เข้าสู่ระบบหรือลงทะเบียน

ประกาศข่าวแผ่นดินไหว(&การคาดการณ์)

ในห้อง 'ภัยพิบัติและการเตรียมการ' ตั้งกระทู้โดย Falkman, 28 กันยายน 2006.

แท็ก: เพิ่มแท็ก

หน้า 264 ของ 1030

ZZ เป็นที่รู้จักกันดี

วันที่สมัครสมาชิก:

19 เมษายน 2005

โพสต์:

5,374

กระทู้เรื่องเด่น:

1

ค่าพลัง:

+34,649
Falkman said: ↑

องค์ความรู้ของพระอาจารย์รัตน์ รตนญาโณ

แสงสว่างที่ปลายทางรอด : พลังพีระมิด

เรียบเรียงโดย จีรพันธุ์ ประศาสน์วุฒิ
9 พฤศจิกายน 2554

องค์ความรู้ ของ พระอาจารย์รัตน์ รตนญาโณ เกี่ยวกับเรื่องภัยพิบัติที่อาจจะเกิดขึ้นในปลายปี พ.ศ. 2555 นั้น มีรายละเอียดแทบทุกอย่างเหมือนกับความรู้ที่ปรากฏอยู่ในกระทู้ของคุณลุงคน เชียงใหม่ ในเว็บพลังจิต (http://palungjit.org/บันทึกของพระคุณลุงคนเชียงใหม่ถึงหลานๆ-เรื่องภัยพิบัติ-311084.html) ซึ่งให้ข้อมูลโดย “คุณวิกรม หลานของพระคุณลุง” และหลายท่านคงพร้อมที่จะเชื่อ เพื่อรักษาชีวิตของตนเองและครอบครัว ฉะนั้น หากมีความเชื่อแล้วควรเจาะลึกลงไปในหลายๆ รายละเอียด หาข้อมูล เหตุ และผล ของการเกิดขึ้น ตั้งอยู่ และสลาย ของแต่ละเหตุการณ์อย่างถี่ถ้วน รอบคอบ

องค์ความรู้ของ พระอาจารย์รัตน์ รตนญาโณ ได้กล่าวถึงมหันตภัยโลกครั้งใหญ่ที่จะเกิดขึ้นในอนาคตอันใกล้นี้ว่า เป็นปรากฏการณ์ของการเปลี่ยนแปลงทางกายภาพของโลก ที่เกิดขึ้นเป็นธรรมดา เมื่อเวียนมาครบรอบ 13,000 ปี นั่นหมายความว่าเมื่อกาลเวลาผ่านไปประมาณ 13,000 ปี โลกเราจะมีการเปลี่ยนแปลงโครงสร้างกายภาพใหม่กันอีกครั้ง และเป็นเช่นนี้เสมอ ไม่ใช่เป็นเหตุการณ์ประหลาด และจำเพาะจะต้องเกิดขึ้นในยุคนี้เท่านั้น มหันตภัยที่จะเกิดขึ้นเปรียบเหมือนกับการรื้อบ้านหลังเก่าทิ้ง เพราะใช้อยู่อาศัยมานาน จนเสา พื้น ฝ้า เพดาน หลังคา ผุ รั่ว เกินความสามารถที่จะซ่อมแซมให้ดีได้ดังเดิม การรื้อและสร้างใหม่จึงเป็นทางออกที่ดีที่สุด

ผู้ที่จะก้าวผ่านการเปลี่ยนแปลงครั้งยิ่งใหญ่ในแต่ละครั้ง ต้องอาศัย “แสงสว่าง” ซึ่งมีอยู่ 2 ชนิด

1. แสงแห่งธรรม หมายถึง การบรรลุธรรม บุคคลผู้สามารถเข้าถึงแสงสว่างของจิตได้แล้ว บุคคลผู้นั้นย่อมพ้นทุกข์ ก้าวผ่านมหันตภัยครั้งยิ่งใหญ่นี้ได้อย่างแน่นอน

2. แสงสว่างที่ปลายทางรอด เป็นเทคนิคของการแสวงหาทางรอดของครู อาจารย์ ผู้รู้ แต่ละท่าน ที่จะช่วยเหลือลูกศิษย์ ด้วยการให้ปัญญา แนวทางเพื่อรักษาชีวิต และการอยู่รอด ด้วยวิธีการที่แตกต่างกันตามความชำนาญ ความเป็นเลิศ ของแต่ละองค์ แต่ละท่าน สำหรับพระอาจารย์รัตน์ รตนญาโณ ท่านได้แนะนำการใช้ “พลังพีระมิด” มาตั้งแต่ปี พ.ศ. 2540 นับเป็นเวลาร่วม 15 ปีแล้วที่พระอาจารย์รัตน์ รตนญาโณได้บอกถึง “เหตุ” การเปลี่ยนแปลงของระบบสุริยจักรวาลมาโดยตลอด และ “เหตุ” สุดท้ายของการเปลี่ยนแปลงครั้งนี้ เกิดจากการเรียงตัวของดาวทุกดวงในสุริยจักรวาล รวมทั้งดาวอาคันตุกะ จากนอกระบบสุริยจักรวาล ซึ่งเดินทางมาเยือนในทุกๆ รอบ 13,000 ปี

ดาวอาคันตุกะดวงนี้มีมวลขนาดใหญ่มาก ใหญ่กว่าดาวพฤหัสหลายเท่าตัว เป็นดาวเคราะห์สีแดงลักษณะกลมรี คล้ายลูกรักบี้ และในอนาคตจะโคจรเข้ามาเรียงตัวอยู่ติดกับโลกของเราเลยทีเดียว

ปรากฏการณ์เรียงตัวของดวงดาว 12 ดวงนี้ จะเกิดขึ้นตั้งแต่วันที่ 21 ธ.ค. 55 – 14 ก.พ. 56 ซึ่งหมายความว่า ในช่วงเวลาดังกล่าว พลังงาน แรงดึงดูด จากดาวทุกดวง จะมีมากที่สุด จนถึงขั้นสามารถทำให้แกนขั้วโลกจากทิศเหนือ-ใต้ พลิกเปลี่ยนเป็นชี้ไปทางทิศตะวันออก-ตะวันตก และ ในอนาคตเราจะเห็นดวงอาทิตย์ขึ้นทางทิศตะวันตกแทนทิศตะวันออก

