ประเทศไทยจะเกิดอุบัติภัยอย่างที่ทำนายกันจริงๆหรือไม่

ในห้อง 'ภัยพิบัติและการเตรียมการ' ตั้งกระทู้โดย koymoo, 25 มกราคม 2005.

  1. เกษม

    เกษม ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนพิเศษ สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 พฤศจิกายน 2004
    โพสต์:
    24,696
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +77,192
    ลองเอามาให้ดูกัน คิดอย่างไร??
    โดยคุณ 108 man

    <!-- / icon and title --><!-- message -->กก.จัดสร้างระบบเตือนภัย ห่วงแผ่นดินไหวกระทบน้ำในเขื่อนทะลัก

    โดย ผู้จัดการออนไลน์ 2 กุมภาพันธ์ 2548 17:05 น.


    [​IMG]

    [​IMG]


    นายสมิทธ ธรรมสโรช ประธานคณะกรรมการศึกษาจัดสร้างระบบเตือนภัยล่วงหน้า กล่าวว่าจากกรณีแผ่นดินไหวบนเกาะสุมาตราที่ผ่านมา ได้ส่งผลกระทบให้รอยเลื่อนคลองมะรุม และรอยเลื่อนระนองที่พาดผ่านเกาะภูเก็ต มีการเคลื่อนตัว และรอยเลื่อนที่อำเภอศรีสวัสดิ์ จังหวัดกาญจนบุรีด้วย ซึ่งหากทั้ง 3 จุดนี้เกิดแผ่นดินไหวก็จะส่งผลกระทบอย่างรุนแรงต่อเกาะภูเก็ต เขื่อนศรีนครินทร์และเขื่อนเขาแหลม จังหวัดกาญจนบุรี โดยทาง กฟผ.ได้ออกมายอมรับก่อนหน้านี้แล้วว่า ถ้าเกิดแผ่นดินไหวจริงๆ จะทำให้น้ำทั้ง 2 เขื่อน ไหลทะลักเข้าสู่พื้นที่โดยรอบภายในเวลา 2 ชั่วโมง ซึ่งคณะกรรมการมีความเป็นห่วงในจุดนี้ และกำลังติดตามสถานการณ์อย่างใกล้ชิด แต่ถ้าหากศูนย์เตือนภัยแห่งชาติที่จัดสร้างขึ้นที่ศูนย์สื่อสารพลเรือน ถนนรัตนาธิเบศร์ ดำเนินการเสร็จสิ้นภายในเดือน มี.ค.นี้ ก็คงจะสามารถเตือนภัยล่วงหน้าในจุดนี้ได้ และจะสามารถแจ้งเตือนไปยังประชาชนผ่านสื่อต่างๆ หอเตือนภัยตามสถานที่ท่องเที่ยวต่างๆ ได้ภายในเวลา 3 นาที

    จบ
    ----------------------------------

    ที่ผมเคยละไว้ก็คือ ตามข้างบน แต่ที่อาจารย์บอก จะส่งผลถึงกรุงเทพ ฯ อย่างมาก
    เพราะสาเหตุว่า กรุงเทพ ทั้งต่ำและ ใต้ดินก็เป็นโพรง ถ้าน้ำมาก็จะท่วมและดิน
    จะทรุด ท่านบอกว่า ถ้ามีฝนตกหนักติดต่อกัน เกิน 3 วัน ก็ให้คอยฟังข่าวเรื่องเขื่อน
    ที่เมืองกาญจน์ ถ้ารู้ข่าวก็ให้ไปที่ สระบุรี หรือ โคราช ก่อน ที่จะไปที่อื่น
    นี่คือคร่าว ๆ ช่วงหลังเลือกตั้ง
    แต่ทุกสิ่งทุกอย่างมันเลื่อนได้นะครับ ไม่ใช่ว่าไม่เกิดตามเวลาที่กำหนดแล้วจะไม่เกิด
    ไม่ใช่ว่าผมอยาก Post แต่มีบางท่านว่า " ไม่เชื่อหรอก เกิดเหตุแล้วก็ค่อยมาบอก "

    นี่แค่เหตุการณ์ กาญจนบุรี ยังไม่นับที่จะเกิดที่ภาคเหนืออีก
    " แต่ที่ปลอดภัยกลับเป็นอีสาน "

    เอาแค่นี้ก่อน แล้วกัน

    http://www.palungjit.org/board/showt...8189#post38189

    ตอนนี้ ผมอยากให้แต่ละเขต เอาในกรุงเทพก่อน จัดทำสถานที่บรรเทาภัย เป็นจุดไว้ ดังนี้ ครับ สูงประมาณชั้นที่ 3 และเป็นอาคารแข็งแรงมาก ๆ แต่ต้องกว้างเป็นพิเศษ เหมือนสนามบอลลอยฟ้า อย่างนั้น โดยมีอาหารที่เก็บไว้เลี้ยงคนได้ประมาณ 15 วัน มีเทียนไขเครื่องปั่นไฟเตรียมไว้ สำหรับ 15 วัน ถึง 1 เดือน และสิ่งจำเป็นอื่น ๆ คือทำเป็นศูนย์ บรรเทาที่พร้อมตลอด 24 ชั่วโมง มีการกำหนดผู้มีอำนาจสั่งการเด็จขาดแยกจากการเมืองโดยเด็ดขาด และมีกฏหมายรองรับชัดเจนและให้ความรู้ที่จำเป็นแก่ประชาชน ต้องมอบหมายผู้ที่อยู่ใกล้ศูนย์มากที่สุดและเป็นผู้นำ ได้ทั้งทางปกครองและป้องกันภัยจากผู้ร้าย และจัดทำการประชาสัมพันธ์ และ ทดสอบทดลอง อาจจะดับไฟฟ้า ลอง สัก 48 ชั่วโมงดูว่า จะอยู่กันอย่างไรวุ่นวายแค่ไหน พอทำได้แล้ว ก็จะได้ทำโมเดลไปใช้ในที่อื่น ๆ ต่อไป

    ที่อยากให้ทำอย่างนี้ไม่ใช้ว่าจะเกิดภัยภิบัติใด ๆ แต่เราไม่เคยมีมาก่อนเลย ลองคิดถึงน้ำท่วมที่นิวออลีนที่แล้วจะเข้าใจ ขนาดประเทศที่พร้อม ยังช่วยตัวเองไม่ได้เลย ลองทำสักที่ดูน่าจะเป็นผลงานที่ดี ผมว่าถ้ารัฐบาลไม่ทำ ผู้ว่าราชการกรุงเทพ น่าจะเป็นผู้เริ่มก็ได้ จะให้ผมไปช่วยก็ยินดี

    ถ้าถามตอนนี้ผมเตรียมตัวอย่างไร อย่างนี้ครับ ตั้งแต่ กลางเดือน เมษายน 2549 นี้ เป็นต้นไป จนถึง ปี 2550 ต้องทำการเตรียมอาหารแห้งหรืออาหารที่เก็บได้นานไว้บนที่สูง ของชั้น 2 ของบ้าน ของมีค่า ให้เตรียมหาที่เก็บที่มิดชิดรอว้นกลับมา เทียนไขนี่ผมว่าจำเป็นต้องมีเยอะ ๆ เสื้อกันฝน และ เสื้อผ้าที่แห้งได้เร็วและของจำเป้นที่จะอยู่ได้ 15 - 30 วัน โดยไม่มีไฟฟ้าใช้นะครับ และต้องพร้อมเดินทาง ใน 48 ชั่วโมงทอง

    ถามว่าเตรียมทำไม ก็กันไว้ก่อน ผมอยู่กรุงเทพ ครับไม่น่าเตรียมใช่มั้ย จริง ๆ ใช่ แต่ที่คุณคิดกันไม่ถึงกรุงเทพ ก็มีทะเลครับ ผมไม่อยากให้เกิดหรอกครับ เวลาเกิด ผมต้อง พา พ่อแม่ ลูกอ่อน 2 คน เมีย หมา ไปด้วย คงลำบากน่าดู จึงอยากให้ มีที่หลบภัยใกล้บ้านได้จะดีกว่า แต่ไม่ต้องกังวลไม่ว่าจะมีอะไร เกิดขึ้น ในตอนนี้ไม่ว่าจะร้ายแรงแค่ไหน ก็จะกลับมาเหมือนเดิม เพราะเป็นแค่ ชั่วคราว เพื่อให้คนทั้งหมดหันเข้าหาความจริง่ของชิวิด ยืนยันว่าจะกลับมาเหมือนเดิม ไม่ใช่การล่มสลาย หรอกครับ แต่ก็ต้องมีคนตายคนเป็นบ้า ก็เพียงแต่ว่าถ้าเราพร้อมก็คงไม่เป็นเรา .... ปฏิบัติธรรมช่วยได้.... ครับ -ขอให้โชคดี

    ที่มาhttp://www.palungjit.org/board/showthread.php?t=32899&page=2<!-- / message --><!-- sig -->

