ประเทศไทยจะเกิดอุบัติภัยอย่างที่ทำนายกันจริงๆหรือไม่

ในห้อง 'ภัยพิบัติและการเตรียมการ' ตั้งกระทู้โดย koymoo, 25 มกราคม 2005.

  1. kananun

    kananun เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    11 พฤษภาคม 2006
    โพสต์:
    10,282
    ค่าพลัง:
    +114,775
    มีหลายแห่งที่น้ำพัดพาบ้านพัง รีสอร์ทพังไปหลายสถานที่หลายจังหวัดครับ

    พระอาจารย์วิชญ์จฑา ท่านเพิ่งเล่าให้ฟังว่ากุฏิที่สำนักสงฆ์ท่านน้ำพัดพังไปกับน้ำ

    กุฏิรับรอง หลวงพ่อวิชญ์จุฑา น้ำเซาะดินทรายริมคลองทำให้กุฏิพังถล่มเมื่อ 10 ตค.53
    กุฏิหลังนี้เป็นกุฏิรับรองที่กำลังดำเนินการก่อสร้าง ยังไม่แล้วเสร็จ

    กุฏิหลังเดิมที่หลวงพ่อวิชญ์จุฑา อินทวโส จำวัด อยู่เป็นประจำทุกๆ วัน ตลอดเวลาจวบจน เข้าปีที่ 5 แล้ว ขณะนี้ ห้องน้ำ ได้พังถล่มไปแล้ว เนื่องจากน้ำเซาะ
    ปีนี้น้ำมาก น้ำป่าหลาก มาแรง เซาะตลิ่งพัง ซึ่งเป็นดินทราย กุฏิหลวงพ่อวิชญ์จุฑา
    ปลูกแบบชั่วคราวอยู่ริมน้ำก้อได้รับความเสียหายไปด้วย
    ขณะนี้หลวงพ่อฯ ไม่ได้จำวัดในกุฏิหลังเดิมนี้แล้ว เพราะเกรงว่าน้ำเซาะดินแล้วจะทำให้กุฎิพังไป

    ติดต่อสอบถาม โดยตรงที่ หลวงพ่อวิชญ์จุฑา อินทวโส
    0890126530 0810119171

    หรือดูได้จากหน้าเว็บ http://www.thai2handlh.com

    Post โดย กฤษฏิ์ธนพนธ์ กระจายศรี


    [​IMG]


    [​IMG]

    [​IMG]
    <table width="100%" border="0" cellpadding="0" cellspacing="0"><tbody><tr><td colspan="2" valign="TOP" height="100%"><style type="text/css">td.attachrow { font: 11px Verdana,Arial,Helvetica,sans-serif; }td.attachheader { font: 11px Verdana,Arial,Helvetica,sans-serif; background-color: rgb(209, 215, 220); }table.attachtable { font: 12px Verdana,Arial,Helvetica,sans-serif; border-collapse: collapse; }</style>
    </td></tr></tbody></table> __________________


    ภัยเริ่มปรากฏชัดขึ้นเรื่อยๆครับ
     
  2. วรเดช

    วรเดช เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 สิงหาคม 2006
    โพสต์:
    1,753
    ค่าพลัง:
    +6,146
    <TABLE border=0 cellSpacing=0 cellPadding=4 width=227 align=left><TBODY><TR><TD>[​IMG] </TD></TR></TBODY></TABLE>น้ำหลากน้ำท่วมถนนมิตรภาพปากช่อง รถติดยาว
    นครราชสีมา 16 ต.ค. - น้ำป่าไหลหลากเข้าท่วมถนนมิตรภาพ เขตอำเภอปากช่อง จ.นครราชสีมา ทำให้รถติดยาวกว่า 8 กิโลเมตร

    น้ำป่าไหลหลากจากเทือกเขา เข้าท่วมถนนมิตรภาพหลักกิโลเมตรที่ 55-56 ต.ปากช่อง อ.ปากช่อง จ.นครราชสีมา สูงเกือบ 1 เมตร ทำให้รถติดยาวเหยียดกว่า 8 กิโลเมตร โดยมีหน่วยกู้ภัยและชุดรักษาความปลอดภัยหมู่บ้าน ช่วยกันอำนวยความสะดวกด้านการจราจร

    ส่วนที่จังหวัดปราจีนบุรี ฝนที่ตกหนักตลอดทั้งวัน ทำให้น้ำป่าจากเทือกเขาบรรทัด ไหลทะลักเข้าท่วมอำเภอนาดี ระดับน้ำบางจุดสูงกว่า 2 เมตร หลายหมู่บ้านถูกตัดขาดจากโลกภายนอก นอกจากนี้น้ำยังท่วมบ้านพักข้าราชการตำรวจภูธรวังขอนแดง ต้องช่วยกันขนย้ายสิ่งของและเอกสารสำคัญไปเก็บไว้ที่ปลอดภัย

    ความคืบหน้าการช่วยเหลือผู้ประสบภัยจากน้ำท่วม อ.บ้านกรวด จ.บุรีรัมย์ ทหารในพื้นที่เร่งก่อสร้างสะพานไม้ชั่วคราว เชื่อมต่อถนนเขาดินเหนือ-หินลาด อ.บ้านกรวด หลังถูกน้ำป่าจากเทือกเขาพนมดงรัก กัดเซาะจนถนนขาด เพื่อให้ชาวบ้านกว่า 10 หมู่บ้าน สามารถเดินทางได้ตามปกติ . - สำนักข่าวไทย


    <TABLE width="98%" align=center><TBODY><TR><TD><TABLE border=0 cellSpacing=0 cellPadding=4 width=227 align=left><TBODY><TR><TD>[​IMG] </TD></TR></TBODY></TABLE>น้ำบางปะกงเอ่อท่วมเมืองฉะเชิงเทรา
    ฉะเชิงเทรา 15 ต.ค.- ฝนที่ตกลงมาอย่างหนักตลอดทั้งวัน ทำให้แม่น้ำปางปะกง เอ่อเข้าท่วมถนนและย่านการค้ากลางเมืองฉะเชิงเทรา

    ถนนหลายสายเขตเทศบาลเมืองฉะเชิงเทรา ถูกน้ำจากแม่น้ำบางปะกง เอ่อเข้าท่วมโดยเฉพาะถนนศรีโสธรตัดใหม่ ซึ่งเป็นย่านการค้าเวลากลางคืน มีน้ำท่วมขังระดับสูง รถขนาดเล็ก ไม่สามารถสัญจรผ่านได้และมีรถจอดเสียอยู่เป็นจำนวนมาก นอกจากนี้ยังทำให้น้ำท่วมร้านค้าหลายแห่ง จนพ่อค้าแม่ค้าหลายคน ต้องประสบสภาวะขาดทุน เนื่องจากไม่มีลูกค้ามาซื้อของ เนื่องจากยังมีฝนตกลงมาอย่างต่อเนื่อง

    ขณะที่ทางจังหวัดประกาศเตือนประชาชน ซึ่งมีบ้านเรือนอยู่ริมแม่น้ำบางปะกง ระมัดระวังอันตรายจากน้ำท่วมฉับพลัน และขอให้ติดตามประกาศของจังหวัดเป็นระยะ.- สำนักข่าวไทย
    </TD></TR></TBODY></TABLE>
     
  3. วรเดช

    วรเดช เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 สิงหาคม 2006
    โพสต์:
    1,753
    ค่าพลัง:
    +6,146
    [​IMG] ปรียนันท์ ล้อเสริมวัฒนา


    <OBJECT codeBase="http://download.macromedia.com/pub/shockwave/cabs/flash/swflash.cab#version=6,0,40,0" classid=clsid:d27cdb6e-ae6d-11cf-96b8-444553540000 width=407 height=335>
























    <embedtype="application/x-shockwave-flash" width="407.6" height="335" src="http://video.mthai.com/Flash_player/flowplayer/flowplayer-3.1.5.swf" flashvars="config=http://video.mthai.com/get_config.php?id=1287139009" allowfullscreen="true" data="http://video.mthai.com/Flash_player/flowplayer/flowplayer-3.1.5.swf"></embed></OBJECT>
    เที่ยงวันทันเหตุการณ์ ผู้ได้รับผลกระทบจากพรบ.คุ้มครองผู้ป่วย โกนหัวประท้วง (15-10-10)</P>ร้องรัฐบาลผิดคำพูดชะลอพรบ.คุ้มครองผู้เสียหายจากการรับบริการสาธารณสุข
    15 ตค. นางปรียนันท์ ล้อเสริมวัฒนา ประธานเครือข่ายผู้เสียหายทางการแพทย์ และ นางภิญญามาศ โยธี หนึ่งในผู้ที่ได้รับความเสียหายจากการรักษา เดินทางมาโกรนหัวเรียกร้องให้รัฐบาลผลักดันร่าง พ.ร.บ.คุ้มครองผู้เสียหายจากการรับบริการสาธารณสุข บริเวณหน้าห้องประชุมไชนาท ที่กำลังมีการประชุมคณะกรรมการสร้างเสริมความสมานฉันท์ในระบบบริการสาธารณุข
    ทั้งนี้ นางปรียนันท์ กล่าวว่า มติของคณะกรรมการประสานงานพรรคร่วมรัฐบาล (วิปรัฐบาล) มีมติเมื่อวันที่ 14 ต.ค.ให้ชะลอการพิจาณาร่างออกไป จนกว่าปัญหาความขัดแย้งระหว่างแพทย์และผู้ป่วยจะยุติลง เป็นการหักหลังภาคประชาชน เนื่องจากก่อนหน้านี้ทั้งนายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ รมว.สาธารณสุข (สธ.) และนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรีก็ได้รับปากว่าจะผลักดันล้านเปอร์เซ็นต์ ซึ่งทางภาคประชาชนยอมทำทุกอย่างตามที่รัฐบาลขอร้อง
    ดังนั้นขอถามว่าทำไมรัฐบาลถึงผิดคำพูด โดยการนำข้อมูลของฝ่ายแพทย์มาเป็นเหตุชะลอร่างนั้นนับว่าหลักลอย ไร้วุฒิภาวะ และขาดความจริงใจ ไม่ให้ความสำคัญกับความเดือดร้อนของเหยื่อผู้เสียหาย
    “เราขอทำในสิ่งที่ไม่เคยกระทำมาก่อนในชีวิต ด้วยการโกนผมทั้งศีรษะเพื่อแสดงออกให้รัฐบาลเห็นว่า เราเจ็บปวดกับการที่รัฐบาลเลือกฟังเสียงของกลุ่มผลประโยชน์มากกว่าเสียง ทุกข์ทรมานของประชาชนผู้บริสุทธิ์ และเป็นการไว้อาลัยให้กับคำสัญญาที่เชื่อไม่ได้ของรัฐบาลและรัฐมนตรีว่าการ กระทรวงสาธารณสุข โดยวันนี้เอาผมไปก่อน ถ้ารัฐบาลไม่เปลี่ยนใจ คราวหน้าคงไม่ใช่แค่เส้นผม” นางปรียนันท์กล่าว
    เรียบเรียงข่าวโดย Mthai News
    <LI class=news_src_item>[​IMG]