ขอเรียนย้ำอีกครั้งว่า การเปลี่ยนแปลงทางกายภาพของโลกจนถึงขั้นเปลี่ยนขั้วโลกใหม่ได้นั้น ไม่ได้จำเพาะว่าจะต้องเกิดขึ้นในวันที่ 21 ธ.ค. 55 เพียงวันเดียว แต่สามารถเกิดขึ้นได้ทุกวัน ระหว่างวันที่ 21ธ.ค.55 จนถึงวันที่ 14ก.พ.56 (56วัน) กำหนดวันเกิดเหตุที่แน่นอน พระอาจารย์รัตน์ รตนญาโณ จะติดตามและสังเกตการเปลี่ยนแปลงของพลังงานอย่างต่อเนื่อง จึงจะสามารถระบุวันเกิดเหตุได้อย่างแม่นยำอีกครั้ง

แต่ในอนาคตเมื่อใกล้กับวันเกิดเหตุการณ์จะมีสิ่งบอกเหตุที่สำคัญคือ หากมองขึ้นไปบนท้องฟ้าด้านทิศเหนือ มนุษย์จะเห็นว่าตำแหน่งของดาวเหนือเปลี่ยน ราวกับว่าอยู่ไกลออกไปมากกว่าแต่ก่อน จึงพลอยทำให้แสงสว่างของดาวเหนือลดลงด้วย ทั้งๆที่ในความเป็นจริงแล้วดาวเหนือยังคงอยู่ที่เดิม แต่แกนขั้วโลกต่างหากที่กำลังเปลี่ยนทิศ ซึ่งสื่อความหมายว่า ขั้วโลกพร้อมแล้วที่จะเปลี่ยนขั้วจากเหนือ-ใต้ เป็นขั้วตะวันออก-ตะวันตก

แสงสว่างที่ปลายทางรอด : พลังพีระมิด
พระอาจารย์รัตน์ รตนญาโณ ได้เผยแพร่ความรู้ของชาวแอตแลนตีสเกี่ยวกับการใช้พลังพีระมิด ด้วยจุดมุ่งหมายหลักที่สำคัญคือเป็นการเตรียมความพร้อม ให้มนุษย์รู้จักการปรับโครงสร้างเซลล์ เนื่องจากทั้งในภาวะก่อนจะเกิดมหันตภัยอย่างน้อย 5 ปี ซึ่งเป็นช่วงการเกิดวิกฤตพลังงานจากพายุสุริยะ และ ช่วงเวลารับผลกระทบสูงสุดจากพลังงานย้อนกลับซึ่งเป็นพลังงานลบจาก กาแลคซี่อันโดรเมดาในวันที่เปลี่ยนชะตาดาวเคราะห์โลก ที่เปลี่ยนขั้วโลกจากทิศเหนือภายใต้แรงดึงดูดของกาแลคซี่ทางช้างเผือก เข้าสู่ขั้วโลกตะวันออกภายใต้แรงดึงดูดของกาแลคซี่ไตรแองกุลัม เป็นเวลาประมาณ 13,000 ปี
ในทั้งสองช่วงเวลาที่กล่าวมา มนุษย์จะได้รับพลังงานเสียเข้าสู่ร่างกายจากปริมาณน้อยไปหามากตามลำดับของ วิกฤตพลังงาน โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ในช่วงการย้อนกลับของพลังงานลบจากกาแลคซี่ อันโดรเมดาที่ส่งแรงปะทะอย่างมหาศาล พุ่งเข้าหาพลังงานบวกของดวงอาทิตย์ ทำให้จุดดับใน ดวงอาทิตย์เกิดการระเบิดอย่างรุนแรง และ ทวีความถี่มากยิ่งขึ้นตามลำดับ โลกเป็นแหล่งรับมวลสารพิษและพลังงานแม่เหล็กโลกที่มีค่าเป็นลบซึ่งเกิดจาก ปฏิกิริยาดวงอาทิตย์ และส่งไปถึงดวงจันทร์ ตามลักษณะของแรงดึงดูดระหว่างดวงดาวที่มีต่อกัน ในเส้นทางการย้อนกลับของแรงดึงดูดจากดวงจันทร์มายังโลกอีกครั้งเช่นนี้ โลกได้รับโมเลกุลสีแดงอมม่วงของน้ำจากดวงจันทร์ซึ่งมีมวลที่หนักกว่าน้ำใน โลก และโมเลกุลสีแดงอมม่วงเหล่านี้จะแทรกซึมลงในทุกส่วนของโลกที่มีน้ำเป็นองค์ ประกอบ เช่น ถ้ารวมตัวกับเมฆฝน จะทำให้มีฝนตกหนักอย่างต่อเนื่องโดยเฉพาะแถบชายทะเล จนทำให้ฤดูกาลเปลี่ยน คือมีแต่ฤดูฝน ไม่มีฤดูหนาว ถ้าฝังตัวลงในน้ำ จะสามารถ ยก ดัน น้ำให้สูงขึ้น จึงเป็นสาเหตุทำให้พื้นที่ริมชายทะเลมีน้ำท่วมสูง ซึ่งการท่วมสูงเช่นนี้มิได้เกิดจากการหนุนของน้ำทะเล หากโมเลกุลสีแดงอมม่วงเหล่านี้แทรกซึมเข้าสู่เซลล์ที่ประกอบด้วย น้ำ เลือด และน้ำเหลือง ทำให้มนุษย์มีปัญหาด้านสุขภาพ เป็นสาเหตุของความเจ็บป่วยที่รักษาได้ยากยิ่งขึ้น เริ่มจากอาการปวด เมื่อย ถ้าไปถึงสมองจะมีอาการมึนงง หากปริมาณโมเลกุลของน้ำเพิ่มมากขึ้น จะมีอาการท้องเสีย ท้องเดิน เรื้อรัง รักษาไม่หายขาด และในที่สุดเซลล์จะเน่า เป็นการเน่าจากภายในเนื้อเยื่อก่อนและเน่าลามออกมาที่ผิวหนังออกสีแดงอมม่วง (องค์ความรู้ของพระอาจารย์รัตน์ รตนญาโณ แนะนำการใช้หลอดแกนพีระมิด ชนิดเจาะ 4 รู เพื่อดึงพลังปราณช่วยดันและละลายโมเลกุลน้ำสีแดงอมม่วงจากดวงจันทร์ออกจากร่างกาย) ยิ่ง ไปกว่านั้น หากโครงสร้างเซลล์ มืด ดำ คล้ำ ร่างกาย จะดูดซับสารพิษจากพลังงานเสียได้มากและรวดเร็วกว่า ทำให้เสียชีวิตได้เร็วเกินคาด สำหรับบุคคลที่เคยฝึกจิตเรียนรู้หลักธรรมของศาสนา (ทาน ศีล สมถกรรมฐาน วิปัสสนากรรมฐาน) และรู้หลักการใช้พลังพีระมิดจะได้รับผลพลอยได้อย่างยิ่งยวด คือ ได้ทำความสะอาด ฟอก และซ่อมแซมเซลล์อยู่เป็นประจำ กระทั่งกลายเป็นเซลล์ใส จึงดูดซับสารพิษได้น้อย และยังสามารถพื้นฟูเซลล์ ดันสารพิษเหล่านั้น ออกจากร่างกายได้อย่างรวดเร็ว จึงยังคงรักษาชีวิตให้รอดอยู่ได้ และในครานี้มนุษย์บางคน บางกลุ่ม จะรู้ซึ้งถึงอานิสงส์ของแสงสว่างแห่งธรรม สำหรับผู้ที่ยังไม่เข้าถึง “ธรรม” คงต้องอาศัยแสงสว่างจากพลังมโนธาตุในพีระมิดของพระอาจารย์รัตน์ รตนญาโณ ช่วยให้พลังดุจดังเกราะกำบังประคองจิตให้เป็นปกติ ไม่เสียสติไปกับความโหดร้ายรุนแรงของภัยธรรมชาติที่เกิดขึ้นในเวลาเดียวกัน หลายอย่าง แต่ละอย่างล้วนแต่ไม่เคยเจอมาก่อน เช่น แผ่น ดินไหวอย่างรุนแรง เสียงแผดร้อง คำรามอย่างบ้าคลั่งของฟ้า ลมพายุ แผ่นน้ำแข็งที่เกิดจากคาร์บอนมอนนอกไซด์ หล่นจากฟากฟ้า และในท้ายที่สุดคือ การเกิดน้ำท่วมใหญ่กวาดล้างสรรพสิ่งโสโครก ปฏิกูล ผลพวงจากโลกใบเก่าทิ้งไปกับน้ำ ถึงจุดสิ้นสุดวิวัฒนาการที่เกิดจากน้ำมัน หรือฟอสซิลดำ

