ประเทศไทยจะเกิดอุบัติภัยอย่างที่ทำนายกันจริงๆหรือไม่

ในห้อง 'ภัยพิบัติและการเตรียมการ' ตั้งกระทู้โดย koymoo, 25 มกราคม 2005.

  1. k_isara 1

    k_isara 1 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    15 ธันวาคม 2009
    โพสต์:
    521
    ค่าพลัง:
    +7,059
    17 พ.ย. 54

    ทำความสะอาดตัวจักรนาฬิกา

    หน่วยเหนือ ให้ผม ตรวจสอบ
    รอบคอบ รับคน เข้าอยู่
    เพื่อให้ ที่ฐานฯ น่าดู
    ไม่อู้ รับทราบ รีบทำ

    20 พ.ย. 54

    ชีพจรลงเท้า(นิมิต)

    รถไฟ พาไป วงเวียนใหญ่
    สื่อให้ ต้องขึ้น เชียงคาน
    เป็นใคร พาไป ไม่ถาม
    รอตาม ผมไป ทำงาน

    เที่ยวก่อน ตอนซื้อ ตั๋วรถไฟ
    อดไป ไม่ใช่ เวลา
    เที่ยวนี้ ผมพร้อม ไม่ช้า
    รีบมา พาผม ไปเลย


    23 พ.ย. 54

    น้ำลง ลงช้า ยืดชีวิต
    มิ่งมิตร ขออย่า ใจร้อน
    ให้น้ำ รีบลง สั่นคลอน
    ที่นอน ที่อยู่ ไหวตาม

    ยืดไว้ ยืดตัว ให้อยู่
    เตรียมดู ของใหม่ จะมา
    อาหาร(น้ำดื่ม) ไฟฉาย(นกหวีด) อย่าช้า
    เตรียมมา เอาไว้ ป้องกัน

    องค์อินทร์ ๙๗
    ทำการแทน
     
  2. ยัย fame

    ยัย fame เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    5 มกราคม 2011
    โพสต์:
    386
    ค่าพลัง:
    +104
    ขอบคุณ k-97 ที่ส่งข้อความดี ๆ ให้เราได้อ่านกัน ของใหม่ที่จะมาเร็ว ๆ นี้หรือเปล่า เพราะจะได้ไม่ต้องยกของลงจากที่สูง
     
  3. เกษม

    เกษม ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนพิเศษ สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 พฤศจิกายน 2004
    โพสต์:
    24,696
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +77,192
    เตือนคนกรุงเทพมหานคร เตรียมรับมือแผ่นดินไหว !!!

    [​IMG]
    ( ภาพจากภาพยนต์เรื่อง 2012 ไม่ได้เกี่ยวข้องอะไรกับบทความนี้นะครับ )

    นักวิชาการด้านแผ่นดินไหวเอไอทีจัดทำโมเดลจำลองสถานการณ์ แผ่นดินไหวที่จะส่งผลกระทบ กทม.และปริมณฑล เพื่อจัดทำแผนป้องกันและบรรเทาความเสียหาย เผยตึกสูงส่วนมากไม่ได้ออกแบบรองรับ เตือนสะพานหลายแห่งในกรุงเทพฯ เสี่ยงพังถล่มหากเกิดแผ่นดินไหวที่เมืองกาญจน์ ส่วนตึกอาคารยังน่าห่วง เพราะสร้างไม่ได้มาตรฐานรอง รับแรงสั่นสะเทือน แนะลงทุนเพิ่มเสริมความมั่นคงแข็งแรง จี้ กทม.เร่งตั้งระบบตรวจสอบคุณภาพอาคารรองรับแผ่นดินไหวด่วน

    เมื่อวันที่ 19 กันยายน ที่ศูนย์การประชุมแห่งชาติสิริกิติ์ สำนักการโยธา กรุงเทพมหานคร จัดเสวนาเรื่องการเตรียมความพร้อมในการรับมือแผ่นดินไหว โดย รศ.ดร.เป็นหนึ่ง วานิชชัย นักวิชาการด้านแผ่นดินไหว สถาบันเทคโนโลยีแห่งเอเชีย (เอไอที) หัวหน้าโครงการลดภัยพิบัติจากแผ่นดินไหวในประเทศไทย กล่าวว่า ขณะนี้อยู่ในระหว่างการจัดทำโมเดลจำลองสถานการณ์แผ่นดินไหวที่จะส่งผลกระทบต่อพื้นที่กรุงเทพฯ และปริมณฑล เพื่อจัดทำแผนแม่บทป้องกันและบรรเทาความเสียหายจากแผ่นดินไหวและอาคารถล่ม

    สิ่งที่น่ากังวลมากที่สุดคือ ตึกอาคารจำนวนมากในพื้นที่เสี่ยง ไม่ได้ออกแบบและก่อสร้างให้สามารถต้านทานแรงสั่นสะเทือน และมีความเสี่ยงที่จะพังถล่มหากเกิดเหตุแผ่นดินไหวรุนแรง แม้จะเพิ่งมีกฎหมายควบคุมอาคารรองรับแผ่นดินไหวตั้งแต่ปี 2550 แต่ล้มเหลวในทางปฏิบัติ ระบบตรวจสอบมีปัญหา ดังนั้นประเทศไทยยังไม่พร้อมที่จะรับมือกับแผ่นดินไหวได้เลย

    รศ.ดร.เป็นหนึ่งกล่าวว่า ปัจจัยเสี่ยงที่จะทำให้กรุงเทพฯ ได้รับความเสียหายจากแผ่นดินไหว คือ พื้นที่ตั้งอยู่ใกล้รอยเลื่อนศรีสวัสดิ์ รอยเลื่อนด่านเจดีย์สามองค์ในจังหวัดกาญจนบุรี ซึ่งอยู่ห่างจากกรุงเทพฯ ประมาณ 200 กิโลเมตร หากเกิดแรงสั่นสะเทือนรุนแรงระดับ 7-7.5 ริกเตอร์ ก็จะทำให้ตึกพังถล่ม ขณะเดียวกันชั้นใต้ดินกรุงเทพฯ มีสภาพดินอ่อนสามารถขยายความรุนแรงของคลื่นแผ่นดินไหวได้อีก 2-3 เท่า และอาจเปลี่ยนรูปแบบการสั่นไหวของพื้นดินไปสั่นพ้องกับอาคารบางแห่ง ซึ่งทำให้อาคารถล่มลงมาได้ คล้ายกับเหตุการณ์แผ่นดินไหวห่างจากกรุงเม็กซิโกซิตี 350 กม. แต่กลับทำให้เม็กซิโกซิตีมีอาคารถล่มเสียหายอย่างรุนแรง และมีผู้เสียชีวิตประมาณ 10,000 คน

    "ปัญหาคือ อาคารที่ก่อสร้างก่อนกฎกระทรวงมีผลบังคับใช้เมื่อวันที่ 20 พฤศจิกายน 2550 อาคารเหล่านี้ไม่ได้ก่อสร้างรองรับแผ่นดินไหว ขณะนี้ก็ยังไม่มีความตื่นตัวที่จะเร่งปรับปรุงแก้ไขโครงสร้างอาคารให้มั่นคงแข็งแรง อีกทั้งยังไม่มีหน่วยงานใดๆ เข้าไปตรวจสอบหรือประเมินคุณภาพอาคารว่าได้มาตรฐานรองรับแผ่นดินไหวหรือไม่ จึงปล่อยให้เป็นหน้าที่เจ้าของอาคารดำเนินการเอง แต่ก็ไม่มีใครยอมสูญเสียค่าใช้จ่ายส่วนนี้" รศ.ดร.เป็นหนึ่งเผย

    เขากล่าวอีกว่า กฎกระทรวงกำหนดการรับน้ำหนัก ความต้านทาน ความคงทนของอาคาร และพื้นดินที่รองรับอาคารในการต้านทานแรงสั่นสะเทือนของแผ่นดินไหว พ.ศ.2550 มีผลบังคับเฉพาะอาคารที่มีความสูงตั้งแต่ 15 เมตรขึ้นไป และน่าเป็นห่วงอาคารเก่าที่สูงเกิน 15 ชั้นขึ้นไป มีความเสี่ยงที่จะได้รับความเสียหายหากเกิดแผ่นดินไหวระดับปานกลางถึงรุนแรง ดังนั้นจึงต้องหามาตรการกระตุ้นเจ้าของอาคารให้ความสำคัญต่อการปรับปรุงแก้ไขอาคารให้ได้มาตรฐานตามกฎหมายใหม่

    "นอกจากกลุ่มรอยเลื่อนแผ่นดินไหวที่ภาคตะวันตกแล้ว แนวรอยต่อแผ่นเปลือกโลกในบริเวณทะเลอันดามัน ซึ่งอยู่ห่างจากกรุงเทพฯ ประมาณ 700 กิโลเมตร หากเกิดแผ่นดินไหวรุนแรงระดับ 8.5-9 ริกเตอร์ ก็จะทำให้กรุงเทพฯ ได้รับความเสียหายมากเช่นกัน" รศ.ดร.เป็นหนึ่งกล่าว และเสนอว่า ผู้ตรวจสอบวิศวกรรมโครงสร้างอาคารจะต้องมีความรับผิดชอบสูงกว่าที่เป็นอยู่ ดังนั้นอยากให้ กทม.เป็นผู้ควบคุมผู้ตรวจสอบให้เป็นไปตามกฎกติกา และมีอำนาจถอนทะเบียนผู้ตรวจสอบได้ทันที

    รศ.ดร.อมร พิมานมาศ ประธานคณะอนุ กรรมการวิศวกรรมโครงสร้างและสะพาน วิศวกรรมสถานแห่งประเทศไทย ในพระบรมราชูปถัมภ์ (วสท.) กล่าวว่า อาคารที่เสี่ยงต่อแผ่นดินไหวในกรุงเทพฯ มี 3 ประเภท คือ 1.อาคารที่ก่อสร้างแบบไร้คาน ส่วนมากเป็นอาคารจอดรถ อาคารสำนักงาน 2.อาคารสูงที่มีรูปทรงซับซ้อน มีลูกเล่นมากทั้งส่วนโค้ง ส่วนเว้า หรือมีกำแพงยื่นออกจากศูนย์กลางอาคารมากๆ ก็เสี่ยงมาก แต่ถ้าเป็นอาคารสูง แต่มีรูปทรงสี่เหลี่ยมแข็งแรง ก็ถือว่าปลอดภัย และ 3.อาคารที่ ก่อสร้างไม่ได้มาตรฐานตามหลักวิศวกรรม ส่วนใหญ่เป็นตึกแถวสูงไม่มาก ไม่มีวิศวกรคุมงานหรือออกแบบ

    "นอกจากนี้ สะพานข้ามแยก สะพานยกระดับ และสะพานข้ามแม่น้ำ ก็มีความเสี่ยงที่จะพังถล่มได้เช่นกัน เพราะจากการตรวจสอบประมาณ 20 แห่งแล้วพบว่า ไม่ได้มาตรฐานต้านทานแผ่นดินไหว ถ้าเกิดแผ่นดินไหวที่เมืองกาญจนบุรีประมาณ 6 ริกเตอร์ขึ้นไป ก็อาจทำให้โครงสร้างสะพานเสียหายและพังลงมา ทำให้สูญเสียชีวิตและทรัพย์สินมหาศาล ขณะนี้เรามีวิธีป้องกันและเสริมความมั่นคงไว้พร้อมแล้ว" รศ.ดร.อมรกล่าว และว่า อยากให้เจ้าของอาคารและผู้รับผิดชอบโครงสร้างสะพานต่างๆ เร่งปรับปรุงแก้ไขเพื่อช่วยลดความรุนแรงของภัยพิบัติ โดยมีค่าใช้จ่ายในการเสริมความมั่นคงเพื่อรองรับแผ่นดินไหวเพียงแค่ 3-5% ของการก่อสร้างอาคาร.

    บรรยายโดย รศ.ดร.เป็นหนึ่ง วานิชชัย

    หนังสือพิมพ์ไทยโพสต์ -- วันอังคารที่ 20 กันยายน พ.ศ.2554

    ที่มา http://www.ryt9.com/s/tpd/1239642
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    แก้ไขครั้งล่าสุด: 24 พฤศจิกายน 2011
  4. เกษม

    เกษม ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนพิเศษ สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 พฤศจิกายน 2004
    โพสต์:
    24,696
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +77,192
    ทำบุญทำไมต้องอธิษฐาน
    โดย หลวงพ่อฤาษีลิงดำ

    [​IMG]


    ถาม : "หลวงพ่อคะ การทำบุญทุกอย่าง แต่ไม่ได้ปรารถนาอะไรเลย จะได้ไหมคะ...?"

    ตอบ : ได้โยม ทำไมจะไม่ได้ คือถ้าไม่ตั้งมโนปณิธานปรารถนา บุญมันก็ต้องเป็นบุญ แต่ว่าอานิสงส์เบื้องปลายมันไม่เหมือนกัน

    ถาม : "เป็นไงคะ...?"

    ตอบ : การปรารถนาจัดเป็นอธิษฐานบารมีนะ ตั้งใจว่าการทำบุญอย่างนี้เพื่อผลอะไร อย่างที่ไม่ปรารถนาพุทธภูมิ ไม่ปรารถนาเป็นพระพุทธเจ้า ไม่ปรารถนาเป็นอัครสาวก แต่ปรารถนาเพื่อการหมดกิเลส ก็ชื่อว่ายังปรารถนาอยู่

    ถาม : "ถ้าหากว่าทำเฉย ๆ เล่าคะ...?"

    ตอบ : ถ้าหากว่าทำเฉย ๆ ไม่ปรารถนาอะไรเลย ตัวอย่างก็มีท่าน อาฬวีเศรษฐี คือว่าท่านอาฬวีเศรษฐีพ่อท่านเป็นมหาเศรษฐี พอพ่อท่านตายลงท่านก็เป็นเศรษฐีแทน เศรษฐีสมัยนั้นพระราชาต้องแต่งตั้ง แล้วต่อมาพวกขี้เมาก็ชวนกินเหล้าเมายา ในที่สุดทรัพย์สินก็หมดไป จนกระทั่งกลายเป็นขอทาน

    วันหนึ่งพระพุทธเจ้าพร้อมด้วยพระสงฆ์เสด็จไปที่เมืองอาฬวี เห็นอาฬวีเศรษฐีนั่งขอทานอยู่ข้างฝาเรือนชาวบ้าน พระพุทธเจ้าก็ทรงแย้มพระโอษฐ์ พระพุทธเจ้าตามปกติจะไม่แย้มพระโอษฐ์ ถ้ายิ้มแล้วต้องมีเรื่อง พระอานนท์จึงทูลถามว่า "พระองค์ยิ้มด้วยเรื่องอะไร พระพุทธเจ้าข้า...?"

    พระพุทธเจ้าถามว่า "อานนท์ เธอเห็นอาฬวีเศรษฐีไหม...?"

    พระอานนท์มองไปมองมาไม่เห็น เห็นแต่ขอทาน พระพุทธเจ้าก็บอกว่า "ขอทานนั่นแหล่ะคืออาฬวีเศรษฐี" แล้วพระพุทธเจ้าก็ตรัสว่า

    "ถ้าอาฬวีเศรษฐีสมัยเมื่อเป็นเศรษฐี ถ้าฟังเทศน์ของเราเพียงจบเดียวจะได้บรรลุพระอนาคามี เมื่อเงินน้อยลงมาเป็นอนุเศรษฐี ถ้าฟังเทศน์จากเราเพียงจบเดียวจะได้เป็นพระสกิทาคามี เมื่อมีฐานะเป็นคหบดี ถ้าฟังเทศน์จากเราเพียงจบเดียวจะได้เป็นพระโสดาบัน แต่ว่านี่อาฬวีเศรษฐีเป็นขอทานเสียแล้ว เราเทศน์จึงไม่มีผล"

    ตอนนี้พระอานนท์ทูลถามว่า "ตามธรรมดาคนจะบรรลุมรรคผล องค์สมเด็จพระทศพลเคยตรัสว่าจะตายก่อนก็ยังไม่ได้ ต้องบรรลุมรรคผลก่อนนี่ พระพุทธเจ้าข้า...?"

    พระพุทธเจ้าตรัสว่า "นั่นเขามี อธิษฐานบารมี"

    ถาม : เป็นอันว่าอาฬวีเศรษฐี ไม่มีอธิษฐานบารมีใช่ไหมโยม

    ตอบ : "ใช่ค่ะ"

    ตอบ : คนจะได้ดี เลยไม่ได้ดี ต่อไปอธิษฐานเสียนะ

    ที่มา http://www.mettajetovimuti.org/index.php?lay=show&ac=article&Ntype=21&Id=539313505

    หมายเหตุ

    ใครที่ต้องการจะอยู่รอดปลอดภัย จากภัยพิบัติทั้งปวงในกึ่งพุทธกาลนี้ เมื่อทำบุญใดๆ ไม่ว่าจะเป็นการให้ทาน รักษาศีล บำเพ็ญภาวนา แล้วก็อย่าลืมอธิษฐาน ขอให้บุญช่วยด้วยนะครับ เพราะเทวดาที่มีหน้าที่ดูแลรักษาคนดีมีศีลธรรม ให้อยู่รอดปลอดภัยจากภัยพิบัติในครั้งนี้ ท่านจะรับรู้ได้ถึงคำอธิษฐานของเราครับ ถ้าไม่เกินกฏแห่งกรรมและเรายังไม่หมดอายุขัย ท่านช่วยเราได้แน่นอนครับ

     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    แก้ไขครั้งล่าสุด: 24 พฤศจิกายน 2011
  5. เกษม

    เกษม ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนพิเศษ สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 พฤศจิกายน 2004
    โพสต์:
    24,696
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +77,192
    "เวลา" เป็นของมีค่า

    [​IMG]

    เวลา...ให้โอกาสเราได้วางทุกสิ่งทุกอย่าง
    เวลา...ให้โอกาสเราได้รักและหวังดีกับใครหลายคน
    เวลา...ให้โอกาสเราได้ทำสิ่งต่างๆ ให้มีความสุข

    เวลา...ให้โอกาสเราได้เข้าใจสิ่งที่เกิดขึ้น
    เวลา...ให้โอกาสเราได้ปรับวิถีชีวิตจากที่ผ่านมา เพื่อเดินไปข้างหน้าได้อย่างภาคภูมิใจ
    เวลา...ให้โอกาสเราได้ใช้ทุกวินาทีด้วยสมาธิ เพื่อเข้าใจทุกสิ่งทุกอย่างได้อย่างแท้จริง

    เวลา...ให้โอกาสเราได้เริ่มต้น...กับสิ่งที่ต้องจบลงและหมดไปในวันหนึ่งข้างหน้า
    เวลา...ให้โอกาสเราได้พบสิ่งดีดี เพื่อมีความทรงจำที่ดี
    เวลา...ให้โอกาสเราเข้าใจชีวิต โลก ธรรมชาติ...อันเป็นทุกสิ่งที่มิมีวันจะอยู่กับเราไปได้โดยตลอด

    เวลา...เป็นของมีค่าเสมอ

    Posted by ปวิภา ,วันอังคารที่ 3 พฤศจิกายน พ.ศ. 2552 เวลา 13:22:57 น.

