ปรึกษาปัญหาสารพัดโรค ด้วยหลักการแพทย์แผนไทย / วิธีฝึกและใช้พลัง(ปราณยาม)ในการรักษาโรค

ในห้อง 'จิตวิทยา & สุขภาพ' ตั้งกระทู้โดย suwi, 25 มกราคม 2008.

  1. Baby_par

    Baby_par เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    9 มกราคม 2007
    โพสต์:
    2,743
    ค่าพลัง:
    +3,265
    อาจารย์ค่ะ ยาตัวนี้หรือป่าวค่ะ



    ปลูกธาตไฟ ทุกตัวพร้อมกัน
    แก้ธาตุลมพิการ (อาการของลมจุกอก ท้องอืดเฟ้อ)
    แก้ปะระเมหะในกระแสเลือด (เลือดสกปก เช่นมีโคเลสเตอร์ลอน)

    ตั้งยาดังนี้ (ยาทำยากหน่อย แต่ชัวร์ ต้องทำเอง ไม่มีขาย)

    ๑. ลูกสะเดาอ่อน (ตากแห้ง) ๑๕-๒๐ บาท
    ๒. สะค้าน บดผง ๕ บาท
    ๓. ดีปลี บดผง ๕ บาท
    ๔. ขิงแห้ง บดผง ๕ บาท
    ๕. แห้วหมู บดผง ๕ บาท
    ๖. พริกไทยร่อน บดผง ๓ บาท
    ๗. ดอกคำฝอย หนัก ๓ บาท
    ๘. กระเทียมเปลือกสีม่วง ปอกเปลือกแล้ว หนัก ๑ ขีด (ซื้อจากตลาดสด)
    ๙. ลูกมะกรูด ๕ ลูก (ซื้อจากตลาดสด)
    ๑๐. เกลือสินเธาว์ ๑-๒ บาท (เพิ่มอีกตัวจะ) (ซื้อที่ร้านยาไทย)
    ๑๑. แคลเซี่ยมจากเปลือกหอยสังข์ทะเล (ซื้อแคลเซี่ยมที่มีส่วนผสมของแมกนีเซี่ยมจากร้านขายยาแผนปัจจุบันแทน)

    ตัวยา ๑-๗ และ ๑๐ ซื้อจากร้านขายยาไทย
    วิธีทำยา
    ๑. นำเอา ลูกสะเดาอ่อน ดอกคำฝอย ใส่น้ำต้ม (ลูกสะเดาอ่อน ให้ล้างฝุ่นออกก่อน ดอกคำฝอย ไม่ต้องล้าง)
    ต้มครั้งแรก ใส่น้ำสามส่วน ต้มเหลือน้ำ หนึ่งส่วน รินกรองเอาแต่น้ำ พักไว้
    ต้มครั้งที่สอง ใส่น้ำสามส่วน ต้มเหลือหนึ่งส่วน รินกรองเอาแต่น้ำ
    นำน้ำที่ได้ที่ได้ทั้งสองครั้งรวมกัน นำขึ้นตั้งไฟต้มต่อ (ระวังใหม้)

    ๒. เอา กระเทียม และมะกรูด(ผ่าสี่ แกะเอาเม็ดออก เอาทั้งเปลือกทั้งน้ำทั้งเนื้อ)
    เอาลงต้มในน้ำลูกสะเดาอ่อน ที่ตั้งไฟอยู่และกำลังเดือด สักพัก พอเห็นผิวมะกรูดเป็นสีเหลือง ให้ยกขึ้นจากเตา ทิ้งให้อุ่น

    ๓. พออุ่นแล้ว นำทั้งหมดเข้าเครื่องปั่น ให้ละเอียดยิบ แล้วนำขึ้นตั้งไฟใหม่

    ๔. นำยาที่บดผงไว้ ในข้อ ๒, ๓, ๔, ๕, ๖, ๑๐ ใส่ลงไป พร้อมน้ำผึ้งประมาณ ๑๐๐ ซีซี กวนต่อไปจนแห้ง พอปั้นก้อนได้ (ระวังใหม้)

    ๕. นำขึ้นจากเตา ทิ้งพออุ่น ใส่พาชะนะเก็บในตู้เย็น

    วิธีกิน
    หยิบกิน ปั้นเป็นก้อนขนาดเม็ดในมะยม กินครั้งละ ๗-๑๕ ก้อน วันละ ๒-๓ ครั้ง ก่อนอาหารเช้ากลางวันเย็น
    และกิน แคลเซี่ยมที่มีส่วนผสมของแมกนีเซี่ยม พร้อมอาหาร วันละ ๒ ครั้ง เช้าเย็น (ขนาดประมาณ ๕๐๐ มิลลิกรัม/เม็ด)

    สรรพคุณ
    แก้อาการโรคหัวใจอันเกิดจากธาตุไฟพิการ
    แก้จุกเสียด ท้องอืดเฟ้อ หลังอาหาร

    อาการข้างเคียง ช่วงแรกที่กิน อาจมีอาการ ความดันขึ้น หัวใจเต้นเร็ว มึนหัว
    ให้ลดปริมาณยาลง ประมาณ ๒-๕ วันอาการดังกล่าวจะหายไปเอง (แล้วเพิ่มยาขึ้นเท่าเดิม)
    ในช่วงกินยา ให้พยายามออกกำลังกายให้เหงื่อออกด้วยจะหายเร็วขึ้น

