ผมมีเรื่องอยากจะถามอยู่ 2 อย่างแค่นั้นอะครับ...เกี่ยวกับจิตวิญญาณ แล้วก็กลิ่น

ในห้อง 'เรื่องผี' ตั้งกระทู้โดย TheKunKeng, 23 มิถุนายน 2015.

  1. TheKunKeng

    TheKunKeng เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    21 มกราคม 2015
    โพสต์:
    302
    ค่าพลัง:
    +919
    คือจากที่ไล่ อ่านเนื้อหาที่ ในกระทู้ แต่ะละเร็ป อื่นๆ ที่มีคนมาอธิบายสิ่งที่เกิดขึ้น กับตัวเอง และผู้รู้ก็มาตอบอธิบายในบางส่วน แต่ผมก็ยังเกิดข้อสงสัยอยู่ดีอะครับว่า 2 อย่างนี้ จะพิจารณาได้อย่างไรว่าเป็นไปในลักษณะที่เป็นรูปแบบ นั้นๆ อย่างที่กล่าวแต่เพียงอย่างเดียว อะครับ

    อย่างที่ 1) คือ เกี่ยวกับเรื่องกลิ่นที่สัมผัสได้ อย่างที่มีคนตั้งกระทู้ว่า ถ้าเราได้กลิ่น ขึ้นโดยไม่สาเหตุว่าเกิดจากอะไร เพราะแหล่งกำเนิดของกลิ่นก็ไม่เห็นมีปรากฏ เลยคิดว่าเป็นส่วนของ ภพภูมิอื่น ดลบันดาล ให้เกิด กลิ่นทั้ง เหม็นและหอม ซึ่งเป็นกลิ่นที่เกิดจากแดนทิพย์ และอาจเป็นของทิพย์ก็ได้ (เช่นดอกไม้ทิพย์หรือสิ่งของที่เป็นทิพย์ในโลกทิพย์) อันนี้ผมไม่ค่อยส่งสัยติดใจอะไร แต่สงสัยเรื่องกลิ่นที่เหม็นเน่ามากกว่า เหมือนอะไรตาย หรือ ซากศพคนตาย นานๆ ในแดนทิพย์ ภพภูมิอื่น เค้าจะดลบันดาลให้เกิดกลิ่นเหม็นนี้ด้วย อย่างเดียวเชียวหรือ? หรือว่ามีลักษณะ ปัจจัย อื่นๆ ที่ทำให้เกิดกลิ่นลักษณะนี้ได้ด้วยเหมือนกัน เช่น เจ้ากรรมนายเวรของเรา ไม่ว่าจะชาติปัจจุบันหรือชาติไหนก็ตาม ที่ติดตามเรามา แล้วพอตอนถึงช่วงชะตาชีวิตเราเริ่มดิ่งลง อันเนื่องมาจากกุศลกรรมเราเริ่มลดน้อยลง ทำให้อกุศลกรรมเก่าเราเริ่มแสดงผล จึงเปิดโอกาสให้เจ้ากรรมนายเวรเหล่านี้ เค้ามาเล่นงานเราตามหนี้กรรม ที่เราได้เคยทำกับเค้าเอาไว้ ไม่ว่าจะถึงแก่ชีวิต หรือ ไม่ถึงแก่ชีวิตแต่ได้รับความทุกข์ทรมานแทนก็ตามอะครับ เค้าจะมาแสดงกลิ่นเตือนให้เราได้สัมผัสกลิ่นได้แบบนี้ด้วยหรือไม่ (แบบว่า "ฉันจะมาแล้วนะ ..แกจงเตรียมตัวเอาไว้" -_-) แล้วก็อีกอย่าง พวกสัมภเวสี วิญญาณเร่ร่อนที่ บังเอิญ เราอาจจะไปที่ไหน แล้วเค้าต้องการบุญจากเรา แล้วเค้าก็เกาะติดตามเรามาหวังต้องการบุญจากเราอะครับ เค้าจะมาแสดงกลิ่นพวกนี้ด้วยหรือไม่...

    อย่างที่ 2) คือ เกี่ยวกับจิตวิญญาณ จากภพอื่น ที่พยายามจะควบคุมสั่งการหรือแม้กระทั่งพยายามสิงสู่เราให้เราทำตามเค้า หรือ เป็นเหมือนเค้า อะครับ ที่มีคนเคยบอกว่า จุดเชื่อมต่อจิตอยู่ที่ บริเวณสมองส่วนตรง ใกล้ๆ ท้ายทอย อะครับ แล้วบอกว่ามีทั้ง จิตที่ดีและไม่ดี คือ มีทั้งเทพจริง และมารอสูรกายที่พยายามทำตัวเลียนแบบเทพ เพื่อที่จะอ้างและสิงควบคุมเรา ให้เราทำตามเค้า อยากรู้ว่าจะแยกออกได้อย่างไร พิจารณาจากสิ่งใด ว่า จิตไหน คือ เทพ และ จิตไหน คือ อสูรมาร (ที่พยายามเลียนแบบเทพ) อะครับ และถ้ามีจิตที่พยายามจะเข้ามาแทรกแซงเราแบบนี้จริงๆ เราจะมีวิธีการรับมืออย่างไรไม่ให้เค้าควบคุมหรือสิงให้เรา ทำตามเค้า หรือ ปฏิเสธพวกเค้าไปเลยก็ได้อะครับ (ไม่ว่าจะ เทพ หรือ อสูรมาร หรือ วิญญาณอะไรก็แล้วแต่) มีหนทางบ้างมั๊ยครับ...


