พระธาตุเสด็จมากมาย ณ วัดปันเสา ใครอยากได้ ไปนั่งสมาธิอัญเชิญเองได้เลย

ขออนุโมทนาครับ...สาธุๆๆ อยากไปมากเลยครับ
ท่านพระมหาอาวรณ์ ท่านคงมีบารมีสูงมากนะครับ

 

...กราบอนุโมทนาค่ะ...​

 

น่าอัศจรรย์จริงๆครับ สาธุครับ

จุดชมวิวศรีราชาสวยๆเห็นทั้งเมืองและทะเล

 

ขอบคุณ และอนุโมทนาบุญกับเจ้าของกระทู้ค่ะ ที่มาเปิดเรื่องและนำภาพมาให้ชมกัน ทำให้น้องสาวนึกได้ว่า วันก่อน (๗ ก.ย.) ไปทำความสะอาดที่นอนแม่ แล้วพบสิ่งนี้ ๑ องค์ สักแป็บก็ได้ยินเสียงของเล็กๆ หล่นมา ก้มไปดูก็พบอีก ๑ องค์ สักพักก็เห็นอีก ๑ องค์ รวม ๓ องค์ค่ะ

น้องสาวไม่รู้จัก คิดว่าเป็นลูกปัดหล่นลงมาจากที่ไหน ยังรอว่าจะถาม พอเปิดให้ดูภาพพระธาตุเสด็จ น้องสาวเห็นภาพพระธาตุที่เป็นองค์กลมๆ จึงนึกได้ รีบไปหยิบมาให้ดูค่ะ (พระท่านคงให้ทราบว่า ควรนำมาตั้งไว้ในที่ที่ควรตั้งมากกว่า น้องสาวใส่กล่องพลาสติกวางไว้หน้าทีวี)

 

โมทนาสาธุ...เป็นบุญของคุณแล้วหละครับคุณ สร้างบุญบารมีในพระศาสนาต่อไปนะครับ

 

<TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0><TBODY><TR><TD class=t_msgfont id=postmessage_14150>ประวัติความเป็นมาของวัดปันเส่า
วัดปันเส่า ( คำว่า เส่า เป็นภาษาล้านนา หมายถึงเตาสำหรับหลอมโลหะ คำว่า ปัน เป็นการนับจำนวนของชาวล้านนา หมายถึง จำนวน ๑,๐๐๐) ตามประวัติศาสตร์ที่พบจากจารึกต่าง ๆ พบว่า วัดปันเสา เป็นวันที่สร้างขึ้นในสมัยราชวงศ์มังราย โดยเริ่มก่อสร้างในรัชสมัยของพญาผายูถึงรัชสมัยของพญากือนา โดยได้สร้างองค์เจดีย์ขึ้นองค์หนึ่งเป็นเจดีย์ขนาดเล็กไม่ใหญ่นัก ต่อมาในสมัยของพญาเมืองแก้ว ทรงมีความดำริที่จะหล่อพระพุทธรูปเจ้าเก้าตื้อ จึงมีบัญชาให้กับนายทหารที่มีฝีมือทางการช่างชื่อปู่ด้ง ได้ไปเสาะหาสถานที่สำหรับหล่อพระพุทธรูป ปู่ด้งจึงเสาะหาตามบัญชา และพบว่าด้านทิศตะวันตกเฉียงเหนือ นอกกำแพงเมืองเชียงใหม่ มีชัยภูมิที่มีความเหมาะสมและเป็นมงคลเป็นอย่างยิ่ง เนื่องจากบริเวณนี้มีน้ำไหลผ่านซึ่งเป็นน้ำที่ไหลมาจากน้ำตกห้วยแก้ว ไหลลงสู่คูเมืองเชียงใหม่ (แด่เดิมไหลผ่านกลางวัดปัน ปัจจุบันได้แห้งไปหมดแล้ว) พญาเมืองแก้ว จึงได้ให้นายช่างทอง ทำการก่อเตาเส่า (เตาหลอมโลหะ) ในบริเวณนี้ จำนวน ๑,๐๐๐ เตา แล้วหลอมโลหะหล่อพระพุทธรูปเป็น ๙ ท่อน และได้ทำการเคลื่อนย้ายจากบริเวณนี้ ไปประกอบเป็นองค์พระพุทธรูปที่อุทยานบุพพาราม (วัดสวนดอกในปัจจุบัน) และสถาปนาชื่อพระพุทธรูปว่า พระพุทธรูปเก้าตื้อ ( คำว่าตื้อ หมายถึง ท่อน คือ พระมีจำนวน ๙ ท่อน หรือ ๙ ส่วน) บางแห่งเขียนบอกว่าเป็นจำนวนนับน้ำหนักของคนล้านนาโบราณ (ตื้อ เท่ากับ สิบ โกฎิ)

