พระวังหน้า ที่หลวงปู่บรมครูเทพโลกอุดรเสก ถ้าต้องการที่จะได้.....

ในห้อง 'งานบุญอื่นๆ' ตั้งกระทู้โดย sithiphong, 23 ธันวาคม 2005.

  1. sithiphong

    sithiphong เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    45,445
    ค่าพลัง:
    +141,948
    บล็อก ของ zeedflower ไม่เห็นว่า จะสุดยอดตรงไหนเลย
     
  2. sithiphong

    sithiphong เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    45,445
    ค่าพลัง:
    +141,948
    zeedflower คุณ หนุ่ม และก็คุณ ทำอะไรไม่ดีไว้คงรู้อยู่แก่ใจ หนังสือเล่มละ 300 ก็ชายเล่มละหมื่น

    ที่zeedflower บอกมาแบบนี้
    แสดงว่า พระอาจารย์นิล กับผม ร่วมมือกันขายหนังสือ (ที่zeedflower บอกว่า ต้นทุนเล่มละ 300 บาท) ขายเล่มละ 10,000 บาท

    ผมเองพึ่งไปซื้อหนังสือวิเคราะห์พระสมเด็จฯกับพี่จิ๋วมา ไม่ถึงเดือน (ผมไปซื้อมาวันที่ 11 ธันวาคม 2553) ผมก็ซื้อมา 500 บาท

    ส่วนต้นทุนการพิมพ์ ที่พี่สิทธิพร พิมพ์มา ก็ไม่ใช่ 300 บาท

    พวกประเภทที่บอกว่า ไปหาท่านอาจารย์ประถมมา เห็นมาเยอะแล้ว ไม่ได้ไปเลย แต่มาอ้างว่าไป

    อีกสองเรื่องที่จะบอก zeedflower เรื่องแรก รำคาญ ที่จะมาโฆษณาเว็บตัวเอง เรื่องที่สอง เว็บที่ว่านั่น บอกว่า เป็นสุดยอดวัดพระแก้ว แต่ดันเอาพระปลอมมาลงด้วย ที่ใช่ ก็เป็นวังหน้า หรือ วังหลวงที่เป็นธรรมดา เท่านั้นเอง ไม่เห็นมีสุดยอดตรงไหนเลย กรรมเยอะครับ เล่นนำพระปลอมมาลงแล้วบอกว่าเป็นพระแท้


    .
     
  3. sithiphong

    sithiphong เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    45,445
    ค่าพลัง:
    +141,948
  4. sithiphong

    sithiphong เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    45,445
    ค่าพลัง:
    +141,948
  5. sithiphong

    sithiphong เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    45,445
    ค่าพลัง:
    +141,948
  6. sithiphong

    sithiphong เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    45,445
    ค่าพลัง:
    +141,948
  7. IT Man

    IT Man ชีวิตที่เหลือ เพื่อพุทธองค์

    วันที่สมัครสมาชิก:
    18 ธันวาคม 2010
    โพสต์:
    4,243
    ค่าพลัง:
    +8,385
    สวัสดีปีเก่า 2553 ครับ หุหุ

    ขอบพระคุณครับพี่ ... ปลอดภัยแน่ เพราะอัญเชิญของสำคัญไปด้วย :)
    โมทนาสาธุนะครับ
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 31 ธันวาคม 2010
  8. IT Man

    IT Man ชีวิตที่เหลือ เพื่อพุทธองค์

    วันที่สมัครสมาชิก:
    18 ธันวาคม 2010
    โพสต์:
    4,243
    ค่าพลัง:
    +8,385
    ทราบมาว่าพี่สิทธิพร นิมนต์พระอาจารย์มาทำบุญที่บ้านในวาระวันขึ้นปีใหม่
    ต้องขอโมทนาสาธุกับพี่สิทธิพรล่วงหน้าด้วยนะครับ

    พรุ่งนี้ผมกลับไปถึง สายๆจะออกไปร่วมถวายผ้าป่าสมทบทุนสร้างพระเจดีย์ เพื่อประดิษฐานพระบรมสารีริกธาตุ พระธาตุ และอื่นๆบนวัดพระธาตุดอยหัวฝายครับ

    ไปแล้วครับ ... :)
     
  9. sithiphong

    sithiphong เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    45,445
    ค่าพลัง:
    +141,948
  10. sithiphong

    sithiphong เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    45,445
    ค่าพลัง:
    +141,948
    <table class="tborder" border="0" cellpadding="6" cellspacing="1" width="100%"><tbody><tr><td class="thead">ขณะนี้มีคนกำลังดูกระทู้นี้อยู่ : 2 คน ( เป็นสมาชิก 1 คน และ บุคคลทั่วไป 1 คน ) </td> <td class="thead" width="14%"> [ แนะนำเรื่องเด่น ] </td> </tr> <tr> <td class="alt1" colspan="2" width="100%"> sithiphong</td></tr></tbody></table>

    อรุณสวัสดิ์ตอนเช้าวันเสาร์สุขสันต์ครับ

    .



    .
     
  11. sithiphong

    sithiphong เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    45,445
    ค่าพลัง:
    +141,948
    [​IMG]


    ในหลวงพระราชทานพร ปีใหม่ 2554


    ขอให้ทุกคนมีความสุขกันถ้วนหน้า ด้วยการให้ความรัก ให้อภัย ทุกฝ่ายร่วมมือ ร่วมความคิดอ่าน สร้างสรรค์ความสุขความเจริญ​มั่นคงให้แก่ตน และ ประเทศชาติ...

    เมื่อวันที่ 31 ธันวาคม พ.ศ. 2553 พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว พระราชทานพรปีใหม่ ประจำปี พ.ศ. 2554 ดังนี้ ประชาชนชาวไทยทั้งหลาย บัดนี้ถึงวาระจะขึ้นปีใหม่ ข้าพเจ้าขอส่งความปรารถนาดีมาอวยพรแก่ท่านทุกๆคน ให้มีความสำเร็จสมประสงค์ในสิ่งที่ปรารถนา

    ความปรารถนาของทุกคน คงไม่แตกต่างกันนัก คือต้องการให้ตนเอง มีความสุขความเจริญ และให้บ้านเมืองมีความสงบร่มเย็น ในปีใหม่นี้ ข้าพเจ้าจึงปรารถนาอย่างยิ่งที่จะเห็นคนไทยมีความสุขถ้วนหน้ากัน ด้วยการให้ คือให้ความรักความเมตตากัน ให้น้ำใจไมตรีกัน ให้อภัยกัน ให้การสงเคราะห์อนุเคราะห์กัน โดยมุ่งดีมุ่งเจริญต่อกันด้วยความบริสุทธิ์และจริงใจ ทุกคนทุกฝ่าย จะได้สามารถร่วมมือ ร่วมความคิดอ่านกัน สร้างสรรค์ความสุข ความเจริญ​มั่นคง ให้แก่ตนแก่ประเทศชาติ อันเป็นสิ่งที่แต่ละคนต้องการให้สำเร็จผลได้ ดังที่ตั้งใจปรารถนา

    ขออานุภาพแห่งคุณพระศรีรัตนตรัย และสิ่งศักดิ์สิทธิ์ทั้งหลาย จงคุ้มครองรักษาท่านทุกคน ให้มีความสุข ไม่มีทุกข์ ไม่มีภัย ตลอดศกหน้านี้โดยทั่วกัน

    พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว พระราชทาน ส.ค.ส. ปีพุทธศักราช 2554 แก่ประชาชนชาวไทย

    ส.ค.ส. พระราชทานของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ในปีพุทธศักราช 2554 นี้เป็นพระบรมฉายาลักษณ์พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ในฉลองพระองค์สากลสีครีมผ้าปักพระกระเป๋าเป็นผ้าลายริ้วสีเหลืองสลับเทา ฉลองพระองค์ชั้นในเป็นเชิ้ตขาว ทรงผูกเนคไทลายริ้วสีเหลืองสลับเทา ประทับบนพระเก้าอี้ ด้านข้างพระเก้าอี้ที่ประทับทั้งสองข้าง มีโต๊ะสูง โต๊ะด้านซ้ายวางแจกันแก้วก้านสูงปักดอกไม้หลายสี โต๊ะด้านขวาวางแจกันแก้ว ขนาดเล็กปักดอกไม้หลากสีเช่นกัน ทรงฉายกับสุนัขทรงเลี้ยง 2 สุนัข คือคุณทองแดง ที่ทรงเลี้ยงมาตั้งแต่ปี 2541 หมอบอยู่หน้าพระเก้าอี้ด้านขวาและคุณทองแท้ที่ทรงเลี้ยงมาตั้งแต่ปี 2542 หมอบอยู่หน้าพระเก้าอี้ด้านซ้าย

