พระวังหน้า ที่หลวงปู่บรมครูเทพโลกอุดรเสก ถ้าต้องการที่จะได้.....

ในห้อง 'งานบุญอื่นๆ' ตั้งกระทู้โดย sithiphong, 23 ธันวาคม 2005.

  1. ปฐม

    ปฐม เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    20 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    638
    ค่าพลัง:
    +1,618
    วันนี้กระผมได้รับหนังสือเรียบร้อยครบถ้วนทุกประการครับผม ขอบพระคุณพี่หนุ่มและพี่เพชรมากๆครับผม
     
  2. sithiphong

    sithiphong เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    45,445
    ค่าพลัง:
    +141,948
    อย.เตือน ผลิตภัณฑ์วัตถุอันตรายที่มีกลิ่นหอมยังมีอันตราย

    อย.เตือนผู้บริโภค ผลิตภัณฑ์วัตถุอันตรายที่มีกลิ่นหอมยังมีอันตราย (องค์การอาหารและยา)

    อย.แจงผู้บริโภคอย่าเข้าใจผิด ผลิตภัณฑ์ วัตถุอันตรายที่ใช้ในบ้านเรือนที่มีกลิ่นหอม ไม่มีกลิ่นฉุน หรือมีกลิ่นอ่อน มีความอันตรายน้อย ซึ่งความจริงกลิ่นเหล่านั้น ไม่ได้ช่วยให้ความเป็นอันตรายของผลิตภัณฑ์วัตถุอันตรายลดน้อยลง หากผู้บริโภคสูดดมเข้าไป อาจเป็นอันตรายต่อสุขภาพได้ ย้ำเตือนให้ผู้ผลิตอย่าโฆษณาผลิตภัณฑ์วัตถุอันตรายเกินจริง เพื่อป้องกันอันตรายที่จะเกิดขึ้นกับผู้บริโภค

    ภญ.ศรีนวล กรกชกร รองเลขาธิการคณะกรรมการอาหารและยา อย. เปิดเผยว่า ปัจจุบันยังมีผู้บริโภคที่ใช้ผลิตภัณฑ์วัตถุอันตราย ที่ใช้ตามบ้านเรือนหรือทางสาธารณสุข อาทิ ผลิตภัณฑ์ป้องกันกำจัดแมลงและสัตว์อื่น ผลิตภัณฑ์ฆ่าเชื้อโรค และผลิตภัณฑ์ทำความสะอาด เกิดความเข้าใจที่คลาดเคลื่อน ในเรื่องของความเป็นอันตรายของผลิตภัณฑ์วัตถุอันตรายว่า ผลิตภัณฑ์วัตถุอันตรายที่มีกลิ่นหอม ไม่มีกลิ่นฉุน หรือมีกลิ่นอ่อนมีความเป็นอันตรายน้อย หรือไม่อันตราย เมื่อเทียบกับผลิตภัณฑ์วัตถุอันตรายที่มีกลิ่นฉุนหรือกลิ่นแรง สาเหตุของความเข้าใจนี้ อาจเกิดจากรูปแบบของการโฆษณาผลิตภัณฑ์วัตถุอันตรายดังกล่าว ที่มีการเน้นย้ำให้ผู้บริโภคเข้าใจผิด และละเลยที่จะระมัดระวังความเป็นอันตราย โดยการแสดงท่าทางสูดดมพร้อมคำที่สื่อให้รู้สึกว่าผลิตภัณฑ์หอมน่าดม หรือการแสดงข้อความที่ทำให้เข้าใจว่าผลิตภัณฑ์ทำจากธรรมชาติ

    แต่ ในความจริงแล้ว กลิ่นหอมเกิดจากการปรุงแต่งกลิ่นด้วยน้ำหอมสังเคราะห์ โดยอาจเป็นน้ำหอมที่ให้กลิ่นหอมคล้ายดอกไม้ เช่นดอกลาเวนเดอร์ ดอกลิลลี่ ดอกกุหลาบ ดอกมะลิ เป็นต้น อาจมีบ้างที่ปรับปรุงกลิ่นด้วยน้ำมันหอมระเหยสกัดจากธรรมชาติ เช่น กลิ่นจาก d-limonene ที่สกัดจากเปลือกผลไม้ตระกูลส้ม กลิ่นหอมต่าง ๆ เหล่านี้ทำให้ผู้บริโภคเกิดความเข้าใจผิดว่า ผลิตภัณฑ์ไม่ทำให้เกิดอันตราย เพราะมีกลิ่นหอมหรือเป็นกลิ่นของพืชจากธรรมชาติ แต่ที่จริง หากผู้บริโภคสูดดมกลิ่นของผลิตภัณฑ์วัตถุอันตรายเข้าไป จะทำให้ปวดศีรษะ วิงเวียนคลื่นไส้ และเป็นอันตรายต่อสุขภาพได้ โดยประโยชน์ที่แท้จริงของการแต่งกลิ่นของผลิตภัณฑ์วัตถุอันตรายนั้น ก็เพื่อกลบกลิ่นที่ไม่พึงประสงค์ของสารออกฤทธิ์ของผลิตภัณฑ์ หรือสารเคมีที่ใส่เข้าไปในผลิตภัณฑ์เพื่อใช้เป็นตัวทำละลาย ตลอดจนคุณสมบัติทางเคมีและกายภาพของตัวผลิตภัณฑ์ ซึ่งมักจะมีกลิ่นฉุนอย่างรุนแรง จึงต้องแต่งกลิ่น เพื่อช่วยลดความรุนแรงของกลิ่นในผลิตภัณฑ์ให้น้อยลง เพื่อให้ผู้บริโภคหันมาเลือกบริโภคสินค้ามากยิ่งขึ้น

    รอง เลขาธิการฯ อย. กล่าวต่อไปว่า อย.ขอให้ผู้บริโภคเลือกซื้อผลิตภัณฑ์วัตถุอันตราย ที่ได้รับการขึ้นทะเบียนจาก อย.แล้ว โดยที่ฉลากมีเครื่องหมาย อย.พร้อมด้วยเลขทะเบียนผลิตภัณฑ์ที่ขึ้นต้นด้วย วอส.ทับปีพ.ศ. เนื่องจาก อย.ได้ประเมินประสิทธิภาพในการใช้งานและความปลอดภัยเรียบร้อยแล้ว และขอให้ผู้บริโภคระมัดระวังในการใช้ และพึงระลึกอยู่เสมอว่า ผลิตภัณฑ์ที่กำลังใช้อยู่นั้นเป็นวัตถุอันตราย โดยควรศึกษาวิธีการใช้ให้เข้าใจก่อน และปฏิบัติตามวิธีการใช้และคำเตือนที่แสดงบนฉลากอย่างเคร่งครัด เพื่อจะได้ใช้ผลิตภัณฑ์วัตถุอันตรายอย่างปลอดภัย และต้องเก็บผลิตภัณฑ์วัตถุอันตรายไว้ในที่มิดชิด ไกลมือเด็ก อาหาร และสัตว์เลี้ยงเพื่อป้องกันอุบัติเหตุที่อาจเกิดขึ้นได้

    ขอขอบคุณข้อมูลจาก
    fda.moph.go.th


    .

    อย. เตือนผลิตภัณฑ์วัตถุอันตรายกลิ่นหอม ยังมีอันตราย

    .



    .
     
  3. sithiphong

    sithiphong เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    45,445
    ค่าพลัง:
    +141,948
    <table class="tborder" border="0" cellpadding="6" cellspacing="1" width="100%"><tbody><tr><td class="thead">ขณะนี้มีคนกำลังดูกระทู้นี้อยู่ : 22 คน ( เป็นสมาชิก 2 คน และ บุคคลทั่วไป 20 คน ) </td> <td class="thead" width="14%"> [ แนะนำเรื่องเด่น ] </td> </tr> <tr> <td class="alt1" colspan="2" width="100%"> sithiphong, ปฐม+</td></tr></tbody></table>

    พี่ฝากไว้ครับ สำหรับสิ่งที่พี่เขียนไปให้ครับ

    .
     
  4. sithiphong

    sithiphong เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    45,445
    ค่าพลัง:
    +141,948
    สุขใจในป่าจาก เมดอินคลองยายหลี

    คอลัมน์ สดจากเยาวชน

    ยศศยามล กรมติ Payai Creation Co.,Ltd.


    [​IMG]

    ต้น จากเรียงรายอยู่ตลอดแนวชายคลองยายหลี อ.พระสมุทรเจดีย์ จ.สมุทรปราการ ทำให้หมู่บ้านริมคลองสายเล็กๆ ทั้งบริเวณรู้จักและคุ้นเคยกับต้นจากเป็นอย่างดี และมีวิถีชีวิตที่ผูกพันกับพืชชนิดนี้มาเนิ่นนาน

    ต้นจากเป็นพืชที่ ขึ้นเองตามธรรมชาติ เจริญเติบโตอยู่ตามริมคลองที่มีน้ำจืดปะปนกับน้ำกร่อย เป็นพืชจำพวกเดียวกับต้นปาล์ม และเป็นปาล์มชนิดเดียวที่สามารถขึ้นได้ในบริเวณป่าชายเลน เราจะพบต้นจากได้ทั่วไปในทวีปเอเชียใต้ และเอเชียตะวันออกเฉียงใต้

    เนื่อง จากเป็นพืชที่ขึ้นอยู่หนาแน่นในพื้นที่ คนคลองยายหลีจึงนำต้นจากมาใช้ประโยชน์ในชีวิตประจำวันได้อย่างคุ้มค่า เริ่มตั้งแต่ใบจากสามารถนำมามุงหลังคา ประยุกต์ทำเป็นของใช้ต่างๆ ในครัวเรือน หรือที่เห็นกันอยู่ทั่วไป ก็คือนำมาทำขนมพื้นบ้าน เช่น ขนมย่างใบจาก

    แต่จะใช้ส่วนไหนของต้นจากมาทำอะไรบ้างนั้น น้องกฤต ด.ช.ธนกฤต บุญสมเจตนา ลูกหลานชาวคลองยายหลีบอกเล่าว่า "ชาวบ้านที่นี่ใช้ประโยชน์จากต้นจากทุกส่วนครับ ตัดส่วนทางจาก (ใบจาก) ไปมุงหลังคา ใบจากนำไปทำของเล่นได้หลายอย่าง ทำของใช้พวกหมวก หรือกระเป๋าใบจากก็ได้ ยอดสีเหลืองอ่อนเอาไปห่อขนมข้าวต้มมัด ลูกจากก็เอาไปเชื่อมกินหรือขายครับ"