    นี่คือ 2 อย่าง ที่ผมสงสัยของ กระทู้ ในหมวดหมู่นี้อะครับ วานผู้รู้หรือมีประสบการณ์มาช่วยตอบผมทีะนครับ
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 23 มิถุนายน 2015
  2. DEEJAI243

    DEEJAI243 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 เมษายน 2015
    โพสต์:
    427
    ค่าพลัง:
    +1,449
    จากประสบการณ์ของฉัน
    ที่สัมผัสกับการสื่อสารของวิญญาณที่สิงอยู่ที่บ้านฟาร์มของฉัน
    เวลาเค้าจะสื่อสารกับฉันให้รู้ด้วยกลิ่นเป็นกลิ่นคล้ายน้ำหอมกุหลาบแบบระเรื่อๆ
    รัศมีของการเกิดกลิ่นจะอยู่ในบริเวณที่ใกล้ๆกับตัวเรา
    หรือบางครั้งเป็นในรูปแบบของพลังงานที่มากระทบกายแล้ว
    รู้สึกถึงไอเย็นสะท้านทั่วตัว

    การมาของเค้าไม่ได้สิงหรือควบคุม
    แต่เป็นการมาเพื่อส่งสารหรือสื่อสาร
    มีคนเคยบอกว่าลักษณะกลิ่น
    สามารถจะแยกภพภูมิของวิญญาณได้

    ส่วนกลิ่นเหม็นกับวิญญาณที่ฉันเคยมีประสบการณ์ตอนที่อยู่เมืองไทย
    ไปไหว้เช็งเม้งที่สุสานทุกปีเพื่อไปสักการะบรรพบุรุษ
    พื้นที่ที่เป็นสุสานทางฝั่งบรรพบุรุษพ่อและแม่
    เป็นที่ของครอบครัวที่ซื้อไว้และสร้าง
    ฮวงซุ้ยโดยเฉพาะของบรรพบุรุษ
    ซึ่งในบรเวณนั้นไม่มีสุสานของผู้อื่น

    ทุกครั้งฉันจะได้กลิ่นเหม็นฉุนและหืนๆตลอดเวลา
    ในช่วงที่อยู่ในสุสาน ญาติๆทุกคนไม่มีใครได้กลิ่น

    ฉันเลยตระหนักว่ามันเป็นประสบการณ์
    ที่เกิดขึ้นเฉพาะตนค่ะ
     
  3. DEEJAI243

    DEEJAI243 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 เมษายน 2015
    โพสต์:
    427
    ค่าพลัง:
    +1,449
    การสื่อสารของวิญญาณด้วยกลิ่น
    แต่ละท่านอาจจะรับสัมผัสได้มากน้อยไม่เท่ากัน
    และลักษณะของกลิ่นเฉพาะตัวของวิญญาณก็จะแตกต่างกันค่ะ

    การสื่อของวิญญาณขึ้นอยู่กับเจตนาของวิญญาณผู้ส่งสาร
    และสภาวะของจิตของผู้รับสารในขณะยังมีสติรู้ตัว
    เมื่อคลื่นพลังงานตรงกันทั้งสองฝ่ายก็สามารถรับรู้และสื่อสารกันได้ค่ะ

    จิตวิญญาณที่สื่อสารกับเราได้นั้นต่าง
    มีบุญสัมพันธ์และกรรมสัมพันธ์ร่วมกันกับเรา
    ไม่ว่าชาติใดชาติหนึ่ง โดยรวมไปถึงเจ้ากรรมนายเวร

    การที่จะสัมผัสสารได้จากการเตือนของเจ้ากรรมนายเวร
    ก็ขึ้นอยู่กับกำลังบุญของแต่ละคนค่ะ
     
  4. บุรุษไร้เงา

    บุรุษไร้เงา เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 มกราคม 2007
    โพสต์:
    8,425
    ค่าพลัง:
    +35,019
    กำลังสติทางธรรมที่ได้จากการฝึกเจริญสติในชีวิตประจำวันครับ
    ไม่ว่าจะฝึกด้วยวิธีอะไรก็ได้อยู่ให้มีฐานอยู่ที่กายครับ..
    ตำแหน่งที่ส่งเสริมการสร้างสติทางธรรมที่ดีที่สุดอยู่ที่ปลายจมูก
    เรานี้หละครับ กำลังสติพวกนี้จะทำให้เราเข้าใจในเรื่องนามธรรม
    ต่างๆได้ดีขึ้นด้วยตัวเราเองครับ ส่วนตัวมองว่าคุณก็มีความเข้าใจ
    ที่ดีในระดับหนึ่งแล้วครับ และก็กลิ่นที่เป็นเหตุที่มาจากสัมพะเวสี
    ที่คุณเข้าใจก็เป็นได้ครับ ขึ้นอยู่กับระดับกำลังจิตเค้า พูดง่ายๆก็คือ
    ระดับของบุญนั่นหละครับ เพราะฉนั้นประเด็นแรกก็อุทิศส่วนกุศลไปก็ไม่น่า
    มีปัญหาอะไรครับไม่ว่าจะได้กลิ่นดีหรือไม่ดีครับ.
    เรื่องการที่เราเข้าใจว่า วิบากกรรมมาถึง เราจะสามารถตัดทอนพวกนี้ได้
    ก็คือ เราอย่าไปคิด อย่าไปรู้ อย่าไปพยายามที่สนใจที่จะรู้ อย่าไปปรุงแต่งครับ
    เพราะพวกนี้เป็นกระแสวิบาก คือ มันจะจรมาเรื่อยๆครับ ให้เราเฉยๆ ไม่สนใจ
    และก็อุทิศส่วนกุศลไปเรื่อยๆ พลังงานบุญ พลังงานเย็น มันก็จะผลักกระแสวิบาก
    ซึ่งเป็นกระแสร้อน ตรงนี้ออกไปได้เองของมันโดยที่เราไม่ต้องไปรู้ว่าเป็นอะไรครับ
    เพราะการที่เราไปรู้ หมายถึงจิตเรามันไปกระทบ หรือ ไปเชื่อมแล้วนั่นเองครับ...

