ปรึกษาปัญหาสารพัดโรค ด้วยหลักการแพทย์แผนไทย / วิธีฝึกและใช้พลัง(ปราณยาม)ในการรักษาโรค

อาจารย์ครับขอปรึกษาหน่อยครับ

ผมติดอยู่ case นึงมีปัญหาครับ
ผู้ป่วยอายุ 60กว่าๆ อาชีพขายกาเเฟ ชา
อาการที่เกิดขึ้น ปวดหัวดุมไหล่ไล่ลงมาเกือบถึงข้อพับศอก ปวดลึกๆ ทั้งสองข้าง บางครั้งปวดศรีษะร่วมด้วยบริเวณฐานคอไล่มาเเนวกำด้น จะเป็นเฉพาะตอนกลางคืนเละเป็นบ่อยมากๆ เป็นเเล้วนอนไม่ค่อยจะหลับเเละทรมานมาก บางวันถึงกับส่งโรงพยาบาลเพราะปวดจนทนไม่ไหว ฉีดยาเเก้ปวดไปก็หลายที เป็นมาเเล้ว 3ปี
ตอนเเรกผมสันนิฐานว่า อาการที่เป็น ไม่ได้เกิดจากการพลิกของเส้นเเละกล้ามเนื้ออักเสบ คือจู่ๆก็เป็นขึ้นมาในตอนกลางคืนน่าจะเกิดจาก ลมจากเส้นกาลทารี ไม่ก็ กินอาหารผิดสำเเดง
ผมรักษาโดยการเปิดอิทา,ปิงคลาเพราะเป็นเส้นหลัก 1.ที่ท้อง 2.ที่c7 3.ที่กำด้นเป็นลำดับเเรก
ต่อมา ได้กดที่เส้นกาลทารี 1.เริ่มจากที่ท้อง 2.เหนือมุมสะบักด้านบน 3.บริเวณข้างไหปลาร้า เเละ4.เหนือข้อศอก
ร่วมด้วยกับเส้นวิหควาตะพักตร์(ตามศิลาจารึกวัดโพธิ์)
เเละบอกให้ช่วงนี้ทานอาหารรสจืดไปก่อนเพื่อดูอาการ
เเละผมรักษาอาการตามที่ผมสงสัยทั้งหมดเเล้ว
ผลคือ
อาการของผู้ป่วยวันเเรกดีขึ้นหลับสบาย ก็นึกดีใจนึกว่าหายเเล้ว วันที่สองที่สามก็ยังเป็นเหมือนเดิม
จากอาการทั้งหมดที่กล่าวข้างต้นมานี้
เลยมาขอคำเเนะนำจากอาจารย์เราควรวางเเผนเเล้วลงมือรักษาอย่างไรดีครับ

หรือว่าผมหลงทางครับ

ปล ยังไม่ลองกดสัญญาณไหล่ครับ
ขอบพระคุณมากครับ

 

หลงทางแน่นอน แต่ไม่ออกนอกเส้นทางมากนัก

ชายผู้นี้มีปัญหาเรื่องหมอนหนุนศรีษะ
แกคงจะชอบใช้หมอนกลมๆ(ไม่ใหญ่นัก-แข็งพอควร)หนุนนอน หรือใช้หมอนสุขภาพที่เป็นแอ่งเว้าตรงกลาง และชอบนอนหงาย

ตัวคุณเอง ให้ทดลองหนุนหมอนดังกล่าว จะแห็นว่าตัวหมอนจะหนุนตรงกระดูกคอ C4 C5 C6 C7
ลักษณะการนอน จะนอนเหมือนเงยหน้าขึ้นเล็กน้อย แรกๆที่ใช้จะรู้สึกดีคอผ่อนคลายดี
แต่นานไป ความรู้สึกผ่อนคลายจะน้อยลง รู้สึกว่าสูงอีกนิดน่าจะสบายกว่า เลยมีการหาผ้าเสริม
ในบางคน เวลาหลับอาจพลิกตัว นอนตะแคง นึกดูเอาแล้วกัน จะเกิดอะไรขึ้นกับ C4 C5 C6 C7

อาการทั้งหมดที่ชายผู้นี้เป็นเกิดจากกระดูกคอเคลื่อน(อยู่ในช่วง C4 C5 C6 C7 ประมาณ ๒-๓ ข้อ)
จัดกระดูกให้เข้าที่ เปลี่ยนหมอนหนุนนอนใหม่ก็หายแล้ว
(กดสัญญาน ๑ (๒) ที่ศีรษะด้านหลังตรงท้ายทอย และ กดฐานพับคอ พร้อมกันแล้วยก(ยืด)ศีรษะขึ้น ก็หายแล้ว)

สิ่งที่คุณรักษาไปใกล้เคียงมาก แต่คนไข้กลับไปนอนด้วยหมอน และอริยาบทเดิมๆ
แน่นอนอาการจะกลับเป็นอีกและแนวโน้มจะมากกว่าเดิมด้วย

 

