ประเทศไทยจะเกิดอุบัติภัยอย่างที่ทำนายกันจริงๆหรือไม่

ในห้อง 'ภัยพิบัติและการเตรียมการ' ตั้งกระทู้โดย koymoo, 25 มกราคม 2005.

  1. เกษม

    เกษม ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนพิเศษ สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 พฤศจิกายน 2004
    โพสต์:
    24,696
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +77,192
    อิหร่านโค่นต้นไม้นับพันพรางร่องรอยปรับปรุงประสิทธิภาพยูเรเนียม
    ข่าวต่างประเทศ[​IMG]

    ลอนดอน 6 มี.ค. - หนังสือพิมพ์เดลี เทเลกราฟ รายงานอ้างแหล่งข่าวกรองจากชาติตะวันตกว่า อิหร่านถอนต้นไม้หลายพันต้นในสวนสาธารณะกรุงเตหะราน เพื่อซ่อนพรางยูเรเนียมที่ได้รับการเสริมสมรรถนะ

    แหล่งข่าวระบุว่าต้นไม้กว่า 7,000 ต้น หายสาบสูญไปจากสวนสาธารณะในเมืองที่ใกล้กับศูนย์วิจัยปรมาณู “ลาวิซาน” ซึ่งการกำจัดต้นไม้เหล่านี้อาจเป็นการทำลายหลักฐานโครงการนิวเคลียร์ของอิหร่านที่ใช้ต้นไม้เป็นแหล่งซุกซ่อนยูเรเนียมที่ได้รับการเสริมสมรรถนะ

    รายงานข่าวอ้างเจ้าหน้าที่ชาติตะวันตกระบุว่า อิหร่านไถพรวนหน้าดินถึงระดับความลึก 6 นิ้ว เพื่อกลบเกลื่อนร่องรอยกิจกรรมนิวเคลียร์ และการถอนต้นไม้ก็เป็นอีกมาตรการหนึ่งที่อิหร่านเตรียมไว้หลบซ่อนโครงการนิวเคลียร์ที่ไม่ชอบมาพากลของตนเอง

    นักการทูตเคยกล่าวไว้เมื่อปลายเดือนมกราคมว่า บริเวณซึ่งเป็นที่ตั้งของอดีตค่ายทหารลาวิซานกำลังถูกผู้เชี่ยวชาญจากทบวงการพลังงานปรมาณูระหว่างประเทศ (ไอเออีเอ) สืบหาแกะรอยยูเรเนียม โดยมีสิ่งที่น่าสงสัยคือ อาคารต่าง ๆ ถูกรื้อถอน และมีการปรับพื้นที่หลังจากปิดค่ายทหารแห่งนี้เมื่อปี 2547

    รายงานข่าวดังกล่าวเกิดขึ้นในช่วงเวลาเดียวกับที่สหประชาชาติจะประชุมในสัปดาห์นี้ที่กรุงเวียนนา เพื่อพิจารณารายงานของนายโมฮัมเหม็ด เอลบาราเด ผู้อำนวยการ ไอเออีเอ ระบุว่า อิหร่านกำลังท้าทายคำเรียกร้องของไอเออีเอ ที่ให้ยุติโครงการเสริมสมรรถนะแร่ยูเรเนียม และร่วมมืออย่างเต็มที่กับเจ้าหน้าที่สอบสวนของไอเออีเอ. - สำนักข่าวไทย



    [ 2006-03-06 : 15:48:12 ]

    หิมะตกหนักกวาด 17 ชีวิต ในยุโรป
    ข่าวต่างประเทศ[​IMG]

    เจนีวา 6 มี.ค. - หิมะตกหนักและลมแรงพัดกระหน่ำทั่วยุโรปตลอดสุดสัปดาห์ที่ผ่านมา ทำให้มีผู้เสียชีวิตอย่างน้อย 17 คน จากทั้งอุบัติเหตุและหิมะถล่มอันเนื่องมาจากสภาพอากาศไม่ดีในเยอรมนี ฝรั่งเศส อิตาลี และสวิตเซอร์แลนด์
    ประชาชนนับพันในฝรั่งเศสและทางใต้ของเยอรมนี ต้องอาศัยนอนในรถยนต์ รถไฟ หรือศูนย์ที่พักฉุกเฉิน เนื่องจากหิมะตกหนักปกคลุมทั่วเทือกเขาแอลป์ ส่งผลให้เจ้าหน้าที่ต้องออกประกาศเตือนภัยระวังหิมะถล่มและปิดกั้นพื้นที่เล่นสกีหลายแห่ง นอกจากนี้ ยังเกิดหิมะถล่มบริเวณเทือกเขาแอลป์ทางใต้ของสวิตเซอร์แลนด์ ทำให้มีผู้หญิงเสียชีวิต 1 คน และมีชายชาวนอร์เวย์ 1 คน เสียชีวิตทางตะวันออกเฉียงเหนือของอิตาลี
    ที่เยอรมนี มีจำนวนผู้เคราะห์ร้ายมากที่สุด โดยมีผู้เสียชีวิต 10 คน และอีกนับร้อยคนได้รับบาดเจ็บในอุบัติเหตุจากหิมะตกหนัก กำหนดการเดินทางโดยเที่ยวบินระหว่างประเทศที่เมืองแฟรงก์เฟิร์ต ต้องล่าช้าออกไป ขณะที่ท่าอากาศยานที่เมืองมิวนิก และการบริการรถไฟทั่วแคล้นบาวาเรีย ประสบปัญหาเพราะหิมะตกหนัก เช่นเดียวกับการบริการรถไฟในฝรั่งเศสและสวิตเซอร์แลนด์ ที่ได้รับผลกระทบเหมือนกัน. – สำนักข่าวไทย



    [ 2006-03-06 : 10:03:58 ]

    ไต้หวันไม่สนคำเตือนจีนเรื่องแยกตัว
    ข่าวต่างประเทศ[​IMG]

    ไทเป 5 มี.ค.- ทางการไต้หวันไม่สนใจที่นายกรัฐมนตรีเหวิน เจียเป่า ของจีนเตือนไม่ให้เคลื่อนไหวแยกตัวเป็นเอกราช โดยระบุว่าอนาคตของไต้หวันควรตัดสินโดยคนไต้หวันไม่ใช่รัฐบาลจีน

    นายหวง เว่ยเฟิง รองผู้อำนวยการสภากิจการจีนแผ่นดินใหญ่ของไต้หวัน กล่าวว่า คำเตือนของผู้นำจีนวันนี้ในการเปิดประชุมประจำปีสมัชชาประชาชนแห่งชาติ หรือรัฐสภาจีน ที่เตือนไต้หวันไม่ให้แยกตัวนั้น ไม่มีเรื่องใดใหม่เลย ไต้หวันไม่รู้สึกแปลกใจเพราะจีนทำเช่นนี้มาตลอด จีนบอกว่าฝากความหวังไว้กับชาวไต้หวัน แต่แท้จริงแล้วไม่เคยทราบเลยว่าชาวไต้หวันคิดและต้องการอะไร นายหวงระบุด้วยว่า ไต้หวันเป็นสังคมประชาธิปไตย จึงเป็นเรื่องปกติที่ผู้คนมีความคิดเห็นแตกต่างหลากหลาย แต่อนาคตของไต้หวันต้องตัดสินโดยชาวไต้หวัน 23 ล้านคน

    ความตึงเครียดระหว่างจีนและไต้หวันปะทุขึ้นรอบใหม่ เมื่อประธานาธิบดีเฉิน สุย เปี่ยน ของไต้หวัน ท้าทายแรงกดดันของรัฐบาลสหรัฐและรัฐบาลจีนด้วยการประกาศยุบสภารวมชาติอย่างเป็นทางการเมื่อสัปดาห์ก่อน รัฐบาลไต้หวันอ้างว่า สภาดังกล่าวไม่ได้เกิดจากการตัดสินใจของชาวไต้หวัน แต่เกิดจากพรรคก๊กมินตั๋ง ซึ่งเป็นรัฐบาลชุดก่อนเมื่อปี 2533. - สำนักข่าวไทย


    [ 2006-03-05 : 14:31:44 ]

    พบผู้ติดเชื้อโรคปากเท้าเปื่อยในมาเลเซีย เพิ่มอีกกว่า 600 คน

    สถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคมือ เท้า และปากเปื่อยในมาเลเซีย ล่าสุดพบผู้ติดเชื้อเพิ่มอีกกว่า 600 คน

    สถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคมือ เท้า และ ปากเปื่อย ในรัฐ ซาราวัก ทางภาคตะวันออกของมาเลเซีย จนถึงขณะนี้พบผู้ป่วยแล้วเกือบ 1,000 คน หลังพบผู้ติดเชื้อเพิ่มอีก 601 คน ในช่วงไม่กี่วันที่ผ่านมา แม้ทางการได้เดินหน้าตรวจสอบ และเพิ่มมาตรการป้องกันการแพร่ระบาด โดยเฉพาะอย่างยิ่งในเด็กวัยอนุบาล ทั้งนี้ ตั้งแต่ต้นเดือนที่ผ่านมา ทางการมาเลเซียได้สั่งปิดโรงเรียนอนุบาลในรัฐซาราวัก บนเกาะบอร์เนียว หวังหยุดยั้งการแพร่ระบาดของโรค