</TD></TR></TBODY></TABLE>

 

หลังจากนั้นพญาเมืองแก้ว ก็มีบัญชาสั่งให้นายช่างทำการลื้อเตาส่าทั้งหมด และได้ก้อนอิฐเป็นจำนวนมาก จึงได้ทำการบูรณองค์เจดีย์เดิมของวัด ซึ่งใช้วิธีการสร้างเจดีย์ครอบเจดีย์เดิมอีกชั้นหนึ่ง มีลักษณะเป็นศิลปะล้านนาผสมสุโขทัย และล้านช้าง และได้สถาปนาชื่อวัดว่า “วัดเจดีย์ปันเส่า” วัดเจดีย์ปันเส่ามีความเจริญรุ่งเรืองมาโดยลำดับ ต่อมาเมื่อพม่าได้เข้ามาตีเมืองเชียงใหม่ ทำให้วัดเจดีย์ปันเส่าถูกเผาเสียหายทั้งหมด เนื่องจากเสนาสนะทั้งหมดของวัดสร้างด้วยไม้สัก คงเหลือแต่องค์เจดีย์เท่านั้นที่ไม่ถูกทำลาย แต่ก็ได้รับความเสียหายเป็นอย่างมาก ต่อมาก็มีมารศาสนาได้ลักขุดหาสมบัติภายในองค์เจดีย์ไปจนหมด และร้างนับตั้งแต่บัดนั้นเป็นต้นมา และคงเหลือแต่องค์เจดีย์ปันเสาเพียงองค์เดียวที่เป็นโบราณสถานระบุว่าเคยเป็นบวิเวณวัดในอดีต

 

<TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0><TBODY><TR><TD class=t_msgfont id=postmessage_14152>ต่อมาสถานที่แห่งนี้ ได้ใช้เป็นที่เลี้ยงช้างทรงของเจ้าแก้วนวรัฐ เจ้าผู้ครองนครเชียงใหม่องค์สุดท้าย และช้างทรงของพระราชชายาเจ้าดารารัศมี (พระราชายาในรัฐกาลที่ ๕) (ได้มาจากคำบอกเล่าของผู้เฒ่าผู้แก่ภายในชุมชนแจ่งหัวริน และชุมชนบ้าน
ป่าพร้าวนอก) จากนั้นก็มีการออกโฉนดที่ดินให้กับวัด โดยมีพื้นที่ทั้งหมด ๒ ไร่ ๒ งาน ๘๒ ตารางวา (ซึ่งพื้นที่อื่น ๆ ของวัดได้ถูกบุกรุก และกลายเป็นที่ดินเอกชน รวมทั้งบางส่วนกลายเป็นที่ราชพัสดุเนืองจากไม่มีหลักฐานชัดเจนที่แสดงว่าเป็นที่ดินของวัดแต่เดิม) หลังจากนั้นก็มีการแผ่วถางบริเวณเพื่อที่จัดสร้างเป็นโรงพยาบาลสวนดอก (โรงพยาบาลมหาราชนครเชียงใหม่ในปัจจุบัน) ต่อมาโรงพยาบาลสวนดอกมีผู้ป่วยเป็นจำนวนมาก พื้นที่บริเวณวัดจึงไม่เพียงพอที่จะขยาย โรงพยาบาลสวนดอกจึงได้ย้ายออกไปสร้างในสถานที่แห่งใหม่และเปลี่ยนชื่อเป็นโรงพยาบาลมหาราชนครเชียงใหม่ หลักจากนั้นศูนย์มาลาเรีย เขต ๒ เชียงใหม่ ได้ทำการขอเช่าที่ดินของวัดกับ กรมการศาสนาในสมัยนั้น