    หมายเหตุ
    ห้ามใช้ลูกสะเดาแก่ เด็ดขาด
    เพราะลูกสะเดาแก่มีพิษ ใช้ทำยาไล่แมลง<!-- google_ad_section_end -->
     
  2. suwi

    suwi เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 มิถุนายน 2007
    โพสต์:
    2,652
    ค่าพลัง:
    +18,543
    อีหลูเอ้ย...
    สูตรยาที่ไปงัดขึ้นมานะเขาเอาไว้แก้โรคหัวจาย นะจะ
    แก้เส้นเลือดหัวใจตีบตันอันเกิดจากปะระเมหะ พวกไขมันอุดตันนะ

    แต่มันยังแก้โรคหัวใจเดาะ หัวใจหัก หัวใจรวนเร และโรคอื่นๆที่อีหลูเป็นอยู่ มายด้ายนะ
    ของอีหลู ต้องยาแก้ภูมแพ้เบอร์ 4 เป็นตัวยืนนะ และ+ปลูกเตโช +อื่นๆอีกเล็กน้อย ยังดูไม่หมดเนาะ
    ติดไว้ก่อน
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 7 ตุลาคม 2009
  3. suwi

    suwi เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 มิถุนายน 2007
    โพสต์:
    2,652
    ค่าพลัง:
    +18,543
    มีคนถามถึงวิธีใช้ยาของสุวิ จึงขอตอบสั้นๆดังนี้
    และในบางท่านอาจต้องมียาช่วยตัวอื่นๆอีก

    กระชายทองนพคุณ (ให้กินคู่กับผลาธิกะ จะได้ผลดีที่สุด) เป็นยาบำรุงร่างกาย ทุกระบบทำให้เลือดไปเลี้ยงอวัยวะส่วนปลายได้ดีขึ้น
    กระชายทอง (กินตัวเดียวได้) เป็นยาบำรุงร่างกาย บำรุงสมอง บำรุงกำหนัด แก้อาการเป็นตะคิวบ่อยๆได้ และแก้ปวดเมื่อยร่างกาย

    ยาแก้ภูมแพ้เบอร์1 ใช้แก้ปวดหัวไมเกรน ต้องกินคู่กับผลาธิกะ 7
    ให้กินแก้ภูมิแพ้ ๒ เม็ด ผลาธกะ ๑ เม็ด (กินวันละ ๓ มื้อ)
    และในบางคนที่ไฟธาตุหย่อย(มือเท้าเย็น) ต้องกินยาปลูกเตโชร่วมด้วยอีก ๑ เม็ด (วันละ ๓ มื้อเช่นกัน)

    ไพลทอง เป็นยาใช้ขับ-ปรับประจำเดือนสัตรี / แก้ช้ำใน ต้องกินคู่กัยยาปลูกเตโชเสมอ ในอัตราส่วน ๒ : ๑ (กินวันละ ๓ มื้อ)

    ผลาธิกคุณ กินคู่กับปลูกเตโช (๒ : ๑) แก้ไขมันในเลือด และแก้อาการความดันสูง (กินวันละ ๓ มื้อ)
    ช่วงแรกๆ ยังต้องกินยาลดความดันแผนปัจจุบันควบด้วย และค่อยๆลดลงทีละครึ่ง อย่างช้าๆ และหยุดกินใน ๑-๒ เดือน
    และต้องกิน ผลาธิกคุณ+ปลูกเตโช ไปนานอย่างน้อย ๔-๖ เดือน จึงหยุดยาได้

    แก้อาการนอนกรน ให้ใช้ยา ๓ ตัว
    ๑. ยาอายุวัฒนะพระนารายณ์ทรงจักร ๓ เม็ด /เช้า เย็น ก่อนนอน
    ๒. ยากระชายทองนพคุณ ๒ เม็ด /เช้า เย็น ก่อนนอน
    ๓. ผลาธิกะ 7 ๑ เม็ด /เช้า เย็น ก่อนนอน

    ยาวัชรธาตุ
    แก้อาการเส้นเลือดสมองตีบ มีอาการแขนขาอ่อนแรง
    หายใจติดขัดไม่เต็มอิ่ม จุกกลางหลัง
    มีอาการอัมพฤกษ์อัมพาต
    กินคู่กับกระชายทองนพคุณ และผลาธิกะ จะได้ผลเร็วขึ้น
    ๑. ยาวัชรธาตุ ๓ เม็ด /เช้า เย็น ก่อนนอน
    ๒. ยากระชายทองนพคุณ ๒ เม็ด /เช้า เย็น ก่อนนอน
    ๓. ผลาธิกะ 7 ๑ เม็ด /เช้า เย็น ก่อนนอน

    ส่วนยาแก้หวัด ๒๐๐๙ (ยาแก้ภูมิแพ้เบอร์ 3)
    ทำเป็นยาลูกกลอน ขนาดเท่าเม็ดพริกไทย
    กินครั้งละ ๗-๙ เม็ด วันละ ๒-๔ ครั้ง (แล้วแต่เป็นมากน้อย)
    ในบางคนที่ไฟธาตุหย่อน(มือเท้าเย็น) ต้องกินยาปลูกเตโช ร่วมด้วย ๑ เม็ดทุกมื้อ
    และในบางคนที่ร้อนในบ่อยๆ ต้องกินผลาธกะ7 ร่วมด้วย ๑ เม็ดทุกมื้อ
    และในคนที่ธาตแปรปรวน ให้กิน ปลูดเตโช ๑ เม็ด ผลาธิกะ ๑ เม็ด ควบกันไปกับยาแก้ภูมิแพ้เบอร์ 3