    ด้านหลังพระเก้าอี้ที่ประทับเป็นผ้าม่านสีเทาอ่อน มีแจกันดอกไม้ขนาดใหญ่ปักดอกกุหลาบ และดอกไฮเดรนเยีย หลากสีตั้งอยู่ 2 แจกัน แจกันด้านซ้ายมีตราพระมหาพิชัยมงกุฎประดับอยู่ ส่วนแจกันด้านขวามีผอบทองประดับอยู่ ถัดไปทางด้านหลังทั้งสองด้าน มีกระถางไม้ประดับตั้งอยู่

    มุมบนด้านซ้ายมีตัวอักษร สีเหลืองข้อความว่า ส.ค.ส.สวัสดีปีใหม่ 2554 มุมบนด้านขวามีข้อความภาษาอังกฤษ Happy New Year 2011

    ด้านล่างของ ส.ค.ส. มีข้อความเป็นตัวหนังสือพิมพ์ด้วยสีน้ำเงินว่า ขอจงมีความสุขความเจริญ มุมล่างขวา มีข้อความ ก.ส. 9 ปรุง 121923 ธค. 53 พิมพ์ที่โรงพิมพ์สุวรรณชาด ท.พรหมบุตร , ผู้พิมพ์โฆษณา Printed at the Suvarnnachad publishing, D Buramaputra, Publisher

    กรอบของ ส.ค.ส. พระราชทานฉบับนี้ เป็นภาพใบหน้าคนเล็กๆ เรียงกันด้านละ 3 แถว ทุกหน้า มีแต่รอยยิ้ม


    ในหลวงพระราชทานพรปีใหม่ พ.ศ.2554 - ข่าวไทยรัฐออนไลน์

    ที่มา ไทยรัฐออนไลน์

    .
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    • 2554.jpg
      2554.jpg
      ขนาดไฟล์:
      103.8 KB
      เปิดดู:
      166
  12. sithiphong

    sithiphong เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    45,445
    ค่าพลัง:
    +141,948
  13. sithiphong

    sithiphong เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    45,445
    ค่าพลัง:
    +141,948
    รู้จัก “กระต่าย” ต้อนรับปี “เถาะ” <table border="0" cellpadding="0" cellspacing="0" width="100%"> <tbody><tr> <td bgcolor="#cccccc" height="1">[​IMG]</td> </tr> </tbody></table> <table border="0" cellpadding="4" cellspacing="0"><tbody><tr><td class="body" align="left" valign="middle">โดย ASTVผู้จัดการออนไลน์</td> <td class="date" align="left" valign="middle">1 มกราคม 2554 00:30 น.</td></tr></tbody></table>

    <table border="0" cellpadding="0" cellspacing="0"> <tbody><tr> <td align="center" valign="top"> <table border="0" cellpadding="0" cellspacing="0"> <tbody><tr> <td align="right" height="1" valign="bottom" width="1">[​IMG]</td> <td align="center" background="/images/linedot_hori.gif" height="1" valign="bottom">[​IMG]</td> <td align="left" height="1" valign="bottom" width="1">[​IMG]</td> </tr> <tr> <td align="center" background="/images/linedot_vert.gif" valign="middle" width="1">[​IMG]</td> <td> <table border="0" cellpadding="0" cellspacing="5" width="100%"> <tbody><tr> <td align="center" valign="middle">[​IMG]</td> </tr> </tbody></table> </td> <td align="center" background="/images/linedot_vert.gif" valign="middle" width="1">[​IMG]</td> </tr> <tr> <td align="right" height="1" valign="top" width="1">[​IMG]</td> <td align="center" background="/images/linedot_hori.gif" height="1" valign="top">[​IMG]</td> <td align="left" height="1" valign="top" width="1">[​IMG]</td> </tr> </tbody></table> <table border="0" cellpadding="4" cellspacing="0" width="100%"> <tbody><tr> <td class="body" align="center" valign="baseline">กระต่ายบ้าน</td> </tr> </tbody></table> </td> </tr> </tbody></table>
    <table border="0" cellpadding="0" cellspacing="0" width="100%"><tbody><tr> <td align="left" height="12" valign="bottom">[​IMG]</td> </tr> <tr> <td bgcolor="#cccccc"> <table border="0" cellpadding="0" cellspacing="1" width="100%"> <tbody><tr> <td align="center" bgcolor="#ffffff" valign="top"> <table cellpadding="0" cellspacing="0" width="100%"> <tbody><tr> <td align="center" valign="top" width="160"> <table border="0" cellpadding="0" cellspacing="4" width="100%"> <tbody><tr> <td align="center" valign="top"> <table border="0" cellpadding="0" cellspacing="0" width="100%"> <tbody><tr> <td align="center" valign="top"> <table border="0" cellpadding="0" cellspacing="0" width="100%"> <tbody><tr> <td class="body" align="center" valign="baseline">คลิกที่ภาพเพื่อดูขนาดใหญ่ขึ้น</td> </tr> </tbody></table> <table border="0" cellpadding="0" cellspacing="0" width="100%"> <tbody><tr> <td align="center" valign="middle">[​IMG]</td> </tr> <tr> <td align="center" valign="baseline">กระต่าย"ฮอร์แมน" หนัก 7.7 ก.ก. หูยาว 21 ซ.ม. และตัวยาว 1 ม. </td> </tr> </tbody></table>
    <table border="0" cellpadding="0" cellspacing="0" width="100%"> <tbody><tr> <td align="center" valign="middle">[​IMG]</td> </tr> <tr> <td align="center" valign="baseline">ตัวอ่อนกระต่ายที่เพิ่งคลอดได้ 1 ชม.</td> </tr> </tbody></table>
    <table border="0" cellpadding="0" cellspacing="0" width="100%"> <tbody><tr> <td align="center" valign="middle">[​IMG]</td> </tr> <tr> <td align="center" valign="baseline">ดวงจันทร์ (ซ้าย) พร้อมทาบกราฟิกตามจินตนาการกระต่ายบนดวงจันทร์ (ขวา)</td> </tr> </tbody></table>
    <table border="0" cellpadding="0" cellspacing="0" width="100%"> <tbody><tr> <td align="center" valign="middle">[​IMG]</td> </tr> <tr> <td align="center" valign="baseline">ลักษณะการอุ้มกระต่ายที่ถูกต้อง จับคอเพื่อประคองใช้มือช้อนก้น และแนบตัวให้หัวซุกเข้าลำตัว (fauvet.fau.edu)</td> </tr> </tbody></table>
    <table border="0" cellpadding="0" cellspacing="0" width="100%"> <tbody><tr> <td align="center" valign="middle">[​IMG]</td> </tr> <tr> <td align="center" valign="baseline">ปะติมากรรมกระต่ายในแคลิฟอร์เนีย แรงบันดาลใจจากตำนานเทพกระต่าย (Bill Bowman / champaign411.com)</td> </tr> </tbody></table>
    <table border="0" cellpadding="0" cellspacing="0" width="100%"> <tbody><tr> <td align="center" valign="middle">[​IMG]</td> </tr> <tr> <td align="center" valign="baseline">กระต่ายขาวนิวซีแลนด์ ตัวขาวตาชมพูนิยมใช้ทดลองและบริโภคเนื้อ</td> </tr> </tbody></table>
    <table border="0" cellpadding="0" cellspacing="0" width="100%"> <tbody><tr> <td align="center" valign="middle">[​IMG]</td> </tr> </tbody></table>
    <table border="0" cellpadding="0" cellspacing="0" width="100%"> <tbody><tr> <td align="center" height="1" valign="middle" width="165">[​IMG]</td> </tr> </tbody></table> </td> </tr> </tbody></table></td> </tr> </tbody></table></td> <td background="/images/linedot_vert3.gif" width="4">[​IMG]</td> <td align="center" valign="top"> <table border="0" cellspacing="7" width="100%"> <tbody><tr> <td align="center" valign="top"> <table border="0" cellpadding="0" cellspacing="0" width="100%"> <tbody><tr> <td class="body" align="left" valign="baseline"> สวัสดีปีใหม่ เราก้าวเข้าสู่ศักราชใหม่ ก็ถือว่าเป็นการเริ่มปีนักษัตรใหม่ “ปีเถาะ” แม้ว่าปีนักษัตรเราจะนับกันตามปีใหม่ไทย (สงกรานต์) และปีใหม่จีน (ตรุษจีน) แต่ยุคปัจจุบันเพื่อความสะดวก เราก็นับรวมเถลิงศกกันไปพร้อมๆ กับปฏิทินสากล