มนุษย์จะมีวิถีชีวิตที่เรียบง่ายไม่มีการใช้อุปกรณ์ใดๆ ที่เกี่ยวเนื่องด้วย “ไฟฟ้า” อาศัยอยู่ในบ้านหลังใหม่ที่สร้างเสร็จสมบูรณ์ เต็มเปี่ยมไปด้วยพลังงานดี จิตใจโอบอ้อมอารี แบ่งปันกันใช้ เงินตราหมดค่า และเริ่มมีวิวัฒนาการใหม่ไปตามลำดับ โดยเน้นเรื่องของ “จิต” เป็นหลัก กล่าวได้ว่าเป็นอีกยุคสมัยหนึ่งที่การฝึกปฏิบัติธรรมจะกลับมาเฟื่องฟู มนุษย์จะได้ศึกษา ปฏิบัติตามแก่นธรรมที่แท้จริงของพระพุทธองค์ เนื่องจากมีความเหมาะสมหลายๆอย่างเป็นองค์ประกอบ เช่น พลังงานปราณ พลังมโนธาตุ สมบูรณ์ เหลือแต่ผู้มีศีลธรรม ไม่ต้องดิ้นรนแสวงหาทรัพย์ อากาศเย็นสบาย เพราะขั้วโลกเปลี่ยนทิศ ประเทศไทยจึงอยู่ในเขตอบอุ่นไม่ใช่เขตร้อน ดังแต่ก่อน ฯลฯ

วิธีป้องกันและแก้ไข
มนุษย์มีหลายทางเลือกเพื่อรักษาชีวิต องค์ความรู้ของ พระอาจารย์รัตน์ รตนญาโณ เสนออีกหนึ่งทางเลือก เพื่อถนอมรักษาชีวิตที่มีค่าไว้ด้วยวิธีปฏิบัติตัวตลอดช่วงเวลา 3 วัน 3 คืน วาระแห่งการปรับโครงสร้างของโลก และสุริยจักรวาล ซึ่งมีผลสืบเนื่องมาจากสาเหตุ 2 ประการ คือ การทำหน้าที่ของ ดาวถ่วงดุล และ การเรียงตัวของดาวทั้ง 12 ดวง ผนึกพลังงานบวกอัดแน่นเข้าด้วยกัน เมื่อพลังงานรวมตัวจนถึงอัตราสูงสุด จะเกิดการรีดตัวเป็นเส้นตรง พุ่งออกจากกาแลคซี่ทางช้างเผือก ไปทางทิศตะวันออกเฉียงเหนือ ตรงเข้าหาพลังงานลบของกาแลคซี่อันโดรเมดา ซึ่งมีขนาดใหญ่กว่ากาแลคซี่ทางช้างเผือกหลายพันเท่า การ พุ่งปะทะของพลังงานบวกกับพลังงานลบ และการพลิกวงโคจรของดาวถ่วงดุลในครั้งนี้ ทำให้เกิดปรากฏการณ์ของ แสง เสียง การสั่นไหว และน้ำในโลก ดังรายละเอียดต่อไปนี้