    [​IMG]
    ชวรัตน์ สั่งตั้งศูนย์ติดตาม รับความหนาวสุดในรอบ 30 ปี คาด 11 จังหวัด เจอจุดเย็นเยือกแน่
    ผู้สื่อข่าวรายงานว่า นายชวรัตน์ ชาญวีรกูล รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย กล่าวว่า จากการติดตามคาดหมายลักษณะอากาศจากกรมอุตุนิยมวิทยา พบว่า ในปีนี้ประเทศไทยจะมีสภาพอากาศหนาวเย็นที่สุดในรอบ 30 ปี โดยจะเริ่มเข้าสู่ฤดูหนาวตั้งแต่กลางเดือนตุลาคม 2553 ต่อเนื่องเป็นระยะเวลา 4 – 5 เดือน และจะสิ้นสุดฤดูหนาวประมาณกลางเดือนกุมภาพันธ์ 2554 โดยคาดว่า จังหวัดทางภาคเหนือและภาคตะวันอ อกเฉียงเหนือจะมีอากาศหนาวจัด รวม 11 จังหวัด ได้แก่ ตาก แม่ฮ่องสอน เชียงใหม่ เชียงราย พะเยา น่าน เลย อุดรธานี หนองคาย สกลนคร และนครพนม
    ทั้งนี้ เพื่อเตรียมความพร้อมป้องกันและแก้ไขปัญหาภัยความหนาว ตนได้สั่งการให้จัดตั้งศูนย์อำนวยการเฉพาะกิจป้องกันและแก้ไขปัญหาภัยหนาวระดับจังหวัด อำเภอ ท้องถิ่น พร้อมดำเนินการสำรวจและจัดทำบัญชีผู้ประสบภัยหนาว ประสานหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเตรียมการช่วยเหลือผู้ประสบภัย พร้อมจัดเตรียมเครื่องนุ่งห่มกันหนาวให้เพียงพอต่อการบรรเทาความเดือดร้อนของประชาชน ตลอดจนประเมินสถานการณ์ภัยหนาว และรายงานให้กรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยทราบทุกสัปดาห์
    ขณะที่ด้านนายวิบูลย์ สงวนพงศ์ อธิบดีกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย กล่าวว่า ในการจัดหาเครื่องกันหนาวเพื่อช่วยเหลือผู้ประสบภัยหนาวให้ดำเนินการตามความจำเป็นและเหมาะสม ซึ่งตามระเบียบกระทรวงการคลัง แต่ละจังหวัดมีงบประมาณในการช่วยเหลือผู้ประสบภัยหนาววงเงิน 1,000,000 บาท หากไม่เพียงพอสามารถขอขยายวงเงินทดลองราชการตามความจำเป็น และความเหมาะสมมายังกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยได้
    โดย ทีมข่าวMthai
    <LI class=news_src_item>[​IMG]
     
  4. แม่นายมล

    แม่นายมล เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    24 ตุลาคม 2005
    โพสต์:
    1,069
    ค่าพลัง:
    +6,258
    น้ำยังไหลผ่านหน้าบ้านตลอดคืน
    เอารูปมาอัพเดท และมีข่าวเขื่อนลำพระเพลิง
    กลัวแตกจะมีการปล่อยน้ำอีก ตัวเมืองปักธงชัยเตรียมตัว
    แล้วน้ำก็จะมารวมทางนี้อีกจนไปถึงพิมาย


    [​IMG]
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    • Photo-0012.jpg
      Photo-0012.jpg
      ขนาดไฟล์:
      107.5 KB
      เปิดดู:
      54
    • Photo-0013.jpg
      Photo-0013.jpg
      ขนาดไฟล์:
      114 KB
      เปิดดู:
      963
  5. แม่นายมล

    แม่นายมล เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    24 ตุลาคม 2005
    โพสต์:
    1,069
    ค่าพลัง:
    +6,258
    <table border="0" cellpadding="0" cellspacing="0" width="565"><tbody><tr><td align="left" height="41" valign="bottom"> [​IMG]
    </td> </tr> <tr> <td align="center" width="565"> [​IMG] </td> </tr> <tr> <td class="headline" align="left" height="26">เขื่อนลำพระเพลิงทะลักท่วมปักธงชัย</td> </tr> <tr> <td align="left" height="26">
    </td> </tr> <tr> <td align="left">เขื่อนลำพระเพลิงน้ำทะลักสูงสุดในรอบ 14 ปี เทศบาลตำบลเมืองปักธงชัยประกาศให้ประชาชนขนของอพยบขึ้นสู่ที่สูงเป็นการเร่ง ด่วน คาดว่าในคืนนี้น้ำจะทะลักเข้าสู่ตัวเมืองปักธงชัยอย่างรวดเร็ว

    สำหรับสาเหตุของน้ำท่วมในครั้งนี้เนื่องมาจาก ปริมาณน้ำในเขื่อนลำพระเพลิงมีปริมาณน้ำล้นปากกระโถนสูงถึง 2 เมตรและที่ผ่านมา 2 ถึง 3 วันนี้ได้มีฝนตกลงมาอย่างหนักบริเวณเหนืออ่างเก็บน้ำ

    ส่งผลให้ทางเขื่อนต้องรีบเร่งระบายน้ำออกมาเพื่อไม่ให้มีปริมาณน้ำมากเกินไป ซึ่งปริมาณน้ำในเขื่อนลำพระเพลิงปีนี้ถือได้ว่ามีปริมาณน้ำมากที่สุดในรอบ 14 ปีที่ จึงมีชุมชนที่ได้รับผลกระทบหนักในเหตุการณ์น้ำท่วมครั้งนี้ ได้แก่ ชุมชนไชยมงคล และชุมชน วังดู่ โดยมีน้ำไหลทะลักเข้าท่วมบ้านเรือนประชาชนเป็นจำนวนมาก และคาดว่าปริมาณน้ำจะเพิ่มสูงขึ้น และไหลเข้าท่วมในพื้นที่ ตำบลเมืองปักธงชัยภายในคืนนี้

    ด้านนาย จักริน ตันติประภา รองนายกเทศมนตรี ตำบลเมืองปักกล่าวถึงสถานการณ์ การเตรียมรับมือกับน้ำท่วมในครั้งนี้ว่า ทางเทศบาลตำบลเมืองปักนั้นก็ได้เตรียมกระสอบทราย และมีเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัย คอยสอดส่องดุแลตลอด 24 ชั่วโมง รวมทั้งยังได้มีการแจ้งเตือนประชาชนทุก 1 ชั่วโมงและมีการประสาสัมพันธ์เสียงตามสายให้ประชาชนในที่ลุ่มได้เตรียมขน ข้าวของที่จำเป็น เพื่อรับมือกับน้ำที่จะไหลเข้าท่วมบ้านเรือนของตนอีกด้วย

    อย่างไรก็ตามการแจ้งเตือนสภาพน้ำจากทาง เขื่อนลำพระเพลิง นั้นก็ได้เร่งมือให้ทางเทศบาลอำเภอปักธงชัย ได้ประชาสัมพันธ์ให้ประชาชนที่อยู่ในพื้นที่ตำบล เมืองปัก ได้ขนทรัพย์สินที่มีค่า ขึ้นพื้นที่สูง และเฝ้าระวังการแจ้งเตือนสถานการณ์น้ำท่วม จากทางเทศบาล อย่างใกล้ชิด
    </td> </tr> </tbody></table>
    <form id="linkForm" name="linkForm"></form> 15 ตุลาคม 2553 เวลา 19:15 น. :
    KCTV Online ::
     
  6. แม่นายมล

    แม่นายมล เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    24 ตุลาคม 2005
    โพสต์:
    1,069
    ค่าพลัง:
    +6,258
    <table border="0" cellpadding="0" cellspacing="0" width="565"><tbody><tr><td align="left" height="41" valign="bottom"> [​IMG]
    </td> </tr> <tr> <td align="center" width="565"> [​IMG] </td> </tr> <tr> <td class="headline" align="left" height="26">ลำพระเพลิงล้นรอบสอง</td> </tr> <tr> <td align="left" height="26">
    </td> </tr> <tr> <td align="left">ฝนกระหน่ำโคราชตลอด ส่งผลให้ปริมาณน้ำในเขื่อนลำพระเพลิงล้นสปริงเวย์ระลอกใหม่ เตรียมไหลท่วมพื้นที่การเกษตรซ้ำรอบ2 ขณะที่ปริมาณน้ำลูกแรกลงสมทบลำมูล ไหลบ่าท่วมพื้นที่อำเภอพิมายแล้ว

    ภายหลังจากที่เกิดฝนตกหนักในพื้นที่จังหวัดนครราชสีมา ตั้งแต่ต้นเดือนตุลาคม 2553 ที่ผ่านมา โดยเฉพาะในพื้นที่อุทยานแห่งชาติเขาใหญ่ อ.ปากช่อง จ.นครราชสีมา และอุทยานแห่งชาติทับลาน อ.วังน้ำเขียว และ อ.เสิงสาง ส่งผลให้ปริมาณน้ำป่าไหลบ่าลงอ่างเก็บน้ำลำพระเพลิง ที่อ.ปักธงชัย จ.นครราชสีมา จนทำให้ปริมาณน้ำในอ่างเก็บน้ำลำพระเพลิง เพิ่มสูงขึ้นอย่างรวดเร็วจนเกินระดับกักเก็บและเอ่อล้นช่องระบายน้ำ ที่ก่อสร้างไว้เพื่อป้องกันไม่ให้สันเขื่อน ต้องแบกรับปริมาณน้ำจนเกินขีดจำกัดที่จะสามารถรองรับได้ ซึ่งจำนวนน้ำดังกล่าว ได้ไหลลงสู่ลำคลองธรรมชาติ และเอ่อเข้าท่วมพื้นที่การเกษตรของเกษตรกรในพื้นที่ อ.ปักธงชัย ได้รับความเสียหายกว่า 7,000 ไร่