    ผู้ที่ติดเชื้อมือเท้าและปากเปื่อย จะมีอาการหลายอย่าง ทั้งเป็นผื่นคัน ระคายเคืองตามผิวหนัง ไปจนกระทั่งมีไข้สูง เด็กที่อายุต่ำกว่า 10 ขวบ หากติดเชื้อดังกล่าว จะมีอาการรุนแรงและอันตรายกว่าผู้ที่มีอายุมากกว่า



    [ 2006-03-07 : 11:08:10 ]

    ที่มาhttp://tna.mcot.net/search.php?type=2#
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 7 มีนาคม 2006
  2. วิปจิตัญญู

    วิปจิตัญญู เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 กุมภาพันธ์ 2006
    โพสต์:
    88
    ค่าพลัง:
    +850
    มัวแต่โพส เรื่อง ในอนาคต จนลืมเรื่องปัจจุบัน
    เอาเวลานั่งอ่านกระทู้ นี้ แทบทั้งวันไป บำเพ็ญ อานิสงค์ ไม่รู้เท่าไหร่ เวลาเหลือน้อยแล้วนะ รีบๆ ทำความดี



    อ่านแล้วตัดกิเลสได้มั้ย อ่านแล้ว เปลี่ยน อนาคตไดมั้ย อ่านแล้ว เป็นสุขมั้ย ทุกข์รึป่าว แล้วอ่านทำไม

    อ่านสิ่งที่มันทำให้ตัดกิเลส สิ่งที่ นำความสุขที่แท้จริงมาให้ดีกว่า นิพพาน ไง หาทางออกกันเจอรึยัง [b-wai]
     
  3. ๑กุหว่าใจ๋๑

    ๑กุหว่าใจ๋๑ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    15 มกราคม 2006
    โพสต์:
    371
    ค่าพลัง:
    +2,730
     
  4. วิปจิตัญญู

    วิปจิตัญญู เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 กุมภาพันธ์ 2006
    โพสต์:
    88
    ค่าพลัง:
    +850
     
  5. ๛โอ๊ต๛

    ๛โอ๊ต๛ สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 มีนาคม 2006
    โพสต์:
    4
    ค่าพลัง:
    +15
    มีเกิดก็ต้องมีตาย มีเริ่มก็ต้องมีจบ มีสร้างก็ต้องมีทำลาย ทุกสิ่งทุกอย่างล้วนจบสิ้นด้วยกันหมดทุกอย่าง โลกเราเกิดมาได้ก็ต้องมีตายหายทำลายตายจากไป ดังเช่นคนเรา มีเกิดก็ต้องมีตาย ความตายเป็นสิ่งที่เลี่ยงไม่ได้ ทุกสิ่งทุกอย่างต้องมีวันดับ แล้วแต่ว่าจะดับเมื่อไรเวลาใด วันไหน เราไม่สามารถรู้ได้เพราะฉะนั้น การดับ สูญ สิ้น หาย ตาย จาก เป็นเรื่องธรรมดา....
     
  6. เกษม

    เกษม ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนพิเศษ สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 พฤศจิกายน 2004
    โพสต์:
    24,696
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +77,192
    มหาสงกรานต์ จุดเชื้อไฟกลางเมือง

    วันขึ้นปีใหม่สากล ตรงกับวันที่ 1 มกราคม 2549 เวลา 00.00 น.(24.00น) สำหรับการพยากรณ์ของไทยได้นำการพยากรณ์วันมหาสงกรานต์รวมไว้ด้วย ตามปฏิทินโหราศาสตร์ประจำปีตรงกับวันที่ 14 เม.ย. 2549 เวลา 06.30น. 36 วินาที ตรงกับวันศุกร์แรม 2 ค่ำ เดือน 5 ปีจอ สัปตศก 1367 เปลี่ยนเป็นจุลศักราช 1368 ในวันที่ 16 เม.ย. 2549 เวลา 10.28 น. 12 วินาที เรียกว่าปีจอ อัฐศก พระอาทิตย์ยกจากราศีมีนเข้าสู่ราศีเมษ

    ภิญโญ พงศ์เจริญ นายกสมาคมโหราศาสตร์นานาชาติ ตั้งสมญานามประจำปีจอว่า "ปีสุนัขจนตรอก" เนื่องจากคนอยู่ในภาวะกดดันต้องใช้ความเพียรพยายามในการต่อสู้ดิ้นรนต่อสู้เพื่อการดำรงชีวิต พยากรณ์ว่าปริชนทั้งหลายจะบังเกิดความใคร่วิปริตเป็นอันมาก วันศุกร์เป็นวันมหาสงกรานต์ ข้าว น้ำ ลูกหมาก รากไม้ทั้งหลายจะอุดม แต่จะแพ้เด็ก ฝนและพายุจะชุม จะเจ็บตายกันมากนักแล

    อีกตำราหนึ่งทายว่า เทวดาจะรักษาคนทั้งหลาย ผู้ประพฤติดีอยู่ดีกินดี บ่มีความใคร่ ข้าวจะงาม คนจะเกิดความศรัทธา ทำบุญให้ทาน จะเกิดความสุขแก่คนทั้งหลายแล วันเนา พยากรณ์ว่าข้าวปลาจะแพง จะเกิดเพลิงกลางเมือง ข้าราชการชั้นผู้ใหญ่จะต้องโทษ ข้าวจะตายฝอย น้ำจะน้อยกว่าทุกปี ชีพราหมณ์จะร้อนใจนัก ผลาผลผักจะแพง วันอาทิตย์เป็นวันเถลิงศก พระมหากษัตริย์จะเรืองอำนาจ มีชัยชนะแก่ศัตรูทั่วทุกทิศานุทิศ

    สำหรับการพยากรณ์ดวงเมือง เรียกว่า "ดวงกรุงรัตนโกสินทร์" พยากรณ์จากดวงพระฤกษ์ฝังเสาหลักเมือง วันที่ 21 เม.ย. 2325 เวลา 06.54 นาที ตรงกับวันอาทิตย์ขึ้น 10 ค่ำ เดือน 6 ปีขาล จุลศักราช 1144 ลัคนาสถิตราศีเมษ ในวันที่ 21 เม.ย. 2549 จะมีอายุครบ 224 ปี ย่างเข้าสู่ปี 225

    ราหูทับศุกร์-วิกฤติเศรษฐกิจซ้ำรอย

    ดาวศุกร์เป็นเจ้าเรือนกดุมภะ หมายถึง ทรัพย์สินเงินทอง ความรัก เพศตรงข้าม การสมรส ดังนั้นเมื่อราหูทับศุกร์ เกิดปัญหาเศรษฐกิจการเงิน-การคลัง การธนาคาร ภาวะเงินเฟ้อ ใช้เงินไม่เต็มเม็ดเต็มหน่วย แจกสะบั้นหั่นแหลก เรียกว่า ใช้เงินมือเติบ

    "ปัญหาเศรษฐกิจที่ค่อยๆคืบคลานเข้ามา พอราหู(ความมืด)เข้ามาบัง ทับศุกร์สนิทวันที่ 4 เม.ย. ทำนายว่าใช้เงินเปลืองจนหมด ดังนั้น สถาบันการเงิน ธนาคาร ไฟแนนซ์ สินเชื่อ หรือกิจการขนาดกลางจะมีปัญหา ดูเหมือนจะเกิดวิกฤติเศรษฐกิจอีกรอบ แต่ลีลาการเกิดจะไม่เหมือนกับวิกฤติเศรษฐกิจในปี 2539-2540 จากครั้งที่ผ่านมากระทบนักลงทุน ครั้งนี้จะกระทบเป็นบริเวณกว้างกว่ายังประชาชนในระดับรากหญ้า"

    "โทษทุกข์" ไพร่ฟ้าหน้าเศร้า

    ตามหลักโหราศาสตร์ ดาวเสาร์หมายถึงดาวโทษทุกข์ ความเครียด ความวิตกกังวล เป็นเจ้าเรือนภพที่ 10 คือ กัมมะ หมายถึงคณะรัฐมนตรี ดังนั้นจะเห็นว่าในปี 2548-2550 ดาวเสาร์โคจรมาสู่ภพที่ 4 พันธุ หมายถึงที่ดิน ที่อยู่อาศัย สิ่งปลูกสร้าง กิจการอสังหาริมทรัพย์ ดังนั้นรัฐจะมีการสร้างสาธารณูปโภคต่างๆมากมาย แต่เนื่องจากพระเสาร์มีมาตรฐานเป็นปรเกษตร หมายถึงอ่อนแอ แปรปรวน ความเครียด ความชักช้า ดังนั้น โครงการต่างๆที่วางไว้จะมีอุปสรรค์ ความสำเร็จเกิดขึ้นน้อย ส่วนกิจการอสังหาริมทรัพย์มีปัญหา รุนแรงยิ่งขึ้นช่วงกลางปีไปแล้ว

    อังคารชี้ดวงเมืองแตกแยก

    ดาวอังคารและดาวเสาร์เป็นดาวคู่อุบัติเหตุ เมื่ออังคารไล่ทันเสาร์ควรระวังเรื่องของอุบัติภัยและภัยธรรมชาติ ประการหนึ่งอังคารและเสาร์ทับจันทร์ในราศีกรกฏ ซึ่งเป็นภพพันธุของดวงเมือง ทำให้เกิดความตึงเครียด อุบัติเหตุ การทะเลาะเบาะแว้งกันได้ง่าย ครอบครัวมีปัญหาเกิดความแตกแยก ดาวอังคารกับดาวจันทร์คือดาวคู่ชู้ ดังนั้นจะมีปัญหาเกี่ยวกับชู้สาว อังคารโคจรเล็งมฤตยูในราศีกุมภ์วันที่ 14 ส.ค.ช่วงดังกล่าวจะมีปัญหาเรื่องเด็กและเยาวชนทั้งเรื่องดีและไม่ดี อังคารสถิตราศีกันย์โคจรเล็งราหูในราศีมีน ระหว่าง 29 ส.ค.-14 ต.ค.เล็งสนิทองศาวันที่ 1 ก.ย.ทำนายว่าการเดินทางทางอากาศอาจเกิดปัญหาได้ เกิดวาตภัย-อุทกภัย