1. ในเวลาประมาณบ่ายสามโมง (15.00 น.) จะมีแสงสว่างวาบมาจากท้องฟ้า เป็นแสงมหัศจรรย์ มีประกายเจิดจ้าอย่างไม่มีประมาณ ไร้สิ่งเปรียบเทียบ เพราะเป็นแสงที่เกิดจากการปะทะ พุ่งชน เสียดสีของพลังงานบวกกับพลังงานลบจากสองกาแลคซี่ ทั้งดาวเคราะห์ ดาวฤกษ์ ต่างได้รับแสงสว่างนี้ถ้วนทั่วกัน รวมทั้งมนุษย์ในโลก เสียงโจษขานอึงคะนึงจากกลุ่มคนทั่วทิศทาง ถามไถ่กันขรมว่าเป็นแสงอะไร หากได้ยินเช่นนี้แล้วให้รีบหลับตาหลบอยู่ในที่พักอาศัย ไม่ต้องติดตามมวลชนออกไปเพื่อหาต้นกำเนิดของแสงบาดตาที่มีอานุภาพทำให้ตาบอด ได้ทันที

2. ถัดมาในตอนกลางคืนเวลาประมาณสามทุ่ม ( 21.00น. ) ถึงวาระที่ดาวอาคันตุกะหรือดาว ถ่วงดุลจะได้ทำหน้าที่ถ่วงดุลโดยมิได้ตั้งใจ หากแต่เป็นเพราะ ถึงเวลาต้องโคจรออกจากระบบ สุริยจักรวาลแล้ว ดาวถ่วงดุลจึงโคจรเคลื่อนที่ออกจากแนวเรียงตัวทางทิศตะวันออกเฉียงเหนือ เข้าสู่วงโคจรเดิม คือมุ่งหน้าไปทางทิศตะวันออก ด้วยมวลขนาดมหึมาและเข้ามาเรียงชิดติดกับโลกซึ่งเป็นดาวเคราะห์ที่มีขนาด เล็กกว่ามาก จึงส่งอิทธิพลแรงดึงดูดอย่างมหาศาลต่อโลก สามารถ ดึง เบียด และ พลิกแกนขั้วโลกที่ชี้ทิศเหนือ ให้หันไปทางทิศตะวันออกได้ทันที กระบวนการ ดีดตัว พลิกตัว ของดาวถ่วงดุล และการพลิกเปลี่ยนทิศของแกนขั้วโลก ทำให้เกิดเสียงดังกึกก้องกัมปนาท เป็นพลังงานเสียงที่มีอัตราความดังสูงเกินพิกัด เสียงคำราม แผดก้อง เขย่าขวัญ เกินประมาณดังมาจากทั่วสารทิศ ทำให้แก้วหูแตกได้ฉับพลัน จึงควรหาอุปกรณ์สำหรับอุดหูเพื่อป้องกันแก้วหูแตก หรือขวัญผวาไปกับการได้ยินสรรพสำเนียง แปลกประหลาดที่บาดหู บาดใจ เหล่านั้น

3. การปะทะกันของพลังงานบวกกับพลังงานลบ ทำให้แสงมีคลื่นความถี่สูง การพลิกวงโคจรของดาวถ่วงดุลและแกนโลก ทำให้มีอัตราความดังของเสียงอย่างไม่มีประมาณพุ่งเข้ามาในโลกเต็มชั้น บรรยากาศ แผ่นดิน ผืนน้ำ แผ่นหินเปลือกโลก เป็นสาเหตุของการเกิดแผ่นดินไหวอย่างรุนแรง โลกตกอยู่ในความมืดสนิทอย่างไม่รู้วันรู้เวลา ถึงนาทีชีวิตที่ต้องพึ่งพลังพีระมิดจากหลอดแกนชนิดเจาะ 4 รู ซึ่งนอกจากช่วยขับโมเลกุลสีแดงอมม่วงของน้ำจากดวงจันทร์ออกจากร่างกายแล้ว ในวาระนี้ยังทำหน้าที่เป็นแกนพลังงานให้จิตเกาะเกี่ยว ไม่เสียสติไปในช่วงที่มีแผ่นดินไหวอย่างรุนแรงเกินมาตรวัด

4. ถึงเวลาของคลื่นความถี่สูง ที่เกิดจากการปะทะของพลังงานบวกกับพลังงานลบ รวมทั้งการเกิดแผ่นดินไหวอย่างรุนแรง จะส่งผลกระทบต่อแผ่นน้ำแข็งที่เกิดจากคาร์บอนมอนนอกไซด์ ซึ่งสามารถแก้ไขและป้องกันโดยใช้พลังพีระมิดจัดเรียงเป็น เครื่องสลาย เมฆ หมอก ฝน หิมะ (A DEVICE TO MELT CLOUDS, DISINTEGRATE FOG AND THAW SNOW.) ใช้ประโยชน์ได้ไกลในรัศมีโดยรอบประมาณ 5 กม. เพื่อป้องกันไม่ให้เกิดฝนตก ฟ้าผ่า และการหล่นจากท้องฟ้าของแผ่นน้ำแข็งที่เกิดจากคาร์บอนมอนนอกไซด์ กระแทกกระหน่ำซ้ำเติม ทำให้การเผชิญสถานการณ์ของมวลมนุษยชาติเลวร้ายยิ่งขึ้นอีก

5. เตรียมอาหารเสริมพลังพีระมิด รัดเก็บติดไว้กับตัวเพื่อประทังชีวิตยามรู้สึกหิว ทานอย่างน้อยวันละ 3 เวลา ตลอดช่วงเวลา 3 วัน 3 คืน และดื่มน้ำให้มาก พลังมโนธาตุและพลังปราณในอาหารเสริมพลังพีระมิดเป็นพลังงานละเอียดที่จำเป็น ต่อการดำรงอยู่ของจิตและกาย ในภาวะคับขันเป็นอย่างยิ่ง
หากเตรียมตัวพร้อมและปฏิบัติตนด้วยความไม่ประมาท จะสามารถรักษาชีวิตรอดไว้ได้ มีโอกาสเริ่มชีวิตใหม่กันอีกครั้งกับขั้วโลกตะวันออก