     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    แก้ไขครั้งล่าสุด: 25 พฤศจิกายน 2011
  6. ปกรณ์

    ปกรณ์ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    18 พฤศจิกายน 2004
    โพสต์:
    404
    ค่าพลัง:
    +3,761
    นครศรีธรรมราชแผ่นดินทรุดลึก 40 ม. (ไอเอ็นเอ็น)
    ภาพประกอบไม่เกี่ยวข้องกับข้อมูล

    อ.ฉวาง จ.นครศรีธรรมราช พบแผ่นดินทรุด ลึก 40 ม. คาดเกิดจากภัยธรรมชาติ และโรงถลุงแร่ ได้ประกาศเป็นพื้นที่ประสบภัยพิบัติแล้ว

    นายสกล จันทรักษ์ นายอำเภอฉวาง จ.นครศรีธรรมราช เดินทางไปยังหมู่ที่ 10 ต.ไม้เรียง อ.ฉวาง หลังจากรับแจ้งเหตุแผ่นดินยุบตัวลงเป็นหลุมขนาดใหญ่โดยไม่ทราบสาเหตุ สร้างความหวาดกลัวให้กับชาวบ้านที่อยู่ใกล้บริเวณที่เกิดเหตุ ในสวนยางพาราและสวนผลไม้ของชาวบ้าน แผ่นดินได้ยุบตัวลงเป็นหลุมขนาดใหญ่กินเนื้อที่ไปประมาณ 2 ไร่ ลึกประมาณ 40 เมตร

    ขณะนายอำเภอฉวาง ตรวจสอบดูที่เกิดเหตุดังกล่าวพบว่า สาเหตุที่ยุบตัวของแผ่นดินนั้นมาจากภัยธรรมชาติ เนื่องจากอยู่ใกล้ลำคลองและน้ำแทรกซึมเข้าใกล้ดิน ส่วนอีกสาเหตุหนึ่งคือ ห่างออกจากหลุมที่เกิดเหตุมีเหมืองแร่ยิปซัม 3 เหมืองด้วยกัน และทางเหมืองมีการจุดระเบิดเอาแร่ทุกวัน ซึ่งแรงสั่นสะเทือนของระเบิด อาจจะเป็นสาเหตุหนึ่งที่ทำให้แผ่นดินแยกและยุบตัวลง ซึ่งตนจะได้ประสานไปยังเจ้าหน้าที่ธรณีวิทยา ให้มาตรวจสอบหาสาเหตุที่แท้จริงต่อไป พร้อมกันนี้ยังได้ประกาศเป็นเขตภัยพิบัติ
     
  7. อธิฎฐาน

    อธิฎฐาน เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 ตุลาคม 2011
    โพสต์:
    430
    ค่าพลัง:
    +1,610
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 25 พฤศจิกายน 2011
  8. วรเดช

    วรเดช เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 สิงหาคม 2006
    โพสต์:
    1,753
    ค่าพลัง:
    +6,146
    <TABLE border=0 width=670 bgColor=#ffffff><TBODY><TR bgColor=#ffcae3><TD>ทั่วทุกภาคเว้นใต้อากาศเย็นถึงหนาว-กทม.มีเมฆลมแรง </TD></TR><TR><TD> </TD></TR><TR><TD vAlign=top align=middle><TABLE border=0 cellSpacing=2 cellPadding=2 width=668><TBODY><TR><TD class=A2 vAlign=top><TABLE border=0 cellSpacing=2 cellPadding=2 bgColor=#f5f5f5 align=center><TBODY><TR><TD>[​IMG]</TD></TR><TR><TD align=middle></TD></TR></TBODY></TABLE>
    กรมอุตุนิยมวิทยา พยากรณ์อากาศสำหรับประเทศไทยตั้งแต่เวลา 06:00 วันนี้ ถึง 06:00 วันพรุ่งนี้.

    ภาคเหนือ อากาศเย็นถึงหนาว โดยอุณหภูมิจะลดลง 2-4 องศา อุณหภูมิต่ำสุด 15-21 องศา อุณหภูมิสูงสุด 28-32 องศาสำหรับบริเวณยอดดอยอากาศหนาวถึงหนาวจัด อุณหภูมิต่ำสุด 5-12 องศา ลมตะวันออกเฉียงเหนือ ความเร็ว 10-30 กม./ชม.

    ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ อากาศเย็นในตอนเช้า กับมีลมแรง โดยมีฝนเล็กน้อยบางแห่ง อุณหภูมิต่ำสุด 16-20 องศา อุณหภูมิสูงสุด 30-32 องศา
    สำหรับบริเวณยอดภู อากาศหนาว อุณหภูมิต่ำสุด 12-15 องศา ลมตะวันออกเฉียงเหนือ ความเร็ว 20-35 กม./ชม.

    ภาคกลาง อากาศเย็นในตอนเช้า กับมีลมแรง โดยอุณหภูมิจะลดลง 1-2 องศา อุณหภูมิต่ำสุด 21-22 องศา อุณหภูมิสูงสุด 32-33 องศา ลมตะวันออกเฉียงเหนือ ความเร็ว 15-35 กม./ชม.
    ภาคตะวันออก มีเมฆบางส่วน กับมีลมแรง โดยอุณหภูมิจะลดลง 1-2 องศา อุณหภูมิต่ำสุด 22-23 องศา อุณหภูมิสูงสุด 32-34 องศา ลมตะวันออกเฉียงเหนือ ความเร็ว 20-35 กม./ชม. ทะเลมีคลื่นสูงประมาณ 2 เมตร
    ภาคใต้ (ฝั่งตะวันออก) จังหวัดชุมพรขึ้นมา มีฝนฟ้าคะนองเป็นแห่งๆ ร้อยละ 20 ของพื้นที่ ลมตะวันออกเฉียงเหนือ ความเร็ว 20-35 กม./ชม. ทะเลมีคลื่นสูงประมาณ 2 เมตร ตั้งแต่จังหวัดสุราษฎร์ธานีลงไป มีฝนฟ้าคะนองเกือบทั่วไป ร้อยละ 80 ของพื้นที่ และมีฝนตกหนักถึงหนักมากบางพื้นที่บริเวณจังหวัดสุราษฎร์ธานี นครศรีธรรมราช พัทลุง สงขลา ปัตตานี ยะลา และนราธิวาส อุณหภูมิต่ำสุด 22-23 องศา อุณหภูมิสูงสุด 27-32 องศา ลมตะวันออกเฉียงเหนือ ความเร็ว 20-40 กม./ชม. ทะเลมีคลื่นสูง 2-3 เมตร
    ภาคใต้ (ฝั่งตะวันตก) มีฝนฟ้าคะนองเกือบทั่วไป ร้อยละ 70 ของพื้นที่และมีฝนตกหนักบางแห่ง ส่วนมากบริเวณจังหวัดกระบี่ ตรัง และสตูล
    อุณหภูมิต่ำสุด 22-24 องศา อุณหภูมิสูงสุด 30-32 องศา ลมตะวันออก ความเร็ว 15-35 กม./ชม. ทะเลมีคลื่นสูง 1-2 เมตร บริเวณที่มีฝนฟ้าคะนองคลื่นสูง 2- 3 เมตร

    กรุงเทพมหานครและปริมณฑล มีเมฆบางส่วน กับมีลมแรง โดยอุณหภูมิจะลดลง 1-2 องศา อุณหภูมิต่ำสุด 22-23 องศา อุณหภูมิสูงสุด 32-33 องศา ลมตะวันออกเฉียงเหนือ ความเร็ว 15-35 กม./ชม.

    </TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR><TR><TD vAlign=top align=middle><TABLE border=0 cellSpacing=2 cellPadding=2 width=668><TBODY><TR><TD class=A2 vAlign=top><TABLE border=0 cellSpacing=2 cellPadding=2 bgColor=#f5f5f5 align=center><TBODY><TR><TD>[​IMG]</TD></TR><TR><TD align=middle></TD></TR></TBODY></TABLE>
    </TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR></TBODY></TABLE>
    <TABLE border=0 width=670 bgColor=#ffffff><TBODY><TR bgColor=#ffcae3><TD>5อำเภอในสงขลาจมบาดาล </TD></TR><TR><TD> </TD></TR><TR><TD vAlign=top align=middle><TABLE border=0 cellSpacing=2 cellPadding=2 width=668><TBODY><TR><TD class=A2 vAlign=top><TABLE border=0 cellSpacing=2 cellPadding=2 bgColor=#f5f5f5 align=center><TBODY><TR><TD>[​IMG]</TD></TR><TR><TD align=middle></TD></TR></TBODY></TABLE>น้ำท่วม“สงขลา”ขยายวงกว้าง 5 อำเภอ ถูกป่าไหลหลากเข้าถล่ม แต่ยังไม่ประกาศเป็นเขตภัยพิบัติ


    วันนี้ (25พ.ย.) สถานการณ์น้ำท่วมในจ.สงขลา ยังน่าเป็นห่วง โดยทางสำนักงานป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยจ.สงขลา รายงานว่าสถานการณ์น้ำท่วมได้ขยายวงกว้างเพิ่มขึ้นเป็น5 อำเภอ ประกอบด้วย อ.สะบ้าย้อย อ.ควนเนียง อ.จะนะ อ.รัตภูมิ และอ.สิงหนคร จากภาวะฝนที่ตกหนักติดต่อกันมาหลายวัน โดยพื้นที่ที่ได้รับผลกระทบหนักที่สุดคืออ.สะบ้าย้อย หลังจากเมื่อวานนี้ต้องอพยพชาวบ้านบ้านแลแบง ต.สะบ้าย้อย จำนวน 99 ครัวเรือน ไปอยู่ที่ศูนย์พังพิงชั่วคราวภายในโรงเรียนสะบ้าย้อยและมีผู้เสียชีวิต1 คน

    ส่วนอำเภออื่นๆ สภาพน้ำท่วมส่วนใหญ่จะเป็นพื้นที่การเกษตรและที่ลุ่ม แต่ยังไม่มีการประกาศให้อำเภอใดของจ.สงขลา เป็นพื้นที่ประสบภัยพิบัติ แต่หากจะประกาศก็จะกำหนดเป็นรายหมู่บ้านและตำบลเท่านั้นเพราะสถานการณ์น้ำท่วมไม่ได้ครอบคลุมทั้งอำเภอ

    อย่างไรก็ตามจากภาวะฝนตกติดต่อกันตั้งแต่เมื่อคืนวันที่ 24 พ.ย. ที่ผ่านมา ทำให้น้ำป่าจากเขาแก้วเทือกเขาบรรทัด

    ได้ไหลเข้าท่วมบ้านเรือนประชาชนและพื้นที่การเกษตรทั้งสวนยางพาราและสวนผลไม้ในพื้นที่ 3 หมู่บ้านของต.ฉลุง อ.หาดใหญ่ คือหมู่ 1 หมู่ 2 และหมู่ 7 นับร้อยหลังคาเรือนซึ่งส่วนใหญ่อยู่ในที่ลุ่มและติดแนวลำคลองทำให้น้ำเอ่อล้นตลิ่ง แต่สถานการณ์ไม่รุนแรงถึงขั้นอพยพประชาชนออกจากพื้นที่ และหากฝนไม่ตกซ้ำคาดว่าปริมาณน้ำจะลดลงภายในวันนี้



    </TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR><TR><TD><CENTER>ขอขอบคุณเนื้อหาข่าว คุณภาพดี โดย: หนังสือพิมพ์เดลินิวส์
    [​IMG]</CENTER></TD></TR></TBODY></TABLE>
    <TABLE border=0 width=670 bgColor=#ffffff><TBODY><TR bgColor=#ffcae3><TD>“ยะลา” มิดน้ำแล้ว2อำเภอ </TD></TR><TR><TD> </TD></TR><TR><TD vAlign=top align=middle><TABLE border=0 cellSpacing=2 cellPadding=2 width=668><TBODY><TR><TD class=A2 vAlign=top><TABLE border=0 cellSpacing=2 cellPadding=2 bgColor=#f5f5f5 align=center><TBODY><TR><TD>[​IMG]</TD></TR><TR><TD align=middle></TD></TR></TBODY></TABLE>ผู้ว่าฯยะลา และผบ.ฉก.11 ลงพื้นที่มอบถุงยังชีพ ช่วยเหลือผู้ประสบภัยน้ำท่วมหลายชุมชน

    เมื่อวันที่ 25 พ.ย. มีรายงานว่าหลังจากมีฝนตกหนักในพื้นที่จ.ยะลา และพื้นที่ใกล้เคียง ติดต่อกันหลายวัน ทำให้เกิดน้ำท่วมในพื้น อ.เมืองยะลา และอ.รามัน โดยเฉพาะพื้นที่ราบลุ่ม เกิดน้ำท่วมซ้ำซากทุกปี ย่านตลาดเก่า มีชุมชนโรงเรียนเทศบาล 5 ชุมชนวัดยะลาธรรมาราม ชุมชนจารูพัฒนา ในเขตเทศบาลนครยะลา และชุมชน มัรกัสยะลา (ศูนย์ดะวะห์) จ.ยะลา หมู่ที่ 3 ต.สะเตงนอก อ.เมืองยะลา ชุมชนบ้านท่าสาป หมู่ที่ 4 หมู่ที่ 6 ต.ท่าสาป อ.เมืองยะลา และอีกหลายตำบล ประสบปัญหาน้ำท่วมหลายวันแล้ว ทำให้พืชผลการเกษตร สวนยางพารา ได้รับความเสียหาย ประกอบกับฝนได้กระหน่ำลงมาอย่างหนักในขณะนี้ ทำให้ชาวบ้านหวาดผวา เกรงจะเกิดน้ำท่วมสูง จึงเตรียมตัวรองรับการเกิดน้ำท่วมระลอกสองอีกครั้ง

    นายกฤษฎา บุญราช ผวจ.ยะลา พร้อมด้วยนายเสรี พานิชกุล นายอำเภอเมืองยะลา และพ.ท.ธนุตม์ พิศาลสิทธิวัฒน์ ผู้บังคับหน่วยเฉพาะกิจยะลาที่ 11 อ.เมืองยะลา

    ได้นำเจ้าหน้าที่ไปมอบมอบสิ่งของเครื่องอุปโภค-บริโภค ช่วยเหลือผู้ประสบภัยน้ำท่วม กว่า 200 ชุด ภายในชุมชนมัรกัสยะลา (ศูนย์ดะวะห์) จ.ยะลา หมู่ 3 ต.สะเตงนอก อ.เมือง จ.ยะลา และย่านชุมชนตลาดเก่า ในเขตเทศบาลนครยะลา โดยได้นำหน่วยแพทย์เคลื่อนที่ของทหารออกให้บริการตรวจสุขภาพผู้ประสบภัยน้ำท่วมอีกด้วย

    </TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR><TR><TD><CENTER>ขอขอบคุณเนื้อหาข่าว คุณภาพดี โดย: หนังสือพิมพ์เดลินิวส์
    [​IMG]</CENTER></TD></TR></TBODY></TABLE>
    <TABLE border=0 width=670 bgColor=#ffffff><TBODY><TR bgColor=#ffcae3><TD>ทหารล้างยุทโธปกรณ์จมน้ำ </TD></TR><TR><TD> </TD></TR><TR><TD vAlign=top align=middle><TABLE border=0 cellSpacing=2 cellPadding=2 width=668><TBODY><TR><TD class=A2 vAlign=top><TABLE border=0 cellSpacing=2 cellPadding=2 bgColor=#f5f5f5 align=center><TBODY><TR><TD>[​IMG]</TD></TR><TR><TD align=middle></TD></TR></TBODY></TABLE>ทหารเมืองกรุงเก่า ระดมกำลังล้างยุทโธปกรณ์จมน้ำ คาดเปิดให้ประชาชนเข้าชมได้ในเร็วๆนี้


    ที่กองโรงงานวัตถุระเบิด ศูนย์อุตสาหการสรรพวุธ กรมสรรพวุธทหารบก หมู่ 2 ต.บ้านเกาะ อ.พระนครศรีอยุธยา จ.พระนครศรีอยุธยา เมื่อเวลา 10.30 น.วันที่ 24 พ.ย. พ.อ.นพดล ศรีตระกูล ผู้อำนวยการศูนย์ฯ ได้นำกำลังทหารในสังกัดกว่า 100 นาย ร่วมกับอาสาสมัครซึ่งเป็นนักเรียนนักศึกษาของร.ร.ไทยอโยธยาบริหารธุรกิจ และร.ร.จิระศาสตร์วิทยา เข้าทำความสะอาดและฟื้นฟูบริเวณภายใน ซึ่งก่อนหน้านี้ได้ถูกน้ำจากแม่น้ำป่าสักไหลบ่าเข้าท่วมตั้งแต่วันที่ 6 ต.ค.54 ทำให้พื้นที่ 413 ไร่ ถูกน้ำท่วมอย่างหนัก มีอาคาร 35 หลังถูกน้ำท่วมสูงกว่า 2 เมตร เป็นเวลา 2 เดือน ซึ่งหลังน้ำลดจึงได้ทำการฟื้นฟูทันที

    พ.อ.นพดล เปิดเผยว่าก่อนที่น้ำจะท่วม ได้มีการเตรียมการรับสถานการณ์เอาไว้แล้ว

    โดยเฉพาะในส่วนของกองโรงงานผลิตวัตถุระเบิดและยุทธปัจจัยทางทหาร ได้มีการถอดอุปกรณ์การผลิตที่สำคัญออกไปก่อนหน้าแล้ว รวมทั้งวัตถุดิบและอุปกรณ์ทางทหารไปไว้ที่จังหวัดอื่นที่ไม่ถูกน้ำท่วม จึงไม่ได้รับความเสียหาย จะมีในส่วนของพิพิธภัณท์การจัดแสดงยุทโธปกรณ์ทางทหารในอดีต เช่นอาวุธปืนโบราณ และปืนใหญ่ที่อยู่ในโรงแสดงนิทรรศการ ซึ่งถูกน้ำท่วมสูงเช่นกัน แต่เป็นส่วนที่ไม่ได้ใช้การแล้ว คาดว่าจะสามารถเปิดให้ประชาชนเข้าชมได้ในเร็วๆนี้.