    ส่วนยาหอม ปัจจุบันมี
    ๑.ยาหอมทิพโอสถ แก้ลมวิงเวียน (ลมขึ้นศีรษะทำให้หัวหมุน
    ๒.ยาหอมเทพวิจิตร แก้ลมบำรุงหัวใจ (ลมในท้องท้องอืดจุกอก)
    ยาหอมทิพโอสถ+ยาปลูกเตโช แก้โรคบ้านหมุน
    ยาหอมเทพวิจิตร+ยาปลูกเตโช+ขมิ้นทอง แก้โรคกรดไหลย้อน

    สุวิ
    ปล.จะเห็นได้ว่า ยาปลูกเตโช ต้องใช้เป็นยาช่วยเกือบทุกอาการโรค
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 9 พฤศจิกายน 2009
  4. Baby_par

    Baby_par เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    9 มกราคม 2007
    โพสต์:
    2,743
    ค่าพลัง:
    +3,265
    อ่านมาหลายหน้าประมาณครึ่งหนึ่ง เห็นแต่พระนามของยา เหอๆไม่เป็นสูตรยาสักทีค่ะ

    ไม่รู้ว่าอ่านข้ามไปมั่งหรือยัง เหอๆ
     
  5. tamm16

    tamm16 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 กันยายน 2008
    โพสต์:
    218
    ค่าพลัง:
    +466
    คุณ สุวิ นี่สุดยอด จริงๆ ครับ รู้สูตรยาเยอะจังเลย (แต่อ่านตรงไขมันแล้วห่วงแหะ กลัวเป็นแบบนั้น = =")
     
  6. วรรณนันท์

    วรรณนันท์ ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต

    วันที่สมัครสมาชิก:
    10 ธันวาคม 2008
    โพสต์:
    304
    ค่าพลัง:
    +2,602
    อ.สุวิคะ คุณแม่ยังไม่ได้เริ่มทานยาที่จัดให้เลย บังเอิญมีอาการเจ็บป่วยจนต้องเข้าร.พ. เขาไม่กล้าทานยาที่ให้ไปเพราะกลัวจะตีกันกับยาหมอที่ร.พ.

    อาการที่เริ่มไปหาหมอคือท้องไส้ปั่นป่วน ท้องเสีย หมอให้ยาฆ่าเชื้อ และยาเกี่ยวกับกระเพาะลำไส้ ในเวลาเดียวกันอาการเข่าอักเสบก็กำเริบ หมออายุฯส่งไปหาหมอกระดูกด้วย ได้ยาแก้เข่าอักเสบ และยาเคลือบกระเพาะลำไส้ไปด้วย ปรากฏว่าพอยาฆ่าเชื้อหมด เหลือแต่ยาเข่า เกิดอาการบวมไปทั้งตัว คลื่นไส้อาเจียน ทานอาหารหรือน้ำเข้าไปก็อาเจียนออกหมด

    พาไปหาหมอฉุกเฉิน หมอเอ็กซ์เรย์ว่าเห็นน้ำในท้อง และตรวจเลือดแล้วเกลือแร่ในเลือดต่ำมาก ซึ่งอาการเกลือแร่ในเลือดต่ำนี้เคยพบมาก่อนแล้ว หมอให้ดื่มเกลือแร่ชดเชย หมอบอกต้องไปตรวจให้ละเอียด

    ตรวจเอ็กซ์เรย์ และทำอุลตร้าซาวด์ พบก้อนเนื้อที่ไตข้างซ้าย หมอเลยส่งไปทำ CT Scan
     
  7. วรรณนันท์

    วรรณนันท์ ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต

    วันที่สมัครสมาชิก:
    10 ธันวาคม 2008
    โพสต์:
    304
    ค่าพลัง:
    +2,602
    ผล CT Scan หมอพบเป็นก้อนไขมันและเส้นเลือดที่ด้านล่างของไตข้างซ้าย ส่ง case ไปให้หมอศัลย์แล้ว ยังไม่ได้รับผลสรุปว่าจะรักษาอย่างไร คุณแม่นอนอยู่ร.พ. 10 วัน ในระหว่างนั้นถูกเจาะเลือดเช้า-เย็นไปหลายวัน เพราะเกลือแร่ในเลือดไม่เพิ่ม ต้องให้ทานไป ส่วนเรื่องบวมนั้น หมอให้ขับปัสสาวะอย่างค่อยเป็นค่อยไป และจำกัดน้ำดื่ม เพราะระดับเกลือแร่ต่ำ ในขณะเดียวกันคุณแม่ก็เหนื่อยหอบ และไม่มีเรี่ยวแรง

    พบว่ามีหัวใจวายเล็กน้อย (คงจะหมายถึงเส้นเลือดหัวใจตีบ) และมีเบาหวานแบบดื้ออินซูลิน เดิมมีไขมันในเลือดสูง และความดันสูงเล็กน้อย

    พอดีทุกอย่างเล็กน้อย หมอเลยไม่ได้รักษาอะไรมาก ตอนออกจากร.พ.หมอให้ยาฆ่าเชื้อมาด้วย เป็นยารักษาการติดเชื้อแบคทีเรีย ซึ่งก่อนออกจากร.พ.สามวันมีท้องเสียและเป็นไข้ หมอเลยไม่อยากให้อยู่ร.พ.ต่อ

