ปุถุชน....คนช่างสงสัย...

ปกติไม่ได้ดูอะไรทำนองแบบนี้ คือว่า เลิกดูมาตั้งนานมากๆแล้วครับ...
เว้นแต่จะเป็นเรื่องคอบาดขาดตาย ของคนใกล้ๆตัว ก็จะมีบ้าง...แล้วเวลาปกติแม้จะรู้ได้เห็นได้ ก็พยายามทำเป็นไม่รู้เรื่องรู้ราวครับ...

มาดูจิตดูใจของตนเอง ค้นคว้าลงไปในจิตใจ เรื่องของสังโยชน์10 เป็นส่วนมากครับ...เรื่องทิพยจักขุ นี่ติดจริงๆประมาณ 8 เดือน หลังจากนั้นก็เลิกครับ...

รายนี้ทีแรกก็ว่าจะปฏิเสธไป แต่ว่านางฟ้าท่านนี้(ที่จริงแถวบ้านผมเรียกผี..คือไม่ใช่คนนี่ ผมเรียกผีหมดแหละครับ...)
คือนางฟ้าท่านนี้มายืนตรงหน้า ทำท่างอนๆ นึกถึงราคุ ขึ้นมาทีเดียว ถ้าไม่บอกเธอจะงอน... ก็เลยต้องบอกไปตามที่เธออยากจะให้บอกครับ...

ข่าวว่า คุณนบฯได้รับการปลดล็อคแล้ว...แม่รุ้งรอถามคุณนบฯดีกว่านิ...ผมเพียงแค่คนคั่นเวลา...ตัวสำรองคนหนึ่ง...ไปแระ..คริคริ..

 

ไอ้เรื่องโยนลูกให้คุณนพฯเนี่ยดิฉันก็พอจะเดาออกเพราะนี่ไม่ใช่ครั้งแรก.. :boo:
ส่วนคุณนพฯ... ดิฉันรออยู่ตั้งนานแล้วนะคะ

 

อุ๊ต๊ะ!!! ป๋านพ พ้นโทษแล้ว

อุ๊ต๊ะ!!! ป๋านพ พ้นโทษแล้ว ข้าวผัดกับโอเลี้ยงที่เตรียมไปฝากคงเป็นหมัน งั้นคงต้องเก็บไว้กินเองแล้วล่ะ

ขอบคุณป๋ามิงค์ที่แจ้งข่าว ขาดป๋านพไป กระทู้ดูเศร้า เหงาหงอยจัง แต่ก็ยังดีที่มีป๋ามิงค์ ที่แว๊บไปก็แว๊บมา ทำให้กระทู้นี้มีคุณค่า แต่ราคาน้ำอัดลม (สปอนเซอร์) ฮ่าๆ

 

ขอบคุณมากเจ้าคะ คุณป๋ามิงค์ ป๋านพ (f)(f)

 

ธรรมคู่
มีบุญ ก็มีบาป
มีผิด ก็มีถูก...
มีสัมมาสมาธิ ก็มีมิจฉาสมาธิ...
มีสัมมาสติ ก็มีมิจฉาสติ...
มิจฉาสมาธิ และมิจฉาสตินี้ เป็นอย่างไร....เมื่อภาวนาไปนั้น จะมีหลักเกณฑ์ในการตัดสินอย่างไรว่า...ที่เรากำลังทำความเพียรอยู่นี้ เป็นสัมมาฯ ไม่ได้เป็นมิจฉาฯ...
??!??????!???

อ้อ... เรื่องลูกฟักด้วยค่ะ ต้องทำยังไงถึงจะได้เป็นพรหมลูกฟักค่ะ ...,

 

พอดีช่วงนี้ มี ปรากฎการณ์ธรรมชาติ blood moon หรือ จันทรุปราคา อยาก ให้พี่ๆป๋าๆๆ ช่วย ชี้ความกระจ่างหน่อยครับว่า ลักษณะพลังงาน เป็นอย่างไร ครับ อะไรที่มัน มืดๆ มัว อาจจะ ไม่ดีหรือป่าวคับ บรื๋อออ อยากดูแต่ว่า รู้ตัวอีกที เช้า แล้ว ... ปล ป๋า raming เล่าสนุก มากครับ อ่านแล้วติด น่าจะเขียนคั่นเพิ่มบ่อยๆ นะครับ