    จันทร์ดับรัฐอับโชค

    อาจารย์ภิญโญพยากรณ์ต่อไปว่าในปี 2549 จะเกิดคราสทั้งหมด 3 ครั้ง ดังนี้ ครั้งที่ 1 วันที่ 15 มี.ค.เวลา 06.37 น. จันทรุปราคาในราศีกันย์ อาณาเขตของโจฬฤกษ์ ระยะเวลาดังกล่าว (ก่อน-หลัง 1 เดือน) ก่อให้เกิดเรื่องที่ส่งผลยุ่งยากสลับซับซ้อนเกินกว่าการสอบสวน ปัญหานัดหยุดงาน อาชญากรรมเกิดมาก โรคภัยไข้เจ็บในคนและสัตว์ระบาดหนัก มีความยุ่งยากวงการศาสนาและการศึกษา

    "การเดินทางระยะนี้ควรระมัดระวัง ระวังการพังทลายของดิน ดินแดนอาณาเขตมีปัญหา การค้าและพืชผลทางการเกษตรได้รับความเสียหาย รัฐบาลมีความอับโชคมีคะแนนนิยมตกต่ำ ดาวเสาร์ทับจันทร์ทำให้คะแนนนิยมตกต่ำ เพราะปัญหาเศรษฐกิจการเงินการคลัง และปัญหาการคอร์รัปชั่น การเอารัดเอาเปรียบ ฉกชิงวิ่งราวเกิดขึ้นทั่วไป งานบริการที่เคยโดดเด่นกลับทรุดลง สุขภาพและโครงการเกี่ยวสุขภาพของประชาชนกระทบกระเทือน"

    ครั้งที่ 2 วันที่ 29 มีนาคม 2549 เวลา 07.17 น.เกิดสุริยุปราคาในราศีมีน อาณาเขตของราชาฤกษ์ เกิดปัญหาคล้ายคลึงกับครั้งแรก ปัญหาเรื่องน้ำ พายุลูกเห็บที่รุนแรง บางพื้นที่เกิดฝนหลงฤดู สร้างความเสียหาย ระวังเรื่องอุทกภัย ความตายอันเกิดจากการจมน้ำ รัฐบาลประสบปัญหาอย่างรุนแรงเรื่องการแก้ปัญหาภัยแล้ง อาชีพเกี่ยวกับน้ำมีปัญหา โรคภัยไข้เจ็บระบาดหนักเป็นโรคที่มาจากของเหลว ให้ระมัดระวังสุขภาพ ความปลอดภัยของบุคคลสำคัญ บุคคลสำคัญของประเทศจะถึงแก่กรรม เกิดวิกฤตศรัทธาผู้นำ เกิดในภพที่ 12 คือ ภพวินาศของดวงเมืองจะนำปัญหาและความเศร้าโศกมาสู่ประชาชน

    ครั้งที่ 3 วันที่ 8 กันยายน เวลา 01.43 น. เกิดจันทรุปราคาในราศีกุมภ์ มีผลเป็นระยะเวลานาน บางกรณีเกิดอย่างฉับพลันทันด่วน เหตุการณ์รุนแรงเหนือความคาดหมาย มีการตายของบุคคลสำคัญ เรื่องของโรคระบาด โรคภัยไข้เจ็บทำให้คนตายกันมาก

    "ผู้มีอิทธิพลจะเข้าครอบงำรัฐสภาอย่างหน้าด้านที่สุด เกิดภัยพิบัติใหญ่โต ราศีกุมภ์เป็นวาโยธาตุก่อให้เกิดลมพายุทำลายล้างรุนแรง มีปัญหาการร่างกฎหมาย หลายฉบับ มีปัญหา พรรคการเมืองมีการแตกแยกอย่างเห็นได้ชัด ความสัมพันธ์ระหว่างประเทศถูกรบกวนและผันแปร เกิดปัญหาสนธิสัญญาระหว่างประเทศ ประเทศเพื่อนบ้านขาดความนิยม คราสครั้งนี้เกิดในอาณาเขตของเพชฌฆาตฤกษ์ มีการใช้อำนาจของผู้ปกครองอย่างเฉียบขาดต่อประชาชน ทำให้ถึงแก่ความตายอย่างเฉียบพลัน อาจจะเป็นสัตว์ก็ได้ ถ้ามีปัญหา เกิดในภพลาภะของดวงเมืองทำให้พรรคการเมือง รัฐสภาเกิดความแตกแยกรุนแรง สมาชิกสภาจะถึงแก่กรรมกันมากและมีการเลือกตั้งซ่อม"

    ครั้งที่ 4 เกิด 22 กันยายน 2549 เวลา 18.47 น. เกิดสุริยุปราคาในราศีกันย์ ก่อให้เกิดปัญหาคล้ายครั้งที่ 1เนื่องจากอยู่ในราศีเดียวกัน แต่เนื่องจากเป็นสุริยปราคาจึงมีความรุนแรงกว่า

    "ปีหน้าคราสเกิดในราศีธาตุดิน 2 ครั้ง ดังนั้นเรื่องของการพังของดิน แผ่นดินทรุดถล่มยังต้องจับตามองตามความหมายพระเคราะห์ดวงใหญ่ ราหู ดาวเสาร์ ดาวพฤหัสฯโคจรอยู่ในราศีธาตุน้ำให้ผลค่อนข้างแรงชัดเจน ปีหน้าให้จับตาราหูย้ายราศีในวันที่ 29 ก.ย. และดาวพฤหัสฯย้ายราศีจากราศีตุลย์เข้าสู่ราศีพิจิกวันที่ 22 ต.ค. ดาวฝ่ายเทพและมารย้ายมาคุมเชิงกัน"

    ที่มาhttp://www.manager.co.th/Daily/ViewN...=9480000177584
     
  7. 431240

    431240 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    31 กรกฎาคม 2005
    โพสต์:
    189
    ค่าพลัง:
    +643
    คุณเกษมครับวันนี้ได้มีการออกข่าวเตือนภัย จากคุณปลอด ประสพ ว่าเมื่อ 48 ชั่วโมงที่ผ่านมา ได้เกิดแผ่นดินไหวขึ้น 31 ครั้ง ในบริเวณรอยเลื่อนทะเลระนอง ซึ่งในบริเวณนี้เป็นผลจากการเกิด สึนามิในครั้งก่อน ให้ชาวบ้านช่วยกันสังเกตุดูว่าสัตว์นำมีความผิดปกติอย่างไร และดูว่ามีฟอง อากาศที่มีกลิ่นของฟอสฟอรัส หรือไม่ ถ้ามีให้รีบแจ้ง เพราะในบริเวณดังกล่าวอาจเป็นภูเขาไฟใต้น้ำซึ่งถ้าเกิดระเบิด จะเกิดการแทนที่ของน้ำจำนวนมหาศาล ซึ่งจะทำให้เกิคลื่นยักษ์สึนามิขึ้น ส่วนรายละเอียดลึกคงต้องติดตามจากข่าวต่อไป
    ผมเองก็ติดตามอ่านข้อความที่คุณเกษมแจ้งไว้ ซึ่งส่วนใหญ่จะสรุปได้ใกล้เคียงกับที่ผมทราบมาเช่นกัน ในส่วนตัวได้เจอบทพิสูจน์ด้วยตนเองประมาณ 4 ครั้ง ตั้งสึนามิครั้งแรก แผ่นดินไหวในอินเดีย และน้ำท่วมในอำเภอที่ผมอยู่ 2 ครั้ง ซึ่งเหตุการณ์เหล่านี้ผมจะพูดในที่ทำงานบ่อยจนเพื่อนพากันหัวเราะ โดยเฉพาะผู้จัดการเจ้านายผม จนตอนหลังๆ เขาก็เริ่มหยุดแล้วหันมาถามผมว่าจะเกิดอะไรอีก แต่ผมก็บอกไปว่าไม่มีอะไรเพราะกลัวเขาไม่เชื่อ แต่ก็ยังแอบบอกพวกเพื่อนๆที่ทำงานว่า อาจเกิดแผ่นดินไหว ลมพายุ และ คลื่นยักษ์ แต่ก็จะทำเป็นหัวเราะไปเหมือนแกล้งหลอกเล่นๆ เพราะจริงๆแล้วเป็นการบอกของพระอาจารย์ที่ผมเคารพองค์หนึ่ง ซึ่งท่านจะไม่ค่อยพูดเรื่องพวกนี้ แต่เป็นผมแอบถามท่าน ด้วยมีความกังวลเกี่ยวกับเรื่องน้ำมาก ท่านก็บอกมาประโยคเดียวว่า ปีนี้ภัยธรรมชาติจะเกิดขึ้น 8 เท่า ผมเองก็ไม่เข้าใจว่าหนักกว่าเดิม 8 เท่า หรือบ่อยกว่าเดิม 8 เท่า แต่คิดว่าคงไม่ดีแน่ครับ ยิ่งก่อนหน้านี้ 2 วัน ผู้ใหญ่ที่ผมรู้จักได้มีโอกาสไปนมัสการพระรูปหนึ่งที่สกลนคร และได้ทราบจากคณะศิษย์ของท่านว่า แผ่นดินข้างใต้ตอนนี้แตกจากกันแล้ว และภัยพิบัติก็ถูกเลื่อนระยะเวลาให้ใกล้เข้ามาเนื่องเพราะคนไทยแตกความสามัคคีกัน ซึ่งเวลาที่เกิดอาจจะมีในเดือนเมษายน(ใช้คำว่าอาจจะเพราะจะกำหนดไม่ได้ขึ้นอยู่กับผู้คนจะพากันปฏิบัติธรรมกันมากขึ้นหรือไม่) น้ำจะท่วม 11 จังหวัด และภัยทางน้ำจะเกิดถึงทางใต้ด้วย
    ทั้งหมดนี้คือการได้รับฟังมาจากพระผู้ปฏิบัติ ไม่ได้ให้เชื่อ แต่ให้ชีวิตตั้งอยู่ในความไม่ประมาท รีบทำความดีกันเข้าไว้ ผมก็เหมือนกับคุณเกษม เคยโพสข้อความคล้ายๆคุณ แต่ไม่วายถูกตำหนิ แต่ผมก็ไม่ได้โกรธ เพราะจริงๆแล้วผมก็ไม่ได้หยั่งรู้ เพียงแต่ประสพการณ์ที่ผ่านมา เริ่มที่จะใกล้เคียงกับที่พระท่านเตือนไว้ และท่านก็ไม่ได้บอกให้ทำอะไรเป็นพิเศษนอกจากสร้างความดีไม่ต้องไปมองคนอื่น ให้มองตัวเองว่ายังขาดความดีอะไรก็ให้รีบทำ
    *** คนแต่ละคนอาจมีหน้าที่แตกต่างกันไป ตามแต่บุญบารมีที่ทำมา ***
    *** บางคนอาจจะมีหน้าที่ในการเป็นสื่อกลางของข่าวสาร ยอมเป็นสัจธรรมของคนบ้าเพื่อเตือนให้คนอื่นได้ตระหนักถึงชีวิต เพื่อให้รอดปลอดภัย หากไม่เกิดขึ้นจริงก็ดีใจและยอมเป็นคนบ้าต่อไป ดีกว่าอายไม่กล้าบอกใคร สุดท้ายต้องมานั่งเสียใจที่ไม่ยอมบอกใครๆ จึงยอมทำใจเป็นคนบ้าดีกว่า****
    จาก *** สัจธรรมของคนบ้า****
     
