พระภาวนาวิศาลเถร (หลวงปู่บุญมี โชติปาโล) วัดสระประสานสุข บ้านนาเมือง ต.ไร่น้อย อ.เมือง จ.อุบลราชธานี

ในห้อง 'ประสบการณ์ เรื่องเล่า' ตั้งกระทู้โดย ออกมาดูโลก, 30 มกราคม 2009.

  1. Agri_07

    Agri_07 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    26 มิถุนายน 2010
    โพสต์:
    1,000
    ค่าพลัง:
    +1,250
    ผมได้มาตามข้อมูลของผู้ให้เช่า-บูชา

    บอกว่ามีลงให้หนังสือพระเครื่องเมืองอุบล ผมก็ไม่มีข้อมูลตรงจุดนี้

    แกะบล็อคได้สวย ลวดลายชัดเจด จุดนี้เลยไม่คิดว่าจะเก๊

    อีกอย่างคนที่ให้เช่า- บูชา เชื่อใจแต่ข้อมูลไม่ชัดเจน

    ขอบคุณมากครับคุณน้ำดี
     
  2. น้ำดี1

    น้ำดี1 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    2 พฤศจิกายน 2008
    โพสต์:
    13,402
    ค่าพลัง:
    +43,432
    องค์ตามภาพตัดปัญหาเรื่องเก๊ไปได้เลยค่ะ บางพิมพ์ก็ไม่ได้ลงในหนังสือ แต่คนในพื้นที่เขารู้ดี พระสิวลีของท่านประสบการณ์สูงมาก ๆ ค่ะ
     
  3. Agri_07

    Agri_07 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    26 มิถุนายน 2010
    โพสต์:
    1,000
    ค่าพลัง:
    +1,250

    ขอบคุณมากครับ สำหรับข้อมูลครับคุณน้ำดี :cool::cool::cool::cool::cool:
     
  4. น้ำดี1

    น้ำดี1 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    2 พฤศจิกายน 2008
    โพสต์:
    13,402
    ค่าพลัง:
    +43,432
    เด๋วจะถ่ายภาพพระพิมพ์นึงของท่านให้ชมค่ะ พอดีเอาไว้แจกไว้แถมเขา น่าจะเหลืออยู่ประมาณ 70 องค์ได้ตอนนี้ ไปค้นก่อนค่ะ พิมพ์นี้ในหนังสือก็ดูเหมือนจะไม่มีลงไว้ด้วย ขอเวลาห้านาทีค่ะ
     
  5. น้ำดี1

    น้ำดี1 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    2 พฤศจิกายน 2008
    โพสต์:
    13,402
    ค่าพลัง:
    +43,432
    พิมพ์นี้เรียกว่าพิมพ์อุ้มบาตรค่ะ น้ำบูชามาองค์ละ 100 บาท น่าจะมีประมาณร่วมร้อยองค์ แต่ตอนนี้เหลือไม่น่าจะถึง 70 องค์ได้ เพราะแถมกับผู้ที่บูชาพระจากน้ำไปหลายท่านแล้ว
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

  6. Agri_07

    Agri_07 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    26 มิถุนายน 2010
    โพสต์:
    1,000
    ค่าพลัง:
    +1,250

    แจ่มมากครับคุณน้ำดี :cool::cool::cool::cool:
     
  7. น้ำดี1

    น้ำดี1 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    2 พฤศจิกายน 2008
    โพสต์:
    13,402
    ค่าพลัง:
    +43,432
    พระของท่านดีอย่างค่ะที่ไม่มีคนเชียร์ คนปั่นราคา คนที่สนใจจะได้เช่าหาในราคาที่ไม่สูงเกินไปค่ะ
     
  8. domeokung

    domeokung เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    2 กรกฎาคม 2010
    โพสต์:
    211
    ค่าพลัง:
    +704
    ผมพอจะมีอย่างเขาได้แค่นี้เองครับ......... ตามภาพที่ฟะฟะฟะฟ...ฟ้อง..ขอรับกระผม
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