</TD></TR></TBODY></TABLE>

 

ต่อมาเมื่อปีพุทธศักราช ๒๕๕๐ ทางศูนย์มาลาเรีย เขต ๒ เชียงใหม่ ได้บอกคืนพื้นที่ของวัดให้กับสำนักงานพระพุทธศาสนาจังหวัดเชียงใหม่ ทางคณะสงฆ์จึงได้มอบหมายให้พระเทพวรสิทธาจารย์ รองเจ้าคณะจังหวัดเชียงใหม่ เจ้าอาวาสวัดพระธาตุดอยสุเทพฯ ประธานมูลนิธิพระบรมธาตุดอยสุเทพ ฟื้นฟูให้เป็นวัดที่ถูกต้องตามกฎหมาย โดยมอบหมายให้พระมหาอาวรณ์ ภูริปญฺโญ เป็นผู้ดำเนินการ ซึ่งริเริ่มจัดตั้งเป็นศูนย์ปฏิบัติธรรมวัดปันเสา โดยมีวัตถุประสงค์ เพื่อที่จะสร้างเป็นสถานที่ปฏิบัติธรรมสำหรับศรัทธาประชาชนโดยทั่วไป และสร้างเป็นสถานที่สำหรับรองรับพระสงฆ์ที่เดินทางมาจากต่างจังหวัดเพื่อมารับการรักษาพยาบาลที่ตึกสงฆ์ของโรงพยาบาลมหาราชนครเชียงใหม่ แต่ไม่มีที่พักก็จะใช้สถานที่แห่งนี้เป็นที่พักชั่วคราว และจะสร้างถวายเป็นพระราชกุศลแด่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว

 

<TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0><TBODY><TR><TD class=t_msgfont id=postmessage_14154>ในปัจจุบันนี้กำลังมีการก่อสร้าง “วิหารจันทรสถิตมหาทานบารมีศรีชัยมงคล” (เปี่ยม-เอี่ยม จันทรสถิตย์) และมีการระดมทุนทรัพย์เพื่อก่อสร้างอาคารที่พักรับรองพระสงฆ์จำนวน ๒ หลัง โดยจะใช้เป็นสถานที่รับรองพระสงฆ์จากทั่วสารทิศที่เดินทางมาเพื่อเข้ารับการรักษาพยาบาลที่ตึกสงฆ์โรงพยาบาลมหาราชนครเชียงใหม่ ซึ่งจะใช้ปัจจัยในการก่อสร้างทั้งหมด ๒๐,๐๐๐,๐๐๐ บาท (ยี่สิบล้านบาท) ศรัทธาประชาชนทุกท่านสามารถร่วมเป็นเจ้าภาพในการสร้างวัดแห่งนี้ได้ โดยวัดแห่งนี้จะเป็นวัดเพื่อพระสงฆ์อาพาธจากทิศทั้ง ๔ จะได้ใช้ประโยชน์ร่วมกัน ซึ่งพระพุทธองค์ทรงตรัสว่า “ผู้ใดพยาบาลภิกษุผู้อาพาธ ผู้นั้นเปรียบเสมือนอุปัฏฐากเราตถาคต”

</TD></TR></TBODY></TABLE>

 

พระผงพระเจ้าแสงคำเมือง


<TABLE cellSpacing=5 cellPadding=1 width="20%" align=left border=0><TBODY><TR bgColor=#400040><TD>
</TD></TR></TBODY></TABLE>"วัดปันเสา" (พันเส่า) เลขที่ 14/18 ถนนบุญเรืองฤทธิ์ ต.สุเทพ อ.เมือง จ.เชียงใหม่ เดิมเป็นวัดร้างเป็นระยะเวลา 200 กว่าปี มีเพียงองค์เจดีย์โบราณเพียงองค์เดียวเท่านั้น