    </TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR><TR><TD><CENTER>ขอขอบคุณเนื้อหาข่าว คุณภาพดี โดย: หนังสือพิมพ์เดลินิวส์
    [​IMG]</CENTER></TD></TR></TBODY></TABLE>
    <TABLE border=0 width=670 bgColor=#ffffff><TBODY><TR bgColor=#ffcae3><TD>ญี่ปุ่นธรณีไหวแรง 2 ระลอกวันนี้ </TD></TR><TR><TD> </TD></TR><TR><TD vAlign=top align=middle><TABLE border=0 cellSpacing=2 cellPadding=2 width=668><TBODY><TR><TD class=A2 vAlign=top><TABLE border=0 cellSpacing=2 cellPadding=2 bgColor=#f5f5f5 align=center><TBODY><TR><TD>[​IMG]</TD></TR><TR><TD align=middle></TD></TR></TBODY></TABLE>คนญี่ปุ่นขวัญผวา ธรณีไหวรุนแรง 2 ระลอกวันนี้ ขนาด 6.1 และ 5.9 ริคเตอร์ ศูนย์กลางอยู่ใต้ทะเลลึก


    สำนักข่าวเอเอฟพี รายงานจากกรุงโตเกียว ประเทศญี่ปุ่น เมื่อวันที่ 24 พ.ย. ว่าเกิดแผ่นดินไหวรุนแรง 6.1 ริคเตอร์ ทางเหนือของญี่ปุ่น เบื้องต้นไม่มีรายงานความเสียหาย หรือประกาศเตือนภัยสึนามิ สำนักงานอุตุนิยมวิทยาญี่ปุ่น แจ้งว่าแผ่นดินไหวครั้งนี้เกิดขึ้นเมื่อเวลา 19.25 น. (17.25 น. ตามเวลาในไทย) จุดศูนย์กลางอยู่ลึกใต้ทะเล 30 กม. นอกชายฝั่งปลายแหลมทางใต้สุดของเกาะฮ็อคไกโด และห่างจากกรุงโตเกียว ไปทางตะวันออกเฉียงเหนือราว 750 กม.

    วันเดียวกันก่อนหน้านี้ เกิดแผ่นดินไหววัดแรงสั่นสะเทือนได้ 5.9 ริคเตอร์ ในทะเลนอกชายฝั่งทางตะวันออกเฉียงเหนือของญี่ปุ่น

    ใกล้บริเวณที่เคยเกิดแผ่นดินไหวครั้งใหญ่ 9.0 ริคเตอร์ และสึนามิ เมื่อวันที่ 11 มี.ค.54 แต่ไม่มีรายงานความเสียหายเช่นกัน โดยแรงไหวเกิดขึ้นเมื่อเวลา 04.24 น. ตามเวลาท้องถิ่น (02.24 น. ตามเวลาในไทย) จุดศูนย์กลางอยู่ลึก 37 กม. ในทะเลห่างชายฝั่งเมืองอิวากิ 64 กม. และ 112 กม. จากฝั่งเมืองเซนได

    เมืองอิวากิและเมืองเซนได ต่างก็เป็นส่วนหนึ่งของพื้นที่ชายฝั่งตะวันออกเฉียงเหนือ ที่ได้รับผลกระทบจากแผ่นดินไหวและสึนามิ 11 มี.ค. ซึ่งคร่าชีวิตประชาชนเกือบ 20,000 คน.



    </TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR><TR><TD><CENTER>ขอขอบคุณเนื้อหาข่าว คุณภาพดี โดย: หนังสือพิมพ์เดลินิวส์
    [​IMG]</CENTER></TD></TR></TBODY></TABLE>
    <TABLE border=0 width=670 bgColor=#ffffff><TBODY><TR bgColor=#ffcae3><TD>ยอดผู้เสียชีวิตจากเหตุรุนแรงในอียิปต์เพิ่มเป็น 41 คน </TD></TR><TR><TD> </TD></TR><TR><TD vAlign=top align=middle><TABLE border=0 cellSpacing=2 cellPadding=2 width=668><TBODY><TR><TD class=A2 vAlign=top><TABLE border=0 cellSpacing=2 cellPadding=2 bgColor=#f5f5f5 align=center><TBODY><TR><TD>[​IMG]</TD></TR><TR><TD align=middle></TD></TR></TBODY></TABLE>ไคโร 25 พ.ย. – กระทรวงสาธารณสุขอียิปต์แถลงว่า ยอดผู้เสียชีวิตจากเหตุความรุนแรงล่าสุดระหว่างกลุ่มผู้ประท้วงและกองกำลังรักษาความมั่นคงเพิ่มเป็น 41 คน

    การปะทะกันเริ่มขึ้นตั้งแต่เมื่อวันเสาร์ที่ผ่านมา เพื่อเรียกร้องให้กองทัพอียิปต์ส่งมอบอำนาจให้แก่พลเรือน รายงานระบุว่า เหตุรุนแรงส่วนใหญ่เกิดขึ้นรอบจัตุรัสทาห์รีร์กลางกรุงไคโร ศูนย์กลางการประท้วงโค่นอำนาจประธานาธิบดีฮอสนี มูบารัค เมื่อเดือนกุมภาพันธ์ที่ผ่านมา โดยในกรุงไคโรมีผู้เสียชีวิต 36 คน ส่วนอีก 4 คนเสียชีวิตในเมืองอิสมาอิลิยา และอเลกซานเดรีย ซึ่งเริ่มมีการปะทะกันเมื่อวันพฤหัสบดีที่ผ่าน และอีก 1 คนถูกยิงเสียชีวิตในเมืองเมอร์ซามาทรูห์ ทางตะวันตกเฉียงเหนือเมื่อวันพุธ ซึ่งกลุ่มผู้ประท้วงได้พยายามบุกสถานีตำรวจ.-สำนักข่าวไทย


    </TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR><TR><TD><CENTER>ขอขอบคุณเนื้อหาข่าว คุณภาพดี โดย:"ข่าวเข้ม ฉับไว เป็นกลาง"
    [​IMG]</CENTER></TD></TR></TBODY></TABLE>
     
  9. วรเดช

    วรเดช เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 สิงหาคม 2006
    โพสต์:
    1,753
    ค่าพลัง:
    +6,146
    [​IMG] ภาพประกอบจากอินเทอร์เน็ต ไม่เกี่ยวข้องกับข่าว

    อ้างไทยได้เสริมกำลังก่อน หลังยืนยันจะไม่ถอนทหารออกจากพื้นที่
    เว็บไซต์ พนมเปญโพสต์ สื่อของกัมพูชาเผยแพร่คำกล่าวอ้างของ นายจัน ชอน เจ้าหน้าที่ฝ่ายข่าวสารขององค์การพระวิหารแห่งชาติกัมพูชา ว่า ขณะนี้กัมพูชาได้เสริมกำลังทหารตามแนวชายแดนในพื้นที่เขาพระวิหาร เช่นเดียวกับที่ ฝ่ายไทย ได้เสริมกำลังในพื้นที่ช่องตาเฒ่า จักจะแรง และตาเส็มไปก่อนหน้านี้
    “เราต้องเตรียมพร้อม และเจ้าหน้าที่องค์การพระวิหารแห่งชาติ อยู่ในภาวะเฝ้าระวังตลอดเวลา หลังจากที่ ฝ่ายไทย ยืนยันว่า จะไม่มีการถอนทหารออกจากพื้นที่ซึ่งเกิดกรณีพิพาทใกล้กับปราสาทพระวิหาร”
    ทั้งนี้รายงานข่าวยังได้ระบุ ต่ออีกว่า ทหารไทยได้ปรับกำลังนำหน่วยรบที่ช่ำชองภูมิประเทศ กลับขึ้นมาจากภาคใต้ เข้าประจำพื้นที่ พร้อมขนเครื่องจักรกลเข้าปฏิบัติงาน และตลอดช่วง 2 วันที่ผ่าน มีการลำเลียงอาวุธยุทโธปกรณ์ พร้อมกำลังทหารเข้าพื้นที่อย่างต่อเนื่องด้วย.



    [​IMG]
    หลังถูกพายุฝนถล่มหนัก ขณะที่ภาคเหนือมีอากาศเย็นลงต่อเนื่อง เผย26-28 พ.ย.นี้จะมีแม่คะนิ้งตามภูเขาสูงด้วย
    กรมอุตุนิยมวิทยา ประกาศเตือนภัย 9 จังหวัดภาคใต้พื้นที่ลาดเชิงเขาและทางน้ำผ่าน ในบริเวณจังหวัดสุราษฎร์ธานี นครศรีธรรมราช พัทลุง สงขลา ปัตตานี ยะลา นราธิวาส ตรัง และสตูล ให้ระวังอันตรายจากสภาวะน้ำท่วมฉับพลัน น้ำป่าไหลหลาก และน้ำล้นตลิ่ง ในช่วงนี้ด้วย เนื่องจากพื้นที่ดังกล่าวกำลังเผชิญกับปัญหาฝนตกหนัก อีกทั้งยังมีลมแรงค่อนข้างแรงในบางพื้นที่
    ส่วนคลื่นลมในอ่าวไทยตอนล่างตั้งแต่จังหวัดนครศรีธรรมราชลงไปมีกำลังแรง โดยมีคลื่นสูง 2-3 เมตร ขอให้ชาวเรือระมัดระวังอันตรายในการเดินเรือและเรือเล็กควรงดออกจากฝั่ง สำหรับประชาชนที่อาศัยตามแนวชายฝั่งภาคใต้ฝั่งตะวันออก ให้ระวังอันตรายจากคลื่นสูงที่ซัดเข้าหาฝั่งในระยะ 1-2 วันนี้
    สำหรับภาคเหนือนั้นยังมีอากาศเย็นลงอย่างต่อเนื่อง และในช่วงวันที่ 26-28 พ.ย.นี้ จะมีน้ำค้างแข็งเกิดขึ้นได้ในบริเวณภูเขาสูงด้วย



    [​IMG]
    ขณะที่เจ้าหน้าที่คาดข่มขวัญฝ่ายตรงข้าม
    สำนักข่าวต่างประเทศได้รายงานว่า เมื่อวันพฤหัสฯ ที่ผ่านมาเจ้าหน้าที่ตำรวจเม็กซิโก ได้พบศพชาย 26คนถูกยัดรวมกันทิ้งไว้ในรถตู้ 3คันที่จอดอยู่ในเมืองกัวดาลาฮารา เมืองขนาดใหญ่อันดับ 2 ของเม็กซิโก
    ซึ่งจากการตรวจสอบของเจ้าหน้าที่ พบว่าผู้ตายส่วนใหญ่เสียชีวิตจากการขาดอากาศหายใจแม้ว่าทุกคนจะมีบาดแผลถูกยิงก็ตาม ส่วนสาเหตุการสังหารหมู่นั้นคาดว่าจะเป็นสงครามระหว่างแก๊งคายาเสพติดที่ต่างฝ่ายต่างจะข่มขวัญให้อีกฝ่ายเกรงกลัวบารมีของกลุ่มตน
    ทั้งนี้เหตุการณ์ดังกล่าวเป็นอีกเหตุการณ์สะเทือนขวัญในเม็กซิโก โดยก่อนหน้านี้ เมื่อวันที่ 20 ก.ย.ที่ผ่านมาก็มีเหตุลักษณะเดียวกันนี้เกิดขึ้นที่บริเวณเมืองเวราครู๊ซ ซึ่งครานั้นมีผู้เสียชีวิตไป ถึง 35ศพด้วยกัน.
    [​IMG]
    Mthai News


    [​IMG]
    สำนักข่าวต่างประเทศรายงานว่า คาร์ลอส ราฟาเอล เจ้าของเรือประมง ในมลรัฐแมสซาซูเซตส์ สหรัฐอเมริกา ออกเรือและจับปลาทูน่าครีบน้ำเงิน น้ำหนักกว่า 400 กิโลกรัมได้
    ทั้งนี้คาดว่าราคาของทูน่าตัวนี้น่าจะสูงมาก โดยก่อนนี้ไม่นานเคยมีการประมูลทูน่ายักษ์น้ำหนักประมาณ 350 กิโลกรัม ในราคา 396,000 ดอลลาร์ เลยทีเดียว
    [​IMG]
    อย่างไรก็ตามเมื่อเขาแล่นเรือเทียบท่า เจ้าหน้าที่ควบคุมการประมงได้เข้ายึดปลาทูน่ายักษ์ตัวดังกล่าวทันที โดยแจ้งข้อหาว่า การใช้ตาข่ายในการจับปลาทูนาเป็นสิ่งผิดกฎหมายถึงแม้จะมีใบอนุญาตในการประมงก็ตาม และทูน่ายักษ์ตัวนี้จะถูกนำไปขายยังต่างแดน ซึ่งเงินที่ได้จะนำเข้าสมทบกองทุนองค์กรการบริหารสมุทรศาสตร์แห่งชาติสหรัฐฯ
    Mthai News
     
  10. เกษม

    เกษม ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนพิเศษ สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 พฤศจิกายน 2004
    โพสต์:
    24,696
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +77,192
    พุทธตำนานพระเจ้าเลียบโลกกัณฑ์ที่ ๙

    [​IMG]

    ในกาลต่อไปนับจากนั้น จะมีพระยาธรรมิกราชองค์หนึ่ง ซึ่งเกิดมาในปีกกัดเล้า เดือนเพ็ญวันเสาร์จะได้เป็นพระยาธรรมิกราชองค์ประเสริฐ เมื่อพระยาธรรมิกราชองค์นี้เกิดขึ้นมา คนทั้งหลายคือท้ายพระยา เสนาอำมาตย์และสมณพราหมณ์ผู้ที่เป็นคนพาล ใจบาป เขาย่อมเกลียดชัง ไม่มีใจรักพระยาธรรมิกราชองค์นั้น ท่านจะเกิดในตระกูลฃช่างหูก ในประเทศที่อยู่ตอนล่างแม่น้ำ พระยาธรรมิกราชองค์นั้นเป็นผู้มีปัญญาอันวิเศษ มีปรกติสั่งสอนสมณะและคฤหัสถ์ทั้งหลายด้วยเรื่องที่เป็นบุญเป็นกุศลบ่อยๆ

    ด้วยเหตุนี้สมณะและคฤหัสถ์ทั้งหลายผู้เป็นพาลมีใจบาป จึงไม่ชอบไม่พอใจพากันเกลียด ในกาลต่อมาท่านผู้มีบุญมากนั้นจึงขึ้นไปเลี้ยงชีวิตแห่งตน ทางตอนต้นน้ำแม่ระมิงค์ (น้ำปิง) ตั้งแต่นั้นต่อไปภายหน้าสมณะและคฤหัสถ์ทั้งหลายจะประสบอุบาทว์โรคภัยไข้เจ็บต่างๆ เป็นต้นว่า ปวดท้อง ลงเลือดตาย ยิ่งกว่านั้นจะบังเกิดเป็นโกลาหลกลียุค จะฆ่าฟันกันตายเป็นอันมาก หญิงชายจะตายเพราะทุพภิกขภัยอดอยากเป็นจำนวนมากประการหนึ่ง คนทั้งหลายจะตายเพราะโรคภัยไข้เจ็บเป็นต้นว่า เป็นตุ่ม, เป็นฝี, เป็นหิด, เป็นเหา เป็นโรคเรื้อนตายกันมาก ประการหนึ่ง คนทั้งหลายจะอยู่ในสงคราม คนใดเกิดยามนั้น จะกระทำบุญรักษาศีลพังธรรรมเมตตาภาวนาอยู่ตลอดเวลา จงอย่าประมาทเลย

    ในกาลยามนั้นจะเกิดทุพภิกขภัยข้าวจะแพงยิ่ง ข้าวสารหมื่นน้ำเป็นราคา ๗๒ ตลิง เป็น ๓๐๖ ธ็อก ก็ยังหาคนขายมิได้เหตุนั้นเจ้าตนมีบุญจึงเป็นพ่อค้าข้าวสาร ในเวลาที่เจ้าตนมีบุญจะได้เป็นพระยาธรรมิกราชนั้น ท่านจะไปค้าขายข้าวสารตามลำดับ แล้วจะไปพักอยู่ใน ดอยสากก้อมคือภูดินแดง อันมีอยู่ในเขตเมืองฝางที่นั้น ในเวลานั้นพระอินทร์ทอดพระเนตรเห็นแล้วจะเสด็จนำม้าตัวหนึ่งชื่อมัญกัณฐัก เข้ามาสู่ดอยดินแดงในเมืองฝางนั้น เมื่อมาถึงพ่อค้าผู้นั้นแล้วจะกล่าวว่า "ดูรา พ่อค้า ขอท่านกรุณาถือเชือกม้าไว้ให้ข้าพเจ้าครู่หนึ่งเถิด ข้าพเจ้าจะไปกินน้ำรินสามสบสักประเดี๋ยว

    แล้วอินทมานพก็เอาข้าวต้มมัด ๓ ลูกให้แก่พ่อค้าแล้วสั่งว่า "ขอท่านโปรดจงรักษาม้าข้าพเจ้าไว้สักระยะเถิด ท่านหิวข้าวท่านจงกินข้าวต้ม ๓ ลูกนี้เถิด หากว่าม้าต้วนี้มันดิ้นส่งเสียงร้องลำพองนัก ท่านจงขึ้นขี่เหนือหลังมัน มันก็จะหยุดร้องคะนองทันที" เมื่อสั่งเสร็จแล้ว อินทราธิราชก็เสด็จไปแอบอยู่ที่แห่งหนึ่ง ต่อมาพ่อค้าผู้นั้นรู้สึกหิวข้าวเป็นอันมาก ก็แกะข้าวต้มห่อหนึ่งออกกิน เมื่อกินแล้ว ปัญญาอันเป็นทิพย์ก็บังเกิดแก่พ่อค้าผู้นั้นทันที ในกาลนั้นม้าก็ดิ้นส่งเสียงร้อง พ่อค้าผู้มีบุญก็ขึ้นขี่บนหลังม้าตัวนั้น ม้าตัวนั้นก็พาท่านเหาะมาทางอากาศ ท้าวจตุโลกบาล เทวดา พญานาค ยักษ์ คนธรรพ์ ทั้งมวลในหมื่นโลกธาตุ ก็พร้อมใจกันบรรเลง ๕ ประการ อบรมสมโภช บูชาเป็นโกลหลเอกเกริกทั่วทั้งหมื่นโลกธาตุ

    คนทั้งหลายในสกลชมพูทวีป ไม่เคยได้ยินมาแต่ก่อน เมื่อได้ยินแล้วก็สะดุ้งตกใจกลัวเป็นอย่างยิ่ง และพระอินทร์ ท้าวจตุโลกบาลเทวดา ยักษ์ กุมภัณฑ์ คนธรรพ์และสุรางคณาทั้งหลาย ก็พร้อมกันนำเอาท่านผู้มีบุญนั้น ขึ้นไปสู่เมืองสวรรค์ชั้นดาวดึงส์ก็พร้อมกับอุสสวราชาภิเษกด้วย เบญจกกุธภัณฑ์ อันเป็นทิพย์แล้วจึงเชิญพระยาธรรมิราชองค์นั้นลงมา หมู่คนและเทวดาอินทร์พรหมก็พร้อมกันอุสสวราชาภิเษกในเมืองเชียงดาว เขตแห่งเมืองหริภัญชัยนครที่นั้นปราสาททิพย์ ๓ หลังคือ ปราสาทแก้ว ๑ หลัง ปราสาททอง ๑ หลัง ปราสาทเงิน ๑ หลัง สูง ๖๗ วา กว้าง ๓๐ วา จะโผล่ออกมาใต้ปฐพีขึ้นมา ปราสาททางกลางเวียงเชียงดาวที่นั้น

