหัวหลัก หัวตอ

    อืมมมมมมมมมมม ฤกษ์..........................
    .
     
  14. nongnooo

    nongnooo เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 พฤศจิกายน 2006
    โพสต์:
    4,139
    ค่าพลัง:
    +9,446
    ไม่ได้เชียร์นะครับ ....แต่ผมอ่านข้อความของคุณเพชรมาเรื่อยๆก็คิดอะไรไปเรื่อยเปื่อย แต่....แต่...แต่...แปลก เสียงจากความคิดดันไปตรงคุณโชคแฮะ สุดยอดเลยครับ(good)
     
  15. sithiphong

    sithiphong เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    45,445
    ค่าพลัง:
    +141,948
    อ้างอิง:
    <TABLE cellSpacing=0 cellPadding=6 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD class=alt2 style="BORDER-RIGHT: 1px inset; BORDER-TOP: 1px inset; BORDER-LEFT: 1px inset; BORDER-BOTTOM: 1px inset">ข้อความดั้งเดิมโดยคุณ โชคชัยชนะ [​IMG]
    ฤกษ์

    ฤกษ์นี้ดีจริงๆ ฤกษ์นี้ทำให้ทำอะไรตามใจกลุ่มฉัน
    ฤกษ์นี้เยี่ยมจริงๆ ฤกษ์นี้ทำให้ปูชนียบุคคล กลายเป็นบุคคลสาธารณะ
    ฤกษ์นี้ยอดจริงๆ ฤกษ์นี้ทำให้อะไรก็ได้ ไม่สนใจว่าผู้ที่เป็นปูชนียบุคคลกลายเป็นหัวหลัก หัวตอ

    อืมมมมมมมมมมม ฤกษ์..........................
    .

    </TD></TR></TBODY></TABLE>

    อ่า ไม่ได้เชียร์ แต่ระวังจะโดนข้อหา "เป็นหน้าม้า" นะครับ

    ฮี้ ฮี้ ฮี้ ฮี้ ฮี้ ฮี้ ฮี้ ฮี้ ฮี้

    เอ้า คุณsithiphong ต้องเรียบร้อยสิ ถึงจะถูก ลืมตัวไปนิดนึง หุหุหุ
    .
     
  16. nongnooo

    nongnooo เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 พฤศจิกายน 2006
    โพสต์:
    4,139
    ค่าพลัง:
    +9,446
  17. ตั้งจิต

    ตั้งจิต เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 กันยายน 2005
    โพสต์:
    1,574
    ค่าพลัง:
    +5,485
    อยากรู้ความ(ข้าง)ในจัง(good)

    โมทนาสาธุครับ
     
  18. sithiphong

    sithiphong เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    45,445
    ค่าพลัง:
    +141,948
  19. sithiphong

    sithiphong เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    45,445
    ค่าพลัง:
    +141,948
    http://www.sae-dang.com/cgi-bin2/dangBoard/OpenMessage.php?no=33842

    จากคุณ : nuunn วัน/เวลาที่ตั้งกระทู้ : 2551-01-29 15:01:35 [ 117.47.12.80 ]

    เรื่องเล่าจากในวัง- อ่านแล้วอ่านอีกก็ยังไม่เบื่อ
    ผมมีเรื่องที่จะเล่าให้ฟังอยู่เหตุการณ์หนึ่งซึ่งเป็นเรื่องจริงเหตุการณ์เกิดทีจังหวัดตาก
    เมื่อพระเทพทรงเสด็จไปเยี่ยมราษฏรตามที่ต่างๆ
    และได้ทรงเสด็จไปเยี่ยมประชาชนในตลาดสด
    และถามความเป็นอยู่กับบรรดาแม่ค้าในตลาด แต่ก็มาถึงแม่ค้าปลา
    ซึ่งพระองค์ทรงตรัสถามว่า 'ปลาพวกนี้ขายอย่างไงจ๊ะ'
    แม่ค้าตอบว่า 'ที่สวรรคตแล้ว กิโลละ 40 บาท
    และที่เสด็จไปเสด็จมากิโลละ 80 บาทจ๊ะ'
    เหตุการณ์นี้ ทำให้ข้าราชบริพารที่ตามเสด็จหัวเราะกันทุกคน
    ---------------------------------------

