พระวังหน้า ที่หลวงปู่บรมครูเทพโลกอุดรเสก ถ้าต้องการที่จะได้.....

ในห้อง 'งานบุญอื่นๆ' ตั้งกระทู้โดย sithiphong, 23 ธันวาคม 2005.

  1. sithiphong

    sithiphong เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    45,445
    ค่าพลัง:
    +141,948
    ให้ตั้งสัจจะ...หลวงปู่แหวน<!-- google_ad_section_end -->
    <HR style="COLOR: #ffffff; BACKGROUND-COLOR: #ffffff" SIZE=1><!-- google_ad_section_start --><SCRIPT type=text/javascript><!--google_ad_client = "ca-pub-2576485761337625";/* 336x280 */google_ad_slot = "0551074580";google_ad_width = 336;google_ad_height = 280;//--> </SCRIPT><SCRIPT src="http://pagead2.googlesyndication.com/pagead/show_ads.js" type=text/javascript> </SCRIPT>
    ให้ตั้งสัจจะ


    <TABLE class=alt1 cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD align=middle>[​IMG]</TD></TR></TBODY></TABLE>


    การ ปฏิบัติเราจะเดินก็ให้ตั้งสัจจะไว้ว่า จะเดินเท่านี้เท่านั้น หรือเราจะนั่งวันหนึ่งคืนหนึ่ง หรือถ้าเราสู้ไม่ไหวเราก็เอาแต่พอสมควร ให้ตั้งใจจริงๆ

    กำหนด ตั้งสัจจะไว้ในจิตในใจ ละความมัวเมาออกให้หมด คอยกำหนดจิตเข้ามาสู่ภายในให้ใจเบิกบาน ตั้งความสัจจะว่าจะภาวนาเป็นเวลาเท่านั้นเท่านี้ หรือถ้าจะเดินก็ให้กำหนด ระวังรักษาจิตใจของเรา ให้แช่มชื่นเบิกบานไม่ปล่อยจิตปล่อยใจให้เป็นธรรมเมา รักษาจิตใจให้ตั้งอยู่เฉพาะธรรมโม

    อย่า ละความเพียรความพยายาม ให้เพียรไปติดต่อกัน จะเป็นวันหนึ่งหรือคืนหนึ่งก็ได้ เช่น ตั้งสัจจะว่าจะนั่งตลอดคืนจะไม่นอน อย่างนี้ตั้งสัจจะไว้อย่างนี้เป็นการดี ตั้งสัจจะต่อพระพุทธ พระธรรม พระสงฆ์ แล้วตั้งใจให้ดี คอยระวังรักษาจิตใจของเรานั้นแหละ ให้ผ่องใสตลอดไป

    ให้ พยายามรักษาความดีความหมั่นความขยันของเราไว้ ให้สละความเกียจคร้านออกไปเสีย ปกติจิตของเรานี้มักจะไหลไปสู่ความเกียจคร้านความลุ่มหลง

    เรา ต้องพยายามหาอุบายมาเตือนตนอยู่เสมอ ด้วยความเพียรความหมั่น ให้รักษา กาย วาจา ใจ ของเราให้บริสุทธิ์บริบูรณ์ในสิกขาวินัย นำความผิดความชั่ว ออกจากกาย จากวาจา จากใจ

    อาศัย ความเพียรเป็นไปติดต่อ จึงจะชนะความเกียจคร้านได้ ความมัวเมา ความประมาทอันใดมีก็ให้ละเสีย ให้วางเสีย ทำจิตใจของเราให้ตั้งอยู่ในธรรมโม พิจารณากลับไปกลับมาอยู่อย่างนี้ ต้องอาศัยความเพียรความหมั่นความขยัน ไม่เช่นนั้นจิตมันจะตกไปสู่ความเกียจคร้าน

    เรา ต้องตักเตือนข่มขู่ ชักจูงแนะนำจิตของเราด้วยอุบายแยบคาย ถ้าจิตใจมันเกียจคร้าน เราต้องหาอุบายมาตักเตือน ชักจูงแนะนำ ให้มีความอาจหาญ ร่าเริง ให้เกิดความอุตสาหะขยันหมั่นเพียร ไม่ปล่อยให้จิตนิ่งเฉยเกียจคร้าน

    เรา ต้องละความเกียจคร้าน ความไม่ดีของจิตด้วยการอบรมภาวนาอย่างนี้ ถ้าเราตักเตือนชี้นำด้วยอุบายอันชอบ ในที่สุดจิตก็จะฟังเหตุผล เกิดความมุมานะพยายามในความเพียร เราต้องข่มขู่ตักเตือนบ่อยๆ ในสมัยที่จิตนิ่งเฉยต่อความเพียร

    ถ้า เราคอยประคับประคองจิต ด้วยอุบายข่มขู่ตักเตือน ด้วยอุบายแยบคาย จิตย่อมจำนนต่อเหตุผล ระวังรักษาสติไว้อย่าให้หลงลืม ฝึกหัดให้เกิดความรู้ความฉลาดเกิดขึ้นในจิตในใจของตน

    จิต ของเรา ถ้ามันเกียจคร้านขึ้นมา มันจะให้เรานอนท่าเดียว ถ้ามันเกิดอย่างนี้ขึ้นมา เราต้องหาอุบายมาข่มขู่ตักเตือน อุบายใดที่ยกขึ้นมาชี้แจงแล้วจิตยอมเชื่อฟังนั่นแหละคืออุบายที่ควรแก่จิตใน ลักษณะนั้น และในขณะนั้นๆ ถ้าเราไม่ข่มขู่ชี้โทษโดยอุบายที่ชอบ ใครเขาจะมาตักเตือนเรา บางครั้งจิตถ้ามันเกียจคร้านขึ้นมา มันจะวางเฉยในอารมณ์ทั้งหมด ในลักษณะเช่นนี้แหละ เราต้องหาอุบายมาทำให้จิตตื่นให้ได้ เช่นไหว้พระสวดมนต์ หรือยกธรรมบทใดบทหนึ่งขึ้นมาพิจารณา

    ให้ ตั้งอยู่ในความหมั่นความเพียร ในคุณงามความดีของตน พยายามเพ่งดูในจิตในใจของเรานี้แหละ ถ้าไม่อาศัยความขยันหมั่นเพียร ไม่ได้ จิตเรานี้มันมักจะไหลไปสู่อารมณ์ต่างๆ เป็นอดีตอนาคตไป เราต้องหาอุบายมาชี้แจงให้ตั้งอยู่ในปัจจุบันธรรม

    ถ้า เราไม่หมั่นหาอุบายมาอบรมจิตแล้ว ส่วนมากจิตมักจะเกิดความเฉื่อยชา วางเฉย ดังนั้น อุบายจึงเป็นของสำคัญ ยกขึ้นสู่การพิจารณาชี้แจง ให้จิตอาจหาญ ร่าเริง เห็นแจ้งในจิตในใจของเรา ถ้าจิตยิ่งเกิดเกียจคร้านเท่าไรเราก็ต้องเพิ่มความพยายามตักเตือน โดยอุบายให้มากขึ้นให้เท่าเทียมกัน จนเกิดความขยันขันแข็ง เบิกบานผ่องใส

    ให้ตั้งอกตั้งใจตั้งสัจจะ ตรงต่อคุณพระพุทธ พระธรรม พระสงฆ์ ให้เกิดความอุตสาหะวิรยะ ความพากความเพียร ในภาวนาในคุณความดี

    ให้ตั้งอยู่ในสิกขาวินัย ในความหมั่นความเพียร
    <O></O>
    ให้ ตั้งความสัจจ์ความเพียรไว้ อย่าเป็นคนเกียจคร้าน พระพุทธเจ้าสั่งสอนเราให้ตั้งอยู่ในมรรคในผล ให้พยายามรักษาจิตรักษาใจของเรา อาศัยความองอาจกล้าหาญ ในความพากความเพียรของเรา อย่าอ่อนแอท้อแท้ เราต้องสู้กับทุกสิ่งทุกอย่าง ถ้าองอาจกล้าหาญจึงจะผ่านอุปสรรคไปได้

    ให้รักษาตา รักษาหู รักษาจมูก รักษากาย รักษาใจ ของตน ในทุกอิริยาบท ยืน เดิน นั่ง นอน.




    [​IMG][​IMG]

    ขอขอบคุณ
    http://palungjit.org/threads/%E0%...%99.16733/


    <!-- google_ad_section_end -->
    http://palungjit.org/threads/ให้ตั้งสัจจะ-หลวงปู่แหวน.220070/

    .



    .
     
  2. sithiphong

    sithiphong เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    45,445
    ค่าพลัง:
    +141,948
    เจตนาคือตัวกรรม...หลวงปู่แหวน<!-- google_ad_section_end -->
    <HR style="COLOR: #ffffff; BACKGROUND-COLOR: #ffffff" SIZE=1><!-- google_ad_section_start --><SCRIPT type=text/javascript><!--google_ad_client = "ca-pub-2576485761337625";/* 336x280 */google_ad_slot = "0551074580";google_ad_width = 336;google_ad_height = 280;//--> </SCRIPT><SCRIPT src="http://pagead2.googlesyndication.com/pagead/show_ads.js" type=text/javascript> </SCRIPT>
    [​IMG]



    คนเราบางคนเกิดมาแล้วชอบทำแต่ความชั่ว ทั้งนี้ก็เพราะกรรม เจตนากรรมบุญ เจตนากรรมบาป สองอย่างนี้แหละตัวเจตนา เจตนาเป็นตัวกรรม กรรมบาป กรรมบุญเจตนารักษาศีล คือ การสำรวมระวัง รักษากาย รักษาวาจารักษาใจ
    อาศัยความอดทน อดด้วยกาย อดทนด้วยวาจา อดทนด้วยใจ ตีติกขา ความอดทน คือความอดกลั้นต่อบาปอกุศล


    มันสำคัญอยู่ที่ กาย วาจา ใจ อกุศลเจตนากรรมบาป ความตั้งใจของเราสำคัญ อดีตอนาคตไม่ข้องเกี่ยวตัดออกหมด


    อดีตอนาคตเป็นธรรมเมา เอาในปัจจุบัน รู้ในปัจจุบัน ละในปัจจุบัน วางในปัจจุบัน ตั้งเจตนาให้จริงกาย จริงวาจา จริงใจ กาย วาจา ใจ เขาเป็นปกติอยู่แล้ว


    ใจก็ไม่ไปที่ไหน คงตั้งอยู่เป็นปกติ ต้องเอาปัญญาตัดอกุศลเจตนาออกจากใจ อย่าให้มันหมักอยู่ในใจ ประเดี๋ยวจะเดือดร้อน

    ตั้งเจตนาให้แน่วแน่ว่า เราจะทำจิตทำใจของเราให้เบิกบาน ให้บรรลุมรรคผลนิพพาน สัจจะ ความจริงกาย จริงวาจา จริงใจ ขันติปารมี อดกลั้น ด้วยกายด้วยวาจา ขันติอุปาปปารมีอดกลั้นด้วยวาจา
    ขันติปรมัตถปารมี อดกลั้นด้วยใจ ตีติกขา ความอดกลั้นเป็นบารมีธรรมอย่างเอก

    ตัดอดีตอนาคต มุ่งเฉพาะปัจจุบันธรรม อดีตอนาคตมันมาแต่ดึกดำบรรพ์ ทั้งส่วนดีส่วนร้ายเนื่องมาจากตัณหาทั้งสาม คือ กามตัณหา ภวตัณหา วิภวตัณหา ความพอใจหรือไม่พอใจ ก็ตัณหานี้

    ละออกจากจิตจากใจเสียก็สบาย รูป เสียง กลิ่น รส กามารมณ์ทั้ง ๕ ปล่อยให้เขาผ่านไปผ่านมา ดีเขาก็ไม่ว่าไม่ดีเขาก็ไม่ว่า มันสำคัญอยู่ที่เจตนาตัวกรรมบุญ เจตนาตัวกรรมบาป เข้าไปครองจิตแล้วทำให้คิดไปปรุงแต่งไป เป็นรักเป็นชัง เป็นโกรธ เป็นเกลียด ให้ละวางตัวนี้ อย่าเอาเข้ามาหมักไว้ในใจ


    [​IMG]



    ละอยู่ที่ใจ วางอยู่ที่ใจ ไม่ใช่ที่อื่น เอาใจนี้ละ เอาใจนี้วางจึงใช้ได้ ไม่ใช่ไปจำเอาคำพูดในคัมภีร์มาพูดใช้ไม่ได้ มันต้องน้อมเข้ามาหากายหาใจของเรานี้ กำหนดการละ กำหนดการวางลงใน กาย วาจา ใจ ของเรานี้ รวมลงในไตรทวารนี้ ไม่ใช่ที่อื่น


    [​IMG]

    อดีตอนาคตที่ใจนำมาก็ละเสีย หู ตา ก็อยู่เป็นปกติ อินทรีย์ ๕ เขาก็ตั้งอยู่ปกติอย่างนั้น รูป เสียง กลิ่น รส กามารมณ์อันนั้นต่างหาก ปล่อยให้เขาผ่านไปผ่านมาอย่าเอามา หมักไว้ในใจ


    ใจของเราให้ตั้งอยู่โดยปกติ เวลาจะทำจิตทำใจของเราต้องวางหมด อย่าให้มีสิ่งไม่ดีมีอยู่ในใจจะเดือดร้อน ต้องนำออกให้หมด ทำใจให้ว่างให้มีความพอ อดีตอนาคตไม่ต้องเกี่ยวข้องทั้งหมด


    อย่าปล่อยให้ใจไปเกาะเกี่ยวข้องแวะส่วนที่เป็นอดีตและอนาคต เป็นเครื่องบั่นทอนปัจจุบันธรรม ให้รู้เฉพาะปัจจุบัน ละปัจจุบัน ให้รู้มรรค รู้ผล.




    ที่มา : Board Agalico

    <!-- google_ad_section_end -->

    http://palungjit.org/threads/เจตนาคือตัวกรรม-หลวงปู่แหวน.218598/

    .