    “เถาะ” ปีนักษัตรลำดับที่ 4 ที่มีกระต่ายเป็นสัญญลักษณ์ ตำราโหราศาสตร์บอกว่า ปีนี้เป็นปีที่ดีเป็นอันดับต้นๆ ในบรรดา 12 ปีเลยทีเดียว

    ในแง่โหราศาสตร์ดูดวง เสิรมชะตาก็ว่ากันไป แต่เมื่อพูดถึงสัตว์สัญญลักษณ์ประจำปีอย่าง “กระต่าย” แล้ว ทำให้ทีมข่าววิทยาศาสตร์สนใจศึกษาเรื่องราวของกระต่ายที่จะอยู่กับเรา (ในนาม) ไปถึง 1 ปีเต็มๆ นับจากนี้ …. ดูกันซิว่า เรารู้จักกระต่ายดีแค่ไหน

    กระต่ายบ้าน-กระต่ายป่า

    “กระต่าย” จัดอยู่ในจำพวกสัตว์เลี้ยงลูกด้วยนม มีกระดูกสันหลัง มีลำตัวขนาดเล็ก ขนปุย หูยาว ข้อมูลจากวิกิพีเดียระบุว่า กระต่ายถือกำเนิดมาในโลกเมื่อ 50 ล้านปีมาแล้ว บริเวณทวีปเอเชีย และอเมริกาเหนือ ทั่วโลกมีอยู่ 58 ชนิด จัดอยู่ในวงศ์กระต่ายธรรมดา (Leporidae) 44 ชนิด และวงศ์กระต่ายหูสั้น (Ochotonidae) อีก 14 ชนิด

    กระต่ายธรรมดามีขาหลังที่ยาว ทำให้วิ่งได้เร็ว ใบหูยาวหมุนไปมาได้ และมีหางสั้น ส่วนกระต่ายหูสั้นจะมีขาทั้งคู่หน้าและคู่หลังสั้นพอๆ กัน ใบหูจะสั้นเป็นมนกลม และจะไม่เห็นหางจากภายนอก

    ในวงศ์กระต่ายธรรมดา ยังแบ่งออกเป็นกระต่ายเลี้ยง (Rabbit) ซึ่งชอบอยู่กันเป็นฝูง และกระต่ายป่า (Hare) ที่ชอบอยู่โดดเดี่ยว

    ทั้งนี้ กระต่ายที่พบอาศัยตามป่าทั่วไปในประเทศไทยมีชนิดเดียว คือ กระต่ายป่า (Lepus peguensis) ซึ่งมีขนสีน้ำตาล ใต้หางสีขาว ขุดดินเป็นโพรงอาศัย ส่วนที่นำมาเลี้ยงตามบ้าน มีหลายชนิดและหลายสี แต่ที่พบมากจะเป็นสีอ่อน เช่นสีขาว

    กระต่ายเกือบจะเป็นหนู

    แม้ว่ากระต่ายจะเป็น “สัตว์ฟันแทะ” ที่มีฟันหน้าขนาดใหญ่ลักษณะคล้ายหนู แต่กระต่ายเป็นสัตว์ฟันแทะมีฟันหน้า 2 คู่ (lagomorph) ต่างจากพวกหนูหรือกระรอกที่มีฟันแทะคู่เดียว (rodent)

    เดิมทีมีการจัดกระต่ายไว้เป็นสัตว์ฟันแทะในอันดับโรเดนเทีย (Rodentia) ร่วมกับพวกหนูและกระรอก แต่เมื่อพบว่ากระต่ายมีลักษณะหลายอย่างเป็นของตนเอง ที่แตกต่างจากพวกหนูและกระรอกมาก โดยเฉพาะกระต่ายที่มีฟันตัด2 คู่ทางด้านหน้าของขากรรไกรบนคู่ที่สองมีลักษณะเป็นปุ่มเล็กซุกอยู่ภายในคู่ หน้า ในขณะที่หนูและกระรอกมีฟันตัดเพียงคู่เดียว

    ขยายพันธุ์ว่องไว

    ถ้าใครเลี้ยงกระต่ายคงจะทราบกันดีถึงความสามารถในการผลิต ประชากรกระต่าย โดยกระต่ายบ้านสามารถผสมพันธุ์ได้บ่อย และตั้งท้องปีละหลายครั้ง

    กระต่ายเลี้ยงในยุโรปตอนเหนือผสมพันธุ์ในช่วง ก.พ.-ก.ย. ออกลูกได้ 3-5 ครอก ครอกละ 5-6 ตัว สำหรับกระต่ายป่าในซีกโลกเหนือ ออกลูก 2-4 ครอก ครอกละ 1-9 ตัว ในฤดูใบไม้ผลิและฤดูร้อน แต่ในเขตร้อนกระต่ายป่าผสมพันธุ์ได้ตลอดปี ตัวเมียตั้งท้องเพียง 1 เดือน ปีหนึ่งจึงสามารถออกลูกได้ 4-8 ครอก ลูกกระต่ายที่มีอายุราว 6-8 สัปดาห์จะแยกจากแม่ได้และมีอายุเฉลี่ย 9-12 ปี

    ทั้งนี้ ในมดลูกของกระต่ายเพศเมียจะมี 2 ช่อง นั่นหมายความว่า กระต่ายจะสามารถอุ้มท้องตัวน้อยได้ถึง 2 ครอก ที่มีอายุครรภ์ต่างกันได้ในเวลาเดียวกัน

    ถ้าไม่ได้กินสิ่งที่ถ่าย มีตายแน่นอน

    กระต่ายอยู่ในสภาพแวดล้อมได้หลายแบบทั้งเขตร้อนและหนาว อาหารส่วนใหญ่เป็น หญ้า พืชล้มลุก รากไม้ เปลือกไม้

    เวลาอาหารของกระต่าย พวกมันจะกินหญ้าจำนวนมากอย่างรวดเร็ว และขับถ่ายออกมาเป็นเม็ดแข็ง ส่วนที่เป็นเกล็ดของเสียจะไม่ถูกย่อย และเมื่อผ่านการกินอย่างหักโหมไปประมาณ 8 ชั่วโมงกระต่ายจะถ่ายมูลอ่อนออกมา ซึ่งส่วนใหญ่จะตรงกับช่วงกลางคืน

    มูลอ่อนดังกล่าวจะมีวุ้นเคลือบ และเมื่อเช้ามาถึงกระต่ายก็จะกินมูลอ่อนเหล่านี้ ซึ่งเชื้อแบคทีเรียในมูลอ่อน เมื่อสัมผัวกับอากาศจะสร้างวิตามินบางชนิดขึ้น วิตามินเหล่านี้จำเป็นมากต่อสุขภาพของกระต่าย หากไม่ได้กินมูลอ่อนกระต่ายจะตายภายในเวลา 3 วัน

    ใช้งานได้ทั้งในครัว-ห้องแล็บ

    การบริโภคเนื้อกระต่ายเป็นที่แพร่หลายในหลายพื้นที่ ทั้งในยุโรป อเมริกาทั้งตอนเหนือและใต้ รวมถึงตะวันออกกลาง

    แม้ว่าปัจจุบันในอังกฤษจะไม่มีเนื้อกระต่ายวางขายในซุเปอร์มาร์เก็ต แต่ตามร้านขายเนื้อหรือตลาดพื้นเมืองยังมีให้เห็นกันอยู่อย่างแน่นอน โดยร้านจะห้อยกระต่ายตายแล้วที่ยังไม่ได้แล่โชว์กันให้เห็นอันเป็นสไตล์

    ที่ซิดนีย์ เคยนิยมกินกระต่ายกันมาก ถึงกับมีชื่อทีมรักบี้ว่า “เซาธ์ ซิดนีย์ แรบบิโทธส์” (South Sydney Rabbithos) แต่ความนิยมบริโภคกระต่ายในซิดนีย์ต้องหมดไป เมื่อเหล่ากระต่ายเลี้ยงโดนโรคระบาดคุกคาม

    อย่างไรก็ดี ในแถบภูมิภาคอินโดจีนไม่นิยมกินกระต่าย แต่ก็ใช้กระต่ายเป็นอาหารสำหรับงูใหญ่

    กระต่ายทั้งถูกล่าด้วยปืน และส่วนที่เลี้ยงก็จะถูกฆ่าด้วยการทุบด้านหลังหัว เนื้อกระต่ายมีโปรตีนสูง ปรุงอาหารได้หลากหลายชนิดแบบเดียวกับเนื้อไก่ ซึ่งเนื้อกระต่ายที่ได้รับความนิยมที่สุดคือ “กระต่ายขาวนิวซีแลนด์”

    และกระต่ายขาวนิวซีแลนด์นี้ ก็ยังได้รับนิยมนำไปศึกษาและวิจัย ทั้งทางด้านพยาธิวิทยาเพราะเป็นแหล่งของสารที่เร่งให้เกิดลิ่มเลือด ด้านสรีรวิทยาการสืบพันธุ์ ต่อมไร้ท่อ รวมทั้งใช้ทดสอบความปลอดภัยของยาชนิดต่างๆ วัคซีน และทดสอบความเป็นพิษ

    บอบบางตายง่าย?