    [​IMG]

    จาก ที่น้องกฤตเล่ามา ทำให้เห็นได้ว่าต้นจากมีบทบาทสำคัญต่อวิถีชีวิตและอยู่เคียงคู่ชาวบ้านชุมชน คลองยายหลีเป็นเวลานานมาแล้ว จากแต่ก่อนต้นจากเป็นพืชที่ไม่ได้รับการดูแลเอาใจใส่ เพราะขึ้นอยู่เองตามธรรมชาติ เดี๋ยวนี้ชาวบ้านเริ่มให้ความสำคัญกับต้นจากมากขึ้นและต้นจากได้กลายเป็นพืช สำคัญทางเศรษฐกิจประจำคลองยายหลีไปในที่สุด

    ด้วยความที่เป็นพืชพื้น ถิ่นประจำชุมชนซึ่งมีอยู่เป็นจำนวนมากนี้เอง กลุ่มแม่บ้านเกษตรกรคลองยายหลีจึงคิดนำส่วนประกอบของต้นจากมาประยุกต์แปรรูป ให้กลายเป็นพืชที่มากคุณค่ายิ่งขึ้น โดยการนำเนื้อลูกจากมาเป็นส่วนผสมสำคัญในการทำขนมโบราณชนิดหนึ่ง นั่นก็คือ ขนมเกสรลำเจียก

    ต้นคิดมาจาก คุณย่าติ๋ว จรูญ ไกรเนตร ประธาน กลุ่มแม่บ้านเกษตรกรคลองยายหลี ผู้คิดค้นส่วนผสมใหม่ จากขนมเกสรลำเจียกขนมไทยๆ ที่อร่อยอยู่แล้ว พอเพิ่มเนื้อลูกจากเข้าไปก็ได้ความอร่อยแปลกใหม่ไม่แพ้สูตรดั้งเดิมเลยที เดียว

    ย่าติ๋วเล่าอย่างภาคภูมิใจว่า "ในพื้นที่ ต.แหลม ฟ้าผ่าของเรา มีต้นจากขึ้นอยู่เยอะมาก เราจึงเกิดความคิดที่ว่าจากที่แต่ก่อนคนโบราณเขานำลูกจากมาเชื่อมกินเป็นของ หวาน ลูกจากเหล่านี้น่าจะเพิ่มมูลค่าได้อีก จึงนำมาเป็นส่วนผสม หนึ่งในขนมเกสรลำเจียก"

    [​IMG]

    ขนม โบราณหลากสีสันอย่างเกสรลำเจียก นอกจากจะเป็นการอนุรักษ์วิถีชีวิตดั้งเดิมไว้แล้ว ยังเป็นการเพิ่มมูลค่าลูกจากให้สูงขึ้น อีกทั้งยังช่วยสร้างรายได้ในชุมชนอีกทางหนึ่งด้วย และขนมเกสรลำเจียกลูกจากก็ได้กลายเป็นของฝากประจำชุมชนคลองยายหลี ในที่สุด

    สีสัน ที่แต่งแต้มหน้าตาน่ารับประทานของขนมเกสรลำเจียกลูกจาก เป็นสีที่ล้วนแล้วแต่มาจากธรรมชาติทั้งสิ้น น้องพลอย ด.ญ.สุทธิดา ไกรเนตร หลานสาวตัวน้อยของย่าติ๋วอาสาเล่าถึงที่มาของแต่ละสีสันว่ามาจากสีอะไรบ้าง

    "สี ธรรมชาติที่นำมาผสมกับขนมเกสรลำ เจียกก็มีหลายสีค่ะ อย่างไม้ฝางจะให้สีชมพู ใบเตยจะให้สีเขียว แครอตจะให้สีเหลือง และลูกจากก็จะให้สีขาว รสชาติจะไม่หวานมาก กินแล้วดีต่อสุขภาพนะคะ ลูกจากก็ปลอดสารพิษ สีก็เป็นสีจากธรรมชาติค่ะ" เด็กหญิงตัวน้อยไม่ลืมที่จะเชื้อเชิญให้ได้มาลองชิมขนมพื้นบ้านแสนอร่อย

    นอก เหนือจากเป็นพืชเศรษฐกิจประจำชุมชนคลองยายหลีแล�ว ต้นจากยังมีความสำคัญอย่างยิ่งสำหรับระบบนิเวศน้ำกร่อย เพราะในพื้นที่ป่าจากนี้ จะมีสัตว์น้ำที่อาศัยพึ่งพิงป่าจากอยู่ ต้นจากจึงเป็นทั้งแหล่งที่อยู่อาศัย แหล่งอาหาร และแหล่งเพาะพันธุ์ของสัตว์น้ำเหล่านั้น

    เด็กๆ และผู้ใหญ่ในชุมชนได้เห็นคุณค่ามาก มายที่มาจากต้นจาก เพราะนอกจากขนมเกสร ลำเจียกลูกจากแล้ว ต้นจากยังมีส่วนประกอบอื่นๆ อีกหลายส่วนมาใช้ให้เกิดประโยชน์อย่างหลากหลาย ผ่านทางภูมิปัญญาที่สั่งสมสืบทอดกันมาแต่อดีต โดยมีลูกหลานคอยสานต่อ ที่สำคัญต้นจากก็ยังมีประโยชน์ในแง่ของระบบนิเวศอีกด้วย

    ผู้ใหญ่และเด็กๆ ในคลองยายหลี ทุกคนจึงอยากให้ต้นจากมากประโยชน์เหล่านี้อยู่คู่ชุมชนตลอดไป

    หากอยาก รู้ว่าชาวคลองยายหลีจะนำส่วนประกอบอื่นของต้นจากไปประยุกต์ใช้งานอย่างไรใน ชีวิตประจำวันได้บ้าง ติด ตามในรายการทุ่งแสงตะวัน ตอน สุขใจในป่าจาก วันเสาร์ที่ 5 กุมภาพันธ์ 2554 ทางช่อง 3 เวลา 06.25 น.

     

    ไฟล์ที่แนบมา:

  5. ปฐม

    ปฐม เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    20 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    638
    ค่าพลัง:
    +1,618
    ผมจะน้อมรับไปปฎิบัติครับพี่หนุ่ม ไม่ใช่ดีกับใครแต่ดีสำหรับตัวผมเอง ขอบพระคุณอย่างสูงครับพี่หนุ่มที่คอยชี้แนะมาโดยตลอด
     
  6. sithiphong

    sithiphong เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    45,445
    ค่าพลัง:
    +141,948
    เตือนผู้เสียภาษี ตรวจสอบสิทธิลดหย่อนภาษีใหม่



    เรียบเรียงข้อมูลโดยกระปุกดอทคอม

    หลังเปิดช่องทางพิเศษให้ยื่นภาษีทางอินเทอร์เน็ต ล่าสุดกรมสรรพากรเพิ่มมาตรการลดหย่อนภาษีใหม่ หวังช่วยลดภาระผู้เสียภาษี

    นาง จิตรมณี สุวรรณพูล รองอธิบดีกรมสรรพากรในฐานะโฆษกกรมสรรพากร กล่าวว่า ในการยื่นแบบฯ ภาษีเงินได้บุคคลธรรมดาประจำปี ภ.ง.ด.90 และ ภ.ง.ด.91 ของปี 2553 นั้น อยากให้ผู้เสียภาษีตรวจสอบรายละเอียดให้ถี่ถ้วนก่อน ว่าได้กรอกรายการต่าง ๆ ตรงตามสิทธิและเงื่อนไขที่ตนควรได้รับหรือไม่ เพราะทางกรมสรรพากรได้ออกมาตรการลดหย่อนภาษีเพิ่มเติม บางข้อหากกรอกรายละเอียดไม่ครบ นอกจากทำให้การยื่นภาษีเป็นไปอย่างล่าช้าแล้ว ผู้เสียภาษีอาจเสียผลประโยชน์ตามสิทธิที่มีอีกด้วย

    สำหรับในปีภาษี 2553 มีมาตรการภาษีใหม่ที่เกี่ยวข้องกับการลดหย่อน ซึ่งมีผลต่อการคำนวณภาษี ดังนี้

    [​IMG]1. ผู้เสียภาษี สามารถนำค่าใช้จ่ายที่เกิดจากการเดินทางท่องเที่ยวในประเทศไทย ระหว่างวันที่ 8 มิถุนายน 2553 – วันที่ 31 ธันวาคม 2553 มาหักค่า ลดหย่อนได้ตามที่ได้จ่ายจริง แต่ไม่เกิน 15,000 บาท โดยค่าใช้จ่ายที่สามารถนำมาลดหย่อน เช่น เงินที่จ่ายเป็นค่าบริการให้แก่ผู้ประกอบธุรกิจนำเที่ยว หรือค่าใช้จ่ายเป็นค่าที่พักโรงแรมในประเทศ

    [​IMG]2. ในกรณีที่ผู้เสียภาษีต้องจ่ายค่าเบี้ยประกันชีวิต สามารถนำมาลดหย่อนภาษีเพิ่มเติม ได้ดังนี้

    2.1 กรณีที่ต้องจ่ายค่าเบี้ยประกันชีวิต สำหรับกรมธรรม์ประกันชีวิตแบบบำนาญ ได้รับสิทธิยกเว้นภาษีตามที่จ่ายจริงจำนวนไม่เกินร้อยละ 15 ของเงินได้พึงประเมินแต่ไม่เกิน 2 แสนบาท

    2.2 กรณีมีการจ่ายสะสมเข้ากองทุนสำรองเลี้ยงชีพ กองทุนบำเหน็จบำนาญข้าราชการ เงินได้จ่ายค่าซื้อหน่วยลงทุน กองทุนรวมเพื่อการเลี้ยงชีพ (RMF) เงินได้ที่ได้รับยกเว้น เมื่อรวมเงินได้จากเบี้ยประกันภัย แบบบำนาญ หลังจากใช้สิทธิยกเว้นภาษีเงินจากเบี้ยประกันชีวิตอื่นแล้วต้องไม่เกิน 5 แสนบาท

    [​IMG]3. มาตรการภาษีให้ความช่วยเหลือผู้ประสบอุทกภัย ระหว่างวันที่ 1 กันยายน ถึงวันที่ 31 ธันวาคม 2553 มีดังนี้