อ้อ คุณ tezch

ผมตั้งใจจะนำสูตรยา พรหมภักดิ์(ประจุโลหิตสัตรี) มาลงไว้
แต่ผมหาสูตรยา ไม่เจอ ไม่รู้ไปเก็บไว้ที่ใหน
ขอแรง ช่วยหามาลงไว้เป็นวิทยาทานหน่อยครับ

 

มีผู้ถามไว้ในกระทู้อื่น เห็นน่ามีประโยชน์ จึงนำมาแปะไว้ในที่นี้ด้วย


<TABLE id=post2111879 class=tborder border=0 cellSpacing=0 cellPadding=6 width="100%" align=center><TBODY><TR><TD style="BORDER-BOTTOM: #ffffff 1px solid; BORDER-LEFT: #ffffff 1px solid; BORDER-TOP: #ffffff 1px solid; FONT-WEIGHT: normal; BORDER-RIGHT: #ffffff 0px solid" class=thead> วันนี้, 09:57 AM </TD><TD style="BORDER-BOTTOM: #ffffff 1px solid; BORDER-LEFT: #ffffff 0px solid; BORDER-TOP: #ffffff 1px solid; FONT-WEIGHT: normal; BORDER-RIGHT: #ffffff 1px solid" class=thead align=right>#1273 </TD></TR><TR vAlign=top><TD style="BORDER-BOTTOM: #ffffff 0px solid; BORDER-LEFT: #ffffff 1px solid; BORDER-TOP: #ffffff 0px solid; BORDER-RIGHT: #ffffff 1px solid" class=alt2 width=175><!-- google_ad_section_start(weight=ignore) -->suwi<!-- google_ad_section_end --><SCRIPT type=text/javascript> vbmenu_register("postmenu_2111879", true); </SCRIPT>
สมาชิก

วันที่สมัคร: Jun 2007
อายุ: 58
ข้อความ: 989
Groans: 1
Groaned at 3 Times in 3 Posts
ได้ให้อนุโมทนา: 55
ได้รับอนุโมทนา 11,144 ครั้ง ใน 996 โพส
พลังการให้คะแนน: 297





</TD><TD style="BORDER-RIGHT: #ffffff 1px solid" id=td_post_2111879 class=alt1><!-- google_ad_section_start -->อ้างอิง:
<TABLE border=0 cellSpacing=0 cellPadding=6 width="100%"><TBODY><TR><TD style="BORDER-BOTTOM: 1px inset; BORDER-LEFT: 1px inset; BORDER-TOP: 1px inset; BORDER-RIGHT: 1px inset" class=alt2>ข้อความดั้งเดิมโดยคุณ runandyaow
ตอนนี้ผมรู้สึก ปวดทรวงอกตั้งแตลิ้นปี่ขึ้นมา มันจะปวดเป็นจุดๆ ทั่วบริเวน บางทีอกซ้าย บางทีอกขวา บางทีลิ้นปี่ ปวดแบบแป๊ปๆ ทำอย่างไรดีครับ



</TD></TR></TBODY></TABLE>
บางทีให้อึดอัดในอก บางทีให้รู้สึกหายใจไม่เต็มปอด บางทีให้จุกอก
บางทีให้อ่อนเพลีย ไม่อยากทำอะไร อยากอยู่นิ่งๆ
ครั้นนานไป ขยับตัวเร็วให้รู้สึกอ่อนล้า วิงเวียนงุนงง มึนศีรษะน้อยๆ
ผู้ฝึกสมาธิ นิ่งในนิ่ง มากเกิน โดนเฉพาะก่อนนอน (ฝึกแล้วเอนตัวนอนเลย)มักเป็นเช่นนี้

อายุยังน้อย ออกำลังกาย ให้เลือดลมเดินสะดวก
ฝึกอาณาปราณสติ ประกอบการออกำลังกาย (ก็คือฝึกลมปราณนั่นแหละ-ให้โคจรรอบตัวให้ได้)
ของสุวิ ใช้ฤๅษีลีลา แก้ อาการเหล่านี้ เซอร์ทหาดู ในกูเกิล



</TD></TR></TBODY></TABLE>


อาการดังกล่าว สามารถแก้ได้ง่ายๆด้วยการนวด

ที่บริเวณ กลางหลัง บริเวณตรงกลางระหว่างกระดูกสะบัก ทั้งสองข้าง มีกระดูกสันหลัง อยู่ตรงกลาง

ตรงข้างกระดูกสันหลังกลางสะบัก มีจุดอยู่ ด้านละ สามจุด เรียงจากบนลงล่าง(สองด้านมี หกจุด)
จุดที่ ๒ จะอยู่ตรงกลางสะบักพอดี (ขึ้นไปมี ๑ จุด ลงมามี ๑ จุด)

จุดทั้งสาม เรียก ตรีปฤษฎางค์
การนวดจะกดแล้วผลักไปในทิศทาง จากกระดูกสันหลังออกไปทางด้านข้าง(ด้านสะบัก) ทำทั้งสามจุด จุดละ ๓-๕ ครั้ง
ทำทั้งสองด้านซ้าย-ขวา
เพียงเท่านี้ อาการดังที่กล่าวไว้ จะดีขึ้น มากกว่า ๗๐%
ทำสัก สองสามครั้ง (ทำบ่อยๆ) อาการต่างๆก็จะหายไป