    จริง ๆ ผมว่าควรจะทำการแก้ไขโดยการป้องกันตามที่ ผมได้เคยเสนอไว้ สังเกตุได้ว่าความเดือดร้อนมาจาก เมื่อเกิดภัยขึ้น ต่างคน ต่างไม่รู้ว่าจะทำอะไรต่อไปดี วันแรกที่น้ำท่วมทางภาคเหนือที่ผ่านมา ผมฟังทางรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงมหาดไทยตอบคำถาม นักข่าวสด ๆ ว่าจะให้การช่วยเหลือ หรือ มีจุดประสานงาน ตรงไหน ท่านรัฐมนตรี ท่านว่าผมก็ไม่รู้ว่าจะทำอย่างไร ไฟฟ้าก็ดับ โทรศัพท์ ก็โทรไม่ได้ ถนนก็ขาดเข้าไปไม่ได้ ไม่รู้จะติดต่อใครอย่างไร .... ผมว่าเราควรทำอะไรบางอย่างกระตุ้นหน่วยงานรัฐ ให้มีความเข้าใจในการแก้ไขเหตุการณ์หลังภัยพิบัติดีกว่า ผมเป็นห่วงครับ จริง ๆ ตัวอย่างมีอยู่อย่างชัดเจนแล้ว หรือต้องทำคู่มือปกขาวเรื่องการบริหารและจัดการแก้ปัญหาก่อนและหลังจากภัยพิบัติ ส่งให้รัฐบาลซะเลย ...

    http://www.palungjit.org/board/showt...172#post244172
    <!-- / message --><!-- sig -->
    <!-- / message -->
     
  2. pattarawat

    pattarawat เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    29 กรกฎาคม 2006
    โพสต์:
    1,671
    ค่าพลัง:
    +7,982
    อ้างอิงข้อความจากพี่เกษมครับ เอามาอ่านกันใหม่อีกรอบ เพื่อย้ำครับผม

    (ข้อความดั้งเดิมจากหนังสือ "พุทธพยากรณ์และภัยพิบัติโลก")

    "เป็นกรรมของสัตว์โลกน่ะ ครูบาอาจารย์ท่านเคยบอกว่าระบบจะเริ่มล้างมนุษย์ ปลายปี 47 (ทีแรกคิดว่าไม่มีอะไรเกิดแล้ว จิตเกือบจะเผลอ ปรามาทครูบาอาจารย์เข้าแล้วเชียว) แล้วจะมีเหตุอื่นมาล้างเรื่อยๆ ด้วยระบบภัยพิบัติทาง ดิน น้ำ ลม ไฟ โรคระบาดและ อุบัติภัยสงคราม และจะหนักขึ้นเรื่อยๆ จนพระจักรพรรดิ์ลงมา ภัยพิบัติจึงจะสงบ"

    "ต่อไปที่จะวิบัติหนักๆ ก็คือ ไต้หวัน ญี่ปุ่น ฟิลิปปินส์ อเมริกา ฯลฯ เราเคยถามครูบาอาจารย์ว่าไม่มีใครเปลี่ยนได้เลยหรือ ท่านบอกว่า "ไม่ได้" ท่านว่า "ปู่ยี เว้า ก็ปานพระเจ้า เว้า นั่นแหละ ในโลกนี้ไม่มีใครเปลี่ยนแปลงได้" เพราะกรรมของมนุษย์เป็นแบบนั้น"

    "จากที่ครูบาอาจารย์ท่านเล่าสู่กันฟัง สิ่งที่จะเกิดขึ้นในอนาคตอันไกล้นี้ ไม่มีใครที่จะสามารถหลีกเลี่ยงได้ เพราะกรรมเป็นตัวกำหนดและยุคพระยาธรรมฯ ก็เป็นพุทธประเพณี เป็นเหตุการณ์ที่จะเกิดขึ้นในกึ่งกลางพระพุทธศาสนา ในยุคของพระพุทธเจ้าทุกๆพระองค์ อย่างในยุคพระเวสสันดร(ซึ่งเป็นช่วงประมาณกึ่งกลางศาสนาของพระพุทธเจ้าพระองค์หนึ่ง) หลังจากพระเวสสันดรได้พรแปดประการจากพระอินทร์แล้ว หลังจากนั้นไม่นานก็เกิดยุคพระยาธรรมฯหรือยุคพระจักรพรรดิ์ขึ้น ถ้าจำไม่ผิดรู้สึกว่าลูกชายพระเวสสันดรจะเป็นพระจักรพรรดิ์ในสมัยนั้น"


    นี่ผมตัดมาเป็นท่อนๆ ให้อ่านกันครับ ถ้าอยากอ่านมากกว่านี้ ให้ไปอ่านหน้าแรกในกระทู้นี้ครับ พี่เกษมเป็นคนโพสไว้ครับ
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 23 มกราคม 2007
  3. Falkman

    Falkman พลังจิตนานาชาติ ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 กรกฎาคม 2006
    โพสต์:
    19,726
    ค่าพลัง:
    +77,791
    วันนี้ได้ออกไปทานอาหารกับเพื่อนชาวฮินดู เพื่อนได้เล่าให้ฟังว่า เมื่อวันอาทิตย์ที่ผ่านมา ได้มีวัว (bull) เข้าไปในวัดฮินดู คนฮินดูถือว่า วัวเป็นเทพเจ้าแห่งความตาย (god of death) แล้วเข้ามาในวัดจะเป็นลางร้ายมาก พวกฮินดูเลยต้องกลับไปจุดไฟ (คงจุดเทียน เค้าใช้คำว่า grease) หน้าบ้าน แล้วให้ทุกคนในบ้านมาจุด คงจะปัดเป่า หรือป้องกันอะไรมั๊ง

    แล้วก็เลยคุยกันเรื่องอากาศ เค้าบอกว่าตอนนี้ทุกคนพูดแต่เรื่องอากาศกัน ว่าไม่สามารถบอกได้เลยว่าวันรุ่งขึ้นอากาศจะเป็นแบบไหน แล้วอากาศในโลกเปลี่ยนแปลงมาก ทุกคนพูดถึง Global warming.

    แล้วก็คุยต่อเรื่องว่ามีการพยากรณ์ หรือ เรื่องเหตุการณ์ต่างๆ ในศาสนาพุทธ กับ ศาสนาฮินดู เค้าบอกว่า ศาสนาฮินดูเชื่อว่า พระพุทธเจ้าเป็นปางหนึ่งของพระวิศณุ แล้วจะมาทุก 9xxx (จำหน่วยไม่ได้ แต่เค้าบอกว่า 1 xxx ก็ไม่รู้กี่ร้อยกี่พันปี) แล้วเมื่อใดที่พระพุทธเจ้าจะมา เมื่อนั้นจะเกิดแผ่นดินไหวรุนแรงทุกครั้ง แล้วยุคนี้เค้าบอกว่า ฮินดู ถือว่า เป็น "กลียุค" เป็นยุคที่มีคนเลวมากกว่าคนดี มีพลังเลวมากกว่าพลังดี ช่วงนี้เป็นช่วงที่ฮินดูเชื่อว่า พระศิวะต้องมาทำลายทุกอย่าง (เพราะมีคนเลวมากกว่าคนดีแล้วคุมไม่อยู่) หลังจากพระศิวะมาทำลายทุกอย่างในโลกแล้ว พระวิศณุจะมาจุติ เป็นพระพุทธเจ้าองค์ต่อไป แล้วพระวิศณุจะช่วยเหลือคนดี เพื่อจะได้เป็นคนรุ่นต่อไปที่จะดำเนินชีวิตต่อไป

    จบแล้วที่เพื่อนฮินดูคุยให้ฟัง
     
  4. vichai2500

    vichai2500 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    17 มิถุนายน 2006
    โพสต์:
    600
    ค่าพลัง:
    +2,877
    <TABLE cellSpacing=2 cellPadding=2 width="95%" align=center bgColor=#ffffff border=0><TBODY><TR><TD vAlign=center height=23><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" align=center border=0><TBODY><TR><TD height=22>
    Water Flooding
    It's going........
    Fast
    [SIZE=-1][/SIZE]
    [SIZE=-1] จุดวิกฤตชายฝั่งทะเลไทย [/SIZE]
    </TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR><TR align=middle><TD>
    [SIZE=-1][ วันที่ 2007-01-24 ][/SIZE]
    </TD></TR><TR align=middle><TD></TD></TR><TR><TD> [SIZE=-1]1.ชายฝั่งทะเลบ้านแหลมสิงห์-ปากคลองขุนราชพินิตใจ จังหวัดสมุทรปราการ ระยะทางประมาณ 12.5 กิโลเมตร ปัจจุบันพื้นที่ชายฝั่งถอยร่นเข้ามาประมาณ 700-800 เมตร บางแห่ง เช่น บ้านขุนสมุทรจีน หมู่ 9 พื้นที่ถูกกัดเซาะหายไปประมาณ 1 กิโลเมตร ในช่วง 28 ปี ด้วยอัตราการกัดเซาะมากกว่า 25 เมตรต่อปี

    2.ชายฝั่งทะเลปากคลองราชพินิจใจ-บ้านท่าตะโก เขตบางขุนเทียน กทม. ระยะทางประมาณ 5.5 กิโลเมตร มีอัตราการกัดเซาะ 20-25 เมตรต่อปี ช่วง 28 ปีที่ผ่านมาพื้นที่หายไป 400-800 เมตร

    3.ชายฝั่งทะเลบ้านเคียนดำ-บ้านบ่อนนท์ อำเภอท่าศาลา จังหวัดนครศรีธรรมราช พื้นที่ถูกกัดเซาะประมาณ 8 กิโลเมตร

    4.ชายฝั่งทะเลบ้านแหลมตะลุมพุก-บ้านบางบ่อ อำเภอปากพนัง จังหวัดนครศรีธรรมราช มีอัตราการกัดเซาะประมาณ 8 เมตรต่อปี

    5.ชายฝั่งบ้านเกาะทัง-บ้านหน้าศาล จังหวัดนครศรีธรรมราช ความยาวทั้งหมดประมาณ 23 กิโลเมตรตลอดความยาวชายฝั่งทะเลนี้มีการกัดเซาะขั้นรุนแรง ทำให้ถนนพัง ชาวบ้านต้องอพยพไปอยู่บริเวณอื่น อัตราการกัดเซาะประมาณ 12 เมตรต่อปี สาเหตุเพราะแนวชายหาดที่เปิดโล่งวางตัวในทิศทางเกือบเหนือ-ใต้ ทำให้ได้รับแรงกระแทกของคลื่นขนาดใหญ่ในฤดูมรสุมตะวันออกเฉียงเหนือที่เคลื่อนเข้าหาฝั่งในทิศทางตะวันออกและตะวันออกเฉียงเหนือโดยตรง [/SIZE]

    </TD></TR></TBODY></TABLE>
     
  5. vichai2500

    vichai2500 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    17 มิถุนายน 2006
    โพสต์:
    600
    ค่าพลัง:
    +2,877
    More to come.........