    ยามนั้นทองคำสี่แท่งที่มีอยู่ในหนองสรงเกศ อันตั้งอยู่ในหัวหนองไคร้ ที่จะโผล่ออกมาอยู่ที่มุมปราสาททั้ง ๔ มุม ต่อจากนั้นจะมีรินทองคำพาดแต่หัวดอยอ่างสรงโพ้นลง พระอินทร์พร้อมด้วยเทวดาทั้งหลาย จะพร้อมกันรดสรงด้วยน้ำมูรธาภิเษกในรินทองคำนั้น รินทองคำจะพาดแต่จอมดอยภูหวดโน้นลงมา ยามนั้น สมณพราหมณ์ท้าวพระยาเสนามาตย์และคนทั้งหลายพากันอุสสาราชาภิเษกในรินทองคำอันนั้น ในกาลครั้งนั้นคนทั้งหลายก็จะได้เห็นเทวดา พระอินทร์ พระพรหมทุกองค์ เพราะเทวดาเหล่านั้นได้มาอุสสาราชาภิเษกพ่อค้าข้าวสาร ที่เป็นลูกช่างหูกซึ่งเป็นพระยาธรรมิกราชนั้นแล

    เมื่อท่านผู้มีบุญได้เป็นพระยาธรรมิกราชแล้ว ต้นกัลปพฤกษ์ทิพย์ทั้งหลาย ๑,๖๐๐ ต้น ก็จะโผล่จากใต้แผ่นดินออกมา แวดล้อมปราสาทและเวียงเชียงดาวทั้งหมด จะเป็นที่รุ่งเรืองปรากฏไปทั่วชมพูทวีปทั้งสิ้น มนุษย์ชายหญิงทั้งหลายเมื่อเข้ามาถึงที่นั้นแล้วก็จะถอดเสื้อผ้าออกกองไว้สูงประมาณ ๗ ศอก ลมจะพัดเสื้อผ้าเก่าเหล่านั้นทิ้งไปทั้งหมดถึง ๗ ครั้ง คนทั้งหลายจะได้นุ่งวัตถาภรณ์อลังการผืนใหม่ที่เป้นทิพย์ทุกคน ในกาลใดที่ท่านยักขราชได้เกิดเป็นพระยาธรรมิกราช ในกาลนั้นท่านจะได้เสวยทิพยสมบัติสุขทุกคน ในเมืองเชียงดาวอันอยู่ในแว่นแคว้นเขตเมืองหริภัญชัยนคร

    ชาวเมืองโกสัมพีทั้งหลายจะเข้าพึ่งบรมสมภารชั้นใน คือเป็นพ่อครัวของพระยาธรรมิกราชองค์นั้น สมณพราหมณ์หมู่ใดที่ไม่ปฏิบัติตามพระธรรมวินัยจะถูกไล่สึกเสียทั้งสิ้น ส่วนสมณะพราหมณ์หมู่ใดอยู่ในธรรมวินัยของตถาคตที่ได้บัญญัติไว้ ก็จะให้อยู่รักษาพระพุทธศาสนา จำนวนภิกษุที่ปฏิบัติชอบด้วยพระธรรมวินัยที่ไม่ได้ไปสึกนั้น ในสกลชมพูทวีปทั้งสิ้นจะมีประมาณ ๖ ร่มไม้นิโครธ (บางฉบับว่า ๒ ร่มไม้นิโครธ) ต้นใหญ่ พระยาธรรมิกราชองค์นั้นจะอยู่เสวยราชสมบัติตราบอายุ ๒๐๐ ปี บุญสมภารการแห่งตน

    (คัดลอกมาให้อ่านเพียงบางส่วน ท่านที่สนใจจะอ่านแบบเต็มๆ ก็เข้าไปอ่านดูได้ที่ลิ้งค์ข้างล่างนี้ครับ)

    (๑๑) พุทธตำนาน:พระเจ้าเลียบโลก - PaLungJit.com

    ก่อนที่จะมีพญาธรรมมิกราชจะเกิดขึ้นนั้น ท้องฟ้าจะมืดมิดเป็นเวลา ๗ วัน (ตำนานละแวก)

    ต้นฉบับตำนานละแวกนี้เป็นของวัดศรีพิงค์เมือง (วัดศรีปิงเมือง) ต.หายยา อ.เมือง จ.เชียงใหม่ จำนวน ๑ ผูกความยาว ๖๒ หน้า คัดลอกโดยมหาวันภิกขุ เมื่อพ.ศ. ๒๔๒๓ ตรงกับ จ.ศ.๑๒๔๒ ปีกดสะง้า เดือน ๑๒ แรม ๙ ค่ำ วัน ๓ สรุปใจความได้ดังนี้

    ในสมัยที่พระพุทธเจ้ายังทรงพระชนม์อยู่นั้น ทรงทำนายเหตุการณ์ในอนาคตไว้ที่เมืองละแวก เมื่อเสด็จมาถึงเมืองแห่งนี้พญานาคได้มาอุปัฏฐาก จึงทำนายว่า สถานที่ดังกล่าวนี้จะเป็นที่ตั้งของพระพุทธศาสนา พระอานนท์จึงขอเอาพระเกศาธาตุบรรจุไว้ที่นี่ พระพุทธองค์ทรงมอบพระเกศาธาตุ ให้จำนวน ๕ เส้น จากนั้นพระอินทร์ พระพรหม ครุฑ นาค และพญาเจ้าเมืองละแวก จึงก่อเจดีย์ขึ้นเป็นจำนวน ๕ องค์ สำหรับเป็นเครื่องหมายของศาสนา ๕,๐๐๐ ปี

    ครั้นเมื่อพระพุทธองค์นิพพานไปแล้ว ๒๒ ปี พญาอโสกธัมมิกราชได้มาบูรณปฏิสังขรณ์เจดีย์ดังกล่าวให้เจริญรุ่งเรือง โดยก่อกำแพงแก้วรอบบริเวณพร้อมทั้งติดแผ่นทองจังโกทุกองค์เจดีย์ ส่วนเมืองละแวกแห่งนั้นมีบริเวณกว้าง ๓ พันวา ยาว ๒ พันวา กำแพงเมืองก่อด้วยหินหนา ๖ วา สูง ๔ วาคูเมือง ลึก ๗ วา สำหรับบริเวณที่สร้างเจดีย์ ๕ องค์กว้าง ๓๐๐ วาฐานเจดีย์องค์หนึ่งกว้าง ๑๔ วา สูง ๒๐ วา แต่ละเจดีย์มีซุ้มพระพุทธรูปทั้ง ๔ ด้านเหมือนกันหมดทุกองค์

    เจดีย์ทั้ง ๕ องค์ดังกล่าวนี้พระพุทธองค์ให้สร้างไว้ เพื่อเป็นเครื่องหมายทางศาสนา หากเจดีย์จมพื้นดินลงไป ๑ องค์เท่ากับศาสนาพ้นไปแล้ว ๑ พันปี จนกว่าจะครบ ๕ พันปีเจดีย์ทั้งหมดจึงจะหายไปในที่สุด เจดีย์ดังกล่าวนี้มีผู้อุปัฏฐากดูแลคือ ภิกษุ ๕๐๐ องค์ สามเณร ๕๐๐ รูป คฤหัสถ์ ๕๐๐ คน ในช่วงระยะเวลาระหว่างพุทธศาสนา ๕,๐๐๐ ปีนั้น จะมีพญาธัมมิกราชเกิดมาจำนวน ๕ องค์โดยมีช่วงเวลาครั้งละ ๑ พันปื

    สำหรับพญาธัมมิกราชองค์ที่ ๓ ที่จะเกิดมาในระหว่างพุทธศาสนาได้ ๓,๐๐๐ ปีนั้น (ตั้งแต่ พ.ศ.2001-3000 ) จะเกิดมาในขณะที่บ้านเมืองเดือดร้อนวุ่นวาย ผู้คนไม่มีศีลธรรม เกิดมีการรบพุ่งฆ่าฟันกันไปทั่ว

    ก่อนที่จะมีพญาธัมมิกราชเกิดขึ้นนั้น ท้องฟ้าจะมืดมิดเป็นเวลา ๗ วัน ครั้นถึงวันที่ ๘ ท้องฟ้าจึงจะสว่างสดใส เทวบุตรจะนำเอาเครื่องสูง ๕ ประการ มาทำพิธีราชาภิเษก(มุรธาภิเษก) โดยมีเทวดานางฟ้าและพระฤาษีมาร่วมพิธีด้วย รวมทั้งข้าทาสบาทบริจาริกาจำนวนหนึ่งหมื่นหกพันนางจากอุตรกุรุทวีป เมื่อเสร็จพิธีราชภิเษกแล้ว ปราสาท ๓ หลังจะผุดขึ้นมาจากพื้นดิน แต่ละหลังทำด้วยทองคำ แก้วและเงิน พญาธัมมิกราชองค์นั้นได้เสวยราชสมบัติในเมืองฝาง

    ในราชสำนักจะมีบุรุษผู้ประเสริฐจำนวน ๖ คน พญาธัมมิกราชจะขุดเอาข้าวของเงินทองจากพื้นดิน มาบูรณะบ้านเมือง และแจกจ่ายเป็นทานแก่คนทั่วไป หลังจากนั้นจึงได้ทำนุบำรุงพระพุทธศาสนา ให้มีความเจริญรุ่งเรืองสืบต่อไป

    ที่มา http://www.agalico.com/board/showthread.php?t=23511
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 26 พฤศจิกายน 2011
  11. วรเดช

    วรเดช เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 สิงหาคม 2006
    โพสต์:
    1,753
    ค่าพลัง:
    +6,146
    <TABLE border=0 width=670 bgColor=#ffffff><TBODY><TR bgColor=#ffcae3><TD> เกือบทุกภาคอุณหภูมิลดลง1-2องศา/ยอดดอย4-11องศามีน้ำค้างแข็ง </TD></TR><TR><TD> </TD></TR><TR><TD vAlign=top align=middle><TABLE border=0 cellSpacing=2 cellPadding=2 width=668><TBODY><TR><TD class=A2 vAlign=top><TABLE border=0 cellSpacing=2 cellPadding=2 bgColor=#f5f5f5 align=center><TBODY><TR><TD>[​IMG]</TD></TR><TR><TD align=middle></TD></TR></TBODY></TABLE>
    กรมอุตุนิยมวิทยา พยากรณ์อากาศประจำวันที่ 26 พฤศจิกายน 2554 ลักษณะอากาศทั่วไปเมื่อเวลา 04:00 น.

    มรสุมตะวันออกเฉียงเหนือกำลังค่อนข้างแรง ที่พัดปกคลุมภาคใต้และอ่าวไทยมีกำลังอ่อนลง ยังคงทำให้ภาคใต้ฝั่งตะวันออกตั้งแต่จังหวัดสุราษฏร์ธานีลงไป มีฝนตกอยู่ในเกณฑ์กระจายถึงเกือบทั่วไปและมีฝนตกหนักบางพื้นที่ บริเวณจังหวัดนครศรีธรรมราช พัทลุง สงขลา ปัตตานี ยะลา และนราธิวาส ส่วนคลื่นลมในอ่าวไทย
    มีกำลังอ่อนลง โดยมีคลื่นสูงประมาณ 2 เมตร ขอให้ชาวเรือระมัดระวังอันตรายในการเดินเรือในระยะนี้

    อนึ่ง บริเวณความกดอากาศสูงจากประเทศจีนยังคงปกคลุมประเทศไทย ลักษณะเช่นนี้ทำให้บริเวณดังกล่าวอากาศหนาวเย็นอย่างต่อเนื่อง และอุณหภูมิจะลดลงอีก 1-2 องศา กับมีน้ำค้างแข็งเกิดขึ้นได้ในบริเวณภูเขาสูงของภาคเหนือ ในช่วงวันที่ 26-28 พ.ย. 2554

    พยากรณ์อากาศสำหรับประเทศไทยตั้งแต่เวลา 06:00 วันนี้ ถึง 06:00 วันพรุ่งนี้.

    ภาคเหนือ ทางตอนบนสุดของภาค อากาศหนาว โดยอุณหภูมิจะลดลงอีก 1-2 องศา อุณหภูมิต่ำสุด 14-16 องศา อุณหภูมิสูงสุด 28-30 องศา ทางตอนล่างของภาค อากาศเย็น และอุณหภูมิจะลดลงอีกเล็กน้อย อุณหภูมิต่ำสุด 17-20 องศา อุณหภูมิสูงสุด 28-32 องศา สำหรับบริเวณยอดดอยอากาศหนาวถึงหนาวจัด อุณหภูมิต่ำสุด 4-11 องศา และมีน้ำค้างแข็งบางพื้นที่ ลมตะวันออกเฉียงเหนือ ความเร็ว 10-30 กม./ชม.

    ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ อากาศเย็น และอุณหภูมิจะลดลงอีก 1-2 องศา อุณหภูมิต่ำสุด 16-19 องศา อุณหภูมิสูงสุด 29-31 องศา สำหรับบริเวณยอดภู อากาศหนาว อุณหภูมิต่ำสุด 10-14 องศา ลมตะวันออกเฉียงเหนือ ความเร็ว 20-35 กม./ชม.

    ภาคกลาง อากาศเย็นในตอนเช้า และอุณหภูมิจะลดลงอีกเล็กน้อย อุณหภูมิต่ำสุด 19-22 องศา อุณหภูมิสูงสุด 30-32 องศา ลมตะวันออกเฉียงเหนือ ความเร็ว 15-35 กม./ชม.

    ภาคตะวันออก อากาศเย็น และอุณหภูมิจะลดลงอีกเล็กน้อย อุณหภูมิต่ำสุด 20-24 องศา อุณหภูมิสูงสุด 32-33 องศา ลมตะวันออกเฉียงเหนือ ความเร็ว 15-35 กม./ชม. ทะเลมีคลื่นสูง 1 เมตร ห่างฝั่ง 1-2 เมตร

    ภาคใต้ (ฝั่งตะวันออก) จังหวัดชุมพรขึ้นมา มีฝนฟ้าคะนองบางแห่ง ร้อยละ 10 ของพื้นที่ ลมตะวันออกเฉียงเหนือ ความเร็ว 15-35 กม./ชม. ทะเลมีคลื่นสูง 1-2 เมตร ตั้งแต่จังหวัดสุราษฎร์ธานีลงไป มีฝนฟ้าคะนองเกือบทั่วไป ร้อยละ 70 ของพื้นที่ และมีฝนตกหนักบางพื้นที่ บริเวณจังหวัดนครศรีธรรมราช พัทลุง สงขลา ปัตตานี ยะลา และนราธิวาส อุณหภูมิต่ำสุด 22-25 องศา อุณหภูมิสูงสุด 28-32 องศา ลมตะวันออกเฉียงเหนือ ความเร็ว 20-35 กม./ชม. ทะเลมีคลื่นสูงประมาณ 2 เมตร

    ภาคใต้ (ฝั่งตะวันตก) มีฝนฟ้าคะนองกระจาย ร้อยละ 60 ของพื้นที่ ส่วนมากบริเวณจังหวัดกระบี่ ตรัง และสตูล อุณหภูมิต่ำสุด 22-25 องศา อุณหภูมิสูงสุด 30-32 องศา ลมตะวันออก ความเร็ว 15-35 กม./ชม. ทะเลมีคลื่นสูงประมาณ 1 เมตร ห่างฝั่ง 1-2 เมตร

    กรุงเทพมหานครและปริมณฑล อากาศเย็นในตอนเช้า โดยอุณหภูมิจะลดลงอีกเล็กน้อย อุณหภูมิต่ำสุด 22-23 องศา อุณหภูมิสูงสุด 32-33 องศา ลมตะวันออกเฉียงเหนือ ความเร็ว 15-35 กม./ชม.


    </TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR><TR><TD vAlign=top align=middle><TABLE border=0 cellSpacing=2 cellPadding=2 width=668><TBODY><TR><TD class=A2 vAlign=top><TABLE border=0 cellSpacing=2 cellPadding=2 bgColor=#f5f5f5 align=center><TBODY><TR><TD>[​IMG]</TD></TR><TR><TD align=middle></TD></TR></TBODY></TABLE>
    </TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR></TBODY></TABLE>
    <TABLE border=0 width=670 bgColor=#ffffff><TBODY><TR bgColor=#ffcae3><TD>“รามอินทรา”ฮือชุมนุมจี้กทม.ระบาย </TD></TR><TR><TD> </TD></TR><TR><TD vAlign=top align=middle><TABLE border=0 cellSpacing=2 cellPadding=2 width=668><TBODY><TR><TD class=A2 vAlign=top><TABLE border=0 cellSpacing=2 cellPadding=2 bgColor=#f5f5f5 align=center><TBODY><TR><TD>[​IMG]</TD></TR><TR><TD align=middle></TD></TR></TBODY></TABLE>
    ม็อบชาวรามอินทราประท้วง ยื่นข้อเสนอกทม.เร่งระบายน้ำ หวั่นถูกทำเป็นพื้นที่แก้มลิง ขีดเส้น 3 วันน้ำไม่ลดขู่ปิดถนน
    เมื่อวันที่ 25 พ.ย. ผู้สื่อข่าวรายงานว่ามีกลุ่มชาวบ้านหลายชุมชนย่านรามอินทรา เขตบางเขน เช่น หมู่บ้านทหารผ่านศึกเกาหลี คุบอน วังไผ่ ที่ถูกน้ำท่วมขังสูงนานกว่า 1 เดือน จำนวนกว่า 100 คน รวมตัวกัน ที่บริเวณถนนรามอินทรา กม. 2 เรียกร้องให้กรุงเทพมหานคร (กทม.) ช่วยระบายน้ำให้ลดลงโดยเร็ว และไม่ให้ใช้พื้นที่บางเขนเป็นแก้มลิงรับน้ำที่ระบายออกจากกทม.