ตลอดระยะเวลาประมาณ 13,000 ปี ในอนาคตข้างหน้า “พีระมิด” ซึ่งมีรากฐานมาจากอารยธรรมของชาวแอตแลนตีส จะถูกนำมาใช้เป็นวิชาหรือศาสตร์พื้นฐานที่สำคัญของวิวัฒนาการทางจิต หรือวิทยาศาสตร์ทางจิตอีกครั้ง และหากเมื่อถึงปลายยุคหน้า เมื่อวิทยาศาสตร์ทางจิตเริ่มก้าวสู่จุดอิ่มตัวและจุดเสื่อม เหตุการณ์การเรียงตัวของกลุ่มดาวในระบบสุริยจักรวาลจะเกิดขึ้นอีกครั้ง และแกนขั้วโลกตะวันออกจะหันหลับไปหาขั้วโลกทางทิศเหนือ เป็นการรื้อบ้านหลังเก่าที่ผุพังทิ้งและสร้างบ้านหลังใหม่กันอีก สลับไปมาเช่นนี้เป็นรอบๆ ดังความรู้ที่ปรากฏเป็นหลักฐานในปฏิทินมายัน ซึ่งเป็นปฏิทินทางดาราศาสตร์ ที่บอกเล่ารายละเอียดถึงเหตุการณ์ต่างๆที่จะเกิดขึ้นในช่วงเวลาที่ระบบสุริย จักรวาลโคจรเคลื่อนที่ผ่านทั้ง 3 กาแลคซี่ในรอบเวลา 1 วันจักรวาล หรือ 26,000 ปี ตามเวลาของโลก

มนุษย์ในยุคพลังงานน้ำมันนี้ มีโอกาสดีที่ได้ร่วมรับรู้ และมีส่วนร่วมในประสบการณ์ที่ยิ่งใหญ่เกินกว่าจะเรียบเรียงได้ทั้งหมด เป็นสิ่งที่ทรงคุณค่าแก่การจดจำ จารึก และจะกล่าวขานเป็นตำนานอีกครั้ง ตามกาลเวลาที่ผ่านไปเนิ่นนาน เฉกเช่นเดียวกับตำนานของมหาอาณาจักรแอตแลนตีส ที่ล่มสลายไปเมื่อ 13,000 ปีที่ผ่านมา และทุกท่านคงจะเห็นพ้องต้องกันแล้วว่า “สิ่งใดเกิดขึ้นเป็นธรรมดา สิ่งนั้นย่อมดับไปเป็นธรรมดา ตามกาละของการเกิดขึ้น ตั้งอยู่ และ สลาย” วนไปมาเป็นรอบๆ อย่างไม่มีที่สิ้นสุดตลอดไป

Click to expand...

Falkman said: ↑

องค์ความรู้ของพระอาจารย์รัตน์ รตนญาโณ
อิทธิพลของกระแสน้ำในดวงจันทร์ที่ส่งผลกระทบต่อ “น้ำ” ในโลก
เรียบเรียงโดย จีรพันธุ์ ประศาสน์วุฒิ
9 พฤศจิกายน 2554

ความ สัมพันธ์ต่อเนื่องจากการเกิดวิกฤตพลังงานแรงดึงดูดในกาแลคซี่ทางช้างเผือก จนเป็นสาเหตุทำให้สุริยจักรวาลทั้งระบบ ถูกดันจนไปติดขอบกาแลคซี่ใหญ่ หรือกาแลคซี่อันโดรเมดาทางทิศตะวันออก จนแทบจะเรียกได้ว่า “หมดสภาพ” เหลือ แรงรับ และแรงเหวี่ยง อย่างเบาบาง มิหนำซ้ำ การย้อนกลับของพลังงานลบจากกาแลคซี่อันโดรเมดา ที่ส่งแรงปะทะอย่างรุนแรง เข้าหาพลังงานบวกของดวงอาทิตย์ ทำให้การระเบิดของดวงอาทิตย์ทวีความรุนแรงและเพิ่มความถี่มากยิ่งขึ้นตาม ลำดับ และมวลสารพิษจากการระเบิดของจุดดับเหล่านั้นได้ส่งต่อมายังโลก และดวงจันทร์ ตามลักษณะของแรงดึงดูดระหว่างดวงดาวที่มีต่อกัน

ในเส้นทางการย้อนกลับของแรงดึงดูดจากดวงจันทร์มายังโลกอีกครั้งเช่นนี้ พระอาจารย์รัตน์ รตนญาโณ ได้ให้ความรู้ไว้เมื่อประมาณต้นเดือนกันยายน พ.ศ. 2554 ว่า จะส่งผลกับการเพิ่มปริมาณ “น้ำ” ในโลกเราอย่างมหาศาล เนื่องจาก กระแสน้ำในอากาศของดวงจันทร์จะมีโมเลกุลของน้ำที่หนักกว่าน้ำในโลก เมื่อไหลย้อนกลับมายังโลก และแทรกซึมอยู่ทั่วทุกส่วนของโลกที่มีน้ำเป็นองค์ประกอบ เช่น แม่น้ำ ทะเล มหาสมุทร และแม้แต่น้ำในร่างกายมนุษย์

หากมองขึ้นไปบนท้องฟ้าหรือจุดที่มีแสงสะท้อนของดวงอาทิตย์จะเห็นเป็นกลุ่มมวลสีแดงอมม่วง ปรากฏอยู่มากมาย กลุ่มมวลโมเลกุลเหล่านี้คือ โมเลกุลของน้ำจากดวงจันทร์ ซึ่งจะทำปฏิกิริยากับน้ำในโลกของเราได้หลายกรณี เช่น

1. ถ้ารวมตัวกับเมฆฝน จะทำให้มีฝนตกหนัก และ ตกอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะแถบชายทะเล จนทำให้ฤดูกาลเปลี่ยนแปลง คือมีแต่ฤดูฝน ไม่มีฤดูหนาว

2. ถ้าฝังตัวลงในน้ำ จะสามารถ ยก ดัน น้ำให้สูงขึ้นได้ จึงเป็นสาเหตุทำให้พื้นที่ริมชายทะเลมีน้ำท่วมสูง ซึ่งการท่วมสูงเช่นนี้มิได้เกิดจากการหนุนของน้ำทะเล

3. หากอุณหภูมิของน้ำข้างล่างและผิวน้ำต่างกันมาก จะเป็นปัจจัยเสริม ทำให้เกิดปรากฏการณ์ ยก ดัน และเหวี่ยงน้ำเข้าหาแผ่นดินในลักษณะพายุหมุน เช่น พายุงวงช้าง ทอร์นาโด ฯลฯ