    <TABLE cellSpacing=2 cellPadding=2 width="95%" align=center bgColor=#ffffff border=0><TBODY><TR align=middle><TD>
    [SIZE=-1]][/SIZE]
    </TD></TR><TR align=middle><TD></TD></TR><TR><TD> [SIZE=-1]ตวงศักดิ์ ชื่นสินธุ 24 /1/2550

    ไม่ใช่เรื่องของการเสียดินแดน

    ไม่ใช่เรื่องของการสู้รบปักปันดินแดนให้แก่ใคร

    แต่เป็นเรื่องของภัยพิบัติทางธรรมชาติ

    ก่อนหน้านี้หนังสือพิมพ์รายวันได้เสนอข่าวใหญ่ถึงพื้นที่ชายฝั่งทะเลที่ถูกกัดเซาะหายไปเป็นบริเวณกว้าง แต่ดูเหมือนว่ายังไม่มีใครตระหนักถึงความรุนแรง ไม่เห็นถึงความสำคัญ ซึ่งถ้ายังปล่อยให้เป็นเช่นนี้ต่อไปเรื่อยๆ สุดท้ายก็จะมานั่งถามกันว่าแล้วเราจะไปอยู่ที่ไหน

    น่าตกใจที่ชั่วเวลา 30 ปีที่ผ่านมา พื้นที่ในประเทศไทยหายไปแล้วกว่าแสนไร่ เท่ากับพื้นที่หายไปกว่าครึ่งค่อนของพื้นที่จังหวัดสมุทรสาคร

    ที่อันตรายมากที่สุดและอยู่ใกล้เมืองคือที่ จังหวัดสมุทรปราการ และที่บางขุนเทียน กรุงเทพมหานคร ที่มีอัตราการกัดเซาะกว่า 25 เมตรต่อปี และ 20-25 เมตรต่อปี ตามลำดับ

    ตัวเลขเหล่านี้ รศ.ดร.ธนวัฒน์ จารุพงษ์สกุล หน่วยศึกษาพิบัติภัยและข้อสนเทศเชิงพื้นที่ ภาควิชาธรณีวิทยา คณะวิทยาศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ได้ทำการสำรวจวิจัยมานานกว่า 10 ปี และได้เขียนรายงานไว้อย่างละเอียด

    รศ.ดร.ธนวัฒน์เล่าว่า ไม่เพียงชายฝั่งทะเลทั้งที่สมุทรปราการและบางขุนเทียนจะมีอัตราการกัดเซาะมากขึ้นเรื่อยๆ เท่านั้น แต่ยังมีอีกหลายจังหวัดที่ชายฝั่งร่นเข้ามาทุกขณะ เช่น ชลบุรี ระยอง ประจวบคีรีขันธ์ กระบี่ นครศรีธรรมราช ตรัง สงขลา ปัตตานี นราธิวาส ฯลฯ ซึ่งการกัดเซาะดังกล่าวส่งผลกระทบต่อหลายอำเภอในแต่ละจังหวัด

    แม้จะมีหน่วยงานที่รับผิดชอบออกมาดำเนินการ แต่ไม่ได้เป็นไปในภาพรวม เพราะการทำเครื่องกีดขวางเพื่อลดกระแสความรุนแรงของคลื่นในที่หนึ่ง อาจส่งผลกระทบในอีกที่หนึ่ง การไม่ประสานงานร่วมกัน จึงย่อมเกิดผลเสียมากกว่าผลดี

    รศ.ดร.ธนวัฒน์ อธิบายต่อไปว่า ประเทศไทยมีแนวชายฝั่งทะเลประมาณ 2,667 กิโลเมตร ปัญหาการกัดเซาะชายฝั่งทะเล เกิดขึ้นในทุกจังหวัดชายฝั่งทะเล ทั้งด้านอ่าวไทยและอันดามันทั้ง 23 จังหวัด

    ชายฝั่งทะเลด้านอ่าวไทยตั้งแต่บริเวณชายฝั่งทะเลภาคตะวันออกจากจังหวัดตราด จนถึงบริเวณชายฝั่งทะเลชายแดนภาคใต้จังหวัดนราธิวาส ซึ่งมีความยาวชายฝั่งทะเลทั้งสิ้น 1,653 กิโลเมตร ในช่วง 30 ปีที่ผ่านมาพบว่ามีจุดวิกฤตด้านการกัดเซาะ 22 จุด รวมเป็นพื้นที่ 180.9 กิโลเมตร ในพื้นที่ที่ถูกกัดเซาะประมาณ 56,531 ไร่

    สำหรับชายฝั่งทะเลด้านอันดามัน พบการกัดเซาะชายฝั่งทะเลขั้นรุนแรง 8 จุด เป็นพื้นที่ 23 กิโลเมตร จากพื้นที่ที่ถูกกัดเซาะทั้งสิ้นประมาณ 7,187 ไร่

    นั่นคือ ในช่วง 30 ปีที่ผ่านมา มีพื้นที่ชายฝั่งทะเลทั่วประเทศที่ถูกกัดเซาะไปทั้งสิ้น 113,042 ไร่

    "จุดกัดเซาะที่อันตรายที่สุด คือจังหวัดสมุทรปราการ และเขตบางขุนเทียน กทม. สองจุดนี้หนักที่สุด บางแห่งถูกกัดเซาะ 1 กิโลเมตร หรืออย่างพื้นที่ปากแม่น้ำบางปะกงถึงปากแม่น้ำแม่กลองระยะทางประมาณ 120 กิโลเมตรถูกกัดเซาะไป 82 กิโลเมตร พื้นที่หายไป 18,000 ไร่"

    สาเหตุที่พื้นที่ชายฝั่งถูกกัดกร่อนไปเรื่อยๆ นั้น นอกจากแรงปะทะของคลื่นแล้ว ยังมีปัจจัยอื่นๆ อาทิ ปริมาณตะกอนบริเวณปากแม่น้ำลดลง ปัญหาแผ่นดินทรุดบริเวณชายฝั่งทะเล ทำให้อัตราการกัดเซาะมีความรุนแรงมากขึ้น

    นอกจากนี้ยังเนื่องมาจากภาวะโลกร้อน ป่าชายเลนซึ่งเป็นแนวป้องกันชายฝั่งทะเลตามธรรมชาติถูกทำลายอย่างรวดเร็ว รวมทั้งการขุดทรายชายฝั่งทะเล ก็เป็นอีกสาเหตุที่ทำให้ปัญหาการกัดเซาะชายฝั่งทะเลมีความรุนแรงมากขึ้น

    ฉะนั้น พื้นที่ที่ประสบปัญหาวิกฤตเร่งด่วน เป็นพื้นที่ที่ควรมีมาตรการแก้ไขปัญหาเร่งด่วนโดยเฉพาะ การมีมาตรการแก้ไขปัญหาในระยะสั้น (1-3 ปี) และทำควบคู่พร้อมกับการมีมาตรการแก้ไขในระยะยาว (3-5 ปี)

    เท่าที่ทำการสำรวจ พบว่าพื้นที่วิกฤตที่อยู่ในกลุ่มนี้ได้แก่ บริเวณตะวันตกบ้านคลองสีล้ง อำเภอบ้านบ่อ-บ้านบาง สำราญ อำเภอเมือง จังหวัดสมุทรปราการ, บ้านแหลมสิงห์-ปากคลองขุนราชพินิตใจ อำเภอพระสมุทรเจดีย์ จังหวัดสมุทรปราการ และปากคลองขุนราชพินิตใจ-บ้านท่าตะโก เขตบางขุนเทียน กรุงเทพมหานคร

    วิธีการแก้ไขปัญหาการกัดเซาะชายฝั่งทะเลในระยะยาว ที่ควรทำหลังหรือทำควบคู่กับมาตรการแก้ไขระยะสั้น คือการผสมผสานวิธีการแก้ไขปัญหาแบบอ่อนและแบบแข็งเข้าด้วยกัน เพื่อให้การแก้ไขปัญหาเป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพและเหมาะสมกับสภาพพื้นที่มากที่สุด

    "แนวทางการป้องกันในพื้นที่วิกฤตเร่งด่วนมีการกัดเซาะรุนแรง ต้องใส่โครงสร้างเพื่อช่วยธรรมชาติที่ไม่สามารถฟื้นของมันเองได้ ซึ่งทางทีมวิจัยได้รับเงินจากสำนักงานกองทุนสนับสนุนการวิจัย (สกว.) และได้ทำการทดลองจุดแรกที่บ้านขุนสมุทรจีน จังหวัดสมุทรปราการ ด้วยการทำแท่งคอนกรีตรูปสามเหลี่ยม นำไปปักห่างจากทะเลประมาณ 500 เมตร โดยปักเป็นสามแถว เพื่อช่วยลดแรงปะทะของคลื่น