  9. น้ำดี1

    น้ำดี1 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    2 พฤศจิกายน 2008
    โพสต์:
    13,402
    ค่าพลัง:
    +43,432
    ของดีที่ไม่ต้องใช้แรงเชียร์ แรงปั่นเหมือนที่เขาทำกันอยู่ทุกวันนี้เลยค่ะ
     
  10. Agri_07

    Agri_07 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    26 มิถุนายน 2010
    โพสต์:
    1,000
    ค่าพลัง:
    +1,250

    เห็นด้วยกับข้อความนี้ครับคุณน้ำดี :cool::cool::cool::cool::cool::cool::cool:
     
  11. ภะควา

    ภะควา เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    13 มกราคม 2009
    โพสต์:
    231
    ค่าพลัง:
    +435
    แต่ถ้าไม่เก็บ เวลาราคาวิ่ง จะตามไม่ทัน พระหลวงปู่มีประสบการ์ณมากหลายรุ่น
     
  12. เด็กไทรน้อย

    เด็กไทรน้อย เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 เมษายน 2008
    โพสต์:
    3,259
    ค่าพลัง:
    +4,327
    โอ๊ย...ตาลายเพิ่งจะได้ลองเข้ากระทู้นี้ไล่อ่านตั้งกะหน้าแรกยันหน้าสุดท้าย...



    กราบๆๆนมัสการหลวงปู่บุญมี วัดสระประสานสุข.....สาธุ_/\_
     
  13. tanapoj

    tanapoj เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    30 กรกฎาคม 2010
    โพสต์:
    614
    ค่าพลัง:
    +997
    สวัสดีครับ
    ผมเพิ่งเป็นสมาชิกใหม่ครับ(kiss) มีแฟนเป็นคนอุบลครับเคยได้เหรียญรุ่นแรกจากพี่สะใภ้เป็นเหรียญของพี่ชายเค้าที่เป็นทหารที่ได้รับแจกมาครับตอนนั้นยังไม่รู้จักท่านรู้แต่ว่าท่านอยู่อุบลใจตอนนั้นอยากจะไปกราบท่าน พอมีโอกาศได้ไปอุบลเลยให้หลานแฟนพาไปกราบท่านก็เลยพอจะมีบุญกับเค้าบ้างที่ได้กราบพระอริยะ

    กราบ กราบ กราบหลวงปู่บุญมีครับ
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    • DSC01857.jpg
      DSC01857.jpg
      ขนาดไฟล์:
      24.5 KB
      เปิดดู:
      58
    • DSC01858.jpg
      DSC01858.jpg
      ขนาดไฟล์:
      40.8 KB
      เปิดดู:
      57
  14. ภะควา

    ภะควา เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    13 มกราคม 2009
    โพสต์:
    231
    ค่าพลัง:
    +435

    โมทนาสาธุ คุณ tanapoj ด้วยครับ
     
  15. ภะควา

    ภะควา เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    13 มกราคม 2009
    โพสต์:
    231
    ค่าพลัง:
    +435
    ลูกศิษย์หลวงปู่ท่านใด มีประสบการณ์ เชิญเล่าสู่กันฟังด้วยครับ
     
  16. suratept

    suratept เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 สิงหาคม 2008
    โพสต์:
    867
    ค่าพลัง:
    +1,924
    เย็นวันหนึ่ง(จำพ.ศ.ไม่ได้คาดว่าจะอยู่ในช่วงประมาณปี 2540 - 2543)หลังจากที่ผมกราบนมัสการลาหลวงปู่บุญมี โชติปาโล วัดสระประสุข เพื่อกลับบ้านหลวงปู่ได้ให้โอวาทผมว่า

    " เนื้อสิบอย่างที่พระพุทธเจ้าห้ามพระฉัน อย่าไปกินนะ"
    ในตอนนั้นผมก็ไม่รู้ครับว่าเนื้อสิบอย่างที่พระพุทธเจ้าห้ามพระฉันมีเนื้ออะไรบ้าง
    แต่ก็ไม่ได้ถามหลวงปู่ว่ามีอะไรบ้าง