4. เมื่อแทรกซึมเข้าสู่เซลล์ในร่างกายที่ประกอบด้วย น้ำ เลือด และน้ำเหลือง จะเป็นสาเหตุของความเจ็บป่วยที่รักษาได้ยากยิ่งขึ้น เริ่มจากอาการปวด เมื่อย ถ้าไปถึงสมองจะมีอาการมึนงง หากปริมาณโมเลกุลของน้ำเพิ่มมากขึ้น จะมีอาการท้องเสีย ท้องเดิน เรื้อรัง รักษาไม่หายขาด และในที่สุด ผิวหนังจะเปื่อย เน่า ออกสีแดงอมม่วง กลายเป็นโรคผิวหนังที่แพร่ระบาดและอาการเจ็บป่วยเหล่านี้ ไม่ได้เกิดจากการถูกน้ำท่วมขังแต่อย่างใด

วิธีแก้ไข
พระอาจารย์รัตน์ รตนญาโณ ได้เตือนผ่านทางกระทู้ในเว็บพลังจิตตั้งแต่วันที่ 13 ตุลาคม พ.ศ. 2554 แล้วว่า จะเกิดน้ำท่วมกรุงเทพฯ อย่างหนักและนาน ตามกฎแห่งกรรม เกินการต้านทานหรือแก้ไขได้ แต่ยังพอมีแนวทางป้องกันและผ่อนปรน การเกิดฝนตกและน้ำทะเลยกตัวสูง ได้บ้าง

เมื่อประมาณปลายเดือนธันวาคม พ.ศ.2553 พระอาจารย์รัตน์ รตนญาโณได้มอบพลังพีระมิด ชนิดเจาะ 4 รู แก่ ดร. ก้องภพ อยู่เย็น เพื่อนำไปทดลองใช้ละลายหิมะ เมฆ หมอก ที่รัฐเวอร์จิเนีย ประเทศสหรัฐอเมริกา มีการทดลองใช้ได้ผลดีมากทั้งสองครั้ง ในช่วงฤดูหนาว สามารถช่วยละลายหิมะได้อย่างรวดเร็ว และช่วยป้องกันการเกิดหิมะตามการคาดการณ์ของการพยากรณ์อากาศ แต่การทดลองต้องหยุดไปชั่วคราว เพราะหมดฤดูหนาว

เครื่องสลาย เมฆ หมอก ฝน หิมะ (A DEVICE TO MELT CLOUDS, DISINTEGRATE FOG AND THAW SNOW.) ชนิดนี้ ประกอบด้วย ก้อนพีระมิด ขนาด 7 นิ้ว เจาะ 4 รู จำนวน 7 ก้อน จัดวางเรียงตัวต่อกันในแนวตั้งเป็นแท่งสูง มีสายยางพันโอบล้อมแท่งพีระมิดตามเข็มนาฬิกา ใช้มอเตอร์หรือพลังน้ำ เป็นอุปกรณ์เสริม เพื่อดึงน้ำจากตัวถังให้ไหลผ่านแท่งพีระมิดตลอดเวลาการใช้งาน ซึ่งมีรัศมีแผ่กว้างออกไปโดยรอบถึง 5 ก.ม. (นอกจากเครื่องสลาย เมฆ หมอก ฝน หิมะ แล้ว ยังสามารถจัดวางแท่งพีระมิดเพื่อทำให้เกิดฝน หรือเปลี่ยนทิศทางลม หรือประโยชน์อื่นๆ ตามความจำเป็นได้อีกด้วย)

หากมีการจัดตั้ง เครื่องสลาย เมฆ หมอก ฝน หิมะ (A DEVICE TO MELT CLOUDS, DISINTEGRATE FOG AND THAW SNOW.)

ในเขตน้ำท่วม หรือ กรุงเทพมหานคร ซึ่งมีพื้นที่ส่วนใหญ่โอบล้อมไปด้วยน้ำ และทะเล เมื่อพลังพีระมิดทำงาน จะสามารถสร้างพลังงานความร้อนที่เกิดจากพลังปราณ ซึ่งเป็นพลังงานที่ละเอียด แพร่กระจายออกไปและสลายโมเลกุลสีแดงอมม่วงของน้ำจากดวงจันทร์ที่ปกคลุมอยู่ เต็มชั้นบรรยากาศ จะช่วยให้เกิดประโยชน์ 2 อย่างคือ
1. ลดปริมาณการมีฝน
2. ลดการยกตัวสูงของน้ำทะเล

สำหรับความเจ็บป่วยและการเน่าเปื่อยของผิวหนัง ที่มีสาเหตุมาจากการฝังตัวของโมเลกุลน้ำสีแดงอมม่วงจากดวงจันทร์นั้น สามารถป้องกันและแก้ไขได้ ด้วยการมีหลอดแกนพีระมิดขนาดจิ๋ว จำนวน 9 ก้อน ชนิด เจาะ 4 รู แนบติดกับเนื้อ เพราะต้องใช้ น้ำ เลือด และน้ำเหลืองในร่างกาย ช่วยให้หลอดพีระมิดทำงาน เพื่อดึงพลังปราณกระจายแทรกสู่เซลล์ ช่วยดันโมเลกุลสีแดงอมม่วงออกจากร่างกาย
ถึงแม้เราไม่สามารถแก้ไขการเกิดน้ำท่วมหนักได้ แต่ยังสามารถใช้ปัญญา ช่วยลดทอนการซ้ำเติมของ “น้ำ” ลงได้ ทำให้ถึงพร้อมทั้งประโยชน์ส่วนรวม และส่วนตนอย่างมี “ธรรม”
Click to expand...