    "งบประมาณที่ใช้ในการทดลองประมาณ 12 ล้านบาท โดยระดมนักวิจัยประมาณ 20 คน มาร่วมกันวิจัย และเก็บข้อมูลเรื่องคลื่น เรื่องตะกอน เราคาดหวังว่า ถ้าโครงการประสบความสำเร็จ ก็จะนำเสนอต่อรัฐบาลในรูปแบบการป้องกัน ซึ่งเป็นสิ่งที่จำเป็นมาก โดยเฉพาะกับพื้นที่บริเวณอ่าวไทยตอนบน ซึ่งมาถึงตอนนี้นับว่าวิกฤตที่สุดแล้ว"

    รศ.ดร.ธนวัฒน์ กล่าวย้ำอย่างหนักแน่นว่า ถ้าไม่รีบป้องกันการกัดเซาะชายฝั่งเสียตั้งแต่ตอนนี้ ประเทศไทยจะเสียพื้นที่ให้กับการกัดเซาะอีกเยอะแน่นอน

    "การกัดเซาะเป็นภัยพิบัติเงียบ แม้ว่าหลายหน่วยงานจะให้ความสนใจ แต่ผลที่ตามมาเราพบว่ายังคงเกิดการกัดเซาะที่รุนแรง ทั้งนี้เนื่องจากที่ผ่านมาเป็นการแก้ปัญหาการกัดเซาะเป็นจุดๆ ไม่มีการมองในภาพรวม ซึ่งบางทีการสร้างเขื่อนดักตะกอนเพื่อแก้ปัญหาจุดหนึ่งได้ก็จริง แต่หารู้ไม่ว่ากลับส่งผลกระทบทำให้พื้นที่อื่นเกิดการกัดเซาะเร็วขึ้นและมากกว่าเดิม

    "ที่ผมวิตกคือ จากนี้ไปหน่วยงานเทศบาล อบต.จะนำงบประมาณไปป้องกัน ซึ่งยิ่งจะทำให้ชายฝั่งเละเทะและเสียหายมากขึ้น ทางที่ถูกคือน่าจะมีหน่วยงานมาทำหน้าที่ดูแล และนำเชิงวิชาการเข้ามาช่วยอย่างเร่งด่วน" อาจารย์ธนวัฒน์แสดงความเป็นห่วง

    ส่วนแนวทางการแก้ไขของจังหวัดนครศรีธรรมราช กำลังดำเนินการอย่างเร่งด่วนเช่นกัน

    กิตติพันธ์ เพชรชู หัวหน้าศูนย์ดำรงธรรม จังหวัดนครศรีธรรมราช เล่าถึงสภาพของชายฝั่งทะเลแถบนครศรีธรรมราชว่า อำเภอที่ได้รับผลกระทบคือ ขนอม สิชล ท่าศาลา ปากพนังบางส่วน และหัวไทร ระยะประมาณ 225 กิโลเมตร ปัจจุบันน้ำทะเลได้หนุนให้คลื่นสูงขึ้น และพัดเข้ามาบริเวณที่พักอาศัยของชาวบ้าน ก่อให้เกิดความเสียหายมาก รวมทั้งทำให้ถนนเลียบชายทะเลได้รับความเสียหายด้วย ส่วนที่แหลมตะลุมพุกได้รับผลกระทบเช่นกัน โชคดีที่บริเวณที่น้ำขึ้นไม่มีประชาชนอาศัยอยู่

    "กรมการขนส่งทางน้ำและพาณิชย์นาวีกำลังอยู่ในระหว่างการศึกษาผลกระทบเกี่ยวการกัดเซาะชายฝั่งที่ปากพนังและอำเภอหัวไทร เพื่อจัดทำเป็นโครงการนำเสนอ โดยอำเภอปากพนังจะได้งบประมาณ 360 ล้านบาท ต่อ 1 ปี จะทำเป็น 3 ระยะ ปี 2550-2553

    "ตอนนี้ได้งบฯ ซีอีโอ ของจังหวัดช่วยเยียวยาชายฝั่งทะเลที่ได้รับผลกระทบในระยะทาง 1 กิโลเมตร ซึ่งยังไม่เพียงพอ ในส่วนของจังหวัดจะแก้ไขเฉพาะหน้าก่อน" กิตติพันธ์บอก

    ส่วนที่ชาวบ้าน 50 ครัวเรือน บริเวณหมู่ที่ 2 ที่อาศัยอยู่ป่าชายเลนที่แหลมตะลุมพุกมาเรียกร้องนั้น กิตติพันธ์ว่า ในเบื้องต้นใช้งบฯฉุกเฉินช่วยเหลือชาวบ้านแล้ว

    ทั้งนี้ทั้งนั้นถ้ายังมองว่าเรื่องนี้ไม่สำคัญ ไม่เร่งดำเนินการแก้ไขเสียแต่ตอนนี้ สุดท้ายพื้นที่ชายฝั่งทะเลที่เรายังเห็นๆ กันอยู่ในวันนี้คงจะมีสภาพไม่ต่างจากหลักกิโลเมตรกลางน้ำที่โผล่ให้เห็นอยู่ลิบๆ เหมือนที่บางขุนเทียนก็เป็นได้ [/SIZE]

    </TD></TR><TR align=right><TD> </TD></TR><TR align=right><TD height=21><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD width="33%"> </TD><TD align=right width="63%">แหล่งที่มา : มติชน </TD><TD width="4%"> </TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR></TBODY></TABLE>
     
  6. supaporn intara

    supaporn intara สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    11 มกราคม 2007
    โพสต์:
    3
    ค่าพลัง:
    +20
    เคยฝันเห็นคลื่นซึนามิม้วนตัวมาจากทิศตะวันออกสูงมาก แต่สีนำใส ในฝันเราไม่ได้ตกใจ กำลังรอดูอยู่เหมือนกันเพราะปกติฝันค่อนข้างแม่น
     
  7. Falkman

    Falkman พลังจิตนานาชาติ ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 กรกฎาคม 2006
    โพสต์:
    19,726
    ค่าพลัง:
    +77,791
    ขออย่าให้เป็นจริงดังฝันเลย

    แต่ถ้ามาทางทิศตะวันออก อ่าวไทยหรือเปล่าหนอ?
     
  8. kananun

    kananun เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    11 พฤษภาคม 2006
    โพสต์:
    10,282
    ค่าพลัง:
    +114,775
    ก็ตรงกับที่หลายๆคนได้เห็นในนิมิตรครับ ว่าให้ระวังสึนามิทางด้านอ่าวไทย

    ตอนนี้หลายๆท่านก็ต่างช่วยกันส่งสมาธิ กระแสจิต เพื่อบรรเทาหรือผ่อนหนักให้เป็นเบา จากเบาก็ให้ไม่เกิดเลย ครับ
     
  9. boko0121

    boko0121 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    9 กันยายน 2006
    โพสต์:
    1,612
    ค่าพลัง:
    +7,736
    ถ้าเป็นยังงั้นผมจะลองนั่งสมาธิส่งกระแสจิตให้เยอะนะครับ เพราะจากที่ผมเห็นรายงานเกิดแผ่นดินไหวหลายต่อหลายแห่ง
     
  10. vichai2500

    vichai2500 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    17 มิถุนายน 2006
    โพสต์:
    600
    ค่าพลัง:
    +2,877
    อาจจะมี.....

    พายุ พายุ ที่อ่าวไทย

    น่าจะรุนแรงมาก
     
  11. Falkman

    Falkman พลังจิตนานาชาติ ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 กรกฎาคม 2006
    โพสต์:
    19,726
    ค่าพลัง:
    +77,791
    อืมม์ น่าจะเป็นไปได้ พายุที่อ่าวไทย
    ขนาดตอนเดือนธันวา พายุไม่ค่อยแรงมาก ยังทำให้ชายหาดหายไปได้ แล้วคิดดูว่าถ้าพายุระดับเฮอริเคน (อย่างที่ยุโรปพึ่งโดนไป) ตีเข้าอ่าวไทย

    ต้องลองมาช่วยกันคิดแล้วถ้าเกิดอะไรขึ้นทางอ่าวไทย เราจะหาทางป้องกัน หรือหลบภัยอย่างไร
     
  12. vichai2500

    vichai2500 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    17 มิถุนายน 2006
    โพสต์:
    600
    ค่าพลัง:
    +2,877
    [FONT=Verdana,Sans-serif]Glaciers May Vanish From Alps by 2050[/FONT]


    [FONT=Verdana,Sans-serif]<TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD bgColor=#cbcbcd><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD height=2></TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR></TBODY></TABLE>

    Jan 22, 9:56 AM (ET)

    <TABLE cellSpacing=0 cellPadding=1 width=210 align=right border=0><TBODY><TR><TD align=middle><TABLE borderColor=#cbcbcd cellSpacing=0 cellPadding=1 width=150 border=1><TBODY><TR><TD><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 border=0><TBODY><TR align=middle><TD>[​IMG]</TD></TR><TR><TD>[FONT=Verdana,Sans-serif](AP) Marc Olefs and Andrea Fischer, from left, researchers from Innsbruck University, check a field...[/FONT]
    [FONT=Verdana,Sans-serif]Full Image[/FONT]
    </TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR></TD></TR></TBODY></TABLE><STYLE>p {margin:12px 0px 0px 0px;}</STYLE>