วัดปันเสาอยู่ติดกับโรงพยาบาลมหาราชนครเชียงใหม่ มีพระภิกษุมารักษาพยาบาลเป็นจำนวนมากและไม่มีที่พักจำวัด

ดัง นั้น วัดปันเสาจึงเป็นสถานที่รองรับพระภิกษุเหล่านี้ ได้มีโครงการสร้างอาคารรองรับพระสงฆ์อาพาธอาคันตุกะที่มารอรับการรักษา พยาบาลที่ตึกสงฆ์ของโรงพยาบาลมหาราชนครเชียงใหม่ (โรงพยาบาลสวนดอก)

พร้อมทั้งสร้างไว้สำหรับใช้เป็นสถานที่ปฏิบัติธรรมของคณะศรัทธาประชาชนโดยทั่ว

ในการนี้วัดปันเสาได้สร้างพระเจ้าแสงคำเมือง เพื่อถวายเป็นพระราชกุศลแด่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว และพระบรมวงศานุวงศ์

ประกอบ พิธีเททองหล่อพระเจ้าแสงคำเมือง หน้าตัก 59 นิ้ว เพื่อเป็นองค์พระประธานในวิหารวัดปันเสา เมื่อวันที่ 13-14 มีนาคม 2552 ณ ลานหน้าวัดทางทิศตะวันออก โดยมี น.พ.เกษม วัฒนชัย องคมนตรี เป็นประธานในพิธี

โอกาสเดียวกันนี้ยังได้จัดสร้างพระพุทธรูปเจ้าแสง คำเมืององค์ลอย ขนาดเล็ก สูง 2.5 เซนติเมตร จัดสร้างเป็นเนื้อทอง แบบเงิน และนาก รวมทั้งพระผงพระเจ้าแสงคำเมือง เพื่อให้ประชาชนผู้สนใจเช่าบูชา

ประกอบ พิธีพุทธาภิเษก โดยมีพระเกจิคณาจารย์ชื่อดังแห่งภาคเหนือจำนวน 99 รูป เข้าร่วมอธิษฐานจิตปลุกเสก และพิธีสวดมนต์ตัน เมื่อวันที่ 13 มีนาคม 2553

อาทิ ครูบาจันต๊ะรังษี เจ้าอาวาสวัดกู่เต้า, ครูบาแอ เจ้าอาวาสวัดแสนเมืองมา (หัวข่วง), พระราชเจติยาจารย์ เจ้าอาวาสวัดเจดีย์หลวง และ พระเทพวิสุทธิคุณ เจ้าอาวาสวัดบุพพาราม อ.เมือง จ.เชียงใหม่

พระผงพระเจ้าแสงคำเมือง เป็นพระผงทรงกลมรูปไข่ ขนาดสูง 3 เซนติเมตร

ด้านหน้าพระผงเป็นรูปพระเจ้าแสงคำเมือง และมีตัวหนังสือ "พระเจ้าแสงคำเมือง" ใต้องค์พระ

ด้านหลังพระผงมีรูปเจดีย์วัดปันเสา ใต้ฐานองค์เจดีย์เขียนคำว่า "ศูนย์ปฏิบัติธรรมวัดปันเสา"

ทั้งนี้ พระเจ้าแสงคำเมืองลอยองค์ และพระผงพระเจ้าแสนคำเมือง เปิดให้เช่าบูชาเพื่อนำรายได้บูรณะวัดปันเสา

พระผงดังกล่าวมีพุทธคุณโดดเด่นด้านรักษาโรคภัยไข้เจ็บ

มี เรื่องเล่าว่า เมื่อครั้งที่แห่อัญเชิญพระเจ้าแสงคำเมืองผ่านบริเวณประตูช้างเผือก ชาวบ้านที่ร่วมขบวนแห่ที่มีสุขภาพไม่แข็งแรงหรือเจ็บป่วย แต่ครั้นพอร่วมขบวนพระเจ้าแสนคำเมือง ปรากฏว่าเกิดอัศจรรย์ ร่างกายมีแรงและหายจากอาการเจ็บป่วยทันที