    3.1 สำหรับบุคคลธรรมดาที่มีการบริจาค เพื่อช่วยเหลือผู้ประสบภัย โดยบริจาคผ่านตัวแทนรับบริจาคที่เป็นบริษัทหรือ ห้างหุ้นส่วนนิติบุคคล หรือนิติบุคคลอื่น เช่น สถาบันการเงิน บริษัทมหาชน จำกัด สถานีโทรทัศน์ พรรคการเมือง องค์การของรัฐ และรัฐวิสาหกิจ ฯลฯ ผู้บริจาคสามารถนำจำนวนเงินที่บริจาคมาหักเป็นค่าลดหย่อนในการคำนวณภาษีเงิน ได้บุคคลธรรมดาได้ เมื่อรวมกับการบริจาคอื่นต้องไม่เกินร้อยละ 10 ของเงินได้สุทธิ

    3.2 สำหรับกรณีที่ผู้ประสบภัยเป็นบุคคลธรรมดา ได้รับการยกเว้นภาษีเงินได้ 3 ส่วนคือ
    - ตามเงินได้พึงประเมิน ตามมาตรา 40 (5) ถึง (8) แห่งประมวลรัษฎากร ที่ได้ลงทะเบียนไว้กับศูนย์หรือหน่วยงานให้ความช่วยเหลือของทางราชการ เป็นจำนวนเท่าจำนวนความเสียหาย
    - เงินหรือทรัพย์สินที่ได้รับจากการบริจาค หรือชดเชย ที่มีมูลค่าไม่เกินความเสียหาย
    - เงินชดเชยที่ได้รับจากภาครัฐ

    [​IMG]4. สำหรับคนพิการ ที่มีบัตรประจำตัวคนพิการ ต้องมีอายุไม่เกิน 65 ปีบริบูรณ์ในปีภาษีที่ได้รับเงินได้ฯ ได้รับยกเว้นเงินได้ 19,000 บาท ทั้งนี้ตั้งแต่วันที่ 1 มกราคม 2553 เป็นต้นไป

    สำหรับมาตรการภาษีใหม่ที่เกี่ยวข้องกับการลดหย่อนนั้น หากผู้เสียภาษีท่านใดมีข้อสงสัยสามารถโทรมาที่

    ศูนย์ Call Center หมายเลข 1161
    ในวันจันทร์ - วันศุกร์ ตั้งแต่เวลา 08.30 - 18.00 น.
    หรือจะเข้ามาตรวจสอบข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่
    Redirect ในหัวข้อ "ความรู้เรื่องภาษี"



    อ่านรายละเอียดเพิ่มเติมจาก มติชนออนไลน์ และ กรมสรรพากร

    [​IMG] กรรมสรรพากร


    .

    http://hilight.kapook.com/view/55866

    .

    http://www.rd.go.th/publish/43505.0.html

    .

    http://www.matichon.co.th/news_detail.php?newsid=1296726055&grpid=03&catid=&subcatid

    .
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 4 กุมภาพันธ์ 2011
  7. sithiphong

    sithiphong เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    45,445
    ค่าพลัง:
    +141,948
  8. นายเฉลิมพล

    นายเฉลิมพล เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 สิงหาคม 2010
    โพสต์:
    141
    ค่าพลัง:
    +460
    สวัสดีครับ
    ผมขอร่วมทำบุญจุดพลุ 1000 บาท
    และร่วมทำหนังสือ 1000 บาทครับ

    ผมจะโอนเข้าบัญชี กรุณาโทรบอกหมายเลขด้วยครับ

    โมทนาทุกประการครับ
     
  9. sithiphong

    sithiphong เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    45,445
    ค่าพลัง:
    +141,948
  10. sithiphong

    sithiphong เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    45,445
    ค่าพลัง:
    +141,948
    เมื่อไหร่ที่ความโลภเกิดขึ้น

    ความเป็นเพื่อน ความเป็นพี่น้อง ก็จะสูญสิ้นไป

    ความโลภไม่เคยปราณีใคร ไม่เคยเกรงใจใคร

    ผมเคยบอกหลายๆท่านไปว่า สิ่ง(วัตถุมงคล)ที่เรามี เรามีไว้เพื่อสร้างบารมีให้ตัวเรา เพื่อสร้างอริยทรัพย์ให้ตัวเรา เพราะอริยทรัพย์จะเป็นทรัพย์ที่ติดตัวไปกับเรา ไม่มีใครมาแย่งไปได้ หากเป็นเงินทอง อยู่กับเราเพียงชั่วคราวเท่านั้นครับ

    ผมมาสารภาพผิด(จากEmail ที่ส่งให้เมื่อสักพักนี้) กับคุณnongnooo และคุณเพชร ผมจะฟังคุณnongnooo และคุณเพชร ให้มากๆ ในหลายๆเรื่อง เช่น การรับสมัครสมาชิก เป็นต้น

    ผมขอโทษครับคุณnongnooo และ คุณเพชร

    .
     
  11. sithiphong

    sithiphong เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    45,445
    ค่าพลัง:
    +141,948
    อ้างอิง:
    <table border="0" cellpadding="6" cellspacing="0" width="100%"> <tbody><tr> <td class="alt2" style="border: 1px inset;"> ข้อความดั้งเดิมโดยคุณ sithiphong [​IMG]
    ผมมีพระพิมพ์หลวงพ่อปาน 1 องค์

    เนื้อชินสนิม(จะแดง) อายุพระองค์นี้ ประมาณ 370-400 ปี แล้ว

    หลวงปู่พระมูนีึยะเถระเจ้้า (หรือหลวงปู่อิเกสาโร) อธิษฐานจิต

    ผมขอมอบให้กับท่านผู้ร่วมทำบุญ "ผ้าป่าปลดหนี้ รุ่งเรืองบารมี ศรีชัยผาผึ้ง" ทำบุญจำนวน 10,000 บา่ท

    [​IMG] [​IMG]

    สำหรับท่านใดที่แจ้งความประสงค์ต้องการพระองค์นี้ และโอนเงินร่วมทำบุญก่อน ผมขอมอบให้กับท่านนั้น

    เริ่มตั้งแต่วันเสาร์ที่ 29 มกราคม 2554

    สิ้นสุดวันศุกร์ที่ 4 กุมภาพันธ์ 2554

    .
    http://palungjit.org/threads/%E0%...ml#post4316154


    http://palungjit.org/threads/%E0%...68899.102/

    .


    .
    </td> </tr> </tbody></table>
    มีผู้ไม่ประสงค์ออกนาม ร่วมทำบุญจำนวน 10,000 บาท

    และรับ พระพิมพ์หลวงพ่อปาน 1 องค์

    เนื้อชินสนิม(จะแดง) อายุพระองค์นี้ ประมาณ 370-400 ปี แล้ว

    หลวงปู่พระมูนีึยะเถระเจ้้า (หรือหลวงปู่อิเกสาโร) อธิษฐานจิต

    ไปเรียบร้อยแล้ว

    ขอโมทนาบุญกับท่านผู้เกี่ยวข้องทุกๆท่านครับ

    .
     
  12. sithiphong

    sithiphong เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    45,445
    ค่าพลัง:
    +141,948
    <table class="tborder" border="0" cellpadding="6" cellspacing="1" width="100%"><tbody><tr><td class="thead">ขณะนี้มีคนกำลังดูกระทู้นี้อยู่ : 4 คน ( เป็นสมาชิก 2 คน และ บุคคลทั่วไป 2 คน ) </td> <td class="thead" width="14%"> [ แนะนำเรื่องเด่น ] </td> </tr> <tr> <td class="alt1" colspan="2" width="100%"> sithiphong, Satanina</td></tr></tbody></table>

    อรุณสวัสดิ์ยามเช้าวันอาทิตย์ หรรษาครับ


    .
     
  13. sithiphong

    sithiphong เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    45,445
    ค่าพลัง:
    +141,948
    <table border="0" cellpadding="0" cellspacing="0" width="100%"><tbody><tr></tr><tr><td>
    </td><td align="left" valign="top">[FONT=Tahoma,]วันที่ 06 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2554 ปีที่ 20 ฉบับที่ 7374 ข่าวสดรายวัน


    อายุวัฒนมงคล88ปี สมเด็จพระมหาธีราจารย์


    คอลัมน์ มงคลข่าวสด
    [/FONT]</td></tr></tbody></table>
    [​IMG]
    [FONT=Tahoma,]

    [/FONT][FONT=Tahoma,]เวียน มาบรรจบครบรอบวาระมงคลฤกษ์อีกครา ในวันศุกร์ที่ 11 กุมภาพันธ์ 2554 สมเด็จพระมหาธีราจารย์ (นิยม ฐานิสสโร) จะมีชนมายุครบรอบ 88 ปี

    เหล่า ศิษย์ผู้ใกล้ชิดและญาติโยมผู้เลื่อมใสพระมหาเถระแห่งวัดชนะสงคราม ร่วมกันจัดงานมุทิตาจิตฉลองอายุวัฒนมหามงคลแด่สมเด็จพระมหาธีราจารย์ เป็นประจำทุกปี

    อัตโนประวัติมีนามเดิมว่า นิยม จันทนิทร โยมบิดา-มารดา ชื่อนายโหร่งและนางฮิ่ม เกิดเมื่อวันที่ 11 กุมภาพันธ์ 2466 ณ บ้านท่าหิน ต.ธนู อ.อุทัย จ.พระนครศรีอยุธยา

    การศึกษาเบื้องต้น เมื่ออายุ 9 ขวบ ได้เข้าโรงเรียนประชาบาลวัดหันตรา จบชั้นประถมปีที่ 4

    ครั้นอายุ 13 ปี โยมบิดานำไปฝากให้เรียนบาลีนักธรรม ณ สำนักวัดตองปุ จ.พระนครศรีอยุธยา

    ต่อ มาบรรพชาเป็นสามเณร ณ วัดกระสังข์ ต.ธนู อ.อุทัย จ.พระนครศรีอยุธยา วันที่ 28 มิถุนายน 2479 โดยพระเทพวงศาจารย์ (ขณะดำรงสมณศักดิ์พระครูโบราณคณิสสร) วัดตองปุ เป็นพระอุปัชฌาย์

    ครั้นอายุครบ 22 ปี เข้าพิธีอุปสมบท เมื่อวันที่ 10 มีนาคม 2487 ณ วัดพระญาติการาม ต.ไผ่ลิง อ.พระนครศรีอยุธยา จ.พระนครศรีอยุธยา มีพระเทพวงศาจารย์ วัดพนัญเชิง เป็นพระอุปัชฌาย์, พระครูสาธุกิจการี (ขม) วัดประดู่ทรงธรรม เป็นพระ กรรมวาจาจารย์ และพระครูอุทัยคณารักษ์ (ใหญ่ ติณณสุวัณโณ) วัดสะแก เป็นพระอนุสาวนาจารย์