    .



    .
     
  3. nongnooo

    nongnooo เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 พฤศจิกายน 2006
    โพสต์:
    4,139
    ค่าพลัง:
    +9,446
  4. sithiphong

    sithiphong เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    45,445
    ค่าพลัง:
    +141,948
  5. sithiphong

    sithiphong เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    45,445
    ค่าพลัง:
    +141,948
  6. sithiphong

    sithiphong เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    45,445
    ค่าพลัง:
    +141,948



    คณะผม ( ผม , กุ้งมังกอน , ผบทบ.กุ้งมังกอน , เอ , พี่ตุ่น และอาจจะมีพี่สาวพี่ตุ่น)

    คณะคุณแด๋น

    คณะพี่ไฟดูด

    เดินทางพรุ่งนี้ แต่เวลาไม่พร้อมกัน

    ผมกับคณะคุณแด๋น น่าจะถึงใกล้เคียงกันครับ


    .
     
  7. sithiphong

    sithiphong เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    45,445
    ค่าพลัง:
    +141,948
    ผมมาแจ้งเรื่องของทำบุญ "ผ้าป่าปลดหนี้ รุ่งเรืองบารมี ศรีชัยผาผึ้ง" ในส่วนของผม

    [​IMG] [​IMG]


    ผมมอบพระพิมพ์ต่างๆให้กับผู้ร่วมทำบุญ "ผ้าป่าปลดหนี้ รุ่งเรืองบารมี ศรีชัยผาผึ้ง" ดังนี้

    ชุดที่ 1 มีจำนวน 2 ชุด ผมมอบให้ท่านที่ร่วมทำบุญชุดละ 100,000 บาท

    ชุดที่ 1 ใน 1 ชุด ประกอบด้วย
    พระสมเด็จ กลักไม้ขีด รุ่นแรก
    พระสมเด็จ Top of the top 1 จำนวน 5 องค์
    พระสมเด็จ Top of the top 4 จำนวน 5 องค์
    พระพิมพ์ "เป็นที่รักของสามโลก" จำนวน 9 องค์ ( 3 เนื้อ )
    พระกริ่งปวเรศ (รุ่น ปี พ.ศ.2434) บุทองคำ จำนวน 1 องค์
    และอื่นๆ

    ชุดที่ 2 มีจำนวน 10 ชุด ผมมอบให้ท่านที่ร่วมทำบุญชุดละ 20,000 บาท

    ชุดที่ 2 ใน 1 ชุด ประกอบด้วย
    พระพิมพ์ "เป็นที่รักของสามโลก" จำนวน 3 องค์ ( 3 เนื้อ )
    พระสมเด็จ กลักไม้ขีด (ลงรัก) จำนวน 1 องค์
    และอื่นๆ

    ให้ทำบุญตั้งแต่วันจันทร์ที่ 31 มกราคม 2554
    สิ้นสุดวันอังคารที่ 15 กุมภาพันธ์ 2554
    หลังจากวันอังคารที่ 15 กุมภาพันธ์ 2554 (นับตั้งแต่วันพุธที่ 16 กุมภาพันธ์ 2554) หากท่านใดมีความสนใจที่ต้องการจะได้พระพิมพ์ในชุดที่ 1 หรือ พระพิมพ์ในชุดที่ 2 กรุณาติดต่อกับพี่แอ๊ว(คุณพิชญ์สินี ชาญปรีชญา) ครับ

    โมทนาบุญทุกประการ
     
  8. sithiphong

    sithiphong เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    45,445
    ค่าพลัง:
    +141,948
    <table class="tborder" id="post4383263" align="center" border="0" cellpadding="6" cellspacing="0" width="100%"><tbody><tr><td class="thead" style="border-width: 1px 0px 1px 1px; border-style: solid; border-color: rgb(255, 255, 255); font-weight: normal;">วันนี้, 10:56 AM </td><td class="thead" style="border-width: 1px 1px 1px 0px; border-style: solid; border-color: rgb(255, 255, 255); font-weight: normal;" align="right"> #44136 </td></tr><tr valign="top"><td class="alt2" style="border-width: 0px 1px; border-style: solid; border-color: rgb(255, 255, 255);" width="175">Pinkcivil
    สมาชิก

    [​IMG]

    วันที่สมัคร: Aug 2010
    สถานที่: นภาศิขริณ
    ข้อความ: 256
    พลังการให้คะแนน: 97 [​IMG][​IMG][​IMG][​IMG][​IMG][​IMG][​IMG][​IMG][​IMG][​IMG]


    </td><td class="alt1" id="td_post_4383263" style="border-right: 1px solid rgb(255, 255, 255);">อ้างอิง:
    <table border="0" cellpadding="6" cellspacing="0" width="100%"><tbody><tr><td class="alt2" style="border: 1px inset;">ข้อความดั้งเดิมโดยคุณ sithiphong [​IMG]
    จดหมาย Email ที่พี่แอ๊ว ส่งมาให้ผม ผมขออนุญาตพี่แอ๊ว นำลงในกระทู้พระวังหน้าฯ และ กระทู้ ขอเชิญร่วมสร้างพระเจดีย์ศรีชัยผาผึ้ง ให้ได้อ่านกันครับ

    หัวเรื่อง: งานผาผึ้งค่ะ
    ถึง: sithiphong

    คุณหนุ่มคะ

    ก่อน อื่นขออนุโมทนาสาธุด้วยทุกอย่างนะคะ ที่เป็นกำลังของงานพระศาสนามาอย่างเข้มแข็ง ปีนี้เป็นศิริมงคล ประเดิมบุญใหญ่ต้นปีกันด้วยงานฉลองพระเจดีย์ศรีชัยผาผึ้ง ภาพที่ปรากฏให้เห็นก็จะไม่เท่าความรู้สึกปิติใจที่บังเกิดขึ้น ณ ที่นั้น เมื่อวันเสาร์ที่ 12 ก.พ. ที่ผ่านมานะคะ ความเหน็ดเหนื่อยทั้งหลายในการเตรียมงานมาเป็นเวลา 1 เดือน โดยเฉพาะอย่างยิ่ง 1 อาทิตย์สุดท้าย ที่งานหลายอย่างไม่เรียบร้อย และต้องวิ่งแข่งกับเวลากันทั้งวันทั้งคืน ก็หายเหนื่อยเป็นปลิดทิ้งเลยค่ะ วันนี้อยากถ่ายทอดบางสิ่งบางอย่างให้ได้รับทราบเบื้องหลังการทำงานใหญ่ใน ครั้งนี้ เพราะหลายๆคนทักว่าเหมือนจะเกินตัวไปหน่อยหรือปล่าว เพราะค่าใช้จ่ายที่เกิดขึ้นไม่น้อยเลย แต่สิ่งหนึ่งที่เป็นเหตุแห่งการคิดการใหญ่เช่นนี้ มีที่มาจากหลายๆท่านซึ่งถามว่า เมื่อสร้างเสร็จแล้วพระอาจารย์นิล ไม่ได้อยู่ที่นี่ และเส้นทางการเข้าถึงก็ยังเป็นสิ่งที่ยากอยู่ แล้วใครจะเป็นผู้ดูแล

    สำหรับพี่ประเด็นนี้ เป็นสิ่งซึ่งคิดมาตลอด ในการจัดงานสำคัญหลายๆครั้ง เช่นยกฉัตรพระเจดีย์ หรืออัญเชิญพระขึ้นมณฑป ก็ได้ทำหนังสือเชิญท่านผู้ว่า นายอำเภอ และ หน่วยงานท้องถิ่นที่เกี่ยวข้องมาร่วมงานด้วยตลอด แต่การตอบรับเข้าร่วม เป็นแค่ระดับ อบต. และชาวบ้านละแวกนั้น เพราะฉะนั้นเป้าหมายที่วางไว้คือทำอย่างไรจึงจะเกิดการมีส่วนร่วมในทุกระดับ และทำให้เกิดความรู้สึกของการเป็นเจ้าของร่วมกันของชาวบ้านในท้องที่ รวมทั้งการที่จะทำให้เกิดการยอมรับในระดับนโยบายของจังหวัดที่จะรับศาสนสถาน ตรงจุดนี้ ไว้เป็นสมบัติของชาวชัยภูมิทุกคน จะได้ร่วมกันดูแลรักษา รวมทั้งการพัฒนาให้มีเส้นทางเข้าถึงได้โดยสะดวก ดังนั้นสิ่งที่คิดคือ ทำอย่างไรระดับพ่อเมืองชัยภูมิจะเข้ามารับรู้รับทราบกับงานตรงนี้ หากเชิญตรงๆ ท่านคงไม่มาเพราะท่านไม่รู้จักและพระอาจารย์นิล ก็ไม่ใช่เกจิอาจารย์ ดังนั้นจึงต้องคิดแผนทางอ้อมว่า หากมีพระระดับพระเถระมาเป็นประธานน่าจะมีการตื่นตัวในระดับจังหวัด เพราะอย่างน้อยสำนักงานพระพุทธศาสนาจังหวัดชัยภูมิ จะต้องรายงานพ่อเมืองว่าจะมีกิจกรรมทางศาสนาระดับไหนอย่างไร ซึ่งในการนี้หลวงพ่อสมเด็จพระวันรัตท่านเป็นประธานสูงสุดของฝ่ายธรรมยุต เปรียบเสมือน ผบ.ทบ. ของกองทัพ เวลาไปที่ไหนก็จะต้องมีลักษณะของการต้อนรับในระดับที่เสมอกัน คือระดับสูงสุดของจังหวัดต้องได้รับทราบการเข้าถึงพื้นที่ของท่าน อย่างน้อยในฝ่ายสงฆ์ เจ้าคณะภาค เจ้าคณะจังหวัด เจ้าคณะอำเภอ และเจ้าคณะตำบล มากันอย่างพร้อมเพรียงที่สุด

    วันนี้ พี่คิดว่าสิ่งที่ได้ทำได้บรรลุวัตถุประสงค์ในเบื้องต้นแล้วในระดับหนึ่ง คือการเปิดพระเจดีย์ศรีชัยผาผึ้งออกสู่สาธารณชนทั้งหลาย และสำหรับระดับจังหวัดตอนนี้ท่านผู้ว่า นายอำเภอ นายกองค์การบริหารส่วนจังหวัด อำเภอ ตำบลได้เข้ามาร่วมงานกันอย่างพร้อมเพรียง นอกจากนั้นในเช้าของวันงาน พี่ได้รับการประสานจากทางเจ้าหน้าที่ของจังหวัด ว่าจะมีฝ่ายการเมืองคือ สส. สว. สจ. ของจังหวัดชัยภูมิ รวม 5 ท่านขอเข้าร่วมงานด้วย ซึ่งพี่ต้องจัดเตรียมผังที่นั่งให้ลงตัว เพราะต้องขอยืมโซฟามาจากหลายวัด รวมทั้งขอยืมจากนายอำเภอและ อบต.ด้วย ซึ่งในส่วนของนายอำเภอ สจ.และ อบต.บ้านเขว้าได้ให้ความร่วมมืออย่างดีมาก ได้นำชาวบ้านมาช่วยกันทำทาง เกรดถนนให้รถสามารถผ่านได้โดยสะดวก รวมทั้งช่วยกันติดป้าย ประดับธงตามเส้นทางด้วย นอกจากนี้พี่ได้เรียนท่านผู้ว่าในระดับหนึ่งเกี่ยวกับการทำให้สถานที่นี้ เป็น landmark ของอำเภอบ้านเขว้า ซึ่งท่านจะได้เชื่อมโยงถึง สำนักงานการท่องเที่ยวจ.ชัยภูมิ ให้เข้ามา promote ให้เป็นสถานที่ท่องเที่ยวในเชิงศาสนา นอกเหนือไปจากการที่อ.บ้านเขว้ามีชื่อเสียงในเรื่องผ้าไหม ต่อไปใครมาซื้อผ้าไหม ก็ต้องไปกราบพระเจดีย์ศรีชัยผาผึ้งด้วย เพราะเส้นทางส่วนที่เหลือยังไม่ได้ลาดยางมีประมาณ 9-10กม. เท่านั้น

    จาก เหตุที่พี่ได้เล่าข้างต้น จึงทำให้คิดการใหญ่ในการกราบอาราธนาหลวงพ่อสมเด็จพระวันรัตท่านมาเป็นประธาน ซึ่งขอเรียนว่าไม่ใช่สิ่งที่ง่ายเลย แม้วัดใหญ่ๆก็มิใช่ว่าท่านจะรับนิมนต์ไป ยิ่งเป็น สนส.เล็กๆอย่างผาผึ้งอย่าได้แม้แต่จะคิด แต่ความสำเร็จทั้งหมดทั้งมวล พี่อยากจะเรียนว่า พุทโธ ธัมโม สังโฆ อัปปมาโน โดยแท้ สำหรับพี่การที่ได้มาเป็นส่วนหนึ่งของกลไกในการขับเคลื่อนงานการสร้างพระ เจดีย์ที่นี่ ถือเป็นโอกาสที่พระท่านได้ให้โอกาสเราได้ใช้เวลาที่เหลืออยู่ไม่มากให้เกิด เป็นบุญเป็นกุศลมากที่สุด ซึ่งในการทำงานของพระที่นี่ อยากเรียนว่าทุกอย่างเป็นการเดินตามรอยเท้าขององค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธ เจ้าในการบำเพ็ญวิริยาธิกะบารมี เพราะทุกอย่างที่พระอาจารย์นิลท่านทำ เป็นสิ่งซึ่งต้องต่อสู้ ฝ่าฟันทั้งจากภายใน และสิ่งกระทบภายนอก โดยที่พระอาจารย์ท่านบอกไว้ตั้งแต่ครั้งแรกที่ท่านต้องรับหน้าที่ในการสร้าง ว่า หลวงปู่ใหญ่สอนท่านไว้ว่า การทำงานครั้งนี้ ต้อง " อดทน อดกลั้น และข่มใจ " เพราะฉะนั้นคุณหนุ่มก็ไม่ต้องสงสัยเลยว่าแรงกระทบจากทั้งภายนอกและภายในที่ คุณหนุ่มได้รับตั้งแต่ได้เข้ามาเป็นกำลังของงานนี้ คือการที่หลวงปู่ครูบาอาจารย์ท่านได้สอนโดยทางอ้อม หากคุณหนุ่มแพ้ ก็คงไม่มีวันนี้ เพราะฉะนั้น ขอให้คุณหนุ่มและทุกๆท่านที่เผชิญกับสภาวะผันผวนต่างๆ ขอได้กราบแทบพระบาทขององค์หลวงปู่ที่ท่านได้เมตตา ให้ธรรมะโดยการสอนจากการทำงาน และขอบอกว่าสภาวะที่พวกเราได้ประสบพบเจอ ยังไม่ถึงเศษเสี้ยวของที่พระอาจารย์นิลท่านฝ่าฟันมาทุกเรื่อง