ด้วยสิริมงคลนี้ชาวบ้านที่ พากันมากราบไหว้พระเจ้าแสนคำเมือง ที่ศูนย์ปฏิบัติธรรมวัดปันเสา จึงนิยมมาขอบารมีให้หายจากโรคภัยไข้เจ็บนานัปการ

 

ได้ข่าวล่ามาใหม่ว่า พระธาตุมักจะเสด็จมามากในวันพระครับ โดยเฉพาะในพระวิหาร...ท่านใดอยากได้พระธาตุไว้บูชาก็เรียนเชิญครับ

 

สาธุ ครับ น่าจะมาที่บ้านบ้างนะอิอิ กิเลตเกิด นิด ๆ เลย
อนุโมทนาสาธุครับ

 

ข้าพเจ้าได้โอนเงิน ถวายเป็นปัจจัยในการก่อสร้างถาวรวัตถุ เป็นจำนวนเงิน 500.00บาทถ้วน พร้อมแนบใบหลักฐานการโอนเงิน

 

ขออนุโมทนาในจิตอันเป็นกุศลของท่านครับ

 

เสด็จมาแล้วตกลงพื้น เทวดาพามาหรือครับ เหตุคืออะไร ผลจึงเป็นเช่นนี้

 

วันนี้(๑๗ ก.ย.๕๓) เลิกงานกลับมาถึงบ้าน..น้องสาวบอกว่า มาดูสิ..ยื่นกล่องมาให้ดู เสด็จมาเพิ่มอีก ๓ องค์ค่ะ สีเข้มกว่าของเดิม และมีเหมือนพระบรมสารีริกธาตุองค์ใส ๑ องค์ ด้วยค่ะ น้องสาวบอกว่า เจอที่พื้นห้องหน้าทีวีชั้นบน ๑ องค์ ก้มลงไปเก็บได้ยินเสียงหล่น หันไปตามเสียงก็พบอีก ๒ องค์

ส่วนที่คล้ายกับพระบรมสารีริกธาตุใส น้องบอกว่าเห็นเพราะเหมือนมีแสงออกมาค่ะ แสงกระทบตาจึงสงสัยใช้นิ้วแตะขึ้นมาดู



ในผะอบสามองค์ พบเมื่อวันพระสัปดาห์ที่แล้วค่ะ (ครั้งที่แล้ว โพสไปแล้วน้องสาวมาบอกว่าจำวันผิด) , ในกล่องแดงอีกสามองค์เสด็จมาวันนี้ค่ะ



นำที่เพิ่งพบใหม่ และครั้งที่แล้วมารวมในผะอบเดียวกันเห็นได้ว่า ๓ องค์ที่เสด็จมาวันนี้ สีเข้มกว่าที่พบเมื่อสัปดาห์ที่แล้วค่ะ

 

กำลังจะปั้นพระพุทธรูปบูชามีวามคิดว่าถ้าท่านใดมีพระบรมสารีริกธาตุที่ต้องการนำบรรจุในองค์ท่าน จะให้เช่าบูชาหรือบริจาคโดยศรัทธา ขอโปรดพิจารณาด้วยค่ะ

 

สวัสดีปีใหม่ครับทุกท่าน
เมื่อวันขึ้นปีใหม่บังเอิญมีโอกาศเข้าไปทำบุญกับพระอาจารณ์ ที่วัดพันเสา
เวลาท่านพรมน้ำมนต์มีพระธาตุเสด็จครับ

 

อยากได้พระบรมสารีริกธาตุพระพุทธโคดม เอาไว้บูชาบ้าง
ผมศรัทธาพระองค์ท่านมากๆ
(เมื่อใดได้แล้วจะนำพระบรมสารีริกธาตุ สร้างองค์พระครอบ)