    และในประเด็นต่อมา เกี่ยวกับจิตอื่นๆภายนอก ส่วนตัวเรียกว่าพลังงานภายนอก
    นั้น ตรงนี้ก็ต้องอาศัยกำลังสติเช่นกันครับ ในระดับที่เราต้อง แยกได้ว่า อะไรเป็น
    จิตของเรา อะไรเป็นความคิดที่เกิดจากจิตของเรา(ความคิดต่างๆที่เราสามารถ
    ปรุงแต่งได้ ให้ดีหรือไม่ดีก็ได้ เปลี่ยนเรื่องได้) อะไรเป็นความคิดที่เกิดจากขันธ์
    ๕ ส่วนนามธรรม(เวทนา สัญญา สังขาร วิญญาน หรือ ความคิดที่ผุดขึ้นมาได้เอง
    อย่างที่ไม่ได้ตั้งใจ เราไม่ได้กำหนดเรื่องไว้ก่อน ส่วนมากเป็นเรื่องราวในอดีต
    ทั้งนั้น และถ้าเราเผลอไปปรุงแต่งตาม มันก็จะปรุงไป จนสร้างเป็นอารมย์
    ที่มีผลกระทบต่อทั้งกายและจิตใจเราได้ครับ)
    ที่นี้ถ้า เราลองสังเกตุความคิดพวกนี้ได้นะครับ รู้กิริยาต่างๆของมัน ไม่ว่าจิต
    ความคิดที่เกิดจากจิต ความคิดที่เกิดจากขันธ์ ๕ นามธรรม(บางทีก็เรียกวิบากกรรม)
    เราก็จะเริ่มสังเกตุ เห็นจิตวิญญาน หรือพลังงานภายนอกพวกอื่นๆได้ครับ

    เห็นในที่นี้ ไม่ใช่ว่าตาเรามองเห็นแบบเป็นตัวๆอย่าง
    เดียวนะครับ แต่เห็นในที่นี้ หมายถึง
    ตัวจิตมันจะเริ่มละเอียดพอ จากกำลังสติทางธรรมที่เรามี ในการที่จะสังเกตุได้
    ในเรื่องของกระแสพลังงานภายนอก ที่เราเข้าใจว่าเป็นจิตวิญญานต่างๆ
    ที่เค้ามักจะมาในลักษณะ ของการแหย่ แหย่เราในทางด้านของความคิดต่างๆนานา
    อย่างเช่น บางทีเราจะเป็นคนอารมย์เย็น อยู่ดีๆพอมีเรื่อง ก็มีกระแสภายนอกมาแหย่
    ให้เรากลายเป็นใจร้อน พอเราอารมย์ร้อนๆ ขึ้นมาซักพัก แล้วเราก็คล้ายๆว่า เอะเรา
    ทำไปได้อย่างไร ในขณะเวลาต่อมานั้นเราก็รู้สึกๆเฉยๆ
    นี่หละครับ ลักษณะการแหย่ของกระแส
    ภายนอกครับ พูดง่ายๆคือ ให้เราแสดงกิริยา ท่าทาง หรือคำพูดออกไป แต่เราเอง
    จะไม่รู้ตัวนั่นหละครับ อ่านดีๆน่าจะพอสังเกตุและเข้าได้ครับ

    ซึ่งการมาแหย่ บางทีก็เป็นการทดสอบตัวเราเองด้วยครับ ไม่ใช่เฉพาะแบบคน
    ที่โดนเจาะโดนแทรกที่ผ่านต่อมไพเนียลแกนอย่างเดียวที่จะเจอนะครับ
    คนปกติทั่วๆไป ก็โดนได้เหมือนกันครับ แต่โดยมากเราจะโดนทดสอบ
    ในเรื่องกิเลสต่างๆ ไม่ว่า รัก โลภ โกรธ หลง คือมันจะคล้ายๆมาแหย่
    ยั่วยุ ให้เราต้องติด ในเรื่องใดๆเรื่องหนึ่งนั่นหละครับ เช่น ฝันเห็นทองคำ
    เครื่องประดับ แล้วมันวางอยู่ในที่ๆไม่มีใคร มันก็จะแหย่เราว่า ควรหยิบซะ
    อะไรประมาณนี้ ถ้าเราหยิบก็แสดงว่าเราสอบตก ซึ่งเป็นเรื่องธรรมดานะครับ
    เพราะสอบตกกันได้ทุกคนครับ แต่ถ้าเราคิดได้ว่า ผิดศีล ไม่ดี ก็ถือว่าเราผ่านครับ
    เด่วมันก็จะเปลี่ยนไปทดสอบเราเรื่องอื่นๆแทนครับ ไม่ต้องห่วงจนกว่าเราจะพ้นแล้ว
    นั่นหละครับ...นี้ทั่วๆไปนะครับ..

    และพวกจิตวิญญาน หรือจิตญานต่างๆ นี้เป็นพลังงานอย่างหนึ่งเป็นความถี่ชนิดหนึ่งครับ
    พลังงานพวกนี้ก็ได้มาจากกำลังบุญ หรือ กำลังบาปนั่นเอง
    ที่นี้ในระดับที่เราเชื่อว่าสูงๆ ก็คือ
    ดวงจิตที่ท่านมีกำลังบุญสะสมมาเยอะ เป็นเหตุให้พลังงานของท่านมีมาก
    ดวงจิตที่กำลังงานต่ำจะไม่สามารถเข้าถึงในระดับคลื่นความถี่ที่สูงกว่าตัวเองได้
    มันคล้ายๆการจูน คลื่นวิทยุนั่นหละครับ ที่นี้วิธีการที่เค้าจะหลอกเราได้
    ก็คือ การพยายามสร้างเป็นภาพ สร้างเป็นเสียงขึ้นมา(แต่ไม่เหมือน) เพื่อหลอกเรา
    ว่าเค้าเป็นระดับโน้นนี่(บางกรณีไม่ใช่ว่าเค้าไม่ดีนะครับ บางดวงจิตก็ดี
    กำลังสร้างบารมีและช่วยเราจริงๆก็มีครับ)เพื่อให้เราเข้าใจผิดได้ครับ
    พวกนี้ถ้ากำลังสติทางธรรมเรามาก ในนิมิตรนะครับ เรามองเค้าไว้นิ่งๆ ไม่นาน
    พวกนี้จะปรากฏร่างจริงออกมาได้ เพราะเค้าใช้กำลังในการสร้างเป็นภาพหรอกเราอยู่
    ซึ่งมันจะทำได้ยากและไม่นานสำหรับเค้าครับ
    และต่อให้พยายามสร้างภาพ ให้สังเกตุดูดีๆนะครับ พวกนี้ถ้าเราพูดถึง
    ระดับเทพ พรหมพระพุทธ การเข้าถึงของเค้าจะเป็นไปทางลูบๆคลำๆ
    อ้างๆเฉยๆแต่การปฏิบัติจะไม่ใช่ทางพุทธศาสนา ที่สอนให้คนเป็นคนดี
    สอนให้ปล่อยวาง จะเน้นไปทาง กิเลส เรื่องใดเรื่องหนึ่ง ไม่ว่า รัก โลภ
    โกรธ หลง ทำร้ายทำลายสรรพสัตว์ ใช้อำนาจ ใช้กำลังในทางที่เบียด
    เบียนต่างๆ คิดว่าตัวเองเป็นระดับโน้นนี่สูงๆทั้งนั้น เผลอคิดว่าตัวเอง
    เก่งกว่าพระพุทธฯ เก่งกว่าเทพ พรหม ก็มีครับฯลฯ สังเกตุเอาเองนะครับ