    ตั้งแต่เมื่อวันที่ 5 ตุลาคมที่ผ่านมา ล่าสุดหลังเกิดฝนตกอย่างหนักในพื้นที่เหนืออ่างเก็บน้ำลำพระเพลิง อ.ปักธงชัย จ.นครราชสีมา ซึ่งวัดปริมาณน้ำฝนได้มากกว่า 30 มิลลิเมตร ส่งผลให้ช่วงเช้าวันนี้ เกิดน้ำป่าจากพื้นที่อุทยานแห่งชาติเขาใหญ่ และอุทยานแห่งชาติทับลาน ไหลลงสู่อ่างเก็บน้ำลำพระเพลิงอย่างต่อเนื่อง จนทำให้ระดับน้ำที่เริ่มกลับเข้าสู่ภาวะปกติแล้ว ปรับตัวสูงขึ้นจนเกินระดับกักเก็บ อยู่ที่ประมาณ 114 ล้าน ลูกบาศก์เมตร จากความจุที่สามารถกักเก็บได้เต็มที่ทั้งหมด 110 ล้านลูกบาศก์เมตร ส่งผลให้ระดับน้ำในอ่างเก็บน้ำลำพระเพลิง เอ่อล้นช่องทางระบายน้ำสูงถึง 40 เซนติเมตร และปริมาณน้ำที่ล้นช่องทางระบายน้ำ ได้ไหลลงสู่ลำคลองธรรมชาติในพื้นที่ใต้อ่างเก็บน้ำ เฉลี่ยอยู่ที่ 14 ลูกบาศก์เมตรต่อวินาที และกำลังเพิ่มระดับสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง

    ซึ่งทางโครงการส่งน้ำและบำรุงรักษาลำพระเพลิงคาดการณ์ว่า หากไม่เกิดฝนตกซ้ำลงมาอีก ระดับน้ำจะเพิ่มสูงสุดในช่วงประมาณเที่ยงวัน ไม่เกิน 115 ล้านลูกบาศก์เมตร และจะลดลงจนเข้าสู่สถานการณ์ปกติได้ภายใน 2 - 3 วันนี้ แต่อย่างไรก็ดี ขณะนี้มีแนวโน้มว่าจะเกิดฝนตกลงมาในพื้นที่เหนืออ่างเก็บน้ำ ต่อเนื่องไปอีกประมาณ 2 - 3 วัน จึงได้ส่งรายงานไปยังทางอำเภอปักธงชัยและพื้นที่ที่อยู่ใต้อ่างเก็บน้ำ ใน อ.ปักธงชัย , โชคชัย ,ชุมพวง และ อ.พิมาย ได้ออกประกาศเตือนประชาชนที่อาศัยอยู่ที่ติดกับลำคลองธรรมชาติ และพื้นที่เสี่ยงภัยน้ำท่วม ขนย้ายข้าวของไปไว้บนที่สูง และเฝ้าติดตามสถานการณ์น้ำอย่างใกล้ชิดตลอด 24 ชั่วโมง เพื่อเตรียมรับมือกับสถานการณ์น้ำท่วมฉับพลัน และน้ำป่าไหลหลากต่อไปอีกระยะหนึ่ง จนกว่าสถานการณ์จะกลับเข้าสู่ภาวะปกติ
    ขณะเดียวกัน ปริมาณน้ำที่เอ่อล้นช่องระบายน้ำของอ่างเก็บน้ำลำพระเพลิงระลอกแรก ตั้งแต่เมื่อวันที่ 5 ตุลาคมที่ผ่านมา ปริมาณน้ำจำนวนดังกล่าว ได้ไหลลงสู่ลำน้ำมูลที่อ.พิมาย จ.นครราชสีมา และส่งผลให้ปริมาณน้ำในลำน้ำมูลได้เอ่อเข้าท่วมบ้านเรือนของประชาชน และพื้นที่การเกษตร ซึ่งอยู่ติดกับลำน้ำได้รับความเสียหายจำนวนมาก

    โดยเฉพาะที่ ต.รังกาใหญ่ อ.พิมาย จ.นครราชสีมา ปริมาณน้ำที่เอ่อล้นตลิ่งจากลำน้ำมูล รวมถึงปริมาณน้ำจากพื้นที่ตอนบนไหลเข้าท่วมบ้านเรือนราษฎร ได้รับความเสียหายกว่า 20 หลังคาเรือน ขณะที่นาข้าวที่กำลังตั้งท้องของเกษตรกรในพื้นที่ได้รับความเสียหายแล้วนับ 100 ไร่ นอกจากนี้ได้เกิดฝนตกหนักตลอดทั้งคืนที่ผ่านมา ยังทำให้เกิดน้ำท่วมขังในเขตอุทยานแห่งชาติปราสาทหินพิมาย บางแห่งสูงถึง 50 เซนติเมตร รวมถึงถนนหลายสายในเขตพื้นที่ตำบลในเมือง อ.พิมาย ก็ถูกน้ำท่วมขัง เจ้าหน้าที่เทศบาลตำบลพิมาย จึงจัดส่งเจ้าหน้าที่ป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย นำเครื่องสูบน้ำไปติดตั้งไว้ที่พื้นที่ที่ถูกน้ำท่วมขัง พร้อมกับเร่งนำกระสอบทรายไปกั้นริมตลิ่งลำน้ำมูลที่ไหลผ่านตัวเมืองอ.พิมาย ตลอดทั้งสาย

    เพื่อป้องกันน้ำมูลเอ่อล้นตลิ่งเข้าท่วมบ้านเรือนของประชาชน และออกประกาศแจ้งเตือนประชาชนที่อาศัยอยู่ติดกับลำน้ำมูล เฝ้าระวังน้ำท่วมฉับพลันตลอด 24 ชั่วโมง เนื่องจากคาดว่าปริมาณน้ำที่ล้นจากอ่างเก็บน้ำลำพระเพลิงอ.ปักธงชัย รวมถึงปริมาณฝนที่ตกอย่างหนักตลอดทั้งคืนที่ผ่านมา จะไหลสมทบลงลำน้ำมูลในช่วงค่ำวันนี้ และอาจจะส่งผลให้ปริมาณน้ำในลำน้ำมูล เพิ่มสูงขึ้นอย่างรวดเร็ว และเอ่อล้นตลิ่งเข้าท่วมบ้านเรือนของประชาชนได้.
    </td> </tr> </tbody></table>
    [​IMG] น้ำมูลท่วมบ้านเรือนประชาชนพิมาย

    [​IMG] น้ำท่วมซอยสามยอด

    [​IMG] น้ำท่วมถนนหลัก บ้านเรือน ชาวพิมายเดือดร้อน
    <form id="linkForm" name="linkForm"></form> 13 ตุลาคม 2553 เวลา 12:35 น. :KCTV Online ::
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 16 ตุลาคม 2010
  7. เกษม

    เกษม ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนพิเศษ สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 พฤศจิกายน 2004
    โพสต์:
    24,696
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +77,194
    หลายจังหวัดฝนตกหนักน้ำท่วมสูง

    [​IMG]

    [​IMG]

    [​IMG]

    [​IMG]

    [​IMG]

    เช้านี้หลายจังหวัดได้เกิดฝนตกลงมาอย่างหนักทำให้หลายพื้นที่ถูกน้ำท่วมเสียหาย ส่วนที่จังหวัดสระแก้วฝนตกลมแรงทำให้ต้นมะขามอายุกว่า 50 ปี โค่นลงมาทับกุฏวัดโนนหมากมุ่นทำให้พ่อเฒ่าที่มาอาศัยวัดอยู่เสียชีวิต

    โดยที่จังหวัดนครสวรรค์ เกิดฝนตกหนักในเขตเทศบาลนครนครสวรรค์ตั้งแต่เช้าวันนี้ ทำให้เกิดน้ำท่วมขังในหลายพื้นที่ระดับน้ำสูงถึง 50-80 ซม. เนื่องจากท่อระบายน้ำระบายน้ำไม่ทัน ส่งผลให้ถนนหลายสายการจราจรติดขัดนานเป็นชั่วโมง ขณะที่บริเวณสถานีขนส่งจังหวัดนครสวรรค์เกิดน้ำท่วมขัง รถประจำทางเข้ามารับส่งผู้โดยสารเป็นไปด้วยความยากลำบาก นอกจากนี้น้ำยังเข้าท่วมบ้านเรือนเป็นจำนวนมากเนื่องจากพื้นที่ดังกล่าวเป็นแอ่งกระทะการระบายน้ำค่อนข้างช้า

    หน่วยบรรเทาสาธารณภัยเทศบาลนครนครสวรรค์ ต้องเร่งระบายน้ำ พร้อมอำนวยความสะดวกแก่ผู้สัญจรในบริเวณสถานีขนส่ง ประกอบกับช่วงนี้ยังอยู่ในช่วงเทศกาลกินเจทำให้โรงเจที่ตั้งอยู่ในศูนย์ท่ารถนครสวรรค์ประชาชนต้องลุยน้ำมารับอาหารเจ บริเวณครัวที่ทำอาหารก็ถูกน้ำท่วมแม่ครัวต้องช่วยกันขนย้ายอุปกรณ์ขึ้นที่สูง

    เช่นเดียวกับที่จังหวัดฉะเชิงเทรา มีฝนตกหนักอย่างต่อเนื่องทำให้ระดับน้ำในแม่น้ำบางปะกงสูงขึ้น หากฝนยังตกต่อเนื่องไม่หยุดจะทำให้น้ำท่วมในเขตอำเภอเมืองบริเวณ ถ.ศรีโสธรตัดใหม่ หน้าวัดหลวงพ่อโสธร เนื่องจากไม่สามารถระบายน้ำออกได้ ผู้ประกอบการค้าขายโอดครวญไม่มีคนออกมาจับจ่ายซื้อสินค้า

    ส่วนที่จังหวัดสระแก้ว ฝนที่ตกลงมาอย่างต่อเนื่อง เป็นเหตุให้ต้นมะขามอายุกว่า 50 ปี ล้มลงมาทับกุฏพระวัดโนนหมากมุ่น อ. โคกสูง เป็นเหตุให้พ่อเฒ่าวัย 87 ปี ซึ่งอาศัยอยู่ในกุฏพระดังกล่าวถูกต้นมะขามทับเสียชีวิตคาที่

    ข่าวทีวีช่อง 3 วันศุกร์ ที่ 15 ตุลาคม พ.ศ. 2553

    ที่มา http://www.krobkruakao.com
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