 

สูตรยาพรหมภักดฺิ์ผมลองหาคัมภีร์มหาโชติรัตน์จากเเพทย์ศาสตร์สงเคราะห์เเล้ว
ไม่เจอยาพรหมภักดิ์ครับ มีชื่อพรหมภักดิ์อยู่ในคัมภีร์เเต่ไม่มีสูตรไว้ให้

ชีทที่ผมมีอยู่ก็เขียนเพียงว่า
ลูกจันทน์ ดอกจันทน์ มหาหิงค์ เเละอื่นๆ
จะไปถามผู้รู้มาให้ครับอาจารย์

 

`ยาพรหมพักตร์
ตัวยา
1 ผลจันทน์ ๑ ส่วน
2 ดอกจันทน์ ๑ ส่วน
3 มหาหิงค์ ๔ ส่วน
4 ยางสลัดได ๔ ส่วน
5 การบูร ๔ ส่วน
6 พริกหอม ๕ ส่วน
วิธีทำ
บดเป็นผงละเอียด
เอาเปลือกมะรุมต้มเป็นกระสายยา
ชงกินกับน้ำเปลือกมะรุม
สรรพคุณ ขับโลหิตเน่าร้าย

มีอีกขนานชื่อ พรหมพักตร์กลาง

สรรพคุณ ถ่ายเสมหะ ลม
ล้างเลือดเน่าล้างพิษในไขข้อ เเก้ธาตุดินพิการ ทานยานี้ก่อนทานยาเเก้ไขข้อ
ตัวยา
๑ ลูกจันทน์ ๑ ส่วน
๒ ดอกจันทน์ ๑ ส่วน
๓ กระวาน ๑ ส่วน
๔ ดีปลี ๑ ส่วน
๕ มหาหิงค์ ๔ ส่วน
๖ การบูร ๔ ส่วน
๗ พริกไทยล่อน ๔ ส่วน
๘ ยาดำ ๑๒ ส่วน
๙ รงทองปิ้งไฟ ๑๒ ส่วน

ใช้สุรากินเป็นน้ำกระสาย
วันละ ๑ เวลาก่อนนอน
มาจาก คัมภีร์ ธาตุวิภังค์ หน้า ๓๔๑ (ปถวีธาตุพิการ)

 

จุดตรีปฤษฎางค์
พิกัดเเรกอยู่ชิดกระดูกสันหลังตำเเหน่งกลางสะบักเเนวอิทาเเละปิงคลา
พิกัดสองอยู่ชิดกระดูกสันหลังตำเเหน่งมุมสะบักด้านบนเเนวอิทาเเละปิงคลา
พิกัดสามอยู่ชิดกระดูกสันหลังตำเเหน่งมุมสะบักด้านล่างเเนวอิทาเเละปิงคลา
ถูกไหมครับ
อาจารย์พอทราบประวัติไหมครับว่าเป็นมายังไง อยากรู้ครับ
ประโยชน์ของการเเก้อาการของหกจุดนี้คืออะไรครับอาจารย์

ขอบคุณครับ

 

<TABLE class=tborder id=post2111933 cellSpacing=0 cellPadding=6 width="100%" align=center border=0><TBODY><TR vAlign=top><TD class=alt2 style="BORDER-RIGHT: 1px solid; BORDER-TOP: 0px; BORDER-LEFT: 1px solid; BORDER-BOTTOM: 0px" width=175>suwi<!-- google_ad_section_end --><SCRIPT type=text/javascript> vbmenu_register("postmenu_2111933", true); </SCRIPT>
สมาชิก

วันที่สมัคร: Jun 2007
อายุ: 58
ข้อความ: 990
Groans: 1
Groaned at 3 Times in 3 Posts
ได้ให้อนุโมทนา: 55
ได้รับอนุโมทนา 11,149 ครั้ง ใน 997 โพส
พลังการให้คะแนน: 298



</TD><TD class=alt1 id=td_post_2111933 style="BORDER-RIGHT: rgb(255,255,255) 1px solid"><!-- google_ad_section_start -->มีผู้ถามไว้ในกระทู้อื่น เห็นน่ามีประโยชน์ จึงนำมาแปะไว้ในที่นี้ด้วย