    VIENNA, Austria (AP) - Most glaciers will disappear from the Alps by 2050, scientists told a conference on climate change Monday, basing their bleak outlook on evidence of slow but steady melting of the region's continental ice sheets.
    Glaciers in western Austria's Alpine province of Tyrol have been shrinking by about 3 percent a year, meaning their mass decreases annually by roughly 3 feet, said Roland Psenner of the University of Innsbruck's Institute for Ecology.
    The average density of glaciers in the Alps is 100 feet, "so it seems rather certain that there won't be any more glaciers in the year 2050 except for a few high ones that lay above 4,000 meters (13,000 feet)," Psenner said.
    "The future looks rather liquid," he said. Experts stopped short of blaming global warming, but called for a review of preventive measures to protect people living in Alpine valleys who could face a higher risk of flooding.
    <!-- Subject: Austria Melting Glaciers -->
    (b-glass)
    น่ากลัวว่า จะเร็วกว่านั้น[/FONT]
     
  13. vichai2500

    vichai2500 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    17 มิถุนายน 2006
    โพสต์:
    600
    ค่าพลัง:
    +2,877
    ประเทศไทย กับการสูบก๊าสธรรมชาติ

    โปรดระวัง

    (nogood)

    <TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 border=0><TBODY><TR><TD vAlign=top align=left width=355>Drilling Caused Deadly 'Mud Volcano'
    [​IMG]
    [FONT=Verdana, Helvetica, sans-serif]By Anthony Deutsch
    Associated Press
    [/FONT][FONT=arial,helvetica]posted: 24 January 2007
    05:03 pm ET
    [/FONT]
    </TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 border=0><TBODY><TR><TD width=19>[​IMG]</TD><TD>
    <META content="Microsoft Word 11 (filtered)" name=Generator><STYLE><!-- /* Style Definitions */ p.MsoNormal, li.MsoNormal, div.MsoNormal {margin:0in; margin-bottom:.0001pt; font-size:12.0pt; font-family:"Times New Roman";}a:link, span.MsoHyperlink {color:blue; text-decoration:underline;}a:visited, span.MsoHyperlinkFollowed {color:purple; text-decoration:underline;}@page Section1 {size:8.5in 11.0in; margin:1.0in 1.25in 1.0in 1.25in;}div.Section1 {page:Section1;} /* List Definitions */ ol {margin-bottom:0in;}ul {margin-bottom:0in;}--></STYLE>JAKARTA, Indonesia (AP)
     
  14. nrcl

    nrcl เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 พฤษภาคม 2006
    โพสต์:
    417
    ค่าพลัง:
    +4,318
    เล่าฝันนะครับ เห็นภาพ+ได้ยินเสียง เหมือนว่ากำลังดูข่าวช่องหนึ่ง ว่ามีภาพข่าวการถ่ายภาพริมชายหาดตอนกลางคืน เป็นทรายยุบตัวลงไปเป็นจังหวะๆ เหมือนแผ่นดินในน้ำยุบตัวลงไป มีคนวิ่งหนีขึ้นฝั่งโกลาหลพอสมควร แล้วเหมือนจะได้ยินว่ามีพระองค์นึงออกมาพูดว่า "แม้ท่านเองยังต้องเตรียมตัว"
     
    แก้ไขครั้งล่าสุดโดยผู้ดูแล: 25 มกราคม 2007
  15. Falkman

    Falkman พลังจิตนานาชาติ ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 กรกฎาคม 2006
    โพสต์:
    19,726
    ค่าพลัง:
    +77,791
    เรียนคุณ Vichai2500, ขอบคุณมากที่ช่วยอัพเดทข่าว ถ้าเป็นไปได้ ช่วยจัดแจงแยกประเภทของภับพิบัติตามประเภทตามกระทู้ข้างล่างด้วยนะ
     
  16. kananun

    kananun เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    11 พฤษภาคม 2006
    โพสต์:
    10,282
    ค่าพลัง:
    +114,775
    ที่สำคัญ ขอให้คุณวิชัยช่วยแปลเป็นภาษาไทยให้น้องๆ อีกหลายคนได้เข้าใจด้วยครับ มีน้องๆหลานๆที่อายุ 13-15 ปี อ่านในห้องนี้หลายคนครับ
     
  17. kananun

    kananun เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    11 พฤษภาคม 2006
    โพสต์:
    10,282
    ค่าพลัง:
    +114,775
    ไปดูหนัง "พระนเรศวร " กันดีกว่าครับ จะได้กระตุ้นเลือดรักชาติ รักแผ่นดินกัน

    มีลูกมีหลานก็พากันไปดูครับ รายได้ทั้งหมด นำทูลเกล้าถวายในหลวงของพวกเราครับ
     
  18. mead

    mead เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 เมษายน 2005
    โพสต์:
    8,116
    ค่าพลัง:
    +62,425
    พระนเรศวรชุดล่าสุด ควรไปดูกันครับ หนังดีจริงๆ
    ตอนท่านเป็นเด็กๆท่านเด็ดเดี่ยวและรักแผ่นดินเกิดมาก
    อย่าพลาดเชียวครับเรื่องนี้

    แล้วก็อีกเรื่องครับ
    เมื่อคืนก็ฝันคล้ายคุณ falkman กับคุณ yellow (คลื่นยักษ์)
    ในฝัน ผมอยู่ตรงระเบียงโรงแรมราวชั้นที่ 12
    มองวิวแถบตะวันออกอยู่ดีๆ ก็เริ่มมีคลื่นละลอกใหญ่ๆเข้ามา
    เรือท่องเที่ยวของชาวบ้านเอียงวูบ คนบนเรือตกน้ำกันหลายคน
    แล้วก็มีคลื่นมาเป็นละลอก จนเห็นยอดคลื่นใหญ่ๆ สูงพอกับตึก 10 ชั้น
    พัดเข้ามาในแหล่งชุมชน เรือหลายๆลำถูกพัดกระแทกตึกอย่างรุนแรง
    คลื่นพัดเข้ามาในที่ถึงระเบียงโรงแรม จนตึกสั่นสะเทือนทั้งตึกเลยครับ

    แค่นั้นก็เหมือนการซ้อมใหญ่แล้วครับ..ถ้าเป็นเหตุการณ์จริงก็คงอันตรายมากครับ..ทำไมฝันกันหลายคนละนี่..?
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 25 มกราคม 2007
  19. เกษม

    เกษม ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนพิเศษ สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 พฤศจิกายน 2004
    โพสต์:
    24,696
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +77,192
    ตำนานสมเด็จพระนเรศวรมหาราช

    <TABLE cellSpacing=2 cellPadding=2 width=60 align=center border=0><TBODY><TR><TD>[​IMG]</TD></TR><TR><TD>
    สมเด็จพระนเรศวร รับบทโดย ร.อ . วันชนะ สวัสดี
    </TD></TR></TBODY></TABLE>​

    ชื่อภาพยนตร์ ตำนานสมเด็จพระนเรศวรมหาราช

    กำกับการแสดง ม . จ. ชาตรีเฉลิม ยุคล

    ผู้ช่วยกำกับการแสดง มือ 1
    เปี๊ยก โปสเตอร์, กิตติกร เลียวศิริกุล, พุฒิพงศ์ สายศรีแก้ว

    ผู้ช่วยผู้กำกับการแสดง
    วชิระ ชอบเืพื่อน, พีระศักดิ์ ศักดิ์ศิริ, เบญจพร ปัญญายิ่ง, ไพโรจน์ ประสารทอง, จารุพงษ์ อินทรวงษ์, มูฮำมัดนิแบ ซูยีนิรันดร เลาะนะ, จักราวุธ ชวลิตเสวี, อาทิตย์ พยอมยงค์, ภานุพงษ์ มีจั่น, พยุงศักดิ์ นฤภัย

    อำนวยการสร้าง
    หม่อมกมลา ยุคล ณ อยุธยา และ คุณากร เศรษฐี

    บทภาพยนตร์
    ม.จ. ชาตรีเฉลิม ยุคล และ ดร . สุเนตร ชุตินทรานนท์

    ออกแบบงานสร้าง
    ประสพโชค ธนะเศรษฐ์วิไล ประเสริฐ โพธิศรีรัตน์

    กำกับภาพ
    ณัฐวุฒิ กิตติคุณ และ Stanislav Dorsic

    ดนตรีประกอบ
    Richard Harvey

    Visual Effect Supervisor
    วรภัณฑ์ ลีละชาติ

    Visual Effect Producer
    วิไลวรรณ ลีละชาติ

    ลำดับภาพ
    ม.จ. ชาตรีเฉลิม ยุคล และ ม.ร.ว. ปัทมนัดดา ยุคล

    กำกับศิลป์
    กสิ แพ่งรอด และ วรวุฒิ ปัญญายิ่ง

    ควบคุมงานสร้างฉาก
    อานุภาพ บัวจันทร์ ศิริวัฒน์ ท้าวประยูร ทวีศักดิ์ ทศพร

    บันทึกเสียง
    Conrad Bradley Slater

    คัดเลือกนักแสดง
    เบญจพร ปัญญายิ่ง

    ผู้กำกับภาพ
    Stanislav Dorsic และ ณัฐวุฒิ กิตติคุณ

    ออกแบบเครื่องแต่งกาย
    หม่อมกมลา ยุคล ณ อยุธยา

    เครื่องแต่งกายและเครื่องประดับ
    ฐิติกรณ์ ศรีชื่น และ สุกัญญา มะเรืองประดิษฐ์

    ออกแบบฉาก
    ธิติกร ศรีเชิญ สุกัญญา มารุ่งประดิษฐ์

    ช่างแต่งหน้า และช่างแต่งผม
    มนตรี วาดละเอียด ฑิฆัมพร แซ่ลิ้ม
    ทุนสร้าง 700 ล้านบาท
    ระยะเวลาดำเนินการ 2546 – 2549
    ระยะเวลาถ่ายทำ ปลายปี 2547 – 2550