    เช้าวันหนึ่ง เวลาประมาณ 7 โมงเช้า
    นางสนองพระโอษฐ์ของฟ้าหญิงองค์เล็ก ได้รับโทรศัพท์เป็นเสียงผู้ชาย ขอพูดสายกับฟ้าหญิง
    ทางนางสนองพระโอษฐ์ ก็สอบถามว่าใครจะพูดสายด้วย
    ก็มีเสียงตอบกลับมาว่า คนที่แบงค์
    นางสนองพระโอฐก็ งง...งง ว่าคนที่แบงค์ทำไมโทรมาแต่เช้า แบงค์ก็ยังไม่เปิดนี่หว่า
    แต่พอฟ้าหญิงรับโทรศัพท์แล้วถึงได้รู้ว่า คนที่แบงค์น่ะ
    ก็ที่แบงค์จริงๆนะ ไม่เชื่อเปิดกระเป๋าตังค์
    แล้วหยิบแบงค์มาดูสิ ............ ขนลุกเลย ทรงตรัสกับในหลวงท่านอยู่นั่นเอง

    อีกครั้งหนึ่งที่ภาคอีสาน
    เมื่อเสด็จขึ้นไปทรงเยี่ยมบนบ้านของราษฎรผู้หนึ่ง
    ที่คณะผู้ตามเสด็จทั้งหลายออกแปลกใจในการกราบบังคมทูล
    ที่คล่องแคล่วและใช้ราชาศัพท์ได้อย่างน่าฉงน
    เมื่อในหลวงมีพระราชปฏิสันถารถึงการใช้ราชาศัพท์ได้ดีนี้ จึงมีคำกราบทูลว่า
    ' ข้าพระพุทธเจ้าเป็นโต้โผลิเกเก่าบัดนี้มีอายุมากจึงเลิกรามาทำนาทำสวนพระพุทธเจ้า..'
    มาถึงตอนสำคัญที่ทรงพบนกในกรงที่เลี้ยงไว้ที่ชานเรือน
    ก็ทรงตรัสถามว่า เป็นนกอะไรและมีกี่ตัว. .
    พ่อลิเกเก่ากราบบังคมทูลว่า
    มีทั้งหมดสามตัว พระมเหสีมันบินหนีไป
    ทิ้งพระโอรสไว้สองตัว ตัวหนึ่งที่ยังเล็ก ตรัสอ้อแอ้อยู่เลย
    และทิ้งให้พระบิดาเลี้ยงดูแต่ผู้เดียว'
    เรื่องนี้ ดร.สุเมธเล่าว่าเป็นที่ต้องสะกดกลั้นหัวเราะกันทั้งคณะ ไม่ยกเว้นแม้ในหลวง

    เมื่อครั้งท่านพระชนม์มายุ 72 พรรษา มีการผลิตเหรียญที่ระลึกออกมาหลายรุ่น
    เจ้าของกิจการนาฬิกายี่ห้อหนึ่งได้ยื่นเรื่องขออนุญาตนำพระบรมฉายาลักษณ์
    ของท่านมาประดับที่หน้าปัดนาฬิกาเป็นรุ่นพิเศษ
    ท่านทราบเรื่องแล้วตรัสกับเจ้าหน้าที่ว่า 'ไปบอกเค้านะเราไม่ใช่มิกกี้เมาส์'

    --------------------------------------
    เรื่องการใช้ราชาศัพท์กับในหลวง ดูจะเป็นเรื่องใหญ่ที่ใครต่อใครเกร็งกันทั้งแผ่นดิน และไม่เว้นแม้กระทั่งข้าราชการชั้นผู้ใหญ่ที่ได้เข้าเฝ้าทูลละอองธุลีพระบาทถวายรายงาน
    ครั้งหนึ่งเมื่อหลายปีก่อนมี ข้าราชการระดับสูงผู้หนึ่งกราบบังคมทูลรายงาน
    ว่า ' ขอเดชะ ฝ่าละอองธุลีพระบาท ปกเกล้าปกกระหม่อม
    ข้าพระพุทธเจ้าพลตรีภูมิพลอดุลยเดช ขอพระราชทานพระบรมราชานุญาต กราบบังคมทูลรายงาน ฯลฯ'
    เมื่อสิ้นคำกราบบังคมทูลชื่อในหลวงทรงแย้มพระสรวล อย่างมีพระอารมณ์ดีและไม่ถือสาว่า
    ' เออ ดี เราชื่อเดียวกัน...'
    ข่าวว่าวันนั้นผู้เข้าเฝ้าต้องซ่อนหัวเราะขำขันกันทั้งศาลาดุสิดาลัย
    เพราะผู้รายงานตื่นเต้นจนจำชื่อตนเองไม่ได้

