ผู้เจริญพุทธานุสสติกรรมฐานอยู่เสมอ ย่อมมีจิตผ่องใสเมื่อถึงกาลมรณะ ๒/๓

ในห้อง 'พุทธศาสนา และ ธรรมะ' ตั้งกระทู้โดย ธรรมวิวัฒน์, 16 ตุลาคม 2021.

  1. ธรรมวิวัฒน์

    ธรรมวิวัฒน์ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    29 สิงหาคม 2006
    โพสต์:
    26,272
    กระทู้เรื่องเด่น:
    82
    ค่าพลัง:
    +115,095
    FB_IMG_1634312607941.jpg

    ผู้เจริญพุทธานุสสติกรรมฐานอยู่เสมอ ย่อมมีจิตผ่องใสเมื่อถึงกาลมรณะ ๒/๓

    อย่างที่เธอสวดกันเราไม่ได้สวดเปล่า ๆ เราสวด เราต้องนึกถึงว่าเราต้องมีศีลให้บริสุทธิ์ เราต้องมีความศรัทธา สมาทานในสิ่งที่เราตั้งใจกับองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า พระธรรม พระอริยสงฆ์

    เห็นไหมว่าการที่จะต่อความสุขหรือว่าความดีให้เกิดขึ้นนี่ มันต้องอาศัยเรามีศรัทธากับพระพุทธเจ้าแล้วก็ตั้งใจรักษาศีลให้บริสุทธิ์ มีความตั้งมั่นในสิ่งที่องค์สมเด็จพระบรมสุคตทรงได้ประกาศสัจธรรมความเป็นจริงว่า การเกิดเป็นมนุษย์ เราจะหมกมุ่นในกามคุณทั้ง ๕ มันก็เพลิดเพลินลงไปในความสุขที่มันไม่ยั่งยืน

    แต่ถ้าเธอเป็นคนที่ตั้งใจด้วยความประมาทพลั้งเผลอ เบียดเบียนและประทุษร้าย หวังว่าความสุขของเธอจะได้มาด้วยการประทุษร้ายคนอื่น กรรมความชั่วอย่างนี้ เขาเรียก คนทุศีล ก็มิอาจจะสามารถต่อชีวิตของการเป็นมนุษย์ต่อไปได้ ก็ต้องตายจากความเป็นมนุษย์ ไม่กลับมาเป็นมนุษย์อีก ไม่มีวันเป็นเทวดา ลงนรกไปเลย

    แต่ถ้าเธอมีความดี ตั้งใจรักษาศีลของเธอบริสุทธิ์ มีความเคารพจริงในพระรัตนตรัย เป็นคนไม่ประมาทในชีวิต คิดถึงความตายเป็นอารมณ์อย่างนี้ คนเหล่านี้แม้นตายก็กลับมาเป็นมนุษย์ใหม่ก็ได้ ต่อชีวิตความเป็นมนุษย์ต่ออีกชาติหนึ่งก็ได้

    ตายไปเป็นเทวดานางฟ้าก็ได้ ไปเป็นพรหมก็ได้ ถ้าจิตใจมีกำลังเข้มแข็ง ไม่เห็นประโยชน์ของการเกิดว่ามีแต่โทษ ไม่มีความสุขเลย เกิดเป็นมนุษย์ก็เป็นอย่างนี้ เป็นเทวดาก็อยู่ไม่นาน เป็นพรหมก็อยู่ไม่นาน สุดท้ายเราก็หวังนิพพานเป็นที่ไป

    ถ้ากำลังใจถึงที่สุดของเธอ เชื่อองค์สมเด็จพระจอมไตรบรมศาสดาที่ทรงตรัสว่านิพพานเป็นสุขอย่างยิ่ง เราก็ตั้งใจไปที่นั่น