    ณ เวลานี้ ฟ้าเปิดแล้ว บารมีองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าทั้งห้าพระองค์ พรหมเทพเทวา พ่อแม่ครูบาอาจารย์ทั้งหมดได้ปกแผ่คุ้มครองและประทานพรแก่ผู้ที่เคารพในพระ รัตนตรัยโดยแท้ ในสิ่งซึ่งพี่บอกว่า พุทโธ ธัมโม สังโฆ อัปปมาโน ได้ปรากฏให้พี่ได้ซาบซึ้งในพระเมตตาธิคุณอยู่เสมอ งานครั้งนี้สำเร็จได้เพราะบารมีของพระท่านที่ดลบันดาลให้มีความคล่องตัวตาม สมควร อุปสรรคข้อขัดข้องมีอยู่ตลอดเวลา แต่ไม่ใช่เรื่องใหญ่ ถือเป็นการทดสอบกำลังใจของพี่ที่ได้กราบพระรัตนตรัยและปวารณาว่าขอมอบกาย ถวายชีวิตเพื่องานของพระศาสนา เพราะฉะนั้นหากคุณหนุ่มได้เจอสิ่งใดที่ไม่เคยเจอมาก่อนแล้วต้องอดทน อดกลั้น และข่มใจ อย่างถึงที่สุด และผ่านมาได้ จนถึงวันนี้ ก็ถือว่าได้รับความเมตตาจากพระท่าน ในการให้ทำข้อสอบที่ยากๆ จะได้เลื่อนขั้น แล้วอาจจะเจอยากยิ่งกว่าเดิม ขอได้โปรดระวังด้วยนะคะ

    สำหรับ สิ่งซึ่งพี่อยากจะให้ทุกๆ ท่านได้รับอานิสงส์ของการฉลองพระเจดีย์ ที่จัดถึง 9 วัน 9 คืนก็คือ การที่ทุกๆท่านได้ร่วมทำบุญมาตั้งแต่ต้น จะมากหรือน้อยก็ตาม พระอาจารย์นิล ท่านบอกว่าขอให้อธิษฐานรวมบุญทั้งหมด ว่าชาตินี้เราทั้งหลายได้มีโอกาสสร้างมหากุศลน้อมถวายเป็นพุทธบูชา ธรรมบูชา สังฆบูชา บุญครั้งนี้พร้อมบริบูรณ์สมบูรณ์ ด้วยองค์ประกอบทั้งภายนอกและภายในที่บรรจุไว้ในพระเจดีย์ พร้อมด้วยการปฏิบัติบูชาในที่นี้ด้วยการที่มีพระและฆราวาสปฏิบัติ บวชเนกขัมมะ สวดธรรมจักรทุกคืน มีการจุดพลุถวาย มีการทำทานในการตั้งโรงทานเลี้ยงพระและผู้ปฏิบัติต่อเนื่องโดยตลอดและ ใน 3 วันสุดท้าย จะมีพิธีเทศน์ทศชาติ และเทศน์มหาชาติในวันสุดท้าย โดยจัดเทศน์ตรงลานด้านหน้าพระเจดีย์ นิมนต์พระมหาพิมพา ซึ่งเป็นพระนักเทศน์ชื่อดังในภาคอีสานมาเทศน์ ซึ่งการเทศน์ทศชาตินี้ เป็นการรำลึกถึงการบำเพ็ญบารมี 10 ชาติ ขององค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าทุกๆพระองค์ และวันสุดท้ายจะเทศน์มหาชาติ ซึ่งเป็นชาติสุดท้ายที่พระเวสสันดรสร้างมหาทานบารมี ก่อนจะตรัสรู้เป็นพระพุทธเจ้าในชาติต่อไป ดังนั้น มหาบุญมหากุศลที่ได้บังเกิดขึ้น ณ สถานที่นี้ ขอทุกท่านได้น้อมรำลึกว่าบุญได้สำเร็จบริบูรณ์สมบูรณ์แล้ว ขอน้อมถวายเป็นพุทธบูชา ธรรมบูชา สังฆบูชา และด้วยกำลังของมหากุศลใหญ่นี้ ขอให้ตีกลับฉับพลันแก่ท่านผู้ที่ได้ร่วมบุญครั้งนี้ ขอจงสำเร็จดังประสงค์ทุกอย่างที่ไม่ผิดศีล ผิดธรรม และไม่เกินวิสัยแห่งกรรม และท้ายที่สุดแล้วขอให้มีพระนิพพานเป็นที่ไปทุกๆท่านนะคะ นี่คือสิ่งที่พระอาจารย์นิลท่านฝากมาบอกกล่าว

    สำหรับ อีกเรื่องหนึ่งที่อยากเรียนให้ทราบ คือ หลวงปู่สุภาท่านเมตตาได้รับนิมนต์และตอบรับที่จะมาเมื่อวันที่ 12 ท่านได้สั่งให้ลงกำหนดงานไว้ว่าจะมาชัยภูมิในวันนั้น และได้เมตตาในการอธิษฐานด้ายสายสิญจน์มงคลให้เป็นกรณีพิเศษ เพื่อแจกแก่ผู้มาร่วมงาน รวมทั้งที่พิเศษสุดคือ ท่านได้ให้กรรมการวัดจัดวัตถุมงคลรุ่นพิเศษ ของท่านคือ "สมเด็จปู่เฒ่า " ให้พระอาจารย์นิลจำนวนหนึ่งเพื่อมอบแก่ผู้ที่ได้ทำบุญผ้าป่าปลดหนี้ในครั้ง นี้ ที่บอกว่าพิเศษสุด คือเป็นสีที่ทางวัดได้เก็บไว้เป็นพิเศษ โดยที่สมเด็จปู่เฒ่าที่ทางวัดได้ให้บูชาอยู่ขณะนี้ จะไม่มีสีนี้ เพราะฉะนั้นท่านใดที่ต้องการอานิสงส์ในการปลดหนี้ให้แก่งานของพระศาสนา แล้วยังได้วัตถุมงคลรุ่นพิเศษที่หาได้ยากอีกด้วย ขอแจ้งได้กับคุณหนุ่มนะคะ มีจำนวนจำกัดแค่ 30 องค์ พี่ไม่ขอแจ้งจำนวนปัจจัย ณ ที่นี้ แต่รับรองว่าไม่ได้สูงมาก และที่เกรงคือเกรงว่าคุณ Pinkcivil จะเหมาหมด และขณะนี้พระชุดนี้ได้มีลูกศิษย์ของหลวงปู่เดินทางมาจากภูเก็ตและถวายไว้ที่ พระอาจารย์นิลแล้ว โดยก่อนหน้าวันงาน 2 วัน ทางคณะกรรมการวัด ที่ดูแลหลวงปู่ได้โทร. มาเรียนพระอาจารย์นิลว่า ขันธ์ 5 ของหลวงปู่ไม่แข็งแรง ไม่สามารถเดินทางไกลได้ จึงฝากวัตถุมงคลมากับคณะศิษย์จากภูเก็ตที่มาร่วมงาน

    วัน ที่ 18 ก.พ.นี้ เป็นวันมาฆบูชา ใครที่ยังไม่ได้มากราบพระเจดีย์ ขอเชิญมาได้เห็นบุญที่เป็นรูปธรรมกันสักครั้งนะคะ มาเวียนเทียน เป็นพุทธบูชาถวายองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าทั้งห้าพระองค์ในภัทรกัปนี้ มาทอดผ้าป่าปลดหนี้ให้งานพระศาสนา และมาร่วมบุญฟังเทศน์มหาชาติกัน ซึ่งในวันนั้นตอนเช้าจะมีพิธีบวงสรวงตามรูปแบบที่องค์หลวงพ่อพระราชพรหมยาน แห่งวัดท่าซุงท่านได้ริเริ่มไว้ หลังจากนั้น พระภิกษุสงฆ์ทั้งหมดจะออกรับบิณฑบาตรหน้าลานพระเจดีย์ ทุกท่านก็จะได้ร่วมบุญในการเลี้ยงพระ ทอดผ้าป่า ฟังเทศน์มหาชาติ ท้ายสุดคือการเวียนเทียนเป็นพุทธบูชา ในวันนั้นถือป็นวันที่สำคัญยิ่งอีกวันหนึ่งในพระพุทธศาสนา คือเป็นวันที่ล้อธรรมจักรเริ่มหมุน เป็นการเริ่มต้นงานของพระศาสนา พี่จะขึ้นบายศรีธรรมจักร เบื้องหน้าพระเจดีย์ เพื่อน้อมถวายเป็นการบูชาพระรัตนตรัยด้วย ท่านใดจะร่วมบุญในการถวายบายศรีธรรมจักร ขอให้แจ้งผ่านคุณหนุ่มได้นะคะ เพราะส่วนนี้พี่ไม่ได้รวมกับปัจจัยจากผ้าป่า เป็นสิ่งซึ่งเกิดขึ้นในจิตว่าอยากจะทำถวายพระพุทธเจ้าทั้งห้าพระองค์ว่าล้อ ธรรมได้เริ่มหมุนอยู่เบื้องหน้าพระองค์ท่านแล้ว

    หวัง ว่าจะได้พบคุณหนุ่ม คุณกุ้ง คุณตุ่น และ หมู่คณะทั้งหลาย ในวันนั้นนะคะ หากใครว่างจะมาช่วยพี่เป็นเด็กวัดก่อนก็ได้นะคะ คุณแด๋นบอกพี่ว่า เห็นพี่วิ่งขึ้นลงเขา ดูน่าเหนื่อยมาก เลยจะให้ยืมจักรยานMountain Bike เป็นพาหนะ แต่พี่คาดว่าอาจจะยากสำหรับพี่เพราะช่วงลงเขา หากเบรคไม่ทัน ท่าทางจะเจ็บตัวมากกว่านะคะ

    วันนี้ส่งข่าว ถึงคุณหนุ่มยาวมาก ต้องขอโทษหากเสียเวลาอ่าน ท้ายสุดนี้ ขอกราบอนุโมทนา มหาอนุโมทนา สาธุ กับคุณหนุ่มและทุกๆท่านที่มีส่วนร่วมในมหาบุญ มหากุศลครั้งนี้นะคะ
    </td></tr></tbody></table>
    ส่วน ตัวผมเริ่มที่ 1 องค์ก่อนครับ 20,000.- บาท ทำบุญกับหลวงปู่และหลวงพี่นิล วันนี้จะเริ่มเมล์เรื่องพระสมเด็จปู่เฒ่าของหลวงปู่สุภาและการทำบุญผ้าป่า ให้ญาติๆเพื่อนๆ ร่วม บุญกันอีกครั้งครับ

    เอาประวัติการสร้างสมเด็จปู่เฒ่าของหลวงปู่สุภา มาให้อ่านครับ:cool:

    <table class="tborder" id="post1364676" align="center" border="0" cellpadding="6" cellspacing="0" width="100%"><tbody><tr valign="top"><td class="alt1" id="td_post_1364676" style="border-right: 1px solid rgb(255, 255, 255);">สมเด็จปู่เฒ่า
    มรดกวัตถุมงคลชิ้นสุดท้ายของหลวงปู่สุภา ที่ท่านได้ตั้งใจมอบให้เหล่าบรรดาศิษยานุศิษย์และผู้ที่เคารพ เลื่อมใส เอาไว้บูชาและคุ้มครองป้องกันภยันตรายต่างๆ ที่จะเกิดขึ้นในอนาคต

    สาเหตุที่เรียกว่าเป็น "มรดกวัตถุมงคลรุ่นสุดท้าย" ของหลวงปู่สุภา สืบเนื่องมาจาก หลวงปู่ได้ประกาศเลิกสร้างวัตถุมงคล และมีดำริที่จะจัดสร้างวัตถุมงคลรุ่นสุดท้ายขึ้น ตาม "สัจจะอธิษฐาน" ที่ท่านเคยได้ตั้งไว้กับ "อาจารย์ใหญ่"(พระอรหันต์ ที่ดำรงอิทธิบาท 4 มานับพันปี ที่ท่านพบในถ้ำ
    จุงจิง)

    หลวงปู่ได้เล่าให้ฟังเมื่อวันที่ 8 มค 50 เมื่อครั้งที่ท่านมาโปรดลูกศิษย์ที่นิมนต์ท่านมาจำวัดที่บ้านของลูกศิษย์ ท่านนี้ที่กรุงเทพ ท่ามกลางคนเป็นจำนวนมากว่า "พระสมเด็จปู่เฒ่านี้ ศักดิ์สิทธิด้วยแรง สัจจะอธิษฐาน " ของอาตมาที่มีต่ออาจารย์ใหญ่ที่เป็นพระอรหันต์รอการมาตรัสรู้ของพระศรีอาริยเมตตรัย ซึ่งหลวงปู่เคยไปเรียนวิชาด้วยที่เมืองจีน "