    โดยยื่นข้อเรียกร้องหลัก 2 ข้อ คือ

    1.ขอให้กทม.แสดงจุดยืนว่าจะไม่ให้พื้นที่บางเขนเป็นแก้มลิงตามที่ ม.ร.ว.สุขุมพันธ์ บริพัตร ผู้ว่าฯกทม.เคยประกาศไว้

    และ 2.ขอให้เร่งระบายน้ำฝั่งรามอินทราลงคลองย่อยให้เร็วที่สุด เช่น การระบายน้ำรามอินทรา ไปฝั่งวัดไทร จากนั้นให้ระบายไปฝั่งเสนาเพื่อลงคลองลาดพร้าวไปลงคลองแสนแสบ

    ต่อมานายสมภพ ระงับทุกข์ รองปลัดกทม.เดินทางมารับเรื่องร้องเรียนจากชาวบ้าน พร้อมยืนยันว่าพื้นที่ดังกล่าวไม่ได้ถูกกำหนดให้เป็นพื้นที่แก้มลิงแน่นอน และพร้อมรับฟังความเห็นของชาวบ้านไปปฏิบัติอย่างเร่งด่วน โดยขอให้ชุมชนต่าง ๆ ส่งกรรมการชุมชนเป็นตัวแทนหารือการติดตั้งเครื่องสูบน้ำเพื่อจะเร่งระบายน้ำในพื้นที่โดยเร็ว และล่าสุดสำนักการระบายน้ำจะเข้าไปติดตั้งเครื่องสูบน้ำไว้แถบลาดปลาเค้า

    หลังการเจรจาชาวบ้านยอมรับที่จะรอให้กทม.แก้ไขปัญหา และยอมสลายตัวไป แต่หากภายใน 3 วัน ระดับน้ำไม่ลดลงจะประกาศรวมตัวกันออกมาปิดถนนเรียกร้องจนกว่าจะได้ตามข้อตกลง

    สำหรับบรรยากาศการชุมนุมของชาวบ้านส่วนใหญ่ข้องใจที่ฝั่งรามอินทรามีน้ำท่วมขังสูงกว่า 1 เมตร แต่ฝั่งตรงข้ามด้านกรมทหารราบ 11 รักษาพระองค์กลับมีการกั้นกระสอบทรายทำให้พื้นที่ไม่ถูกน้ำท่วม โดยชาวบ้านส่วนหนึ่งมองว่าขณะนี้แต่ละชุมชนที่ได้รับความเดือดร้อนต้องรวมตัวกันเองจึงจะได้รับความสนใจให้หน่วยงานต่าง ๆ ลงมาแก้ไขปัญหา ซึ่งผลจากการชุมนุมที่ถนนรามอินทราส่งผลให้ต้องปิดการจราจรไป 1 ช่องทาง.




    </TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR><TR><TD><CENTER>ขอขอบคุณเนื้อหาข่าว คุณภาพดี โดย: หนังสือพิมพ์เดลินิวส์
    [​IMG]</CENTER></TD></TR></TBODY></TABLE>
    <TABLE border=0 width=670 bgColor=#ffffff><TBODY><TR bgColor=#ffcae3><TD> “บิ๊กตู่”สดุดี”420พลทหาร”ช่วยน้ำท่วม </TD></TR><TR><TD> </TD></TR><TR><TD vAlign=top align=middle><TABLE border=0 cellSpacing=2 cellPadding=2 width=668><TBODY><TR><TD class=A2 vAlign=top><TABLE border=0 cellSpacing=2 cellPadding=2 bgColor=#f5f5f5 align=center><TBODY><TR><TD>[​IMG]</TD></TR><TR><TD align=middle></TD></TR></TBODY></TABLE>
    หลังปลดประจำการ แต่ขอต่ออายุช่วยเหลือผู้ประสบอุทกภัย พร้อมมอบใบประกาศชมเชย ยกย่องเป็น “วีรบุรุษ”
    เมื่อวันที่ 25 พ.ย. เวลา 14.00 น. ที่สโมสรทหารบก พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ผบ.ทบ. เป็นประธานในพิธีมอบประกาศชมเชยและมอบของขวัญที่ระลึกให้กับทหารกองประจำการที่ครบกำหนดจากกองประจำการ จำนวน 420 นาย แต่สมัครใจเสียสละปฏิบัติหน้าที่ช่วยเหลือผู้ประสบอุทกภัย

    พร้อมกันนี้ ได้กล่าวขอบคุณและสดุดีเหล่าพลทหารในความเสียสละ ที่ต่ออายุราชการทำคุณประโยชน์ให้กับประเทศชาติ ด้วยหัวใจที่มุ่งมั่น สร้างชื่อเสียงเกียรติยศให้กับกองทัพบก และวงศ์ตระกูล และขอให้ทุกคนภูมิใจ เพราะทุกคนจะถูกยกย่องเป็น “วีรบุรุษ” ในกองทัพตลอดไป.




    </TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR><TR><TD><CENTER>ขอขอบคุณเนื้อหาข่าว คุณภาพดี โดย: หนังสือพิมพ์เดลินิวส์
    [​IMG]</CENTER></TD></TR></TBODY></TABLE>
     
  12. วรเดช

    วรเดช เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 สิงหาคม 2006
    โพสต์:
    1,753
    ค่าพลัง:
    +6,146
    การเกิดทอร์นาโดน้ำแข็งใต้ทะเล ถ่ายวีดีโอไว้โดย BBC คลิป คลิปจากหมวด ข่าวและเหตุการณ์ โพสต�

    การเกิดทอร์นาโดน้ำแข็งใต้ทะเล ถ่ายวีดีโอไว้โดย BBC

    ทีมกรุ๊ป เสนอแนวทาง แก้น้ำท่วมอย่างยั่งยืน



    [​IMG]
    ยันต้องมีการสร้าง ระบบระบายน้ำ เพื่อให้สามารถเร่งการระบายน้ำลงสู่ทะเลได้อย่างรวดเร็ว
    กลุ่มธุรกิจที่ปรึกษาในประเทศด้านแหล่งน้ำและพลังงาน และกรรมการบริหาร หรือ กลุ่มทีมกรุ๊ป ได้เสนอแนวทางการป้องกันน้ำท่วมใหญ่ในพื้นที่ภาคกลาง และกรุงเทพมหานครอย่างยั่งยืน โดยเสนอให้ภาครัฐทำการก่อสร้างระบบระบายน้ำ เพื่อให้สามารถเร่งการระบายน้ำลงสู่ทะเลโดยเร็ว
    ซึ่งการดำเนินการดังกล่าวทางทีมกรุ๊ปได้เสนอไว้ 7โครงการสำคัญ แบ่งเป็นแผนการดำเนินงานในระยะสั้น กลาง ยาว ดังนี้
    แผนระยะสั้น
    ระยะเวลาดาเนินการแล้วเสร็จภายใน 1-2 ปี ได้แก่
    (1) การปรับปรุงระบบระบายน้ำในปัจจุบัน : ประกอบด้วย
    -การขุดลอกคูคลอง
    มีคูคลองจานวนมากที่มีการตกตะกอน รวมทั้งการที่ประชาชน รุกล้าเข้าไปอยู่อาศัยในเขตคลอง ดังนั้นจึงจำเป็นต้องมีการขุดลอกตะกอนดินอย่างสม่าเสมอ และป้องกันไม่ให้ประชาชนเข้าไปอาศัยอยู่ในเขตคลอง โดยเฉพาะคลองสายหลัก และสายอื่นๆ ที่ใช้ในการระบายน้ำลงสู่ทะเล
    -การปรับปรุงพนังกั้นน้ำ
    ควรมีการเสริมความแข็งแรงของพนังกั้นน้ำ และซ่อมแซมตรวจสอบอยู่ตลอดเวลา พร้อมทั้งพิจารณาความสูงให้เหมาะสม เป็นไปตามหลักวิชาการ และสอดคล้องกับการใช้ประโยชน์ได้ตามวัตถุประสงค์เพื่อสามารถป้องกันน้ำท่วมในภาพรวมให้แก่ทุกฝ่ายที่เกี่ยวข้องได้อย่างแท้จริง
    -การปรับปรุงประตูระบายน้ำ
    จะต้องมีการบำรุงรักษาให้ประตูระบายน้ำสามารถใช้งานได้อย่างมีประสิทธิภาพอยู่เสมอ ปรับปรุงบานและเครื่องกว้านให้มีขนาดเพียงพอในการรองรับปริมาณน้ำในปริมาณมากๆ โดยที่สามารถใช้งานได้ทั้งการส่งน้ำ และระบายน้ำ ในส่วนอาคารโครงสร้าง ชุดเครื่องกว้าน บานระบาย ก็จำเป็นต้องมีการซ่อมบำรุงให้มีสภาพดี แข็งแรง สามารถใช้งานได้ตลอดเวลา
    -สถานีสูบน้ำ
    จะต้องมีการบำรุงรักษา และซ่อมแซม ปรับปรุงเครื่องสูบน้ำและอาคารประกอบให้มีความเหมาะสมทางด้านวิศวกรรม สามารถใช้งานได้อย่างมีประสิทธิภาพ เช่นชนิดและขนาดของเครื่องสูบน้ำจะต้องมีความเหมาะสมทั้งที่จะใช้ในการสูบส่ง และการสูบระบาย
    อนึ่งการปรับปรุงคูคลองทั้งหมดนี้ย่อมจะมีปัญหาด้านมวลชนที่อาศัยอยู่ในเขตคลอง จะต้องมีการศึกษาด้านการเวนคืน การจ่ายค่าชดเชย ซึ่งในปี 2554 ที่เกิดวิกฤติน้ำท่วมใหญ่นี้ถือเป็นโอกาสหนึ่งที่รัฐจะทำความเข้าใจกับประชาชนได้ง่ายขึ้น เพราะทุกคนได้เห็นถึงผลเสียหายที่เกิดขึ้นจากการบุกรุกที่ดินเขตคลองและการสร้างโรงงาน อาคาร และบ้านเรือนที่อยู่อาศัยอยู่ในเส้นทางน้ำ (Floodway) ที่จะระบายลงสู่ทะเล
    แผนระยะกลาง
    ระยะเวลาดาเนินการแล้วเสร็จภายใน 2-5 ปี
    (1) พัฒนาพื้นที่ลุ่มต่ำเป็นพื้นที่แก้มลิง
    จะต้องมีการกำหนดให้พื้นที่เกษตรกรรมที่เป็นพื้นที่ลุ่มต่ำที่มีศักยภาพที่จะเป็นพื้นที่แก้มลิง ซึ่งจากผลการศึกษาของทีมกรุ๊ปร่วมกับกรมชลประทานพบว่า สามารถดำเนินการ โดยแบ่งพื้นที่เป็น 2 ส่วน คือพื้นที่ตอนบน บริเวณเหนือจังหวัดนครสวรรค์ และพื้นที่ตอนล่าง บริเวณจังหวัดอ่างทอง และจังหวัดพระนครศรีอยุธยาซึ่งในปัจจุบันในส่วนนี้ได้ศึกษากำหนดพื้นที่ไว้แล้ว รวม 8 พื้นที่
    ศึกษาถึงระบบพนังของพื้นที่ปิดล้อม และระบบประตูระบายน้ำต่างๆ อย่างครบถ้วน และได้กำหนดค่าชดเชยให้แก่ประชาชนที่เป็นเจ้าของพื้นที่การเกษตรในพื้นที่แก้มลิงดังกล่าว โดยได้ทำความเข้าใจจนเป็นที่ยอมรับว่าเกษตรกรสามารถเพาะปลูกพืชต่างๆ ไปตามปกติ
    และหากปีใดที่มีน้ำปริมาณมาก ก็จะขอใช้พื้นที่ดังกล่าวเป็นแก้มลิงเพื่อใช้ในการตัดยอดน้ำหลากในภาวะวิกฤติ แล้วทางรัฐก็จะจ่ายค่าชดเชยให้ในราคาที่เหมาะสมกับความเสียหายในปีนั้นๆ ต่อไป
    จากการศึกษาพบว่าสามารถใช้พื้นที่แก้มลิงซึ่งมีความจุรวมประมาณ 1,000 ล้าน ลูกบาศก์เมตร ดังกล่าวในการตัดยอดน้ำ ลดความลึกของน้ำท่วมได้อย่างมีประสิทธิภาพ
    (2) ปรับปรุงคลองบางแก้ว-แม่น้ำลพบุรี : จะต้องปรับปรุงและขยายคลองบางแก้ว-แม่น้ำลพบุรี และเพิ่มช่องการระบายน้ำของ ประตูระบายน้ำปากคลองบางแก้ว,ประตูระบายน้ำปากคลองพระครู และ ประตูระบายน้ำปลายคลองบางแก้ว และปลายแม่น้ำลพบุรี
    เพื่อให้สามารถเร่งการระบายน้ำลงสู่มอเตอร์เวย์น้าได้อย่างรวดเร็ว เมื่อก่อสร้างแล้วเสร็จจะสามารถลดระดับน้ำท่วมในพื้นที่อาเภอเมืองอ่างทองลงได้ 49 เซ็นติเมตร และสามารถลดระยะเวลาการท่วมในพื้นที่ดังกล่าวลงได้ 18 วัน
    (3) ขุดช่องลัดแม่น้ำท่าจีนและก่อสร้างประตูระบายน้ำควบคุม 4 แห่ง : เป็นการเร่งระบายน้ำทางฝั่งตะวันตก โดยน้อมนำพระราชดำริที่ดำเนินการที่บางกระเจ้า
    โดยการขุดคลองลัดโพธิ์ และก่อสร้างบานประตูเพื่อควบคุมและระบายน้ำ เพื่อการบรรเทาอุทกภัย ได้น้อมนำเอาแนวพระราชดำริดังกล่าวมาใช้ในแม่น้ำท่าจีน เพื่อช่วยให้ระบายน้ำได้รวดเร็วยิ่งขึ้น
    จากการศึกษาพบว่า มีความเหมาะสมที่จะขุดช่องลัดในคุ้งน้ำที่คดเคี้ยวของแม่น้ำท่าจีน จำนวน 4แห่ง และก่อสร้างประตูน้ำในทุกๆ ช่องลัด เพื่อควบคุมการปิด-เปิด ระบายน้ำให้สอดคล้องกับจังหวะการขึ้น-ลง ของน้ำทะเล
    จะลดระยะทางการไหลของน้ำในส่วนดังกล่าวจาก 48 กิโลเมตร ลดลงเหลือ 10 กิโลเมตร ซึ่งจะสามารถเร่งการระบายน้ำลงสู่ทะเลได้เพิ่มมากขึ้นอีกวันละ 10 ล้านลูกบาศก์เมตร
    แผนระยะยาว
    ระยะเวลาดาเนินการแล้วเสร็จมากกว่า 5 ปี
    (1) การก่อสร้างมอเตอร์เวย์น้ำ
    เนื่องจากปริมาณการจราจรของเส้นทางภาคเหนือและภาคตะวันออกเฉียงเหนือมีความหนาแน่น โดยเฉพาะในช่วงธัญญบุรี ถึงลาดกระบังซึ่งได้มีการขยายเส้นทางไปแล้ว แต่ก็ยังไม่พอเพียง จึงมีความจาเป็นต้องพัฒนาโครงการก่อสร้างถนนวงแหวนรอบที่ 3
    ในขณะเดียวกันในด้านการระบายน้ำทางฝั่งตะวันออกนั้นก็จำเป็นจะต้องเพิ่มการระบายน้ำ เพื่อทดแทนทางน้ำหลาก (Floodway) ที่มีอยู่ในสมัยโบราณ เนื่องจากแม่น้ำเจ้าพระยาสามารถระบายน้ำได้สูงสุด 300 ล้านลูกบาศก์เมตรต่อวันเท่านั้น
    ในปี พ.ศ. 2542 ทีมกรุ๊ปได้เคยร่วมกับองค์การความร่วมมือระหว่างประเทศแห่งญี่ปุ่น (Japan International Cooperation Agency- JICA) ศึกษาแนวทางในการแก้ไขปัญหาอุทกภัยในภาคกลางและได้ร่วมกันวางแนวทางในการก่อสร้างคลองผันน้ำขนาดใหญ่จากบางไทรระบายลงไปสู่อ่าวไทยผ่านทุ่งตะวันออกของกรุงเทพฯ
    จากปัญหาน้ำท่วมใหญ่ในปี 2554 นี้ ทำให้เห็นว่ามีความจำเป็นจะต้องหาวิธีการเร่งระบายน้ำในพื้นที่ภาคกลางตอนล่างและกรุงเทพมหานครเพิ่มเติมนอกเหนือจากการระบายน้ำผ่านทางแม่น้ำเจ้าพระยา และแม่น้ำท่าจีนเท่านั้น ทีมกรุ๊ปได้เคยศึกษาการก่อสร้างมอเตอร์เวย์น้ำ ควบคู่ไปกับถนน วงแหวนรอบที่ 3 ไว้ก่อนหน้านี้แล้ว จึงเห็นว่ามีความจำเป็นที่จะต้องเร่งการก่อสร้างโครงการดังกล่าว
    อนึ่งในอดีตได้เคยมีการศึกษาเรื่องการก่อสร้าง Floodway แบบธรรมชาติ โดยวิธีการนี้จะใช้พื้นที่เป็นบริเวณกว้างประมาณ 2-5 กิโลเมตร เพื่อเป็นทางน้ำผ่านระบายน้ำจากจังหวัดพระนครศรีอยุธยา ผ่านทางทุ่งรังสิต หนองเสือ และผ่านทุ่งด้านตะวันออกของกรุงเทพฯ ลงไปสู่ทะเล
    ซึ่งในปัจจุบันสภาพการใช้ที่ดินได้เปลี่ยนแปลงไปมากมีสิ่งปลูกสร้างต่างๆ เป็นจำนวนมาก การก่อสร้างทางน้ำหลาก (Floodway) ในพื้นที่บริเวณกว้างจะทำได้ยากขึ้น และทางน้ำอาจจะคดเคี้ยวเนื่องจากต้องหลบสิ่งปลูกสร้างต่างๆ เหล่านั้น
    ทีมกรุ๊ปจึงได้เสนอแนวทางในการก่อสร้างมอเตอร์เวย์น้ำ ซึ่งกำหนดไว้เป็นการขุดคลองระบายน้ำ ในขนาด 1,150 ลูกบาศก์เมตรต่อวินาที สามารถระบายน้ำได้ 100 ล้านลูกบาศก์เมตรต่อวัน
    มอเตอร์เวย์น้ำ จะขุดเป็นคลองที่มีความกว้าง 180 เมตร ลึกประมาณ 8 เมตร มีประตูควบคุมน้ำที่ตอนเหนือบริเวณบางปะอิน จังหวัดพระนครศรีอยุธยา และมีประตูควบคุมน้ำที่บริเวณท้ายน้ำ รวมทั้งมี ประตูเรือ (Navigation Lock) ที่ให้เรือผ่านเข้าออกได้ ใช้เป็นเส้นทางเดินเรือบรรทุกสินค้าขนาด 3,000 ตันได้
    ซึ่งจะทาให้ลดปริมาณการจราจรทางน้ำในแม่น้ำเจ้าพระยาได้อีกทางหนึ่ง นอกจากนี้น้ำในคลองจะถูกเก็บกักและควบคุมให้เป็นน้ำจืดที่สามารถใช้เป็นน้ำสำรองสาหรับใช้เป็นแหล่งน้ำดิบในการผลิตน้ำประปาสำหรับกรุงเทพฯ ด้านฝั่งตะวันออกได้อีกด้วย
    มอเตอร์เวย์น้ำ นี้จะก่อสร้างคู่ขนานไปกับถนนวงแหวนรอบที่ 3 โดยมีคลองอยู่ตอนกลาง ซึ่งจะมีส่วนของถนนที่ใช้เป็นทางด่วนเก็บค่าธรรมเนียมผ่านทางอยู่ด้านหนึ่ง และมีถนนคู่ขนาน (Local Road) สองข้าง สามารถบริการประชาชนได้โดยไม่เก็บค่าธรรมเนียม
    ส่วนที่ดินบริเวณสองข้างของถนนคู่ขนานเลียบมอเตอร์เวย์น้ำนี้ จะมีโอกาสพัฒนาให้มีความเจริญขึ้น ทั้งทางด้านการพัฒนาเป็นชุมชนที่พักอาศัยที่ทันสมัย อยู่ใกล้คลองที่จะมีน้ำอยู่ตลอดปี และพื้นที่ใกล้เคียงถัดออกไปสามารถใช้ในการเกษตรกรรมแผนใหม่
    โดยในปัจจุบันบริษัท บางจาก ปิโตรเลียม จากัด (มหาชน) ได้เริ่มมีการส่งเสริมให้ปลูกต้นปาล์มแทนสวนส้มที่ได้รับความเสียหายในพื้นที่บริเวณทุ่งหนองเสือ โดยจะใช้น้ำมันปาล์มมาผลิตเป็น Bio Diesel ต่อไป
    นอกจากนี้ยังพัฒนาด้านการท่องเที่ยวทางน้ำได้อีกด้วย และส่วนของทางด่วนนั้นจากการศึกษาพบว่าจะสามารถเก็บค่าธรรมเนียมผ่านทางได้ประมาณ 3,500 ล้านบาท ต่อปีอีกด้วย
    จากการใช้แบบจำลองชลศาสตร์-อุทกวิทยา (River Network Model) ที่ทีมกรุ๊ปได้พัฒนาขึ้นมาเป็นการจำเพาะสาหรับลุ่มน้ำเจ้าพระยาซึ่งได้สอบเทียบ และใช้งานอย่างได้ผลดีมาตลอด 30 ปี
    และในการศึกษาระบบระบายน้ำที่ปรับปรุงใหม่นี้ทั้งระบบดังกล่าวแล้วพบว่าการใช้มอเตอร์เวย์น้ำเป็นทางระบายน้ำหลักอีกสายหนึ่งบูรณการร่วมกับแม่น้ำเจ้าพระยา แม่น้ำท่าจีน และการปรับปรุงทั้งระบบแล้วจะสามารถระบายน้ำจากตอนเหนือ และจากลุ่มน้าเจ้าพระยาทั้งหมดได้รวม 550 ล้าน ลบ.ม./วัน
    สามารถบริหารจัดการน้ำท่วมใหญ่ที่มีมวลน้ำที่มากมายทั้งในสภาพปี พ.ศ. 2538 และปี พ.ศ. 2554 นี้ได้อย่างเพียงพอแน่นอน ไม่เกิดความเสียหายอย่างที่เกิดในปีพ.ศ. 2554 อีกต่อไป
    (2) ปรับปรุงคลองชัยนาท-ป่าสัก
    จะต้องปรับปรุงคลองชลประทานชัยนาท-ป่าสัก ซึ่งปัจจุบันมีขนาดความจุ 210 ลบ.ม./วินาที ส่งน้ำได้วันละ 18 ล้านลูกบาศก์เมตร ขยายขนาดคลองและปรับเปลี่ยนไปเป็นคลองระบายน้ำขนาด 500 ลบ.ม./วินาที ระบายน้ำได้วันละ 43 ล้านลูกบาศก์เมตร
    เพื่อเร่งการระบายน้ำจากนครสวรรค์และชัยนาท ไม่ให้เกิดการสะสมในทุ่ง โดยก่อสร้างให้ไปเชื่อมต่อกับมอเตอร์เวย์นำ เพื่อเร่งการระบายน้ำลงสู่ทะเลต่อไป
    (3) การก่อสร้างเขื่อนแก่งเสือเต้น และเขื่อนแม่วงก์
    จะต้องพิจารณาคัดเลือกทางเลือกที่เหมาะสมที่สุดในการพัฒนาโครงการก่อสร้างเขื่อนแก่งเสือเต้นที่มีความจุอ่างเก็บน้ำ 730 ล้านลูกบาศก์เมตร และเขื่อนแม่วงก์ ที่มีความจุอ่างเก็บน้ำ 230 ล้านลูกบาศก์เมตร เพื่อใช้เป็นแหล่งเก็บกักน้ำไว้ใช้ในฤดูแล้ง และสามารถใช้บรรเทาอุทกภัยได้ในฤดูฝนอีกด้วย
    ข้อมูลจากฐานออนไลน์
    Mthai News