 

อ้อ... เรื่องลูกฟักด้วยค่ะ ต้องทำยังไงถึงจะได้เป็นพรหมลูกฟักค่ะ ...,

พรหมลูกฟัก นี่เป็นไม่ยากครับ คือให้ตายในขณะอยู่ในอรูปฌาน ... ฌานใดฌาณหนึ่งในอรูปฌาน ก็ได้ไปเกิดเป็นอรูปพรหม มีรูปร่างเหมือนลูกแคปซูลป้อมๆ ลอยไปลอยมา คล้ายๆ แมงกะพรุนครับ...แต่ถ้าไปสุดที่อรูปฌาณ4 เนวสัญญานาสัญญายตนะ ตัวนี้ดับสัญญาความทรงจำต่างๆ...พรหมพวกนี้ไม่เป็นเหมือนรูปฟัก แต่เห็นเป็นเหมือนพยัพแดดจางๆแต่ว่าสว่าง เหมือนจะคล้ายๆแก้ว แต่ถ้าลองเอามือวาดผ่านก็ผ่านไปได้ อธิบายไม่ถูกเหมือนกัน...

พรหมชั้นนี้ได้ชื่อว่าฉิบหายแห่งความดี แม่รุ้งดาวอย่าไปยุ่งด้วยดีกว่าครับ...กว่าจะกลับลงมาเกิดอีกทีนี่นับอสงไขยไม่ถูกเลยเหมือนกันนะครับ นานกว่าท้าวผกาพรหมเยอะๆๆๆ...

สมัยก่อนพุทธกาลนั้น เหล่าโยคีทั้งหลายต่างก็มุ่งหาความเป็นใหญ่บ้าง แสวงหาทางหลุดพ้นอันเป็นที่สุดบ้าง
บางพวกแทงตาให้บอด เพื่อไม่ให้กิเลสเข้าทางตา บางพวกแทงหู บางพวกทุบตีอวัยวะเพศ บางพวกยกมือเอาไว้จนมือลีบ ฯลฯ
บางพวกกำหนดเพ่งในแสงอาทิตย์จนตาบอด บางพวกเพ่งแสงไฟจนตาบอด บางพวกเพ่งน้ำ บางพวกเพ่งภูเขา ท้องฟ้า ก้อนเมฆ เพ่งศิวะลึงค์ ต่างๆ...
บางพวกเมื่อเพ่งไปแล้ว ก็พบว่าจิตใจสงบลง และกายแยกออกจากจิต ไม่รับรู้ ทางตา หู จมูก ลิ้น คงเหลือแต่ใจ...พวกนี้คือรูปฌาน 4 เป็นโยคีจำพวกหนึ่ง...ซึ่งเจ้าชายสิทธัตถะเคยศึกษามาก่อน..

 