    กรณีสุดท้ายคือการสัมผัสในเรื่องพลังงาน ในเรื่องคลื่นความถี่ด้วยตัวเราเองครับ
    ง่ายๆให้เราลองนึกๆเทียบกับระดับพระพุทธฯ ท่านไหนก็ได้ครับ แล้วเรารู้สึกอย่างไร
    ให้เรานึกถึงระดับพรหม ระดับเทพมีฤิทธิ์ ระดับเทวดา และให้เราสังเกตุความรู้สึก
    ไม่ว่าจิตใจ และร่างกายของเราดูว่าเรารู้สึกอย่างไรครับ แล้วไปนึกคิดกับที่เราสงสัย
    ดูครับ สังเกตุบ่อยๆเราจะจับความรู้สึกได้เอง
    ส่วนถ้าเราเข้าถึงพลังงาน หรือ เชื่อมพลังงานภายนอกได้ ก็ให้เราเชื่อมกระแสดู
    ตั้งแต่ภูมิเทวดาขึ้นไป จะมีกระแสพลังงานขึ้นจากศรีษะส่วนหน้าเราขึ้นไปข้างบน
    ถ้าท่านมีด้านพลังงานด้วยก็จะมีกะแสขึ้นที่กลางกระโหลกร่วมด้วยครับ..
    แต่ถ้าเป็นภูมิวิญญานมีฤิทธิ์ ภูมิอสูรกาย เราจะหน่วงๆ และจะปวด
    จะตึงตรงท้ายทอย เพราะเป็นตำแหน่งที่เค้าแทรกเข้ามาก่อนไปยัง
    ต่อมไพเนียลแกนกลางกระโหลกเราไงครับ มาตรงไหน เราก็รู้สึก
    ตรงนั้นๆหละครับ
    และสังเกตุได้ว่า กระแสมันจะไม่มีพลังงานขึ้นไปข้างบนจากศรีษะเราครับ
    แต่ว่า มันจะมีกระแสวิ่งๆวนๆคล้ายๆลม อยู่ใต้กระโหลกศรีษะเราครับ..

    ถ้าเราแยกไม่ออก ให้เราสังเกตุลักษณะนิสัยก็ได้ครับ คิดว่าคงไม่ยาก
    สำหรับคุณในการสังเกตุในเรื่องนิสัยครับ แต่ก็ให้ระวังเรื่องการพูด การบอก
    การสื่อออกไปตรงๆเอาไว้ก็พอครับ เพราะว่าคนที่ถูกควบคุมจิต อย่างที่บอก
    เวลาเค้าพูด หรือ ทำอะไรออกไป เค้าจะปฏิเสธว่าไม่ได้ทำ เพราะว่าตอนที่
    ทำออกไปนั้น เค้าไม่รู้ตัวเนื่องจาก เค้าไม่ทันพวกที่มาควบคุมจิตนั้นหละครับ

    ปล.ที่เล่าให้ฟังเป็นทั่วๆไปแบบหยาบๆอยู่ครับ แต่เพียงพอที่จะสังเกตุได้ครับ
     
  5. DEEJAI243

    DEEJAI243 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 เมษายน 2015
    โพสต์:
    427
    ค่าพลัง:
    +1,449
    ขอบคุณอาจารย์นพมากค่ะ ในการให้วิทยาทานอย่างละเอียด
    กระแสพลังจิตของสิ่งที่มากระทบเราทางผัสสะ
    จะทดสอบไปต่างๆนานา ถ้ากำลังสติเราไม่แกร่งพอ
    เราก็ปิดวงจรไม่ทันและกระแสนี้จะเข้าไปป่วน
    จิตของเรา การภาวนาอย่างต่อเนื่อง
    การขัดเกลาจิตอย่างต่อเนื่องจนจิตมีความ
    เชี่ยวชาญและชำนาญในการเจริญสติ
    จึงจะตัดกระแสพวกนี้ได้

    ขออานิสงค์แห่งวิทยาทานนี้จงดลให้อาจารย์นพบรรลุ
    ในสิ่งที่ประสงค์ค่ะ
     
  6. โมทนาman

    โมทนาman เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 พฤศจิกายน 2007
    โพสต์:
    5,666
    ค่าพลัง:
    +6,165
    กลิ่นยิ่งหอมยิ่งทำยาก
    กลิ่นเหม็นใครก็ทำได้

    อสูรก็แล้วแต่อสูรไหน
    มารกันยากสุด
     
  7. Unexpected

    Unexpected เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 มิถุนายน 2014
    โพสต์:
    683
    ค่าพลัง:
    +1,513
    ข้อ 1 หลวงตาม้า วัดถ้ำเมืองนะท่านตอบแบบนี้นะคะ หมายถึงเคยมีคนถามท่าน

    อย่าลืมว่าโลกตรงกลางระหว่างบุญกับบาปแบบที่เราอยู่กัน ยังมีรูป รส กลิ่น เสียง
    โอปาติกะ หรือวิญญาณ ก็มีเช่นเดียวกับเรา รูป รส กลิ่น เสียง สิ่งที่กำหนดกลิ่นคือกรรม หรือจิตก่อนตาย
    คนตายไปที่ดี ๆ ก็มีกลิ่นหอม คนตายไม่ดี เช่น ในอุบัติเหตุ ก็เอากลิ่นคาวกลิ่นเลือดไปด้วยนะ บางคนมาเป็นรูปไม่ได้ เป็นกลิ่นไม่ได้ ก็มาเป็นเสียง ก็ตามแต่กำลังบุญที่เขาเคยทำมา