  8. NARKA

    NARKA เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 กุมภาพันธ์ 2006
    โพสต์:
    1,572
    ค่าพลัง:
    +4,560
    แย่ครับแย่
    ลองเอาพลังจิต โหราศาสตร์ วิทยาศาตร์ ดาราศาสตร์ ผสมปนเปกันอย่างนี้
    หลง และ งมงายครับ
    ลองเอาอย่าเขื่อ 10 ประการของพุทธศาสนาใช้ดูนะครับ
    วิทยาศาตร์ ปัฐพีศาสตร์ ดาราศาสตร์ เขามีข้อมูลปัจจุบันอยู่แล้ว ลองค้นคว้าดูครับ
    แม้มนุษย์ยังไม่มีเครื่องมือที่ดีพอ แต่ก็พอพยากรณ์ได้บ้างครับ
    ไม่มีครับ ข้อมูลทั้งหมดที่ถูกนำเสนอมา
    โลกปรับตัว เป็นธรรมชาติ แต่ไม่รุนแรงแบบว่าโลกแตก ยังครับ ยัง
    แต่อาการของมันส่งผลกระทบแน่นอน ประเทศที่เจอแผ่นดินไหวบ่อยๆอย่างญี่ปุ่นรู้ดี
    นี่ถ้าญี่ปุ่น รู้แบบบัวใต้น้ำเหมือนไทย
    ป่านนี้มันทิ้งเกาะเป็นเกาะร้างไปแล้ว เพราะมันไหวแทบทุกวัน
    ของเรานานๆครั้ง จับแพะผสมแกะวุ่นวายไปหมด
    สติ และปัญญาทางวิทยาศาตร์ครับ ช่วยได้
     
  9. mead

    mead เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 เมษายน 2005
    โพสต์:
    8,116
    ค่าพลัง:
    +62,425
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 16 มีนาคม 2006
  10. animejanai

    animejanai เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    27 กรกฎาคม 2005
    โพสต์:
    520
    ค่าพลัง:
    +494
    แก้ไขข้อความ
     
    แก้ไขครั้งล่าสุดโดยผู้ดูแล: 9 พฤศจิกายน 2012
  11. Robert

    Robert เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    21 เมษายน 2005
    โพสต์:
    226
    ค่าพลัง:
    +3,118
    เอามาจาก 1000ทิพ ครับ

    มีใครเคยอ่านหนังสือ "ทำไมลูกน้องไม่ทำงาน" ของ อ. ปริญญา ตันสกุลบ้าง
    ผมได้อ่านหนังสือเล่มนี้เมื่อประมาณ 3 ปีที่แล้ว รู้สึกชื่นชมที่อาจารย์สามารถนำหลักการทางจิตวิทยามาอธิบายสาเหตุที่ลูกน้องไม่ทำงานได้อย่างเป็นเหตุเป็นผล และแนะนำวิธีปรับปรุงได้อย่างน่าสนใจ

    หนังสือเล่มนี้ขายดีเป็นเทน้ำเทท่า จนพิมพ์ครั้งที่ 7 แล้ว และตอนนี้ก็ออกหนังสือแนวเดียวกันชื่อ "ทำไมทีมไม่เวอร์ค" ก็ขายดีเช่นกัน

    หลายๆ ท่านที่อ่านหนังสือที่ อ. ปริญญา เขียนขึ้นมาเกือบทุกเล่มคงจะรู้สึกชื่นชมเหมือนผม (หรือไม่ก็หมั่นไส้ไปเลย) กับคำโฆษณาที่หน้าปกและเนื้อหาในคำนำที่โปรยไว้ว่า

    1. หนังสือดีที่ฝรั่งยังต้องอ่าน
    2. เนื้อหาในหนังสือเล่มนี้ ผู้ประพันธ์เป็นผู้คิดค้นขึ้นมาเอง ไม่ใช่หนังสือประเภท How-to ที่แปลความนำเข้าจากต่างประเทศ
    3. ฯลฯ

    จนเมื่อไม่กี่วันมานี้เอง ผมได้เข้าไปค้นหาหนังสือใน www.bn.com พบหนังสือเล่มนึงชื่อว่า "Why Employees Don't Do What They're Supposed to Do and What to Do About It" เขียนโดย Ferdinand F. Fournies พิมพ์ครั้งแรกเมื่อปี 1989 แค่เห็นชื่อเรื่องก็ดูทะแม่งๆ แล้วครับ เพราะแปลความตรงกับหนังสือฉบับภาษาไทยเป๊ะเลย

    เมื่อเข้าไปดูสารบัญของหนังสือเล่มนี้ก็ต้องหงายหลังเลยครับ เพราะเหมือนกันถึง 95% ดังนี้ครับ

    TABLE OF CONTENTS

    Introduction
    Pt. I The Hidden Reasons for Employee Nonperformance
    1 They Don't Know Why They Should Do It
    2 They Don't Know How To Do It
    3 They Don't Know What They Are Supposed To Do
    4 They Think Your Way Will Not Work
    5 They Think Their Way Is Better
    6 They Think Something Else Is More Important
    7 There Is No Positive Consequence to Them for Doing It
    8 They Think They Are Doing It
    9 They Are Rewarded for Not Doing It
    10 They Are Punished for Doing What They Are Supposed To Do
    11 They Anticipate a Negative Consequence for Doing It
    12 There Is No Negative Consequence to Them for Poor Performance
    13 Obstacles Beyond Their Control
    14 Their Personal Limits Prevent Them from Performing
    15 Personal Problems
    16 No One Could Do It
    Pt. II A New Management Approach That Gets You the Best Results
    17 Use Preventive Management To Maintain Good Performance
    18 Questions and Answers

    ทีนี้ลองมาดูสารบัญของหนังสือ "ทำไมลูกน้องไม่ทำงาน" ฉบับพิมพ์ครั้งที่ 3 บ้างครับ

    บทนำ
    1. พวกเขาไม่เข้าใจว่าทำไมจึงต้องทำงานนั้น
    2. พวกเขาไม่รู้ว่าจะทำงานนั้นอย่างไร
    3. พวกเขาไม่รู้ว่าอะไรคือสิ่งที่เขาต้องทำ
    4. พวกเขาคิดว่าวิธีของนายไม่ได้ผล
    5. พวกเขาคิดว่าวิธีการของตนดีกว่า
    6. พวกเขาคิดว่างานอย่างอื่นสำคัญกว่า
    7. พวกเขาไม่มีสิ่งจูงใจให้ทำงานนั้น
    8. พวกเขาคิดว่าเขากำลังทำงานที่ควรทำนั้นอยู่แล้ว
    9. พวกเขาขาดสิ่งจูงใจในการลงมือทำงานนั้น
    10. พวกเขาถูกบีบคั้นให้ทำงานที่เขาต้องทำนั้น
    11. พวกเขาคาดว่าผลของการทำงานนั้นจะไม่เป็นผลดีต่อตัวเขาเอง
    12. พวกเขาเห็นว่ากฎกติกาไม่ศักดิ์สิทธิ์
    13. พวกเขาเผชิญกับอุปสรรคที่อยู่นอกเหนือการควบคุม
    14. พวกเขามีข้อจำกัดส่วนตัว
    15. พวกเขามีปัญหาส่วนตัว
    16. พวกเขาทำงานนั้นไม่ได้
    17. พวกเขาอยู่ภายใต้การจัดการที่บกพร่อง