<TABLE class=tborder id=post2111879 cellSpacing=0 cellPadding=6 width="100%" align=center border=0><TBODY><TR><TD class=thead style="BORDER-RIGHT: rgb(255,255,255) 0px solid; BORDER-TOP: rgb(255,255,255) 1px solid; FONT-WEIGHT: normal; BORDER-LEFT: rgb(255,255,255) 1px solid; BORDER-BOTTOM: rgb(255,255,255) 1px solid"> วันนี้, 09:57 AM </TD><TD class=thead style="BORDER-RIGHT: rgb(255,255,255) 1px solid; BORDER-TOP: rgb(255,255,255) 1px solid; FONT-WEIGHT: normal; BORDER-LEFT: rgb(255,255,255) 0px solid; BORDER-BOTTOM: rgb(255,255,255) 1px solid" align=right>#1273 </TD></TR><TR vAlign=top><TD class=alt2 style="BORDER-RIGHT: rgb(255,255,255) 1px solid; BORDER-TOP: rgb(255,255,255) 0px solid; BORDER-LEFT: rgb(255,255,255) 1px solid; BORDER-BOTTOM: rgb(255,255,255) 0px solid" width=175><!-- google_ad_section_start(weight=ignore) -->suwi<!-- google_ad_section_end --><SCRIPT type=text/javascript> vbmenu_register("postmenu_2111879", true); </SCRIPT>
สมาชิก

วันที่สมัคร: Jun 2007
อายุ: 58
ข้อความ: 989
Groans: 1
Groaned at 3 Times in 3 Posts
ได้ให้อนุโมทนา: 55
ได้รับอนุโมทนา 11,144 ครั้ง ใน 996 โพส
พลังการให้คะแนน: 297






</TD><TD class=alt1 id=td_post_2111879 style="BORDER-RIGHT: rgb(255,255,255) 1px solid"><!-- google_ad_section_start -->อ้างอิง:
<TABLE cellSpacing=0 cellPadding=6 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD class=alt2 style="BORDER-RIGHT: 1px inset; BORDER-TOP: 1px inset; BORDER-LEFT: 1px inset; BORDER-BOTTOM: 1px inset">ข้อความดั้งเดิมโดยคุณ runandyaow
ตอนนี้ผมรู้สึก ปวดทรวงอกตั้งแตลิ้นปี่ขึ้นมา มันจะปวดเป็นจุดๆ ทั่วบริเวน บางทีอกซ้าย บางทีอกขวา บางทีลิ้นปี่ ปวดแบบแป๊ปๆ ทำอย่างไรดีครับ




</TD></TR></TBODY></TABLE>
บางทีให้อึดอัดในอก บางทีให้รู้สึกหายใจไม่เต็มปอด บางทีให้จุกอก
บางทีให้อ่อนเพลีย ไม่อยากทำอะไร อยากอยู่นิ่งๆ
ครั้นนานไป ขยับตัวเร็วให้รู้สึกอ่อนล้า วิงเวียนงุนงง มึนศีรษะน้อยๆ
ผู้ฝึกสมาธิ นิ่งในนิ่ง มากเกิน โดนเฉพาะก่อนนอน (ฝึกแล้วเอนตัวนอนเลย)มักเป็นเช่นนี้

อายุยังน้อย ออกำลังกาย ให้เลือดลมเดินสะดวก
ฝึกอาณาปราณสติ ประกอบการออกำลังกาย (ก็คือฝึกลมปราณนั่นแหละ-ให้โคจรรอบตัวให้ได้)
ของสุวิ ใช้ฤๅษีลีลา แก้ อาการเหล่านี้ เซอร์ทหาดู ในกูเกิล




</TD></TR></TBODY></TABLE>


อาการดังกล่าว สามารถแก้ได้ง่ายๆด้วยการนวด

ที่บริเวณ กลางหลัง บริเวณตรงกลางระหว่างกระดูกสะบัก ทั้งสองข้าง มีกระดูกสันหลัง อยู่ตรงกลาง

ตรงข้างกระดูกสันหลังกลางสะบัก มีจุดอยู่ ด้านละ สามจุด เรียงจากบนลงล่าง(สองด้านมี หกจุด)
จุดที่ ๒ จะอยู่ตรงกลางสะบักพอดี (ขึ้นไปมี ๑ จุด ลงมามี ๑ จุด)

จุดทั้งสาม เรียก ตรีปฤษฎางค์
การนวดจะกดแล้วผลักไปในทิศทาง จากกระดูกสันหลังออกไปทางด้านข้าง(ด้านสะบัก) ทำทั้งสามจุด จุดละ ๓-๕ ครั้ง
ทำทั้งสองด้านซ้าย-ขวา
เพียงเท่านี้ อาการดังที่กล่าวไว้ จะดีขึ้น มากกว่า ๗๐%
ทำสัก สองสามครั้ง (ทำบ่อยๆ) อาการต่างๆก็จะหายไป

</TD></TR></TBODY></TABLE>
ดัดตนที่อาจารย์ว่าคล้าย 4 ท่านี้หรือไม่ครับ
ขอบคุณครับ
ฤาษีลีลาของไทยมี 14 ท่า ที่อาจารย์ให้มา เป็นของไทย ที่เหลือได้รับอิทธิพลมาใช่ไหมครับ หรือว่าท่าคล้ายโยคะของอินเดีย
อยากรู้ครับ

 

อาจารย์ครับ ผมมีโรคกรรม 2 โรคครับ

1. ปวดท้ายทอย ถ้าอยู่เฉยๆ มันจะตึงๆมึนๆ หากเพ่งมาก หรือมีสมาธิมาก มันจะปี๊ดและร้อนและหนักมาก ฝึกสมาธิลำบากมากๆครับ [เป็นแบบนี้ตั้งแต่เปิดจักระ]