    2. ตอบตามที่เคยอ่านพระดี ๆ ท่านบอก ถ้าไม่เหมือนยังไงขออภัยนะคะ เนื่องจากลืม

    วิญญาณไม่ดีมาสิงดูง่ายมาก จะออกแนวโมโห พาล ๆ หรือไม่ก็หิวจัด ๆ จะเอานี่นั่น ไม่โดนคำสั่งให้ส่งมาเข้า เราก็อาจไปในสถานที่ของเขา
    แล้วไปลบหลู่ หรือเผลอไปทำอะไรโดยไม่รุ้ตัว จิตเขาถึงมาทาบกับจิตคนโดนสิงได้ ส่วนวิญญาณสูง ๆ เคยอ่านแต่หลวงพ่อจรัญเคสเดียว
    ที่ว่ามาสิงคน ๆ นึง หน้าจะเป็นสีทอง ๆ คือเป็นรูปหน้าของเขาเลย ไม่ใช่หน้าคนโดนสิง แค่จะมาบอกหลวงพ่อว่า
    จะรับเอาชีวิตคนนี้กลับคืนไปแล้ว เพราะเป็นลูกหลานเขาแต่ชาติก่อน หมดเวลา คือ ไม่มาแนวทำร้ายเหมือนอย่างแรก มาแค่บอกหรือเตือน
     
  8. TheKunKeng

    TheKunKeng เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    21 มกราคม 2015
    โพสต์:
    302
    ค่าพลัง:
    +919
    ขอบคุณ คุณ wanwisa2517 และก็คุณ
    nopphakan มากเลยนะครับ โดยเฉพาะ คุณ nopphakan ขอบคุณมากเลยนะครับ และผมดูแล้วคุณนพการ น่าจะรู้ได้เชี่ยวชาญพอสมควรเกี่ยวกับ พวกเรื่องจิต ต่างๆ ในภพภูมิต่างอะครับ

    คือ ที่ผมตั้งกระทู้ถามหัวข้อนี้ก็เพราะว่า อย่างเรื่องแรกนี่ผม ก็มักมีเซ็นส์สัมผัสทางด้านกลิ่น แบบเดียวแม่ผมอะครับ ท่านก็มีเหมือนกัน พอเวลาได้กลิ่น อะไร ส่วนใหญ่จะเป็นกลิ่นเหม็น(ซ๊ะมากกว่า) ถ้าเหม็น นานๆ โดยที่พ่อกับพี่สาวผมไม่ได้กลิ่น หรือไม่น่าจะมีอะไรตาย แถวๆ นั้น (เพราะอยู่ดีๆ ก็เกิดกลิ่นขึ้นมากระทันหัน)บริเวณแถวๆ บ้าน แม่ผมก็จะเรียกให้ผมลองไป แถวๆ บริเวณนั้นเพื่อ สูดกลิ่น ดูว่าได้กลิ่น เหม็นเหมือนที่ได้กลิ่นไหม และส่วนใหญ่ผมก็จะได้กลิ่นเหมือนที่แม่ผมได้กลิ่น แต่ถ้ากรณีผมได้กลิ่นเอง ถึงถ้าแม่ผมอยู่ที่บ้าน ผมก็มักจะไม่บอกเรียกแม่ผมไป สูดดมบริเวณ นั้นหรอก อะนะครับ เพราะผมคิดว่า กลิ่นพวกนี้อย่างที่คุณนพ และ คุณวันวิสา บอก คือเป็นได้ทั้ง เจ้ากรรมนายเวรเรา หรือ เป็นสัมภเวสีวิญญาณเรร่อนที่ต้องการบุญจากเรา จึงมาแสดงกลิ่นให้เราได้ปรากฏ ผมก็ไม่ได้กังวลอะไรเรื่องนี้เท่าไหร่ เพราะถึงวัน สำคัญ เช่นวันพระใหญ่ หรือวันพระธรรมดา หรือแม้กระทั้ง วันหยุด เสาร์-อาทิตย์ ถ้าผมว่าง ช่วงนี้ผมก็มักจะไป ทำบุญถวาย สังฆทานที่วัดอยู่แล้ว และผมก็ไม่ลืมที่จะอุทิศส่วนบุญส่วนกุศล ไปให้พวก เค้าๆ เหล่านั้น ทั้งเจ้ากรรมนายเวร , เทวดารักษาตัว ,เจ้าที่ ผีบ้านผีเรือน ฯลฯ อยู่แล้วอะครับ...