    [​IMG]

    เรื่องย่อ
    พุทธศักราช 2106 พระเจ้าหงสาวดีบุเรงนอง ทรงกรีฑาทัพเข้าตีราชอาณาจักรอยุธยาทางด่านระแหงแขวงเมืองตาก ทัพพม่ารามัญซึ่งมีรี้พลเหลือคณานับ ได้เข้ายึดครองหัวเมืองฝ่ายเหนือของราชอาณาจักรอยุธยา อันมีเมืองพิษณุโลกเป็นประหนึ่งเมืองราชธานีได้เป็นผลสำเร็จ ครั้งนั้น สมเด็จพระมหาธรรมราชา พระราชบิดาของสมเด็จพระนเรศวรหรือพระองค์ดำ ซึ่งเป็นเจ้าแผ่นดินครองเมืองพิษณุโลก จำต้องยอมอ่อนน้อมต่อพระเจ้าบุเรงนองเพื่อรักษาไว้ ซึ่งชีวิตอาณาประชาราษฎร์มิให้ต้องมีภยันตราย และจำต้องยอมร่วมกระบวนทัพพม่าเข้าตีกรุงศรีอยุธยา ศึกครั้งนั้นสมเด็จพระมหาจักรพรรดิเจ้าแผ่นดินอยุธยาทรงยอมเจรจาหย่าศึกกับพม่ารามัญ และยอมถวายช้างเผือก 4 เชือก ทั้งให้สมเด็จพระราเมศวรราชโอรส โดยเสด็จพระเจ้าบุเรงนองไปประทับยังนครหงสาวดีตามพระประสงค์ของกษัตริย์พม่า ข้างสมเด็จพระมหาธรรมราชาซึ่งได้ยอมอ่อนน้อมต่อพระเจ้าบุเรงนอง ก็ได้ถวายสมเด็จพระนเรศวรราชโอรสองค์โตให้ไปเป็นองค์ประกันประทับยังหงสาประเทศเฉกเช่นกัน ครั้งนั้นพระองค์ทรงมีพระชนมายุได้เพียง 9 ชันษา

    [​IMG]

    สมเด็จพระนเรศวรทรงเป็นที่รักใคร่ของพระเจ้าหงสาวดีบุเรงนอง ประดุจพระราชบุตรร่วมสายสันตติวงศ์ ด้วยองค์ยุพราชอยุธยาทรงมีพระปรีชาสามารถด้านพิชัยยุทธ ทั้งยังองอาจกล้าหาญ สบพระทัยกษัตริย์พม่าซึ่งก็ทรงเป็นนักการทหาร นิยมผู้มีคุณสมบัติเป็นนักรบเยี่ยงพระองค์ พระเจ้าบุเรงนองทรงมีสายพระเนตรยาวไกล แลเห็นว่าสืบไปเบื้องหน้าสมเด็จพระนเรศวรจะได้ขึ้นเป็นใหญ่ในอุษาคเนย์ประเทศ จึงทรงคิดใคร่ปลูกฝังให้สมเด็จพระนเรศวรผูกพระทัยรักแผ่นดินหงสา เพื่อจะได้อาศัยพระองค์เป็นผู้สืบอำนาจอุปถัมภ์ค้ำชูราชอาณาจักร ซึ่งพระองค์ทรงสถาปนาขึ้นด้วยความยากลำบาก เป็นที่ประจักษ์ชัดว่าพระเจ้าบุเรงนองนั้นหาได้วางพระทัยในพระราชโอรส คือ มังเอิน ( พระเจ้านันทบุเรง ) และพระราชนัดดามังสามเกียดนัก ถึงแม้ทั้งสองพระองค์จะทรงเป็นเลือดเนื้อเชื้อไขโดยตรง ด้วยทรงเล็งเห็นว่าราชนิกุลทั้งสองพระองค์นั้นหาได้เป็นผู้ทรงคุณธรรม อันจะน้อมนำเป็นพื้นฐานให้เติบใหญ่เป็นบูรพกษัตริย์ ปกป้องครองแผ่นดินที่พระองค์ทรงสร้าง และทำนุบำรุงมาด้วยกำลังสติปัญญาและความรักใคร่หวงแหน เหตุทั้งนี้เป็นชนวนให้พระเจ้านันทบุเรงและราชโอรส มังสามเกียดขัดพระทัย ทั้งผูกจิตริษยาสมเด็จพระนเรศวรซึ่งเป็นที่โปรดปรานของพระเจ้าหงสาวดี บุเรงนองกว่าราชนิกุลข้างพม่าทั้งหลายทั้งสิ้น
    พระเจ้าบุเรงนองทรงโปรดให้พระมหาเถรคันฉ่อง – พระรามัญผู้มากด้วยวิทยาคุณ และเจนจบ ในตำราพิชัยสงครามเป็นพระอาจารย์ถ่ายทอดศิลปะวิทยาการแก่สมเด็จพระนเรศวร นับแต่เริ่มเข้าประทับในหงสานคร ยังผลให้ยุพราชอยุธยาเชี่ยวชาญการยุทธ กลช้าง กลม้า กลศึก ทั้งข้างอยุธยาและข้างพม่ารามัญหาผู้เสมอเหมือนมิได้ ข้อได้เปรียบตามกล่าวเป็นเสมือนทุนทางปัญญา อันส่งผลให้สมเด็จพระนเรศวรสามารถกอบกู้เอกราช แก้ทางศึกจนมีชัยเหนือพม่ารามัญในภายภาคหน้า
    พุทธศักราช 2112 ปรากฏข่าวระบือไปถึงหงสาวดีว่า หัวเมืองพิษณุโลกฝ่ายเหนือแลกรุงศรีอยุธยาราชธานีฝ่ายใต้ของราชอาณาจักรสยามครั้งนั้น เกิดขัดแย้งปีนเกลียวกัน เหตุเนื่องมาจากสมเด็จพระมหาจักรพรรดิเจ้าแผ่นดินอยุธยาเสด็จออกผนวช แลสถาปนาสมเด็จพระมหินทร์ราชโอรสองค์รองขึ้นเสวยราชสมบัติสืบแทน สมเด็จพระมหินทร์ทรงคลางแคลงพระทัยในความจงรักภักดีของสมเด็จพระมหาธรรมราชา แต่ครั้งสงครามชิงช้างเผือกในปีพุทธศักราช 2106 ขณะที่เจ้าแผ่นดินพิษณุโลกก็หาได้ยำเกรงสมเด็จพระมหินทร์เช่นสมเด็จพระมหาจักรพรรดิ เมื่อเห็นการใดมิควรก็บังคับบัญชาให้สมเด็จพระมหินทร์ ปฏิบัติตามพระประสงค์จนเป็นที่ขุ่นเคืองพระราชหฤทัยกษัตริย์อยุธยาพระองค์ใหม่ ถึงกับหันไปสมคบกับสมเด็จพระไชยเชษฐาธิราช พระเจ้ากรุงศรีสัตนาคนหุตล้านช้าง ร่มขาวร่วมกันแต่งกลเข้าตีเมืองพิษณุโลก แต่กระทำการมิสำเร็จ พระเจ้าหงสาวดีบุเรงนองเห็น เชิงสบโอกาสก็ยกทัพใหญ่เข้าตีกรุงศรีอยุธยาอีกคำรบ ครั้งนั้นสมเด็จพระนเรศวรร่วมโดยเสด็จมากับทัพหงสา แต่หาได้ตามพระเจ้าบุเรงนองลงมาล้อมกรุงศรีอยุธยา ทรงประทับอยู่เพียงเมืองพิษณุโลก มีเพียงสมเด็จพระมหาธรรมราชาโดยเสด็จกษัตริย์หงสาลงมาล้อมกรุง ด้วยตั้งพระทัยจะเกลี้ยกล่อมให้สมเด็จพระมหินทร์ยอมสวามิภักดิ์พระเจ้าบุเรงนอง เพราะเล็งเห็นว่าอยุธยายากจะต่อรบเอาชัยทัพพม่ารามัญ ซึ่งมีกำลังไพร่พลเหนือกว่าได้ หากขัดขืนต่อรบจะได้ยากแก่สมณชีพราหมณ์อาณา ประชาราษฎร์ ศึกครั้งนั้นสมเด็จพระมหาจักรพรรดิทรงลาผนวชมาบัญชาการรบด้วยพระองค์เอง แต่อยู่ได้มิช้านานก็เสด็จสวรรคตเสียระหว่างศึก พุทธศักราช 2112 มะเส็งศก วันอาทิตย์ เดือน 9 แรม 11 ค่ำ กรุงศรีอยุธยาก็เสียแก่พระเจ้าหงสาวดีบุเรงนอง
    ข้างสมเด็จพระนเรศวรซึ่งประทับอยู่ยั้งยังนครพิษณุโลกแต่ต้นศึก หาได้ทรงเห็นงามหรือคิด ครั่นคร้ามอ่อนน้อมต่อหงสา ถึงจะทรงรู้ซึ้งว่าสมเด็จพระมหาธรรมราชาพระราชบิดามิได้คิดคดเป็นกบฏต่อแผ่นดิน แต่ก็หาได้เห็นด้วยกับการอ่อนข้อสวามิภักดิ์พม่ารามัญ น้ำพระทัยอันมั่นคง เด็ดเดี่ยวนั้น ถึงแม้จะมิได้แพร่งพรายถึงพระกรรณพระเจ้าบุเรงนอง แต่ก็ประจักษ์อยู่ในหมู่ ข้าราชบริพารใกล้ชิดผู้รักและหวงแหนในเอกราชของแผ่นดิน จึงพากันนิยมในน้ำพระทัย แลพร้อมใจถวายความจงรักภักดีแต่นั้นมา ครั้นเสร็จศึกอยุธยาพุทธศักราช 2112 สมเด็จพระมหาธรรมราชา ทรงถวายพระสุพรรณกัลยา พระพี่นางสมเด็จพระนเรศวร แก่พระเจ้าหงสาวดีบุเรงนอง แลขอตัวสมเด็จพระนเรศวรไว้ช่วยราชการข้างอยุธยา สมเด็จพระนเรศวรจึงประทับยั้งอยู่ยังเมืองพิษณุโลกสืบต่อมา ครั้นลุปีพุทธศักราช 2114 สมเด็จพระมหาธรรมราชา ซึ่งพระเจ้าบุเรงนองสถาปนาขึ้นเป็นกษัตริย์ครองกรุงศรีอยุธยา สืบต่อจากสมเด็จพระมหินทร์ ก็โปรดให้สมเด็จพระนเรศวรเสวยราชย์ครองเมืองพิษณุโลก เป็นใหญ่เหนือหัวเมืองเหนือทั้งปวง