    กระต่ายขยายพันธุ์ง่าย และก็ตายง่ายไม่แพ้กัน ผู้เลี้ยงกระต่ายทราบดี โดยเฉพาะอย่างยิ่งในช่วงฤดูร้อน ที่กระต่ายอาจเกิดอาการช็อคตายได้ง่าย เพราะกระต่ายไม่มีต่อมเหงื่อ ระบายความร้อนได้ยาก เมื่ออากาศร้อนกระต่ายจะต้องหายใจถี่ขึ้น ที่จมูกจะสั่นเร็วขึ้น รวมถึงที่เส้นเลือดแดงใหญ่กลางหูจะช่วยทำงานระบายความร้อนมากขึ้น แต่ก็ยังระบายความร้อนไม่ทัน จึงทำให้อุณหภูมิในร่างกายสูงจนช็อคตาย

    อย่างไรก็ดี การให้น้ำกระต่ายเป็นสิ่งที่ทำได้ เพราะกระต่ายต้องการใช้ระบายความร้อน แต่ส่วนใหญ่ที่เราเลี้ยงกระต่ายกันก็ให้ผักหญ้า ซึ่งพืชพวกนี้มีน้ำสะสมอยู่ในระดับหนึ่ง ทำให้บางครั้งกระต่ายก็ไม่ต้องการน้ำเพิ่ม แต่หลายคนอาจมีความเชื่อว่าการให้น้ำกระต่าย อาจเป็นเหตุให้กระต่ายตายได้ นั่นอาจจะเป็นเพราะความสะอาดของน้ำหรือภาชนะบรรจุ

    นอกจากนี้ ในการจับกระต่าย ไม่ใช่จับที่หูแล้วดึงขึ้นมา เพราะถ้ากระต่ายตัวใหญ่และมีน้ำหนักมาก อาจทำให้เนื้ออ่อนบริเวณหูฉีกขาดได้ แต่ให้ค่อยๆ ประคองตัวลักษณะเหมือนอุ้มเด็ก และให้ทำด้วยความนุ่มนวล โดยเฉพาะหากกอดรัดที่บริเวณท้องอย่างรุนแรงก็จะทำให้กระต่ายได้รับอันตราย ถึงตายได้

    ปัจจุบัน กระต่ายกลายเป็นมลพิษต่อสิ่งแวดล้อม เมื่อมนุษย์นำออกจากป่าไปเลี้ยงและกระต่ายขยายพันธุ์เร็วเกินกว่าจะรับภาระ ไหว จึงพากระต่ายกลับไปปล่อยแต่ก็กลับไปไม่ถึงป่า ส่งผลให้กระต่ายสร้างปัญหาต่อเรือกสวนไร่นา โดยเฉพาะแนวคันนาหรือสวนที่นิยมใช้หญ้าทำเป็นแนว กลับกลายเป็นแหล่งอาหารชั้นดีให้เหล่ากระต่าย

    อย่างไรก็ดี ปัญหาประชากรกระต่ายก็ยังคงสร้างความยุ่งยากให้แก่เกษตรกร โดยเฉพาะอย่างยิ่งประเทศออสเตรเลีย และนิวซีแลนด์ที่แม้ไม่ใช่แหล่งกำเนิดของกระต่าย กลับมีปัญหากับการรุกล้ำพื้นที่ของกระต่ายไม่น้อย ซึ่งทั้ง 2 ประเทศนี้ได้จัดให้กระต่ายเป็น “ศัตรูพืช” ชนิดหนึ่ง เจ้าของที่สามารถจัดการและควบคุมได้โดยถูกกฎหมาย

    ส่วนพฤติกรรมของกระต่ายดูเหมือนจะตื่นเต้นตกใจง่ายนั้น เป็นไปตามสัญชาติญาณระวังภัย คำว่า “กระต่ายตื่นตูม” เป็นสำนวนที่มาจากนิทานชาดก อ้างถึงสมัยพระพุทธเจ้า ซึ่งสามารถหาอ่านกันได้ ส่วนปีเถาะหนนี้เราจะเป็น “กระต่ายตื่นตัว” ประกอบกิจการงานและใช้ชีวิตอย่างมีสติก็คงจะดีไม่น้อย.



    ************************************

    เรื่องน่าสนของ "กระต่าย"

    - สถิติโลกบันทึกไว้ว่ากระต่ายกระโดดได้สูงที่สุด 1 เมตร

    - บันทึกเล่มเดียวกันก็ยังบอกไว้ว่า กระต่ายกระโดดได้ไกลที่สุด 3 เมตร

    - กระต่ายครอกที่ใหญ่ที่สุด คือคลอดออกมา 24 ตัว มีบันทึกไว้ถึง 2 ครั้งในปี 1978 และ 1999

    - หูกระต่ายที่ยาวที่สุดในโลกคือ 31.125 นิ้ว เป็นกระต่ายอเมริกัน

    - กระต่ายที่อายุยืนที่สุดคืออยู่ได้ถึง 19 ปี

    - กระต่ายที่หนักที่สุดในโลกมีน้ำหนัก 12 กิโลกรัม

    - กระต่ายป่าที่เล็กที่สุดในโลกคือพันธุ์ปิกมี่ หรือ ลิตเติ้ลไอดาโฮ ในสหรัฐอเมริกา มีน้ำหนักน้อยกว่าครึ่งกิโลกรัม

    - กระต่ายจะตื่นตัวอย่างยิ่งในช่วงเช้าตรู่และยามเย็นโพล้เพล้

    - กระต่ายมองเห็นด้านหลังได้โดยไม่ต้องหันหัว

    - กระต่ายมีสีขนมากถึง 150 สี แต่มีสีตาเพียง 5 สี คือ น้ำตาล, น้ำเงิน-เทา, น้ำเงิน,ชมพู (แดง), และลูกแก้ว

    - กระต่ายตัวขาวตาแดง เพราะดวงตาของกระต่ายสีขาวอย่างพันธุ์นิวซีแลนด์ไวท์หรือแคลลิฟอร์เนียน ไม่มีเม็ดสี ทำให้เห็นเส้นเลือดสีแดงในตาซึ่งจะ สะท้อนแสงให้เราเห็นตากระต่ายเป็นสีแดง

    (ข้อมูลจาก pet-rabbit-care-information.com)</td></tr></tbody></table></td></tr></tbody></table></td></tr></tbody></table></td></tr></tbody></table></td></tr></tbody></table>

    Science - Manager Online -
     
  14. sithiphong

    sithiphong เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    45,445
    ค่าพลัง:
    +141,948
    รู้ไหมว่า ... มีโรค "ไข้กระต่าย" ด้วย <table border="0" cellpadding="0" cellspacing="0" width="100%"> <tbody><tr> <td bgcolor="#cccccc" height="1">[​IMG]</td> </tr> </tbody> </table> <table border="0" cellpadding="4" cellspacing="0"> <tbody><tr><td class="body" align="left" valign="middle">โดย ASTVผู้จัดการออนไลน์</td> <td class="date" align="left" valign="middle">1 มกราคม 2554 00:32 น.</td></tr></tbody> </table>
    นอกจากเชื้อไข้หวัด จากนกที่ต้องระมัดระวังเป็นพิเศษกันแล้ว สำหรับผู้ที่บริโภคหรือคลุกคลีกับ "กระต่าย" ก็ต้องระวังเชื้อโรคจากกระต่ายเช่นกัน

    "โรคไข้กระต่าย" (Rabbit Fever) หรือชื่ออย่างเป็นทางการคือ "โรคทูลาเรเมีย" (Tularemia) ตามข้อมูลของ นสพ.ธีรศักดิ์ ชักนำ สำนักระบาดวิทยา กระทรวงสาธารณสุขระบุว่า เป็นโรคติดต่อจากสัตว์ถึงคน ที่มีอันตรายสูงโรคหนึ่ง เนื่องจากสามารถติดต่อทางละอองฝอยได้ และสามารถใช้เป็นอาวุธชีวภาพที่สหรัฐอเมริกาจัดไว้ตั้งแต่ปี พ.ศ. 2545