    [​IMG] ภาพประกอบจากอินเทอร์เน็ต ไม่เกี่ยวข้องกับข่าว

    กองบังคับการตำรวจจราจร (บก.จร.) แจ้งเส้นทางปิดการจราจร วันที่ 26 พฤศจิกายน มีดังนี้
    ทิศเหนือ
    -ถนนสายหลักที่ยังปิดการจราจร จำนวน 3 เส้นทาง ได้แก่ ถ.พหลโยธิน ขาเข้า-ขาออก ปิดการจราจรตั้งแต่วงเวียนบางเขน ถึงอนุสรณ์สถาน ถ.วิภาวดีรังสิต ขาออก ปิดการจราจรตั้งแต่แยกหลักสี่ ถึงอนุสรณ์สถาน ถ.นวมินทร์ ขาเข้า-ขาออก ปิดการจราจรตั้งแต่แยกรามอินทรา กม.8 ถึง ถ.นวมินทร์ ซ.157
    -ถนนสายรอง ปิดการจราจรจำนวน 15 เส้นทาง คือ ถ.ช่างอากาศอุทิศ ปิดการจราจรตลอดสาย ระดับน้ำ 40 เซนติเมตร ถ.เลียบคลองสอง ปิดการจราจรตลอดสาย ระดับน้ำ 40 เซนติเมตร ถ.จันทรุเบกษา ปิดการจราจรตลอดสาย ระดับน้ำ 40 เซนติเมตร
    ถ.วัชรพล ปิดการจราจรตลอดสาย ตั้งแต่ห้าแยกวัชรพล ถึงตัด ถ.เพิ่มสิน ระดับน้ำ 30 เซนติเมตร ถ.พุทธมณฑล สาย 3 ปิดการจราจรตลอดสาย ระดับน้ำ 30-50 เซนติเมตร ถ.อุทยาน ปิดการจราจรตลอดสาย ระดับน้ำ 20-30 เซนติเมตร ถ.ศาลาธรรมสพน์ ปิดการจราจรตลอดสาย ระดับน้ำ 30-50 เซนติเมตร
    ถ.สวนผัก ขาเข้า-ขาออก ตั้งแต่แยกกาญจนา ถึงสะพานข้ามทางรถไฟ ระดับน้ำ 10-20 เซนติเมตร ถ.บางระมาด ขาเข้า-ขาออก ตั้งแต่ตัด ถ.กาญจนา ถึงตัด ถ.ราชพฤกษ์ ระดับน้ำ 20-30 เซนติเมตร ถ.ทุ่งมังกร ขาเข้า-ขาออก ตั้งแต่ตัด ถ.บรมราชชนนี ถึงตัด ถ.สวนผัก มีระดับน้ำท่วมขังเป็นระยะ ความสูงประมาณ 10-20 เซนติเมตร ถ.พัฒนาการ (บางแค) ขาเข้า-ขาออก ตลอดสาย ระดับน้ำ 30-40 เซนติเมตร ถ.เทอดไท ปิดการจราจรตลอดสาย ระดับน้ำ 30-50 เซนติเมตร
    ทิศตะวันออก
    -ถนนสายหลัก ปิดการจราจร จำนวน 1 เส้นทาง คือ ถ.สุวินทวงศ์ ขาเข้า-ขาออก ตั้งแต่แยกตัด ถ.ราษฎร์อุทิศ ถึงแยกพาณิชยการมีนบุรี ระดับน้ำ 30-45 เซนติเมตร
    -ถนนสายรอง ปิดการจราจร จำนวน 2 เส้นทาง คือ ถ.หทัยราษฎร์ ขาเข้า-ขาออก ตั้งแต่แยกตัดถ.สุวินทวงศ์ ถึง ซอยหทัยราษฎร์ 1 ระดับน้ำ 40 เซนติเมตร และ ถ.ราษฎร์อุทิศ ปิดการจราจรตลอดสาย ระดับน้ำ 25-30 เซนติเมตร
    ส่วนเส้นทางที่ระดับน้ำลดลง เปิดการจราจรอย่างไม่เป็นทางการอีก 3 เส้นทาง ได้แก่ ถ.เพชรเกษม ขาเข้า-ขาออก เปิดการจราจร 2 ช่วง คือ ตั้งแต่ แยกท่าพระ ถึง ถ.เพชรเกษม ซ.47 และตั้งแต่ ถ.เพชรเกษม 88 ถึง พุทธมณฑลสาย 4 (สุดเขตนครบาล)
    ถ.บางบอน 1 ขาเข้า–ขาออก เปิดการจราจรตลอดสาย ยังมีระดับน้ำเป็นระยะ ความสูงประมาณ 15-20 เซนติเมตร และ ถ.พุทธมณฑลสาย 2 ขาเข้า-ขาออก เปิดการจราจรตลอดสาย

    Mthai News



    [​IMG]
    ขณะที่ ผบ.ทบ. ยกเป็นวีรบุรุษ ของคนไทย บอกถ้าไม่มีทหารปลดประจำการกลับมาช่วยเหลือก็จะทำให้เกิดปัญหาได้ ดีใจที่ทุกคนทำงานด้วยใจจริง
    Mthai News : ผู้สื่อข่าวรายงานจากสโมสรทหารบก วิภาวดีว่า พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ผู้บัญชาการทหารบก เป็นประธานในพิธีมอบประกาศชมเชยและมอบของขวัญที่ระลึกให้กับทหารกองประจำการที่ครบกำหนดจากกองประจำการจำนวน 420 นายแต่สมัครใจเสียสละปฏิบัติหน้าที่ช่วยเหลือผู้ประสบอุทกภัย
    โดยพล.อ.ประยุทธ์กล่าวว่า ขอบคุณพลทหารในการต่ออายุราชการทำคุณประโยชน์ให้ประเทศ เรามีความสุขที่ท่านได้เสียสละ วันนี้จะไม่มีแขกอื่นจากภายนอกเพราะเราได้รับเกียรติจากคนภายนอกมากแล้ว วันนี้เราจะมาชื่นชมกันเอง
    ทั้งนี้ ตนขอบคุณจากหัวใจผู้บังคับบัญชาทุกคนที่ทหารทุกคนที่ปลดไปแล้วยังอยู่ต่อ ทำให้กองทัพบกมีชื่อเสียงมีเกียรติยศ เราทำตามนโยบายรัฐบาลและทำตามรัฐธรรมนูญทุกข้อ
    นอกจากการป้องกันประเทศเรายังมีการพัฒนาด้วย ตนถือว่ากำลังรบหลักต้องทำได้ทุกหน้าที่และน้องๆ ทำงานได้ดีมากเพราะทำได้ดีกว่าที่ผู้บังคับบัญชาสั่ง จากแววตาที่ตนเห็น ทุกคนทำงานอย่างมีความสุข ทำงานด้วยความตั้งใจไม่ได้ทำเพราะถูกบังคับ
    ตนเห็นว่าทุกคนมีความสุขเพราะสิ่งที่ทำถือเป็นเกียรติยศแก่ท่าน วงศ์ตระกูลและกองทัพบก สิ่งที่กองทัพบกมอบให้อาจจะไม่มากแต่ให้ด้วยหัวใจ ทุกคนภูมิใจในตัวท่าน พวกท่านเป็นวีรบุรุษในกองทัพเสมอ
    ขณะเดียวกัน พิธีวันนี้ถือเป็นเกียรติยศสูงสุดให้พลทหารกองประจำการ ขอบคุณกำลังพลที่เสียสละเวลาที่รับราชการต่ออีก 1 เดือน โดยปฏิบัติภารกิจช่วยเหลือประชาชนเป็นไปด้วยความเรียบร้อย หากกำลังพลส่วนหนึ่งปลดประจำการไปแล้ว หากไม่มาช่วยจะทำให้มีปัญหา
    ซึ่งกำลังส่วนนี้ถือเป็นผู้เสียสละ และถือเป็นวีรบุรุษ ทั้งนี้เราต้องให้เกียรติเขา เมื่อเขาทำงานให้กับกองทัพบก เราทำงานตามกรอบของรัฐบาล และรัฐบาลสนับสนุนงบประมาณและเบี้ยเลี้ยง ซึ่งพยายามสร้างความเข้มแข็งให้ทุกภาคส่วนทั้งฝ่ายการเมือง และท้องถิ่นในการช่วยเหลือประชาชน

    Mthai News



    [​IMG]
    หลังถูกพายุฝนถล่มนานต่อเนื่อง เผยประชาชน7,372 ครอบครัวเดือดร้อน และพบมีผู้เสียชีวิตแล้ว 1ราย

    นายธนน เวชกรกานนท์ ผู้ว่าราชการจังหวัดนราธิวาส ในฐานะผู้อำนวยการศูนย์อำนวยการเฉพาะกิจป้องกันและแก้ไขปัญหาอุทกภัย วาตภัย และดินโคลนถล่ม จ.นราธิวาส ได้เปิดเผยว่า
    ขณะนี้ได้ประกาศให้พื้นที่ 8อำเภอของ จ.นราธิวาส เป็นพื้นที่ประสบภัยพิบัติแล้ว ประกอบด้วย อ.ยี่งอ ,บาเจาะ ,จะแนะ ,ระแงะ ,สุไหงโก-ลก , แว้ง,และ อ.ตากใบ หลังจากถูกพายุฝนถล่มหนักติดต่อกันหลายวัน ส่งผลน้ำในแม่น้ำสุไหงโก-ลก แม่น้ำบางนรา และแม่น้ำสายบุรี ได้ไหลเข้าท่วมพื้นที่การเกษตรและบ้านเรือนของประชาชนอย่างต่อเนื่อง
    จนทำให้มีชาวบ้านได้รับความเดือดร้อน 13 อำเภอ 48 ตำบล 173 หมู่บ้าน มีผู้ประสบภัย 7,372 ครอบครัว เจ้าหน้าที่ได้อพยพชาวบ้านแล้ว 288 คน ถนนเสียหาย 19 สาย โรงเรียน 22 แห่ง และมีผู้เสียชีวิตที่ อ.จะแนะ 1 ราย

    Mthai News
     
  13. เกษม

    เกษม ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนพิเศษ สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 พฤศจิกายน 2004
    โพสต์:
    24,696
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +77,192
    "ต้นกัลปพฤกษ์ทิพย์"
    ต้นไม้วิเศษของพระยาธรรมิกราชองค์ที่ ๓ (พระศรีอาริย์)

    [​IMG]

    [​IMG]

    เมืองใหม่และต้นไม้วิเศษ ในพุทธตำนานพระเจ้าเลียบโลก

    พระอินทร์ ท้าวจตุโลกบาลเทวดา ยักษ์ กุมภัณฑ์ คนธรรพ์และสุรางคณาทั้งหลาย ก็พร้อมกันนำเอาท่านผู้มีบุญนั้น ขึ้นไปสู่เมืองสวรรค์ชั้นดาวดึงส์ก็พร้อมกับอุสสวราชาภิเษกด้วย เบญจกกุธภัณฑ์ อันเป็นทิพย์แล้วจึงเชิญพระยาธรรมิราชองค์นั้นลงมา หมู่คนและเทวดาอินทร์พรหมก็พร้อมกันอุสสวราชาภิเษกในเมืองเชียงดาว เขตแห่งเมืองหริภัญชัยนครที่นั้นปราสาททิพย์ ๓ หลังคือ ปราสาทแก้ว ๑ หลัง ปราสาททอง ๑ หลัง ปราสาทเงิน ๑ หลัง สูง ๖๗ วา กว้าง ๓๐ วา จะโผล่ออกมาใต้ปฐพีขึ้นมา ปราสาททางกลางเวียงเชียงดาวที่นั้น

    ยามนั้นทองคำสี่แท่งที่มีอยู่ในหนองสรงเกศ อันตั้งอยู่ในหัวหนองไคร้ ที่จะโผล่ออกมาอยู่ที่มุมปราสาททั้ง ๔ มุม ต่อจากนั้นจะมีรินทองคำพาดแต่หัวดอยอ่างสรงโพ้นลง พระอินทร์พร้อมด้วยเทวดาทั้งหลาย จะพร้อมกันรดสรงด้วยน้ำมูรธาภิเษกในรินทองคำนั้น รินทองคำจะพาดแต่จอมดอยภูหวดโน้นลงมา ยามนั้น สมณพราหมณ์ท้าวพระยาเสนามาตย์และคนทั้งหลายพากันอุสสาราชาภิเษกในรินทองคำอันนั้น ในกาลครั้งนั้นคนทั้งหลายก็จะได้เห็นเทวดา พระอินทร์ พระพรหมทุกองค์ เพราะเทวดาเหล่านั้นได้มาอุสสาราชาภิเษกพ่อค้าข้าวสาร ที่เป็นลูกช่างหูกซึ่งเป็นพระยาธรรมิกราชนั้นแล

    เมื่อท่านผู้มีบุญได้เป็นพระยาธรรมิกราชแล้ว ต้นกัลปพฤกษ์ทิพย์ทั้งหลาย ๑,๖๐๐ ต้น ก็จะโผล่จากใต้แผ่นดินออกมา แวดล้อมปราสาทและเวียงเชียงดาวทั้งหมด จะเป็นที่รุ่งเรืองปรากฏไปทั่วชมพูทวีปทั้งสิ้น มนุษย์ชายหญิงทั้งหลายเมื่อเข้ามาถึงที่นั้นแล้วก็จะถอดเสื้อผ้าออกกองไว้สูงประมาณ ๗ ศอก ลมจะพัดเสื้อผ้าเก่าเหล่านั้นทิ้งไปทั้งหมดถึง ๗ ครั้ง คนทั้งหลายจะได้นุ่งวัตถาภรณ์อลังการผืนใหม่ที่เป็นทิพย์ทุกคน ในกาลใดที่ท่านยักขราชได้เกิดเป็นพระยาธรรมิกราช ในกาลนั้นท่านจะได้เสวยทิพยสมบัติสุขทุกคน ในเมืองเชียงดาวอันอยู่ในแว่นแคว้นเขตเมืองหริภัญชัยนคร