    เนื่องจากในครั้งนั้นท่านได้ตั้งสัจจะ ไว้ว่าจะสร้างพระขึ้นมา 1 รุ่นเพื่อเป็นการแสดงความกตัญญูและ ระลึกถึงคุณครูบาอาจารย์ของท่าน โดยท่านได้อธิฐานบอกกล่าว อาราธนาครูบาอาจารย์ทุกองค์และพระอรหันต์ที่ถ้ำจุงจิง ประเทศจีน ที่ท่านเคยพบและเรียนกรรมฐานด้วยว่า
    "เมื่อใดที่ได้มีการสร้างพระที่ตั้ง สัจจะไว้ ขออารธนาท่านเหล่านั้นมาช่วยแผ่บารมีและพุทธาภิเษกให้ด้วย" ซึ่งท่านเหล่านั้นก็ได้รับอาราธนาหลวงปู่ไว้

    ดังนั้น เมื่อหลวงปู่มีดำริที่จะจัดสร้างวัตถุมงคลชุดสุดท้ายนี้ขึ้นมา ท่านจึงตั้งชื่อวัตถุมงคลรุ่นนี้ว่า "สมเด็จปู่เฒ่า" เพื่อเป็นการระลึกถึงครูบาอาจารย์ผู้เฒ่าทั้งหลายของท่าน ที่ท่านได้เคยศึกษาวิชามาด้วย



    </td></tr><tr><td class="alt2" style="border-width: 0px 1px 1px; border-style: solid; border-color: rgb(255, 255, 255);">[​IMG] [​IMG] [​IMG] การอธิษฐานจิต

    เนื่องจากหลวงปู่ตั้งใจที่จะทำวัตถุมงคลชุดนี้เป็นชุดสุดท้าย โดยท่านเล่าให้ฟังว่า จะทำไว้ให้ลูกศิษย์ได้มีไว้ติดตัวบูชากัน เพื่อป้องกันภัยอันตรายต่างๆที่จะเกิดมีขึ้นมาในอนาคต ครั้งนี้ท่านจึงได้ทำการพุทธาภิเษกพระที่ไม่เหมือนใคร โดยหลวงปู่ท่านได้ทำการปลุกเสกเป็นการส่วนตัว โดยท่านให้ลูกศิษย์นำพระรุ่นนี้เข้ากุฏิใหม่ ชั้น 2 และปิดประตูห้อง "ห้ามใครรบกวน" โดยใช้เวลาในตอนกลางคืนปลุกเสกพระรุ่นนี้ถึง "10คืน" ก่อนจะนำออก ให้เช่าบูชา

    หลวงปู่ได้เล่าให้ฟังในภายหลังว่า ท่านได้อาราธนาครูบาอาจารย์ทุกองค์ของ ท่านและพระอรหันต์ที่หลวงปู่ได้เคยอาราธนาไว้ที่ทำถ้ำจุงจิง ขอบารมีของครูบาอาจารย์ทั้งหมดของท่าน ให้มาช่วยกันอธิษฐานจิตวัตถุมงคลชุดนี้ เพื่อให้มีพุทธคุณครอบคลุมในทุกๆด้าน

    ท่านบอกว่า ในแต่ละคืนที่ท่านปิดประตูปลุกเสกห้ามใครเข้ามารบกวนอยู่คนเดียวในห้อง จะมีครูบาอาจารย์ของท่านหมุนเวียนกันมาช่วยอธิษฐานจิตวัตถุมงคลชุดนี้ แผ่บารมีและพุทธาภิเษกพระรุ่นนี้จนมีพุทธคุณครอบคลุมในทุกๆด้าน

    โดยเฉพาะคืนที่ 5 ได้เกิดปาฏิหารย์ขึ้น กล่าว คือในขณะที่ท่านอธิษฐานจิตวัตถุมงคลชุดนี้อยู่ในห้อง จู่ๆเสาไฟในวัดก็ล้มระเนระนาดโดยไม่มีสาเหตุไฟฟ้าดับทั้งวัด และ ได้เกิดไฟลุกไหม้ภายใน ห้องที่ท่านกำลังพุทธาภิเษกพระสมเด็จปู่เฒ่าอยู่ ซึ่งไฟได้ไหม้พรมที่กองวัตถุมงคลวางทับอยู่ แต่ที่น่าอัศจรรย์คือ ไฟที่เกิดขึ้นไม่ลุกลามออกมานอกพรม และไม่สามารถทำลายกองวัตถุมงคลที่ตั้งอยู่บนพรมที่กำลังมีไฟลุกไหม้อยู่นั้น ได้ รวมถึงยังไม่สามารถทำอันตรายต่อหลวงปู่ที่กำลังนั่งกรรมฐานปลุกเสกวัตถุมงคล ชุดนี้อยู่ได้

    ความร้อนของไฟที่ลุกไหม้นั้นถึงขนาดทำให้ สร้อยคอทองคำหนัก 10 บาทพร้อมพระเลี่ยมทอง ของกรรมการวัดท่านหนึ่งที่วางไว้ภายในกองวัตถุมงคลที่หลวงปู่กำลังปลุก เสกอยู่ ถึงกับ หลอมละลายจากสร้อยกลายเป็นก้อนทองไปเลยทีเดียว

    เพลิง ได้ลุกไหม้อยู่นานจนกระทั่ง ผู้ที่ดูแล หลวงปู่รู้สึกแปลกว่าอาจจะมีอะไรเกิดขึ้นข้างบน จึงได้ขึ้นไปแอบดูจึงได้เห็น เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นจึงได้ช่วยกันเข้าไปดับไฟที่กำลังโหมไหม้พร้อมทั้ง นิมนต์ หลวงปู่ออกจากสมาธิ และนำท่านออกมาจากห้องได้โดยปลอดภัย เมื่อท่าน ออกจากสมาธิจึงบอกว่าพระรุ่นนี้ได้เสกจนครบถ้วนบริบูรณ์ดีแล้วแต่ท่านจะ ยังคงทำพิธีต่อไปอีกเรื่อยๆจนครบ 10 วันตามที่ได้ตั้งใจไว้

    **หลังการปลุกเสกเสร็จเรียบร้อย มีพระบางส่วนได้เปลี่ยนสีเป็นสีดำ และที่น่าแปลกกว่านั้นคือ พระที่เปลี่ยนสีเป็นสีดำเหล่านี้แม่เหล็กจะดูดติด ซึ่งพระที่เปลี่ยนเป็นสีดำนี้จะมีจำนวนน้อยมาก สำหรับพระที่เปลี่ยนเป็นสีดำและแม่เหล็กดูดติดนี้ หลวงปู่จะแจกให้แก่ลูกศิษย์ใกล้ชิดเป็นการเฉพาะ

    จากการสอบถามหลวงปู่ ท่านบอกว่าพระรุ่นนี้ไม่ว่าสีอะไร แม่เหล็กดูดติดหรือไม่ติด ก็มีความศักดิ์สิทธิ์เท่ากันหมดเพราะปลุกเสกพร้อมกันและมวลสารก็ชุดเดียวกัน ทั้งหมด ท่านพูดไปก็หัวเราะไป ว่าแปลกใจเหมือนกันที่หลังจากปลุกเสกเสร็จ พระบางองค์แม่เหล็กดูดติดทั้งๆที่มวลสารที่นำมาผสมก็ไม่มีโลหะเลย จะมีโลหะเพียงอย่างเดียวคือ ผงตะไบทอง ซึ่งปกติแม่เหล็กดูดไม่ติด

    (จากการสอบถามผู้ดูแลตู้วัตถุมงคลของทางวัด ทำให้ทราบว่าไม่เฉพาะองค์สีดำเท่านั้นที่แม่เหล็กดูดติด พระสีอื่นบางองค์ที่แม่เหล็กดูดติดก็มีเหมือนกันครับ)

    ที่มาครับ
    สมเด็จปู่เฒ่า" สุดยอดวัตถุมงคลรุ่นสุดท้ายของ หลวงปู่สุภา (พลังจิต)

    </td></tr></tbody></table>
    __________________</td></tr></tbody></table>
     
  9. sithiphong

    sithiphong เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    45,445
    ค่าพลัง:
    +141,948
    อ้างอิง:
    <table border="0" cellpadding="6" cellspacing="0" width="100%"><tbody><tr><td class="alt2" style="border: 1px inset;">ข้อความดั้งเดิมโดยคุณ Pinkcivil [​IMG]
    ส่วน ตัวผมเริ่มที่ 1 องค์ก่อนครับ 20,000.- บาท ทำบุญกับหลวงปู่และหลวงพี่นิล วันนี้จะเริ่มเมล์เรื่องพระสมเด็จปู่เฒ่าของหลวงปู่สุภาและการทำบุญผ้าป่า ให้ญาติๆเพื่อนๆ ร่วม บุญกันอีกครั้งครับ

    เอาประวัติการสร้างสมเด็จปู่เฒ่าของหลวงปู่สุภา มาให้อ่านครับ:cool:

    <table class="tborder" id="post1364676" align="center" border="0" cellpadding="6" cellspacing="0" width="100%"><tbody><tr valign="top"><td class="alt1" id="td_post_1364676" style="border-right: 1px solid rgb(255, 255, 255);">สมเด็จปู่เฒ่า
    มรดกวัตถุมงคลชิ้นสุดท้ายของหลวงปู่สุภา ที่ท่านได้ตั้งใจมอบให้เหล่าบรรดาศิษยานุศิษย์และผู้ที่เคารพ เลื่อมใส เอาไว้บูชาและคุ้มครองป้องกันภยันตรายต่างๆ ที่จะเกิดขึ้นในอนาคต

    สาเหตุที่เรียกว่าเป็น "มรดกวัตถุมงคลรุ่นสุดท้าย" ของหลวงปู่สุภา สืบเนื่องมาจาก หลวงปู่ได้ประกาศเลิกสร้างวัตถุมงคล และมีดำริที่จะจัดสร้างวัตถุมงคลรุ่นสุดท้ายขึ้น ตาม "สัจจะอธิษฐาน" ที่ท่านเคยได้ตั้งไว้กับ "อาจารย์ใหญ่"(พระอรหันต์ ที่ดำรงอิทธิบาท 4 มานับพันปี ที่ท่านพบในถ้ำ
    จุงจิง)

    หลวงปู่ได้เล่าให้ฟังเมื่อวันที่ 8 มค 50 เมื่อครั้งที่ท่านมาโปรดลูกศิษย์ที่นิมนต์ท่านมาจำวัดที่บ้านของลูกศิษย์ ท่านนี้ที่กรุงเทพ ท่ามกลางคนเป็นจำนวนมากว่า "พระสมเด็จปู่เฒ่านี้ ศักดิ์สิทธิด้วยแรง สัจจะอธิษฐาน " ของอาตมาที่มีต่ออาจารย์ใหญ่ที่เป็นพระอรหันต์รอการมาตรัสรู้ของพระศรีอาริยเมตตรัย ซึ่งหลวงปู่เคยไปเรียนวิชาด้วยที่เมืองจีน "

    เนื่องจากในครั้งนั้นท่านได้ตั้งสัจจะ ไว้ว่าจะสร้างพระขึ้นมา 1 รุ่นเพื่อเป็นการแสดงความกตัญญูและ ระลึกถึงคุณครูบาอาจารย์ของท่าน โดยท่านได้อธิฐานบอกกล่าว อาราธนาครูบาอาจารย์ทุกองค์และพระอรหันต์ที่ถ้ำจุงจิง ประเทศจีน ที่ท่านเคยพบและเรียนกรรมฐานด้วยว่า
    "เมื่อใดที่ได้มีการสร้างพระที่ตั้ง สัจจะไว้ ขออารธนาท่านเหล่านั้นมาช่วยแผ่บารมีและพุทธาภิเษกให้ด้วย" ซึ่งท่านเหล่านั้นก็ได้รับอาราธนาหลวงปู่ไว้

    ดังนั้น เมื่อหลวงปู่มีดำริที่จะจัดสร้างวัตถุมงคลชุดสุดท้ายนี้ขึ้นมา ท่านจึงตั้งชื่อวัตถุมงคลรุ่นนี้ว่า "สมเด็จปู่เฒ่า" เพื่อเป็นการระลึกถึงครูบาอาจารย์ผู้เฒ่าทั้งหลายของท่าน ที่ท่านได้เคยศึกษาวิชามาด้วย





    </td></tr><tr><td class="alt2" style="border-width: 0px 1px 1px; border-style: solid; border-color: rgb(255, 255, 255);">[​IMG] [​IMG] [​IMG] การอธิษฐานจิต

    เนื่องจากหลวงปู่ตั้งใจที่จะทำวัตถุมงคลชุดนี้เป็นชุดสุดท้าย โดยท่านเล่าให้ฟังว่า จะทำไว้ให้ลูกศิษย์ได้มีไว้ติดตัวบูชากัน เพื่อป้องกันภัยอันตรายต่างๆที่จะเกิดมีขึ้นมาในอนาคต ครั้งนี้ท่านจึงได้ทำการพุทธาภิเษกพระที่ไม่เหมือนใคร โดยหลวงปู่ท่านได้ทำการปลุกเสกเป็นการส่วนตัว โดยท่านให้ลูกศิษย์นำพระรุ่นนี้เข้ากุฏิใหม่ ชั้น 2 และปิดประตูห้อง "ห้ามใครรบกวน" โดยใช้เวลาในตอนกลางคืนปลุกเสกพระรุ่นนี้ถึง "10คืน" ก่อนจะนำออก ให้เช่าบูชา

    หลวงปู่ได้เล่าให้ฟังในภายหลังว่า ท่านได้อาราธนาครูบาอาจารย์ทุกองค์ของ ท่านและพระอรหันต์ที่หลวงปู่ได้เคยอาราธนาไว้ที่ทำถ้ำจุงจิง ขอบารมีของครูบาอาจารย์ทั้งหมดของท่าน ให้มาช่วยกันอธิษฐานจิตวัตถุมงคลชุดนี้ เพื่อให้มีพุทธคุณครอบคลุมในทุกๆด้าน