    ส่วนประเด็นที่ 2 ที่ผมค่อนข้างหนักใจเหมือนกัน เนี่ยสิครับ...คือว่า ช่วง 4-5 ปี มานี้ผมพอจะรับรู้ ได้ว่า มีจิตวิญญาณบางอย่าง มาพยายามควบคุมการกระทำของผม ในบางครั้งบางสถานการณ์อะครับ และก็อีกอย่างประกอบกับ อาการ ที่เกี่ยวกับตัวผมนั้น มันค่อนข้างส่อแววให้ผมคิดไปในทาง เรื่องพวกจิตวิญญาณพวกนั้นอะครับ แต่ผมไม่อาจรู้ได้เลย ว่า จิตวิญญาณทีี่มาเกี่ยวข้องกับผมนั้น เค้าเป็นจิต ชนดใดและ ระดับไหนอะครับ (เพราะผมไม่ได้นั่งสมาธิวิปัสสนากรรมฐาน จนถึงขั้น สื่อสารกับ ดวงจิตวิญญาณ อื่นๆ ได้อะครับ )ผมจึงไม่อาจรู้ได้เลยว่าเค้าจะมาดี(จริงๆ) หรือมาร้ายกับผมกันแน่ จนเมื่อผมได้มาเห็นที่คุณ นพการ ได้อธิบาย ถึงลักษณะของจิตที่ พยายามเข้ามาสื่อหรือควบคุม เราว่าเป็น ลักษณะไหนบ้าง ถ้าเป็นเทพที่ดีๆ พลังงานจิตก็จะมีลักษณะของกระแสไปทางด้านส่วนบนกลางกระโหลกศรีษะใช่ป่ะครับ เราจะรับรู้ได้ทันทีใช่มั๊ยครับ... ของผมก็รับรู้ได้เหมือนกันอะคครับ ช่วงกลางกระโหลก กลางกระหม่อม เลยลงมาหน้าผาด้วยอะครับ แต่มันเป็นลักษณะ มึนๆ ชาๆ มากกว่าอะครับ มันไม่มีลักษณะ เย็นๆ สบายๆ เบาๆ โล่งๆ แบบพวก จิต ดีๆ เช่นของพระอริยะสงฆ์ หรือพวกจิตเทวดา ,เทพ ,พรหม แบบนั้นเลยอะครับ ผมเลยไม่รู้ว่าจิตเค้า ดีแค่ไหน (หรือไม่ดีเลย) อีกอย่าง อาการ ตึงๆ หน่วงๆ เจ็บจี๊ดๆ ร้าวๆ บริเวณ ท้ายทอย ผมก็เป็นบ่อยอะครับ และบางครั้งรู้สึกได้ ว่ามีกระแส อะไรบางอย่าง วิ่งจากตรงท้ายทอยของผม วิ่งขึ้นไป ผ่ากลางกระโหลก แล้วลงมาหยุดอยู่ที่จมูกอะครับ (วิ่งอยู่ภายในกระโหลกอะนะ) แล้วอาการแบบนี้จะบ่งบอกได้มั๊ยครับว่า เป็นจิตที่พยายามแทรก ทีไม่ดี เป็นพวกจิตวิญญาณ อสูรกายอะครับ เพราะอย่างที่คุณนพได้อธิบายไว้ อาการแบบนี้ผมก็มีด้วยอะนะ ผมจึงลังเล อะครับ ว่าเป็นแบบไหน จะมาดี จริงๆ หรือไม่ดี แต่ที่ แน่ๆ ตอนเวลาฝัน บางที เค้าจะสื่อมา ด้วยภาพ ที่ตัวผมต้องไปเจอกับ สถาการณ์ นั้นๆ ไปในที่นั้น และที่สำคัญไปเจอ กับ คนที่ผมคิดว่า ในโลกจริง ผมไม่น่าจะเจอเค้าได้ แต่ก็เจอ และในฝัน เค้า มักจะมีโทสะมากกับผม ถึงขนาด ขั้น ไล่ฆ่า หรือ สั่งลูกน้อง ให้ไปฆ่าผม ให้ตายจงได้ และผมก็ไม่รู้ว่า ผมไปมีเรื่องอะไรบาดหมาง ให้เค้าโกรธ ถึงขนาดฆ่าผมถึงเพียงนี้ก็ไม่รู้ เพราะผมไม่มีทางได้เจอเค้าอยู่แล้ว ในโลกแห่งความเป็นจริง เค้ามีอำนาจบารมีมากอยู่แล้ว เป็นระดับใหญ่ ผมเป็นแค่คนธรรมดา จะไปทำเรื่องให้เค้าโกรธได้อย่างไรกัน (เข้าถึงตัวเข้าได้อยากอยู่แล้ว ในโลกความเป็นจริง) ผมจึงมักพอฝันถึงเค้าคนนี้(ไม่ขอเอ่ยชื่อละกัน) ผมก็มักจะตกอยู่สถาการณ์ที่ มีความกลัวเป็นที่ตั้ง (ไม่มีความกล้าเลยแม้แต่น้อย) อีกเรื่องหนึ่ง คือเกี่ยวกับ งานที่ทำอยู่ปัจจุบัน ของผม จิตวิญญาณนี้ ก็มักจะฉายภาพให้เห็น ในความฝัน ว่าผมจะทำเรื่องเดือดร้อน เกี่ยวกับงานที่ทำ ว่ามีอะไรบ้าง แต่เค้าไม่ฉายตั้งแต่เริ่มว่าผม ผิดพลาดจากอะไร แต่เค้าตัดมาที่ผลที่เกิดจากที่ผมผิดพลาดเลย นั่นก็คือ โดนเจ้านายด่า รุนแรง หรือถึงขั้นลงไม้ลงมือกับผม หรือบางทีก็ฉายให้เห็นภาพความผิดพลาดของผมในอดีต ที่ส่งผลมาว่า จะเกิดเรื่องขึ้นในอนาคต ...จนเมื่อผมตื่นขึ้น ใช้ชีวิตประจำวันตามปรกติ เมื่อทบทวนเรื่องความฝัน นั้นๆผม ก็มักจะ ระแวงและหวาดกลัว ค่อนข้างมาก จนบางทีบางเวลาผมเหมือนเป็นคนโรคประสาทกินไปเลยอะ (เพราะขี้ระแวงเกินไป) ซึ่งผมไม่รู้ จุดประสงของดวงจิตดวงนี้ ได้เลยว่าเค้าต้องการอะไรจากผม หรือว่าแท้ที่จริงเค้าต้องการแค่ทดสอบผม ในเรื่อง ความกลัว และ ความกล้าตัดสินใจของผม ...หรืออาจเป็นไปได้ว่า เค้ารู้เหตุการณ์ล่วงหน้า ว่าอาจจะเกิดขึ้นได้ เลยมาเตือนผมล่วงหน้า ไว้ก่อน เพื่อให้ผมคิดที่จะมีวิธีแก้ไขปัญหา หรือไม่ก็ เตรียมใจ เพื่อประสบกับเหตุการณ์ดังกล่าวในอนาคต อะครับ ..วานคุณ nopphakan ช่วยวิเคราะห์ให้ผมทีอะครับ ขอบคุณครับ
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 24 มิถุนายน 2015
  9. TheKunKeng