2. หายใจออกข้างเดียว บางทีมันก็ให้หายใจทางขวา บางทีมันก็ให้หายใจทางซ้าย เวลาหายใจรู้สึกเข้าปอดข้างเดียวด้วย คนเขาทักว่าจมูกผมช้ำใน หมอปัจจุบันทักว่าเป็นภูมิแพ้ข้างในบวมช้ำ [คล้ายๆกันแหละครับ]

ที่บอกเป็นโรคกรรมเพราะกินยาหมอปัจจุบันมันก็เอาไม่อยู่ครับ ฝึกพลัง ออกกำลังกายก็เอาออกไม่หมด ขอบพระคุณครับ

ปล.แถมให้อีกโรคครับ โรคอ้วนและระบบเผาผลาญไม่ดีต้องทำอย่างไรถึงจะเอามันอยู่หมัดครับ [ตัวนี้ไม่ใช่โรคกรรมนะครับ เป็นโรค"เวรกรรม"ของผมฮ่าๆๆๆ]

 

ตำแหน่งที่คุณกล่าว

ถูกต้องนาคร๊าบบบบบ

แก้อาการอะไรได้บ้าง
ตามนี้เลยนะก๊าบ

ปวดขัด ทรวงอกตั้งแตลิ้นปี่ขึ้นมา มันจะปวดเป็นจุดๆ ทั่วบริเวน บางทีอกซ้าย บางทีอกขวา บางทีลิ้นปี่ ปวดแบบแป๊ปๆ
บางทีให้อึดอัดในอก บางทีให้รู้สึกหายใจไม่เต็มปอด บางทีให้จุกอก
บางทีให้อ่อนเพลีย ไม่อยากทำอะไร อยากอยู่นิ่งๆ
ครั้นนานไปให้ ไม่อยากหายใจ (กระบังลมขี้เกียจขยับตัว เอาซะดื้อๆ)
ขยับตัว ให้รู้สึกอ่อนล้า วิงเวียนงุนงง มึนศีรษะน้อยๆ

ประวัติความเป็นมา
ไม่รู้ที่ไปที่มาแฮะ เห็นครูบาอาจารย์เรียกกันอย่างนี้

 

ฤๅษีลีลาของสุวิเป็นท่าต่อเนื่อง คล้ายๆคนจีนฝึก รำมวยจีน
ท่าฤๅษีแต่ละท่าจะต่อเนื่องกันไม่ขาดตอน จ้า

 

จากที่ถามมาทั้งสองคำถาม เป็นเรื่องที่เกี่ยวเนื่องกัน
ตอบข้อ ๑.
เมื่อเวลาเพ่งไปที่หน้าผาก ทิศทางของพลังจะขึ้นมาจากลำตัวผ่านกระดูกสันหลัง ไปที่ท้ายทอยแล้วไปที่กลางหน้าผาก
แต่เราไปหยุดที่หน้าผาก พลังจึงสะสมที่หน้าผากแล้วล้นทะลักมาที่ด้านหลังท้ายทอยนี้
จุดนี้โบราณเรียก กำด้น
หากพลังมาออกันที่จุดนี้มาก จนบล๊อก ทางเดินเลือดลมจากกระดูกสันหลังกับศีรษะละก็
อาการปวดหัว หงุดหงิด จะค่อยๆสะสมมากขึ้นๆ จนปวดวินาศสันตะโร
อาการดังกล่าวมีชื่อเรียกเฉพาะตัว เรียกว่ากำเดากำเริบ
มีอาการปวดหัว ตาแดง ฯลฯ
วิธีแก้ง่ายๆ
หยุดการเพ่งหน้าผาก หายาแก้กำเดากำเริบมากิน เช่น ยาเขียว ผลาธิกะ
(เลี่ยงยาที่เข้าพริกไทย เพราะจะทำให้อาการนี้เพิ่มขึ้น)

แต่คำแนะนำนี้คงไม่ถูกโฉลกไม่ถูกใจแน่ๆ เพราะผู้ถามพยายามฝึกสมาธิเพื่อเปิดตาที่สาม
เพ่งแล้วเพ่งอีก ไม่ได้เรื่องเลย ซ้ำมีอาการกำเดากำเริบเป็นของแถม
จะให้หยุดง่ายๆๆด้ไง การฝึกก็ไม่ก้าวหน้าซิ

ให้พิจารณาสิ่งที่กล่าวนี้
เวลาเรามองสิ่งใด จะมีผู้มอง ผู้ถูกมอง และทิศทางผ่านของการมอง(สิ่งที่ใช้ในการมอง)
ผู้มองคือจิต อยู่ที่ตำแหน่งลึกเข้าไปในหน้าผาก
ทิศทางการมอง จะมองผ่านหน้าผากออกมา ไปที่เป้าหมายการมอง
นี่จึงครบองประชุมของการมอง มีผู้มอง ผู้ถูกมอง และสิ่งที่ใช้มอง