    แม้ว่าโรคจะนี้เกิดในแถบยุโรป เอเซียไมเนอร์ และสหรัฐอเมริกา แต่เมื่อปี 2551 หลายคนอาจจะคุ้นหู เพราะมีรายงานพบหญิงวัย 37 ปี ที่ จ.ประจวบคีรีขันธ์ ป่วยเป็นโรคไข้กระต่ายรายแรกของไทย และเสียชีวิตในที่สุด

    โรคนี้เกิดจากเชื้อแบคทีเรีย บาซิลัส ฟรานซิสล่า ทูลารีซิส (Francisella tularensis) มี 4 ชนิด โดยชนิด A มีความรุนแรงที่สุด มักพบในสัตว์ป่ารวมทั้งสัตว์ฟันแทะ เช่น กระต่าย หนู กระรอก กวาง แพรีด็อก และสามารถติดต่อมายังสัตว์เลี้ยงจำพวกวัว ควาย แกะ และแมว ได้โดยแมลงนำโรค

    “ไข้กระต่าย” ติดต่อในสัตว์ป่าด้วยกัน แต่เมื่อนำสัตว์ป่ามาเลี้ยงก็ทำให้โรคนี้ติดต่อจากสัตว์มาสู่คน ทั้งโดยแมลงพาหะ หรือสัมผัสกับสารคัดหลั่งของสัตว์ที่ป่วยด้วยโรคนี้ เข้าทางบาดแผล หรือถูกสัตว์ป่วยกัดโดยตรง การหายใจ หรือกินอาหารหรือน้ำที่มีเชื้อโรคปนได้เชื้อก็สามารถทำให้ติดเชื้อได้ แต่ยังไม่มีรายงานการติดต่อระหว่างคนสู่คน

    เชื้อนี้จะใช้เวลาในการฟักตัวในคนประมาณ 3-5 วัน จึงจะแสดงอาการ

    หากเชื้อเข้าทางผิวหนังจะเกิดบาดแผล ต่อมน้ำเหลืองบวมโตตรงที่รับเชื้อ หากเชื้อเข้าสู่ร่างกายโดยการหายใจผู้ติด เชื้อจะเป็นไข้แบบไทฟอยด์ คือมีไข้ หนาวสั่น โลหิตเป็นพิษ ปวดศีรษะ ท้องเสีย ปวดกล้ามเนื้อ ปวดข้อ ไอแห้งๆ และอ่อนเพลีย หากผู้ป่วยมีอาการปอดบวมร่วมด้วยจะเจ็บหน้าอก มีเสมหะเป็นเลือด อึดอัด หายใจไม่สะดวก จนอาจหยุดหายใจ ลักษณะปอดบวมจากการตรวจทางรังสีทรวงอก

    ทั้งนี้ อัตราตายของโรคแบบไข้มีประมาณ 35% สามารถรักษาโดยการใช้ยาปฏิชีวนะ

    อย่างไรก็ดี มีรายงานพบว่า เมื่อนำเนื้อกระต่ายที่นิยมบริโภคมาแช่แข็งในอุณหภูมิ -15 องศาเซลเซียส ไม่สามารถฆ่าเชื้อนี้ได้ เว้นแต่จะนำไปปรุงให้สุกในอุณหภูมิ 100 องศาเซลเซียส นาน 10 นาที

    สำหรับผู้ที่เลี้ยงกระต่ายหรือสัตว์ที่เป็นฟันแทะ เช่น กระรอก หนู กรมควบคุมโรคแนะนำว่า ให้เลือกซื้อหรือนำมาจากแหล่งที่ไม่มีสัตว์ป่วย อีกทั้งหากสัมผัสกับสัตว์เหล่านี้ควรล้างมือทุกครั้ง โดยเฉพาะถ้ามีบาดแผล ไม่ควรคลุกคลีหรือกอดหอม และต้องรักษาความสะอาดทั้งตัวสัตว์และสถานที่เลี้ยง ก็จะสามารถป้องกัน “โรคไข้กระต่าย” ได้.

    Science - Manager Online -
     
  15. sithiphong

    sithiphong เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    45,445
    ค่าพลัง:
    +141,948
    กระต่ายในตำนาน และความเชื่อของชนชาติต่างๆ <table border="0" cellpadding="0" cellspacing="0" width="100%"> <tbody><tr> <td bgcolor="#cccccc" height="1">[​IMG]</td> </tr> </tbody> </table> <table border="0" cellpadding="4" cellspacing="0"> <tbody><tr><td class="body" align="left" valign="middle">โดย ASTVผู้จัดการออนไลน์</td> <td class="date" align="left" valign="middle">1 มกราคม 2554 00:32 น.</td></tr></tbody> </table>
    [​IMG] <table border="0" cellpadding="0" cellspacing="0" width="100%"> <tbody><tr> <td align="left" height="12" valign="bottom">[​IMG]</td> </tr> <tr> <td bgcolor="#cccccc"> <table border="0" cellpadding="0" cellspacing="1" width="100%"> <tbody><tr> <td align="center" bgcolor="#ffffff" valign="top"> <table cellpadding="0" cellspacing="0" width="100%"> <tbody><tr> <td align="center" valign="top" width="160"> <table border="0" cellpadding="0" cellspacing="4" width="100%"> <tbody><tr> <td align="center" valign="top"> <table border="0" cellpadding="0" cellspacing="0" width="100%"> <tbody><tr> <td align="center" valign="top"> <table border="0" cellpadding="0" cellspacing="0" width="100%"> <tbody><tr> <td class="body" align="center" valign="baseline">คลิกที่ภาพเพื่อดูขนาดใหญ่ขึ้น</td> </tr> </tbody></table> <table border="0" cellpadding="0" cellspacing="0" width="100%"> <tbody><tr> <td align="center" valign="middle">[​IMG]</td> </tr> <tr> <td align="center" valign="baseline">สัญลักษณ์ โบราณกระต่ายป่า 3 ตัว (The Three Hares) มีหูที่เชื่อมกันอยู่เป็นรูปสามเหลี่ยมและกำลังวิ่งไล่กันเป็นวงกลม เป็นความเคลื่อนไหวแบบไม่มีที่สิ้นสุด พบในสถานที่ศักดิ์สิทธิ์หลายประเทศ </td> </tr> </tbody></table>
    <table border="0" cellpadding="0" cellspacing="0" width="100%"> <tbody><tr> <td align="center" valign="middle">[​IMG]</td> </tr> <tr> <td align="center" valign="baseline">ภาพจารึกเทพเจ้ากระต่าย (Nanabozho) ตามความเชื่อของชาวอเมริกันดั้งเดิม พบบนแผ่นหินในแคนาดา</td> </tr> </tbody></table>
    <table border="0" cellpadding="0" cellspacing="0" width="100%"> <tbody><tr> <td align="center" height="1" valign="middle" width="165">[​IMG]</td> </tr> </tbody></table> </td> </tr> </tbody></table></td> </tr> </tbody></table></td> <td background="/images/linedot_vert3.gif" width="4">[​IMG]</td> <td align="center" valign="top"> <table border="0" cellspacing="7" width="100%"> <tbody><tr> <td align="center" valign="top"> <table border="0" cellpadding="0" cellspacing="0" width="100%"> <tbody><tr> <td class="body" align="left" valign="baseline"> "กระต่าย" ไม่ได้เป็นตำนานความเชื่อแต่ในแถบบ้านเรา แต่ก็ยังเป็นสัตว์ที่มีเรื่องเล่าและตำนานอยู่ในหลายชาติ ทั้งในแง่ลบและสร้างสรรค์แตกต่างกันไปตามพื้นที่ที่มีกระต่ายเกี่ยวข้องกับ ภูมิหลังที่คู่ขนานไปกับการพัฒนาของเผ่าพันธุ์ ไปดูความเชื่อของแต่ละชนชาติที่วิกิพีเดียรวบรวมไว้เกี่ยวกับกระต่ายกัน

    * แอซเท็ค มี วิหารเทพกระต่าย 400 องค์ "เซ็นต์ซอน โตต็อชติน" (Centzon Totochtin) และยังมีเทพกระต่ายอีก 2 องค์ชื่อ "โอเมต็อชตลิ"(Ometotchtli) เป็นตัวแทนแห่งความอุดมสมบูรณ์, การเฉลิมฉลอง และความมึนเมา

    * แอฟริกากลาง มีกระต่าย "กาลูลู" (Kalulu) มีบุคคลิกฉลาดแกมโกง มีความสามารถในการต่อรอง

    * จีน กระต่ายมีความเกี่ยวพันกับดวงจันทร์ และยังเชื่อมโยงกับปีใหม่จีน กระต่ายยังเป็นหนึ่งในสัตว์ 12 นักษัตริย์ในปฎิทินจีน อีกทั้งเวียดนามก็ยังใช้กระต่ายแทนแมวเป็นสัญญลักษณ์ในปีนักษัตริย์ ทั้งๆ ที่เป็นประเทศที่ไม่ค่อยมีกระต่ายอาศัยอยู่