  8. วรเดช

    วรเดช เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 สิงหาคม 2006
    โพสต์:
    1,753
    ค่าพลัง:
    +6,146
    [​IMG]
    ผู้สื่อข่าวรายงานว่า นายวสันต์ มีวงษ์ รองโฆษกกรุงเทพมหานคร กล่าวภายหลังการประชุมคณะผู้บริหาร ว่า กทม. ร่วมมือกับการไฟฟ้านครหลวง (กฟน.) และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องได้ทำบันทึกข้อตกลงร่วมมือโครงการนำสายลงดินเมื่อ 2 สิงหาคม 2548 โดย กทม. จัดสรรงบประมาณนำสายสาธารณูปโภคลงดินในเกาะรัตนโกสินทร์ เพื่อเสริมทัศนียภาพบริเวณเกาะรัตนโกสินทร์ให้สวยงาม มีความเป็นระเบียบเรียบร้อย
    ส่วน กฟน. ทีโอที และ กสท. ออกแบบติดตั้งเปลี่ยนระบบสายอากาศเป็นสายใต้ดินพร้อมนำเสาไฟฟ้าออกจากถนนในพื้นที่ ถนน 3 สาย คือ ถ.หน้าพระลาน จากถนนสนามไชย-ถนนมหาราช ระยะทาง 0.432 กม. ถ.สนามไชย จากศาลหลักเมือง-สน.พระราชวัง ระยะทาง 1.116 กม. และ ถ.ข้าวสาร จากถนนตะนาว-ถนนจักรพงษ์ ระยะทาง 0.41 กม. รวมทั้งหมด 1.958 กม. โดยมีการลงนามจ้างเมื่อ 27 กันยายน 2553 ซึ่งเป็นงบประมาณอุดหนุนรัฐบาล วงเงิน 158.07 ล้านบาท
    นอกจากนี้ยังมีโครงการนำสายลงดินบนถนน 5 สาย คือ ถ.ราชดำเนินกลาง จากสะพานผ่านฟ้า-คลองคูเมืองเดิม ระยะทาง 1.20 กม. ถ.ราชดำเนินใน จากคลองคูเมืองเดิม-ศาลหลักเมือง ระยะทาง 0.578 กม. ถ.ท้ายวัง จากถนนสนามไชย-ถนนมหาราช ระยะทาง 0.386 กม. ถ.เชตุพน จากถนนสนามไชย-ถนนมหาราช ระยะทาง 0.283 กม. และ ถ.มหาราช จาก สน.พระราชวัง-ถนนจันทร์ ระยะทาง 1.737 กม. รวม 4.184 กม.
    ขณะเดียวกัน กทม. อนุมัติจ้างเมื่อ 23 สิงหาคม 2553 วงเงินอุดหนุนรัฐบาล 225.6 ล้านบาท และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทยให้ความเห็นชอบผลการจัดจ้างเมื่อ 27 กันยายน 2553 อยู่ระหว่างสำนักการโยธายกร่างสัญญา คาดว่าจะสามารถลงนามสัญญาจ้างได้ภายในปี 2553
    โดย ทีมข่าวMthai
    <LI class=news_src_item>[​IMG]
    MThai SMS News : ข่าวด่วนถึงมือคุณ ทันทุกเหตุการณ์ ไม่พลาดทุกข่าวร้อน
    สนใจรับข่าวกด *48259080066 แล้วโทรออก ทดลองใช้ฟรี 15 วัน
    สอบถามเพิ่มเติมโทร 02-1007000

    <?xml:namespace prefix = fb ns = "http://www.facebook.com/2008/fbml" /><fb:like width="500" layout="standard" show_faces="false" href="http://news.mthai.com/general-news/90806.html"></fb:like>
    [​IMG]
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 16 ตุลาคม 2010
  9. เมทิกา

    เมทิกา เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    24 มิถุนายน 2008
    โพสต์:
    952
    ค่าพลัง:
    +2,393
    ติดตามอ่านประจำ บางทีก็เป็นการทบทวนว่าที่เราเคยฝัน เคยเห็น เป็นอุปาทานไปหรือเปล่า

    หรือเป็นครูบาอาจารย์มาสงเคราะห์ให้จริงๆ (เป็นสิ่งที่รู้ได้เฉพาะตนค่ะ)


    ไม่ค่อยบริโภคสื่ออื่นๆ เช่น แฉข่าวชาวบ้าน ตรวจดีเอ็นเอดีไหม?
    หรือการเสนอข่าวเพื่อมุ่งความแตกแยกของคนในชาติ
    การเมืองเรื่องแบ่งเค้ก
    ประเทศไทยของพวกเราทุกคนนะ (โว้ย) ฯลฯ เซ็งเป็ด...


     
  10. Lazaza

    Lazaza เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    9 กุมภาพันธ์ 2008
    โพสต์:
    991
    ค่าพลัง:
    +5,549
    ======================================


    16 ต.ค. 53


    ฐานผาแบ่น

    ไปๆมาๆก็ได้ขึ้นฐานผาแบ่นอีก ตอนแรกคิดว่าจะขึ้นช่วงวันปิยะ จะได้ไปทำบุญ
    ทอดกฐินด้วย ปรากฏว่าช่วงนั้นหลานจิ๊บ (อติกานต์ หนุนภักดี) และเพื่อนแนว
    ร่วมไม่ว่างกัน เลยนัดกันช่วงวันที่ 28 - 29 - 30 ต.ค. จะขึ้นไปด้วยกัน การ
    ไปครั้งนี้จะขึ้นไปสานงานเก่าคือ ทำเรื่องขออนุญาตการเจาะและพิสูจน์น้ำ
    บาดาล ( เนื่องจากเที่ยวที่แล้วถูกผู้รับเหมาเบี้ยว เพราะไม่ได้ทำหนังสือเป็น
    รายลักษณ์อักษรไว้) จากนั้นจะให้เพื่อนหลานจิ๊บที่เป็นสถาปนิกช่วยออกความ
    คิดว่า ในพื้นที่ตรงไหน ควรจะทำอะไร ? ตัวผมเองได้ร่างแบบชั่วคราวไว้แล้ว
    แต่อยากจะให้แนวร่วมช่วยออกความคิดเห็นด้วย

    เที่ยวนี้จะขึ้นกันไปรวมผมด้วย 7 คน โดยเช่ารถตู้ขึ้นไป บางคนต้องการไปดู
    พื้นที่ บางคนต้องการไปซื้อที่ดิน (ถ้าถูกใจ) ผลลัพท์เป็นอย่างไร ? เมื่อได้ขึ้น
    ไปและกลับลงมาจะเล่าให้ฟัง พร้อมกับภาพถ่ายปั้มโยกและปั้มซับเมิช




    องค์อินทร์ ๙๗
    ทำการแทน


    ======================================
    ภาพฐานผาแบ่นบางส่วนค่ะ
    ภาพความคืบหน้าฐานผาแบ่น
    ที่มา นาม "องค์อินทร์ ๙๗"







    ---------------------------------------------------------------------
    หลงทางเสียเวลา แต่ไหนแต่ไรมา พระพุทธเจ้าท่านสอนแต่เรื่องทุกข์ และการพ้นทุกข์เท่านั้น<!-- google_ad_section_end -->
     
  11. เกษม

    เกษม ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนพิเศษ สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 พฤศจิกายน 2004
    โพสต์:
    24,696
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +77,194
    ลพบุรี-น้ำป่าและน้ำจากอ่างเก็บน้ำ ล้นเข้าท่วมบ้านเรือนประชาชน

    [​IMG]

    [​IMG]

    [​IMG]

    [​IMG]

    เกิดเหตุน้ำป่า และน้ำจากอ่างเก็บน้ำซับเหล็ก ล้นสปริงเวย์ เข้าท่วมบ้านเรือนประชาชน พื้นใต้อ่างเก็บน้ำ ใน 3 ตำบล ของ อ.เมืองลพบุรี

    ฝนที่ตกติดต่อกันหลายวัน ในช่วงนี้ ส่งผลให้ น้ำจากเทือกเขาตะกร้าทอง ในเขตตำบลนิคมสร้างตนเอง ไหลลงสู่อ่างเก็บน้ำซับเหล็กเป็นจำนวนมาก ถึงแม้จะเป็นอ่างเก็บน้ำขนาดใหญ่เป็นอันดับ 2 ของ จ.ลพบุรี แต่เนื่องจากปริมาณน้ำ ที่ไหลเข้าสู่พื้นที่รองรับน้ำของอ่างในขณะนี้มากกว่าที่คาดการณ์ จนเกินความจุของอ่างที่รองรับน้ำได้ ทำให้น้ำล้นสปริงเวย์

    ประกอบกับได้มีน้ำป่าจากเทือกเขา จีนแลระลอกใหม่ ไหลลงมาสมทบตลอดทั้งคืนที่ผ่านมา ส่งผลทำให้เกิดน้ำสูง และเริ่มขยายวงกว้างกินพื้นทีไปกว่า 3 ตำบล ของ อ.เมืองลพบุรี ประกอบด้วย ต.นิคมสร้างตนเอง ต.ท่าศาลา และ ต.กกโก ระดับน้ำท่วมสูงกว่า 50 เซนติเมตร บ้านเรือนประชาชนหลายหลัง ไม่สามารถขนย้ายสิ่งของหนีน้ำได้ทัน ถนนหลายสายถูกน้ำท่วมสูง รถเล็กต้องใช้ความระมัดระวัง เนื่องจากกระแสน้ำไหลแรง ทำให้การสัญจรในช่วงเช้าเป็นไปด้วยความยากลำบาก และติดขัดเป็นทางยาว กว่า 1 กิโลเมตร

    ขณะที่ การไฟฟ้าส่วนภูมิภาค จ.ลพบุรี เร่งส่ง จนท.ลงพื้นที่ เพื่อตัดกระแสไฟฟ้าในจุดเสี่ยง เพื่อป้องกันอันตรายจากกระแสไฟฟ้าลัดวงจร เนื่องจากระดับน้ำยังคงเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง พร้อมเตือนประชาชนให้อยู่ห่างจากสายไฟ และรีบเคลื่อนย้ายเครื่องใช้ไฟฟ้าภายในบ้านให้พ้นจากระดับน้ำ เนื่องจากก่อนหน้าได้มีผู้ถูกกระแสไฟฟ้าช็อตเสียชีวิตมาแล้ว 1 ราย