    ตามความเห็นของผม นี่เป็นการหลอกลวงผู้อ่านชาวไทยอย่างร้ายกาจครับ เพราะหนังสือฉบับฝรั่งพิมพ์ก่อนหนังสือฉบับภาษาไทยประมาณ 10 ปีได้

    การทำเช่นนี้เลวร้ายกว่าการนำหนังสือฝรั่งมาแปลให้ถูกต้องตามลิขสิทธิ์นะครับ การลอกเนื้อหาของหนังสือผู้อื่นมาแล้วเคลมว่าเป็นการคิดค้นของตัวเอง เป็นการกระทำที่ยอมรับไม่ได้อย่างสิ้นเชิง ทั้งทางพฤตินัยและนิตินัย ถ้าเป็นเมืองนอก เหตุการณ์เช่นนี้ต้องถูกฟ้องร้องจนสิ้นเนื้อประดาตัวแน่ครับ

    หรือจะเป็นไปได้หรือไม่ครับ ที่ อ. ปริญญา และ Mr. Ferdinand F. Fournies ช่วยกันคิดค้นทฤษฎีเหล่านี้ขึ้นมา ถ้าเป็นเช่นนั้น คงเป็นความเข้าใจผิดของผมเองครับ

    จากคุณ : จำปูน - [ 17 ต.ค. 47 20:23:33 A:61.90.124.172 X: TicketID:070618 ]
     
  12. เกษม

    เกษม ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนพิเศษ สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 พฤศจิกายน 2004
    โพสต์:
    24,696
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +77,192
    เผยเหตุแผ่นดินไหวในอินโดนีเซียทำให้เกิดสึนามิ

    ข่าวต่างประเทศ[​IMG]

    อัมบอน 17 มี.ค.
     
  13. REdSHirt

    REdSHirt เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    20 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    65
    ค่าพลัง:
    +382
    กระทู้นี้ นานๆ เข้าที...... แต่ สลดทุกที
     
  14. Tossaporn K.

    Tossaporn K. เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    17 พฤศจิกายน 2005
    โพสต์:
    1,565
    ค่าพลัง:
    +7,747
    บรรดาเหล่าเทพไท้เทวาสิ่งศักดิ์สิทธิ์ทั้งหลายจะถูกอันเชิญขึ้นบนสวรรค์กันหมด

    ผมขออนุญาติโพสต์อีกครั้ง

    เมื่อประมาณปลายเดือนมกราคม 2548 มีเพื่อนที่ปฏิบัติธรรมท่านหนึ่งได้บอกผมไว้ว่าจะมีลางบอกเหตุก่อนที่กรุงเทพและจังหวัดข้างเคียงจะถูกน้ำถ่วมครั้งใหญ่มากอย่างไม่เคยมีมาก่อนในประวัติศาสตร์ของชาติไทยเลย ลางบอกเหตุที่ว่าก็คือจะเกิดการขัดแย้งกันอย่างรุนแรงทั้งทางการเมืองและทางสังคมจนวุนวายกันทั่วแล้วหลังจากนั้น 3 - 4 เดือนก็จะเกิดน้ำท่วมใหญ่ ซึ่งก็ตรงกันกับพระเกจิอาจารย์ท่านหนึ่งเคยบอกผมไว้

    แต่เรื่องที่สองที่เพื่อนคนนี้บอกไว้น่ากลัวกว่ามากเลยครับเขาบอกผมไว้ว่าช่วงตั้งแต่เริ่มลางบอกเหตุไปจนถึงเกิดภัยพิบัติเกิดโรคระบาดตามมาจนผู้คนล้มตายกันมากมายนั้นบรรดาเหล่าเทพไท้เทวาสิ่งศักดิ์สิทธิ์ทั้งหลายจะถูกอันเชิญขึ้นบนสวรรค์กันหมดเลยครับโดยปล่อยให้มนุษย์จัดการกันเอง(หมายถึงฆ่าฟันกันเอง) และยังปล่อยใหดวงวิญญาณเจ้ากรรมนายเวรที่มีความอาฆาตสูงมากมายมาแก้แค้นกับมนุษย์ที่เคยเป็นคู่แค้นกันมาจากอดีตชาติ จนตายกันเป็นเบือ ซึ่งผมได้ลองมองและพิจารณาในเหตุการณ์การที่คนบ้าเข้าไปทำลายรูปปั้นองค์ท้าวพระพรหมที่เอราวัน และ ก็มีคน 2 -3 คนได้เข้าไปรุมทำร้ายจนคนบ้าเสียชีวิตมันช่างเหมือนกับสิ่งที่เพื่อนผมเคยบอกไว้มากๆเลยครับ ผมจะลองวิเคราะห์ให้พิจารณากัน คือว่าท่านท้าวมหาพรหมท่านต้องรู้ล่วงหน้าอยู่แล้วว่าจะมีคนบ้าคนนี้มาทำลายรูปปั้นพระองค์ ซึ่งท่านท้าวมหาพรหมก็น่าที่จะสามารถแก้ไขให้คนบ้าเข้าไปไม่ให้ถึงรูปปั้นองค์ท่านท้าวได้โดยดนใจให้คนที่อยู่บริเวรนั้นเข้าไปห้ามไปกันออกมา แต่เหตุการณ์ดูเหมือนท่านท้าวมหาพรหมถูกเรียกตัวขึ้นข้างบนโดยไม่ให้ช่วยในเหตุการณ์นี้ และสุดท้ายมนุษย์ด้วยกันก็จัดการกันเอง คุณว่ามันน่ากลัวหรือไม่ครับ เพราะนี่เป็นการบอกอ้อมๆล่วงหน้าซึ่งเหตุภายหน้ายังไม่รู้ว่าจะเกิดอะไรที่ใหญ่กว่านี้และมีคนตายมากกว่านี้

    ปี 2549 ถึงปลายปี 2550 เป็นช่วงเวลาที่น่ากลัวและอันตรายมากๆเลยครับขอให้ฝึกสมาธิปฏิบัติธรรมกันมากๆเพื่อเป็นกองทัพธรรมในการช่วยมวลมนุษย์ที่มีจิตเป็นกุศลให้มีชีวิตรอดกันได้มากๆครับ

    สาธุ
    ทศพร
     
  15. เกษม

    เกษม ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนพิเศษ สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 พฤศจิกายน 2004
    โพสต์:
    24,696
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +77,192
    ติดตามค้นหาพระศรีอารย์ในตำนาน

    จากคำทำนายตามคัมภีร์ในศาสนาต่างๆ ต่างยืนยันเป็นเสียงเดียวกันถึงการมาปรากฎตัวของพระศรีอารย์ ภายหลังจากโลกได้รับภัยพิบัติครั้งใหญ่ จึงได้เกิดคำถามตามมามากมายว่าพระศรีอารย์คือใคร มาเกิดในโลกนี้หรือยัง และจะมาปรากฎตัวให้ชาวโลกได้เห็นเมื่อไร และท่านจะมาช่วยเหลือชาวโลกได้อย่างไร

    ผมจึงเกิดความสนใจ ได้ติดตามค้นหาพระศรีอารย์ว่าเป็นใคร? อยู่ที่ไหน? จะมาปรากฎตัวเมื่อไร? จะมาเปลี่ยนแปลงโลกนี้ให้เกิดความสันติสุขอย่างแท้จริงได้อย่างไร?

    จากคัมภีร์ในพระไตรปิฎกกล่าวไว้ว่า "พระศรีอาริยะเมตไตรย" จะมาตรัสรู้เป็นพระพุทธเจ้าหลังจากศาสนาของ"พระสมณโคดม" พระสัมมาสัมพุทธเจ้าองค์ปัจจุบันได้ตั้งอยู่จนครบ ๕,๐๐๐ ปีไปแล้ว
    ซึ่งเป็นสิ่งที่ชาวพุทธทั้งหลายทราบกันดีอยู่แล้ว แต่ยังมีความรู้เรื่องของพระศรีอารย์ที่จะมาเกิดเป็นพระเจ้าจักรพรรดิ (ในฐานะพระโพธิสัตว์ยังไม่มาเป็นพระพุทธเจ้า) ปรากฎอยู่ในคัมภีร์ทางพุทธศาสนาฝ่ายมหายาน กล่าวไว้ว่า