    ในใจก็ได้แต่คิดว่าหลวงปู่คงจะรู้ว่าผมเป็นคนที่ตามใจปาก สนุกกับการบริโภคหลวงปู่จึงกล่าวเตือน ใจก็นึกสงสัยขึ้นมาว่าถ้าผมกินแล้วจะเกิดอะไรขึ้นผมจึงถามหลวงปู่ว่า

    "หลวงปู่ครับถ้าผมกินเนื้อสิบอย่างนี้ที่พระพุทธเจ้าห้ามพระภิกษุฉัน แล้วจะเป็นอย่างไรครับ"

    หลวงปู่เมตตาตอบว่า "ถ้ากินเข้าไปแล้ว เจริญมนต์บทใดก็บ่ศักดิ์สิทธิ์"

    <!--แนบไฟล์:
    <div class="attachcontent">-->
     
  17. suratept

    suratept เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 สิงหาคม 2008
    โพสต์:
    867
    ค่าพลัง:
    +1,924
    ต่อมาภายหลังผมจึงได้ไปค้นคว้าและทราบว่าเนื้อสิบอย่างที่พระพุทธเจ้าห้ามพระฉันนั้นประกอบด้วย
    1.เนื้อมนุษย์
    2.เสือโคร่ง
    3.เสือดาว
    4.เสือเหลือง
    5.ช้าง
    6.งู
    7.ราชสีห์
    8.สุนัข
    9.ม้า
    10.หมี
    ต่อไปนี้เป็นเนื้อความจากพระวินัยปิฏกเล่มที่ ๕ มาโพสต์ไว้ชาว N อ่านดังนี้
    1) เหตุที่พระพุทธเจ้าห้ามพระภิกษุฉันเนื้อมนุษย์ :อุบาสิกาสุปปิยาถวายเนื้อขา
    [๕๘] ครั้งนั้น พระผู้มีพระภาคประทับอยู่ในพระนครราชคฤห์ ตามพระพุทธาภิรมย์
    แล้วเสด็จพระพุทธดำเนินไปทางพระนครพาราณสี เสด็จพระพุทธดำเนินผ่านระยะทางโดยลำดับ
    ถึงพระนครพาราณสีแล้ว ทราบว่า พระองค์ประทับอยู่ ณ อิสิปตนะมฤคทายวันเขตพระนคร
    พาราณสีนั้น
    สมัยนั้น อุบาสกสุปปิยะและอุบาสิกาสุปปิยา ๒ คน เป็นผู้เลื่อมใส เป็นทายก
    กัปปิยการก บำรุงพระสงฆ์อยู่ในพระนครพาราณสี วันหนึ่ง อุบาสิกาสุปปิยาไปสู่อาราม เที่ยว
    เยี่ยมวิหารและบริเวณทั่วทุกแห่ง แล้วเรียนถามภิกษุทั้งหลายว่า ภิกษุรูปไรอาพาธ ภิกษุรูปไร
    โปรดให้ดิฉันนำอะไรมาถวาย เจ้าข้า.
    ครั้งนั้น ภิกษุรูปหนึ่งดื่มยาถ่ายและได้บอกอุบาสิกาสุปปิยาว่า ดูกรน้องหญิง อาตมา
    ดื่มยาถ่าย อาตมาต้องการน้ำเนื้อต้ม
    อุบาสิกาสุปปิยารับคำว่า ดิฉันจักนำมาถวายเป็นพิเศษ เจ้าข้า แล้วไปเรือนสั่งชายคน
    รับใช้ว่า เจ้าจงไปหาซื้อเนื้อสัตว์ที่เขาขายมา
    ชายคนรับใช้รับคำอุบาสิกาสุปปิยาว่า ขอรับกระผม แล้วเที่ยวหาซื้อทั่วพระนครพาราณสี
    ก็มิได้พบเนื้อสัตว์ที่เขาขาย จึงได้กลับไปหาอุบาสิกาสุปปิยาแล้วเรียนว่า เนื้อสัตว์ที่เขาขายไม่มี