    เมื่อจิตมันตั้งเป็นอารมณ์อย่างนี้ก่อนตาย มันก็ไปนิพพานเลยทันที ไปได้

    งั้นกุศลบารมีที่เราจะต่อชีวิตของเราไม่ให้ต้องตกต้องไปสู่อกุศลกรรม อกุศลกรรมจะพาให้เธอพลัดพรากจากความเป็นมนุษย์แล้วก็เป็นสัตว์ในนรกหรือเป็นสัตว์เดรัจฉานหรือไปเป็นเปรตเป็นอสุรกาย นั่นคือ เธอหมดสิทธิ์เป็นมนุษย์ต่ออีก นาน

    ถ้าเธออยากเป็นมนุษย์ต่ออีกชาติหน้า เธอก็ต้องมีศีลเป็นเครื่องรักษาหรือเป็นเทวดานางฟ้าเป็นพรหมอย่างที่กล่าวมา

    งั้นการที่พระองค์ทรงประกาศในพระธรรมเทศนานี่ อุณหิสวิชัยสูตร ทรงประกาศสัจธรรมความเป็นจริงของโทษของการทุศีล ของคนที่หมกมุ่นในกามคุณทั้ง ๕ กับบุญในการรักษาศีล

    แม้เราจะมีความพอใจในกามคุณทั้ง ๕ แต่ก็มีศีล ๕ ประการหรือกรรมบถ ๑๐ เป็นเครื่องปกป้องไม่ให้ใจของเราคิดประทุษร้ายคนอื่น เบียดเบียนคนอื่นเขาซึ่งเป็นโทษ มีปาณาติบาตเป็นต้น

    งั้นเมื่อจิตใจของเธอมีความตั้งมั่นศรัทธาในพระพุทธเจ้าจริง การนึกถึงพระพุทธเจ้าเป็นอารมณ์ มันจึงเกิดขึ้นในยามที่เธอมีจิตคิดถึงว่าศีลเป็นต้นเป็นบาท เป็นพื้นฐานทำให้เราต้องมีโอกาสได้กลับมาเป็นมนุษย์อีกชาติหนึ่งหรือเป็นเทวดานางฟ้า ตายชาตินี้เราไม่ตกนรก

    นั่นคือ การต่อชีวิตของเธอ ไม่ให้เธอต้องเป็นทุกข์เป็นโทษต่อไป

    การที่นำเรื่องของท่านสุปติฏฐิตเทพบุตร ก็หมายความว่า เรื่องของอุณหิสวิชัยสูตรที่เธอสวด ก็เกี่ยวข้องกับเรื่องของท่านนี่แลว่าท่านนี่แหละเป็นผู้ที่ตายจากความเป็นมนุษย์ แต่ท่านก็อาศัยบารมีขององค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าไปเป็นเทวดาได้

    แต่จะตายจากการเป็นเทวดา ก็อาศัยบารมีพระพุทธเจ้าที่ทรงประกาศสัจธรรมความเป็นจริงแล้วท่านก็เกิดศรัทธาเลื่อมใส พากันรักษาศีล ตั้งมั่นในคุณของพระรัตนตรัยไม่เสื่อม

    หวังว่าความดีที่ท่านได้ตั้งใจทำจะพาให้ท่านไม่ต้องกลับมาเกิดอีกในชาติต่อ ๆ ไป มีใจรักนิพพานเป็นอารมณ์ ท่านจึงได้บรรลุเป็นพระโสดาปัตติผล ท่านก็เลยไม่ต้องไปตกนรก ต่อชีวิตการเป็นเทวดาได้ต่อ ๆ ไป

    งั้นการที่เธอได้ตั้งใจสวดบำเพ็ญบารมีในบุญราศีต่าง ๆ ที่ทำมาอย่างนี้นะ เธอต้องจำไว้ว่า บุญเหล่านี้มันเกิดขึ้นเพราะเรามีศีล เรามีศรัทธาต่อพระพุทธเจ้า นึกถึงพระพุทธเจ้าอยู่เสมอว่าพระคุณของพระองค์นี่ทำให้เราไม่ต้องมีการเกิดแล้วต้องเป็นสัตว์นรก