    ข่าวทีวีช่อง 3 วันเสาร์ ที่ 16 ตุลาคม พ.ศ. 2553

    เมืองโคราชอ่วมน้ำท่วมหนัก

    [​IMG]

    [​IMG]

    [​IMG]

    [​IMG]

    เมืองโคราชอ่วมน้ำท่วมหนัก สนามกีฬาเฉลิมพระเกียรติ และบ้านเรือนราษฎรหลายร้อยหลังเดือดร้อนหนัก

    นครราชสีมา วันนี้ (16 ต.ค.53) ผู้สื่อข่าวรายงานสถานการณ์น้ำท่วมในพื้นที่จังหวัดนครราชสีมาหลังมีฝนตกหนักติดต่อกันมาหลายวัน ส่งผลให้เกิดน้ำท่วมในหลายอำเภอ โดยเฉพาะที่อำเภอปากช่อง อำเภอสีคิ้ว และอำเภอสูงเนิน ถนนมิตรภาพถูกน้ำไหลเข้าท่วมจนบางช่วงรถยนต์ไม่สามารถผ่านไปได้

    โดยเฉพาะที่อำเภอสูงเนินทางเจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.สูงเนินต้องเร่งระบายรถยนต์ทุกชนิดที่จะใช้เส้นทางถนนมิตรภาพเข้ากรุงเทพฯต้องให้เลี่ยงไปใช้เส้นทางสำรองเรียบทางรถไฟเข้าตัวอำเภอสูงเนินแทน พร้อมทั้งเปิดเส้นทางพิเศษให้รถยนต์วิ่งสวนช่องจราจรถนนมิตรภาพฝั่งขาเข้าตัวเมืองนครราชสีมาอีกช่องเพื่ออำนวยความสะดวกเนื่องจากการจราจรที่จะเข้ากรุงเทพฯ ซึ่งบริเวณดังกล่าวการจราจรติดขัดยาวกว่า 10 กิโลเมตร

    ส่วนที่เขตอำเภอเมืองนครราชสีมา น้ำได้ไหลเข้าท่วมหลายพื้นที่ โดยเฉพาะที่สนามกีฬาเฉลิมพระเกียรติ 80 พรรษา ซึ่งเคยใช้เป็นสนามแข่งขันกีฬาซีเกมส์ถูกน้ำไหลเอ่อเข้าท่วมสนามกีฬาหลายประเภท เจ้าหน้าที่ต้องเร่งช่วยกันระบายน้ำออกจากสนามอย่างเร่งด่วน ขณะที่ที่หมู่บ้านการเคหะแห่งชาติบ้านเรือนราษฎรหลายร้อยหลังคาเรือนก็ได้รับความเดือดร้อนจากน้ำท่วมอย่างหนัก ทางสำนักงานป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยจังหวัดนครราชสีมาต้องเร่งให้การช่วยเหลือชาวบ้าน และนำอาหารสำเร็จรูปพร้อมทั้งน้ำดื่มไปแจกจ่ายบรรเทาความเดือดร้อนในเบื้องต้น

    ข่าวทีวีช่อง 3 วันเสาร์ ที่ 16 ตุลาคม พ.ศ. 2553

    ที่มา http://www.krobkruakao.com
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

  12. kananun

    kananun เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    11 พฤษภาคม 2006
    โพสต์:
    10,282
    ค่าพลัง:
    +114,775
    ขอเป็นกำลังใจให้กับผู้ประสบภัยทุกคน อย่าได้ประมาท น้ำมากผิดปกติครับ

    ที่สำคัญอย่าลืมตัดไฟฟ้าที่ชั้นล่างกันก่อนด้วยครับ อาหารของแห้ง น้ำสะอาดเตรียมเอาไว้
     
  13. ธีรยุทธ

    ธีรยุทธ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    20 ตุลาคม 2008
    โพสต์:
    110
    ค่าพลัง:
    +750
    อย่าลืมเรื่อง โรคต่างๆที่จะตามมาด้วยครับ
     
  14. สิกขิม

    สิกขิม เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 มิถุนายน 2005
    โพสต์:
    1,310
    ค่าพลัง:
    +6,034
    ตื่นเถิด ตระหนักเถิด สิ่งที่เป็น ล้วนตามเหตุ ปัจจัย

    ตื่นแล้ว ร่วมแก้ไข จึงผ่านได้ โดยพร้อมกัน
     
  15. เกษม

    เกษม ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนพิเศษ สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 พฤศจิกายน 2004
    โพสต์:
    24,696
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +77,194
    "ม้าแก้ว"ของพระโพธิสัตว์

    [​IMG]
    ภาพพุทธประวัติ ตอนเสด็จออกบวช

    ม้ากัณฐกะ

    มนุษย์รู้จักม้ามาเป็นพันๆปีแล้ว ทั้งนำมาใช้ประโยชน์สารพัด ทำให้มีผู้สนใจอยากรู้ว่า ตามตำนานโบราณนั้น ม้าเกิดมาได้อย่างไร หรือมีกำเนิดมาจากที่ใด ไทยรัฐซันเดย์สเปเชียลสัปดาห์นี้ จึงรีบไปค้นคว้ามานำเสนอด่วนจี๋เลยครับ

    เรื่องกำเนิดของมนุษย์และสัตว์ ก็มักจะมาจากสองทางคือ ทางยุโรปและเอเชีย ทางยุโรปก็ถือเอาวรรณคดีกรีกและโรมันเป็นหลัก แล้วแผ่กระจายไปในประเทศทางยุโรปทั่วไป ทางเอเชียก็ถือเอาวรรณคดีอินเดียเป็นหลัก และเรื่องราวทั้งหลายก็แผ่ไปทั่วเอเชีย โดยอาจจะมีต่อเติมเสริมส่งให้ผิดแผกกันออกไปบ้าง

    ส่วนกำเนิดม้าของไทยเรา ก็มีที่มาจากวรรณคดีอินเดียนั่นเอง ในวรรณคดีอินเดียกล่าวไว้ว่า พระพายหรือเจ้าแห่งลมพายุเป็นผู้สร้างบังเกิดม้า 4 ตระกูลคือ 1. ม้าวลาหก 2. ม้าอาชาไนย 3. ม้าสินธพ 4.ม้าอัสดร

    แต่จริงๆแล้วพาหนะทรงพระพายคือ มฤค หรือกวาง แต่เวลาทรงรถจะใช้ม้า กล่าวกันว่าเวลาหกจะเหินไปในท้องฟ้าอย่างรวดเร็ว จนมองแทบไม่ทัน เมื่อเรามองขึ้นไปบนท้องฟ้าจะเห็นแต่กลุ่มเมฆลอยละลิ่วไปนั่นแหละ คือองค์พระพายควบม้าวลาหกไปอย่างรวดเร็วในพริบตา ทิ้งควัน หรือกลุ่มเมฆไว้เบื้องหลังเราจึงแปลคำวลาหกว่า เมฆ

    อาชาไนยแปลว่า กำเนิดดี พันธุ์หรือตระกูลดี รู้รวดเร็ว ฝึกหัดมาดีแล้ว ม้าที่ฝึกหัดมาดีแล้วเรียกว่า ม้าอาชาไนย คนที่ฝึกหัดมาดีแล้วเรียกว่า บุรุษอาชาไนย ม้าชนิดนี้มักจะใช้ในการศึกสงคราม

    สินธพคือม้าพันธุ์ดีเกิดที่ลุ่มน้ำสินธุ บางทีเรียกว่า สินธพมโนมัย คำว่านโนมัย แปลว่าไปเร็วดังใจนึก ม้าสินธพมโนมัยนี้จึงเป็นม้าใหญ่ล่ำสัน พ่วงพี คึกคะนอง แข็งแรง ใช้ในการทำงานและการศึกสงครามได้อย่างดีเลิศ

    ม้าสำคัญอีกตัวหนึ่งของชาวพุทธก็คือ ม้ากัณฐกะ กล่าวคือ เมื่อเจ้าชายสิทธัตถะทรงตั้งพระทัยที่จะออกบรรพชาเพื่อแสวงหาพระโพธิญาณ ได้ให้นายฉันนะไปผูกม้าพระที่นั่งเตรียมไว้ ดังมีข้อความพรรณนาไว้ว่าได้ทัศนาเห็นพระยาม้ากัณฐกอัศวราช อันมีกายโดยยาวตั้งแต่คอจนท้ายมีประมาณได้ 18 ศอก โดยสูงก็สมควรกับกายอันยาว สีขาวบริสุทธิ์ดุจสังข์ อันขัดใหม่ ศีรษะนั้นดำดุจสีแห่งกา มีเกศาในมุขประเทศขาวผ่องดุจไส้หญ้าปล้องงามสะอาดกอปรด้วยพละกำลังมาก สมควรเป็นราชพาหนะพระที่นั่งทรงองค์บรมจักรพรรดิ

    เจ้าชายสิทธัตถะทรงม้ากัณฐกะออกจากเมืองมาด้วยการช่วยเหลืออย่างลับๆ ของเทพยดาจนถึงแม่น้ำอโนมา พระยากัณฐกอาชาก็เผ่นโผนข้ามแม่น้ำอโนมานที อันมีประมาณโดยกว้างได้ 8 อุสุภ คือ 14 เส้น ไปตกลงยังฝั่งฟากโน้น นี่ก็แสดงถึงพลังมหาศาลของม้ากัณฐกะ

    เมื่อเจ้าชายสิทธัตถะทรงบรรพชาแล้วก็มีรับสั่งให้นายฉันนะพาม้ากัณฐกะกลับกรุงกบิลพัสดุ์ ม้ากัณฐกะก็แสดงความเศร้าโศก แลบชิวหาออกเลียพื้นฝ่าพระบาทมีโอภาสอันแดงดุจปาวารพัสตรรัตตกัมพลเช็ดสุคนธเรณู แล้วเพ่งดูดวงพระพักตร์ พระโพธิสัตว์มิได้วางตา เมื่อนายฉันนะจูงม้ากันฐกะเดินไป ม้านั้นก็ผันหน้ากลับมาดูพระพักตร์ เพ่งพิศจนลับเนตรพันเขตต์ทัศนวิสัย บมิได้วายอาลัยในพระมหาบุรุษราช มีศออันเหือดแห้งขาดเขฬะความโศกปะทะปิดทางอัสสาสบัสลาสเดินไปหน่อยหนึ่ง ดวงหฤทัยก็ทำลายออกเป็นเจ็ดภาค
    ดูเอาเถิดความจงรักภักดีของม้าที่มีต่อเจ้าของ ถึงแก่หัวใจแตกสลายด้วยผลบุญอานิสงส์ ม้ากัณฐกะก็ไปเกิดเป็น กัณฐกเทพบุตร อยู่ในวิมานทองสูง 12 โยชน์ ในดาวดึงส์เทวโลก