    ขอรับ เพราะวันนี้ห้ามฆ่าสัตว์
    จึงอุบาสิกาสุปปิยาได้มีความปริวิตกว่า ภิกษุอาพาธรูปนั้นแล เมื่อไม่ได้ฉันน้ำเนื้อต้ม
    อาพาธจักมากขึ้นหรือจักถึงมรณภาพ การที่เรารับคำแล้วไม่จัดหาไปถวายนั้น เป็นการไม่สมควร
    แก่เราเลย ดังนี้ แล้วได้หยิบมีดหั่นเนื้อมาเชือดเนื้อขาส่งให้หญิงคนรับใช้สั่งว่า แม่สาวใช้
    ผิฉะนั้น แม่จงต้มเนื้อนี้แล้วนำไปถวายภิกษุรูปที่อาพาธอยู่ในวิหารหลังโน้น อนึ่ง ผู้ใดถามถึงฉัน
    จงบอกว่าป่วย แล้วเอาผ้าห่มพันขา เข้าห้องนอนบนเตียง.
    ครั้งนั้น อุบาสิกาสุปปิยะไปเรือนแล้วถามหญิงคนรับใช้ว่า แม่สุปปิยาไปไหน?
    หญิงคนรับใช้ตอบว่า คุณนายนอนในห้อง เจ้าข้า.
    จึงอุบาสกสุปปิยะเข้าไปหาอุบาสิกสุปปิยาถึงในห้องนอน แล้วได้ถามว่า เธอนอนทำไม
    อุบาสิกา.
    ดิฉันไม่สบายค่ะ อุบาสก.
    เธอป่วยเป็นอะไร.
    ทีนั้น อุบาสิกาสุปปิยาจึงเล่าเรื่องนั้นให้อุบาสกสุปปิยะทราบ
    ขณะนั้น อุบาสกสุปปิยะร่าเริงดีใจว่า อัศจรรย์นักชาวเราไม่เคยมีเลยชาวเรา แม่สุปปิยา
    นี้มีศรัทธาเลื่อมใสถึงแก่สละเนื้อของตนเอง สิ่งไรอื่นทำไมนางจักให้ไม่ได้เล่า แล้วเข้าไปเฝ้า
    พระผู้มีพระภาค. ถวายบังคมนั่งอยู่ ณ ที่ควรส่วนข้างหนึ่ง อุบาสกสุปปิยะนั่งเรียบร้อยแล้ว
    ได้กราบทูลคำนี้แด่พระผู้มีพระภาคว่า พระพุทธเจ้าข้า ขอพระผู้มีพระภาคพร้อมด้วยพระสงฆ์
    จงทรงกรุณาโปรดรับภัตตาหารของข้าพระพุทธเจ้าในวันพรุ่งนี้เพื่อเจริญมหากุศล และปิติปราโมทย์
    แก่ข้าพระพุทธเจ้าด้วยเถิด พระผู้มีพระภาคทรงรับนิมนต์โดยดุษณีภาพ ครั้นอุบาสกสุปปิยะ
    ทราบการรับนิมนต์ของพระผู้มีพระภาคแล้วลุกจากที่นั่ง ถวายบังคมพระผู้มีพระภาค ทำประทักษิณ
    แล้วกลับไป และสั่งให้ตกแต่งของเคี้ยวของฉันอันประณีตโดยผ่านราตรีนั้น แล้วให้คนไป
    กราบทูลภัตกาลแด่พระผู้มีพระภาคว่า ถึงเวลาแล้ว พระพุทธเจ้าข้า ภัตตาหารเสร็จแล้ว.
    ขณะนั้นเป็นเวลาเช้า พระผู้มีพระภาคทรงครองอันตรวาสก แล้วถือบาตรจีวรเสด็จไปสู่
    นิเวศน์ของอุบาสกสุปปิยะ ครั้นถึงแล้วประทับนั่งเหนือพุทธอาสน์ที่เขาจัดถวายพร้อมด้วย
    พระสงฆ์ จึงอุบาสกสุปปิยะเข้าไปเฝ้าพระผู้มีพระภาค ถวายบังคมแล้วได้ยืนอยู่ ณ ที่ควรส่วน
    ข้างหนึ่ง