    *ญี่ปุ่น คน ที่นี่เชื่อว่ากระต่ายอยู่บนดวงจันทร์และกำลังทำแป้งโมจิอยู่บนนั้น ความเชื่อนี้มาจากการสังเกตเห็นเงาบนดวงจันทร์ผนวกกับจินตนาการที่มีลักษณะ คล้ายกระต่ายกำลังถือสากยักษ์ตำครกกระเดื่อง

    *เกาหลี มีตำนานคล้ายกับญี่ปุ่น ที่เห็นกระต่ายกำลังตำแป้งอยู่บนดวงจันทร์ แต่ว่ากระต่ายเหล่านั้นกำลังทำ "ต็อก" เค้กข้าวของชาวเกาหลี

    * ตะวันออกไกล ชาวยิวบอกว่ากระต่ายหมายถึงความขี้ขลาด รวมถึงชาวอิสราเอลที่พูดภาษาฮิบรูก็มีคำว่า "กระต่าย" อันหมายถึง "ขี้ขลาด" เช่นเดียวกับคำว่า "ชิกเก้น" ที่แปลตรงๆ ว่าไก่ในภาษาอังกฤษ

    * อเมริกากลาง ชนเผ่าโอจิบวี (Ojibwe) ชาวอเมริกันดั้งเดิมมีนานาโบโซ (Nanabozho) หรือเทพกระต่ายผู้ยิ่งใหญ่ ที่เกี่ยวข้องกับการสร้างโลก

    * เวียดนาม มองกระต่ายเป็นสัญญลักษณ์แห่งความไร้เดียงสาและอ่อนเยาว์ มีภาพเหล่าทวยเทพขณะกำลังไล่ล่ากระต่าย ก็เพื่อแสดงให้เห็นพละกำลังของเทพทั้งปวง

    * เกาะพอร์ทแลนด์ ในดอร์เซ็ต สหราชอาณาจักร ก่อนหน้านี้ชาวเมืองเห็นว่า กระต่ายเป็นสัตว์โชคร้าย และการพูดคำว่า “กระต่าย” จะทำให้ผู้ใหญ่ในบ้านเป็นอันตราย ดังนั้นถ้าใครจะพูดถึงกระต่ายก็จะใช้คำเลี่ยง เช่น เจ้าหูยาว แต่ช่วง 50 ปีหลังมานี้ความเชื่อดังกล่าวก็หายไป ผู้คนบนเกาะสามารถพูดคำว่า “กระต่าย” ได้อย่างเต็มปาก และ “เจ้าหูยาว” ก็กลายเป็นเรื่องเล่าสืบต่อกันมา

    *ตีนกระต่าย เป็น เครื่องรางที่เชื่อว่าจะนำโชคให้แก่ผู้พกพา ซึ่งความเชื่อนี้มีอยู่ทั่วโลก และพบหลักฐานเก่าแก่ที่สุดในยุโรปช่วง 600 ปีก่อนคริสต์ศักราช</td></tr></tbody></table></td></tr></tbody></table></td></tr></tbody></table></td></tr></tbody></table></td></tr></tbody> </table>
    Science - Manager Online -
     
  16. sithiphong

    sithiphong เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    45,445
    ค่าพลัง:
    +141,948
    “ไซบูทรามีน” ภัยจากกาแฟลดความอ้วน <table border="0" cellpadding="0" cellspacing="0" width="100%"> <tbody><tr> <td bgcolor="#cccccc" height="1">[​IMG]</td> </tr> </tbody></table> <table border="0" cellpadding="4" cellspacing="0"><tbody><tr><td class="body" align="left" valign="middle">โดย ASTVผู้จัดการออนไลน์</td> <td class="date" align="left" valign="middle">30 ธันวาคม 2553 14:24 น.</td></tr></tbody></table>
    [​IMG] <table align="Center" border="0" cellpadding="0" cellspacing="0"> <tbody><tr> <td align="center" valign="top"> <table border="0" cellpadding="0" cellspacing="0" width="450"> <tbody><tr> <td align="center" valign="Top" width="450"> [​IMG] </td> </tr> </tbody></table></td> </tr> <tr> <td align="center" height="5" valign="top">[​IMG]</td> </tr> </tbody></table> จากที่ได้เห็นการโฆษณากาแฟลดความอ้วนจากหลากหลายทาง ทั้งโทรทัศน์ วิทยุ อินเตอรเน็ต หรือแม้แต่ตามร้านค้าทั่วไป ซึ่งหลายคนก็คงอยากจะลองใช้ดูบ้าง

    แต่เมื่อไม่นานมานี้ก็เพิ่งมีข่าวการเข้าจับกุมแหล่งขายกาแฟลดความ อ้วนที่ผสมสารอันตรายหลายยี่ห้อ ซึ่งเมื่อได้นำมาตรวจสอบแล้วก็พบสารไซบูทรามีน (Sibutramine) ผสมอยู่ในตัวผลิตภัณฑ์

    สารไซบูทรามีนจัดเป็นยาควบคุมพิเศษที่ใช้ในคลินิก สำหรับลดความอ้วน ซึ่งตอนนี้องค์การอาหารและยาได้ประกาศยกเลิกตำรับยาแล้ว เพราะมีอันตรายที่อาจทำให้หัวใจหยุดเต้นได้ โดยอยู่ระหว่างการเรียกคืนจากร้านขายยา คลินิกและโรงพยาบาลทุกแห่ง ยี่ห้อการค้าในท้องตลาดคือรีดัคทิล (Reductil)

    วิธีการสังเกตว่ากาแฟที่กินอยู่ผสมสารไซบูทรามีนหรือไม่ ให้ดูจากการอวดอ้างสรรพคุณ ซึ่งกาแฟกลุ่มนี้จะอวดอ้างสรรพคุณเรื่องรูปร่างดี เมื่อกินเข้าไปเริ่มแรกจะมีอาการใจสั่น หวิวๆ รู้สึกไม่สบายคล้ายจะเป็นลม ตามมาด้วยไม่อยากกินอาหาร โดยอาการจะเกิดภายหลังรับประทานเพียง 1-2 แก้ว ซึ่งอาการใจสั่นจะรุนแรงกว่าการกินกาแฟทั่วๆ ไป หากมีอาการดังกล่าวให้หยุดกินทันที และส่งตัวอย่างกาแฟให้ อย. เพื่อตรวจสอบและดำเนินคดีต่อไป

    ส่วนการกินกาแฟเพื่อลดความอ้วนนั้น ทางกระทรวงสาธารณสุขได้ให้ความรู้ไว้ว่า ตัวกาแฟไม่สามารถลดความอ้วนได้อยู่แล้ว ฉะนั้น หากมีการอวดอ้างสรรพคุณลดความอ้วนจะต้องมีการผสมสารบางอย่างลงไป และสำหรับการลดความอ้วนที่จำเป็นต้องใช้ยา จะต้องอยู่ภายใต้คำสั่งการดูแลของแพทย์เท่านั้น

    หลักในการควบคุมน้ำหนักตัวไม่ให้อ้วน จะต้องออกกำลังกายอย่างต่อเนื่อง วันละ 30 นาทีสัปดาห์ละ 3 วัน และปรับพฤติกรรมการกินอาหาร ลดอาหารหวาน มัน เค็ม เพิ่มผักผลไม้ที่รสไม่หวาน กินให้ครบ 5 หมู่แต่พอเพียง ซึ่งจะเป็นการลดความอ้วนตามหลักการแพทย์ที่ถูกต้อง

    สาวๆ (หรือหนุ่มๆ) คนไหนที่อยากจะลดหุ่นให้ดูดีตามที่ใจต้องการ ก็ไม่ต้องไปพึ่งพากาแฟเหล่านั้น เพียงแต่กินอาหารให้ถูกสัดส่วน และออกกำลังกายอย่างต่อเนื่อง ก็เพียงพอแล้ว

    http://www.manager.co.th/Travel/ViewNews.aspx?NewsID=9530000183546
    .



    .



    .
     
  17. sithiphong

    sithiphong เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    45,445
    ค่าพลัง:
    +141,948
    ว.วชิรเมธี ยกเครื่องชีวิต รับปี 2554 "ตั้งศูนย์ถ่วงล้อสังคมไทย"กันใหม่

    ว.วชิรเมธี ยกเครื่องชีวิต รับปี 2554 "ตั้งศูนย์ถ่วงล้อสังคมไทย"กันใหม่ : มติชนออนไลน์

    กำลังจะผ่านปีเสือดุไปอีกปี เข้าสู่ปีกระต่าย...