    คำถามคือคุณแม่ทานยาของหมอสุวิได้หรือเปล่า มียาปลูกเตโช ยาภูมิแพ้เบอร์ 3 ยากระชายทองนพคุณ หรือต้องทานยาอย่างอื่นก็กรุณาบอกด้วยนะคะ

    อัดยาบุญไปแล้วเป็นระยะๆค่ะ

    ขอบคุณมากค่ะ
     
  8. วรรณนันท์

    วรรณนันท์ ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต

    วันที่สมัครสมาชิก:
    10 ธันวาคม 2008
    โพสต์:
    304
    ค่าพลัง:
    +2,602
    วันนี้คุณแม่ขอให้พาไปร.พ.อีก ตรวจแล้วหมอก็ว่ามีอาการลำไส้ไม่ทำงาน มีของเสียคั่งค้างมากเลยให้ยาระบายและผงบุก มีเกลือแร่ในเลือดต่ำเล็กน้อย หมอให้ทานเกลือแร่สำหรับทานได้สามครั้ง และให้พยายามทานอาหารให้ได้สารอาหารที่จำเป็น น่าจะมีกรดไหลย้อนกลับด้วย หมอให้ยาลดกรด ยาปรับสภาพทางเดินอาหาร ปัญหาคือแข้งขาไม่มีแรงพอจะรับน้ำหนักร่างกายได้ ประคองให้เดินเฉพาะเวลาเข้าห้องน้ำ จะให้พยายามเดินมากกว่านั้นคนไข้ไม่ยอมร่วมมือ รายงานเพิ่มเติมมาเพื่อประกอบการจัดยาและขอรับคำแนะนำเจ้าค่ะ
     
  9. curio

    curio เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    21 พฤศจิกายน 2006
    โพสต์:
    428
    ค่าพลัง:
    +2,048
    เรียนอ.สุวิครับ
    วันนี้มาขอรายงานผลครับ ตามที่ขอให้อาจารย์จัดยาแก้ไขมันพอกตับไปให้น้าผมกินแก้ปวดตับจากไขมันพอก ทานยามาได้ร่วมสัปดาห์แล้ว น้าแกบอกว่าอาการดีขึ้น ไม่ค่อยปวดที่ตับแล้วครับ ต้องขอขอบพระคุณอาจารย์เป็นอย่างยิ่งครับ ว่าจะมารายงานหลายทีแล้วแต่เวปล่มเรื่อยนะครับ
     
  10. วรรณนันท์

    วรรณนันท์ ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต

    วันที่สมัครสมาชิก:
    10 ธันวาคม 2008
    โพสต์:
    304
    ค่าพลัง:
    +2,602
    อ่านเรื่องหญ้าไผ่น้ำแล้ว มีทั้งหมด 3 สูตร อยากทราบรายละเอียดเพิ่มเติม จะมีผู้ตอบหรือเปล่าหนอ

    สูตรที่ 1 ต้นตากแห้ง ต้มเป็นยาเย็น ปริมาณหญ้าไผ่น้ำแห้ง และน้ำเท่าไร ต้มนานแค่ใหน และดื่มอย่างไร
    สูตรที่ 2 ต้นสด 250 กรัม ต้มน้ำมาก เคี่ยวนาน 1 ช.ม. ดื่มอุ่นวันละ 1 แก้ว
    สูตรที่ 3 ต้นสด 100-150 กรัม ต้มกับน้ำ 2 ลิตร นาน 1 ช.ม. ดื่มวันละ 3-4 แก้ว
    ระหว่างสูตรที่ 2 กับ สูตรที่ 3 จะให้ผลต่างกันอย่างไร หรือเหมาะกับคนไข้ที่มีอาการต่างกันอย่างไร
    รบกวนท่านผู้รู้ไขข้อข้องใจด้วยนะคะ
     
  11. suwi

    suwi เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 มิถุนายน 2007
    โพสต์:
    2,652
    ค่าพลัง:
    +18,543
    ในช่วงอาทิตย์ที่ผ่านมา เข้าเวปไม่ค่อยได้
    เข้าได้ก็ตอบคำถาม หรือโพสข้อความไม่ได้ซะอีก เล่นเอาเซ็งไปหลายวัน
    ตอนนี้คงเข้าที่แล้ว
    เอ้า...ตอบคำถามนี้ก่อน



    หญ้าไผ่น้ำ เป็นสมุนไพรที่ดีมากในเรื่องเกี่ยวกับ ไต
    สามารถรักษาอาการโรคที่เกี่ยวกับไตได้หลายหลาก

    เพียงหญ้าไผ่น้ำตัวเดียวโดดๆ ต้มน้ำกิน ก็มีคุณภาพมากโข

    ยิ่งเข้าสูตรยา ยิ่งหายห่วง (เช่น น้ำต้มหญ้าไผ่น้ำ สามเอาหนึ่ง + กระชายทองนพคุณ)
    สามารถรักษา/แก้ ปะระเทหะที่ตกผลึกในเนื้อไตได้ (นิ่วในเนื้อไต - ทำให้เนื้อไตเสียหาย เกิดไตวาย)
    สามารถรักษา นิ่วในกรวยไตได้ และยังแก้นิ่วในกระเพาะปัสสาวะได้ด้วย (ถ้าก้อนใหญ่-ละลายช้าๆนะ)