    เรื่องม้าๆ ยังมีอีกมากมาย แต่ขอเล่าไว้แต่ เพียงนี้ก่อน หากแฟนานุแฟนสนใจใคร่ทราบในเรื่องใดก็สอบถามมาได้ ทีมงานต่วย’ตูนยินดีนำมาเสนอต่อทุกๆ ท่านแน่นอนครับ

    ที่มา http://movie.mthai.com/movie-news/39638.html

    คำกล่าวของกัณฐกเทพบุตร

    ขอเชิญอ่านคำกล่าวของกัณฐกเทพบุตรโดยตรง ว่าท่านเกิดบนสวรรค์ด้วยเหตุใด พระสุตตันตปิฎก ขุททกนิกาย วิมานวัตถุ เล่ม ๒ ภาค ๑- หน้าที่ 609

    ข้าพเจ้าคือกัณฐกอัศวราช สหชาตของพระ-โอรสของพระเจ้าสุทโธทนะในกรุงกบิลพัสดุ์ ราชธานีของกษัตริย์แคว้นศากยะ ครั้งใดพระราชโอรสเสด็จออกมหาภิเนษกรมณ์เพื่อโพธิญาณตอนเที่ยงคืน พระองค์ใช้ฝ่าพระหัตถ์อันนุ่มและพระนขาที่แดงปลั่งค่อย ๆ ตบขาข้าพเจ้า และตรัสว่า พาไปสิสหาย เราบรรลุพระสัมโพธิญาณอันอุดมแล้ว จักยังโลกให้ข้ามโอฆสงสาร เมื่อข้าพเจ้าฟังพระดำรัสนั้น ได้มีความร่าเริงเป็นอันมาก ข้าพเจ้ามีใจเบิกบานยินดีได้รับคำในครั้งนั้น

    ครั้นรู้ว่า พระศากโยรสผู้มียศใหญ่ประทับนั่งเหนือหลังข้าพเจ้าแล้ว ข้าพเจ้ามีใจเบิกบานบันเทิง นำพระมหาบุรุษไปถึงแว่นแคว้นของกษัตริย์เหล่าอื่น เมื่อพระอาทิตย์ขึ้น พระมหาบุรุษนั้นมิได้ทรงอาลัย ละทิ้งข้าพเจ้าและฉันนอำมาตย์ไว้เสด็จหลีกไป ข้าพเจ้าได้เลียพระบาททั้งสอง ซึ่งมีพระนขาแดงของพระองค์ ร้องไห้แลดูพระมหาวีระผู้กำลังเสด็จไป เพราะไม่ได้เห็นพระศากโยรสผู้ทรงสิรินั้น ข้าพเจ้าป่วยหนักก็ตายอย่างฉับพลัน ด้วยอานุภาพแห่งบุญนั้นแหละ ข้าพเจ้าจึงมาอยู่วิมานทิพย์นี้ ซึ่งประกอบด้วยกามคุณทุกอย่างในเทวนคร

    อีกอย่างหนึ่ง ข้าพเจ้าได้มีความร่าเริงเพราะได้ฟังเสียงเพื่อพระโพธิญาณว่า เราจักบรรลุความสิ้นอาสวะด้วยกุศลมูลนั่นเอง ข้าแต่ท่านผู้เจริญ ถ้าพระคุณเจ้า จะพึงไปในสำนักของพระพุทธเจ้าผู้ศาสดาไซร้ ขอพระคุณเจ้า จงกราบทูลถึงการถวายบังคมด้วยเศียรเกล้ากะพระองค์ตามคำของข้าพเจ้า แม้ข้าพเจ้าก็จักไปเฝ้าพระชินเจ้าผู้หาบุคคลอื่นเปรียบมิได้ การได้เห็นพระโลกนาถผู้คงที่หาได้ยาก

    ที่มา http://www.dhammahome.com/front/webboard/show.php?id=13541
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    • p14.jpg
      p14.jpg
      ขนาดไฟล์:
      40.5 KB
      เปิดดู:
      1,107
    • picture_resize.jpg
      picture_resize.jpg
      ขนาดไฟล์:
      51.1 KB
      เปิดดู:
      72
    • Kantaka-horse.jpg
      Kantaka-horse.jpg
      ขนาดไฟล์:
      118.7 KB
      เปิดดู:
      86
  16. เกษม

    เกษม ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนพิเศษ สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 พฤศจิกายน 2004
    โพสต์:
    24,696
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +77,194
    ตำนานพระญาธัมมิกราช
    (พระเจ้าจักรพรรดิราช ตามความเชื่อล้านนา)

    [​IMG]

    ตำนานพระญาธัมมิกราช หรือ ตำนานพระญาธัมม์ เป็นเรื่องที่กล่าวถึงพญาจักรพรรดิราช ในตำนานสุวรรณคำแดงนั้นกล่าวว่า "ในครั้งนั้นพระญาธรรมปรากฏในเมืองฮ่อ" ทำให้เห็นว่า"พระญาธัมม์"หมายถึง กษัตริย์ผู้ทรงอานุภาพมาก ที่จะเป็น"พญาจักรพรรดิราช"ดังเช่นที่ปรากฏในไตรภูมิพระร่วง ทั้งนี้ ตำนานพระญาธัมมิกราช ซึ่งอ้างว่า"ได้จากเมืองพุก่ำมาแล" ซึ่งศูนย์ส่งเสริมและศึกษาวัฒนธรรมลานนาไทย วิทยาลัยครูเชียงใหม่ได้ปริวรรตไว้เมื่อ พ.ศ.๒๕๒๓ มีใจความกล่าวไว้ ดังนี้

    ในตอนต้นเรื่อง กล่าวถึงความเดือดร้อนประการต่างๆ ที่เกิดมีในบริเวณเมืองเชียงใหม่กับลำพูน แล้วจึงกล่าวถึงพญาตนหนึ่งอยู่ทางฟากตะวันออกของน้ำแม่ระมิงคือน้ำแม่ปิง พญาดังกล่าวมีบุตร ๒ คน แล้วทั้ง ๓ ได้รบกันที่เชิงดอยอุจฉุคือดอยสุเทพ บุตรที่เกิดในปีฉลูได้เป็นพญาแทนพ่อ ต่อมาก็ถูกพญากัปปราชแห่งเมืองใต้ยกขึ้นมารบกวน ถัดจากนั้นพญาซึ่งอยู่ด้านตะวันออกและตะวันตกของน้ำแม่ปิงจะรบกัน หลังจากนั้นท้าวพญาทั้งหลายที่อยู่บริเวณขุนน้ำแม่ปิงจะหาศีลธรรมมิได้ ซึ่งเป็นเหตุให้พญาทาง"ฝ่ายสมุทร" หรือทางใต้ ยกรี้พลขึ้นมาตามลำน้ำแม่ระมิงแล้วรบกันที่เชิงดอยคำ เลือดจะตกในที่นั้นมากจนหนูข้ามไม่ได้

    พญาธัมมิกราชจะปรากฏที่ "นาไร่หลวงแห่งเมืองหริภุญชัย" แล้วพญาธัมมมิกราชหรือพญาธัมม์ จะเป็นผู้ห้ามการรบต่างๆ ครั้งนั้นจะเกิดมีปราสาทเกิดที่ผาก้อนใหญ่นอกเมือง พระอินทร์จะมาสรงน้ำและเป่าหอยสังข์ ท้าวจตุโลกบาล เทวดา ผีเสื้อ(อารักษ์) จะเอาของดีวิเศษต่าง ๆ ไปมอบให้เนื่องในการอภิเษกให้เป็นพญาธัมม์ พระวิษนุกัมม์จะมาเป็นสารถี พระอินทร์จะนำนางแก้วจากอุตตรกุรุทวีปมาให้ รวมทั้งธิดากษัตริย์ต่างๆ ในชมพูทวีปอีก ๑๘,๐๐๐ นาง แล้วพญาธัมมิกราชและพระอินทร์จะช่วยกันสร้างเมืองลำพูนให้เป็นมหานคร ให้ชื่อว่า"อินทาปราการ"และสร้างเครื่องประดับถวายพระธาตุหริภุญชัย แล้วขุมทรัพย์ทั้งหลายจะปรากฏขึ้น ซึ่งพญาธัมมิกราชจะได้แจกจ่ายแก่คนทั้งปวง

    พญาธัมมิกราชไปเมือง "นครหลวง" ซึ่งมีรูปหมูทองคำอยู่ที่สี่มุมเมือง นำเอาคัมภีร์ทั้งหลายมาตรวจสอบ คัมภีร์ที่ผิดก็จะเผาเป็นมุกรักทำเป็นพระพุทธรูป ภิกษุที่ไม่ถูกตามวินัยก็จะทรงให้สึกเสีย ถัดนั้น พญาธัมมิกราชจะสอนคนทั้งหลายให้ตั้งอยู่ในธรรม แล้วไปบูรณะเมืองราชคฤห์ สาวัตถี และมัชฌิมปเทสแล้วจึงกลับสู่เมือง"อินทาปราการ" ใน พ.ศ.๑๙๒๐ ระฆังของพญาธัมมิกราชองค์ก่อน ที่จมอยู่ในแม่น้ำอจิรวดีก็จะผุดขึ้น หากธัมมิกราชไปในที่ใดก็สั่นระฆังนั้น พระองค์จะมีบุตรที่ดีเหมือนชาลีและกัณหา พระองค์จะสร้างเจดีย์และพระพุทธรูป เมื่อมีการเฉลิมฉลองนั้น จะมี "ฝนห่าแก้ว" คือฝนตกลงเป็นแก้วมณีลงมาในชมพูทวีป ซึ่งพระองค์จะป่าวให้คนทั้งหลายเก็บเอาแก้วมณีมีค่านั้นไปตามความปรารถนา