    ได้รับฉายาว่า ฐานิสสโร อันมีความหมายว่า ผู้มีฐานะอันยิ่งใหญ่

    หลัง อุปสมบท มุ่งมั่นศึกษาพระปริยัติธรรม พ.ศ.2486 สามารถสอบนักธรรมเอกสำนักเรียนวัดราชบุรณะ และ พ.ศ.2498 จบเปรียญธรรม 9 ประโยคในสำนักเรียนวัดสระเกศ ถือเป็นศิษย์รุ่นพี่รุ่นน้องสมเด็จพระพุฒาจารย์ (เกี่ยว อุปเสโณ) วัดสระเกศ และสมเด็จพระมหารัชมังคลาจารย์ (ช่วง) วัดปากน้ำภาษีเจริญ

    ลำดับงานปกครองคณะสงฆ์ พ.ศ.2490 เป็นกรรมการตรวจนักธรรมสนามหลวง พ.ศ.2500-2502 เป็นครูสอนนักธรรมเอก สำนักเรียนวัดสามพระยา

    พ.ศ.2508 ดำรงตำแหน่งเป็นเจ้าคณะภาค 13 เป็นเจ้าอาวาสวัดชนะสงคราม และพระอุปัชฌาย์วิสามัญ

    พ.ศ.2509 เป็นเจ้าสำนักเรียนพระปริยัติธรรมวัดชนะสงคราม

    พ.ศ.2529 เป็นกรรมการมหาเถรสมาคม

    พ.ศ.2539 เป็นเจ้าคณะใหญ่หนกลาง

    ลำดับ สมณศักดิ์ พ.ศ.2505 เป็นพระราชาคณะชั้นสามัญที่พระปริยัติโสภณ พ.ศ.2507 เป็นพระราชาคณะชั้นราชที่พระราชโมลี พ.ศ.2511 เป็นพระราชาคณะชั้นเทพที่พระเทพโสภณ พ.ศ.2515 เป็นพระราชาคณะธรรมที่พระธรรมปิฎก

    พ.ศ.2530 เป็นพระราชาคณะรองสมเด็จพระราชาคณะที่พระธรรมวโรดม วัดชนะสงคราม

    พ.ศ.2535 เป็นสมเด็จพระราชาคณะที่สมเด็จพระมหาธีราจารย์

    สาธุชน ที่เคยมีโอกาสไปวัดชนะสงคราม จะพบเห็นสภาพภายในวัด แลดูสะอาดตา จัดวางสิ่งต่างๆ ได้เป็นระเบียบ ไม่มีของวางรกเกะกะสายตา พระเณรทุกรูปปฏิบัติตามกฎอย่างเคร่งครัด สวดมนต์ทำวัตรเช้า-เย็น วางตนสำรวมอินทรีย์งดงาม

    รอบพระอุโบสถ มีการจัดตั้งศาลาทำเป็นห้องเรียนศึกษานักธรรม-บาลีอย่างเป็นระบบ จึงไม่น่าแปลกใจว่าสำนักเรียนของสมเด็จวัดชนะฯ มีชื่อเสียงโด่งดัง ปีหนึ่งมีพระภิกษุ-สามเณรสอบได้จำนวนมาก

    ด้านการเผยแผ่หลักธรรมคำสอน แห่งองค์พระสัมมาสัมพุทธเจ้า สมเด็จฯ จะแสดงพระธรรมเทศนาในโบสถ์ทุกวันพระ เวลา 09.30 น. เป็นประจำไม่เคยขาด ในวันพระจะไม่รับกิจนิมนต์ข้างนอก ยกเว้นงานพระราชพิธี

    ไม่เคยปิดกั้น สำหรับญาติโยมที่อยากขอพบ ท่านไม่เคยถือตัว ใครมาก่อนพบก่อน ใครมาหลังพบทีหลัง

    แม้ แต่ลูกศิษย์ผู้ใกล้ชิด ยังบอกว่า สมเด็จวัดชนะฯ สนทนาธรรมกับญาติโยมทุกคน วางตัวปกติสำรวมสง่างาม เป็นบุญตาและบุญใจของผู้พบเห็น ใครมากราบไหว้สมเด็จฯ ได้ทั้งนั้น

    ข้อธรรมคำสอนของท่านถือว่า ศักดิ์สิทธิ์ เตือนสติให้คนอ่านได้ยั้งคิดทุกยาม อาทิ "รู้ขยัน ประหยัด ซื่อสัตย์ สุจริต คบมิตรดี เลี้ยงชีวีพอประมาณ" เป็นต้น

    นอกจากนี้ สมเด็จพระมหาธีราจารย์ ยังได้ลิขิตหนังสือ "ตำนานพระปริตร" ซึ่งเป็นหนังสือที่มีสาระเกี่ยวกับพระพุทธศาสนาโดยตรง อรรถาธิบายแก่นธรรมแห่งพุทธองค์สู่พุทธศาสนิกชน

    ในบทนมัสการ ท่านลิขิตข้อความว่า "ก่อนจะเริ่มกิจกรรมทางพระศาสนา จะต้องตั้งนโม 3 จบ ไม่ว่าจะเป็นการใดๆ ทั้งนั้น แม้ที่สุดถวายสังฆทานก็ต้องเริ่มด้วยนโม 3 จบก่อน"

    สมเด็จวัดชนะฯ เป็นพระเถรานุเถระชั้นผู้ใหญ่ที่มีความเป็นห่วงเป็นใยต่อเหตุการณ์บ้านเมือง เมื่อครั้งที่มีเหตุการณ์ความรุนแรงเกิดขึ้นในประเทศไทย ในช่วงที่รัฐบาลเตรียมใช้มาตรการกระชับพื้นที่ราชดำเนิน-แยกราชประสงค์

    ท่านได้ออกมาขอบิณฑบาตให้ทุกฝ่ายเลิกใช้ความรุนแรงต่อกัน

    "อาตมา ขอบิณฑบาตให้ทุกฝ่ายเลิกใช้ความรุนแรง อย่าคิด อย่าทำ อย่าพูดในสิ่งที่ไม่ดี ขอให้แต่ละฝ่ายมองฝ่ายตรงข้ามที่มีความคิดเห็นไม่ตรงกันเป็นพี่น้องคนไทย ขอให้ทุกฝ่ายหยุดยุติการกระทำ เลิกการชุมนุมและการปะทะกัน ขอให้ทุกฝ่ายให้อภัยกัน สิ่งที่ผิดพลาดไปแล้วของทุกฝ่าย ก็ขอให้ยกโทษกัน และแก้ไขปรับปรุง ไม่คิดเอาชนะกัน หากเราทำได้เช่นนี้ ความสันติสุขในบ้านเมืองเราก็จะบังเกิดขึ้น"

    แม้ทุกวันนี้ ท่านผ่านร้อนผ่านมาอย่างยาวนาน แม้จะมีอาการอาพาธล้มเจ็บบ้าง ด้วยท่านล่วงเข้าสู่วัยชราแล้ว แต่ยังคงทุ่มเทอุทิศงานสนองพระพุทธศาสนาและคณะสงฆ์อย่างมิรู้เหน็ดเหนื่อย

    ดัง คำปรารภที่ว่า "เราเป็นพระเถระผู้ใหญ่ ไม่ได้สบายอย่างที่คิด ต้องทำงานหนักหลายสิบเท่า ผิดเป็นไม่ได้ เป็นพระผู้ใหญ่มีหน้าที่ดูแลงานคณะสงฆ์ เขามอบหมายหน้าที่ให้ก็ต้องทำ ต้องทำให้ดี คนอื่นจะว่ากล่าวติเตียนเราไม่ได้"

    ในวาระที่ท่านเจ้า ประคุณสมเด็จพระมหาธีราจารย์ เจริญอายุวัฒนมงคล ครบ 88 ปี คณะศิษยานุศิษย์ ได้ร่วมกันจัดงาน ณ วัดชนะสงคราม เขตพระนคร กรุงเทพฯ ตั้งแต่ช่วงเช้าประมาณ 10.00 น.

    ขอเชิญสาธุชนร่วมแสดงมุทิตาจิตด้วยความภูมิใจ ดลบันดาลให้เจ้าประคุณ มีสุขภาพพลานามัยสมบูรณ์ มีชนมายุยืนยาวเป็นร่มโพธิ์ร่มไทรใหญ่ต่อไป
    [/FONT]





    .

    http://www.khaosod.co.th/view_news.php?newsid=TUROd01ERTJNREEyTURJMU5BPT0=&sectionid=TURNd01RPT0=&day=TWpBeE1TMHdNaTB3Tmc9PQ==

    .
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

  14. sithiphong

    sithiphong เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    45,445
    ค่าพลัง:
    +141,948
    ทิ้ง"ไก่ต้มขนมเข่ง" ไปเดินตลาดน้ำตลิ่งชัน

    สัปดาห์นี้หลายคนคงเหนื่อยกับการสรรหาของไหว้ในเทศกาล ตรุษจีนที่ผ่านมา พร้อมมีภารกิจต้องสะสาง "อาหารก้นหม้อ" ที่ไหว้เจ้าอีก ทั้งหมู เห็ด เป็ด ไก่ และขนมเข่งอีกเพียบ งัดวิธีแปรรูปกันมาสารพัด แต่สุดท้ายก็มาจบที่ไก่รวนเค็มและขนมเข่งทอดเหมือนทุกปี

    ถ้าเบื่ออาหารไหว้เจ้าแบบนี้แล้ว แนะนำตลาด น้ำที่ไม่ต้องเดินทางไปไกลนัก หลายคนไปแล้วก็ไปอีก ติดใจทั้ง "ทำเล" และ "บรรยากาศ" ได้อารมณ์ตลาดที่ชาวสวนขนสินค้ามาขายเอง คือ "ตลาดน้ำตลิ่งชัน"