    TheKunKeng เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    21 มกราคม 2015
    โพสต์:
    302
    ค่าพลัง:
    +919
    ผมลืมบอกไปว่า เวลาผมฝันถึงเรื่องร้ายๆ อย่างที่ผมบอกมานั้น จะมีลักษณะของไออุ่น ร้อนๆ เข้ามาประทบแก้มและช่วงใบหน้าของผม เกือบทุกครั้ง หรือว่า ไออุ่นนั้น คือจิตของเค้าผู้นั้น ทีี่มายืน ตรง ข้างๆ เตียงผมเวลานอน แล้วก็ฉายภาพในฝันให้ผม เห็นเหตุการณ์ ร้ายๆอะนะ ..เเละก็อีกอย่างผมไม่รู้ว่า ดวงจิตวิญญาณนี้ จะเป็นเจ้าที่ ที่บ้านผมหรือไม่ เพราะแต่ก่อน ราวๆ ซัก 7-8 ปีก่อน ผมเคยไปหาคนทรงเจ้า ซึ่งเป็นพ่อปู่ ..พ่อปู่ท่านบอกว่า เดี๋ยวว่างๆ จะไปดูที่บ้านให้ (ท่าน ถอดจิต กายละเอียด มาดู) พอหลังจากนั้น ผมก็ไปหาท่านอีกครั้ง ท่านก็บอกว่า "ที่บ้านเจ้าทีี่ค่อนข้างแรงนะ ไม่ค่อย ยอม ให้ปู่เข้าไป สำรวจในบ้าน ซักเท่าไหร่เลย...กว่าจะอนุญาตให้เข้าได้ ต้องขอนานเลย " แต่พ่อปู่ ก็ไม่ได้บอกกับผมต่อว่า เจ้าที่ตนนี้ นั้นเป็น วิญญาณ ที่ดีหรือไม่ดี แค่ผมสังเกตลักษณะพ่อปู่คนทรงท่าน แบบก้มหน้า แล้วถอนหายใจเล็กน้อย ช่วงตอนพูดถึงเรื่อง ไปเยี่ยมบ้านผมแล้วเจอเจ้าที่ที่บ้าน แค่นั้นอะ นอกนั้นท่านก็ไม่ได้พูดอะไรอีก ..ผมเลยไม่รู้ว่าเป็นยังไง มีอะไรที่พ่อปู่ท่านพูดไม่ได้อีกหรือเปล่า แค่สงสัยแค่นั้น ณ ตอนนั้น -__-
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 24 มิถุนายน 2015
  10. บุรุษไร้เงา

    บุรุษไร้เงา เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 มกราคม 2007
    โพสต์:
    8,425
    ค่าพลัง:
    +35,019
    ประเด็นแรก ไม่น่ามีปัญหาอะไรนะครับ อุทิศส่วนกุศลไปก็จบ
    พออุทิศเสร็จแล้ว ก็ให้แล้วๆไปนะครับ เค้าจะเอาบุญไปทำอะไร
    ก็เรื่องของเค้า เราไม่ต้องไปกำหนดอะไร บุญที่เราอุทิศก็ให้ว่า
    แปรสภาพเป็นอะไรก็ตามที่ท่านต้องการ และก็ไม่ต้องไปหวังผล
    หรือตั้งเป้ากับการอุทิศส่วนกุศลด้วยครับ แต่จะให้ดีก็ให้บุญที่
    เราทำนี้ เป็นผลสำเร็จกับเราก่อน แล้วค่อยอุทิศนะครับ...

    ประเด็นที่ ๒ ลักษณะความฝันที่เล่าให้ฟัง มันมีสอง ๒ นะครับ ตัวแรกนั้น
    เกี่ยวกับเรื่องคนที่คิดอกุศลกับเรา เป็นฝันเกี่ยวกับการทดสอบจิตใจเรานั้นหละครับ
    ถ้าในฝัน เค้าจะทำอะไรก็ตาม(ย้ำว่าทำอะไรก็ตาม)ให้เรายอมๆไป
    หรือปล่อยให้เค้าฆ่าเราไปเลย ไม่ต้องไปป้องกันตัว หรืออะไรทั้งสิ้น
    ถ้าทำได้โดยมากเราจะไม่ฝันเรื่องทำนองนี้อีกครับ
    และก็ถือว่าเราผ่านทางด้านนั้นๆ แต่อาจจะฝันเรื่องอื่นๆ
    แทน โดยมากฝันทำนองนี้เป็นฝันเกี่ยวกับการทดสอบจิตใจเรา
    เพราะในเวลาปกติเรื่องแบบนี้จะทำอะไรเราไม่ได้นั่นเอง...

    ส่วนฝันเรื่องที่ ๒ ก็เป็นลักษณะการรู้อนาคตล่วงหน้า ถ้าเราลืมตาขึ้นมาแล้วทบทวน
    เหตุการณ์ได้ ก็จะเป็นการเตือนเราที่ดีครับ...
    แต่ไม่ว่าจะฝันแบบไหน ถ้าเราลืมตามาแล้วไม่เข้าใจได้ ณ เวลานั้น ให้เราลืมไปเลย และ
    ไม่ต้องเก็บมาคิด ค้น หาคำตอบ ไม่ว่ากรณีใดๆ แล้วมาเจริญสติในชีวิตประจำวันให้ต่อเนื่อง
    เราจะได้กำลังสติทางธรรมและสมาธิสะสมเพิ่มขึ้น นอกจากเราจะเข้าใจเรื่องนามธรรมต่างๆ
    ได้ดีขึ้นแล้ว สมาธิสะสมที่เราได้ตรงนี้ จะช่วยเพิ่มภูมิต้านทานให้ร่างกายเราด้วย
    เวลาเราสัมผัสทั้ง กระแสพลังงานที่ดี และกระแสพลังงานที่ไม่ดีครับ

    และหน้าที่เราไม่ต้องไปรู้ครับ ว่ากะแสที่เราสัมผัสได้ มันคืออะไรครับ..
    ไม่ต้องไม่คิดไปค้น เวลาเราสัมผัสกระแสพวกนี้ได้ไม่ว่าดีหรือไม่ดี
    ให้เรากำหนดอโหสิกรรมให้ออกจากกลางจิตเราไปเลย และตามด้วย
    การอุทิศส่วนกุศลให้ออกจากกลางจิตเราไปก็พอครับ...