    แม้ว่าปีที่ผ่านมา ชีวิตคนไทยจะเจออะไรที่หนักหนามามากมาย แต่เมื่อชีวิตยังอยู่ ก็ต้องสู้กันไป ถ้ามีกำลังใจ ชีวิตเริ่มใหม่ได้เสมอ

    ว่าแต่ว่า ก่อนเริ่มปีใหม่นี้ เรามีแนวทางชีวิตใหม่ที่ดีให้เริ่มต้นเดินกันหรือยัง ? ถ้ายัง มาฟังกันทางนี้

    พระมหาวุฒิชัย วชิรเมธี หรือ ท่าน ว.วชิรเมธี พระนักคิดที่แหลมคมท่านหนึ่งในสังคมไทย มาพูดคุยถึงเข็มทิศชีวิตใหม่เพื่อความเป็นสิริมงคลรับปี พ.ศ. 2554

    ท่านเริ่มจากการมองย้อนกลับไปปีเสือ ที่เต็มไปด้วยความรุนแรงทั้งปีว่า...

    "พระ อาจารย์คิดว่า การดำเนินชีวิตใหม่ของปีหน้าต้องดูจากปีนี้ก่อน ปีนี้เป็นปีที่สังคมไทยเข้าสู่โหมดของความรุนแรงในทุกด้าน ทั้งเรื่องความรุนแรงทางด้านความคิดที่แบ่งฝักแบ่งฝ่ายกัน ปีหน้าเราต้องหันมาลดทัศนคติที่เป็นรากฐานความรุนแรงตัวนี้ให้ได้ มิเช่นนั้นแล้ว สิ่งนี้จะเป็นอาวุธร้ายที่น่ากลัวยิ่งกว่าเอ็ม-79 เอ็ม-79 ยิงไปที่ไหนก็ระเบิดเฉพาะที่ เฉพาะจุด แต่ทัศนคติอันตราย ถ้าจุดไปแล้ว จะกระจายแทรกซึมเข้าไปในทุกมิติของสังคมไทย"

    ความรุนแรงต่อมาคือ ความรุนแรงทางการเมือง "การเมืองทุกวันนี้ยังคงเป็นธนาธิปไตย หมายความว่า ยังคงเป็นการเมืองเพื่อเงิน ยังไม่ใช่การเมืองเพื่อประโยชน์สุขของประเทศชาติและของประชาชน เราต้องช่วยกันติง ช่วยกันเตือน ช่วยกันส่งเสียงร้อง ให้นักการเมืองทั้งหลายได้ตระหนักรู้ว่า การเมืองหลงทิศผิดทางออกไปมาก ต้องนำการเมืองที่เป็นธนาธิปไตย การเมืองที่รองรับหรือขับเคลื่อนด้วยกระบวนการคอร์รัปชั่นระดับชาติ ลดน้อยถอยลงให้มากที่สุด"

    ท่าน ว.วชิรเมธีหยุดพิจารณาครู่หนึ่งแล้วเล่าต่อว่า...

    "อีก เรื่องคือ ความรุนแรงทางสังคม โดยเฉพาะอย่างยิ่ง การเข่นฆ่าประชาชนคนไทยด้วยกันเอง กลายเป็นเรื่องที่ถูกทำให้ดูเหมือนธรรมดา ถ้าเรายอมรับการเข่นฆ่าว่าเป็นเรื่องปกติ วันหนึ่ง สิ่งนี้จะกลายเป็นวัฒนธรรมกระแสหลักของสังคมไทย วันไหนไม่ฆ่า วันนั้นแปลก จะเป็นเรื่องที่อันตรายที่สุดสำหรับสังคมไทยในอนาคต เพราะฉะนั้น เราจะต้องถอดถอน การข่มเหงซึ่งกันและกันให้เหลือน้อยที่สุด ให้เราหันมาอยู่กันด้วยเมตตา"

    ประการต่อมา สิ่งที่จะต้องช่วยกันกำจัดก็คือปัญหาทางศีลธรรมของสังคม เช่น ปัญหาการพบเด็กที่ถูกทำแท้งกว่าสองพันชีวิต แล้วสถิติการทำแท้งสามแสนคนต่อปี อันนี้เฉพาะตัวเลขบนดิน นี่เป็นตัวเลขที่อันตรายมาก สะท้อนปัญหาของสังคมไทยว่า ความเสื่อมโทรมทางศีลธรรมขึ้นถึงจุดที่อันตรายมาก ทำอย่างไรเราจึงจะสามารถลดความเสื่อมโทรมของศีลธรรมเหล่านี้ให้กลับมาสู่ ความเป็นสังคมที่ศีลธรรมนำหน้า

    "และอันตรายอีกประการหนึ่งก็คือ ค่านิยมวัตถุนิยมซึ่งครอบงำสังคมไทยอย่างเข้มข้นและรุนแรงมาก เราวัดค่าของคนกันที่ความมั่งมีศรีสุข ซึ่งไม่ถูกต้อง สมัยก่อนเขาใช้คำว่า อยู่เย็นเป็นสุข มั่งมีศรีสุขเป็นเกณฑ์วัดความสำเร็จของมนุษย์โดยใช้วัตถุและการบริโภคเป็น ตัวตั้ง ถ้าเราวัดกันอย่างนี้ คนที่ประสบความสำเร็จก็มีน้อยมาก แล้วทรัพยากรก็จะไม่ถูกกระจายไปถึงคนส่วนใหญ่ จะก่อให้เกิดภาวะสุขกระจุกและทุกข์กระจาย ในระยะยาวอาจจะเกิดสงครามแย่งชิงทรัพยากรระหว่างชนชั้นได้ ฉะนั้น ต้องช่วยกันลดทอนค่านิยมวัตถุนิยมให้มาก หันมาบริโภคกันอย่างมีสติ"

    เมื่อมองย้อนปีที่ผ่านมาแล้ว ท่าน

    ว.วชิรเมธี ได้บรรยายถึงแนวทางชีวิตใหม่ที่ควรจะเป็นในปีหน้าว่า...

    "ปี หน้า พระอาจารย์อยากให้สังคมไทยมาตั้งศูนย์ถ่วงล้อกันใหม่ ให้เป็นสังคมที่อยู่บนพื้นฐานของสมดุล หมายความว่า การเมืองก็ต้องมองหาทางสายกลาง ทางสายกลางของการเมืองก็คืออะไร ? การเมืองเป็นเรื่องของการทำเพื่อประโยชน์สุขของประชาชน เป็นเรื่องของการบริหารราชการแผ่นดินเพื่อประโยชน์สุขของประชาชน ไม่ใช่เพื่อประโยชน์ทุกข์ของประชาชน ประโยชน์สุขหมายความว่า นโยบายต่าง ๆ ที่รัฐบาลผลิตออกมานั้น จะต้องก่อให้เกิดประโยชน์สุขของประเทศชาติและประชาชนอย่างยั่งยืน"

    ความ สมดุลทางสังคมก็เป็นเรื่องที่สำคัญไม่แพ้กัน..."สังคมต้องกลับมาหาความสมดุล เราจะต้องทำให้สังคมไทยเป็นสังคมที่ยกย่องคนดี แล้วใช้ข้อเท็จจริง ใช้สติปัญญา ใช้เหตุผล ใช้ศีลธรรมในการขับเคลื่อนสังคมของเรา ที่ผ่านมา สังคมไทยนั้นเหยียบย่ำซ้ำเติมคนดี แล้วก็ยกย่องบูชาคนเลวที่ใช้เงินไต่เต้าขึ้นมาสู่ความสำเร็จ มากุมชะตาของชาติบ้านเมือง ทำให้ชาติบ้านเมืองผิดทิศผิดทางไป คนเหล่านี้สนใจแต่เพียงว่าทำอย่างไรเขาจะร่ำรวยและมั่งคั่งให้ได้มากที่สุด เท่านั้น เป็นเหตุให้เรื่องพื้นฐานทางสังคมหลายเรื่อง เช่น บรรทัดฐานทางจริยธรรมก็ดี ค่านิยมของสังคมก็ดี ซึ่งเป็นสิ่งดี ๆ ที่สังคมอุ้มชูอยู่นั้น ถูกทำลาย ถูกบั่นทอนลงไปมาก"

    ในมุมธุรกิจ ก็ไม่ควรจะตื้นเขินเพียงแค่ทำซีเอสอาร์กับสังคมเท่านั้น...