    [​IMG]

    เหตุการณ์ข้างพม่า หลังจากพระเจ้าหงสาวดีบุเรงนองสิ้นพระชนม์ในปีพุทธศักราช 2124 พระเจ้านันทบุเรงได้ขึ้นเสวยราชสืบต่อ และได้สถาปนามังสามเกียดขึ้นเป็นรัชทายาทครองตำแหน่งมหาอุปราชาแห่งราชอาณาจักรหงสาวดี เมื่อแผ่นดินหงสามีอันต้องผลัดมือมาอยู่ในปกครองของ พระเจ้านันทบุเรง สัมพันธไมตรีระหว่างอยุธยาและหงสาวดีก็เริ่มสั่นคลอน ด้วยพระเจ้าหงสาวดี พระองค์ใหม่มิได้วางพระทัยในสมเด็จพระนเรศวร และสมเด็จพระนเรศวรเองก็หาได้เคารพยำเกรงในบุญบารมีของพระเจ้าแผ่นดินพม่ารามัญเช่นกาลก่อน มิเพียงเท่านั้น สมเด็จพระนเรศวรยังได้ทรงแสดงพระปรีชาสามารถให้เป็นที่ปรากฏครั่นคร้าม ดังคราวนำกำลังทำยุทธนาวีกับพระยาจีนจันตุและศึกเมืองคังเป็นอาทิ พระเจ้านันทบุเรงทรงเกรงว่าสืบไปเบื้องหน้าสมเด็จพระนเรศวรจะเป็นภัยต่อพระราชวงศ์แลแผ่นดินหงสา จึงหาเหตุวางกลศึก หมายจะปลงพระชนม์สมเด็จพระนเรศวรเสียที่เมืองแครง แต่พระมหาเถรคันฉ่องพระราชครูลอบนำแผนประทุษร้ายนั้นมาแจ้งให้ศิษย์รักได้รู้ความ สมเด็จพระนเรศวรจึงถือเป็นเหตุประกาศเอกราช ตัดสัมพันธไมตรีกับหงสาวดี แลกวาดต้อนครัวมอญไทยข้ามแม่น้ำสะโตงกลับคืนพระนคร ซึ่งเป็นชนวนให้พระเจ้านันทบุเรงเปิดมหายุทธสงครามสั่งทัพเข้ารุกรานราชอาณาจักรอยุธยาสืบแต่นั้นมา

    ฉากใหญ่ / ฉากสำคัญ
    - ฉากการเจรจาหย่าศึกระหว่างอโยธยากับหงสาวดี
    หลังจากพม่าเข้าตีพิษณุโลกได้ โดยสมเด็จพระมหาธรรมราชาจำต้องยอมสวามิภักดิ์ ด้วยเกิดโรคระบาดและขาดไพร่พล พระเจ้าหงสาวดีบุเรงนองจึงขอตัวพระนเรศ ( สมเด็จ พระนเรศวร) ซึ่งยังทรงพระเยาว์เพียง 9 พรรษา ไปเป็นตัวประกัน จากนั้นได้ยกทัพมาเตรียมเข้าตีอยุธยา สมเด็จพระมหาจักรพรรดิจึงขอเจรจาหย่าศึก โดยฝ่ายพม่าขอตัวพระราเมศวรและพระยาจักรี พร้อมกับช้างเผือก 4 เชือกด้วย ( ฉากนี้เป็นการรวมนักแสดงรุ่นใหญ่ทั้งฝ่ายอโยธยาและฝ่ายพม่า)
    - ฉากประกาศอิสรภาพที่เมืองแครง
    <TABLE height=366 cellSpacing=3 cellPadding=2 width=563 border=0><TBODY><TR><TD width=252 height=360>[​IMG]
    </TD><TD width=294>เมื่อแผ่นดินหงสาวดีผลัดมือมาอยู่ในปกครองของพระเจ้านันทบุเรง สัมพันธไมตรีระหว่างอยุธยาและหงสาวดีก็เริ่มสั่นคลอน ด้วยพระเจ้าหงสาวดีพระองค์ใหม่ มิได้วางพระทัยในสมเด็จพระนเรศวร และสมเด็จพระนเรศวรเองก็หาได้เคารพยำเกรง
    แต่พระมหาเถรคันฉ่องพระราชครู ลอบนำแผนประทุษร้ายนั้นมาแจ้งให้ศิษย์รักได้รู้ความ สมเด็จพระนเรศวรจึงถือเป็นเหตุประกาศเอกราช หลั่งทักษิโณทกตัดสัมพันธไมตรีกับหงสาวดี และกวาดต้อนครัวไทยครัวมอญ ข้ามแม่น้ำสะโตง กลับคืนพระนคร ซึ่งเป็นชนวนให้พระเจ้านันทบุเรง เปิดมหายุทธสงครามส่งทัพเข้ารุกรานราชอาณาจักรอยุธยาสืบแต่นั้นเป็นต้นมา (เป็นฉากสำคัญตามประวัติศาสตร์ที่ทำให้ตระหนักถึงความยิ่งใหญ่ของคำว่า“ อิสรภาพ”) </TD></TR></TBODY></TABLE>​
    - ฉากการซุ่มโจมตีที่ช่องเขาขาด
    [​IMG]

    หลังจากที่สมเด็จพระนเรศวรทรงหลั่งทักษิโณทกประกาศอิสรภาพแล้ว ทรงให้ไพร่พลเร่งสร้างสะพานข้ามแม่น้ำสะโตงเพื่อนำชาวไทยชาวมอญทั้งหลายกลับอยุธยา ระหว่างนั้นกองทัพพม่าก็ติดตามมา จึงทรงมอบหมายให้ออกพระราชมนูทหารเอกนำกำลังบางส่วนไปยั้งทัพไว้โดยซุ่มโจมตีทัพพม่าที่ช่องเขาขาด โดยใช้ยุทธวิธีการรบแบบกองโจร ด้วยฝ่ายไทยมีกำลังน้อยกว่าพม่ามาก นอกจากจุดนี้แล้วก็ยังมีกองกำลังของออกพระชัยบุรี และออกพระศรีถมอรัตน์ที่จัดไว้ยั้งทัพพม่าอีกเป็นระยะ เพื่อถ่วงเวลาให้การสร้างสะพานข้ามแม่น้ำสะโตงแล้วเสร็จ
    ( เป็นฉากรบที่น่าตื่นตาตื่นใจ และมีการใช้เทคนิคพิเศษหลายรูปแบบ ทั้งในขณะถ่ายทำ โดยใช้ลูกไฟซึ่งท่านมุ้ยคิดค้นวิธีการขึ้นเอง ทำจากฟางเคลือบชันหุ้มด้วยโครงไม้ไผ่สาน และในช่วงตัดต่อโดยการใช้คอมพิวเตอร์กราฟฟิคช่วยให้ดูยิ่งใหญ่อลังการ)

    - ฉากพระแสงปืนข้ามแม่น้ำสะโตง
    [​IMG]

    หลังจากที่สมเด็จพระนเรศวรทรงประกาศอิสรภาพที่เมืองแครงแล้ว ก็ทรงกวาดต้อนชาวไทยชาวมอญพาข้ามแม่น้ำสะโตงเพื่อกลับสู่อโยธยา ฝ่ายพม่าก็ส่งทหารออกติดตามมาทันกันที่แม่น้ำสะโตงนี้ และเกิดการสู้รบกันครั้งใหญ่ โดยสมเด็จพระนเรศวรทรงใช้พระแสงปืนนกสับยาวเก้าคืบ ยิงข้ามแม่น้ำสะโตงถูกสุระกำมา- แม่ทัพของพม่าตกจากคอช้างเสียชีวิตอันนับว่าเป็นเรื่องอัศจรรย์มาก ด้วยแม่น้ำกว้างเหลือกำลังปืน เมื่อกองทัพพม่าเห็นว่าแม่ทัพของตนตายด้วยพระบรมเดชานุภาพจึงเลิกติดตาม สมเด็จพระนเรศวรจึงนำไพร่พลกลับอโยธยาได้
    ( ฉากยิ่งใหญ่ที่มีนักแสดงหลักและนักแสดงประกอบมากมาย และใช้เทคนิคการถ่ายทำอย่างน่าสนใจ)