    เอกัง สะมะยัง ในสมัยหนึ่งพระพุทธโคดมได้เสด็จเลียบมาถึงแม่น้ำสายหนึ่ง ในแคว้นสุวัณณภูมิ ซึ่งไหลผ่าน ภูเขาตักกคีรี พระองค์ลงสรงน้ำเรียบร้อยแล้ว ก็เอาผ้าอาบตากไว้บนฝั่งแม่น้ำ จึงเสด็จขึ้นประทับอยู่บนภูเขาลูกนั้น มีลิงแม่ลูกอ่อนฝูงหนึ่งอุ้มลูกออกจากชายป่า พลันก็ถ่ายอุจจาระของมันลงบนผ้าอาบของพระองค์ ซ้ำเอาหว่านเล่นเสียเลอะเทอะ คงเหลืออยู่ชายเดียว ณ บัดนั้นก็ได้มีนกยางปอน (นกยางขาว) ตัวหนึ่งบินมาจับลงที่ศรีษะของแม่ลิงตัวหนึ่ง แล้วก็เหลียวหน้ามองไปโดยรอบทั่วทุกทิศ ในทันใดรัศมี ซึ่งเป็นสีต่าง ๆ ได้พุ่งปราดออกจากพระเขี้ยวทั้งสี่ของพระพุทธเจ้า พระอานนท์ผู้อุปัฏฐาก จึงทูลถามเหตุการณ์อันประหลาดนั้น พระองค์ทรงตรัสพยากรณ์ว่า:-

    "ดูก่อนอานนท์ ผ้าอาบของตถาคต ได้แก่ ศาสนาที่ตถาคตวางไว้ ลิงแม่ลูกอ่อนที่มาถ่ายมูลเลอะเทอะหมดถึง 3 ชายนั้น ได้แก่ กองทัพ ซึ่งจะมารบราฆ่าฟันกันตาย เหลือที่จะคณานับ ศาสนาของตถาคตจะเสื่อมทรุดไปถึง 3 ใน 4 ส่วน คงค้างอยู่แต่เพียงส่วนเดียวและนกยางขาวที่บินมาจับหัวแม่ลิงนั้น คือ พระศรีอาริยเมตไตรยโพธิสัตว์ จะมาปราบอธรรม และช่วยสืบอายุศาสนาของตถาคต เริ่มตั้งแต่ 2,500 ปีขึ้นไป จนครบ 5,000 ปี"

    ในชาติหนึ่งที่พระเมตไตรยมาเกิดเป็นมนุษย์ชาวไร่ กระทำไร่เลี้ยงชีวิตอยู่ริมภูเขา ตักกคีรี ซึ่งเป็นภูเขาเดียวกับที่ฝูงลิงถ่ายอุจจาระใส่ผ้าอาบของพระพุทธเจ้านั้นเอง ขณะที่เมตไตรยกระทาชายวิ่งไล่ขับฝูงลิงที่ลงมากินแตงโมในไร่นั้น ก็เลยวิ่งเลยถลำ ไปเหยียบเอาพระฉาย คือ เงาของพระพุทธเจ้าโดยไม่ทันสังเกต เมื่อเหลียวมาพบพระโคตมะ จิตเลื่อมใสศรัทธา จึงนำเอาแตงโมมาถวาย 7 ลูก แต่มีลูกหนึ่งที่รอยหนูกัดเป็นโพรง กุศลผลทานครั้งนั้น จะส่งท่านมาเกิดเป็นพระยาจักรพัตราธิราชอันประเสริฐ ในท่ามกลางศาสนาของพระตถาคต และจะช่วยสังคายนา ชำระสะสางพระพุทธศาสนาให้เจริญรุ่งเรืองสืบต่อไป ศาสนาของพระพุทธโคดมจะปกแผ่ไปทั่วทั้งเมืองคนขาว เมืองคนเทา ปกแผ่ไปทั่วโลก ส่วนวิบากกรรมที่ท่านได้เหยียบเงาพระตถาคตนั้น เมื่อท่านได้มาเกิดเป็นมนุษย์จะมีรูปร่างหน้าตาขี้ริ้วขี้เหร่ บนศรีษะก็จะมีรอยแผลเป็น ดุจดังรอยหนูเจาะแตงโม แต่ในภายหลัง ท่านจะมีผิวพรรณวรรณะ สวยสดงดงามดั่งเทพบนสวรรค์ เพราะได้บริโภคของทิพย์ ของพระอิศวรเทพเจ้า


    ในปัจจุบันนี้ ได้ปรากฎว่ามีผู้ประกาศตัวว่าเป็นพระศรีอาริยะเมตไตรยกันมากมาย มีความเชื่อแตกต่างกันไปหลากหลายมากมาย บ้างก็ว่าตัวเองได้มโนมยิทธิยังไปคุยกับพระศรีอาริยะเมตไตรยบนสวรรค์ชั้นดุสิตอยู่เลย ท่านยังไม่มาเกิดในโลกมนุษย์ บ้างก็ว่านั่นเป็นเพียงรูปเนรมิตที่ท่านอธิษฐานจิตเอาไว้เท่านั้น ทำให้ยังหาข้อสรุปที่แน่นอนไม่ได้ แต่ถ้ายึดถือตามคัมภีร์ทางพุทธศาสนาฝ่ายมหายาน และคัมภีร์ในศาสนาอื่นๆ ทั้งคำทำนายจากคำภีร์ใบลานต่างๆ รวมทั้งจากผู้มีพลังจิตทั้งหลาย เช่น อ.ปริญญา ตันสกุล ,ดร.สุวินัย ภรณวลัย, คุญอัญญาสิทธิ์, คุณคนไกล ฯลฯ ต่างยืนยันว่าพระศรีอาริยะเมตไตรยโพธิสัตว์ ได้มาเกิดแล้วในประเทศไทยและจะมาปรากฎตัวให้ชาวโลกได้เห็นอนาคตอันใกล้นี้

    ในเรื่องการมาปรากฎตัวของพระศรีอารย์นี้ มีผู้ให้แนวคิดที่น่าสนใจอีกท่านหนึ่งซึ่งเป็นผู้แต่งหนังสือ "สิริอาริยะธัมมิกราชโพธิสัตว์" โดยใช้นามปากกาว่า ทลิททกะ เมษโปดก ได้จินตนาการไว้ดังนี้ครับ

    นิยายการมาปรากฎตัวของพระศรีอารย์โดยทลิททกะ เมษโปดก

    ศรัทธาคือเบื้องต้นของกุศลธรรมปัญญาคือที่สุดแห่งกุศลธรรม ่ส่วนวิริยะสติ สมาธินั้น คือท่ามกลางของกุศลธรรม.....สิ่งที่ผมจะอบรมตนก็อบรมตนด้วยอินทรีย์ 5 เหล่านี้เพื่อความเป็นใหญ่อบรมตนด้วยพละ 5 เหล่านี้เพื่อความเป็นผู้มีกำลังมากและจะอาศัยความเป็นใหญ่นั้นอาศัยกำลังนั้นกระทำประโยชน์ให้แก่โลก


    มาถึงตอนนี้ ผมอบรมตนมาถึงขั้นสติแล้วการออกบวชในข้างหน้า จะอบรมสมาธิภายหลังสมาธิ จะยังไม่ปรากฏเมืองใหม่จะมีก็แต่นิมิตอันเป็นเหตุเพื่อความปรากฏเมืองใหม่และเมื่อการสืบต่อสมาธินั้นไปถึงที่สุด ปัญญาจะปรากฏความสำเร็จทั้งปวงจะปรากฏแก่โลกจริงๆ คือเมืองใหม่ครับผมไม่คลางแคลงในธรรมของพระสัมมาสัมพุทธเจ้าผมจะอาศัยธรรมเหล่านี้ฝึกตน ดำเนินไปและเมื่อกระทำผลสำเร็จดังใจให้ปรากฏได้แล้วผมก็จะกล่าวให้โลกได้ฟังอย่างแจ่มแจ้งว่า ทั้งหมด ปรากฏเพราะอาศัยธรรมเพราะใช้ธรรมเหล่านั้น เพราะศึกษาไปตามลำดับ

    ทีนี้มาวกเข้าเรื่องการแสดงฤทธิ์อันเป็นเหตุที่จะนำไปสู่ความปรากฏเมืองใหม่ทั้งเป็นการล็อกหมู่คณะทำงานด้วยว่า จะปรากฏได้อย่างไร? ผมวางแผนไว้อย่างนี้ครับ

    นิมิตก่อนการแสดงฤทธิ์

    ผมจะอธิษฐานให้ก้อนเมฆบนท้องฟ้า ปรากฏเป็นนกกระเรียนนกกระยางบินมุ่งหน้าเข้าสู่จุดที่ผมจะแสดงฤทธิ์ คือ จุดศูนย์กลางของเมืองใหม่ทางภาคเหนือของไทยเรา (ไม่ได้เอาตามนิยาย ที่ว่าจะแสดงที่อนุสาวรีย์ชัยฯ)กระแสการบินของนกฝูงนี้ คือ บินหมุนวนเข้า คล้ายการเกิดพายุใหญ่ ... ดาวเทียมจะเห็นฝูงนกกระยาง (โกญจะ คือ นกกระยาง, นกกระเรียน .... ผมเข้าใจว่าเรื่องตำนานนกยางไม่ร้องขอกนั้น หากเปลี่ยนคำว่านกยาง เป็นโกญจะเสียก่อนแล้วแปลโกญจะกลับคืนมา จะได้ว่าที่แท้ นกยางไม่ร้องขอกก็คือนกกระเรียนไม่ร้องขอก ... นกกระเรียนคือสัญลักษณ์ของความรักความเมตตาความสัตย์ซื่อ...และอัตถะของนกกระเรียนนั้นเอง แปลงคืนไปจะได้นามของ "เมตไตรย"......ปริศนานกยางไม่ร้องขอกก็คือปริศนาถามว่าทำไมพระเมตไตรยโพธิสัตว์จึงไม่ปรากฏตน ไม่ประกาศตนต่อโลก..........ปริศนานี้พระอินทร์มาผูกไว้เพราะพระอินทร์ก็รู้ไม่ได้ว่า เมื่อไรท่านจึงจะได้พบพระศรีอารย์ท่านรู้แต่ว่า เมื่อนกยางร้องขอก เมื่อนั้นจึงจะรู้ว่าพระศรีอารย์ปรากฏแล้ว....เรื่องการแก้ปริศนานกยางที่ผมเขียนไว้ในนิยายนั้นเป็นการแก้อย่างหยาบ ด้วยอรรถะอันหยาบเมื่อผมบวชหนที่สามแล้วพิจารณาปริศนานี้อยู่ ก็ได้เห็นอรรถะอันลึกกว่านั้นแต่ไม่คิดจะเขียนวางไว้แต่จะเล่าให้ผู้ศรัทธาฟังน่ะครับแล้วผมจึงจะแก้ปริศนานกยางให้ฟังต่อไปนะครับ
    )