โยคีสมัยนั้น มีการแข่งขันกันหาที่สุดของที่สุด ก็มาคิดเอาว่า รูปฌาน 4 นี้ยังชื่อว่ามีรูป มีนิมิต หมาย ในที่สุดแล้วรูปทั้งหลายก็สลายไป กลายเป็นอากาศธาตุ จึงพากันกำหนดนิมิตเอาอากาศธาตุเป็นต้น แล้วทรงฌานเอาไว้...นิมิตนี้ความจริงแล้วใกล้เคียงกับกสิณลม คืออากาศมีการเคลื่อนที่ก็เป็นลม...แต่จริงๆแล้วเวลากำหนดนิมิตอากาสานัญจายตนะนี้ ผมกำหนดเอา อวอากาศ เป็นอารมณ์ คือดับรูปลง ไม่เหลือรูป แต่ว่าก่อนจะดับรูปของอากาศนี้ต้องกำหนดนิมิตอากาศก่อน บางคนก็เรียกเป็นฌานที่5 ก็มี แต่ผมก็ไม่รู้จะเรียกว่าอะไรเหมือนกันนะครับ...เป็นอันว่า กำหนดไว้เป็นอวอากาศ คือรูปของอากาศก็ไม่เอา...
เมื่อเป็นอวอากาศแล้ว วิญญาณธาตุรู้ตัวนี้ยังอยู่ เหล่าโยคีสมัยนั้นยังไม่สามารถเข้าถึงคำว่าสติที่เป็นธาตุรู้เช่นกัน จึงกำหนดเอาตัววิญญาณธาตุเป็นเครื่องหมาย...
วิญญาณธาตุในสมัยนี้ น่าจะเรียกว่า ระบบประสาท คือ สื่อจากระบบประสาท เช่นตาเห็นรูป ระบบประสาทจากตาส่งไปยังสมอง จากสมองรับรู้รูป นี้จึงเป็นวิญญาณธาตุ เป็นนามธรรมตัวหนึ่ง ซึ่งทุกคนจะต้องมี เพื่อใช้ในการรับรู้จาก ตา หู จมูก ลิ้น กาย และธัมมารมณ์ คืออารมณ์ความรู้สึกภายใน...
โยคีในสมัยนั้น ต้องการตัดการเชื่อมต่อสัมผัสจากภายนอกที่ส่งมายังจิตให้ดับลง จึงกำหนดตัววิญญาณนี้แล้วดับลงเสีย
เมื่อวิญญาณดับลงไปแล้ว ยังเห็นเวทนาว่าสุขในอารมณ์ฌานนี้ยังมีอยู่ ก็กำหนดเอาว่าเวทนานี้เป็นให้เป็นความว่างเปล่าเสีย กำหนดดับลงไป ใจก็ทรงอุเบกขารมณ์คือเฉยๆว่างๆอยู่อย่างนั้น...
เมื่อดับวิญญาณและเวทนาลงได้เสียแล้ว ก็ยังเห็นว่า เรายังมีความจำได้หมายรู้อยู่ ความทรงจำนี้เกิดจากกาย และกริยาที่เกิดในก่อนหน้านี้ เกิดเป็นกรรม จำจดเอาไว้...เห็นดังนี้เหล่าโยคีก็กำหนดเอาถึงการดับสัญญานี้ลงเสีย จึงเข้าสู่สภาวะว่างจากรูปธรรม และนามธรรม ทรงอารมณ์นิ่งเอาไว้แบบนั้น...

ที่จริงสภาวะนี้ ในสมัยนั้น จะเรียกว่าเฉียดอารมณ์พระนิพพานแล้ว อีกนิดเดียวจริงๆ ถ้าใครไปดูได้เวลานี้จะเห็นว่าเฉียดกันแค่เส้นยาแดงผ่าแปด ก็จะเข้าพระนิพพานได้แล้ว...
พวกนี้ในสมัยพุทธกาล พระพุทธเจ้าเทศน์จบเดียว บรรลุอรหันต์พร้อมปฏิสัมภิทาญานทันที...
พระองค์ทรงตรัสเทศน์เรื่องอะไร???

ปล. ที่พิมพ์ข้างต้นมานั้น เป็นความรู้ในระหว่างการปฏิบัติ แต่ไม่ได้หมายความว่าผมจะบรรลุอะไรใดๆนะครับ เป็นแต่เพียงเล่าสู่กันฟัง ... หรือจะถือว่าผมบ่นให้แม่รุ้งดาวฟังคนเดียวก็ได้...ถ้าจะผิดไปจากพระไตรปิฎกหรือตำราต่างๆก็ขออภัยท่านผู้รู้ทุกๆท่าน...เพราะผมยังเป็นผู้รู้บ้างไม่รู้บ้าง แต่ส่วนมากจะไม่รู้...ท่านที่ผ่านมาอ่านเข้า ไม่ต้องขำไม่ต้องฮาก็ได้นะครับ..แต่อย่าเครียด...
เอาไว้รอคุณนบฯมาเล่าอีกที จะมีข้อมูลรายละเอียดที่น่าสนใจมากกว่านะครับ...แล้วก็จะมีขำๆฮาๆ ปนมาด้วยน่ะขอรับ

 

ป๋าเริ่มใช้ศัพท์ แม่เล่นล่่ะcatt3catt3catt3

 

เปลี่ยนไปเรียกเป็น ยายๆๆๆๆ แล้วนะครับพี่...
ผมไม่รู้ว่าภาษาแบบนี้จะทำให้คนคิดไปทางเรื่องชู้สาว คาวโลกีย์ได้ด้วยเหรอนี่...
ผมเคยได้ยินคนต่างจังหวัดเรียกกัน พ่อนั่น แม่นี่ ก็เรียกด้วยความเคารพกัน แบบว่าใช้เรียกคนสูงวัยแล้ว ไม่ใช่หนุ่มสาว ประมาณนั้น...
ถ้าเรียกยาย ล่ะจะคิดว่าผมอยากจะไปเป็นตา อีกหรือเปล่า...
ผมก็จะใช้เรียกคำนำหน้าว่า "คุณ" กับทุกคนละกันนะ...
คุณรุ้งดาว..
คุณผ่องศรี...
คุณบุษบรรณ...
คุณ...ราคุแรงควาย..
คุณ เจดีย์...