ที่คุณฝึกมันไม่ครบองค์ประชุม

คำตอบที่ ๒
คุณคงทีปัญหาโรคสะสมที่โพรงจมูก
พลังที่ฝึก ไปออสะสมกันที่หน้าผากเลยมาคลุมที่จมูกด้วย
พลังจึงชะล้างรักษาโรคให้คุณ ทำให้มีอาการที่จมูก
ทนไปซักพัก อาการจะค่อยๆดีขึ้น

เราอาจเร่งความเร็วในการรักษาได้ โดยกำหนดพลังเข้าไปที่ไซนัสโดยตรง และให้พลัง มีการหมุนเวียนถ่ายเท ตลอดเวลา
อาจใช้มือเป็นทางผ่านก็ได้ ไม่ใช้มือก็ได้ ทำตามความถนัด

ส่วนโรคอ้วน ต้องใช้ ผลาธิกะ+กระชายทองของหมอสุวิซิ

 

อาจารย์ suwi ตอบตรงประเด็นมากๆ!

อ่าว เป็นเพราะผมฝึกเพ่งตาสามหรือนี่ นี่อุตส่าห์เลิกไปนานแล้วนะครับ

1. ถ้าอย่างนี้ผมเลิกอะไรก็ตามที่เกี่ยวกับตาสามผมไปก่อน แล้วศึกษาเตรียมตัวฝึกพลังสมาธิหมุนดีกว่าไหมครับ เพราะไม่ต้องเพ่ง เป็นฝึกปราณยามภายใน

เพราะทั้งนี้ ยังไงต่อไปนี้ผมก็เพ่งอะไรก็ไม่รุ่งอยู่แล้ว ผมเปลี่ยนเป็นเดินพลังสมาธิหมุนในตัวท่าจะดีกว่า ไม่ปวดท้ายทอยด้วย ถ้าทำแบบนี้จะดีกว่าหรือไม่ครับ ?

2. ยาผลาธิกะ ผมไม่รู้จักนะ แต่ยาเขียวใช่ยาสมัยก่อน ตอนอยู่บ้านนอก แล้วไม่สบาย ก็ซื้อยาเขียวมากินแก้ปวด ลดใข้ ใช่แบบนั้นหรือป่าวครับ ?
(นี่รูปยาเขียวตราใบโพธิ์ สมัยนี้ทำกันเป็นแบบกล่องสวยงามเลย คลิกที่นี่เพื่อดูรูป รบกวนช่วยตรวจสอบให้ทีครับว่าใช่หรือไม่)

3. จมูกถ้าผมไม่อัดพลังเข้าไป มันจะค่อยๆหายไหมครับ ผมไม่อยากอัดพลังให้จมูกแล้ว กลัวจะทับของเก่าอีก จากดีจะเป็นร้าย ไม่สบายใจ

4.ขอบพระคุณ อาจารย์ suwi มากครับ คำตอบคลายปมปัญหา สบายใจโลดจริงๆ พระอวยพรครับ อาแมน

ปล. พรุ่งนี้จะไปหนองคายแล้ว แต่เดี๋ยวจะพยายามหา ร้านอินเตอร์มา reply คำตอบอาจารย์นะครับ

 

ตอบ ๑.
เคยได้ยินคำว่า "หนีเสือปะจรเข้" หรือไม่

การฝึกสมาธิโดยการเพ่งไปที่หน้าผาก
หรือการกำหนดจิตเพื่อหมุน มันก็คือๆกัน
มันต้องมีการกำหนดจิต

เดิมเพ่งที่หน้าผาก จนกำด้นติดขัด เกิดอาการกำเดากำเริบ มึนที่ท้ายทอย
นั่นแสดงว่าเลือดลมที่ไปเลี้ยงสมองติดขัด เลือดลมไปเลี้ยงสมองและอวัยะวะเกี่ยวกับการทรงตัวที่ข้างหูไม่ค่อยจะพออยู่แล้ว
เมื่อฝึกสมาธิหมุน กำหนดจุดกระทบตั้งแต่สองจุดขึ้นไป จะเกิดอาการรู้สึกหมุนขึ้น
อาการนี้จะเข้าไปเกี่ยวข้องกับอวัยะวะทรงตัวที่หู ทำให้รูสึกหมุนมากขึ้น
ตอนนี้แหละจะรู้ว่านรกสวรรค์มีจริง ได้อวกแตกกันบ้างละ

แต่ถ้าทรงอารมณ์เป็น ผู้สอนค่อยๆเพิ่มการฝึกทีละขั้นไม่โดดข้ามรายละเอียดปลีกย่อย
อาการที่กล่าวก็คงผ่านไปด้วยดี

อย่างไรก็ดีทั้งสองแบบ ต่างมีประโยชน์ด้วยกันทั้งสิ้น ถ้าใช้เป็นฝึกเป็น
และจะเกิดโทษ ถ้าฝึกแบบไม่รู้จริง