    พระผู้มีพระภาคได้ตรัสถามอุบาสกสุปปิยะผู้ยืนอยู่ ณ ที่ควรส่วนข้างหนึ่งว่า อุบาสิกา
    สุปปิยาไปไหน?
    อุ. นางป่วย พระพุทธเจ้าข้า
    พ. ถ้าเช่นนั้น เชิญอุบาสิกาสุปปิยามา
    อุ. นางไม่สามารถ พระพุทธเจ้าข้า
    พ. ถ้าเช่นนั้น พวกเธอช่วยกันพยุงพามา

    ขณะนั้น อุบาสกสุปปิยะได้พยุงอุบาสิกาสุปปิยามาเฝ้า พร้อมกันนางได้เห็นพระผู้มี
    พระภาค แผลใหญ่เพียงนั้นได้งอกเต็ม มีผิวพรรณเรียบสนิท เกิดโลมชาติทันที จึงอุบาสกสุปปิยะ
    และอุบาสิกาสุปปิยา พากันร่าเริงยินดีว่า อัศจรรย์นักชาวเรา ไม่เคยมีเลยชาวเรา พระตถาคต
    ทรงมีฤทธิ์มาก ทรงมีพระอานุภาพมาก เพราะพอเห็นพระองค์เท่านั้น แผลใหญ่โตยังงอกขึ้น
    เต็มทันที มีผิวพรรณเรียบสนิท เกิดโลมชาติ แล้วอังคาสภิกษุสงฆ์มีพระพุทธเจ้าเป็นประมุข
    ด้วยชาทนียโภชนียาหารอันประณีตด้วยมือของตน จนยังพระผู้มีพระภาคผู้เสวยเสด็จแล้ว ทรงนำ
    พระหัตถ์ออกจากบาตรให้ห้ามภัตรแล้ว นั่งอยู่ ณ ที่ควรส่วนข้างหนึ่ง.
    พระผู้มีพระภาค ทรงชี้แจงให้อุบาสกสุปปิยะและอุบาสิกาสุปปิยา เห็นแจ้ง สมาทาน
    อาจหาญ ร่าเริงด้วยธรรมีกถาแล้ว ทรงลุกจากที่ประทับเสด็จกลับ.
    ประชุมสงฆ์ทรงสอบถาม
    [๕๙] ครั้งนั้น พระผู้มีพระภาครับสั่งให้ประชุมภิกษุสงฆ์ในเพราะเหตุเป็นเค้ามูลนั้น
    ในเพราะเหตุแรกเกิดนั้น แล้วทรงสอบถามภิกษุทั้งหลายว่า ดูกรภิกษุทั้งหลาย ภิกษุรูปไหน
    ขอเนื้อต่ออุบาสิกาสุปปิยา.
    เมื่อพระผู้มีพระภาคตรัสเช่นนี้แล้ว ภิกษุรูปนั้นได้ทูลรับต่อพระผู้มีพระภาคว่า ข้าพระ-
    *พุทธเจ้า ได้ขอเนื้อต่ออุบาสิกาสุปปิยา พระพุทธเจ้าข้า
    พ. เขานำมาถวายแล้วหรือ ภิกษุ
    ภิ. เขานำมาถวายแล้ว พระพุทธเจ้าข้า
    พ. เธอฉันแล้วหรือ ภิกษุ
    ภิ. ฉันแล้ว พระพุทธเจ้าข้า
    พ. เธอพิจารณาหรือเปล่า ภิกษุ
    ภิ. มิได้พิจารณา พระพุทธเจ้าข้า
    ทรงติเตียน
    พระผู้มีพระภาคพุทธเจ้าทรงติเตียนว่า ดูกรโมฆบุรุษ ไฉนเธอจึงไม่ได้พิจารณา แล้วฉัน
    เนื้อเล่า เธอฉันเนื้อมนุษย์แล้ว การกระทำของเธอนั่น ไม่เป็นไปเพื่อความเลื่อมใสของชุมชน
    ที่ยังไม่เลื่อมใส .... ครั้นแล้วทรงทำธรรมีกถารับสั่งกะภิกษุทั้งหลายว่า
    พระพุทธบัญญัติห้ามฉันเนื้อมนุษย์
    ดูกรภิกษุทั้งหลาย บรรดาคนที่มีศรัทธาเลื่อมใสมีอยู่ เขาสละเนื้อของเขาถวายก็ได้
    ดูกรภิกษุทั้งหลาย ภิกษุไม่พึงฉันเนื้อมนุษย์ รูปใดฉัน ต้องอาบัติถุลลัจจัย อนึ่ง ภิกษุยังมิได้
    พิจารณา ไม่พึงฉันเนื้อ รูปใดฉัน ต้องอาบัติทุกกฏ.
     