    การต้มสมุนไพร ไม่ว่าจะเป็นสมุนไพรเดี่ยว หรือเข้าเป็นสูตรยา ทั้งยาไทยและยาจีน
    ที่ใช้หวังผลในการรักษา จะต้มสามเอาหนึ่ง หมายถึง
    ใส่น้ำท่วมยา ถึอเอาว่าเป็นปริมาณน้ำ สามส่วน ยกตั้งไฟให้เดือด แล้ว
    ต้มเคี่ยวด้วยไฟอ่อนไปเรื่อยๆจนน้ำงวดเหลือเพียง หนึ่งส่วน
    น้ำหนึ่งส่วน ดังกล่าวคือเนื้อยาที่ได้ความเข้มข้นพอดีในการกิน เพื่อการรักษา

    ยังมีการต้มอีกวิธีที่นิยมกัน คือ ""ต้มยากินแทนน้ำ"
    กรณีนี้จะใส่น้ำค่อนข้างมาก ต้มไปนานพอควร แล้วแต่ชนิดยา
    บางชนิดตัมพอเดือดก็ยกลง
    บางอย่างต้มนานหน่อย โบราณใช้ธูป เป็นตัวกำหนดเวลา ชั่วธูป ๑ ดอกบ้าง ๒ ดอกบ้าง
    ปัจจุบันก็ใช้นาฬิกาจับเวลาเอา ครึ่งชั่วโมงบ้าง หนึ่งชั่วโมงบ้าง

    ในคำถามที่ถามมา ในข้อ ๒ และ ๓ น่าจะเป็นกรณี ต้มกินแทนน้ำ

    ส่วนในกรณีที่ ๑ ควรจะต้มกินเป็นยา คือ ต้มสามเอาหนึ่ง กินวันละ ๒-๓ ครั้ง ก่อนอาหาร
     
  12. suwi

    suwi เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 มิถุนายน 2007
    โพสต์:
    2,652
    ค่าพลัง:
    +18,543
    อีหลูเอ้ย.....
    ถ้าอีหลู เป็นคนช่างสังเกตุสักหน่อย ยาเกื่อบทุกตัวปู่บอกสูตรยาไว้แล้ว
    เพียงแต่ไม่ได้บอกแบบโจ้งครึ่ม ว่า ยาชื่อเพราะๆตัวนี้มีสูตรอย่างนี้

    ไอ้ยาที่ปู่ตั้งชื่อไว้เพราะๆนะ เอาไว้เข้าสังคม ยาต้องมีชื่อเพราะพริ้งมีเสน่ห์ คนถึงจะคบหาสั่งซื่อไปกิน เช่น

    ปูทำยาบำรุงสมองบำรุงกำหนัด ตัวหนึ่ง ประก่อบด้วย ใบบัวบก กระชาย และพริไทย
    จะให้น่ากินน่าใช้ปู่ก็ต้องตั้งชื่อให้เพราะพริ้งว่า "กระชายทอง"

    วันดีคืนดีปูเห็นเขาบ้ามะรุมกัน
    ปูก็เอามะรุมมาแต่งงานกับกระชายทอง แล้วปู่ก็ตั้งชื่อใหม่ให้โก้เก๋ว่า กระชายทองนพคุณ

    เห็นแม้ะ ปูบอกสูตรหมด
    อึหนูอย่าถามนะว่า กระชายทองนพคุณ ประกอบด้วยอะไรบ้าง
    ปู่เอาไม้เรียวตีก้นแน่เลย (เพราะไม่รู้จักรวมองค์ความรู้)

    ไอ้ยาที่ปู่ขายดิบขายดี ก็คือยาปลูกเตโช
    ปูก็บอกอยู่โต้งๆว่า เป็นยาปลูกไฟธาตุนะ ผสมกับยาบำรุงโลหิต และมียาปลูกไฟธาตประจำฤดูกาลมาผสมอีกนิดหน่อย
    ยาปลูกไฟธาตุก็ให้สูตรไว้แล้ว(อยู่ในคัมภีร์มหาโชติรัต)
    ยาบำรุงโลหิตก็ให้สูตรไว้แล้ว(อยู่ในคัมภีร์มหาโชติรัต)
    ยาปลูกไฟธาตุประจำฤดูก็ให้ไว้แล้ว(กาลาธิจร)

    อยากรู้ความลับ ก็ต้อง ใช้กึ๋นหน่อย ลูกปลาน้อย
    วิชาประหลาดๆที่ปู่ได้เรียนรู้ทุกวันนี้
    เค้ามาสอนปูด้วยวิธีการคล้ายๆอย่างนี้
    บอกที่มาที่ไปขาดๆเกินๆ แล้วให้ปู่ควานหาคำตอบเอง
     
  13. suwi

    suwi เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 มิถุนายน 2007
    โพสต์:
    2,652
    ค่าพลัง:
    +18,543

    สมัยก่อนคนเรายังโง่อยู่
    ได้รำเรียนมา รู้จักพลัง และวิธีใช้พลังรักษาโรค
    ก็ใช้พลังรักษา ส่งพลังกันอุดตะลุด ส่งกันชนิดข้ามฟ้าข้ามทะเลกันเลย
    ถือว่าพลังดี ก็อัดพลังกันเข้าไป ไม่ได้ใช้กึ๋นกันเลย