    เรื่องการขอผ้าทิพย์จากต้นกัลปพฤกษ์นั้น เมื่อผู้คนในยุคนั้นตั้งจิตปรารถนา...เหยียดมือออกมา ดอกกัลปพฤกษ์ก็จะค่อยๆตูมขึ้นมาหนึ่งดอก ขนาดใหญ่กว่าดอกอื่นๆ จากนั้นก็ค่อยๆบานออกแล้วโน้มช่อดอกลงมา ที่กลางดอกนั้นมีผ้าทิพย์ ดอกสีอะไรผ้าก็จะเป็นสีนั้น ถ้าดอกกัลปพฤกษ์สีแดงผ้าทิพย์ก็จะเป็นสีแดง ถ้าดอกกัลปพฤกษ์สีเหลือง เมื่อดอกบานก็จะมีผ้าทิพย์สีเหลืองอยู่กลางดอก ถ้าดอกกัลปพฤกษ์สีเขียวอมฟ้า ผ้าทิพย์ก็จะมีสีเขียวอมฟ้า ถ้าดอกกัลปพฤกษ์สีส้ม ผ้าทิพย์ก็จะมีสีส้ม

    วิวรณ์/Revelation 21

    พระเจ้าสถิตอยู่กับมนุษย์ ประตูเมืองสวรรค์จะไม่ปิดเลย

    21:22 ข้าพเจ้าไม่เห็นมีพระวิหารในเมืองนั้นเลย เพราะองค์พระผู้เป็นเจ้า พระเจ้า ผู้ทรงฤทธานุภาพสูงสุด และพระเมษโปดกทรงเป็นพระวิหารในเมืองนั้น

    21:23 เมืองนั้นไม่ต้องการแสงของดวงอาทิตย์และดวงจันทร์ เพราะว่าสง่าราศีของพระเจ้าเป็นแสงสว่างของเมืองนั้น และพระเมษโปดกทรงเป็นความสว่างของเมืองนั้น

    21:24 บรรดาประชาชาติที่รอดแล้วจะเดินไปในท่ามกลางแสงสว่างของเมืองนั้น และบรรดากษัตริย์ในแผ่นดินโลกจะนำสง่าราศีและเกียรติของตนเข้ามาในเมืองนั้น

    21:25 ประตูเมืองทุกประตูจะไม่ปิดเลยในเวลากลางวัน ด้วยว่าจะไม่มีเวลากลางคืนในเมืองนั้นเลย

    21:26 และคนทั้งหลายจะนำสง่าราศีและเกียรติของบรรดาประชาชาติเข้ามาในเมืองนั้น

    21:27 สิ่งใดที่เป็นมลทิน หรือผู้ใดก็ตามที่กระทำสิ่งที่น่าสะอิดสะเอียน หรือพูดมุสาจะเข้าไปในเมืองไม่ได้เลย เว้นแต่เฉพาะคนที่มีชื่อจดไว้ในหนังสือแห่งชีวิตของพระเมษโปดกเท่านั้นจึงจะเข้าไปได้

    วิวรณ์/Revelation 22

    แม่น้ำแห่งชีวิตและต้นไม้แห่งชีวิต

    22:1 ท่านได้ชี้ให้ข้าพเจ้าดูแม่น้ำบริสุทธิ์ที่มีน้ำแห่งชีวิต ใสเหมือนแก้วผลึก ไหลออกมาจากพระที่นั่งของพระเจ้า และของพระเมษโปดก

    22:2 ท่ามกลางถนนในเมืองนั้นและริมแม่น้ำทั้งสองฟากมีต้นไม้แห่งชีวิต ซึ่งออกผลสิบสองชนิด ออกผลทุกๆเดือน และใบของต้นไม้นั้นสำหรับรักษาบรรดาประชาชาติให้หายป่วย

    22:3 จะไม่มีการสาปแช่งใดๆอีกต่อไป พระที่นั่งของพระเจ้าและของพระเมษโปดกจะตั้งอยู่ในเมืองนั้น และบรรดาผู้รับใช้ของพระองค์จะปรนนิบัติพระองค์

    22:4 เขาเหล่านั้นจะเห็นพระพักตร์พระองค์ และพระนามของพระองค์จะประทับอยู่ที่หน้าผากเขา

    22:5 กลางคืนจะไม่มีที่นั่น เขาไม่ต้องการแสงเทียนหรือแสงอาทิตย์ เพราะว่าองค์พระผู้เป็นเจ้าคือพระเจ้าทรงประทานแสงสว่างแก่เขา และเขาจะครอบครองอยู่ตลอดไปเป็นนิตย์

    22:6 และทูตสวรรค์องค์นั้นบอกข้าพเจ้าว่า "ถ้อยคำเหล่านี้เป็นคำสัตย์ซื่อและสัตย์จริง และองค์พระผู้เป็นเจ้า พระเจ้าแห่งพวกศาสดาพยากรณ์อันบริสุทธิ์ ได้ทรงใช้ทูตสวรรค์ของพระองค์สำแดงแก่บรรดาผู้รับใช้ของพระองค์ ถึงเหตุการณ์ทั้งปวงซึ่งจะอุบัติขึ้นในไม่ช้า"

    22:14 คนทั้งหลายที่ประพฤติตามพระบัญญัติของพระองค์ก็เป็นสุข เพื่อว่าเขาจะได้มีสิทธิ์ในต้นไม้แห่งชีวิต และเพื่อเขาจะได้เข้าไปในเมืองนั้นโดยทางประตู

    ที่มา http://www.bloggang.com/viewblog.php?id=debunk&date=16-11-2009&group=1&gblog=75

    หมายเหตุ

    เรื่องของพระยาธรรมิกราชองค์ที่ 3 ในพุทธตำนานพระเจ้าเลียบโลกของชาวล้านนา กับเรื่องการเสด็จกลับมาครั้งที่ 2 ของพระเยซูคริสต์ (พระเมษโปดก) เพื่อมาปกครองคนทั้งโลกให้ร่มเย็นเป็นสุขนี้ ช่างเหมือนกันอย่างน่าอัศจรรย์ใจเหลือเกิน ไม่ว่าจะเป็นเรื่องเมืองใหม่ ต้นไม้วิเศษ และดวงแก้วที่ให้แสงสว่างในเวลากลางคืนได้เหมือนดวงอาทิตย์

    เพราะฉนั้นคนที่จะมีชีวิตอยู่รอด ไปถึงยุคของพระยาธรรมิกราช(พระศรีอาริย์) จะต้องเป็นคนดีมีศีลธรรม และมีบุญบารมีที่สั่งสมมามากจริงๆ จึงจะไปใช้ของอันเป็นทิพย์ทั้งหลายในยุคชาวศิวิไลได้ครับ ใครที่ชอบคิดว่าชีวิตหลังจากการเกิดภัยพิบัติแล้วนั้นจะเป็นชีวิตที่ทุกข์ยาก ลำบากลำบนนั้น ก็ควรคิดเสียใหม่ได้แล้วนะครับ เพราะคนที่สามารถอยู่รอดได้ จะพบกับความสุขสบาย ไม่ต้องดิ้นรนทำมาหากินให้ยุ่งยากเหมือนคนสมัยนี้ (ได้มีเวลาปฎิบัติธรรมอย่างเต็มที่) ก็ด้วยอำนาจบุญบารมีของพระเจ้าจักรพรรดิ์ครับ
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    • 4512-2.jpg
      4512-2.jpg
      ขนาดไฟล์:
      90.7 KB
      เปิดดู:
      1,862
    • K531103p5.jpg
      K531103p5.jpg
      ขนาดไฟล์:
      30.4 KB
      เปิดดู:
      1,859
    • 1258369902.jpg
      1258369902.jpg
      ขนาดไฟล์:
      44.2 KB
      เปิดดู:
      63
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 26 พฤศจิกายน 2011
  14. สัตตบงกชเหนือน้ำ

    สัตตบงกชเหนือน้ำ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    31 ตุลาคม 2008
    โพสต์:
    681
    ค่าพลัง:
    +630
    อ่านแล้วเป็นห่วงบริเวณ สีลม มากที่สุดค่ะ
     
  15. palungman

    palungman เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    29 ตุลาคม 2011
    โพสต์:
    96
    ค่าพลัง:
    +173
    จูบสาวแปลกหน้า อันตราย ติดเอดส์ได้
    สายพันธุ์ใหม่ ลูกผสม ..เติบโตได้ ในน้ำลาย!
    http://talk.mthai.com/topic/324582

    เรื่องราวของการแพร่ระบาดของเชื้อไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ใหม่ 2009 ยังไม่ทันจางหายไป ซ้ำยังกำลังแพร่ระบาดไปทั่วโลก ล่าสุด!!! กลับพบเชื้อสายพันธุ์ใหม่อีกแล้ว...หลังหนังสือพิมพ์ยักษ์ใหญ่ต่างลงข่าว “พบหญิงไทยติดเชื้อเอดส์ลูกผสม 2 สายพันธุ์ใหม่ครั้งแรกของโลก” ข่าวคราวแพร่ออกไป สร้างความตื่นตระหนกให้กับสังคม ถึงแม้จะยังไม่มีรายงานว่ามีการแพร่ระบาดแพร่หลายก็ตาม แต่ขึ้นชื่อว่า “เอดส์” ก็ถือว่าเป็นโรคที่น่ากลัวและอันตรายแล้ว...!
    [​IMG]
    เชื้อ HIV หรือที่เราเรียกว่า เอดส์ นั้น ในประเทศไทยเรา พบผู้ติดเชื้อเป็นครั้งแรกเมื่อปี 2527 เมื่อเวลาผ่านไป ผู้ป่วยและผู้ติดเชื้อยิ่งเพิ่มจำนวนขึ้นอย่างต่อเนื่อง ปัจจุบัน!! พบผู้ติดเชื้อเอดส์รายใหม่ถึงวันละ 32 คน และในปี 52 นี้ คาดว่าจะมีมากถึง 9.4 หมื่นราย ซึ่งถือเป็นเรื่องที่น่าเป็นห่วง...
    ซึ่ง ศ.ดร.พญ.รวงผึ้ง สุทเธนทร์ หัวหน้าภาควิชาจุลชีววิทยา คณะแพทยศาสตร์ศิริราชพยาบาล กล่าวถึงเรื่องนี้ว่า ที่ผ่านมาเชื้อเอดส์หรือ HIV ที่ระบาดในประเทศไทย มีเพียง 2 สายพันธุ์ คือ สายพันธุ์เอ-อี (A/E) และสายพันธุ์บี (B) โดยสายพันธุ์เอ-อีจะพบสูงถึงร้อยละ 90 ขึ้นไป ที่เหลือเป็นสายพันธุ์บี
    [​IMG]
    และในทุกปีจะมีโครงการวิจัยเพื่อตรวจสอบการเปลี่ยนแปลงของสายพันธุ์เอชไอวี โดยนำเลือดของผู้ติดเชื้อเอชไอวีที่เป็นคนไทยมาถอดรหัสตรวจหาสายพันธุ์เอดส์ หลังจากที่ทำการวิจัยตามปกติ ก็พบความผิดปกติจากตัวอย่างเลือด 2 ราย จากกลุ่มตัวอย่างที่ส่งมาทั้งหมด 44 ราย เนื่องจากถอดรหัสออกมาแล้วพบว่าเป็นสายพันธุ์เอชไอวีที่ต่างออกไปจากเดิม และอาจเป็นสายพันธุ์เอดส์ลูกผสมที่ไม่เคยเจอมาก่อนในโลกนี้ก็ได้ โดยรายแรกเป็นเชื้อเอชไอวีที่ผสมระหว่าง 3 สายพันธุ์ ได้แก่ เอ จี และดี เรียกว่า เอจี-ดี (AG/D) กับรายที่สองเป็นเชื้อเอชไอวีผสม 3 สายพันธุ์ ได้แก่ เอ อี และจี เรียกว่า เออี-จี (AE/G)
    [​IMG]
    เชื้อสายพันธุ์ใหม่จีกับดี ส่วนใหญ่จะพบในทวีปแอฟริกา โดยเฉพาะประเทศไนจีเรีย ตอนนี้สแกนยีนออกมาแล้ว 500 เบส จากทั้งหมด 1,700 เบส เมื่อศึกษาระดับโมเลกุลครบทั้งหมดแล้ว จึงจะทราบรายละเอียดว่า เป็นเชื้อที่แพร่มาจากพื้นที่ใดของโลก ตอนนี้ตั้งสมมติฐานว่าหญิงทั้ง 2 คนได้รับเชื้อมาจากชาวแอฟริกัน ไม่มีใครรู้เลยว่าสายพันธุ์จีกับดีเข้าไทยมานานหรือยัง!!!!​

    แต่เรื่องที่น่ากลัวนั้น คือ เชื้อเอดส์ลูกผสมจะมีจำนวนเชื้อในสารคัดหลั่งที่มีความเข้มข้นมากกว่าสายพันธุ์ไทย เช่น ในน้ำอสุจิของผู้ติดเชื้อเอชไอวีสายพันธุ์ไทย 1 ซีซี จะมีจำนวนเชื้อไวรัสเอดส์ 10 ตัว ขณะที่น้ำอสุจิของผู้ติดเชื้อเอชไอวีสายพันธุ์ผสมอาจจะมีเชื้อไวรัสเอดส์ 20 ตัว เป็นต้น ตัวอย่างข้างต้นเป็นเพียงการสมมติให้เห็นภาพเท่านั้น ..แม้แต่พฤติกรรมธรรดา แค่จูบ ยังสามรถนำไปติดเอดส์ชนิดใหม่นี้ได้ เพราะ ปริมานเชื้อโรคที่เพิ่มขึ้นนั่นเอง
    ขณะนี้ยังไม่สามารถยืนยันได้ว่าปริมาณเชื้อไวรัสจะเข้มข้นต่างกันกี่เท่า ต้องใช้เวลาศึกษารายละเอียดต่อไป เมื่อมีเชื้อไวรัสเข้มข้นจำนวนมาก ก็ยิ่งจะทำให้การแพร่ระบาดเชื้อนั้นเป็นไปได้ง่ายและเร็วยิ่งขึ้น ​

    เรื่องทุกอย่างต้องมีทางแก้ไข
    นับว่ายังมีข่าวดีในภาวะเช่นนี้ เมื่อผู้เชี่ยวชาญยืนยันว่า ยาต้านไวรัสที่ผู้ป่วยเอดส์รับประทานในปัจจุบันนั้น สามารถใช้ได้ผลกับเชื้อเอดส์ลูกผสมสายพันธุ์ใหม่ แต่อาจมีความเสี่ยงจากภาวะดื้อยาได้ง่าย รวมถึงความเจ็บป่วยจากโรคฉวยโอกาส อาจรุนแรงขึ้น นอกจากนี้เชื้อเอดส์ลูกผสม 3 สายพันธุ์มีความเข้มข้นในน้ำเมือกหรือสารคัดหลั่งมาก อาจนำไปในสู่การระบาดของเชื้อเอดส์ระลอกใหม่ได้
    ดังนั้น เป็นเรื่องที่หน่วยงานที่เกี่ยวข้องต้องเร่งศึกษาความเป็นมา และผลกระทบของเชื้อเอดส์ลูกผสมทั้ง 2 สายพันธุ์ใหม่ที่พบในไทย รวมถึงแนวทางป้องกันรักษาและการแพร่ระบาดอย่างเร่งด่วน...
    ในด้านของอาการและความรุนแรงของเอดส์สายพันธุ์ใหม่นี้ ในทางการแพทย์ก็ไม่แตกต่างจากเอดส์ที่พบปกติในประเทศไทย เพียงแต่สามารถติดเชื้อได้ง่ายและรวดเร็วกว่า ยิ่งผู้ที่ติดเชื้อ HIV อยู่แล้ว เกิดติดเชื้อสายพันธุ์ใหม่ซ้ำกัน จำนวนเชื้อไวรัสยิ่งเพิ่มมากขึ้น อาการของโรคแย่ลง การดื้อยาก็มีโอกาสสูง
    แต่ทางที่ดีที่สุด!!! หากไม่อยากจบชีวิตลงเพราะเชื้อร้ายแล้วละก็ ก่อนที่เราจะรู้จักวิธีป้องกัน เราต้องรู้การติดต่อของเอดส์เสียก่อน ว่ามันติดต่อได้ทางใดบ้าง ซึ่งจากข้อมูลของสำนักระบาดวิทยาประมาณร้อยละ 84 ของผู้ป่วยเอดส์ ได้รับเชื้อจากการมีเพศสัมพันธ์ ไม่ว่าชายกับชาย ชายกับหญิง หรือหญิงกับหญิง ทั้งช่องทางธรรมชาติ หรือไม่ธรรมชาติ ก็ล้วนมีโอกาสติดโรคนี้ได้ทั้งสิ้น และปัจจัยที่ทำให้มีโอกาสติดเชื้อมากขึ้น ได้แก่ การมีแผลเปิด
    [​IMG]
    นอกจากนี้ ยังสามารถติดต่อได้จากทางเลือด การใช้เข็มหรือกระบอกฉีดยาร่วมกับผู้ติดเชื้อเอดส์ มักพบในกลุ่มผู้ฉีดยาเสพติด รวมถึงการรับเลือดในขณะผ่าตัด หรือเพื่อรักษาโรคเลือดบางชนิดก็สามารถติดได้ แต่ในปัจจุบันมีการดูแลคัดเลือกเลือดที่ได้รับบริจาคทุกขวด ต้องผ่านการตรวจหาเชื้อเอดส์เสียก่อน และสุดท้ายเอดส์สามารถติดจากแม่สู่ลูกได้ ผู้หญิงที่ติดเชื้อเอดส์ หากตั้งครรภ์และไม่ได้รับการดูแลอย่างดี เชื้อ HIV จะแพร่ไปยังลูกได้ ในอัตราร้อยละ 30
    เมื่อรู้อย่างนี้แล้ว ทางป้องกันที่ดีที่สุดคงจะเป็นการ สวมถุงยางอนามัย และการดูแลเอาใจใส่สุขภาพตัวเองให้แข็งแรงอยู่เสมอ ด้วยการออกกำลังกาย ทานอาหารที่มีประโยชน์ เพราะร่างกายแข็งแรงสามารถสร้างภูมิคุ้มกันเชื้อโรคต่างๆ ได้ แค่นี้ไม่ว่าจะเชื้อสายพันธุ์เก่าหรือสายพันธุ์ใหม่ ก็ไม่สามารถทำอะไรคุณได้....
    เรื่องโดย: ณัฐภัทร ตุ้มภู่ Team Content www.thaihealth.or.th
     
  16. palungman

    palungman เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    29 ตุลาคม 2011
    โพสต์:
    96
    ค่าพลัง:
    +173
    <CENTER>[​IMG]

    หวัดดุชิดซ้าย “เอดส์กลายพันธุ์” ร้ายตัวจริง!!

    </CENTER>หวัดดุชิดซ้าย “เอดส์กลายพันธุ์” ร้ายตัวจริง!!