  18. suratept

    suratept เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 สิงหาคม 2008
    โพสต์:
    867
    ค่าพลัง:
    +1,924
    2) พระพุทธบัญญัติห้ามฉันเนื้อเสือโคร่ง

    สมัยต่อมา พวกพรานฆ่าเสือโคร่งแล้วบริโภคเนื้อเสือโคร่งและถวายแก่พวกภิกษุผู้เที่ยวบิณฑบาต
    พวกภิกษุฉันเสือโคร่งแล้วอยู่ในป่า เหล่าเสือโคร่งฆ่าพวกภิกษุเสียเพราะได้กลิ่นเนื้อเสือโคร่ง
    ภิกษุทั้งหลายกราบทูลเรื่องนั้นแด่พระผู้มีพระภาค.
    พระผู้มีพระภาคทรงบัญญัติห้าม
    ภิกษุทั้งหลายว่า ดูกรภิกษุทั้งหลาย ภิกษุไม่พึงฉันเนื้อเสือโคร่ง รูปใดฉัน ต้องอาบัติทุกกฏ.
     
  19. suratept

    suratept เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 สิงหาคม 2008
    โพสต์:
    867
    ค่าพลัง:
    +1,924
    3)พระพุทธบัญญัติห้ามฉันเนื้อเสือดาว

    สมัยต่อมา พวกพรานฆ่าเสือดาวแล้วบริโภคเนื้อเสือดาว และถวายแก่พวกภิกษุผู้เที่ยวบิณฑบาต
    พวกภิกษุฉันเนื้อเสือดาวแล้วอยู่ในป่า เหล่าเสือดาวฆ่าพวกภิกษุเสีย เพราะได้กลิ่นเนื้อเสือดาว
    ภิกษุทั้งหลายกราบทูลเรื่องนั้นแด่พระผู้มีพระภาค.
    พระผู้มีพระภาค ทรงบัญญัติ
    ห้ามภิกษุทั้งหลายว่า ดูกรภิกษุทั้งหลาย ภิกษุไม่พึงฉันเนื้อเสือดาว รูปใดฉัน ต้องอาบัติทุกกฏ.
     
  20. suratept

    suratept เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 สิงหาคม 2008
    โพสต์:
    867
    ค่าพลัง:
    +1,924
    4)พระพุทธบัญญัติห้ามฉันเนื้อเสือเหลือง

    สมัยต่อมา พวกพรานฆ่าเสือเหลือง แล้วบริโภคเนื้อเสือเหลืองและถวายแก่พวกภิกษุผู้เที่ยวบิณฑบาต
    พวกภิกษุฉันเนื้อเสือเหลืองแล้วอยู่ในป่า เหล่าเสือเหลืองฆ่าพวกภิกษุเสีย
    เพราะได้กลิ่นเนื้อเสือเหลือง ภิกษุทั้งหลายกราบทูลเรื่องนั้นแด่พระผู้มีพระภาค.
    พระผู้มีพระภาคทรงบัญญัติห้ามภิกษุทั้งหลายว่า
    ดูกรภิกษุทั้งหลาย ภิกษุไม่พึงฉันเนื้อเสือเหลือง รูปใดฉันต้องอาบัติทุกกฏ.