    แค่นึกถึงพระพุทธเจ้าอย่างเดียวโดยไม่ได้มีศรัทธามาก่อน เหมือนท่านสุปติฏฐิตเทพบุตรนั่นแหละ ยังได้เป็นเทวดาได้

    พระพุทธเจ้ายังทรงตรัสว่า คนที่นึกถึงพระพุทธเจ้าอย่างนี้นับเป็นโกฏิ ๆ ที่เป็นเทวดา

    ความดีขององค์สมเด็จพระศาสดาสัมมาสัมพุทธเจ้าอย่างที่เธอพรรณนาสวดมนต์ไหว้พระทุกวันก็ดี หรือเจริญภาวนาพุทโธก็ดี หรือสัมมาอะระหัง นะโมพุทธายะหรืออะไรก็ตาม นะมะพะธะ ก็เป็นไปเพื่อการศรัทธาเลื่อมใสในคุณความดีของพระพุทธเจ้าเป็นที่ตั้ง

    การที่ทำใจของเธอนั้น พยายามสำรวมอินทรีย์สังวร นึกถึงว่าเราจะไม่เบียดเบียนคนที่เขาเบียดเบียนต่อเรา เราจะไม่เบียดเบียนต่อบุคคลที่เขาถูกเราเบียดเบียน หมายความว่า เราจะไม่เบียดเบียนกับบุคคลที่เขาไม่เบียดเบียนเรากับเราจะไม่เบียดเบียนกับบุคคลที่เขาเบียดเบียนเรา พอเข้าใจไหมล่ะ

    คือ คนดี ๆ นี่เราก็ไปเบียดเบียนเขา อันนั้นเราจะไม่ทำ คนเลวที่เขาประทุษร้ายเรา เราก็จะไม่เบียดเบียนเขาเหมือนกัน ไม่ว่าดีหรือว่าเลว เราก็ไม่เบียดเบียนใจเขา กายเขา วาจาเขา

    ถ้าเธอตั้งมั่นในการสำรวมอินทรีย์สังวร คือ ใจของเธอ นึกถึงพระพุทธเจ้าเป็นอารมณ์ได้ เธอก็ต้องเชื่อว่าสิ่งที่พระองค์ทรงตรัสแสดงพระธรรมเทศนาในอุณหิสวิชัยสูตรนี่ มันมีผลทำให้เราไม่ต้องกลับไปเกิดในสัตว์นรก เปรต อสุรกายหรือสัตว์เดรัจฉาน

    เลวที่สุดของเราก็เกิดเป็นมนุษย์ชั้นดี ดีกว่านั้นหน่อยเราก็เป็นเทวดานางฟ้า เป็นพรหมได้ สูงสุดเราก็ไปนิพพานได้ ขึ้นชื่อว่าตกต่ำไม่มี

    งั้นการต่อความดีของเราที่ทำต่อ ๆ ไปไม่ให้มันขาดสาย ก็คือ เจริญพุทธานุสสติกรรมฐานเอาไว้

    ทุกเวลานาทีเราอย่าเผลอ นึกถึงภาพพระพุทธเจ้าบ้างก็ได้ นึกเห็นพระองค์ ไม่เห็นพระองค์ก็ไม่เป็นไร เห็นคุณของพระพุทธเจ้าแล้วก็ภาวนาพุทโธก็ได้ ทำการภาวนาให้ใจของเรามีความรู้สึกว่า คุณของพระพุทธเจ้าจะช่วยให้เราพ้นทุกข์

    บุญนี้เป็นบุญใหญ่ ขนาดคนทำความชั่วมาตลอดชีวิต นึกถึงพระพุทธเจ้า ขอมาช่วยยังไปเป็นเทวดาได้ อย่างเราเราไม่ได้ทำความชั่วมากขนาดท่าน เรายังมีศรัทธาต่อองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ตั้งใจรักษาศีล