    วันนี้เราเริ่มต้นกันที่ห้างใหญ่ใจกลางเมือง "เซ็นทรัล เวิลด์" รอรถประจำทางสาย 79 มา และก้าวขึ้นไปแสนสะดวกสบาย เพียงต่อเดียวก็ถึงหน้าตลาดน้ำชานเมืองแล้ว รถเมล์วิ่งผ่านประตูน้ำ ราชดำเนิน วิ่งขึ้นสะพานปิ่นเกล้าและเลี้ยวซ้ายขวาไปมาบนถนนจรัญสนิทวงศ์ ต่อด้วยบางขุนนนท์ เห็นความเปลี่ยนแปลงของทิวทัศน์ 2 ข้างทาง ตึกสูงค่อยๆ เลือนหายและถูกแทนที่ด้วยบ้านและสวนร่มรื่น ก่อนพนักงานเก็บสตางค์จะมาสะกิดบอกเราว่าถึงแล้ว

    เราได้ลงตรงทางเข้าตลาดพอดี ขาดอีกนิดเดียว รถเมล์แทบจะเกยแพอาหารพอดี เดินชมร้านค้าสองฝั่งข้างทาง ฝั่งซ้ายมือจะเป็นร้านค้าขายอาหารปรุงสำเร็จ ส่วนด้านขวาจะเป็นร้านขายต้นไม้ดอกไม้ คงถูกใจชาวสวนในกรุงเป็นอย่างดี มีต้นไม้วางขายในกระถางพร้อมติดชื่อและบรรยายสรรพคุณ สนนราคาไม่แพง ถูกใจทั้งลูกค้าและคนขาย

    เมื่อเดินจนสุดทางจะพบแพขายอาหารพอดี มีทั้งหมดเกือบ 10 แพ ซึ่งแต่ละแพจะขายอาหารคล้ายกัน ไม่ว่าจะเป็นผัดไทย ก๋วยเตี๋ยวน้ำตกเย็นตาโฟรสเด็ด กุ้งปิ้ง ปลาเผา ปูปิ้งสีส้มชวนชิม ส้มตำและยำต่างๆ หมูสะเต๊ะควันโขมง รวมทั้งเครื่องดื่มชงแบบโบราณละลานตาไปหมด แล้วแต่เราจะเลือกนั่งแพไหน

    แต่ที่น่ารักที่สุดของทุกแพ เห็นจะเป็น "เก้าอี้และโต๊ะไม้ตัวจิ๋ว" ที่เราต้องย่อตัวเกือบถึงพื้นกว่าจะนั่งได้ งานนี้ไม่เหมาะจะใส่กระโปรงไปนั่งแทะปูเด็ดขาด แต่เหมาะกับการใส่กางเกงขาสั้น พร้อมจัดท่าทางตัวเองให้ชันเข่าขึ้นมา น่าจะทะมัดทะแมงกว่าเยอะ

    [​IMG]

    เราเลือกสั่งผัดไทย ก๋วยเตี๋ยวเย็นตาโฟ แต่ที่ติดใจมากเป็นอันดับ 1 ได้แก่ "ปลาช่อนเผาเกลือ" ที่นำปลาช่อนสดไปคลุกเกลือ ใส่สมุนไพรในตัวปลาเพื่อดับคาว ก่อนนำไปย่างบนเตาถ่านร้อน ได้กลิ่นหอมของฟืนและความสดของเนื้อปลา แกล้มด้วยผักต้มสุกกันเลี่ยน

    [​IMG]

    ก่อนจะแวะซื้อ "หมี่กรอบ" เจ้าดังที่เคยออกรายการโทรทัศน์ และชมพู่มะเหมี่ยวจากเรือของป้าชาวสวน กลับบ้านไปกินแกล้มไก่ต้มและขนมเข่ง เปลี่ยนรสชาติอาหารตรุษจีนที่เคยเป็นมา


    <table style="margin-bottom: 10px;" align="center" border="0" cellpadding="0" cellspacing="0" width="960"> <tbody><tr> <td align="center" background="http://palungjit.org/images/footer-bg.gif" height="214" valign="top" width="960">All Site Contents Copyright © by Matichon Public Co., Ltd. All Rights Reserved.
    </td> </tr> </tbody></table> [​IMG]



    <table align="center" border="0" cellpadding="5" cellspacing="8" width="630"><tbody><tr><td align="center" bgcolor="#e9e9e9" valign="top" width="50%"> [​IMG]
    </td><td align="center" bgcolor="#e9e9e9" valign="top" width="50%"> [​IMG]
    </td></tr><tr><td align="center" bgcolor="#e9e9e9" valign="top" width="50%"> [​IMG]
    </td><td align="center" bgcolor="#e9e9e9" valign="top" width="50%"> [​IMG]
    </td></tr><tr><td align="center" bgcolor="#e9e9e9" valign="top" width="50%"> [​IMG]
    </td><td align="center" bgcolor="#e9e9e9" valign="top" width="50%"> [​IMG]
    หมี่กรอบออกรายการทีวี </td></tr><tr><td align="center" bgcolor="#e9e9e9" valign="top" width="50%"> [​IMG]
    ชมพู่มะเหมี่ยวจากป้า </td><td align="center" bgcolor="#e9e9e9" valign="top" width="50%"> [​IMG]
    ดนตรีจากชมรมลุงๆป้าๆ </td></tr><tr><td align="center" bgcolor="#e9e9e9" valign="top" width="50%"> [​IMG]
    </td><td align="center" bgcolor="#e9e9e9" valign="top" width="50%"> [​IMG]</td></tr></tbody></table>

    พักผ่อนหย่อนพุง : ทิ้ง"ไก่ต้มขนมเข่ง" ไปเดินตลาดน้ำตลิ่งชัน : มติชนออนไลน์

    .



    .
     
  15. sithiphong

    sithiphong เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    45,445
    ค่าพลัง:
    +141,948
    รู้เท่ากัน'โรคคอเกร็ง' ปรับพฤติกรรมลดความเสี่ยง


    เพราะอวัยวะทุกส่วนของร่างกายมีความสำคัญ หากเกิดความผิดปกติเกิดขึ้นกับส่วนหนึ่งส่วนใดแล้วย่อมส่งผลต่อสุขภาพนำมา ซึ่งอุปสรรคในการดำรงชีวิต

    “คอเกร็ง” อีกอาการความ เจ็บป่วยที่อาจถือได้ว่าเป็นภัยเงียบโดยสามารถเกิดขึ้นได้กับทุกเพศวัย ซึ่งในอาการแข็งเกร็งของกล้ามเนื้อส่งผลให้ร่างกายส่วนนั้นมีรูปร่างผิดปกติ ไปและเคลื่อนไหวได้จำกัด

    รองศาสตราจารย์วิวัฒน์ วจนะวิศิษฐ หัวหน้าภาควิชาออร์โธปิดิกส์ คณะแพทยศาสตร์โรงพยาบาลรามาธิบดี มหาวิทยา ลัยมหิดล ให้ความรู้เล่าถึงอาการดังกล่าวว่า คอเกร็ง เป็นอาการปวดคออย่างรุนแรงซึ่งทำให้กล้ามเนื้อบริเวณต้นคอและซอกคอหดเกร็ง และเมื่อขยับเคลื่อนไหวคอเพียงนิดหน่อยก็จะมีอาการปวด

    อาการปวดคออาจจะเกิด ขึ้นอย่างเฉียบพลันและอาจจะเกิดเป็นซ้ำ ๆ ได้ถ้าไม่ได้รับการดูแลที่เหมาะสมอาจนำสู่การปวดเรื้อรังซึ่งกรณีการปวดคอ เกร็งเป็นการปวดอย่างเฉียบพลัน สาเหตุมีด้วยกันหลายประการ แต่ที่มักพูดกันถึงเป็นเรื่องของหมอนรองกระดูกคอเสื่อม ซึ่งก็ทำให้เกิดอาการปวดเกร็งลำคอ

    “หมอนรองกระดูกเสื่อมของคอพบได้ในคนทั่วไปนับแต่อายุ 40 ปีขึ้นไปซึ่งเมื่อหมอนรองกระดูกคอเสื่อมโรคที่จะตามมาด้วยคือกระดูกงอกหรือ ที่เรียกกันว่าหินปูนเกาะโดยจะเกิดอยู่รอบหมอนรองกระดูกและข้อต่อซึ่งถ้า กระดูกงอกนี้ไปเบียดเส้นประสาทจะทำให้เกิดอันตรายได้

    ประเด็นสำคัญคือเมื่อมีอาการปวดเกิดขึ้น ร่างกายจะมีอาการเกร็งทางกล้ามเนื้อซึ่งเมื่อมีอาการดังกล่าวเพื่อบรรเทา ความเจ็บปวดเบื้องต้นต้องหยุดการเคลื่อนไหวโดยอาจนอนพักหรือใส่ปลอกคอช่วย พยุง อาจทานยาแก้ปวด ใช้ถุงน้ำร้อนประคบก็จะช่วยลดคลายอาการปวด กล้ามเนื้อก็จะคลายตัว”

    ส่วนกรณีที่เกิดการปวดเพิ่มขึ้นและปวดไล่จากหัวไหล่ไปถึงแขนลงไปถึงปลายมือ หากมีอาการปวดร้าวลักษณะนี้ก็อาจแสดงให้เห็นว่ามีความเสื่อมเหล่านี้มีมาก ขึ้น มีหินปูนเข้าไปเบียดกดรากประสาทแขนทำให้เกิดอาการปวด รวมทั้งถ้ามีอาการชาร่วมด้วยก็ไม่ควรนิ่งนอนใจควรรีบพบแพทย์เพื่อรับการตรวจ วินิจฉัยอย่างละเอียด อีกภาวะที่ถือว่ามีความเป็นอันตรายสูงคือ การกดไขประสาท ซึ่งอาจทำให้เกิดอัมพฤกษ์ อัมพาตได้

    “การสังเกตว่ามีการกดทับไขประสาทบริเวณนี้หรือไม่ เบื้องต้นอาจสังเกตได้จากขาทั้งสองข้างซึ่งหากมีอาการเกร็ง กระตุกของขา เดินไม่ถนัด โดยอาจทดสอบด้วยตนเองได้ด้วยการเดินต่อเท้าก้าวต่อก้าว หากไม่สามารถเดินทรงตัวได้ก็แสดงว่ามีอาการเบียดกดประสาทไขสันหลังก็ต้องรีบ รับการรักษาและในกรณีนี้ก็มักต้องได้รับการผ่าตัด

    กรณีการปวดธรรมดา ปวดบริเวณต้นคอมีกล้ามเนื้อเกร็ง รวมทั้งกลุ่มที่ปวดร้าวมาที่ปลายแขนจากกดทับรากประสาทส่วนใหญ่ 90 เปอร์เซ็นต์ไม่ต้องผ่าตัด สามารถรักษาได้โดยการทำกายภาพบำบัด ทานยาแก้ปวด ลดอักเสบ ฯลฯ ส่วนใหญ่จะหายจากอาการดังกล่าวได้ ”