    คนทั้งปวงจะอยู่เป็นสุข ไม่มีการทะเลาะกัน ทุกคนจะถือศีลบำเพ็ญภาวนาเคารพผู้เฒ่าผู้แก่ ดังที่อาจารย์กล่าวไว้เป็นอุบายว่า กาถามนกนางว่าทำไมไม่กรอก นกยางว่าเพราะปลาไม่ออก ปลาเอ๋ยทำไมไม่ออก เพราะหญ้ารก หญ้าเอ๋ยทำไมจึงรกนัก เพราะวัวไม่กิน ทำไมวัวไม่กินหญ้า วัวว่าเจ้าเจ้าของไม่ปล่อยตน ทำไมเจ้าของวัวไม่ปล่อยวัว เจ้าของวัวว่าปวดท้อง ทำไมจึงปวดท้อง เพราะข้าวไม่สุก ทำไมข้าวไม่สุก เพราะไฟไม่ลุก ทำไมไฟไม่ลุก เพราะฟืนเปียก ทำไมฟืนเปียก เพราะฝนตกมาก ทำไมฝนตกมาก เพราะกบเขียดร้องเรียก ทำไมกบเขียดจึงร้อง เพราะงูจะกิน ทำไมงูจะกินกบเขียด เพราะกบเขียดเป็นอาหารของงู งูนั้นได้ทิ้งอีกาที่ฟักไข่ออกมาเป็นงูในเมืองนาค แม่กาป่วยตายและได้ให้เมืองนาคไว้แก่งู งูนั้นไม่รู้จักศีล งูนั้นไม่มีบุญ เมื่องูนั้นเกิดมาได้ ๕๕ ปี จะเกิดอุบาทว์ในเมืองนาคนั้น อาจารย์เจ้ากล่าวว่า อุปมาเหมือนปัญญาของงูก็เปรียบเหมือนอีกาและนกยางที่ไม่กรอก คือได้พญาที่ไม่สามัคคีกัน ปลาไม่ออกได้แก่พญาธัมมิกราชยังไม่บังเกิด หญ้ารกได้แก่มิจฉาทิฏฐิ วัวได้แก่พ่อเรือนที่ไม่รู้จักทำบุญให้ทาน เจ้าของวัวได้แก่พญาใจบาปที่ไม่ทำบุญให้ทาน ข้าวไม่สุกได้แก่กลียุคที่จะเกิดศึกแก่คนทั่วไป

    เมฆเป็นสีเหลืองสีแดง เมฆเป็นเหมือนธงเป็นรูปเหยี่ยวอยู่ทางทิศตะวันออก ถือว่าเป็นเหตุอัศจรรย์ แร้งกาบินโฉบไปมา เหยี่ยวเกาะที่เรือน ก็เป็นอัศจรรย์ รูปเทวดาและพุทธรูปมีเหงื่อไหลก็เป็นอัศจรรย์ ดาวหางเกิดขึ้นก็เป็นอัศจรรย์ ต้นไม้ที่ไม่ควรมีดอกผลกลับมีดอกผลก็เป็นอัศจรรย์ ต้นไม้ที่ไม่หอมเกิดหอมก็เป็นอัศจรรย์ ไม้ตายแล้วมีแก่นหอมเหมือนไม้จันทน์ก็เป็นอัศจรรย์ แผ่นดินแข็งแต่เมื่อลมพัดกลับมีกลิ่นหอม คนใจบาปกลับใจบุญ คนใจบุญกลับใจบาป เมืองเดียวเกิดมีพญาชิงอำนาจกัน แต่นั้นคนก็เลยวิวาทฆ่าฟันกัน พระอินทร์จะมาเป่าสังข์ในอากาศทำให้คนตกใจกลัว คนจะโกหกกัน ภูติผีเข้าสิงคนให้ฆ่าฟันชิงทรัพย์แย่งลูกเมียกัน ถัดนั้น เทวดาจะพุ่งไต้ไปในอากาศ ๓ ครั้ง ทำให้เกิดแผ่นดินไหวสองครั้งในวันเดียว เมื่อมีเหตุดั่งนี้ส่อแสดงแล้ว ก็หมายความว่าองค์ธัมมิกราชจะมาบังเกิด

    ลักษณะของธัมมิกราชเมื่อจะเป็นพญานั้น มีกายสีขาวเหลืองเหมือนทองหยด ลักษณะดี ฟันงามมีเสียงนุ่มนวล มีขนขาวเส้นหนึ่งเป็นอยู่ที่ใบหน้าด้านซ้าย แต่ก่อนเป็นคนยากไร้แต่มีเพียร อยู่ที่ไหนมักถูกคนไล่ให้หนีจาก บวชสองครั้ง และเมื่อบวชนั้นเหล่าสงฆ์ก็ไม่ชอบ พอลาสิกขาบทแล้วอยู่ที่ไหนคนก็ไม่ชอบ ท่านให้ความเมตตาต่อคนยากไร้ รักคนใจบุญ ท่านมีบุตรหญิงชายอย่างละสอง ได้เรียนวิชาการมามาก มีใจกล้าหาญ เมื่อบวชนั้นอยู่ทางปลายน้ำแต่เมื่อลาสิกขาบทกลับอยู่ด้านเหนือน้ำ สง่างามเหมือนช้างเอราวัณ ตอนที่บวชนั้นนอนเหมือนลิงลม แต่เมื่อลาสิกขาบทแล้วนอนเหมือนนกพิราบ เมื่อจะได้เป็นพญาก็นอนเหมือนราชสีห์ ท่านจะมาสืบหาคนที่เกิดในปีงูเล็กตั้งแต่ "ปีเต่าเส็ดถึงปีกัดเป้า"

    เมื่อธัมมิกราชจะปรากฏเป็นพญานั้น จะมีม้าแก้วอยู่ที่ดอยอ่างสรงเชียงดาว พระแสงขรรค์ชัยศรีและแก้ววิเศษนั้น เทวดาจะนำมาให้ มีผีเสื้อพันหนึ่งเป็นบริวาร ผีเสื้อและฤาษีจะรื้อเอารางทองมาอภิเษก พระอินทร์จะให้น้ำอมฤต ทำให้ท่านมีรูปงามและรู้ปิฏกะทั้งปวง ท่านจะมาทำให้ศาสนารุ่งเรืองในหริภุญชัย เมืองฝาง เมืองละโว้และชำระคัมภีร์ทั้งปวง ทำให้คนทั้งหลายเป็นสุขด้วยข้าวของต่างๆ ถัดนั้น "หมู่หน้าแข็งตนขาว" จะเอาเมืองวิเทหะและจุฬนีมาถวาย จะมาสร้างปราสาทถวาย ธิดากษัตริย์ทั้งปวงจะมาถวายตัว ธัมมิกราชจะครองเมืองได้ร้อยปีและโอรสของท่านจะครองต่ออีกร้อยปี คนทั้งหลายจะมีความสุขทุกเมื่อ

    "ตำนานธัมมิกราชอันนี้ ได้แต่เมืองพุกำ(พุกาม)มาแล" ผู้ใดที่ได้เขียน ได้รักษาและได้บูชาเหมือนกับบูชาธัมมิกราชแล้ว ก็จะได้เงินทองมากนัก "ตำนานธัมมิกราชจบเท่านี้ก่อนแล สกราชได้ ๑๓๑๗ ปีก่าไส้ พ.ศ.๒๔๙๗"

    (เรียบเรียงจาก อุดม รุ่งเรือง)

    ที่มา http://www.buddhakhun.org/main//index.php?topic=1073.0
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    • 1228008013.jpg
      1228008013.jpg
      ขนาดไฟล์:
      52.9 KB
      เปิดดู:
      1,116
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 17 ตุลาคม 2010
  17. bluejet

    bluejet เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    11 ธันวาคม 2008
    โพสต์:
    352
    ค่าพลัง:
    +2,181
    VDO HD น่าสนใจครับ เรื่อง Nostradamus 2012 End Time เป็นภาษาอังกฤษ ความยาว 1 ชม. 31 นาที โหลดนานมาก แต่ภาพคมชัด

    ไม่อยากใส่ลิงก์เพื่อ embed เพราะเห็นว่ายาวมาก (เกรงว่าอาจจะโหลดระบบเรา) ท่านที่สนใจ มีเวลาก๊อปปี้ลิงก์ไปเปิดดูหน้าต่างอื่นเองนะครับ

    video.google.com/videoplay?docid=3213449483968654266&hl=en&emb=1
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 17 ตุลาคม 2010
  18. เกษม

    เกษม ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนพิเศษ สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 พฤศจิกายน 2004
    โพสต์:
    24,696
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +77,194
    ตำนานพระญาธัมมิกราชกับถ้ำเชียงดาว

    [​IMG]
    วัดถ้ำเชียงดาว

    ตำนานถ้ำเชียงดาว

    เป็นนิยายปรัมปรายุคต้นพุทธกาล กล่าวถึงสมเด็จองค์อัมรินทราธิราชเจ้า ประมุขแห่งปวงเทพเทวาได้ดำริให้จัดทำสิ่งวิเศษ เพื่อพระศรีอาริยะเมตไตรยที่จะเสด็จมาเป็นพระเจ้าจักรพรรดิราชในกึ่งพุทธกาล ได้เล็งเห็นว่าถ้ำเชียงดาวเป็นสถานที่เหมาะสมแก่การเก็บรักษาของวิเศษเหล่านั้น เพราะลึกเข้าไปในถ้ำจนสุดประมาณมิได้ เป็นเมืองแห่งพวกครึ่งอสูรกาย เรียกว่าเมืองลับแล มีความเป็นอยู่ล้วนแต่เป็นทิพย์ ผู้คนทั้งหลายในมนุษย์โลกธรรมดาที่เต็มไปด้วยกิเลสยากนักที่จะเข้าไปพบเห็นได้ เพราะมีด่านภยันตรายต่างๆมากมายหลายชั้นกั้นขวาง ไว้เป็นอุปสรรค

    มียักษ์สองผัวเมียบำเพ็ญภาวนารักษาศีลเพราะได้ปฏิบัติตนเป็นผู้ถึงซึ่งพระรัตนตรัยจากสมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า โดยมีนางผู้เลอโฉมนามว่า อินเหลา อยู่ปรนนิบัติบิดามารดาผู้ทรงศีลทั้งสอง จนวันหนึ่งได้พบกับ เจ้าหลวงสุวรรณคำแดง ยุวราชหนุ่ม ซึ่งเสด็จมาประพาสป่าจากแค้วนแดนไกล ได้บังเกิดความหลงใหลในความงามของนาง ก็ได้พยายามติดตามนางไปจนถึงถ้ำเชียงดาว และทิ้งกองทหารของพระองค์ไว้เบื้องหลัง จากนั้นก็ไม่กลับออกมาอีกเลย ว่ากันว่าเจ้าหลวงสุวรรณคำแดงอยู่ครองรักกับเจ้าแม่อินเหลาที่ถ้ำเชียงดาวนั่นเอง ผู้เฒ่าผู้แก่เล่าว่าจะมีเสียงดังสะเทือนจากดอยหลวงเชียงดาว ปรากฏเป็นลูกไฟ ขนาดลูกมะพร้าว สว่างจ้าพุ่งหายไปในดอยนางซึ่งอยู่ทางทิศเหนือของดอยหลวงเชียงดาว ซึ่งมีความเชื่อว่า เจ้าหลวงสุวรรณคำแดงลั่นอะม็อกไปเยี่ยมเจ้าแม่อินเหลาที่ดอยนาง