    เอาแต่พลังไปอัดกับโรคภัยไข้เจ็บ
    เจอโรคแรงกว่า คนรักษาก็เจ็บตัวเด้งกลับมา นอนเลียแผลให้ตัวเอง
    บางคนก็เข็ดขยาดไม่กล้าไปแตะอีก
    ไอ้พวกระห่ำหน่อยก็ขอกลับไปลองอีก ก็เด้งกลับมาอีกได้แผลเวอะมากกว่าเก่า ก็เลยบอกศาลา

    แต่เดี๋ยวนี้เค้าฉลาดขึ้นแล้ว
    การรักษาโรค เค้าใช้ยารักษากัน ตั้งแต่ดึกดำบรรณ

    เราก็ดึงพลังยาขึ้มาซิ เอาพลังยาใส่ให้โรคภัยที่เป็นอยู่
    พลังยามันก็ไปจัดการกับโรคภัยไข้เจ็บที่เป็นอยู่เอง
    ถ้ายารักษาได้ โรคก็หาย
    ดึงพลังยาให้เหมาะกับโรค
    ฮิฮิ...โรคร้ายก็หายได้ง่ายๆ

    ไม่เห็นต้องไปเหนื่อยให้เหงื่อตกกลีบ
    แบบว่ ต้องส่งพลังของตัวเองไปช่วยรักษาเขา หากพลาดท่าเสียที ก็ต้องกลับมาเลียแผลให้ตัวเอง

    ว่าแล้วก็สอนวิธีการให้ วรรณนันท์ เอาไปใช้
    เราก็สบาบๆแบบเบิดร์ๆ ไม่ต้องเหนื่อยแล้ว
    ฮิฮิ...สะบายสะบาย...

    ปล. งานนี้ให้ อ.ตาที่สามเป็นผู้สอน สุวิเป็นกองเชียรจ้า
    ฮิฮิ.. สบายๆๆ
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 17 ตุลาคม 2009
  14. suwi

    suwi เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 มิถุนายน 2007
    โพสต์:
    2,652
    ค่าพลัง:
    +18,543

    แม้จะดีขึ้นแล้ว อย่าเพิ่งหยุดยา
    ก็ยังคงให้กินยาต่ออีกสักเดือนสองเดือน เพื่อตัดรากถอนโคน
     
  15. คีตา

    คีตา เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    27 พฤศจิกายน 2005
    โพสต์:
    665
    ค่าพลัง:
    +4,309
    เรียนถาม อ.สุวิ ครับ

    ผมป่วยเป็น เรื้อรัง มานาน ต้องกินยาแก้เวียนหัว กับใจสั่นทุกวัน เป็นเวลา 3 ปีมาแล้ว แต่จะกินเฉพาะตอนที่มีอาการเท่านั้นครับผม
    อาการที่เกิดมีดังนี้ครับ
    1. ใจสั่น ภูมิแพ้ที่จมูกจะกำเริบตาม(โพลงจมูกอักเสบ พ่นยาทุกวันครับ)
    2. ที่หนักกว่าก็คือ จะเวียนหัวมาก หนักหัวเหมือนมีอะไรมาทับหัว คิดอะไรไม่ออก เป็นหนักมากๆโลกจะหมุนเลย แต่พอกินยาแก้เมารถก็จะค่อยยังชั่ว วันรุ่งขึ้นก็จะเป็นอีก

    ขอความกรุณา ความเมตตา แนะนำ วิธีรักษา ให้ผมทีครับ ทรมานมานานเหลือเกิน

    สาธุ ขออนุโมทนากับ อ.สุวิ ด้วยนะครับ
    คีตา
     
  16. วรรณนันท์

    วรรณนันท์ ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต

    วันที่สมัครสมาชิก:
    10 ธันวาคม 2008
    โพสต์:
    304
    ค่าพลัง:
    +2,602
    ขอบพระคุณในความกรุณาของอ.สุวิ พูดถึงเรื่องเหนื่อย วันก่อนทำเสร็จก็ได้เวลาอาหารเย็นพอดีคงหิวมั๊ง เหนื่อยสุดๆแบบว่าแบตฯหมด แสบตาด้วย เอาน้ำตาเทียมหยอดแล้วดีขึ้น เห็นว่าเก๋ากี้ (เม็ดสีแดงๆเล็กๆคล้ายพริกขี้หนู) ช่วยเรื่องตาแห้งได้ ไม่ทราบว่าทานดีหรือไม่ ทานอย่างไรคะ
     
  17. suwi

    suwi เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 มิถุนายน 2007
    โพสต์:
    2,652
    ค่าพลัง:
    +18,543
    นี่เป็นอีกอาการของโรคบ้านหมุน แบบเรื้อรัง

    ถ้าเป็นแบบเฉียบพลัน บ้านจะหมุนติ้ว ขยับตัวไม่ได้ โดยกระทันหัน
    สาเหตุเกิดจากเลือดไปเลี้ยงสมองไม่พอกระทันหัน ด้วยเหตุใดเหตุหนึ่ง เช่น
    แพ้อาหารบางชนิด(เช่นผงชูรส ผงกรอบ ฯลฯ)ทำให้เส้นเลือดหดตัว เลือดจึงไปเลี้ยงสมอง โดยเฉพาะส่วนควบคุมการทรงตัวที่หลังหู ไม่พอ