    ยิ่งเรานึกถึงพระพุทธเจ้าบ่อยเท่าไหร่ บุญเราเราก็จะมีกำลังมาก เมื่อบุญมันมากการไปถึงนิพพานก็เป็นของง่าย เพราะองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าทรงตรัสว่า บุคคลผู้ใดเป็นผู้ตั้งใจเจริญพุทธานุสสติกรรมฐานเป็นอารมณ์เป็นปกติ บุคคลผู้นั้นก็จะถึงนิพพานได้โดยง่าย

    ทรงตรัสว่า “ได้โดยง่ายด้วย” ไม่ใช่โดยยาก

    งั้นการปฏิบัติของเธอ จงยึดถือแนวทางนี้ไว้เสมอว่า เรานึกถึงพระพุทธเจ้าเป็นอารมณ์ ก็เพราะว่าพระองค์ทรงสอนให้เรานั้นไม่ต้องทุกขเวทนา ไม่ต้องตายแล้วในชาตินี้ คือ มรณา อันกาละที่จะต้องเกิดขึ้นในเมื่อไหร่เมื่อหนึ่งของเราก็ได้

    ถึงกาละเวลานั้นที่มรณามันตามถึงเรา เรายังมีพระพุทธเจ้าเป็นอารมณ์ใจของเราเสมอ ตั้งมั่นในศีลสิกขาของเราไว้ไม่เสื่อม ความดีจะพาให้เรานั้นพ้นจากการที่ตกนรก เราจะไม่เป็นสัตว์นรก ไม่ต้องไปเป็นเปรต เป็นอสุรกายหรือเป็นสัตว์เดรัจฉาน

    แค่นี้เราก็พอใจไหม เราก็พอใจแล้ว ไม่ตกนรกก็ดีแล้ว

    ถ้าเรามาเกิดใหม่ เราก็ทันสมัยพระศรีอริยเมตไตรยเพราะเรายังมีศีล ถ้าเราไม่เกิด เราฟังเทศน์พระพุทธเจ้าอีกจบเดียว ถ้าเธอปรารถนานิพพานตั้งมั่น เธอก็เป็นอรหันต์ ถึงพระนิพพานได้โดยง่าย

    นี่ก็อาศัยบารมีพระพุทธเจ้าช่วยให้ใจของเธอน่ะ คอยนึกถึงพระพุทธเจ้าตลอดเวลา ความปรารถนาทุกครั้งที่เธอนึกถึงองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า เธอก็ปรารภขอนิพพานชาตินี้ ขอให้พ้นจากการเวียนว่ายตายเกิดเถอะ ขอให้เราสิ้นทุกข์ดับสิ้นเชื้อเถอะ เราไม่อยากทุกข์ทรมาน

    จิตใจนี่มันเป็นโทษถ้าหากว่าเราไม่ชนะ มันไม่มีใครเป็นศัตรูร้ายเท่ากับจิตของเราหรอก เพราะจิตของเธอนี่มันอ่อนแอ มันย่อมจะผันแปรไปตามของคนพาลได้ไม่ยาก

    แล้วยิ่งอกุศลกรรมที่เคยทำไว้แต่ในอดีตมันมีมามาก มันก็จะกระชากใจของเธอนี่ หันไปคิดไปพูดไปทำในสิ่งที่ผิดพลาด ไม่ตรงกับคติที่พระพุทธเจ้าทรงสั่งสอน มันทำให้เราพลาดถึงต้องตกนรกอเวจีก็ยังได้เลย ซึ่งมันก็เสี่ยงมาก เห็นไหม

    จบช่วง ๒/๓
    ๑๓ พฤษภาคม ๒๕๖๑
    คำสอนของครูบาอาจารย์⚜️ท่านจิตโต⚜️
    ถอดความเสียง By Dhipya

     

แชร์หน้านี้

Loading...