    ชี้ เชื้อแพร่ง่าย หวั่นดื้อยา


    ขณะที่“ไวรัส” ก่อโรคไข้หวัดใหญ่ กำลังเขย่าขวัญชาวโลก อันเนื่องจากการ “กลายพันธุ์” เจ้าไวรัสที่ก่อโรคร้ายอีกชนิดหนึ่งก็เพิ่มดีกรีคุกคามชีวิตมนุษยชาติ โดยเริ่มที่ไทย มากขึ้น - ร้ายขึ้น อย่างเงียบเชียบ...

    กว่าจะถูกค้นพบและเป็นข่าวขึ้นมา...ก็น่ากลัวยิ่งขึ้นแล้ว...มันคือ “ไวรัสเอดส์กลายพันธุ์” ที่ร้ายกว่าไวรัสหวัดใหญ่!!

    “เอดส์ (AIDS)” หรือ “ภูมิคุ้มกันบกพร่อง” ซึ่งเกิดจากการติดเชื้อไวรัสเอชไอวี (HIV) เดิมก็มีมากกว่า 1 สายพันธุ์อยู่แล้ว ล่าสุดทีมวิจัยโรงพยาบาลศิริราชได้ตรวจพบหญิงไทย 2 รายติดเอดส์สายพันธุ์ผสม “สายพันธุ์ใหม่” ที่ไม่เคยพบมาก่อน อีกทั้งยังพบถึง 2 สายพันธุ์ใหม่ คือ สายพันธุ์เอจี/ดี (AG/D) และ สายพันธุ์เออี/จี (AE/G) ซึ่งที่ผ่านมานั้นเอดส์สายพันธุ์จีกับดีส่วนใหญ่จะพบในทวีปแอฟริกา โดยเฉพาะในไนจีเรีย ส่วนสายพันธุ์ในไทยส่วนใหญ่จะเป็นเอ/อี (A/E) ดังนั้น การค้นพบนี้จึงน่ากังวล!!

    ทั้งนี้ ข้อมูลจากงานสัมมนาระดับชาติเรื่องโรคเอดส์ ครั้งที่ 12 ปัจจุบันมีผู้ติดเชื้อเอดส์ทั่วโลกราว 33.2 ล้านคน เป็นผู้ใหญ่ประมาณ 30.8 ล้านคน มีผู้หญิงติดเชื้อ 15.4 ล้านคน เด็กอายุต่ำกว่า 15 ปี ประมาณ 2.5 ล้านคน และคาดว่าจะมีผู้ติดเชื้อรายใหม่เพิ่มขึ้นประมาณ 2.5 ล้าน คนทั่วโลก คาดว่าจะมีเด็กวัยรุ่นอายุระหว่าง 15-24 ปี ติดเชื้อเพิ่มขึ้นกว่าร้อยละ 40

    สำหรับในประเทศไทย ในปี 2552 คาดการณ์ว่ามีผู้ติดเชื้อและผู้ป่วยเอดส์ 1,127,168 ราย มีผู้ติดเชื้อรายใหม่เพิ่มราว 11,753 ราย

    กล่าวสำหรับเอดส์ 2 สายพันธุ์ใหม่ที่พบในไทย แม้ทางกรมควบคุมโรค กระทรวงสาธารณสุข จะระบุในเบื้องต้นประมาณว่า “ไม่ได้ร้ายแรงกว่าสายพันธุ์ปกติ” ที่เคยพบ สามารถใช้ยาต้านไวรัสที่มีอยู่แล้วได้ แต่กระนั้น...การเฝ้าระวังอย่างเข้มข้น การป้องกันการแพร่ระบาดของเอดส์ในไทย ทั้งสายพันธุ์เดิม และโดยเฉพาะสายพันธุ์ใหม่ ก็เป็นสิ่งจำเป็นอย่างยิ่ง ทั้งในส่วนของหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง และรวมถึงประชาชนคนไทยด้วย

    กับเรื่องนี้ รศ.ดร.วสันต์ จันทราทิตย์ หัวหน้าหน่วยไวรัสวิทยา คณะแพทยศาสตร์ โรงพยาบาลรามาธิบดี มหาวิทยาลัยมหิดล ให้ความรู้ความเข้าใจผ่าน “สกู๊ปหน้า 1 เดลินิวส์” ว่า... การพบไวรัสเอชไอวี 2 สายพันธุ์ใหม่ในไทยคือเอจี/ดีกับเออี/จีนั้น ที่จริงก็ถือว่าเป็นสิ่งปกติที่เกิดขึ้นได้ในกระบวนการทางจุลชีววิทยาการกลายพันธุ์ของไวรัส ซึ่งกับเอดส์สาย พันธุ์ประจำถิ่นของไทยสายพันธุ์เก่าอย่างเอ/อี และรวมถึงสายพันธุ์บี (B) จะว่าไปแล้วสายพันธุ์เก่าดั้งเดิมอย่างเอ/อีถือว่าน่ากลัวและดุกว่าทั้ง 2 สายพันธุ์ใหม่ที่ค้นพบ

    “แต่สิ่งที่ทุกฝ่ายต้องกังวลก็คือเรื่องการผสมข้ามสายพันธุ์ไปมามากขึ้นไปอีก เพราะอาจจะทำให้เชื้อไวรัสมีประสิทธิภาพในการต่อต้านหรือ ดื้อต่อยาต้านไวรัสมากขึ้น!!”

    หัวหน้าหน่วยไวรัสวิทยา ม.มหิดล แจกแจงถึงระดับความรุนแรงของเชื้อเอชไอวีแต่ละสายพันธุ์ ต่อไปว่า...ในอดีตการระบุความรุนแรงของเอดส์แต่ละสายพันธุ์ จะดูที่ “อัตราการเสียชีวิต” จากระยะเวลานับตั้งแต่ผู้ป่วยได้รับเชื้อเข้าไปในร่างกาย โดยสายพันธุ์เอ/อีจะเป็นสายพันธุ์ที่ดุกว่าสายพันธุ์บี คือ เมื่อได้รับเชื้อแล้วจะมีอัตราการเสียชีวิตภายใน 8 ปี ขณะที่สายพันธุ์บีอยู่ที่ 11 ปี นับตั้งแต่รับเชื้อเข้าไป

    แต่ในปัจจุบันใช้วิธีเดิมไม่ได้แล้ว “ต้องดูกันที่เรื่องของอัตราการดื้อยา” แทน ซึ่งโดยปกติเอชไอวีตามธรรมชาติจะไม่ดื้อยา แต่จะดื้อยาก็ต่อเมื่อใช้ยาต้านไวรัส ซึ่งเมื่อใช้แล้วเกิดการหยุดยา จีโนม หรือส่วนของโครโมโซมในบางตำแหน่งของไวรัส จะเกิดปฏิกิริยาเปลี่ยนแปลง ทำให้เกิดการดื้อยา แต่ทั้งนี้ก็ไม่ได้หมายความว่าไม่ควรใช้ยาต้าน เพราะในทางการแพทย์เมื่อแพทย์ผู้รักษาตรวจพบเชื้อก็จำเป็นต้องให้ยาต้าน เพื่อควบคุมการแพร่กระจาย ดังนั้น เป้าหมายในการรักษาด้วยการให้ยาต้านคือการควบคุมจำนวนของเชื้อนั่นเอง

    ทั้งนี้ กับเอดส์ 2 สายพันธุ์ใหม่ ในเบื้องต้นทางกรมควบคุมโรค กระทรวงสาธารณสุข คาดว่าการดื้อยาน่าจะอยู่ที่ประมาณ 10% เช่นเดียว กับสายพันธุ์เดิม อย่างไรก็ตาม รศ.ดร.วสันต์ชี้ว่า... ถ้าเชื้อสายพันธุ์ใหม่นี้เกิดการผสมข้ามสายพันธุ์ระหว่างกันไปมา และระหว่างสายพันธุ์เก่าดั้งเดิม (สายพันธุ์เอ/อี กับสายพันธุ์บี) เชื้อก็อาจจะมีประสิทธิภาพในการต่อต้านยาหรือดื้อยามากยิ่งขึ้น ซึ่งหากเป็นเช่นที่ว่านี้ก็ยิ่งน่าเป็นห่วง!!

    “เพราะเมื่อเกิดการแพร่กระจาย ก็จะไม่สามารถใช้ยาต้านสูตรเก่าได้อีกต่อไป แต่ต้องใช้ยาต้านสูตรใหม่ที่รุนแรงกว่าแทน ซึ่งก็ย่อมจะเป็นการเพิ่มภาระค่าใช้จ่ายมากขึ้น ทั้งกับตัวผู้ป่วยและภาครัฐที่ดูแลรับผิดชอบ รวมถึงจะมีปัญหาเรื่องการเข้าถึงยาต้านไวรัสตัวใหม่ด้วย!!”

    รศ.ดร.วสันต์ยังระบุทิ้งท้ายอีกว่า...หากเกิดการผสมข้ามสายพันธุ์ไปมาจนในตัวเชื้อเอดส์มีสายพันธุ์มากขึ้น เรื่องนี้จะมีผลกระทบค่อนข้างมาก ซึ่งสมมุติว่าค่าใช้จ่ายยาต้านตัวเดิมที่ใช้กันอยู่ในปัจจุบันอยู่ที่ 1,000 บาทต่อเดือน ถ้ามีการดื้อยาจากการกลายพันธุ์จนยาตัวเดิมใช้ไม่ได้ ก็ต้องใช้ยาตัวใหม่ที่จะมีราคาแพงกว่า ซึ่งราคาที่แพงขึ้นจากเดิมนั้น น่าจะอยู่ที่ประมาณ 2 - 9 เท่า เมื่อย้อนดูสถิติผู้ติดเชื้อ หรือดูแค่เฉพาะจำนวนผู้ที่ได้รับยาต้านอยู่ในปัจจุบันแล้ว (ประมาณ 2 แสนราย) ก็ “ต้องใช้งบประมาณเพิ่มขึ้นอีกมหาศาล”

    ลำพังสายพันธุ์เดิม ๆ ก็ “ร้ายสุดๆ” อยู่แล้ว...ดังที่ทราบกัน “เอดส์กลายพันธุ์” จึงยิ่งร้าย...หวัดใหญ่พันธุ์ใหม่น่ะชิดซ้าย และทั้งเอดส์เก่า - เอดส์ใหม่...ก็ล้วนเป็นเพชฌฆาตทั้งนั้น !!!

    ที่มา :
     
  17. onekisswithlove

    onekisswithlove Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    11 มิถุนายน 2010
    โพสต์:
    77
    ค่าพลัง:
    +57
    ถ้ารักษาศีล ได้จริงจัง โรคนี้ก็ทำอะไรเราไม่ได้ น่าสงสาร พวกแม่บ้านที่ไม่รู้อิโหน่อิเหน่
     
  18. palungman

    palungman เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    29 ตุลาคม 2011
    โพสต์:
    96
    ค่าพลัง:
    +173
    [​IMG]


    เวเนซุเอลาถอนทองออกจากธนาคารยุโรป
    รัฐบาลเวเนซุเอลา เริ่มถอนทองที่ฝากไว้ในธนาคารยุโรปกลับประเทศ เพื่อปกป้องทองคำ จากปัญหาวิกฤตหนี้สินในสหรัฐฯ และยุโรป

    ทองคำล็อตแรกของรัฐบาลเวเนซุเอลา ถูกลำเลียงออกจากเครื่องบินที่เดินทางมาจากฝรั่งเศสแล้วเมื่อวานนี้ โดยมีทหารพร้อมอาวุธปืนคุ้มกันอย่างแน่นหนา ทองคำเหล่านี้จะถูกส่งไปเก็บไว้ที่ธนาคารกลางเวเนซุเอลา ที่เมืองคารากัส เมืองหลวงของประเทศ

    นายฮูโก้ ชาเวส ประธานาธิบดีเวเนซุเอลา ผู้นำซ้ายจัด ที่ดำเนินนโยบายประเทศไปสู่สังคมนิยม ประกาศเมื่อเดือนสิงหาคมว่า

    รัฐบาลจะถอนทองคำสำรองมากกว่า 211 ตัน ที่ฝากไว้ในธนาคารสหรัฐฯ และยุโรปกลับประเทศ
    เพื่อปกป้องทรัพย์สินของชาติจากปัญหาวิกฤตหนี้สินในสหรัฐฯ และยุโรป

    ชาเวสบอกว่า ทองคำเหล่านี้จะกลับมาอยู่ในที่ที่มันเคยอยู่ นั่นคือ ตู้นิรภัยของธนาคารกลางเวเนซุเอลา ไม่ใช่ธนาคารกลางอังกฤษ หรือธนาคารกลางสหรัฐฯ เพราะมันเป็นทองคำของประเทศ ก่อนหน้านี้ชาเวสบอกว่า ทองคำได้ถูกฝากไว้ที่อังกฤษ แต่ไม่ได้ระบุว่าเป็นธนาคารใด และทองคำที่ถอนออกมาล็อตแรกมีจำนวนเท่าไหร่
    ผู้ที่ไม่เห็นด้วยกับนายชาเวส บอกว่า การถอนทองคำกลับประเทศ เป็นการสิ้นเปลืองงบประมาณ ส่วนนายเปโดร ปัลมา นักเศรษฐศาสตร์เวเนซุเอลา บอกว่า ไม่ว่าจะเก็บทองคำไว้ในประเทศหรือธนาคารในอังกฤษ ก็จะไม่มีผลใดๆ ต่อปริมาณทองคำสำรอง


    http://www.komchadluek.net/detail/20111126/116125/%E0%B9%80%E0%B8%A7%E0%B9%80%E0%B8%99%E0%B8%8B%E0%B8%B8%E0%B9%80%E0%B8%AD%E0%B8%A5%E0%B8%B2%E0%B8%96%E0%B8%AD%E0%B8%99%E0%B8%97%E0%B8%AD%E0%B8%87%E0%B8%AD%E0%B8%AD%E0%B8%81%E0%B8%88%E0%B8%B2%E0%B8%81%E0%B8%98%E0%B8%99%E0%B8%B2%E0%B8%84%E0%B8%B2%E0%B8%A3%E0%B8%A2%E0%B8%B8%E0%B9%82%E0%B8%A3%E0%B8%9B.html
     
  19. เกษม

    เกษม ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนพิเศษ สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 พฤศจิกายน 2004
    โพสต์:
    24,696
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +77,192
    เชียงใหม่-เหนือหนาวจัด อินทนนท์เห็นแม่คะนิ้้ง

    [​IMG]

    ภาคเหนือจะกลับมาหนาวจัดอีกครั้งในช่วง 1-2 วันนี้ มีแม่คะนิ้งให้เห็นตามยอดดอย ขณะที่ดอยอินทนนท์ยังคงคึกคัก นักท่องเที่ยวสัมผัสอากาศหนาว และรอชมปรากฏการณ์แม่คะนิ้ง

    หลายพื้นที่ของภาคเหนือในช่วงสุดสัปดาห์ที่ผ่านมา อุณหภูมิลดลงอย่างรวดเร็ว 2-4 องศา ทำให้อากาศกลับมาหนาวเย็นอีกครั้งตามเทือกเขา และยอดดอยมีอากาศหนาวจัด ส่งผลดีกับบรรยากาศการท่องเที่ย วทำให้นักท่องเที่ยวขึ้นไปสัมผัสความงาม และอากาศหนาวตามสถานที่ท่องเที่ยวของภาคเหนือ อย่างที่ยอดดอยอินทนนท์ อำเภอจอมทอง จังหวัดเชียงใหม่ ซึ่งมีอากาศหนาวจัดต่อเนื่อง และมีรายงานว่าเกิดปรากฏการณ์แม่คะนิ้ง ติดต่อกัน 2 วันแล้ว


    โดยเช้านี้(27 พ.ย.) มีนักท่องเที่ยวไปรอชมความงามของพระอาทิตย์ขึ้น ทะเลหมอกจากยอดดอยอินทนนท์ ที่บริเวณจุดชมวิวกิ่วแม่ปานกันอย่างคึกคัก ขณะที่ยอดดอยอินทนนท์ หนาวจัดอุณหภูมิลดลงเหลือ 6.9 องศา ทำให้เกิดปรากฏการณ์น้ำค้างกลายเป็นน้ำแข็ง หรือเหมยขาบ ตามที่ชาวเหนือเรียก หรือว่าแม่คะนิ้ง ให้เห็น 2 วันติดต่อกันแล้ว ในช่วง 2 วันที่ผ่านมา เป็นวันหยุดเสาร์-อาทิตย์ มีนักท่องเที่ยวขึ้นไปเที่ยวสัมผัสอากาศหนาวหลายพันคน ขณะเดียวกันคาดว่าในช่วงสัปดาห์นี้ อากาศจะหนาวยาวนานต่อเนื่องไปอีก อาจจะทำให้มีโอกาสเห็นแม่คะนิ้งต่อไปอีกหลายวันเช่นกัน

    ศูนย์อุตุนิยมวิทยาภาคเหนือ รายงานว่า ความกดอากาศสูงจากประเทศจีนยังคงปกคลุมประเทศไทย ทำให้บริเวณภาคเหนือ มีอากาศหนาวเย็นอย่างต่อเนื่อง กับมีน้ำค้างแข็งเกิดขึ้นได้บางพื้นที่บริเวณยอดดอยของภาคเหนือในระยะ 1-2 วันนี้

    ภาคเหนือตอนบน อากาศเย็นถึงหนาวกับมีหมอกในตอนเช้าอุณหภูมิต่ำสุด 15-18 องศาเซลเซียส ต่ำสุดพื้นราบเช้านี้ที่ อำเภอเมือง จังหวัด.เชียงราย วัดได้ 14.9 องศา เชียงใหม่ 18.2 องศา สำหรับบริเวณยอดดอยอากาศหนาวถึงหนาวจัด และมีน้ำค้างแข็งบางพื้นที่ อุณหภูมิต่ำสุด 5-11 องศา ต่ำสุดเช้านี้ วัดได้ 6.9 องศาที่ยอดดอยอินทนนท์ ส่วนที่ดอยอ่างขาง อำเภอฝาง วัดได้ 13.0 องศา

    ข่าวทีวีช่อง 3 วันอาทิตย์ ที่ 27 พฤศจิกายน พ.ศ. 2554

    ที่มา http://www.krobkruakao.com
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    • 1322363444.jpg
      1322363444.jpg
      ขนาดไฟล์:
      42.5 KB
      เปิดดู:
      1,275
    • 9.jpg
      9.jpg
      ขนาดไฟล์:
      54.5 KB
      เปิดดู:
      65
    • 4.jpg
      4.jpg
      ขนาดไฟล์:
      23.9 KB
      เปิดดู:
      61
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 27 พฤศจิกายน 2011
  20. ZZ

    ZZ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    19 เมษายน 2005
    โพสต์:
    5,374
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +34,649
    สัญญาน...ล่มสลาย...และ WW3



     

แชร์หน้านี้

Loading...