    5)พระพุทธบัญญัติห้ามฉันเนื้อช้าง

    [๖๐] ก็โดยสมัยนั้นแล ช้างหลวงล้มลงหลายเชือก สมัยอัตคัตอาหาร ประชาชนพากันบริโภคเนื้อช้าง
    และถวายแก่พวกภิกษุผู้เที่ยวบิณฑบาต ภิกษุทั้งหลายฉันเนื้อช้าง
    ประชาชนจึงเพ่งโทษ ติเตียน โพนทะนาว่า ไฉนพระสมณะเชื้อสายพระศากยบุตรจึงได้ฉันเนื้อช้างเล่า
    เพราะช้างเป็นราชพาหนะ ถ้าพระเจ้าอยู่หัวทรงทราบคงไม่ทรงเลื่อมใสต่อพระสมณะเหล่านั้นเป็นแน่
    ภิกษุทั้งหลายกราบทูลเรื่องนั้นแด่พระผู้มีพระภาค.
    พระผู้มีพระภาคทรงบัญญัติห้ามแก่ภิกษุทั้งหลายว่า
    ดูกรภิกษุทั้งหลาย ภิกษุไม่พึงฉันเนื้อช้าง รูปใดฉัน ต้องอาบัติทุกกฏ.


    6) พระพุทธบัญญัติห้ามฉันเนื้องู

    สมัยต่อมา ถึงคราวอัตคัดอาหาร ประชาชนพากันบริโภคเนื้องู และถวายแก่พวกภิกษุผู้เที่ยวบิณฑบาต
    ภิกษุทั้งหลายฉันเนื้องู ประชาชนจึงเพ่งโทษ ติเตียน โพนทะนาว่า ไฉนพระสมณะเชื้อสายพระศากยบุตรจึงได้ฉันเนื้องูเล่า เพราะงูเป็นสัตว์น่าเกลียดน่าชัง
    แม้พระยานาคชื่อสุปัสสะก็เข้าไปในพุทธสำนักถวายบังคมพระผู้มีพระภาคแล้วได้ยืนอยู่
    ณ ที่ส่วนข้างหนึ่งได้กราบทูลคำนี้แด่พระผู้มีพระภาคว่า พระพุทธเจ้าข้า บรรดาที่ไม่มีศรัทธา ไม่เลื่อมใสมีอยู่
    มันคงเบียดเบียนพวกภิกษุจำนวนน้อยบ้าง ของประทานพระวโรกาส พระพุทธเจ้าข้า
    ขอพระคุณเจ้าทั้งหลายโปรดกรุณาอย่าฉันเนื้องู
    ลำดับนั้นพระผู้มีพระภาคทรงชี้แจงให้พระยานาคสุปัสสะเห็นแจ้ง สมาทาน อาจหาญ ร่าเริงด้วยธรรมีกถา ครั้นพระยานาคสุปัสสะอันพระผู้มีพระภาคทรงให้เห็นแจ้งสมาทาน อาจหาญ ร่าเริงด้วยธรรมีกถาแล้ว
    ถวายบังคมพระผู้มีพระภาคทำประทักษิณกลับไป

    ลำดับนั้น พระผู้มีพระภาคทรงทำธรรมีกถา ในเพราะเหตุเป็นเค้ามูลนั้น
    ในเพราะเหตุแรกเกิดนั้น แล้วรับสั่งกะภิกษุทั้งหลายว่า
    ดูกรภิกษุทั้งหลาย ภิกษุไม่พึงฉันเนื้องู รูปใดฉันต้องอาบัติทุกกฏ.
     

แชร์หน้านี้

Loading...