 

มาหัวเราะ อย่างเดียวค่ะ ฮ่าๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ (ๆ)

 

พี่ลินดาคะ

หนูประจบสอพลอพี่ท่านป๋าระมิงค์หวังพระเครื่องวัตถุมงคลพุทธคุณพระช่วยน่ะค่ะ

หนูประจบสอพลอ ท่านพี่ป๋านบ เพราะ หวังให้พี่เค้า
ใช้วิชาคัมภีร์แปลงเส้นเอ็นตัดต่อกระดูก มารักษา โรคเตี้ยน่ะค่ะ


เพียรประจบ มาหลายเดือนแล้ว พอดีถูกรู้ทันน่ะค่ะ

 

โอ้ย คุณป๋ามิงค์ คิดแต่ละอย่างช่างสุขุมคัมภีรภาพแท้
อิฉันมิได้มีความคิดเรื่องชู้สาวในหัวเลยเจ้าคะ มีแต่นับถือผุดๆๆ
เรียกอย่างไรก็ได้ดอกเจ้าคะ.....อิอิ......

ชื่อนั้นสำคัญไฉน

 

กราบ
อนุโมทนาสาตุ๊ เจ้า
อยากไปงานนี้สุด. ๆ เลยเจ้า

 

กร๊ากๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ ราคะ เอ๊ย ราคุ อ่ะ ทำพี่เสีย นํ้า(ตา) แต่เช้าเลย ทำไมหัวเราะแล้วตัองเสียนํ้าตาไม่รู้ สงสัยเป็นกุศโลบายทางกายทำให้ตาสว่างนิ ๕๕๕
แต่แหม เสียดายจังที่ประจบป๋านพไม่สำเร็จ ถ้าสำเร็จ(กระซิบๆ) บอกด้วยนะ เพราะพี่เป็นโรคเดียวกับราคุเลย ๕๕๕(f)

 

ชื่อเจดีย์นี่ฟังดูดีนะคะ เป็นแมนมากเลย ดังนั้นถ้าใส่คำว่าแม่เจดีย์ก็จะนุ่มขึ้นน่ะค่ะพี่มิงค์ หุหุ

ปล ชอบชื่อราคุมาก ฟังแล้วมีพลังดีค่ะ 5555555

 

ที่ว่าใช้ภาษาแม่เล่น ก้อ งึดหลายเด้ อ้ะ ป๋า 555

 

คุณนพคะ ... ไปอ่านเจอบทความการดูดพลังงานตกค้างบทหนึ่งมา เขาบอกว่าให้ใช้เกลือสินเทาหรือเกลือเเท้ๆนี่แหละมี่ไม่ใช่เกลือสังเคราะห์นะคะ และใช้น้ำอุ่นใส่ลงไปแล้วแช่เท้าไว้ คุณนพคิดว่าทำได้ไหมคะ...

เรื่องต่อมาคือคนใกล้ชิดถูกหวยบ่อยมากก เขาว่าตั้งแต่ฝันว่ามีคนมานอนด้วยนั่นแหละ เป็นใครก็ไม่รู้ รู้สึกแต่ว่ารักมากกก..
คือดิฉันเป็นห่วงเขาค่ะ ถูกหวยบ่อยดิฉันก็ยินดีกับเขาอยู่นะคะแต่แอบเป็นห่วงว่ามันผิดปรกติไปหรือเปล่า แต่ที่นอนฝันว่ามีคนมานอนด้วยนั้นรู้สึกจะแค่ครั้งเดียวนะคะ ดิฉันเลยบอกไปว่าอย่าไปคิดถึงมันอีกเป็นไปได้ให้ลืมไปเลย ประมาณนี้ค่ะ
..