    การสังเกตอาการสิ่งนี้มีความสำคัญ หากพบว่ามีการปวดร้าวมาที่แขน กล้ามเนื้ออ่อนแรง ชา การเดินผิดปกติทรงตัวได้ไม่เหมือนเดิม ฯลฯ การสังเกตเหล่านี้จะช่วยให้รู้ว่ากรณีไหนมีความเร่งด่วนควรต้องรีบพบแพทย์ เพื่อรับการรักษา ซึ่งการรักษาดังที่กล่าวนั้นมีด้วยกันหลายวิธี

    นอกจากนี้พฤติกรรม ที่ผิดไปจากปกติ ไม่ว่าจะเป็น การนั่งทำงาน เขียนหนังสือ พิมพ์งาน นั่งโต๊ะกับเก้าอี้ที่ไม่เหมาะสมกัน อย่างการเขียนหนังสือติดต่อกันหลายชั่วโมง พิมพ์คอมพิวเตอร์นาน ๆ ก้มคอทำงานอยู่ในท่าใดท่าหนึ่งนานก็อาจทำให้มีความเสื่อมของกระดูกคอเกิด ขึ้นได้ง่าย

    สาเหตุของการเกร็งของกล้ามเนื้อในกรณีอุบัติเหตุการเล่นกีฬาก็เป็นอีกส่วน หนึ่งที่ทำให้มีการอักเสบของกล้ามเนื้อคอหรือเกิดจากการเอี้ยวคอผิดท่าก็อาจ เกิดการบาดเจ็บของกล้ามเนื้อคอได้เช่นเดียวกัน

    นอกจากนี้อีกภาวะที่พบบ่อยครั้งและระยะหลังก็มีการกล่าวกันถึงมากขึ้นคือ ภาวะพังผืดกล้ามเนื้ออักเสบ ซึ่งก็ทำให้เกิดอาการปวดเกร็งของกล้ามเนื้อโดยมักจะเกิดขึ้นได้นับแต่ บริเวณท้ายทอยด้านหลังทั้งสองข้าง มาถึงต้นคอ สะบักทั้งสองข้าง รวมถึงหัวไหล่ ซึ่งลักษณะของการปวดดังกล่าวนี้จะมีลักษณะเฉพาะที่สามารถตรวจพบได้ที่เรียก ว่าพังผืดกล้ามเนื้ออักเสบที่มีจุดกดเจ็บ ภาวะนี้เป็นได้ทั้งแบบเฉียบพลันและเรื้อรัง แต่มักจะไม่ก่อให้เกิดอันตรายรุนแรงต่อร่างกาย นอกจากจะสร้างความรำคาญ ใช้งานไม่ถนัด อ่อนเพลียง่าย และส่วนใหญ่จะปวดมากตอนกลางคืน ทำให้นอนไม่หลับพักผ่อนไม่เพียงพอ

    ในความเจ็บปวดดังกล่าวที่เป็นเรื้อรังยังพบว่ามีความสัมพันธ์ต่อจิตใจของผู้ ป่วย โดยเฉพาะผู้ที่มีอาการปวดเรื้อรังมักจะพบอาการซึมเศร้าร่วมด้วย แต่อย่างไรก็ตามสามารถที่จะ รักษาให้หายขาดได้ภายในระยะเวลาอันสั้นหากได้รับการวินิจฉัยที่ถูกต้อง เนื่องจากสาเหตุเกิดจากพังผืดของกล้ามเนื้อมีการหดตัว เกร็งเป็นก้อน หลักการรักษาก็จะต้องผ่อนคลายกล้ามเนื้อให้กล้ามเนื้อเหยียดตัวออก

    การรักษาเบื้องต้นก็จะมีท่ากายบริหารที่สามารถปฏิบัติได้โดยง่าย รวมทั้งการใช้ความร้อนประคบหรืออาจใช้การนวดกดจุดคลายกล้ามเนื้อที่มีอาการ เกร็ง หรือการฉีดยาชาลดการปวดก็เป็นอีกส่วนหนึ่งในการรักษาให้ห่างหายจากอาการปวด เหล่านี้

    ดังนั้นก่อนจะต้องเสี่ยงหรือเผชิญกับโรคคอเกร็ง อาการปวดคอที่ไม่เพียงสร้างความทุกข์ทรมานความเจ็บปวดส่งผลต่อการดำเนิน ชีวิตประจำวันก็คงจะต้อง ปรับเปลี่ยนพฤติกรรมเดิมที่ทำให้เกิดความเสี่ยงต่อการเจ็บป่วย

    หันมาสนใจดูแลรักษาสุขภาพไม่มองข้ามความสำคัญของการพักผ่อนที่เพียงพอ ออกกำลังกายสม่ำเสมอ ร่วมกับกายบริหารเพื่อให้กล้ามเนื้อแข็งแรง รวมทั้งการรับประทานอาหารที่สะอาดหลากหลายมีประโยชน์ต่อร่างกายซึ่งนอกจากจะ ช่วยให้ห่างไกลจากอาการดังกล่าวแล้วยังเป็นอีกเกราะป้องกันโรคภัยต่าง ๆ อีกด้วย.

    ทำงาน-พักผ่อนให้พอดี หลีกหนีโรค 'เบิร์น เอาท์'

    เพราะสาว ๆ ยุคใหม่ต้องทำงานทั้งนอกบ้านในบ้านแถมยังต้องดูแล ลูก ๆ ควบคู่ไปด้วยไม่มีวันหยุดพักผ่อนที่เพียงพอจนเกิดอาการเหนื่อยล้า สมองไม่ทำงาน ส่งผลให้เกิดความเครียด นี่คือสัญญาณเตือนภัยว่าจิตใจของเรากำลังเสี่ยงเป็น โรคเบิร์น เอาท์ ซินโดรม “Burn Out Syndrome” ซึ่งไม่ดีต่อสุขภาพแน่นอน เพราะอาจลุกลามเป็นโรคอื่น ๆ ตามมาอีกมากมาย


    ผศ.ดร.นพ.ประกอบ ผู้วิบูลย์สุข ผู้อำนวยการคลินิกเฉพาะโรค ศูนย์การแพทย์โรงพยาบาลกรุงเทพ ให้ความรู้เกี่ยวกับโรค “Burn Out Syndrome” ว่า Burn Out หมายถึง การทำงานหนักมากเกินไปไม่ได้สัดส่วนกับการพักผ่อน จนเกิดอาการสมองไม่แล่น ความจำไม่ดี อ่อนเปลี้ยเพลียแรง นอนไม่หลับ นักจิตเวชชาวอเมริกัน เฮอร์เบิร์ต เจ ฟลอยเดนเบอร์เกอร์ ได้นำชื่อ Burn out มาใช้ในการรักษาทางจิตเวชเมื่อปีค.ศ. 1974 ซึ่งก็คือโรคจิตทางหนึ่งมักเกิดกับคนที่ตั้งความหวังไว้สูงเกี่ยวกับตัวเอง และต้องการความเพอร์เฟกต์จนก่อให้เกิดปฏิกิริยาทางร่างกายและจิตใจ

    จริง ๆ แล้วคนไทยมักมีอาการ “Burn Out” โดยไม่รู้ตัว เพราะคนไข้ที่มาพบจิตแพทย์ส่วนใหญ่มักเป็นโรคซึมเศร้าไปแล้ว นอกจากนี้หญิงไทยยังมีโอกาสเป็นโรค Burn Out Syndrome สูงเพราะต้องแบกภาระมากมายเป็นส่วนหนึ่งที่ทำให้ผู้หญิงเป็นโรคจิต โรคเครียด โรคประสาทมากกว่าผู้ชายถึง 2 เท่า ซึ่งถ้าคนเราทำงานมากกว่าสัดส่วนของการพักผ่อนก็เกิดอาการนี้ได้ แต่หากทำงานแล้วพัก เช่น ทำงาน 1 ชั่วโมงควรใช้สมอง 45 นาที แล้วพัก 10-15 นาที สมองจะได้พักและขจัดเมตาบอลิซึ่มของเสียต่าง ๆ ออกไปซึ่งควรทำเช่นนี้ทุก ๆ ชั่วโมง วันหยุดงานก็เช่นกันทั่วโลกทำงานกัน 5 วันพัก 2 วัน ใน 1 สัปดาห์ถือเป็นเรื่องที่ถูกต้อง แต่ว่า Burn Out ที่ไม่ได้สัดส่วนคือทำงานมากเกินไปจนไม่มีเวลาหยุดพักหรือพักผ่อนไม่เพียงพอ จะหมดเรี่ยวแรงและพลังไปในที่สุด

    หากปล่อยไว้ไม่รักษาอาจก่อให้เกิดโรคอื่น ๆ ได้มากกว่า 100 โรค เช่น โรคเกี่ยวกับหู โรคหัวใจ อัมพฤกษ์ อัมพาต โดยสัญญาณแรกคือหมดพลัง ไม่กระตือรือร้น เฉื่อยชา ความจำแย่ลง ขาดสมาธิ หงุดหงิดง่าย ร่างกายอ่อนแรง นอนไม่หลับ ปวดศีรษะ ประสาทเครียด ความดันโลหิตสูง มีโอกาสเป็นโรคติดเชื้อสูง ซึ่งส่วนมากคนที่เป็นโรค Burn Out มักหาทางออกปลอบจิตตัวเองด้วยการดื่มแอลกอฮอล์ กินยานอนหลับ กินอาหารที่มากเกินไปและสูบบุหรี่จัด ซึ่งไม่ใช่ทางออกที่ดีในการรักษา

    ดังนั้นข้อแนะนำในการรักษาคือ ควรทำงานและพักผ่อนให้ได้สัดส่วน ซึ่งสัดส่วนที่พอดีของแต่ละคนอาจไม่เท่ากัน บางคนอาจมากหรือบางคนอาจน้อยขึ้นอยู่กับแต่ละบุคคลในการจัดความสำคัญของงาน ว่างานใดควรทำก่อนทำหลัง หากจัดสรรเวลาได้ดีแล้วควรมีกิจกรรมคลายเครียด เช่น พูดคุยหรือออกกำลังกายร่วมกับเพื่อน ๆ เพราะการออกกำลังกายทางจิตวิทยาถือว่าเป็นการให้คุณค่าแก่ตัวเราเอง

    สาว ๆ ทราบแบบนี้แล้วอย่าทำงานจนโอเวอร์มากเกินไป เพราะไม่ดีต่อสุขภาพ ที่สำคัญเสี่ยงกับโรคภัยไข้เจ็บที่จะตามมาอีกมากมายทีเดียวค่ะ.