    มีอยู่ครั้งหนึ่งทรงเสด็จไปพระราชทานปริญญาบัตรให้กับนักศึกษาของมหาวิทยาลัยแห่งหนึ่ง ในระหว่างที่ทรงเปลี่ยนในครุย ทรงโปรดสูบมวนพระโอสถ แต่ว่าทรงหาที่จุดไม่ได้ ทางอธิการบดีซึ่งเฝ้าอยู่ก็จุดไฟให้พร้อมทูลว่า ' ถวายพระเพลิงพระเจ้าข้า'
    ในหลวงทรงชะงัก ก่อนจะแย้มสรวลน้อยๆ กับอธิการบดีว่า
    ' เรายังไม่ตายถวายพระเพลิงไม่ได้หรอก'
    ------------------------------------
    เคยมีเรื่องเล่าให้ฟังว่า ในหลวงเสด็จไปในถิ่นทุรกันดารเพื่อเยี่ยมเยียนราษฎร
    อยู่ครั้งหนึ่งพระองค์ท่านทรงแจกพระเครื่องให้กับราษฎรจนหมดแล้ว
    แต่ ราษฎรผู้หนึ่งกราบบังคมทูลขอรับพระราชทานพระเครื่องว่า
    ' ขอเดชะ ขอพระหนึ่งองค์'
    ในหลวงทรงตรัสว่า 'ขอเดชะ พระหมดแล้ว '
     
  20. sithiphong

    sithiphong เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    45,445
    ค่าพลัง:
    +141,948
    http://www.sae-dang.com/cgi-bin2/dan...e.php?no=33842

    จากคุณ : nuunn วัน/เวลาที่ตั้งกระทู้ : 2551-01-29 15:01:35 [ 117.47.12.80 ]

    ครั้งหนึ่งหลายๆ ปีมาแล้ว
    พระเจ้าอยู่หัวทรงประชวรนิดหน่อยเกี่ยวกับพระฉวีมีพระอาการคัน
    มีหมอโรคผิวหนังคณะหนึ่งไปเข้าเฝ้าฯ เพื่อถวายการรักษา

    คุณหมอเป็นผู้เชี่ยวชาญทางโรคผิวหนังแต่ไม่ได้เชี่ยวชาญทางราชาศัพท์
    ก็กราบบังคมทูลว่า ' เอ้อ - ทรง... อ้า-ทรงพระคันมานานแล้วหรือยังพะยะค่ะ อ้า-ทรงพระคันมานานแล้วหรือยังพะยะค่ะ'
    พระเจ้าอยู่หัวก็ทรงพระสรวล ตรัสว่า 'ฉันไม่ใช่ผู้หญิงนี่จะท้องได้ยังไง'
    แล้วคงจะทรงพระกรุณาว่า หมอคงจะไม่รู้ราชาศัพท์ทางด้านอวัยวะร่างกายจริงๆ ก็พระราชทานพระบรมราชานุญาตว่า เอ้า พูดภาษาอังกฤษกันเถอะ
    เป็นอันว่าก็กราบบังคมทูลซักพระอาการกันเป็นภาษาอังกฤษไป
    ------------------------------
    เรื่องนี้รุ่นพี่ที่จุฬาฯเล่าให้ฟังว่า
    มีอยู่ปีนึงที่ในหลวงทรงเสด็จพระราชทานปริญญาบัตร
    อธิการบดีอ่านรายชื่อบัณฑิตแล้วบังเอิญว่า มีเหตุขัดข้องบางประการ
    ทำให้อ่านขาดตอน ก็ต้องรีบหาว่าอ่านรายชื่อไปถึงไหนแล้ว
    ปรากฏว่า ในหลวงท่านทรงจำได้ ท่านเลยตรัสกับอธิการไปว่า
    ' เมื่อกี้นี้ (ชื่อ....) เค้ารับไปแล้ว'
    และมีอีกปีนึงขณะที่พระราชทานปริญญาบัตรอยู่ดีๆ ไฟดับไปชั่วขณะ...
    ทำให้บัณฑิตคนหนึ่งพลาดโอกาสครั้งสำคัญในการถ่ายรูป
    พอในหลวงทรงพระราชทานปริญญาบัตรเรียบร้อยแล้ว
    ก่อนที่จะให้พระบรมราโชวาท
    ท่านทรงให้อธิการบดีเรียกบัณฑิตคนนั้นมารับพระราชทานอีกครั้ง
    เพื่อจะได้มีรูปไว้เป็นที่ระลึก ตื้นตันกันถ้วนทั่วทั้งหอประชุม
    ขอจงทรงพระเจริญยิ่งยืนนาน

    http://www.thaimonarchy.com/index.php
     

แชร์หน้านี้

Loading...