    "ต่อ ไปเป็นเรื่องธุรกิจ ภาคธุรกิจจะต้องร่วมรับผิดชอบให้มากขึ้น ไม่ใช่แค่หันไปทำซีเอสอาร์ให้มากขึ้นเท่านั้น แต่คุณต้องทำให้มากกว่านั้น นั่นก็คือ ภาคธุรกิจต้องมีจิตสำนึกร่วมต่อสังคม ไม่ใช่ทำให้แต่องค์กรธุรกิจของคุณดีขึ้น ภาคธุรกิจต้องมีจิตสำนึกในแบบที่ว่า ถ้าเราไม่ทำธุรกิจที่เบียดเบียนสังคม เราก็จะได้อยู่ในสังคมที่มีคุณภาพชีวิตที่ดีร่วมกัน ให้จำไว้อย่างหนึ่งว่า ถ้าคุณได้กำไร แล้วสังคมขาดทุนหรือเปล่า"

    ส่วนด้านสิ่งแวดล้อม ปีนี้เป็นปีที่สังคมไทยพบกับภัยพิบัติมากมาย ท่าน ว.วชิรเมธี อยากให้เรามาทบทวนกันใหม่ ด้วยการเปลี่ยนทัศนคติใน 3 เรื่อง

    "หนึ่ง อย่าแยกตัวเองออกมาจากธรรมชาติ เพราะแท้ที่จริง มนุษย์ไม่ใช่ส่วนหนึ่งของธรรมชาติ แต่มนุษย์เป็นตัวธรรมชาติเองเลยทีเดียว ด้วยความเข้าใจที่ถูกต้องว่า มนุษย์กับธรรมชาติคือองค์รวมเป็นหนึ่งเดียวกัน จะทำให้เรามาสู่ข้อที่สอง นั่นคือ จะไม่ทำให้เราหลงผิดคิดว่าเรามีอาญาสิทธิ์เหนือธรรมชาติ ที่ผ่านมา มนุษย์เข้าใจผิดว่ามีอาญาสิทธิ์เหนือธรรมชาติ จึงสูบดินสูบฟ้ามาปรนเปรอกิเลสตัวเองอย่างไม่ปรานีปราศัย ทำให้ทรัพยากรต่าง ๆ ถูกใช้ไปอย่างสิ้นเปลืองอย่างรวดเร็ว ทำให้โลกนี้เสียสมดุล ขอให้เราทั้งหลายวางท่าทีกับธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมด้วยท่าทีที่เรียกกันว่า กัลยาณมิตร พระพุทธองค์ตรัสว่า ผู้ใดนั่งหรือนอนใต้ต้นไม้ต้นใด ไม่ควรหักราญกิ่งต้นไม้นั้น เพราะผู้ที่หักราญกิ่งไม้ของต้นไม้นั้น เป็นผู้ประทุษร้ายมิตร และผู้ประทุษร้ายมิตร นับเป็นคนเลว ถ้าเราเปลี่ยนทัศนคติต่อธรรมชาติ ปฏิบัติการเบียดเบียนธรรมชาติจะลดน้อยถอยลง แล้วเราก็จะสามารถอยู่ร่วมกับธรรมชาติได้อย่างฉันพี่น้อง มีความสุขกันมากขึ้น...

    ...ประการที่สำคัญที่สุด อยากให้คนไทยไม่เพียงแต่ช่วยกันรับมือภัยธรรมชาติเท่านั้น แต่ขอให้ช่วยกันถอดรหัสด้วยว่า ธรรมชาติต้องการส่งสัญญาณอะไรให้คุณตระหนักรู้หรือเปล่า หน้าหนาวทำไมจึงหนาวขึ้น ทำไมฝนจึงตกมากขึ้น ทำไมน้ำจึงท่วมหนักหนาสาหัส ธรรมชาติกำลังส่งจดหมายมาให้คุณหรือเปล่าว่า เกิดการผิดสำแดงบางสิ่งบางอย่างในธรรมชาติโดยน้ำมือของมนุษย์ และเราสามารถเปลี่ยนแปลงอะไรเพื่อธรรมชาติได้บ้าง...

    ...เหล่านี้คือ สิ่งที่พระอาจารย์คิดว่า เป็นทิศทางที่เราจะมองร่วมกันไปข้างหน้าในปีพุทธศักราช 2554"



    .

    ว.วชิรเมธี ยกเครื่องชีวิต รับปี 2554 "ตั้งศูนย์ถ่วงล้อสังคมไทย"กันใหม่ : มติชนออนไลน์

    .


    .
     
  18. sithiphong

    sithiphong เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    45,445
    ค่าพลัง:
    +141,948
    มูลนิธิผู้บริโภคเผยหนี้บัตรเครดิตแชมป์ร้องเรียนปี′53 รถโดยสาร,มือถือ,เน็ตอืด ตามติด

    เมื่อวันที่ 30 ธันวาคม 2553 นายอิฐบูรณ์ อ้นวงษา หัวหน้าศูนย์พิทักษ์สิทธิผู้บริโภค มูลนิธิเพื่อผู้บริโภค เปิดเผยว่า ในปี 2553 มูลนิธิเพื่อผู้บริโภคได้ประสบปัญหาสำนักงานถูกเพลิงไหม้ทำให้ต้องมีการย้าย ที่ทำการเป็นการชั่วคราว แต่ยังสามารถรับเรื่องร้องเรียนจากผู้บริโภคได้รวมทั้งสิ้น 796 กรณี โดยปัญหาหนี้สิน การเงิน การธนาคาร ยังคงสร้างความทุกข์ให้กับผู้บริโภคนำมาเป็นอันดับ 1 คิดเป็นร้อยละ 45 ของกลุ่มเรื่องร้องเรียนทั้งหมด ตามมาห่างๆด้วยปัญหาบริการสาธารณะ คิดเป็นร้อยละ 14 ปัญหาด้านสื่อและโทรคมนาคม ร้อยละ 11 และที่เกาะกลุ่มตามมาติดๆ คือปัญหาจากการซื้อหรือใช้สินค้าและบริการทั่วไป ปัญหาอสังหาริมทรัพย์ ปัญหาจากการใช้บริการสุขภาพและสาธารณสุข ปัญหาอาหาร ยา เครื่องสำอาง คิดเป็นร้อยละ 8,8,7 และ 3 เรียงตามลำดับ

    นอกนั้นเป็นเรื่องร้องเรียนอื่นๆที่ไม่ ใช่ปัญหาด้านผู้บริโภคอีกร้อยละ 4 ปัญหาเรื่องร้องเรียนอันดับต้นๆของทุกกลุ่มปัญหาจะเป็นปัญหาผู้บริโภคที่ ต้องจับตากันอย่างใกล้ชิดในปี 2554

    ทั้งนี้ปัญหาหนี้บัตรเครดิต ครองแชมป์เรื่องร้องเรียนอันดับหนึ่งของมูลนิธิฯมาตั้งแต่ปี 2550 สำหรับในปี 2553 เรื่องร้องเรียนหนี้บัตรเครดิตมีทั้งสิ้น 268 กรณี(เฉพาะที่มีการบันทึก) ซึ่งคิดเป็นร้อยละ 74 ของเรื่องร้องเรียนในกลุ่มการเงินการธนาคารที่มีเรื่องร้องเรียนทั้งหมด 360 กรณี


    มูลนิธิผู้บริโภคเผยหนี้บัตรเครดิตแชมป์ร้องเรียนปี&prime;53 รถโดยสาร,มือถือ,เน็ตอืด ตามติด : มต

    .



    .
     
  19. jirautes

    jirautes เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 พฤศจิกายน 2007
    โพสต์:
    195
    ค่าพลัง:
    +575
    สวัสดีปีใหม่ 2554 ขออาราธนาคุณพระศรีรัตนตรัย และสิ่งศักดิ์สิทธิ์
    อำนวยพรให้ทุกๆ ท่านประสบความสุข ความเจริญ ความสำเร็จ สุขภาพแข็งแรงทุกๆครับ<!-- google_ad_section_end -->
    __________________
    <!-- google_ad_section_start(weight=ignore) -->
     
  20. นายเฉลิมพล

    นายเฉลิมพล เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 สิงหาคม 2010
    โพสต์:
    141
    ค่าพลัง:
    +460
    สวัสดีปีใหม่ชาวชมรมพระวังหน้าทุกท่านครับ

    ปีใหม่นี้ขอคุณพระศรีรัตนตรัยและสิ่งศักดิ์สิทธิ์ทั้งหลายจงดลบัลดาลให้ชาวชมรมพระวังหน้าทุกท่านมีความสุข ความเจริญในตำแหน่งหน้าที่การงาน การเงินและมีสุขภาพแข็งแรง
    ตลอดปี 2554 ทุกท่านเทอญ
     

แชร์หน้านี้

Loading...