    หากเกิดอาการเฉียบพลันให้เข้าโรงพยาบาล แก้อาการเฉพาะหน้าก่อน อย่ารอช้า เพราะอาจมีเหตุเส้นโลหิตตีบตันในสมองได้

    ส่วนอาการเรื้อรังมักเกิดจาก ไฟธาตุไม่พอ คนพวกนี้มักมีอาการ
    ๑.๑ เป็นคนขี้หนาว หนาวมือหนาวเท้า เวลานอน
    ๑.๒ จุกอก อาหารไม่ค่อยย่อย ท้องอืด (ทิ้งไว้นาน จะเป็นกรดไหลย้อนตามมา)
    ๑.๓ หายใจไม่เต็มอิ่ม และใจสั่น
    ๑.๔ มีความดันโลหิตต่ำ
    ๑.๕ โดยมากมักจะมีไขมันในโลหิตสูง ปลายเส้นเลือดฝอยตีบ ทำให้เมื่อยขบไปทั้งตัว โดยเฉพาะเวลาตื่นนอนใหม่ๆ
    ๑.๖ จะมีอาการคล้ายภูมิแพ้ทางเดินหายใจ อันเกิดจากกรดไหลย้อน
    ๑.๗ คนพวกนี้หากทิ้งไว้นาน จะเป็นโรคกรดไหลย้อนทุกคน

    การแก้ไข
    ๑. ให้กินยาที่บำรุงไฟธาตุเป็นประจำเช่นยาปลูกเตโช / พระนารายณ์ทรงจักร เป็นยาอายุวัฒนะประจำตัว
    ๒. ยาแก้วิงเวียน และบำรุงหัวใจ เช่นยาหอมเทพวิจิตร
    ๓. ยาที่ใช้ขจัดปะระเมหะ อันเกิดจากไขมันและเบาหวานในเส้นโลหิต เช่นกระชายทองนพคุณ / ทองนพคุณ3
    ๔. ยาแก้ภูมิแพ้ตามความจำเป็น
     
  18. suwi

    suwi เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 มิถุนายน 2007
    โพสต์:
    2,652
    ค่าพลัง:
    +18,543

    การดึงพลังยาให้ผู้ป่วย
    เราต้องมีต้นทุนอยู่บ้าง กล่าวคือ
    เราใช้พลังของเราดึงพลังยาขึ้น และใช้พลังของเราเองเป็นตัวชักนำให้พลังยาเข้าสู่ตัวคนไข้ และนำสู่จุดที่เจ็บป่วย
    พลังของเราและพลังยาก็จะรวมตัวกันรักษาให้ผู้ป่วย

    ในผู้ฝึกใหม่ๆ พลังตัวเองที่ใช้อย่างต่อเนื่องยาวนาน จะทำให้รู้สึกเหนื่อย อ่อนแรง เปรียบเทียบเหมือนแบตฯหมด
    พวกเราก็กระเซ้ากันว่า แบตฯหมดก็ซ๊าตไฟแบตฯซิ ไม่เห็นยาก

    ไอ้ตอนซ๊าตไฟนี่ บางคนก็หายใจปื้ดเดียวก็เต็ม บางคนตั้งท่าแล้วตั้งท่าอีก ก็อัดไฟไม่ค่อยเข้า
    ตรงนี้ ความลับของมันคือหัดใช้ไฟ และหัดซ๊าตไฟ ให้เป็นปกติวิสัย (คือฝึกทุกวันนะ)
    หมั่นฝึกเข้าไว้ จะมีต้นทุนเหลือมากพอช่วยผู้อื่นได้


    ส่วนเก้ากี้ สมุนไพรจีนม็ดสีแดงๆนะ บำรุงสายตาดีมาก
    แต่กินแล้วมันไม่ค่อยไปที่ตา มันไปทั่วตัวนะ

    วิธีการท่านให้เอาลำไยอบแห้งสักหยิบมือ ต้มกับเก้ากี้ ๑ กำมือ
    รินกินน้ำตอนอุ่นๆ
    ท่านว่ามันจะไปบำรุงสายตาดีมากๆ แก้ตาฝ้าฟาง ได้ดี และช่วยให้มองเห็นในเวลากลางคืนได้ดีขึ้นด้วย

    ก็ลำไยนะ กินมากทำให้ตาเฉะ มันไปออกที่ตา
    หมอก็เลยเอามาทำเป็นกระสายยาซะเลย
    ฮิฮิ ... หนามยอกต้องเอาหนามบ่ง
     
  19. คีตา

    คีตา เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    27 พฤศจิกายน 2005
    โพสต์:
    665
    ค่าพลัง:
    +4,309
    เรียนถามอาจารย์เพิ่มเติมครับ

    ยาปลูกเตโช / พระนารายณ์ทรงจักร/ ยาหอมเทพวิจิตร / กระชายทองนพคุณ / ทองนพคุณ3 /เราสามารถหาซื้อได้ที่ไหนครับ ผมอยู่สุรินทร์ไม่รู้ว่าร้านยาจีนมีหรือเปล่าครับ หรือต้องสั่งกับที่ไหนขอรับ

    ปะระเมหะ
    คืออะไรครับ

    การออกกำลังกาย โดยแกว่งแขน100ครั้ง และ ยกขกเตะ 100 คร้ั้ง ทุกเช้าหลังตื่นนอนใหม่ๆ เห็นใน นส สวดมนต์ ของหลวงพ่อจรัญ สามารถช่วยได้มั๊ยครับ