    - สถาบันพยาธิวิทยา ศูนย์อำนวยการแพทย์พระมงกุฎเกล้า กรมแพทย์ทหารบก จัดโครงการ “พลังเลือดใหม่...ถวายแด่พ่อของแผ่นดิน” เนื่องในโอกาสมหามงคลครบ 7 รอบพระชนมพรรษา พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวในปี พ.ศ. 2554 ประจวบกับปี 2554 นี้เป็นปีที่กรมแพทย์ทหารบกมีอายุครบ 111 ปี ในวันที่ 7 มกราคม ที่ผ่านมา จึงขอเชิญชวนนิสิตนักศึกษา ทหาร และประชาชนทั่วไป ร่วมบริจาคโลหิตที่ กองธนาคารเลือด สถาบันพยาธิวิทยา ศูนย์อำนวยการแพทย์พระมงกุฎเกล้า ตั้งแต่วันนี้ถึงเดือนธันวาคม 2554 สอบถามเพิ่มเติมโทร. 0-2354-7572

    - สถาบันมะเร็งแห่งชาติ จัดประชุมวิชาการเรื่อง “นวัตกรรมสู่การป้องกันมะเร็งปากมดลูกในหญิงไทย” พร้อมเปิดตัว “โรบอตเทคโนโลยีสุดล้ำ ระบบการตรวจมะเร็งปากมดลูกที่สมบูรณ์แบบเครื่องแรกในประเทศไทย” ที่ทำให้ผลการตรวจมีความรวดเร็ว แม่นยำ ได้มาตรฐาน ใน วันอังคารที่ 8 กุมภาพันธ์ 2554 เวลา 10.00-12.00 น. ณ Grand Millennium Hotel สุขุมวิท (อโศก) สนใจสอบถามโทร. 08-1377-2111

    - โรงพยาบาลบำรุงราษฎร์ ขอเชิญผู้สนใจฟังบรรยายเรื่อง “ดูแลอย่างไรให้ห่างไกลสมองเสื่อม” ใน วันเสาร์ที่ 12 กุมภาพันธ์ 2554 เวลา 13.00–16.00 น. ณ ห้องประชุม ชั้น 12 อาคารโรงพยาบาลบำรุงราษฎร์ สุขุมวิท 3 โดยไม่เสียค่าใช้จ่าย สำหรับ 20 ท่านแรกที่สำรองที่นั่งล่วงหน้าจะได้รับการตรวจประเมินความเสี่ยงเบื้องต้น เรื่องความจำเสื่อม (ผู้ที่ได้รับการตรวจต้องมีอายุมากกว่า 60 ปีขึ้นไป) สำรองที่นั่งได้ที่ โทร.0-2667-2000

    - โรงพยาบาลเจ้าพระยา ขอเชิญคุณแม่ตั้งครรภ์และผู้สนใจทั่วไป เข้าร่วมกิจกรรม “โครงการครอบครัวยุคใหม่...สุขใจเมื่อตั้งครรภ์” ครั้งที่ 4 ใน วันเสาร์ที่ 12 กุมภาพันธ์ 2554 เวลา 09.00-12.00 น. โดยไม่เสียค่าใช้จ่ายใด ๆ ณ ห้องประชุมโรงพยาบาลเจ้าพระยา สำรองที่นั่งได้ที่คลินิกสูตินรีเวชเที่ยงคืน โทร.0-2434-1111 ต่อ 1208, 1218


    - โรงพยาบาลไทยนครินทร์ร่วมกับ S-26 Mom ขอเชิญคุณแม่ตั้งครรภ์และผู้สนใจร่วมอบรมเชิงปฏิบัติการ เรื่อง “5 สัมผัส สร้างลูกฉลาดตั้งแต่ในครรภ์” ใน วันเสาร์ที่ 12 กุมภาพันธ์ 2554 เวลา 08.30–12.00 น. ณ ห้องประชุม A ชั้น 4 โรงพยาบาลไทยนครินทร์ บางนา-ตราด กม. 3.5 สำรองที่นั่งฟรีได้ที่ โทร.0-2361-2727 ต่อ 3042, 3056



    Daily News Online > หน้าวาไรตี้ > รู้เท่ากัน'โรคคอเกร็ง' ปรับพฤติกรรมลดความเสี่ยง

    .



    .


    .
     
  16. sithiphong

    sithiphong เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    45,445
    ค่าพลัง:
    +141,948
    ย่างเข้าวัยชรา โรคข้อเสื่อมก็ถามหา

    [​IMG]

    ผู้สูงวัยส่วนใหญ่คงมีไม่น้อยที่ประสบปัญหาปวดเข่า บางคนคิดว่าแค่นวด ทายา หรือกินยา เป็นครั้งคราวไปก็น่าจะเพียงพอ

    แต่จริงๆ แล้วอาการปวดเข่าอาจมีสาเหตุมาจากโรคข้อเสื่อม ที่ต้องรักษาอย่างต่อเนื่อง เพื่อหยุดยั้งอาการปวดเข่าได้ในที่สุด
    โรคข้อเสื่อมเป็นความผิดปกติของข้อ พบในผู้ใหญ่อายุตั้งแต่ 45 ปีขึ้นไป และพบมากขึ้นเมื่ออายุมากขึ้นเรื่อยๆ เกิดจากภาวะเสื่อมของข้อที่ผ่านการใช้งานมานาน กระดูกอ่อนผิวข้อถูกทำลาย กระดูกงอกผิดรูป ทำให้เกิดอาการปวดข้อและเคลื่อนไหวข้อไม่สะดวก โรคข้อเสื่อมเป็นโรคที่สร้างความทรมานให้กับผู้ป่วย และทำให้คุณภาพชีวิตทรุดโทรมลง
    แพทย์ผู้เชี่ยวชาญด้านโรคข้อเสื่อม มักแนะนำให้ผู้ป่วยโรคข้อเสื่อมปรับเปลี่ยนพฤติกรรม เช่น หลีกเลี่ยงการนั่งยอง ๆ คุกเข่าเป็นเวลานาน ไม่ยกของหนักเป็นประจำ และส่งเสริมการออกกำลังกายบริหารกล้ามเนื้อรอบข้อ
    กลูโคซามีน ซัลเฟต (Glucosamine sulfate) เป็นสารที่มีโครงสร้างเดียวกับผิวกระดูกอ่อนหุ้มข้อ และมีส่วนในการยับยั้งเอมไซม์ที่ย่อยสลายผิวกระดูกอ่อนได้ ผู้ป่วยต้องใช้ติดต่อกันอย่างน้อย 1 ปี เพื่อให้เกิดประสิทธิภาพสูงสุด ปัจจุบันมีผู้ผลิต กลูโคซามีน ซัลเฟตหลายราย ซึ่งวัตถุดิบที่นำมาใช้และขบวนการผลิตจะแตกต่างกัน ควรเลือกกลูโคซามีน ซัลเฟต ที่มีการศึกษารับรองผลการรักษา เพื่อให้ได้ผลทางการรักษาที่ดีที่สุด
    ปัจจุบันมีผู้ผลิตกลูโคซามีนซัลเฟตหลายราย ซึ่งวัตถุดิบที่นำมาใช้และขบวนการผลิตจะแตกต่างกัน ควรเลือกกลูโคซามีน ซัลเฟต ที่มีการศึกษารับรองผลการรักษา เพื่อให้ได้ผลทางการรักษาที่ดีที่สุด หากซื้อยาโดยไม่ตรวจสอบ อาจได้ยาคุณภาพต่ำจากผู้ผลิตที่ไม่ได้มาตรฐาน ก็เป็นอีกปัจจัยที่เพิ่มความเสี่ยงให้ผู้ป่วย ไม่ได้ผลทางการรักษาที่น่าพอใจ และทำให้โรคข้อเสื่อม ที่เป็นอยู่ทรุดลงไปเรื่อยๆ



    .

    โพสต์ทูเดย์ Lifestyle : ย่างเข้าวัยชรา โรคข้อเสื่อมก็ถามหา

    .
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

  17. sithiphong

    sithiphong เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    45,445
    ค่าพลัง:
    +141,948
    พระธาตุนครพนม หลักชัยศรีโคตรบูรณ์แห่งลุ่มแม่น้ำโขง (ภูมิบ้านภูมิเมือง)


    <table align="left" cellpadding="0" cellspacing="0" width="100%"><tbody><tr><td>
    [​IMG]

    </td> </tr> <tr> <td align="center" height="10">พระธาตุพนมในปัจจุบัน[​IMG]</td> </tr> <tr> <td><center>[​IMG]
    พระธาตุบูรณะก่อนล้ม


    [​IMG]
    พระธาตุบูรณะใหม่


    [​IMG]
    พระธาตุล้ม


    [​IMG]
    พระธาตุศรีโคตรบูรณ์ในลาว


    [​IMG]
    ยอดฉัตรรององค์พระธาตุ


    [​IMG]
    วัดพระธาตุพนม


    [​IMG]
    วัดศรีโคตรบูรณ์-ลาว


    [​IMG]
    วันพระธาตุล้ม </center>
    [​IMG] ในภาคอีสานนั้นหลักชัยแห่งพระพุทธองค์ คือ พระธาตุนครพนม หรือ พระธาตุพนม เป็นโบราณสำคัญที่เป็นหลักฐานถึงความเป็นเมืองสำคัญแห่งอาณาจักรโคตรบูรณ์ ตำนานจากอุรังคนิทานได้เล่าถึงว่า สมัยปัจฉิมโพธิกาลนั้น พระพุทธองค์ สัมมาสัมพุทธเจ้าพร้อมด้วยพระอานนท์ ได้เสด็จมาทางอากาศมายังทิศตะวันออก และลงที่ดอนกอนเนา แล้วจึงเสด็จไปยังหนองคันแทเสื้อน้ำคือ บริเวณที่ตั้งเวียงจันทน์ในปัจจุบัน พระพุทธองค์ได้พยากรณ์ไว้ว่า ในอนาคตนั้นจะเกิดบ้านเมืองใหญ่ที่นี่และเป็นที่ประดิษฐานพระพุทธศาสนา จากนั้นพระพุทธองค์ได้เสด็จไปที่แห่งอื่นตามลำดับ ได้ทรงประทานรอยพระพุทธบาทไว้ที่ โพนฉัน (คือ พระบาทโพนฉัน) อยู่ตรงข้ามอำเภอโพนพิสัย จังหวัดหนองคาย แล้วเสด็จมาที่ พระบาทเวินปลา ซึ่งอยู่เหนือเมืองนครพนมเดี่ยวนี้