    ท่านบอกว่า ในแต่ละคืนที่ท่านปิดประตูปลุกเสกห้ามใครเข้ามารบกวนอยู่คนเดียวในห้อง จะมีครูบาอาจารย์ของท่านหมุนเวียนกันมาช่วยอธิษฐานจิตวัตถุมงคลชุดนี้ แผ่บารมีและพุทธาภิเษกพระรุ่นนี้จนมีพุทธคุณครอบคลุมในทุกๆด้าน

    โดยเฉพาะคืนที่ 5 ได้เกิดปาฏิหารย์ขึ้น กล่าว คือในขณะที่ท่านอธิษฐานจิตวัตถุมงคลชุดนี้อยู่ในห้อง จู่ๆเสาไฟในวัดก็ล้มระเนระนาดโดยไม่มีสาเหตุไฟฟ้าดับทั้งวัด และ ได้เกิดไฟลุกไหม้ภายใน ห้องที่ท่านกำลังพุทธาภิเษกพระสมเด็จปู่เฒ่าอยู่ ซึ่งไฟได้ไหม้พรมที่กองวัตถุมงคลวางทับอยู่ แต่ที่น่าอัศจรรย์คือ ไฟที่เกิดขึ้นไม่ลุกลามออกมานอกพรม และไม่สามารถทำลายกองวัตถุมงคลที่ตั้งอยู่บนพรมที่กำลังมีไฟลุกไหม้อยู่นั้น ได้ รวมถึงยังไม่สามารถทำอันตรายต่อหลวงปู่ที่กำลังนั่งกรรมฐานปลุกเสกวัตถุมงคล ชุดนี้อยู่ได้

    ความร้อนของไฟที่ลุกไหม้นั้นถึงขนาดทำให้ สร้อยคอทองคำหนัก 10 บาทพร้อมพระเลี่ยมทอง ของกรรมการวัดท่านหนึ่งที่วางไว้ภายในกองวัตถุมงคลที่หลวงปู่กำลังปลุก เสกอยู่ ถึงกับ หลอมละลายจากสร้อยกลายเป็นก้อนทองไปเลยทีเดียว

    เพลิง ได้ลุกไหม้อยู่นานจนกระทั่ง ผู้ที่ดูแล หลวงปู่รู้สึกแปลกว่าอาจจะมีอะไรเกิดขึ้นข้างบน จึงได้ขึ้นไปแอบดูจึงได้เห็น เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นจึงได้ช่วยกันเข้าไปดับไฟที่กำลังโหมไหม้พร้อมทั้ง นิมนต์ หลวงปู่ออกจากสมาธิ และนำท่านออกมาจากห้องได้โดยปลอดภัย เมื่อท่าน ออกจากสมาธิจึงบอกว่าพระรุ่นนี้ได้เสกจนครบถ้วนบริบูรณ์ดีแล้วแต่ท่านจะ ยังคงทำพิธีต่อไปอีกเรื่อยๆจนครบ 10 วันตามที่ได้ตั้งใจไว้

    **หลังการปลุกเสกเสร็จเรียบร้อย มีพระบางส่วนได้เปลี่ยนสีเป็นสีดำ และที่น่าแปลกกว่านั้นคือ พระที่เปลี่ยนสีเป็นสีดำเหล่านี้แม่เหล็กจะดูดติด ซึ่งพระที่เปลี่ยนเป็นสีดำนี้จะมีจำนวนน้อยมาก สำหรับพระที่เปลี่ยนเป็นสีดำและแม่เหล็กดูดติดนี้ หลวงปู่จะแจกให้แก่ลูกศิษย์ใกล้ชิดเป็นการเฉพาะ

    จากการสอบถามหลวงปู่ ท่านบอกว่าพระรุ่นนี้ไม่ว่าสีอะไร แม่เหล็กดูดติดหรือไม่ติด ก็มีความศักดิ์สิทธิ์เท่ากันหมดเพราะปลุกเสกพร้อมกันและมวลสารก็ชุดเดียวกัน ทั้งหมด ท่านพูดไปก็หัวเราะไป ว่าแปลกใจเหมือนกันที่หลังจากปลุกเสกเสร็จ พระบางองค์แม่เหล็กดูดติดทั้งๆที่มวลสารที่นำมาผสมก็ไม่มีโลหะเลย จะมีโลหะเพียงอย่างเดียวคือ ผงตะไบทอง ซึ่งปกติแม่เหล็กดูดไม่ติด

    (จากการสอบถามผู้ดูแลตู้วัตถุมงคลของทางวัด ทำให้ทราบว่าไม่เฉพาะองค์สีดำเท่านั้นที่แม่เหล็กดูดติด พระสีอื่นบางองค์ที่แม่เหล็กดูดติดก็มีเหมือนกันครับ)

    ที่มาครับ
    สมเด็จปู่เฒ่า" สุดยอดวัตถุมงคลรุ่นสุดท้ายของ หลวงปู่สุภา (พลังจิต)



    </td></tr></tbody></table>

    </td></tr></tbody></table>
    -----------------------------------------------------


    สมเด็จปู่เฒ่า หลวงปู่สุภา กันตสีโล

    ตอนนี้อยู่ที่พระอาจารย์นิลครับ

    สำหรับท่านใดที่ต้องการสมเด็จปู่เฒ่า ให้ร่วมทำบุญผ้าป่า "ปลดหนี้ รุ่งเรืองบารมี ศรีชัยผาผึ้ง" ที่ สนส.ผาผึ้ง อ.บ้านเขว้า จ.ชัยภูมิ และ รับพระสมเด็จปู่เฒ่า ที่พระอาจารย์นิลหรือพี่แอ๊วได้เลยครับ

    หรือแจ้งความประสงค์ที่ผม (ด่วน) ผมจะได้แจ้งพี่แอ๊ว เพื่อที่จะจองพระสมเด็จปู่เฒ่าให้ ผมขอให้แจ้งความประสงค์ภายในวันพฤหัสที่ 17 กุมภาพันธ์ 2554 เวลา 15.00 น.ครับ

    แต่หากหลังจากนั้น ต้องไปร่วมทำบุญผ้าป่า "ปลดหนี้ รุ่งเรืองบารมี ศรีชัยผาผึ้ง" ที่ สนส.ผาผึ้ง อ.บ้านเขว้า จ.ชัยภูมิ ครับ

    โมทนาสาธุครับ

    .

    http://palungjit.org/forums/เ
     
  10. sithiphong

    sithiphong เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    45,445
    ค่าพลัง:
    +141,948
    <table class="tborder" id="post4383371" align="center" border="0" cellpadding="6" cellspacing="0" width="100%"><tbody><tr><td class="thead" style="border-width: 1px 0px 1px 1px; border-style: solid; border-color: rgb(255, 255, 255); font-weight: normal;">วันนี้, 11:40 AM </td><td class="thead" style="border-width: 1px 1px 1px 0px; border-style: solid; border-color: rgb(255, 255, 255); font-weight: normal;" align="right"> #44138 </td></tr><tr valign="top"><td class="alt2" style="border-width: 0px 1px; border-style: solid; border-color: rgb(255, 255, 255);" width="175">Pinkcivil
    สมาชิก

    [​IMG]

    วันที่สมัคร: Aug 2010
    สถานที่: นภาศิขริณ
    ข้อความ: 257
    พลังการให้คะแนน: 97 [​IMG][​IMG][​IMG][​IMG][​IMG][​IMG][​IMG][​IMG][​IMG][​IMG]


    </td><td class="alt1" id="td_post_4383371" style="border-right: 1px solid rgb(255, 255, 255);">อ้างอิง:
    <table border="0" cellpadding="6" cellspacing="0" width="100%"><tbody><tr><td class="alt2" style="border: 1px inset;">ข้อความดั้งเดิมโดยคุณ sithiphong [​IMG]
    <table class="tborder" id="post4324433" align="center" border="0" cellpadding="6" cellspacing="0" width="100%"><tbody><tr><td class="thead" style="border-width: 1px 0px 1px 1px; border-top: 1px solid rgb(255, 255, 255); font-weight: normal; border-left: 1px solid; border-bottom: 1px solid;">นนี้, 01:12 AM </td><td class="thead" style="border-right: 1px solid rgb(255, 255, 255); border-width: 1px 1px 1px 0px; border-top: 1px solid rgb(255, 255, 255); font-weight: normal; border-bottom: 1px solid rgb(255, 255, 255);" align="right">#43887 </td></tr><tr valign="top"><td class="alt2" style="border-width: 0px 1px; border-right: 1px solid; border-left: 1px solid;" width="175">Pinkcivil
    สมาชิก

    [​IMG]

    วันที่สมัคร: Aug 2010
    สถานที่: นภาศิขริณ
    ข้อความ: 239
    พลังการให้คะแนน: 95 [​IMG][​IMG][​IMG][​IMG][​IMG][​IMG][​IMG][​IMG][​IMG][​IMG]



    </td><td class="alt1" id="td_post_4324433" style="border-right: 1px solid rgb(255, 255, 255);"><center>ร่วมทำบุญงานพระเจดีย์ศรีชัยผาผึ้ง

    </center>
    <hr style="color: rgb(255, 255, 255); background-color: rgb(255, 255, 255);" size="1">หลาย วันนี้ผมรู้สึกว่าควรจะนำของรักของหวงที่ตัวเองมี มามอบให้ผู้ที่ร่วมทำบุญในงานบุญปิดพระเจดีย์ศรีชัยผาผึ้งที่ใกล้จะมาถึงใน วันที่ 12 ก.พ. 2554 เป็นต้นไป จนถึงวันมาฆบูชา(18 ก.พ. 2554)

    ผมจึงขอนำธาตุกายสิทธิ์(เหล็กไหล) จำนวน 1 องค์ ตามรูป มอบให้กับเพื่อนๆผู้สนใจ ที่ตั้งใจร่วมทำบุญปิดพระเจดีย์ศรีชัยผาผึ้งเป็นจำนวนเงิน 190,000 บาท ทั้งนี้ โดยมีข้อแม้ดังนี้

    1. ห้ามนำไปซื้อขาย (เป็นการปรามาส)
    2. คุณสมบัติอย่างหนึ่งของเหล็กไหลชนิดนี้คือจะชี้ทิศตะวันออก-ตะวันตก ซึ่งต่างจากแม่เหล็กทั่วไป อันนี้เป็นการทดสอบแบบง่ายๆทางกายภาพที่เห็นได้ชัด หากจะทดสอบด้วยการยิง จะต้องตั้งพิธีบวงสรวงขอขมา ซึ่งผมไม่ขอเกี่ยวข้องด้วย
    3. การจะทดสอบพลัง จะต้องขอขมาโทษทุกครั้งเพราะเสมือนเป็นการปรามาส

    โดยโอนเงินตามใต้ลายเซ็นต์ของคุณพี่หนุ่ม(ขอเชิญร่วมสร้างพระเจดีย์ศรีชัยผาผึ้ง ณ สำนักสงฆ์ผาผึ้ง อ.บ้านเขว้า จ.ชัยภูมิบมจ.ธ.กรุง ไทย สาขาลาดพร้าว102 บช.ออมทรัพย์เลขที่1890-13128-8 บัญชี นางพิชญ์สินี ชาญปารีสชญา,นายอุเทน งามศิริ,นายสิรเชษฎ์ ลีละสุนทเลิศ)

    ปล.1 ผมขอกำหนดถึงวันศุกร์ที่ 11 ก.พ. 2554 นี้ครับ และหากขัดกับหลักการของกระทู๊นี้ (เนื่องจากไม่ใช่พระวังหน้า) รบกวนพี่หนุ่มแจ้งด้วยครับ

    ปล.2 ของกายสิทธิ์นี้ผมลนมากับมือครับ ผมต้องการร่วมทำบุญ ไม่มีเจตนาซื้อขาย มอบให้ผู้ที่ทำได้ตามเกรณท์ที่ผมตั้งครับ

    <fieldset class="fieldset"><legend>รูปขนาดเล็ก</legend>[​IMG] [​IMG] [​IMG]

    </fieldset>

    </td></tr></tbody></table>

    http://palungjit.org/threads/%E0%...2445.2195/

    .

    http://palungjit.org/threads/%E0%...2445.2195/

    .