ตอบ ๒.
ยาเขียวที่เอามาให้ดู พอใช้ได้อยู่ แต่ต้องกินมากหน่อย (โอเวอร์โดสสักเท่าตัวนะ)

ตอบ ๓.
รู้สึกอะไรดี ก็ทำตามนั้นนะ

ตอบ ๔.
ขอบคุณหลายๆเด้อ

 

อาจารย์ตอบไวดีจริง นี่ก็ สองทุ่มแล้ว เดี๋ยวผมเตรียมพักผ่อนดีกว่า พรุ่งนี้เดี๋ยวไปหนองคาย จะกลายเป็นผีดิบกันซะก่อน

อาจารย์เหมือนรู้เลยว่า ต้องกำหนดจิตสองจุด คือที่หู และ ที่ใจ หมุนเหวี่ยงไปมา แต่ทีนี้ดีที่ว่าผมกำลังติดต่อครูสมาธิให้เดินทางมาสอนให้ครับ เดี๋ยวจะบอกแกก่อนฝึกว่า ตอนนี้พลังตันอยู่ที่ท้ายทอย

ขอบพระคุณมากครับอาจารย์

 

ความจริงนะ กำหนดสามจุด จะทำได้ง่ายกว่า
กำหนดจุดปลายสุดโต่งทั้งสองด้าน (เป็นสองจุด-)
และกำหนดจุดศูนย์กลางระหว่างสุดปลายสุดที้งสองด้าน(เพิ่มอีกจุด)
กำหนดจิตเฝ้ารู้อยู่ตรงกลาง แล้วขยายวงรู้ออกไปกระทบปลายสุดโต่งทีละด้านกลับไปมาอย่างเป็นจังหวะ เร็ว

นี่คือกำหนดรู้ทางสายกลางของพุทธองค์
ซึ่งดัดแปลงใช้ได้มากมายในทุกเรื่อง
ทั้งการวิปัสสนาและการฝึกพลัง

 

โห ไปฝึกไกลจังเลย ตัวกลมไม่ไปหาไกลหรอกค่ะ เพราะ.....
หมอยา...........>>> หมอสุวิ
อาจารย์สมาธิ......>>> อาจารย์สุวิ
เลยตอบปัญหาสารพัดโรคได้ไงคะ

 

<TABLE class=tborder id=post2131602 cellSpacing=0 cellPadding=6 width="100%" align=center border=0><TBODY><TR vAlign=top><TD class=alt2 style="BORDER-RIGHT: #ffffff 1px solid; BORDER-TOP: #ffffff 0px solid; BORDER-LEFT: #ffffff 1px solid; BORDER-BOTTOM: #ffffff 0px solid" width=175><!-- google_ad_section_start(weight=ignore) -->suwi<!-- google_ad_section_end --><SCRIPT type=text/javascript> vbmenu_register("postmenu_2131602", true); </SCRIPT>
สมาชิก

วันที่สมัคร: Jun 2007
อายุ: 58
ข้อความ: 996
Groans: 1
Groaned at 3 Times in 3 Posts
ได้ให้อนุโมทนา: 55
ได้รับอนุโมทนา 11,196 ครั้ง ใน 1,006 โพส
พลังการให้คะแนน: 299



</TD><TD class=alt1 id=td_post_2131602 style="BORDER-RIGHT: #ffffff 1px solid"><!-- google_ad_section_start -->อ้างอิง:
<TABLE cellSpacing=0 cellPadding=6 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD class=alt2 style="BORDER-RIGHT: 1px inset; BORDER-TOP: 1px inset; BORDER-LEFT: 1px inset; BORDER-BOTTOM: 1px inset">ข้อความดั้งเดิมโดยคุณ Sinderking
อาจารย์ครับ ผมมีโรคกรรม 2 โรคครับ

1. ปวดท้ายทอย ถ้าอยู่เฉยๆ มันจะตึงๆมึนๆ หากเพ่งมาก หรือมีสมาธิมาก มันจะปี๊ดและร้อนและหนักมาก ฝึกสมาธิลำบากมากๆครับ [เป็นแบบนี้ตั้งแต่เปิดจักระ]

2. หายใจออกข้างเดียว บางทีมันก็ให้หายใจทางขวา บางทีมันก็ให้หายใจทางซ้าย เวลาหายใจรู้สึกเข้าปอดข้างเดียวด้วย คนเขาทักว่าจมูกผมช้ำใน หมอปัจจุบันทักว่าเป็นภูมิแพ้ข้างในบวมช้ำ [คล้ายๆกันแหละครับ]

ที่บอกเป็นโรคกรรมเพราะกินยาหมอปัจจุบันมันก็เอาไม่อยู่ครับ ฝึกพลัง ออกกำลังกายก็เอาออกไม่หมด ขอบพระคุณครับ

ปล.แถมให้อีกโรคครับ โรคอ้วนและระบบเผาผลาญไม่ดีต้องทำอย่างไรถึงจะเอามันอยู่หมัดครับ [ตัวนี้ไม่ใช่โรคกรรมนะครับ เป็นโรค"เวรกรรม"ของผมฮ่าๆๆๆ]