    เพราะกระแสพวกนี้เป็นกระแสวิบาก หรือกระแสจร ซึ่งมันมีทั้งจากอดีต
    และปัจจุบัน ถ้าเราไปสนใจ มันจะทำให้เราวิตก กังวล บางคนคิดมากจน
    วิปลาสก็มีครับ หน้าที่เราถ้าเราสัมผัสสัมพันธ์ ให้เราเฉยๆ ไม่ต้องไปกระทบ
    คือไม่ต้องไปคิดว่า มันคืออะไร เพราะบางเรื่องก็เป็นกระแสวิบากกรรมเก่า
    ซึ่ง ผู้ ๑ ใน ๔ ที่ผู้เป็นเลิศทำห้าม เพราะจะทำให้เราเป็นบ้าได้..
    เพราะการที่เราไปคิด คือการที่จิตเราไปเชื่อม
    มันจะส่งผลต่อทั้งร่างกายและจิตใจของเราทางด้านต่างๆได้ครับ...

    ปล.จะภพภูมิระดับไหน ดีไม่ดี เราก็อโหสิเอาไว้ และตามด้วยการอุทิศส่วนกุศลครับ
    ไม่มีปัญหา ทำบ่อยๆทำเรื่อย ตัวจิตเราจะมีกะแสเย็นๆออกจากตัวมันเองได้
    ไม่ว่ากระแสร้อน หรือกระแสไม่ดีแบบไหน เจอกระแสเย็นๆบ่อยๆเด่วเค้าก็เย็นเองครับ
    อืมต่อไปนี้ ก็ฟังขำๆ เน้นฮาๆนะครับ
    เจ้าที่นะที่เค้าแรงไม่ใช่ว่าเค้าไม่ดีหรือนิสัยไม่ดีนะครับ
    ก็เพราะเมื่อก่อนตอนเป็นคน เค้าเป็นเหมือนคล้ายๆ
    หมอธรรมหรือพ่อหมอประจำหมู่บ้าน(ไม่แน่ใจเรียกไม่ค่อยถูกครับ)
    เรียกว่าพอตัวอยู่ครับ ที่เค้าสามารถ
    รักษาคนให้หายป่วยได้ครับ รักษาแบบสวดมนต์ ท่องบ่นร่วมกับ
    การใช้พลังงานภายนอกที่เค้าสร้างมาจากการนั่งสมาธิสวดมนต์ครับ
    ปกติดวงจิตแบบนี้เค้ากระแสจิตเค้าจะมีเรื่องของพลังงานภายนอก
    ไม่ว่าพลังงานร้อนหรือเย็นเข้ามาร่วมด้วยเป็นปกติอยู่แล้วครับ
    ถ้าเราไม่คุ้นเคยเราจะรู้สึกร้อนๆ
    เพราะว่า เค้าเอากระแสพลังงานตรงนี้
    มารวมกับการท่องบ่นในการ
    ใช้รักษาคนมาก่อนนั่นเองครับ
    และตอนนี้แค่ภูมิต้านทานคุณยังไม่พอเฉยๆ
    ซึ่งเป็นเรื่องปกติมันเป็นกันได้ทุกคนและมันก็ฝึกกันได้ครับ
    ลองทำตามที่แนะนำดูนะครับ..

    ปล.ทั่วไปในภาพรวมถือว่า อยู่ในเกณฑ์ปกติ ที่เจอกันได้ทุกคน
    และก็แก้ปัญหาได้ไม่ยากครับ...
     
  11. TheKunKeng

    TheKunKeng เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    21 มกราคม 2015
    โพสต์:
    302
    ค่าพลัง:
    +919
    ขอบคุณ คุณ nopphakan มากๆ ครับที่มา ช่วยอธิบายและแนะแนวทางการแก้ไขให้ผมอะครับ ขอบคุณ มากๆ เลยนะครับ ^-^
     
  12. อำนวยกรณ์

    อำนวยกรณ์ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    12 กุมภาพันธ์ 2006
    โพสต์:
    515
    ค่าพลัง:
    +1,931
    ขออนุญาตแบ่งปันนะค่ะ

    ความจริงเรื่องกลิ่นนี้ประสบมาทั้งเหม็น และ กลิ่นหอม

    กลิ่นเหม็นนี้ เคยได้กลิ่นกับคนเป็นก็มี อย่างเช่นตอนที่ผู้ปกครองนักเรียนมาเยี่ยมที่บ้านพักครู
    ผู้ปกครองคนแรกมาพร้อมกับลูกนั่งอยู่ก่อนกับข้าพเจ้า ผู้ปกครองอีกคนเดินตามมาทีหลัง
    เราได้กลิ่นเหม็นมาก เหม็นแบบอุจาระ(สุภาพ)เน่ามาแต่ไกล
    นักเรียนที่นั่งกับผู้ปกครองก่อนหน้า อุทานว่า เหม้น...ี้..
    สาเหตุที่เหม็นเพราะโดนวิญญาณตาม คนที่ถูกตาม ไม่ได้กลิ่น แต่ข้าพเจ้ากับ นร.ป.๓ ได้กลิ่น

    อีกครั้ง ผอ. รร.แห่งหนึ่ง มาที่ รร.มากับครูที่ รร.ท่าน ท่านเดินเข้ามา เหม็นมาก
    เหม็นเน่า เหม็นแบบสะอิดสะเอียน ผอ.ท่านโดนผีตายโหง ตาม เป็นผีที่เอามาทำน้ำมันพราย

    และยังมีเหม็น ๆ อีกเยอะ ในวัดก็เจอ

    อย่างเช่น วัดไหนที่สมภารประพฤติตัวไม่เหมาะสม กลิ่นภายในวัดจะตลบอบอวลไปด้วยกลิ่นดอกอุตพิด

    เป็นประสบการณ์ตรงและความเชื่อส่วนตัวนะค่ะ

    อาจจะไม่ตรงตามหัวข้อ ก็ต้องขอโทษด้วยนะค่ะ
     

แชร์หน้านี้

Loading...