    .
    </td></tr></tbody></table>
    ผมขยายเวลาให้ ถึงวันศุกรที่ 18 ก.พ. นี้ ครับ แถมเงื่อนไขพิเศษด้วยครับ ว่าท่านสามารถทำบุญรับพระ ร่วมกับคุณพี่หนุ่ม หรือ รับพระของหลวงปู่สุภา หากท่านทำบุญถึง 190,000.- (ท่านเดียว ขอไม่ให้เอาของคนอื่นมารวมนะครับ)
    ผมก็จะมอบให้ครับ

    ปล. องค์ธาตุกายสิทธิ์องค์นี้ผ่านตาและได้รับคำชมจากพี่ใหญ่แล้วครับ อิอิ
    __________________</td></tr></tbody></table>
     
  11. sithiphong

    sithiphong เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    45,445
    ค่าพลัง:
    +141,948
    อ้างอิง:
    <table border="0" cellpadding="6" cellspacing="0" width="100%"><tbody><tr><td class="alt2" style="border: 1px inset;">ข้อความดั้งเดิมโดยคุณ sithiphong [​IMG]
    ผมมาแจ้งเรื่องของทำบุญ "ผ้าป่าปลดหนี้ รุ่งเรืองบารมี ศรีชัยผาผึ้ง" ในส่วนของผม

    [​IMG] [​IMG]


    ผมมอบพระพิมพ์ต่างๆให้กับผู้ร่วมทำบุญ "ผ้าป่าปลดหนี้ รุ่งเรืองบารมี ศรีชัยผาผึ้ง" ดังนี้

    ชุดที่ 1 มีจำนวน 2 ชุด ผมมอบให้ท่านที่ร่วมทำบุญชุดละ 100,000 บาท

    ชุดที่ 1 ใน 1 ชุด ประกอบด้วย
    พระสมเด็จ กลักไม้ขีด รุ่นแรก
    พระสมเด็จ Top of the top 1 จำนวน 5 องค์
    พระสมเด็จ Top of the top 4 จำนวน 5 องค์
    พระพิมพ์ "เป็นที่รักของสามโลก" จำนวน 9 องค์ ( 3 เนื้อ )
    พระกริ่งปวเรศ (รุ่น ปี พ.ศ.2434) บุทองคำ จำนวน 1 องค์
    และอื่นๆ

    ชุดที่ 2 มีจำนวน 10 ชุด ผมมอบให้ท่านที่ร่วมทำบุญชุดละ 20,000 บาท

    ชุดที่ 2 ใน 1 ชุด ประกอบด้วย
    พระพิมพ์ "เป็นที่รักของสามโลก" จำนวน 3 องค์ ( 3 เนื้อ )
    พระสมเด็จ กลักไม้ขีด (ลงรัก) จำนวน 1 องค์
    และอื่นๆ

    ให้ทำบุญตั้งแต่วันจันทร์ที่ 31 มกราคม 2554
    สิ้นสุดวันอังคารที่ 15 กุมภาพันธ์ 2554
    หลังจากวันอังคารที่ 15 กุมภาพันธ์ 2554 (นับตั้งแต่วันพุธที่ 16 กุมภาพันธ์ 2554) หากท่านใดมีความสนใจที่ต้องการจะได้พระพิมพ์ในชุดที่ 1 หรือ พระพิมพ์ในชุดที่ 2 กรุณาติดต่อกับพี่แอ๊ว(คุณพิชญ์สินี ชาญปรีชญา) ครับ

    โมทนาบุญทุกประการ
    </td></tr></tbody></table>
    อ้างอิง:
    <table border="0" cellpadding="6" cellspacing="0" width="100%"><tbody><tr><td class="alt2" style="border: 1px inset;">ข้อความดั้งเดิมโดยคุณ sithiphong [​IMG]
    น่าจะมีผู้สงสัยว่า ทำไมชุดที่ 1 ผมถึงตั้งจำนวนเงินที่ให้ทำบุญสูงขนาดนั้น

    ชุดที่ 1 มีจำนวน 2 ชุด ผมมอบให้ท่านที่ร่วมทำบุญชุดละ 100,000 บาท

    ชุดที่ 1 ใน 1 ชุด ประกอบด้วย
    พระสมเด็จ กลักไม้ขีด รุ่นแรก
    พระสมเด็จ Top of the top 1 จำนวน 5 องค์
    พระสมเด็จ Top of the top 4 จำนวน 5 องค์
    พระพิมพ์ "เป็นที่รักของสามโลก" จำนวน 9 องค์ ( 3 เนื้อ )
    พระกริ่งปวเรศ (รุ่น ปี พ.ศ.2434) บุทองคำ จำนวน 1 องค์
    และอื่นๆ


    สำหรับพระสมเด็จ กลักไม้ขีดรุ่นแรก
    เป็นพระที่องค์สมเด็จพระพุฒาจารย์โต พรหมรังสี ท่านมีพระเมตตามาบอกกับครูบาอาจารย์ผมว่า ให้เก็บไว้น๊ะลูก เป็นโภคทรัพย์

    พระสมเด็จ Top of the top 1
    เป็นรุ่นที่ สมเด็จพระพุฒาจารย์โต พรหมรังสี ท่านขอพระบรมพุทธานุญาต อาราธนาองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า พระนาม กกุสันโธ อธิษฐานจิต

    พระสมเด็จ Top of the top 4
    เป็นรุ่นที่ สมเด็จพระพุฒาจารย์โต พรหมรังสี ท่านขอพระบรมพุทธานุญาต อาราธนาองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า พระนาม สมณโคดม อธิษฐานจิต

    ส่วน พระพิมพ์ "เป็นที่รักของสามโลก"
    หลวงปู่พระอุตรเถระเจ้า ท่านได้มีพระเมตตา มาบอกครูบาอาจารย์ผมว่า ผู้ใดมีไว้ จะเป็นที่รักของสามโลก

    เพียงเท่านี้ ผมว่า เป็นสิ่งที่ประเมินเป็นราคาไม่ได้

    โมทนาสาธุครับ



    .
    </td></tr></tbody></table>
    พระสมเด็จ กลักไม้ขีด รุ่นแรก ที่ผมนำมาให้ร่วมทำบุญนั้น

    ผมเองก็หวงรุ่นนี้มาก

    ที่สำคัญ พลังอิทธิคุณของพระสมเด็จ กลักไม้ขีดรุ่นแรก แตกต่างกับ พระสมเด็จ กลักไม้ขีด รุ่นอื่นๆ เป็นอย่างมาก

    พระ สมเด็จ กลักไม้ขีด รุ่นแรก มีอยู่เป็นจำนวนน้อย เพราะว่า องค์สมเด็จพระพุฒาจารย์โต พรหมรังสี ท่านบอกไว้ว่า สร้างไว้น้อย (ขอสงวนสิทธิ์ไม่แจ้งจำนวน) ครับ

    ห้ามพลาดโดยเด็ดขาด

    ยก เว้น พระสมเด็จ กลักไม้ขีด ที่เจ้าสัวน้อย ประมูลได้ไปในงานผ้าป่า ปี 2553 ประมูลไปด้วยจำนวนเงิน 30,000 บาท ซึ่งองค์นั้นเป็นองค์เดียวในโลก ที่ได้ขอพระบรมพุทธานุญาต องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า พระนาม กกุสันโธ อธิษฐานจิต ให้

    ประสบการณ์ เจ้าสัวน้อยบอกผมมา มีมาก แต่ผมขอสงวนสิทธิ์ไม่แจ้งหน้าบอร์ด ครับ

    แจ้งอีกนิดว่า หากท่านใดที่ร่วมทำบุญและรับพระจากผม (พระชุดที่ 2 ร่วมทำบุญ 20,000 บาท) ผมสงวนสิทธิ์ไม่ให้รับสมเด็จปู่เฒ่า

    ยกเว้น พระในชุดที่ 1 ที่ต้องร่วมทำบุญ 100,000 บาท ที่ให้ท่านรับพระสมเด็จปู่เฒ่า เพียง 1 องค์ครับ


    โมทนาสาธุครับ


    .
     
  12. sithiphong

    sithiphong เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    45,445
    ค่าพลัง:
    +141,948
    พระกริ่งปวเรศ รุ่น ปี พ.ศ.2434

    สำหรับท่านใดที่ต้องการพระกริ่งปวเรศ รุ่น ปี พ.ศ.2434 (ภาษาวงการซื้อขาย เรียกว่า รุ่นแรก) ผมมอบให้กับท่านที่ร่วมทำบุญ จำนวนเงิน 1,000,000 บาท (หนึ่งล้านบาท)

    ซึ่งในหลายๆเว็บ หลายๆคนนำมาให้เช่าในราคา 10,000,000 บาท ถึง 15,000,000 บาท

    แต่ผมนำมาให้ร่วมทำบุญ เงินของท่านทุกบาททุกสตางค์ ทำบุญทั้งหมดโดยไม่หักค่าใช้จ่ายใดๆทั้งสิ้น

    และ ทางผมได้นำไปตรวจสอบแล้วว่า พระกริ่งปวเรศ ก้นบุทองคำ มีหมุดทองคำ หลวงปู่กรมพระยาปวเรศ ได้อธิษฐานจิตไว้ในปี พ.ศ.2434 ครับ

    การร่วมทำบุญมีดังนี้

    1.ร่วมทำบุญ ร่วมสร้างพระเจดีย์ศรีชัยผาผึ้ง จำนวน 500,000 บาท
    2.ร่วมทำบุญ ทุนนิธิสงเคราะห์สงฆ์อาพาธ ท่านอาจารย์ประถม อาจสาคร จำนวน 200,000 บาท
    3.ร่วมทำบุญกับสภากาชาดไทย จำนวน 300,000 บาท

    รวมทั้ง 3 ข้อ รวมจำนวนเงิน 1,000,000 บาท

    เริ่มต้นตั้งแต่วันศุกร์ที่ 18 กุมภาพันธ์ 2554
    สิ้นสุดวันจันทร์ที่ 28 กุมภาพันธ์ 2554

    พระกริ่งปวเรศรุ่นนี้ เป็นที่นิยมในบางกลุ่ม ไม่สามารถนำไปซื้อขายในวงการซื้อขายพระเครื่องของเมืองไทยได้


    .
     
  13. sithiphong

    sithiphong เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    45,445
    ค่าพลัง:
    +141,948
    งานผ้าป่า "ปลดหนี้ รุ่งเรืองบารมี ศรีชัยผาผึ้ง"


    ในวันมาฆบูชา วันศุกร์ที่ 18 กุมภาพันธ์ 2554

    พิเศษสุด สำหรับท่านใดที่ร่วมทำบุญ ผ้าป่า "ปลดหนี้ รุ่งเรืองบารมี ศรีชัยผาผึ้ง" จำนวนเงินที่ท่านร่วมทำบุญ 800,000 บาท


    ผม ขอมอบพระบูชา หน้าตัก 9" เนื้อหินเขียวโขง สร้างขึ้นเมื่อปี พ.ศ.2451 นำเข้าพระราชพิธีพุทธาภิเษกหลวงที่วัดพระศรีรัตนศาสดาราม (วัดพระแก้ว) ในพระราชพิธีเฉลิมฉลองพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวครองราชครบ 40 ปี

    [​IMG]


    ให้ แจ้งความประสงค์ที่ กระทู้ ขอเชิญร่วมสร้างพระเจดีย์ศรีชัยผาผึ้ง หรือ กระทู้ พระวังหน้า ที่หลวงปู่บรมครูพระเทพโลกอุดรเสก ถ้าต้องการที่จะได้..... หรือ แจ้งความประสงค์ได้ที่คุณพิชญ์สินี (พี่แอ๊ว) ครับ


    ระยะเวลาในการแจ้งความประสงค์และร่วมทำบุญ
    เริ่มต้น วันจันทร์ที่ 14 กุมภาพันธ์ 2554
    สิ้นสุด วันพฤหัสบดีที่ 17 กุมภาพันธ์ 2554


    สำหรับ ท่านใดที่จองและโอนเงินร่วมทำบุญผ่าน กระทู้ ขอเชิญร่วมสร้างพระเจดีย์ศรีชัยผาผึ้ง หรือ กระทู้ พระวังหน้า ที่หลวงปู่บรมครูพระเทพโลกอุดรเสก ถ้าต้องการที่จะได้..... ให้แจ้งเบอร์โทร.ของท่านผ่าน pm มา ผมจะได้นัดกับท่าน และ จะนิมนต์พระอาจารย์นิล มาเป็นผู้มอบพระบูชา หน้าตัก 9" เนื้อหินเขียวโขง ให้กับท่าน


    ส่วนท่านที่จองและ มอบเงินร่วมทำบุญให้กับพี่แอ๊ว ผมจะมอบ พระบูชา หน้าตัก 9" เนื้อหินเขียวโขง ให้กับพี่แอ๊ว เพื่อที่ให้พี่แอ๊วเป็นผู้ที่ติดต่อกับท่านและมอบพระบูชา หน้าตัก 9" เนื้อหินเขียวโขง ให้กับท่าน


    ท่าน ใดจองและโอนเงินร่วมทำบุญ ผ้าป่า "ปลดหนี้ รุ่งเรืองบารมี ศรีชัยผาผึ้ง" ก่อน ท่านได้นิมนต์ พระบูชา หน้าตัก 9" เนื้อหินเขียวโขง ไปก่อนครับ


    โมทนาบุญทุกประการครับ
     
  14. sithiphong

    sithiphong เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    45,445
    ค่าพลัง:
    +141,948

    ระยะเวลาในการแจ้งความประสงค์และร่วมทำบุญ ผมขอขยายระยะเวลา

    เริ่มต้น วันจันทร์ที่ 14 กุมภาพันธ์ 2554
    สิ้นสุด วันอาทิตย์ที่ 20 กุมภาพันธ์ 2554


    โมทนาสาธุครับ


    .
     
  15. sithiphong

    sithiphong เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    45,445
    ค่าพลัง:
    +141,948
    <table class="tborder" border="0" cellpadding="6" cellspacing="1" width="100%"><tbody><tr><td class="thead">ขณะนี้มีคนกำลังดูกระทู้นี้อยู่ : 2 คน ( เป็นสมาชิก 1 คน และ บุคคลทั่วไป 1 คน ) </td> <td class="thead" width="14%"> [ แนะนำเรื่องเด่น ] </td> </tr> <tr> <td class="alt1" colspan="2" width="100%"> sithiphong</td></tr></tbody></table>
    สวัสดีวันมาฆบูชา

    วันนี้ อย่าลืมไปทำบุญกันครับ

    อรุณสวัสดิ์ยามเช้า วันศุกร์แห่งชาติครับ


    .
     
  16. Pinkcivil

    Pinkcivil เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    24 สิงหาคม 2010
    โพสต์:
    425
    ค่าพลัง:
    +1,644
    ได้รับแจ้งจากทางคุณพี่หนุ่มซึ่งไปร่วมงานผ้าป่าที่ชัยภูมิว่า

    ยอดทำบุญผ้าป่า"ปลดหนี้ รุ่งเรืองบารมี ศรีชัยผาผึ้ง"
    นับถึงวันนี้ที่เป็นตัวเงินสดได้ 761,109.50 บาท ครับ

    จึงแจ้งมาเพื่อโปรดโมทนา สาธุโดยทั่วกันครับ

    ปล.เท่าที่ทราบจากพี่หนุ่มซึ่งทราบมาจากพี่แอ๊วอีกทีว่า ยังไม่coverยอดหนี้และค่าใช้จ่ายที่ยังมีอยู่นะครับ รายละเอียดคงรอคุณพี่หนุ่มมาแจ้งในวันพรุ่งนี้ครับ
     
  17. sithiphong

    sithiphong เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    45,445
    ค่าพลัง:
    +141,948
    ขอบคุณครับ

    สำหรับงานผ้าป่า "ปลดหนี้ รุ่งเรืองบารมี ศรีชัยผาผึ้ง" ที่ได้ร่วมกันทอดผ้าป่าไปเมื่อวานนี้แล้วนั้น

    การทำบุญยังคงเปิดรับต่อครับ

    มาแจ้งค่าใช้จ่าย งานสมโภชพระเจดีย์ศรีชัยผาผึ้ง เป็นจำนวนเงิน 700,000 กว่าบาทครับ

    ขอเชิญทุกๆท่าน ร่วมกันทำบุญเพื่อร่วมสร้างพระเจดีย์ศรีชัยผาผึ้ง กันครับ



    .
     