    นอกจากนี้ยังมีตำนานเจ้าหลวงคำแดง จากเอกสารที่เขียนขึ้นโดย พระมหาสถิตย์ ติกขญาโณ กล่าวไว้ว่า พระผู้เป็นเจ้าได้ปกาศิตให้เทวดายักษ์ตนหนึ่งนามว่า เจ้าหลวงคำแดง กับบริวาร 10,000 คนมารักษาของวิเศษในถ้ำเชียงดาว เพื่อรักษาไว้ให้ พระเจ้าทรงธรรมมิกราชใช้ปราบมนุษย์อธรรมในอนาคต ซึ่งนามเดิมของเจ้าหลวงคำแดง คือ เจ้าสุวรรณคำแดง ผู้ซึ่งจะมีหน้าที่เฝ้ารักษาถ้ำและดอยหลวงเชียงดาว จะหมดเวลาของการเฝ้ารักษาเมื่อพระเจ้าทรงธรรมมาปราบมนุษย์อธรรมเสียก่อน

    ที่มาhttp://www.chumchontai.com/detail.php?p_id=2104

    ตำนานเจ้าหลวงคำแดง

    ไพฑูรย์ พรหมวิจิตร แห่งสถาบันวิจัยสังคม มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ เป็นผู้หนึ่งที่ศึกษาตำนานเจ้าหลวงคำแดง ค้นคว้าเรื่องราวของเจ้าหลวงคำแดงจากเอกสารใบลานจากวัดต่างๆ ในเมืองเชียงใหม่ หนังสือประชุมตำนานล้านนาไทย

    ตำนานเชียงใหม่ปางเดิมกล่าวถึง เจ้าชายสุวรรณคำแดง เป็นกษัตริย์องค์แรกในดินแดนล้านนาที่มีเชียงใหม่เป็นศูนย์กลาง มีชีวิตอยู่ในช่วง 1,000 ปีก่อนที่ประวัติศาสตร์จะบันทึกไว้ว่าพญามังรายเป็นผู้ก่อตั้งอาณาจักรล้านนาในปี พ.ศ. 1839

    เจ้าชายสุวรรณคำแดงมีชีวิตที่เกี่ยวข้องกับถ้ำเชียงดาวเมื่อครั้งที่ไล่ต้อนเนื้อทรายทองมาจนถึงหน้าถ้ำ แต่ไม่พบเนื้อทรายทองแต่พบสาวงามชื่อนางอินเหลา แล้วทั้งสองก็ได้ครองคู่กัน หลังจากนั้นเจ้าชายสุวรรณคำแดงยังต้องตามหาเนื้อทรายทองต่อไป จนกระทั่งมาถึงที่ราบลุ่มน้ำระมิงค์ ฤาษีจึงแนะนำให้สร้างเมือง ซึ่งมีชื่อว่าเมืองล้านนา หลังจากสร้างเมืองเสร็จกษัตริย์ล้านนาจึงกลับไปหานางอินเหลาและอยู่ร่วมกันในถ้ำเชียงดาว

    ในส่วนนี้เจ้าหลวงคำแดงจึงมีฐานะเป็นปฐมกษัตริย์ของอาณาจักรล้านนาและเป็นหัวหน้าผีอารักษ์หรือผีบ้านผีเมืองแห่งอาณาจักรล้านนา โดยมีอ่างสลุง ซึ่งเป็นพื้นที่ยอดดอยหลวงที่มีลักษณะเป็นอ่างเป็นที่ประชุมของผีอารักษ์ ดังนั้นการไหว้บูชาสิ่งศักดิ์สิทธิ์ต่างๆ ตามประเพณีล้านนาจึงต้องมีการบูชาถึงเจ้าหลวงคำแดง

    เรื่องราวอีกชุดหนึ่งของเจ้าหลวงคำแดง ปรากฎในพุทธตำนานที่แต่งขึ้นในสมัยพระเจ้ากือนาถึงสมัยของของพระเจ้าสามฝั่งแกน (พ.ศ.1866-1985) เรื่องพระเจ้าเลียบโลก ด้วยฤทธานุภาพทรงเหาะเหิรเดินอากาศมายังดินแดนล้านนา “พระพุทธเจ้าเสด็จไปถึงฝั่งแม่น้ำปิง ประทับรอยพระบาทไว้บนหินก้อนหนึ่งที่ผาสะแกง ในเขต อ.ฝาง จ.เชียงใหม่ จากนั้นเสด็จไปทางอากาศ แล้วชี้ไปที่ดอยแห่งหนึ่ง และทำนายว่าศาสนาจะมารุ่งเรืองในเมืองเชียงดาว จะบังเกิดมีอารามของพระยาคำแดง”

    พร้อมทั้งมีตำนานเกี่ยวกับดอยหลวงเชียงดาวและถ้ำเชียงดาว โดยตำนานอ่างสรงฉบับวัดสันป่าข่อย คัดลอกไว้ในปี พ.ศ.2431 หรือเมื่อ 116 ปีที่แล้ว แปลเป็นไทยได้ ดังนี้

    “ศรีสวัสดี ที่นี้จักกล่าวยังตำนานนิทานปางเมื่อพระพุทธเจ้าแห่งเรานิพพานไปแล้ว ยังเมืองกุฉินาราแล อรหันตาเจ้าทั้งหลาย 500 ตนก็เอายังธาตุพระเจ้ามาไว้ยังดอยสรงที่นี้ เลยได้ชื่อว่าอ่างสรงเชียงดาว พระยาอินทร์ พระยาพรหม และเทวดาเจ้าทั้งหลาย ก็จิ่งจักแปงก่อสร้างยังมหาเจดีย์ทองคำหลัง 1 แล้วด้วยทองคำทั้งแท่ง สูงได้ 3 คาวุตมาบรรจุไว้ยังพระบรมสารีริกธาตุของพระพุทธเจ้า แล้วอรหันตาเจ้าทั้งหลาย 500 ตนก็เลยนิพพานในถ้ำที่นั้น ยามนั้นยังมีพระยาตน 1 ชื่อว่าอานันทราชา กินเมืองเชียงดาวที่นั้น ก็ได้ส่งสการสรีระคาบยังอรหันตาเจ้าทั้งหลาย 500 ตน อันได้นิพพานไปนั้นทุกองค์…”

    และอารยันตคุปต์ เขียนในปี พ.ศ.2495 ซึ่งมีเนื้อหาตรงกับที่ปรากฏรวมอยู่ในเอกสารใบลานเรื่องตำนานอ่างสรงเชียงดาว ต้นฉบับเป็นของวัดสันป่าข่อย จ.เชียงใหม่ ต้นฉบับเป็นของวัดแสนฝาง จ.เชียงใหม่ และต้นฉบับเป็นของวัดป่าแดด จงเชียงใหม่ ว่า “ภายในถ้ำนั้น พรหมฤาษีผู้วิเศษได้เรียกประชุมอินทร์พรหมยมนาค เนรมิตของวิเศษหลายอย่างคือ พระพุทธรูปทองคำ พระเจดีย์ทองคำ ต้นโพธิ์วิเศษ ช้างวิเศษ ดาบวิเศษ ผ้าทิพย์ อาหารทิพย์ สิ่งของเหล่านี้นัยว่ามีไว้สำหรับพระยาธรรมิกราช ผู้จะมาเกิดในวันข้างหน้า โดยพระอิศวรสั่งให้เทวยักษ์ตนหนึ่ง คือเจ้าหลวงคำแดง หรือ เจ้าสุวรรณคำแดง เป็นผู้ดูแลรักษาไว้”

    ที่มา http://board.trekkingthai.com/board/show.php?forum_id=4&topic_no=10086&topic_id=10086

     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    • 1244909798.jpg
      1244909798.jpg
      ขนาดไฟล์:
      105 KB
      เปิดดู:
      1,427
    • 23400-2.jpg
      23400-2.jpg
      ขนาดไฟล์:
      82.8 KB
      เปิดดู:
      64
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 17 ตุลาคม 2010
  19. Falkman

    Falkman พลังจิตนานาชาติ ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 กรกฎาคม 2006
    โพสต์:
    19,726
    ค่าพลัง:
    +77,792
    Msg จาก ดร.ก้องภพ

    ได้เกิดเหตุการณ์ระเบิดที่พระอาทิตย์ขนาดใหญ่ และพี้นที่ๆ จะได้รับผลกระทบบนโลกอาจจะเป็นบริเวณประเทศอินโดนีเซีย หรือ มหาสมุทรอินเดีย (ความน่าจะเป็น ~ 80%) อาจส่งผลกระทบกับไทยด้วยถ้าเกิดทางมหาสมุทรอินเดีย (และมีความเป็นไปได้ว่าจะเกิดทางซีกใต้ เช่นประเทศนิวซีแลนด์ ~ 50%) ของให้ดูสถานการณ์ในช่วง 18 ชั่วโมงข้างหน้าด้วยครับ (โดยเฉพาะ วันที่ 17 ตุลาคม เวลาระหว่าง 12-16 UTC หรือ 19-23 น เวลาในประเทศไทย ) เตรียมตรวจสอบอุปกรณ์เตือนภัยและเตรียมตัวรับมือด้วยครับ เพี่อความปลอดภัยไว้ก่อน
     
  20. Falkman

    Falkman พลังจิตนานาชาติ ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 กรกฎาคม 2006
    โพสต์:
    19,726
    ค่าพลัง:
    +77,792
    เมื่อประมาณวันพฤหัส วันศุกร์ เพื่อนพาลูกไปภูเก็ต ลูกว่ายน้ำอยู่อยู่ดีๆ เห็นน้ำทะเลเปลี่ยนสีนะ เป็นสีดำ ลูกเพื่อนนึกว่าเมฆฝนมา ทีนี้พอไปดูในน้ำทะเล ทรายเป็นสีดำ น้ำตาลไหม้ เพื่อนเลยให้ลูกรีบขึ้นจากน้ำ
     

แชร์หน้านี้

Loading...