    รายชื่อนักแสดงหลัก
    [​IMG]
    1. สมเด็จพระนเรศวรมหาราช รับบทโดย พ. ต. วันชนะ สวัสดี ​
    <TABLE cellSpacing=2 cellPadding=2 width=517 border=0><TBODY><TR><TD width=246 height=361>[​IMG]</TD><TD width=257>[​IMG]</TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE cellSpacing=2 cellPadding=2 width=517 border=0><TBODY><TR><TD width=246 height=44>2. สมเด็จพระเอกาทศรถ รับบทโดย พ.ท. วินธัย สุวารี </TD><TD width=257>3. ออกพระราชมนู รับบทโดย นพชัย ชัยนาม </TD></TR></TBODY></TABLE>

    [​IMG]
    4. ออกพระชัยบุรี รับบทโดย ปราบต์ปฎล สุวรรณบาง

    5. ออกพระศรีถมอรัตน์ รับบทโดย พ. ต. คมกริช อินทรสุวรรณ ​

    นักแสดงรุ่นใหญ่
    [​IMG]
    6. พระมหาเถรคันฉ่อง รับบทโดย สรพงษ์ ชาตรี

    [​IMG]
    7. สมเด็จพระมหาธรรมราชา รับบทโดย ฉัตรชัย เปล่งพานิช

    [​IMG]
    8. สมเด็จพระมหาจักรพรรดิ รับบทโดย ศรัณยู วงษ์กระจ่าง

    [​IMG]
    9. สมเด็จพระมหินทราธิราช รับบทโดย สันติสุข พรหมศิริ

    [​IMG]
    10. พระราเมศวร รับบทโดย สถาพร นาควิไล

    [​IMG]
    11. พระยาท้ายน้ำ รับบทโดย คมน์ อรรฆเดช

    12. พระยาพิชัย รับบทโดย กรุง ศรีวิไล

    13. พระยาสวรรคโลก รับบทโดย มานพ อัศวเทพ

    [​IMG]
    14. พระยาจักรี รับบทโดย ไพโรจน์ ใจสิงห์

    15. ขุนรัตนแพทย์ รับบทโดย โกวิท วัฒนกุล

    16. เศรษฐี รับบทโดย ดี๋ ดอกมะดัน

    นักแสดงฝ่ายพม่า
    [​IMG]
    17. พระเจ้าหงสาวดีบุเรงนอง รับบทโดย สมภพ เบญจาธิกุล
    [​IMG]
    18. พระเจ้าหงสาวดีนันทบุเรง รับบทโดย จักรกฤษณ์ อำมะรัตน์

    [​IMG]
    19. พระมหาอุปราชา รับบทโดย นภัสกร มิตรเอม
    นักแสดงฝ่ายหญิง
    [​IMG]
    20. มณีจันทร์ รับบทโดย ทักษอร ภักดิ์สุขเจริญ

    [​IMG]
    21. เลอขิ่น รับบทโดย อินทิรา เจริญปุระ

    [​IMG]
    22. หมอกมู รับบทโดย อภิรดี ทศพร

    23. พระวิสุทธิกษัตรี รับบทโดย ปวีณา ชารีฟสกุล

    [​IMG]
    24. พระเทพกษัตรี รับบทโดย ณัฐริกา ธรรมปรีดานันท์

    [​IMG]
    25. พระสุพรรณกัลยา รับบทโดย เกรซ มหาดำรงค์กุล

    [​IMG]
    26. พระนางจันทราเทวี รับบทโดย เปรมสินี รัตนโสภา

    27. มเหสีพระมหินทร์ (1) รับบทโดย ปริศนา กล่ำพินิจ

    28. มเหสีพระมหินทร์ (2) รับบทโดย ปรารถนา ตันติพิพัฒน์

    [​IMG]
    29. ท้าววรจันทร์ รับบทโดย อำภา ภูษิต

    30. แม่นมพุดกรอง รับบทโดย นัยนา จันทร์เรียง

    31. แม่นมทองสุก รับบทโดย เฉลา ประสพศาสตร์
    นักแสดงรุ่นเล็ก
    [​IMG]
    31. พระนเรศวร ( เด็ก) องค์ดำ รับบทโดย ด. ช. ปรัชฌา สนั่นวัฒนานนท์ ( น้องบีเจ)
    32. พระเอกาทศรถ ( เด็ก) องค์ขาว รับบทโดย ด.ช. กรัณย์ เศรษฐี ( น้องเก้า)

    [​IMG]
    33. ออกพระราชมนู ( เด็ก) ไอ้ทิ้ง รับบทโดย ด. ช. จิรายุ ละอองมณี ( น้องเก้า)

    [​IMG]
    34. มณีจันทร์ ( เด็ก) รับบทโดย ด. ญ. สุชาดา เช็คลีย์ ( น้องดาด้า)
    และนักแสดงที่ร่วมเข้าฉากอีกมากมาย
    35. สุระกำมา รับบทโดย โสธรณ์ รุ่งเรือง
    36. ลักไวทำมู รับบทโดย สมชาติ ประชาไทย
    37.พระยาสีหราชเดโช รับบทโดย ธนา สินประสาธน์
    38. พระยาราม รับบทโดย ประดิษฐ์ ภักดีวงษ์
    39. พระยาพิชัยรณฤทธิ์ รับบทโดย อานนท์ สุวรรณเครือ
    40. พระยาพิชิตรณรงค์ รับบทโดย พยัคฆ์ รามวาทิน
    41. พระยาราชวังสรรค์ รับบทโดย ร. อ. กัมปนาท อั้งสูงเนิน
    42. พระยาเสนาภิมุข รับบทโดย YANO KAZUKI

    [​IMG]
    โปสเตอร์ไทย
    [​IMG]
    โปสเตอร์ไทย

    [​IMG]
    โปสเตอร์ไทย
    [​IMG]
    โปสเตอร์ไทย

    [​IMG]
    โปสเตอร์ไทย
    [​IMG]
    หน้าปกแฟ้ม press
    http://www.thaicinema.org/news&scoops49_19naresuan.asp

    <!-- / message -->
     
  20. เกษม

    เกษม ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนพิเศษ สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 พฤศจิกายน 2004
    โพสต์:
    24,696
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +77,192
    <!-- / close content container --><!-- / post #457146 --><!-- post #459528 --><!-- open content container -->
    <!-- this is not the last post shown on the page --><TABLE class=tborder id=post459528 cellSpacing=0 cellPadding=6 width="100%" align=center border=0><TBODY><TR><TD class=thead style="BORDER-RIGHT: #ffffff 0px solid; BORDER-TOP: #ffffff 1px solid; FONT-WEIGHT: normal; BORDER-LEFT: #ffffff 1px solid; BORDER-BOTTOM: #ffffff 1px solid"><!-- status icon and date -->[​IMG] 20-01-2007, 05:43 AM <!-- / status icon and date --></TD><TD class=thead style="BORDER-RIGHT: #ffffff 1px solid; BORDER-TOP: #ffffff 1px solid; FONT-WEIGHT: normal; BORDER-LEFT: #ffffff 0px solid; BORDER-BOTTOM: #ffffff 1px solid" align=right>#9 </TD></TR><TR vAlign=top><TD class=alt2 style="BORDER-RIGHT: #ffffff 1px solid; BORDER-TOP: #ffffff 0px solid; BORDER-LEFT: #ffffff 1px solid; BORDER-BOTTOM: #ffffff 0px solid" width=175>penney<SCRIPT type=text/javascript> vbmenu_register("postmenu_459528", true); </SCRIPT>


    สมาชิก​



    [​IMG]



    เข้ามาครั้งสุดท้ายเมื่อ: วันนี้ 08:58 AM


    วันที่สมัคร: Nov 2005


    สถานที่: กำลังหาที่อยู่บนนิพพานจ้า


    อายุ: 19 ปี


    ข้อความ: 361 <!-- Start Post Thank You Hack -->


    ได้ให้อนุโมทนา 2,918 ครั้ง


    ได้รับอนุโมทนา 670 ครั้ง ใน 172 โพส <!-- End Post Thank You Hack -->


    พลังการให้คะแนน: 118 [​IMG][​IMG][​IMG][​IMG][​IMG][​IMG][​IMG][​IMG]




    </TD><TD class=alt1 id=td_post_459528 style="BORDER-RIGHT: #ffffff 1px solid"><!-- message -->...เวลานี้พระนเรศวรมหาราช เกิดเป็นคนแล้ว และอยู่ในประเทศด้านทิศตะวันออกของประเทศไทย จึงถามท่านบอกว่า พระนเรศวรมหาราชเป็นคนไทย หรือเป็นคนแขก หรือเป็นคนลาว หรือว่าเป็นฝรั่ง ท่านบอกว่า เป็นคนไทยที่เกิดเมืองฝรั่ง และในกาลต่อไปข้างหน้าวาระเข้ามาถึง พระนเรศวรมหาราชจะเข้ามาปกครองประเทศไทยในฐานะเป็น พระมหากษัตริย์.....


    ....เวลาที่ถามเป็นสมัยของรัชกาลที่ 8​



    จากหนังสือ หลวงพ่อธุดงค์ หน้าที่ 40​



    เป็นตอนที่หลวงพ่อ(ฤาษีลิงดำ)ท่านได้ออกธุดงค์ และได้คุยกับภุมเทวดา


    หลวงพ่อท่านก็ได้ถามถึงพระนเรศวรมหาราชค่ะ ​



    ...ขึ้นชื่อว่า พระนเรศวร เกิดชาติไหน รบชาตินั้น.....รบกับความยากจนของคนทั้งชาติ...


    <!-- / message -->​
    </TD></TR></TBODY></TABLE>​
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 25 มกราคม 2007

แชร์หน้านี้

Loading...