  18. sithiphong

    sithiphong เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    45,445
    ค่าพลัง:
    +141,948
    <table class="tborder" border="0" cellpadding="6" cellspacing="1" width="100%"><tbody><tr><td class="thead">ขณะนี้มีคนกำลังดูกระทู้นี้อยู่ : 6 คน ( เป็นสมาชิก 1 คน และ บุคคลทั่วไป 5 คน ) </td> <td class="thead" width="14%"> [ แนะนำเรื่องเด่น ] </td> </tr> <tr> <td class="alt1" colspan="2" width="100%"> sithiphong</td></tr></tbody></table>
    สวัสดี วันเสาร์ สุขสันต์ ครับ

    พึ่งตื่นได้สักพักครับ

    นำบุญมาฝากกันด้วยครับ

    ไปเวียนเทียนที่พระเจดีย์ศรีชัยผาผึ้ง เมื่อคืนนี้ครับ



    .



    .
     
  19. sithiphong

    sithiphong เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    45,445
    ค่าพลัง:
    +141,948
    ข้าวสวย : ความหมายที่น่าจะเป็น

    [FONT=′Tahoma′]วีระพงศ์ มีสถาน[/FONT]
    [FONT=′Tahoma′]mesathan@yahoo.com[/FONT]

    [FONT=′Tahoma′] กรอบแนวคิดรวบยอด ([/FONT][FONT=′Tahoma′]concept) [/FONT][FONT=′Tahoma′]ของคนวัฒนธรรมไท มักคิดเปรียบเพื่อจำแนกสิ่งที่ตรงกันข้าม เช่น สูง-ต่ำ[/FONT][FONT=′Tahoma′], [/FONT][FONT=′Tahoma′]ดำ-ขาว[/FONT][FONT=′Tahoma′], [/FONT][FONT=′Tahoma′]หน้า-หลัง[/FONT][FONT=′Tahoma′], [/FONT][FONT=′Tahoma′]อ่อน-แข็ง[/FONT][FONT=′Tahoma′], [/FONT][FONT=′Tahoma′]มืด-แจ้ง[/FONT][FONT=′Tahoma′], [/FONT][FONT=′Tahoma′]ซ้าย-ขวา[/FONT][FONT=′Tahoma′], [/FONT][FONT=′Tahoma′]ไพร่-เจ้า[/FONT][FONT=′Tahoma′], [/FONT][FONT=′Tahoma′]ฟ้า-ดิน ดังนี้เป็นต้น[/FONT]

    [FONT=′Tahoma′] วัฒนธรรม ของชาวสยาม รวมถึงหมู่กลุ่มของผู้คนในประเทศเพื่อนบ้านละแวกเอเชียอาคเนย์นี้ เป็นคนที่บริโภคข้าวโดยตรง คือนำมาหุง ต้ม นึ่ง ไม่นำไปทำเป็นโรตี หรือขนมปัง มีบ้างที่นำไปทำเป็นเส้นอย่างทำขนมจีนหรือทำเป็นเส้นหมี่อย่างวัฒนธรรมมอญ หรือจีน แต่ก็ยังถือว่าเป็นคนบริโภคข้าว[/FONT]

    [FONT=′Tahoma′] คนตระ[/FONT][FONT=′Tahoma′]กูลไทก็จำแนกข้าวออกเป็น ๒ ประเภทใหญ่ๆ คือข้าวเหนียวกับข้าวเจ้า/จ้าว (ซ[/FONT][FONT=′Arial Unicode MS′]ึ[/FONT][FONT=′Tahoma′]่งเคยกล่าวไว้ในศิลปวัฒนธร[/FONT][FONT=′Angsana New′]ร[/FONT][FONT=′Tahoma′]มว่า เจ้า/จ[/FONT][FONT=′Angsana New′]้[/FONT][FONT=′Tahoma′]าว ในภาษาไทยใหญ่ยังเหลือค้างความหมายที่แปลว่า[/FONT][FONT=′Tahoma′]ร่ว[/FONT][FONT=′Tahoma′]น[/FONT][FONT=′Tahoma′]หรือ ซุย)[/FONT]

    [FONT=′Tahoma′] แต่เพราะคำว่า เจ้า/จ้าว ซึ่งมีความหมายว่า ร่วน หรือ[/FONT][FONT=′Tahoma′] ซุย นี้ ชาวไทยภาคก[/FONT][FONT=′Tahoma′]ล[/FONT][FONT=′Tahoma′]างของ ประเทศไทยไม่ได้นำไปใช้ในปริบทอื่น นอกเสียจากผูกติดอยู่หลังคำว่า ข้าว เรียกว่าเป็น คำที่เกิดควงกันเสมอ จนถึงขั้นมีการตีความไปว่า ข้าวเจ้า เป็นข้าวของผู้นำหรือของกษัตริย์หรือบร[/FONT][FONT=′Tahoma′]ร[/FONT][FONT=′Tahoma′]ดา เจ้ากิน เมื่อเจ้าตรงข้ามกับไพร่ ตามครรลองของภาษาในสังคมไทย จึงเกิดความเข้าใจไปอีกว่า ข้าวเหนียว ก็พึงเป็นข้าวที่พวกไพร่กิน เรียกว่าเป็นการจับคู่เทียบความหมายที่ไม่แยแสปริบทวัฒนธรรม และความเป็นจริงทางธรรมชาติกันเลยทีเดียว[/FONT]

    [FONT=′Tahoma′] หากดูตามแนวอรรถศาสตร์อันเป็นวิชาว่าด้วยเรื่องของความหมาย ถ้านำเอาความหมายของคำว่า (ข้าว)เจ้า ซึ่งแปลว่า ซุย หรือ ร[/FONT][FONT=′Tahoma′]่วน ไปเรียกเป็นชื่อข้าว ก็จะได้อีกชื่อหนึ่งว่า ข้าวซุย หรือ ข้าวร่วน ไ[/FONT][FONT=′Arial Unicode MS′]ด[/FONT][FONT=′Tahoma′]้ แต่คำพูดของคนในสังคมไทย[/FONT][FONT=′Angsana New′]ภ[/FONT][FONT=′Tahoma′]าคกลางไม่พา[/FONT][FONT=′Angsana New′]ก[/FONT][FONT=′Tahoma′]ันเรียกขานเช่นนี้ มีแต่เรียกข้าวเจ้ากันเรื่อย[/FONT][FONT=′Tahoma′]ม[/FONT][FONT=′Tahoma′]า เ[/FONT][FONT=′Tahoma′]ม[/FONT][FONT=′Tahoma′]ื่อคนส่วนใหญ่เรียกเช่นนี้ ก็เกิดการรับรู้กันทั่วไป[/FONT]

    [FONT=′Tahoma′] คำว่า ซุย ม[/FONT][FONT=′Tahoma′]ีความ หมายคล้ายคำว่า ร่วน คือมีลักษณะไม่เกาะกันหนึบเหนียว อย่างเช่นการพรวนดินให้ซุย เป็นต้น ซึ่งคำนี้สันนิษฐานว่าเป็นที่มาของคำว่า สวย ในคำว่า ข้าวสวย และคำว่า ซุย กับ สวย มีส่วนที่พ้องกันในทางสัทศาสตร์หลายประการ ดังนี้[/FONT]

    [FONT=′Tahoma′] ตัวอักษร ซ และ [/FONT][FONT=′Tahoma′]ส[/FONT][FONT=′Tahoma′] เป็นหน่วยเสียง ([/FONT][FONT=′Tahoma′]phoneme) [/FONT][FONT=′Tahoma′]เดียวกันคือ /[/FONT][FONT=′Tahoma′]s/ [/FONT][FONT=′Tahoma′]ซึ่ง อักษรตัว ซ เป็นอักษรต่ำ ส่วนตัว ส เป็นอักษรสูง คือมีลักษณะเสียงวรรณยุกต์จัตวาติดตรึงอยู่ประจำตัวเองเสมอ เมื่อไปประสมสระยาว หรือไปอยู่ในรูปคำเป็น ก็จะแสดงค่าเป็นระดับวรรณยุกต์จัตวาอยู่ร่ำไป โดยไม่ต้องทำเครื่องหมายจัตวามากำกับ เช่น สี สอย สวย สาง สิน เป็นต้น[/FONT]

    [FONT=′Tahoma′] ซุย และ สวย มีหน่วยเสียงพยัญชนะท้าย (ตัวสะกด) ด้วยหน่วยเสียงเดีย[/FONT][FONT=′Arial Unicode MS′][/FONT][FONT=′Tahoma′]กัน คือ /y/ หรือเสียง /ย/[/FONT]
    [FONT=′Tahoma′] ซุย ปร[/FONT][FONT=′Angsana New′][/FONT][FONT=′Tahoma′]สมด้วยสระ อุ หรือหน่วยเสียงสระ /u/[/FONT]

    [FONT=′Tahoma′] ส่วน [/FONT][FONT=′Tahoma′]ส[/FONT][FONT=′Tahoma′]วย [/FONT][FONT=′Tahoma′]ป[/FONT][FONT=′Tahoma′]ระสมด้วยสระ อัวะ หรือ สระอัว ในทางสัทศาสตร์ถือเป็นหน่วยเสียงสระประส[/FONT][FONT=′Tahoma′]มระหว่างสระ อุ กับสระ อะ (ถ้าเ[/FONT][FONT=′Tahoma′]ป[/FONT][FONT=′Tahoma′]็นเสียงสั้น) หรือสระ อุ กับสระ อา (ถ้าเป็นเสียงยาว) เมื่อเขียนสัทอักษร มักเขียน[/FONT][FONT=′Tahoma′]ด้ว[/FONT][FONT=′Tahoma′]ยหน่วยเสียงสร[/FONT][FONT=′Tahoma′]ะ[/FONT][FONT=′Tahoma′] /ua/ ถ้าเปล่งเสียง อุอะ เร็วๆ ก็จะเป็น อัวะ[/FONT][FONT=′Tahoma′]ถ้[/FONT][FONT=′Tahoma′]าเปล่งเสียง อุอา หรือ อูอา ก็จะเป็น อัว[/FONT]

    [FONT=′Tahoma′] อย่าง ไรก็ดี แม้ว่าทั้งสองคำจะประสมด้วยสระที่ต่างกัน แต่สิ่งหนึ่งที่เป็นแก่นของฐานเสียงสระเดียวกันคือ หน่วยเสียงสระ /อุ/ อีกประการหนึ่งนั้น มีเสียงตัวสะกด /ย/ เหมือนกัน ทำให้ทั้ง ๒ คำมีสภาพเป็น คำเป็น[/FONT]
    [FONT=′Tahoma′] เมื่อเขียน ซุย และ สวย ด้วยสัทอักษร จะได้รูปร่าง /[/FONT][FONT=′Tahoma′]suy/ [/FONT][FONT=′Tahoma′]และ /[/FONT][FONT=′Tahoma′]suay/ [/FONT][FONT=′Tahoma′]ตามลำดับ[/FONT]

    [FONT=′Tahoma′] จะเห็นได้ว่า รูปคำ ซุย และ สวย เมื่อเข[/FONT][FONT=′Tahoma′]ียนเป็นสัทอักษร หน่วยเสียงหลักๆ ยังคงเหมือนกัน สิ่งที่เพิ่มเข้ามาในคำว[/FONT][FONT=′Arial Unicode MS′]่[/FONT][FONT=′Tahoma′]า สวย คือหน่วยเสียงวรรณยุ[/FONT][FONT=′Angsana New′]ก[/FONT][FONT=′Tahoma′]ต์จัตวา และ[/FONT][FONT=′Angsana New′]ม[/FONT][FONT=′Tahoma′]ีหน่วยเสียงสระ อะ /a/ มาประสมกับหน่วยเสียง /u[/FONT][FONT=′Tahoma′]/[/FONT][FONT=′Tahoma′]จึ[/FONT][FONT=′Tahoma′][/FONT][FONT=′Tahoma′]กลายเป็นสระ อัวะ ไปในที่สุด[/FONT]

    [FONT=′Tahoma′] เคยได้ยินคนแก่ชาวโคราชถามหลานตัวเล[/FONT][FONT=′Tahoma′]็กว่า ′เอ๋งจ๊ะกิ๋นเข่าเหนียวรึเข่าซุย′ ครั้นจะกลับไปสอบถามว่ายายคนที่พูดนี้ชื่ออะไร อยู่บ้านไหน ก็เห็นจะลำบาก เพราะได้ยินมาเมื่อกว่า ๒๐ ปีที่แล้ว[/FONT]

    [FONT=′Tahoma′] กล่าวมา[/FONT][FONT=′Tahoma′]ยาว[/FONT][FONT=′Tahoma′]ๆ ด้วยหลักวิชาการนี้ ส[/FONT][FONT=′Tahoma′]รุป[/FONT][FONT=′Tahoma′]เป็นคำพื้นบ้านทั่วไปเพียงต้องก[/FONT][FONT=′Tahoma′]า[/FONT][FONT=′Tahoma′]รบ อกว่า สวย ที่เราเรียกกันว่า ข้าวสวย นั้น น่าจะเป็นคำที่กร่อนเสียง หรือกลายเสียงจากคำว่า ซุย แทนที่จะเรียกว่า ข้าวซุย คนภาคกลางไม่เรียกเช่นนั้น เรากลับเรียกว่า ข้าวสวย[/FONT]