    มาต่อกันเรื่องฝูงนกกระยางบินวนเข้าไปแล้ว ดาวเทียมจับภาพได้เห็นเป็นเหมือนพายุใหญ่กำลังเคลื่อนตัวเข้าไปที่ภาคเหนือประเทศไทย...แต่ที่ภาคพื้นดินคนไทยและพม่าจะเห็นฝูงนกกระเรียน นกกระยางฝูงใหญ่บินเต็มฟ้าร้องขอกๆกันเต็มไปทั่ว....จุดมุ่งหมายของนิมิตนี้ คือ ผมมุ่งจะสื่อว่าพญานกกระเรียนจะปรากฏตัวเพื่อร้องขอกแล้ว จะบันลือสีหนาทแล้วจะบันลือโกญจนาทแล้ว
    ......

    ฝูงนกจะบินกันอยู่เป็นเวลาหลายชั่วโมงเพื่อดึงดูดสายตาคนไทยและพม่าให้ติดตามไปดู ไปหาสาเหตุของฝูงนกประหลาดเพราะมันไม่เคยมีปรากฏว่า มีนกกระยางหรือนกกระเรียนฝูงใหญ่ขนาดนั้นในโลก...เมื่อมนุษย์พุทธบริษัทเหล่านั้นติดตามไปอยู่ท้องฟ้าก็จะค่อยๆมืดเข้าภายในเวลา5นาที ก็เข้าถึงความมืดสนิท


    เรื่องการมืดสนิทของโลก

    เกิดจากการอธิษฐานฤทธิ์ให้ปรากฏกลุ่มหมอกควันดำในบริเวณเหนือดาวเทียมขึ้นไปครอบงำไปทั้งโลกมันจะค่อยๆหนาแน่นขึ้นจนบังแสงจากดวงอาทิตย์ดวงจันทร์และดวงดาวในท้องฟ้าเพราะมันคลุมไว้ทั้งโลกกลมๆนี้.....นิมิตนี้แสดงเพื่อคลายความสงสัยในตำนานของศาสนาอื่นๆว่า วันที่พระเมษโปดกจะกลับมานั้นดวงอาทิตย์ ดวงจันทร์ และดวงดาวทั้งหลายจะร่วงหล่นลงจากฟ้า....นั่นคือจะไม่ปรากฏดวงอาทิตย์ ดวงจันทร์ ดวงดาวในท้องฟ้าเลยต่อสายตามนุษย์เป็นอันว่าการทำโลกให้มืดนี้จะปรากฏทั่วโลกแต่ฝูงนกกระเรียนนกกระยางจะรู้อยู่ในเขต ไทย พม่า ลาว จีนตอนล่าง

    เมื่อฟ้ามืดแล้ว ก็จะอธิษฐานให้อากาศเย็นลงพอดีๆไม่ให้ถึงขีดหนาวก็จะกำหนดไว้ราวๆ 25 องศาเซลเซียส....กำลังเย็นพอดีๆแล้วก็จะอธิษฐานกระทำเสียงให้ปรากฏดังไปโดยรอบในรัศมี1โยชน์โดยรอบจากบริเวณจะแสดงฤทธิ์ประกาศว่า " ขอนอบน้อมต่อพระสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์นั้นๆๆเราคือ......เราคือ.....เราคือ...."เป็นการประกาศตนด้วยเสียงก่อน

    แต่นั้นก็จะให้ปรากฏแสงสว่างพุ่งขึ้นจากจุดพิกัดกำหนดนั้นไปบนท้องฟ้าเหมือนยิงพลุลำใหญ่ๆขึ้นไป เป็นสายดอกบัว เป็นกอบัวใหญ่ๆผลิใบและดอกบานขึ้นที่ระยะประมาณ 7 ช่วงลำตาล....แล้วก็ควบม้าสินธพะขึ้นไปบนอากาศในรูปของฤาษีผมขาวเครายาว ชุดขาวดูๆไปคล้ายวรรณะของนกกระยางถือพระขรรค์ ชื่อวชิรขัคคะอันเปล่งประกายยาวไปในอากาศอันมืดมิด ประดุจดังดาวหางมีวรรณะต่างๆพวยพุ่งออกจากพระขรรค์นั้นทั้งตัวฤาษีเฒ่าและม้าขาวเองก็ให้มีรัศมีสว่างแสงสว่างโดยรวมจึงดูไป รูปร่างคล้ายๆดาวหางเสียงม้าร้องอย่างอาจหาญเหมือนออกศึกประกาศกำลังตนแล้วทะยานไปในอากาศแล่นวนรอบกอบัว 3 รอบเข้าไป หยุดนิ่งบนใบบัว แล้วฤาษีก็ก้าวลงจากหลังม้าเหยียบบนใบบัวจากใบบัวก็เหาะลอยไปนิ่มๆ ไปนั่งบนดอกบัวใหญ่
    ....

    ต่อแต่นั้นก็จะกล่าวเนื้อธรรม.....


    ใจความโดยย่อของธรรมนั้น จะสืบความมาแต่เริ่มต้นเหตุที่ทำให้รู้สึกสังเวชคือความเสื่อมของพุทธสาสนา เป็นเหตุให้ผมเกิดสังเวชแล้วอธิษฐานจะกระทำกิจเกื้อกูลโลกแต่นั้นก็เล่าลำดับเหตุการณ์ต่างๆที่ผมได้ประสบมาตลอดระยะที่ขวนขวายกระทำการงานจนถึงขีดที่เบื่อหน่ายโลกนี้ ไม่มุ่งหวังในการจะเป็นผู้นำใครแล้วประกาศว่าจะรวบรวมทองคำมาไว้ที่จุดนั้นให้เป็นสมบัติของชาวพุทธทั้งหลายอันมีพระราชาปกครองแล้วได้ใช้สอยเพื่อกิจการในการฟื้นพระศาสนาบำรุงมนุษย์ให้อยู่เย็นเป็นสุขโดยอำนาจในการใช้สอยทรัพย์ทั้งสิ้นนั้นเป็นของพระราชาเป็นผู้จัดการแต่ผู้เดียว... แล้วแนะนำว่าให้ชาวพุทธจัดการคัดเลือกผู้นำเป็นพระราชาเข้าไปจัดการกองทรัพย์เหล่านั้น (ภูเขาทองคำ)....ส่วนตัวผมนั้น ยินดีในการเป็นฤาษีอยู่ในป่าไม่ปรารถนาวุ่นวายด้วยกองทรัพย์เหล่านั้น จะกลับคืนสู่ป่า ไปอาศัยอยู่ในป่า....แล้วก็บัญญัติธรรม 10 ประการของบุคคลผู้ไม่ได้ต้องการความรุ่งเรืองในวัตถุเหล่านั้นยินดี ปรารถนาจะติดตามผมเข้าสู่ป่าว่า ให้อบรมตนด้วยธรรม10อย่างนั้นแล้วตั้งอยู่ในสิกขา3 คือทาน ศีล ภาวนา หรือ ศีล สมาธิ ปัญญาแล้วอธิษฐานขอไปอาศัยเป็นฤาษีอยู่ป่ากับผม...โดยผมจะใช้วัดเนรมิตวิปัสสนาเป็นจุดในการคัดเลือกคนไปสู่ที่อยู่ของผม.....

    ธรรมทั้งสิ้นที่แสดง จะกินเวลาเป็นชั่วโมงหรือยิ่งกว่านั้นจากนั้นพญาม้าสินธพะก็วิ่งไปยืนนิ่งกลางอากาศผมลงจากกมลาสน์(อาสนะดอกบัว)แล้วก้าวขึ้นหลังพญาม้าเหาะหายไปจากที่แห่งนั้นแล้วฤทธิ์ทั้งหลายก็คลายออกไปเหลือทิ้งไว้แต่รอยอาลัยให้มนุษย์ได้ถกเถียงกัน (ถึงวันที่ทำได้จริง(หากทำได้)จะมีองค์ประกอบละเอียดกว่านี้เพราะกว่าจะถึงวันนั้น ผมต้องได้พิจารณาซ้ำแล้วซ้ำอีกจนละเอียดดีแล้ว ลงใจได้แล้วแต่แนวใหญ่ๆก็ประมาณนี้ล่ะครับ สำหรับการแสดงฤทธิ์
    )

    คุณเกษมจะคิดเห็นความข้อนี้ว่าอย่างไรว่า


    หากเหตุการณ์อย่างนี้ปรากฏขึ้นในโลกที่ชายแดนไทยพม่ามีคนเป็นสักขีไม่กี่ร้อยไม่กี่พันคนแต่ภูเขาทองคำปรากฏขึ้นจริงอย่างโอฬารมนุษย์เหล่านั้นจะจัดการกับกองทรัพย์อย่างไร
    ?