    ขอบพระคุณอาจารย์มากเลยนะครับ ที่สละเวลามาตอบให้ ขิสาธุ อนุโมทนากับความรู้ดีๆและการช่วยเหลือผู้คนด้วยครับ
    คีตา
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 17 ตุลาคม 2009
  20. suwi

    suwi เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 มิถุนายน 2007
    โพสต์:
    2,652
    ค่าพลัง:
    +18,543
    คำว่า "ปะระเมหะ" หมายถึง
    สิ่งแปลกปลอม สิ่งที่ไม่พึงปรารถนา ที่แขวนลอยอยู่ในเลือด น้ำเหลือง ในกล้ามเนื้อ และอวัยวะต่างๆ
    ลักษณะของปะระเมหะ จะมีลักษณะของของเหลวข้นๆ เหนียวๆ เขละๆ คล้ายเสลดที่ไอหลุดออกจากคอ
    ปะระเมหะพวกนี้ จะกระจายกันอยู่ทั่วร่างกาย เป็นของเสียที่ร่างกายต้องขจัดทิ้ง
    หากร่างกายขจัดทิ้งไม่หมด และมีสะสมอยู่ในร่างกายมากเกิน มันจะไปขัดขวางการไหลเวียนของโลหิต

    ตัวอย่างของปะระเมหะพวกนี้มี

    ๑. อนุมูลของไขมัน (ปะระเมหะอันเกิดจากไขมัน)ทำให้เส้นโลหิตตีบ

    ๒. อนุมูลของน้ำตาล(มะธุระเมหะ) ปะระเมหะอันเกิดจากเบาหวาน ทำให้เส้นโลหิตตีบ

    ๓. ปะระเมหะอันเกิดจาก โอปักมิกาพาต (เลือดช้ำและลิ่มเลือด อันเกิดจากการทุบถองโบยตี ตกจากที่สูงอุบัติเหตุต่างๆ) ทำให้เส้นเลือดตีบตัน

    ๔. ปะระเมหะอันเกิดจากกิมิชาติ เม็ดเลือดแดงแตก/ตาย อันเกิดจากเชื้อโรค ทำให้เกิดเม็ดเลือดเสีย ไปขวางในหลอดโลหิต เช่น เส้นเลือดขอด

    โรคร้ายต่างๆที่เกิดในกายมนุษย์ ล้วนเกิดจาก ปะระเมหะเหล่านี้ เป็นต้นเหตุ
    หากร่างกายเราขจัด ปะระเมหะเหล่านี้ได้หมดจด โรคต่างๆก็ไม่อาจก่อตัวได้
    ยาอายุวัฒนะ และการออกกำลังกายให้เหงื่อออก ล้วนสามารถเร่งให้ร่างกายขจัดปะระเมหะเหล่านี้ได้เร็วขึ้น

    ยาอายุวัฒนะสูตรต่างๆที่มีอยู่ในตำรา
    ทุกสูตรล้วนสามารถขจัดปะระเมหะ(ทุกรูปแบบ)เหล่านี้ได้ทั้งสิ้น
    เพียงแต่
    บางสูตรเน้นเรื่องไขมัน
    บางสูรเน้นเรื่องโอปักมิกาพาต
    บางสูตรเน้นเรื่องกิมิชาติ
    บางสูตรเน้นเรื่องมะธุระเมหะ
    ให้เลือกใช้เอาตามความเหมาะสม ให้เหมาะกับโรคที่เป็นอยู่

    ยาอายุวัฒนะนอกจากจะกินเพื่อบำรุงร่างกายแล้ว
    ในหมอที่เป็นงานยังอาจนำมาใช้เป็นยารักษาโรคได้ด้วย

    เช่นยาอายุวัฒนะพระนารายณ์ทรงจักร(ทิ้งทอง ตะโกนา ฯ)
    หมอสุวิเอามาประกอยกับยาอื่นใช้แก้โรคไขมันพอกเกาะตับ หน้าตาเฉย

    ยาแก้ไขมันเกาะตับ
    ยาที่จะใช้ในกรณีย์ที่ถามมานี้มี
    ๑.ยาอายุวัฒนะ พระนาราย์ทรงจักร์ (เร่งการเผาผลาญพลังงาน-ให้ความร้อน)
    ๒.ยาแก้ภูมิแพ้เบอร์ 3 (เพื่อชลอหรือขจัดกิมิชาติที่ทำให้เกิดภูมแพ้)
    ๓.ผลาธิกะ (เพื่อช่วยเร่งการเผาผลาญ ไขมันให้เร็วขึ้น)

    และมีน้ำกระสายยาคือ

    ๑.ดอกคำฝอย
    ๒.ดอกเก็กฮวย
    ๓.ผักเสี้ยนผี

    ทั้งสามตัวอย่างละหยิบมือ ชงน้ำร้อนกินเป็นน้ำชาทั้งวัน
    จะช่วยลดไขมันในเลือดและไขมันที่เกาะเป็นเปลวไขมันได้(ก็คือลดความอ้วนที่พุงนะ)


    ท่านที่ต้องการยาของหมอสุวิ
    ติดต่อผ่าน PM หรือ e-mail (suwinand@gmail.com)
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 17 ตุลาคม 2009

แชร์หน้านี้

Loading...