    [FONT=′Tahoma′] ใน การนิยามความหมายเพื่อจัดทำพจนานุกรม เมื่อทำถึงคำว่า สวย จึงควรอธิบายหรือนิยามความหมายตามที่มีการใช้ทั่วๆ ไป อย่างมีการใช้ว่า บ้านสวย คนสวย ฟ้าสวย รถส[/FONT][FONT=′Tahoma′]วย ฯลฯ สวยตรงนี้ มีความหมายคร่าวๆ ว่างามนั่นเอง แต่ถ้าจะอธิบายคำว่า สว[/FONT][FONT=′Arial Unicode MS′]ย[/FONT][FONT=′Tahoma′]ที่ผนวกอยู่ท้ายคำว่า ข้า[/FONT][FONT=′Angsana New′]ว[/FONT][FONT=′Tahoma′]เราคนไทยไม[/FONT][FONT=′Angsana New′]่[/FONT][FONT=′Tahoma′]ได้แปลว่า ข้าวงาม หรือ ข้าวสวยดี แต่เราหมายถึ[/FONT][FONT=′Tahoma′]ง[/FONT][FONT=′Tahoma′]ข้า[/FONT][FONT=′Tahoma′]ว[/FONT][FONT=′Tahoma′]เจ้าที่หุงสุกแล้ว พร้อมกินได้[/FONT]

    [FONT=′Tahoma′] คำหนึ่งๆ ที่มีความหมายเป็นของตัว[/FONT][FONT=′Tahoma′]เอง ควรจะแสดงค่าความหมายได้ในหลายปริบท ถ้ามันแสดงค่าความหมายไม่ได้ นั่นแสดงว่านิยามความหมายไม่ถูกต้อง ดังกรณีนิยามว่า สวย แปลว่า ไม่เปียก, เรียงเม็ด เช่น ข้าวสวย (และอีกประการหนึ่ง การนิยามความหมาย ไม่ควรเติมคำปฏิเสธเป[/FONT][FONT=′Tahoma′]็[/FONT][FONT=′Tahoma′]นความหมายหลัก เช่น เขียว แปลว่า ไม่แดง เช่นนี้ไม่ได้ ไม่ถูกต้องตามหลักการนิยามความหมาย)[/FONT]

    [FONT=′Tahoma′] ถ้า นิยามคำ ′สวย′ ว่า ไม่เปียก หรือ เรียงเม็ด ได้จริง เมื่อเรานำไปต่อท้ายคำว่า หินสวย ทรายสวย ลูกกวาดสวย ก็จะต้องขับความหมายว่า เรียงเม็ด ออกมาได้[/FONT]

    [FONT=′Tahoma′] ในการทำพจนานุกรมไทย-ไทย (คือคำศัพท์และความหมายเป็นคำไทย) จึงควรตระหนักถึงความหม[/FONT][FONT=′Tahoma′]ายจากค่าของคำ ไม่ควรเร่หาเอาคำแปลไปตามปริบทหรือคำที่แวดล้อม แล้วนำมาระ[/FONT][FONT=′Arial Unicode MS′]บ[/FONT][FONT=′Tahoma′]ุว่าเป็นความหมายอย่างนั้น[/FONT][FONT=′Angsana New′]อ[/FONT][FONT=′Tahoma′]ย่างนี้[/FONT]

    [FONT=′Tahoma′] คำว่า ข้าวสวย จึงควรเป็นลูกคำของคำว่า ข้าว แ[/FONT][FONT=′Tahoma′]ล[/FONT][FONT=′Tahoma′]ะไม[/FONT][FONT=′Tahoma′]่[/FONT][FONT=′Tahoma′]ควรแปลว่า ข้าวเรียงเม็ด หรือ ข้าวไม่เปียก แต่ถ้าประสงค์จะนิยามความห[/FONT][FONT=′Tahoma′]มาย ของคำว่า สวย ที่เกิดอยู่ท้ายคำว่า ข้าว ก็ควรอิงหลักการทางความหมายอย่างที่กล่าวไว้ตอนต้น คือแปลว่า ข้าวร่วน หรือข้าวเจ้าที่หุงหรือนึ[/FONT][FONT=′Tahoma′]่[/FONT][FONT=′Tahoma′]งสุกแล้ว[/FONT]


    http://www.matichon.co.th/news_detail.php?newsid=1297658175&grpid=no&catid=&subcatid=

    .



    .
     
  20. sithiphong

    sithiphong เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    45,445
    ค่าพลัง:
    +141,948

    ลิขสิทธิ์แบบบ้าน


    [​IMG]

    “ลิขสิทธิ์” เป็นทรัพย์สินทางปัญญาอย่างหนึ่งซึ่งไม่มีรูปร่าง แต่สามารถถือครองได้ และกฎหมายให้ความคุ้มครอง โดยให้เจ้าของลิขสิทธิ์เป็นผู้มีสิทธิแต่เพียงผู้เดียวที่จะกระทำการใด ๆ เกี่ยวกับงานสร้างสรรค์ที่ได้ทำขึ้น

    โดยหลักการกว้าง ๆ กฎหมายลิขสิทธิ์เป็นกฎหมายที่ให้ความคุ้มครองงานสร้างสรรค์ประเภท วรรณกรรมและศิลปกรรม แบ่งออกเป็น 9 ประเภท ได้แก่ วรรณกรรม, นาฏกรรม, ศิลปกรรม, ดนตรี กรรม, โสตทัศนวัสดุ, ภาพยนตร์, สิ่งบันทึกเสียง, งานแพร่เสียงแพร่ภาพ, งานอื่นใดในแผนกวรรณคดี ศิลปะ และวิทยาศาสตร์

    งานออกแบบอาคาร หรือสิ่งปลูกสร้าง งานออกแบบตกแต่งภายในหรือภายนอก การสร้างสรรค์หุ่นจำลองของอาคารหรือสิ่งปลูกสร้าง หรือที่เรียกกันว่างานสถาปัตยกรรม เกี่ยวข้องโดยตรงกับกฎหมายลิขสิทธิ์ เพราะถือเป็นส่วนหนึ่งของงานศิลปกรรม

    แม้จะเป็นงานที่มีความเกี่ยวข้องโดยตรงกับกฎหมายลิขสิทธิ์ แต่ยังมีผู้สนใจ เข้าใจและให้ความสำคัญกับเรื่องลิขสิทธิ์แบบบ้านจำนวนไม่มากนัก ทางสมาคมรับสร้างบ้านจึงได้จัดการสัมมนาเรื่องลิขสิทธิ์แบบบ้านขึ้น เมื่อต้นเดือนที่ผ่านมา เพื่อส่งเสริมให้เกิดการตื่นตัวในเรื่องดังกล่าวกันมากขึ้น

    ปัจจุบันยังมีความเข้าใจผิดว่าจะต้องไปจดทะเบียนก่อน ถึงจะเป็นเจ้าของลิขสิทธิ์ได้ แต่จริง ๆ แล้วหากผลงานเข้าข่ายงานอันมีลิขสิทธิ์ตามที่กฎหมายกำหนด ก็จะได้รับความคุ้มครองอัตโนมัติ โดยไม่ต้องมีการจดทะเบียน

    แต่งานที่จะได้รับความคุ้มครองจะต้องเป็นการแสดงออกซึ่งความคิด มีระดับการสร้างสรรค์เพียงพอ และต้องเป็นการสร้างสรรค์ด้วยตัวเอง มิใช่ลอกเลียนงานของคนอื่น และต้องเป็นงานสร้างสรรค์ตามที่กฎหมายกำหนด และไม่ขัดต่อความสงบเรียบร้อยและศีลธรรมอันดีของประชาชน

    อายุการคุ้มครองลิขสิทธิ์ สำหรับบุคคลธรรมดา กฎหมายให้ความคุ้มครองไปตลอดอายุของผู้สร้างสรรค์ และต่อเนื่องไปอีก 50 ปี ส่วนนิติบุคคล กฎหมายให้ความคุ้มครอง 50 ปี หลังจากสร้างสรรค์ หรือโฆษณาครั้งแรก และสำหรับศิลปะประยุกต์กฎหมายให้ความคุ้มครอง 25 ปี หลังจากสร้างสรรค์ หรือโฆษณาครั้งแรก

    ที่เป็นปัญหาและสร้างความสับสนเป็นอย่างมากคือเรื่อง “เจ้าของลิขสิทธิ์” เพราะผู้สร้างสรรค์ และเจ้าของลิขสิทธิ์ อาจเป็นคนเดียวกัน หรือคนละคนก็ได้ ขึ้นอยู่กับการสร้างสรรค์งาน

    หากเป็นการสร้างสรรค์งานโดยอิสระ เจ้าของลิขสิทธิ์คือตัวผู้สร้างสรรค์ ส่วนในกรณีการสร้างสรรค์งานภายใต้การจ้างงาน ผู้สร้างสรรค์แม้จะอยู่ในฐานะลูกจ้าง แต่ยังคงเป็นเจ้าของลิขสิทธิ์ของผลงานสร้างสรรค์ เว้นแต่ได้ทำหนังสือตกลงกันไว้กับนายจ้างเป็นอย่างอื่น อย่างไรก็ดี นายจ้างมีสิทธินำงานนั้นออกเผยแพร่ต่อสาธารณชนได้ตามวัตถุประสงค์ของการจ้าง แรงงานนั้น

    ตัวอย่างเช่น สถาปนิกอิสระ หรือสถาปนิกที่เป็นลูกจ้างของบริษัทรับสร้างบ้านต่าง ๆ หากไม่ได้ทำสัญญาตกลงกับนายจ้างไว้เป็นอย่างอื่น แบบบ้านก็ยังคงเป็นลิขสิทธิ์ของสถาปนิก แต่บริษัทรับสร้างบ้านสามารถนำแบบบ้านไปใช้ได้ ในฐานะผู้ว่าจ้าง

    ส่วนกรณีการรับจ้างบุคคลอื่น ผู้ว่าจ้างจะเป็นเจ้าของลิขสิทธิ์ เว้นแต่จะได้มีการตกลงกันระหว่างผู้ว่าจ้าง และผู้สร้างสรรค์ไว้เป็นอย่างอื่น

    ยกตัวอย่างให้เข้าใจได้ง่าย ๆ ก็คือ ถ้ามีเจ้าของบ้านจ้างให้สถาปนิกเขียนแบบบ้านให้ เจ้าของบ้านจะเป็นเจ้าของลิขสิทธิ์แบบบ้าน ยกเว้นแต่จะมีการตกลงระหว่างเจ้าของบ้านกับสถาปนิกไว้เป็นอย่างอื่น

    เช่นเดียวกันกับงานสร้างสรรค์โดยการจ้าง หรือทำตามคำสั่งของกระทรวง ทบวง กรม หรือหน่วยงานของรัฐ หรือของท้องถิ่น ลิขสิทธิ์จะตกเป็นของหน่วยงานดังกล่าว เว้นแต่จะได้ตกลงกันไว้เป็นอย่างอื่นเป็นลายลักษณ์อักษร

    กรณีของการนำงานที่มีลิขสิทธิ์อยู่แล้วมาดัดแปลง โดยได้รับอนุญาตจากเจ้าของลิขสิทธิ์ ผู้ดัดแปลงจะได้รับการคุ้มครองลิขสิทธิ์ในงานดัดแปลงที่เกิดขึ้นใหม่ แต่ต้องไม่กระทบกระเทือนสิทธิของเจ้าของสิทธิที่มีอยู่ในงานเดิม

    การละเมิดลิขสิทธิ์ แบ่งออกได้เป็น 2 ประเภท คือการละเมิดลิขสิทธิ์ทางตรง ได้แก่ การทำซ้ำ ดัดแปลง เผยแพร่ต่อสาธารณชน ต้องระวางโทษปรับตั้งแต่ 2 หมื่นบาท ถึง 2 แสนบาท ถ้าเป็นการกระทำผิดเพื่อการค้า ต้องระวางโทษจำคุกตั้งแต่ 6 เดือน ถึง 4 ปี หรือปรับตั้งแต่ 1 แสนบาท ถึง 8 แสนบาท

    อีกประเภทคือการละเมิดลิขสิทธิ์ทางอ้อม ได้แก่ การที่รู้อยู่แล้วว่างานทำขึ้นโดยละเมิดลิขสิทธิ์ แต่ก็ยังกระทำเพื่อหากำไรจากงานนั้น ผู้กระทำต้องระวางโทษปรับ 1 หมื่นบาท ถึง 1 แสนบาท และถ้าเป็นการกระทำความผิดเพื่อการค้า ต้องระวางโทษจำคุกตั้งแต่ 3 เดือน ถึง 2 ปี หรือปรับตั้งแต่ 5 หมื่นบาท ถึง 4 แสนบาท

    “การที่กฎหมายให้ความคุ้มครองผลงานที่เข้าข่ายงานอันมีลิขสิทธิ์โดย อัตโนมัติ ทำให้มีปัญหาในการค้นหาข้อมูลลิขสิทธิ์ กรมทรัพย์สินทางปัญญา กระทรวงพาณิชย์ จึงได้เปิดให้มีการรับแจ้งข้อมูลลิขสิทธิ์เพื่อจัดทำฐานข้อมูลลิขสิทธิ์ขึ้น ผู้สนใจสามารถแจ้งข้อมูลยืนยันการเป็นเจ้าของลิขสิทธิ์ได้ โดยไม่เสียค่าใช้จ่าย โดยทางกรมทรัพย์สินทางปัญญาจะออกหนังสือรับรองการแจ้งข้อมูลให้ด้วย สนใจสอบถามรายละเอียดได้โดยตรงที่กรมทรัพย์สินทางปัญหา หรือดูรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ www.ipthailand.go.th” เขมะศิริ นิชชากร นักวิชาการพาณิชย์ชำนาญการพิเศษ กล่าวสรุป.

    article@dailynews.co.th


    .

    http://www.dailynews.co.th/newstartpage/index.cfm?page=content&categoryId=494&contentId=121936

    .



    .



    .
     

แชร์หน้านี้

Loading...