    [​IMG] พระพุทธองค์ทรงพยากรณ์ถึงที่ตั้งเมืองมรุกขนคร คือนครพนม พระพุทธองค์ประทับพักแรมที่ภูกำพร้าหนึ่งคืน วันรุ่งขึ้นเสด็จข้ามแม่น้ำโขง ไปบิณฑบาตที่เมืองศรีโคตรบูร พักอยู่ที่ร่มต้นรังต้นหนึ่งคือพระธาตุอิงฮัง เมืองสุวรรณเขต แล้วพระพุทธองค์ แสด็จโดยอากาศมาฉันอาหาร ที่ภูกำพร้า

    [​IMG] ครั้นเมื่อพระพุทธองค์เสด็จปรินิพพานแล้ว มัลลิกษัตริย์ทั้งหลายได้ถวายพระเพลิงพระสรีระ แต่ไม่สำเร็จ จนเมื่อพระมหากัสสปะมาถึงได้ตั้งจิตอธิษฐานว่า พระธาตุองค์ใดที่จะอัญเชิญไปประดิษฐานที่ภูกำพร้า ขอพระธาตุองค์นั้นเสด็จมาอยู่บนฝ่ามือ สิ้นคำดังนี้แล้ว พระอุรังคธาตุ ก็เสด็จมาอยู่บนฝ่ามือขวาของพระมหากัสสปะ ขณะนั้นไฟธาตุก็ลุกขึ้นโชติช่วง เผาพระสรีระได้เองเป็นอัศจรรย์ เมื่อถวายพระเพลิงและแจกพระบรมสารีริกธาตุเสร็จเรียบร้อยแล้ว พระมหากัสสปะพร้อมด้วยพระอรหันต์ ๕๐๐ องค์ จึงอัญเชิญพระอุรังคธาตุ มาทางอากาศ แล้วมาลงที่ดอยแท่นคือภูเพ็ก จากนั้นได้ไปบิณฑบาตที่เมืองหนองหารหลวง เพื่อบอกกล่าวแก่พญาสุวรรณพิงคาระให้ทราบ

    [​IMG] ในตำนานอุรังคธาตุ นั้นได้กล่าวถึงพระธาตุพนมว่า ท้าวพญาทั้งห้าผู้เป็นใหญ่ ได้แก่พญาสุวรรณภิงคาร เจ้าเมืองหนองหานหลวง พญาคำแดง เจ้าเมืองหนองหานน้อย พญาจุลณีพรหมทัต เจ้าเมืองจุลนีพรหมทัต พญาอินทรปัตถ์ เจ้าเมืองอินทปัตถนคร และพญานันทเสน เจ้านครศรีโคตรบูรณ์ ได้ร่วมกันสร้างอูบมูง(อุโมงค์) เพื่อใช้เป็นที่ประดิษฐานพระอุรังคธาตุ ตามพุทธพยากรณ์ โดยก่อดินดิบ (อิฐดิบ)เป็น ฐานพระธาตุพนม แล้วขุดดินลงไปจนเป็นโพรงของอูบมุงนั้น เสร็จแล้วจึงอัญเชิญพระบรมสารีริกธาตุ กระดูกส่วนโดยหน้าอกบรรจุไว้ จากนั้นก็ก่อดินดิบขึ้นเป็นองค์พระธาตุเสร็จแล้วก่อไฟเผาดินดิบพระธาตุเป็น เวลากว่าหลายวัน อิฐองค์พระธาตุจึงแห้งสนิทเป็นเนื้อเดียวกัน

    [​IMG] เมื่อประมาณ พ.ศ. ๘ นั้น พระอุตรเถระและพระโสณเถระ สมณทูตของพระเจ้าอโศกมหาราช ได้อัญเชิญพระอุรังคธาตุมาด้วย และพระมหากัสสปะเถระได้นำมาประดิษฐานไว้บนภูกำพร้า หรือดอยกำพร้า ในคำบาลีว่า กปณบรรพตหรือ กปณคีรี ริมฝั่งแม่น้ำขลนที(แม่น้ำโขง) อันเป็นเขตแขวงนครศรีโคตบูรโบราณ ต่อมาพระธาตุองค์นี้ได้มีการบูรณะปฏิสังขรณ์โดยกษัตริย์แห่งล้านช้างหลาย สมัย กล่าวคือ การบูรณะครั้งแรกและครั้งที่สองนั้นไม่มีหลักฐานบันทึกปีบูรณะไว้ ต่อมาได้บูรณะครั้งที่สามเมื่อ พ.ศ. ๒๑๕๗ ครั้งที่สี่เมื่อ พ.ศ.๒๒๓๓-๒๓๓๕ได้มีการบูรณะสร้างขึ้นเป็นรูปพระธาตุตามแบบที่นิยมสร้างกันใน ศรีโคตรบูรณ์ ในพ.ศ.๒๒๓๓ นั้นพระครูโพนเสม็ด (ญาคูขี้หอม) ปฏิสังขรณ์พระธาตุให้สูงขึ้นกว่าเดิม ครั้งที่๕ เมื่อปี พ.ศ.๒๓๔๙ ครั้งที่๖ เมื่อปี พ.ศ.๒๔๔๔ ภายหลังได้มีการบูรณะครั้งใหญ่ ในพ.ศ.๒๔๘๓ รัฐบาลได้บูรณะพระธาตุให้สูงขึ้นจากเดิมอีก และต่อจากนั้นมาก็มีการบูรณะปรับปรุงทั่วไป เช่น บริเวณโดยรอบพระธาตุ ได้มีพิธียกฉัตรทองคำขึ้นประดิษฐานไว้ที่ยอดองค์พระธาตุ และนำฉัตรเก่าของพระธาตุมาเก็บรักษาไว้ เมื่อปี พ.ศ.๒๔๙๗ นับเป็นพระธาตุที่มีประวัติการสำคัญมาตั้งแต่โบราณ ต่อมาพ.ศ.๒๔๘๕นั้นวัดพระธาตุนครพนมแห่งนี้ได้ยกฐานะเป็น พระอารามหลวงชั้นเอก ชนิดวรมหาวิหาร ถือเป็นโบราณสถานที่สร้างความสัมพันธ์ระหว่างไทย-ลาว ริมฝั่งแม่น้ำโขง เป็นอย่างดี

    [​IMG] วันที่ ๑๑ สิงหาคม พ.ศ.๒๕๑๘เวลา ๑๙.๓๘ น.นั้นเกิดเหตุการณ์สำคัญอันสืบเนื่องจาก มีฝนตกพายุพัดแรงติดต่อมาหลายวันในพื้นที่นครพนม ด้วยความเก่าแก่ขององค์พระธาตุนครพนมนั้น จึงทำให้องค์พระธาตุล้มทะลายลงมาทั้งองค์ ประชาชนทั้งประเทศจึงได้ร่วมบริจาคทุนทรัพย์และรัฐบาลได้ร่วมกันก่อสร้าง องค์พระธาตุขึ้นใหม่ตามแบบพระธาตุเดิม และสร้างเสร็จสิ้นเมื่อวันที่๒๓ มีนาคม พ.ศ.๒๕๒๒ โดยมีการพิธีบรรจุพระบรมสารีริก ธาตุไว้ในองค์พระธาตุ พร้อมด้วยโบราณวัตถุมีค่ามากมายนับหมื่นชิ้นก็บรรจุและประดับไว้ในองค์พระ ธาตุดั่งเดิม โดยเฉพาะฉัตรทองคำที่ประดับบนยอดองค์พระธาตุ นั้นมีน้ำหนักถึง ๑๑๐ กิโลกรัม

    [​IMG] พระธาตุนครพนมจึงเป็นภูมิบ้านภูมิเมืองที่มีพุทธศาสนิกชนจากดินแดนสองริม ฝั่งโขงทั้ง ไทยและลาว หลั่งไหลมาร่วมมงคลสันนิบาต และนมัสการองค์พระธาตุเป็นเวลาถึงหนึ่งเดือนมาจนทุกวันนี้

    <center>พลาดิศัย สิทธิธัญกิจ
    Paladisai@siamrecorder.com


    </center></td></tr></tbody></table>


     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    • 17c1.gif
      17c1.gif
      ขนาดไฟล์:
      18.4 KB
      เปิดดู:
      488
    • 17c2.gif
      17c2.gif
      ขนาดไฟล์:
      25.4 KB
      เปิดดู:
      499
    • 17c3.gif
      17c3.gif
      ขนาดไฟล์:
      31.2 KB
      เปิดดู:
      478
    • 17c4.gif
      17c4.gif
      ขนาดไฟล์:
      57.1 KB
      เปิดดู:
      454
    • 17c5.gif
      17c5.gif
      ขนาดไฟล์:
      13.7 KB
      เปิดดู:
      513
    • 17c6.gif
      17c6.gif
      ขนาดไฟล์:
      27.1 KB
      เปิดดู:
      476
    • 17c7.gif
      17c7.gif
      ขนาดไฟล์:
      30.5 KB
      เปิดดู:
      497
    • 17c8.gif
      17c8.gif
      ขนาดไฟล์:
      49.1 KB
      เปิดดู:
      414
    • 17c9.gif
      17c9.gif
      ขนาดไฟล์:
      63.3 KB
      เปิดดู:
      403
  18. jirautes

    jirautes เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 พฤศจิกายน 2007
    โพสต์:
    195
    ค่าพลัง:
    +575
    สวัสดีครับ
    ผมขอร่วมทำบุญจุดพลุ 1000 บาท
    และร่วมทำหนังสือ 1000 บาทครับ

    ขอหมายเลขบัญชี ด้วยครับ

    โมทนาทุกประการครับ<!-- google_ad_section_end -->
     
  19. sithiphong

    sithiphong เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    45,445
    ค่าพลัง:
    +141,948
  20. sithiphong

    sithiphong เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    45,445
    ค่าพลัง:
    +141,948
    ผมจะส่งให้พร้อมกับคุณเฉลิมพลด้วยครับ


    .
     

แชร์หน้านี้

Loading...