</TD></TR></TBODY></TABLE>
จากที่ถามมาทั้งสองคำถาม เป็นเรื่องที่เกี่ยวเนื่องกัน
ตอบข้อ ๑.
เมื่อเวลาเพ่งไปที่หน้าผาก ทิศทางของพลังจะขึ้นมาจากลำตัวผ่านกระดูกสันหลัง ไปที่ท้ายทอยแล้วไปที่กลางหน้าผาก
แต่เราไปหยุดที่หน้าผาก พลังจึงสะสมที่หน้าผากแล้วล้นทะลักมาที่ด้านหลังท้ายทอยนี้
จุดนี้โบราณเรียก กำด้น
หากพลังมาออกันที่จุดนี้มาก จนบล๊อก ทางเดินเลือดลมจากกระดูกสันหลังกับศีรษะละก็
อาการปวดหัว หงุดหงิด จะค่อยๆสะสมมากขึ้นๆ จนปวดวินาศสันตะโร
อาการดังกล่าวมีชื่อเรียกเฉพาะตัว เรียกว่ากำเดากำเริบ
มีอาการปวดหัว ตาแดง ฯลฯ
วิธีแก้ง่ายๆ
หยุดการเพ่งหน้าผาก หายาแก้กำเดากำเริบมากิน เช่น ยาเขียว ผลาธิกะ
(เลี่ยงยาที่เข้าพริกไทย เพราะจะทำให้อาการนี้เพิ่มขึ้น)

แต่คำแนะนำนี้คงไม่ถูกโฉลกไม่ถูกใจแน่ๆ เพราะผู้ถามพยายามฝึกสมาธิเพื่อเปิดตาที่สาม
เพ่งแล้วเพ่งอีก ไม่ได้เรื่องเลย ซ้ำมีอาการกำเดากำเริบเป็นของแถม
จะให้หยุดง่ายๆๆด้ไง การฝึกก็ไม่ก้าวหน้าซิ

ให้พิจารณาสิ่งที่กล่าวนี้
เวลาเรามองสิ่งใด จะมีผู้มอง ผู้ถูกมอง และทิศทางผ่านของการมอง(สิ่งที่ใช้ในการมอง)
ผู้มองคือจิต อยู่ที่ตำแหน่งลึกเข้าไปในหน้าผาก
ทิศทางการมอง จะมองผ่านหน้าผากออกมา ไปที่เป้าหมายการมอง
นี่จึงครบองประชุมของการมอง มีผู้มอง ผู้ถูกมอง และสิ่งที่ใช้มอง

ที่คุณฝึกมันไม่ครบองค์ประชุม

คำตอบที่ ๒
คุณคงทีปัญหาโรคสะสมที่โพรงจมูก
พลังที่ฝึก ไปออสะสมกันที่หน้าผากเลยมาคลุมที่จมูกด้วย
พลังจึงชะล้างรักษาโรคให้คุณ ทำให้มีอาการที่จมูก
ทนไปซักพัก อาการจะค่อยๆดีขึ้น

เราอาจเร่งความเร็วในการรักษาได้ โดยกำหนดพลังเข้าไปที่ไซนัสโดยตรง และให้พลัง มีการหมุนเวียนถ่ายเท ตลอดเวลา
อาจใช้มือเป็นทางผ่านก็ได้ ไม่ใช้มือก็ได้ ทำตามความถนัด

ส่วนโรคอ้วน ต้องใช้ ผลาธิกะ+กระชายทองของหมอสุวิซิ<!-- google_ad_section_end -->

</TD></TR></TBODY></TABLE>

จากข้อ 1 เราเเก้โดยการกดอิทา ปิงคลาที่เเนวกำด้นจะสามารถเเก้อาการดังกล่าวได้ไหมครับ
จากข้อ 2 เรากดจุดอุนาโลมเเละอิทา ปิงคลาที่จมูก พลังที่สะสมรวมตัวกันอยู่จะกระจายตัวไหมครับ
ผมสันนิษฐานว่าเกิดจากพลังของเส้นอิทาเเละปิงคลาอุดตันทั้งสองข้อเเต่คนละที่
ไม่รู้จะถูกป่าวครับเเนะนำหน่อยอาจารย์

 

อาจารย์,,,,,,,,
อยากเรียนฤาษีลีลาคร้าบบบบบบบบ

 

โอ๊ยคุณตัวกลมเข้าใจผิดแล้วครับ = =; ผมไปทำธุระหนองคาย ไม่ใช่ไปหาครูนั่งสมาธิที่หนองคายครับ ^^" (เมืองลาวมีที่น่าเที่ยวเยอะนะครับ ว่างๆลองไปกันดู เมืองเงียบสงบมากทั้งฝั่งเมืองลาว และเมืองไทยริมโขง)

ปล. พอดีเปิดคอมก่อน ตอนนี้ใกล้ 8 โมงแล้ว ต้องไปแล้ว พระคุ้มครองพี่น้องชาวพลังจิตครับ อาแมน