    เขาจะคำนึงอยู่ไหมกับคำสั่งไว้ว่า ให้เป็นสมบัติของชาวพุทธเถรวาท? พม่าก็เถรวาท ไทยก็เถรวาท ลาวก็เถรวาทตอนใต้จีนก็เถรวาท.....แม้ขุมทรัพย์จะปรากฏระหว่างชายแดนไทยพม่าอยู่แต่คนเหล่านั้นกล่าวอ้างคำนั้นได้ แล้วเข้าแก่งแย่งกันได้ฆ่าฟันกันแย่งทรัพย์ด้วยอาศัยข้ออ้างว่า เขาคือชาวพุทธเถรวาท


    ถามว่า คนเหล่านั้นเป็นมิจฉาทิฏฐิ หรือสัมมาทิฏฐิ? ชาวพุทธเถรวาทมีทิฏฐิอย่างนั้นหรือ? คุณเกษมย่อมรู้ได้ด้วยการพิจารณาให้ลึกซึ้งว่าพุทธเถรวาทจะเลือกติดตามผมไปเป็นฤาษีส่วนมิจฉาทิฏฐิจะอยู่แย่งทรัพย์กันจนเป็นเหตุให้ร้อนไปถึงพระอินทร์กระเทือนไปถึงเทวดา
    .....

    ชนเหล่านั้นเข้ามาขนทองคำ มีหมู่คณะมากมายบางหมู่มีการแต่งตั้งผู้บัญชาการเป็นผู้นำในฐานะราชาของเขาเพื่อให้ชอบธรรมแก่คำที่ผมได้ประกาศไว้แล้วแล้วก็เข้าสู่อาณา แต่เพราะความหวงแหนจึงแก่งแย่งฆ่าฟันกับหมู่คณะอื่นหมู่คณะใดโลภน้อยขนไปได้แต่พอตัวแล้วก็หลีกหนีไปไกลเลยนั่นก็จะรอดชีวิตแต่เขาเหล่านั้นโดยมากจะปักหลักหวงแหนกองทรัพย์เหล่านั้น แล้วแก่งแย่งกันเป็นเหมือนฝูงแมลงวิ่งลงหลุมถ่านเพลิงเสียเองโดยความสมัครใจ


    ในอีกด้านหนึ่ง ในป่านั้น ผมก็จะอาศัยคัดคนผู้มีศรัทธาทะยอยเข้าป่าไปฝึกฝนในป่าตรวจดูความพรั่งพร้อมของเขาเหล่านั้นก่อนคาดว่าคงใช้เวลาไม่นานมากนักอาจจะหนึ่งปีหรือสองปีสงครามแย่งขุมทรัพย์จะดำเนินไปยาวนานอย่างนั้น

    หากเป็นอย่างนี้แล้วถ้าพระอินทร์ไม่ไปอารารธนาให้เรากลับมาสู่บ้านเมืองตราบใดเราก็จะปักหลักเป็นฤาษีอยู่ตราบนั้น ... แต่โดยธรรมแล้วพระอินทร์จะต้องไปอาราธนาเพื่อประโยชน์โลกเมื่อนั้นเราจึงจะบอกว่าจะกลับได้อย่างไร? ในเมื่อบ้านเมืองเราไม่ได้มี...พระอินทร์ต้องได้รับเป็นภาระ....แต่นั้นก็จะกล่าวปัญหาเรื่องว่าหมู่คณะฤาษีนั้นไม่ได้มีผู้นำ ไม่ได้แต่งตั้งผู้นำให้พระอินทร์รับภาระ...แต่นั้นผมก็จะกล่าวถึงความมุ่งหวังว่า หากว่าครองบ้านเมืองแล้วจะฟื้นพระศาสนาได้จึงจะครอง...การฟื้นพระศาสนา ต้องได้อาศัยพระอรหันต์ผู้ทรงคุณมาก...แล้วผมก็จะเรียกร้องเอาพระอุปคุตเรียกร้องเอาทุกสิ่งทุกอย่างอันเพียงพอแก่การใช้สอยแล้วจึงจะกลับมา....เมื่อปรึกษาแล้วว่าอันไหนอยู่ในวิสัยเทวดา อันไหนไม่อยู่ในวิสัยเสร็จแล้วก็ให้เป็นภาระพระอินทร์เรื่องการขนคนเข้าพิธีมุรธาภิเษกและเรื่องการเนรมิตเมืองใหม่
    ...

    คุณเกษมก็อ่านเล่นๆเป็นนิยายอีกนะครับ

    จินตนาการของผมอาจจะนำไปสู่ความจริงไม่ได้ยังต้องได้พิสูจน์ไปเรื่อยๆว่าจะปรากฏได้อย่างคาดหมายไหม? หากเป็นอย่างคาดทุกสิ่งทุกอย่างที่ผมเตรียมไว้เพื่อรองรับเมืองใหม่ ก็จะได้ใช้ประโยชน์หมู่ปุโรหิตของผมจึงต้องได้ฝึกตนก่อนที่สิ่งเหล่านั้นจะปรากฏจริงขึ้นมาบ้านเมืองปรากฏเมื่อไร ต้องพร้อมทำงานได้ทันทีหากหมู่ปุโรหิตยังไม่พร้อมผมก็จะยังไม่พาออกจากป่าอยู่ตราบนั้น

    หมายเหตุ
    ท่านที่ชอบจินตนาการของคุณ ทลิททกะ เมษโปดก สามารถเข้าไปอ่านและร่วมแสดงความคิดเห็นกันได้ที่เว็บไซต์ แดนแห่งสรวงนิรมิต ที่นี่ครับhttp://suangniramit.cfe-clan.com/


     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 30 มีนาคม 2006
  16. Tossaporn K.

    Tossaporn K. เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    17 พฤศจิกายน 2005
    โพสต์:
    1,565
    ค่าพลัง:
    +7,747
    ลางร้ายอีกแล้ว อีการ้องระงมทั่วทำเนียบ

    หลังจากที่รูปปั้นท้าวมหาพรหมถูกทำลายได้เพียง 2 วัน

    ผู้สื่อข่าวรายงานว่า วันนี้ 23 มีนาคม 49 ตั้งแต่ช่วงเช้าได้มีนกอีกาส่งเสียงร้องอยู่ในบริเวณทำเนียบรัฐบาลเป็นระยะ รวมทั้งระหว่างที่พล.ต.อ.ชิดชัย ให้สัมภาษณ์งแทรกเข้ามาตลอด และในตอนท้ายของการสัมภาษณ์ เมื่อพล.ต.อ.ชิดชัย เห็นผู้สื่อข่าวอาวุโสคนหนึ่งเดินเข้ามาสมทบก็พูดขึ้นว่า
     
  17. chatsiri

    chatsiri เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 ตุลาคม 2005
    โพสต์:
    88
    ค่าพลัง:
    +195
    พระศรีอริยะเมตไตย...ท่านจะมาแล้ว ต้องล้างให้บริสุทธิ์ (พระนิพพาน) ไอ้พวกที่มี กิเลส ตันหา ราคะจะโดนเก็บให้หมดไปจากประเทศไทยโดยเร็วที่สุด เท่าที่จะเร็วได้ เพราะคนเกิดในยุคท่านจะสำเร็จพระอรหันต์ทุกคน รวมทั้งตัวข้าพเจ้าด้วยที่จะอยู่รับใช้พระศรีอาริยะเมตไตร
     
  18. jinnivan

    jinnivan เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    29 มิถุนายน 2005
    โพสต์:
    108
    ค่าพลัง:
    +250
    เป็นปกติของแถวนั้นน่ะครับ อีกาเยอะ พวกโกงบ้านโกงเมืองไปเกิดเป็นอีกาเฝ้าวังสวนจิตรน่ะครับ ไปไหนก็ไม่ได้ เพราะทำกรรมกับบ้านกับเมืองไว้
     
  19. piak

    piak สมาชิกใหม่

    วันที่สมัครสมาชิก:
    17 กันยายน 2005
    โพสต์:
    3
    ค่าพลัง:
    +1
    ที่พูดมาเกือบหมดประเทศแล้วนะเนี่ย เฮ้อ
     
  20. chatsiri

    chatsiri เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 ตุลาคม 2005
    โพสต์:
    88
    ค่าพลัง:
    +195
    เป็นไปไม่ได้ครับ คุณพลอยต้องไม่กลัว และทำใจด้วยว่าทุกสิ่งทุกอย่างต้องเป็นไปตามกรรมครับ รวมทั้วตัวเราเองด้วยที่เกิดมาด้วยกรรมทั้งนั้น จะดีหรือชั่วขึ้นอยู่ที่ตัวเราทำเองว่าอย่างไหนมีมากกว่ากัน ฉะนั้นเราต้องปฏิบัติธรรมให้มาก ๆ โดยเริ่งตั้งแต่วินาทีนี้ทีเดียวอีกหน่อยจะไม่มีเวลาแล้ว เพื่อจะได้สะสมบุญบารมีเพื่อพระนิพพานของเรา นั่นแหละครับจะได้พ้นกรรม ธรรมะรักษา
     

แชร์หน้านี้

Loading...