............................
มหากุศล(สร้างพระนอนองค์ใหญ่200ม)

ZZ, 29 กุมภาพันธ์ 2012

#5261
ZZ เป็นที่รู้จักกันดี

วันที่สมัครสมาชิก:

19 เมษายน 2005

โพสต์:

5,374

กระทู้เรื่องเด่น:

1

ค่าพลัง:

+34,649

Two Suns (Sun and Nemesis) 01 - New York, USA - Dec/2009

<object style="height: 390px; width: 640px"><param name="movie" value="http://www.youtube.com/v/3UILDUr3t1w?version=3&feature=player_detailpage"><param name="allowFullScreen" value="true"><param name="allowScriptAccess" value="always"><embed src="http://www.youtube.com/v/3UILDUr3t1w?version=3&feature=player_detailpage" type="application/x-shockwave-flash" allowfullscreen="true" allowScriptAccess="always" width="640" height="360"></object>

Two suns or Nibiru at Bangkok

<object style="height: 390px; width: 640px"><param name="movie" value="http://www.youtube.com/v/2wW-JEMbtvA?version=3&feature=player_detailpage"><param name="allowFullScreen" value="true"><param name="allowScriptAccess" value="always"><embed src="http://www.youtube.com/v/2wW-JEMbtvA?version=3&feature=player_detailpage" type="application/x-shockwave-flash" allowfullscreen="true" allowScriptAccess="always" width="640" height="360"></object>

Two suns or Nibiru at Bangkok(2)

<object style="height: 390px; width: 640px"><param name="movie" value="http://www.youtube.com/v/6mWyMmvXFqg?version=3&feature=player_detailpage"><param name="allowFullScreen" value="true"><param name="allowScriptAccess" value="always"><embed src="http://www.youtube.com/v/6mWyMmvXFqg?version=3&feature=player_detailpage" type="application/x-shockwave-flash" allowfullscreen="true" allowScriptAccess="always" width="640" height="360"></object>

.

แก้ไขครั้งล่าสุด: 29 กุมภาพันธ์ 2012

มหากุศล(สร้างพระนอนองค์ใหญ่200ม)

ZZ, 29 กุมภาพันธ์ 2012

#5262
apichart ww2 เป็นที่รู้จักกันดี

วันที่สมัครสมาชิก:

23 มีนาคม 2011

โพสต์:

337

ค่าพลัง:

+439

ขอบคุณข้อมูลดีๆครับ พี่zz ดูแลตัวเองด้วยครับ
ปล.ขอบคุณข้อมูลดีดีๆทุกท่านครับ..

apichart ww2, 29 กุมภาพันธ์ 2012

#5263
saksitI เป็นที่รู้จักกันดี

วันที่สมัครสมาชิก:

13 สิงหาคม 2008

โพสต์:

1,702

ค่าพลัง:

+10,609

3 เกลอมาพบเจอกันในถ้วย

3 เกลออยู่ในถ้วยเดียวกัน แต่มิช้านาน เหลืออยู่เีพียงเกลอเดียว แล้วต่อจากนั้นอะไรจะเกิดขึ้น? หนังตัวอย่างกำลังจะผ่านไป ส่วนที่เหลืออยู่ต้องติดตามดูของจริงกันเอาเอง

The dance between Planet X and the planets caught in the cup becomes frenetic just ahead of the last weeks. Nancy has drawn a diagram, under our direction, of the movement of each planet involved. Lets take them one at a time.

Planet X reacts to the cluster of planets caught in the cup before it by slowing in its progress. Since it is moving outbound from the Sun in a retrograde orbit, when it stalls it is slightly to the right of the Earth when viewed in line of sight from the northern hemisphere. Progress has been steady but slow. As the squeeze tightens, the planets in the cup crowding together, they pop out, allowing Planet X to come closer to the Earth, to move with more ease in its outbound trajectory. It has only one planet to deal with at the time of the pole shift - the Earth - and this is not a hindrance to its speed and motion.

The Dark Twin is the first to escape from the cup during the squeeze. It came up behind the Earth in their shared orbit in early 2004, and was captured on film at that time emerging from behind the Sun. When it caught up to the Earth, it fell slightly behind the Earth in their shared orbit, but has not passed the Earth. In this position it has likewise been caught on film, in the evening sky after dusk. When the cup tightens and the Earth and Venus are pulled closer to Planet X, the eddy flow changes, creating a tuck after the Earth, almost forcing the Dark Twin out of the cup. It escapes, thus.

Venus is at the forefront of the cup squeeze, being the closest to the outbound Planet X. It has been moved back and forth before the stalled Earth to effect a normal orbit from the viewpoint of Earth, as part of the Element of Doubt requirements. As the last weeks approach, the Earth and Venus are drawn toward Planet X by gravity attraction. The tightened eddy flow prevents a simulated orbit for Venus, and Venus is instead pushed toward the Earth, looming large. The particle crowding becomes intense, and it is literally pushed out of the cup to travel in its former orbit path.

The Earth, as the only magnetic planet caught in the cup, finds her wobble worsening as the last weeks approach. The near presence of Venus and the Dark Twin create bumping actions, which worsen earthquakes, a ricochet action in the cup. The Earth is drawn toward Planet X 7.3 weeks prior to the pole shift, by gravity, as is Venus. This is a terrifying time for the inhabitants of Planet Earth, as Planet X has become undeniably visible in the sky, and Venus looms large. The wobble worsens, the Earth leans her N Pole away into the 3 days of darkness, etc. After her sister planets escape the cup, the Earth is drawn even closer to Planet X, such that her rotation is gradually stopped by the grip on the Atlantic Rift. The pole shift lies just ahead.
ZetaTalk Chat Q&A for May 28, 2010

saksitI, 29 กุมภาพันธ์ 2012

#5264
โอกระบี่ เป็นที่รู้จักกันดี

วันที่สมัครสมาชิก:

23 มีนาคม 2009

โพสต์:

1,477

ค่าพลัง:

+1,651

เรื่องแผ่นไหวเป็นเรื่องที่น่าเป็นห่วงจริง ๆ ครับ ไม่อยากให้เกิดขึ้นเลย

ความสัตย์ไม่มี ธรรมจักมีมาแต่ไหน

โอกระบี่, 29 กุมภาพันธ์ 2012

#5265
saksitI เป็นที่รู้จักกันดี

วันที่สมัครสมาชิก:

13 สิงหาคม 2008

โพสต์:

1,702

ค่าพลัง:

+10,609

ชมพระอาทิตย์ตก

18.15 น.ออกไปหน้าบ้าน เงยหน้ามองบนฟ้า พระจันทร์ขึ้นแล้วเกือบตรงศรีษะ ต่ำลงมาประมาณ 60 องศาจากพื้นโลก หันหน้าไปทางพระอาทิตย์ตก ท้องฟ้ายังสว่างอยู่มาก ก็ได้เห็นกลุ่มดาวสว่างสดใสขึ้นมากลุ่มหนึ่งประมาณ 10 ดวง ลองจ้องดูดาวกลุ่มนี้พบว่าหลายๆดวงบริวารมีการเคลื่อนไหวไปมาไม่อยู่กับที่ ดูอยู่ครึ่งชั่วโมง ท้องฟ้าเริ่มสลัว เมื่อเย็นวานดูตอนทุ่มกว่า ฟ้ามืดแล้ว ไม่สามารถมองเห็นดาวบริวารเคลื่อนไหวเช่นเดียวกับวันนี้ ที่มาดูตั้งแต่ยังไม่พลบค่ำ...ลักษณะอาการดูไม่แตกต่างกับ PX ที่เคยรู้มา

ระหว่างพิมพ์กระทู้นี้จะรอดู เวลาที่ฟ้ามืดแล้วจะสามารถมองเห็นดาวบริวารที่เคลื่อนที่ไปมาหรือไม่.... เวลา 6 โมง 45 นาที ฟ้าเริ่มมืดจะไม่สามารถสังเกตดาวบริวารเคลื่อนไหวเช่นตอนฟ้ายังสว่างอยู่ แต่ใต้กลุ่มดาวดวงนี้ลงมา จะพบดาวอีกดวงที่สว่างจ้าค่อนข้างโต ...ดาวศุกร์ ที่กำลังถูกก้ามปูยักษ์บีบให้เข้ามาใกล้โลกนั่นเอง นี่ดูด้วยตาเปล่าก็สามารถเห็นความแตกต่างที่กล่าวมาชัดเจน.....1 ทุ่ม 5 นาทีฟ้ามืดแล้วสังเกตกลุ่มดาวจะเห็นมีหลายดวง แต่มีแสงสะท้อนรบกวนจึงเห็นการเคลื่อนไหวของดวงต่างๆไม่ชัดเจนเท่าที่ตอนท้องฟ้ายังสว่างอยู่เช่นตอน 18.15 น.

ส่วนตำแหน่งดาวทั้งสองดวงเีทียบกับเมื่อวานในที่เดียวกัน ยังไม่พบว่าเคลื่อนที่ไปมากนัก...ฝากนักดูดาวทั้งหลายลองมาช่วยกันดูว่าจะพบเห็นเป็นอย่างไรบ้างตามช่วงเวลาที่กล่าวแล้ว

saksitI, 29 กุมภาพันธ์ 2012

#5266
saksitI เป็นที่รู้จักกันดี

วันที่สมัครสมาชิก:

13 สิงหาคม 2008

โพสต์:

1,702

ค่าพลัง:

+10,609

แผ่นอาฟริกาเคลื่อนตัว

Last 2 Weeks of Earthquakes
(within 10 degrees of LON=47.115, LAT=32.49)

DATE links are into the IRIS WILBER system where you can see seismograms and request datasets.

DATE and TIME (UTC) LAT-ITUDE LONG-ITUDE MAG-NITUDE DEPTH km REGION
29-FEB-2012 05:10:42 32.47 47.07 4.8 10.1 IRAN-IRAQ BORDER REGION
28-FEB-2012 23:18:51 32.49 47.12 5.2 10.2 IRAN-IRAQ BORDER REGION
27-FEB-2012 18:48:58 31.47 56.78 5.0 36.4 NORTHERN IRAN
24-FEB-2012 13:07:11 38.64 43.62 4.5 9.9 TURKEY
20-FEB-2012 00:50:02 38.76 43.18 4.2 5.0 TURKEY
17-FEB-2012 09:32:59 38.59 43.22 4.6 26.6 TURKEY
16-FEB-2012 11:01:06 38.65 37.41 4.6 10.0 TURKEY

7 database rows displayed.
Earthquake data courtesy of USGS

ระหว่างที่ แผ่น อินโด-ออสเตรเลีย กำลังเคลื่อนตัวไปทางตะวันออก ซึ่งวันนี้ก็มีแผ่นดินไหวเกิดขึ้นหลายจุดบนแผ่นนี้ ส่วนแผ่นอาฟริกาก็เริ่มหมุนตามแผ่นอินโด-ออสเตรเลีย มาทางทิศตะวันออกด้วยเช่นกัน ทาง ชายแดนอิหร่าน เริ่มมีแผ่นดินไหวต่อเนื่อง วันนี้ไหว 4.8 ริกเตอร์

saksitI, 29 กุมภาพันธ์ 2012

#5267
natatik เป็นที่รู้จักกันดี

วันที่สมัครสมาชิก:

10 มกราคม 2012

โพสต์:

873

ค่าพลัง:

+3,607

somdul said: ↑

เวลาหนูติ๊ก ขึ้นไปลำปาง ไม่เลยไปแวะที่วัดสันป่ายางหลวงด้วยเรอะ ถ้ามีโอกาสไปกราบท่านครูบาอินทรเจ้า ผมฝากกราบไปถึงท่านด้วยนะ เรียนท่านว่าคนที่เคยมาถามท่านเรื่องความเสถียรของเมืองลำพูน...เป็นดินแดน Neutral zone หาไม่ได้ง่ายๆบนโลกนี้มีเพียงไม่กี่แห่ง

เมื่อ 3 ม.ค. 54 แวะไปกราบท่าน ท่านเตือนว่าสนามแม่เหล็กโลกแปรปรวนเริ่มแล้วตั้งแต่เดือน มกราคม 54 นี้เป็นต้นไป การเดินทางต่างๆจะเสี่ยงกับเกิดอันตรายบ่อยมากขึ้น อุบัติเหตุไล่ไปตั้งแต่น้อยไปหามาก...หากหนูต้องการทราบเรื่องใด ตั้งใจกราบเรียนถามท่านได้ คิดว่าทุกเรื่องทีเดียว..เช่นกราบเรียนถามว่าหลังโลกย้ายขั้วไปแล้ว 2 ปี น้ำทะเลจะขึ้นมาถึงสบปราบไม๊...หลังคาบ้านแถวลำปาง ลำพูน จะต้องป้องกันลูกเห็บโตๆด้วยไม๊...เมื่อกลับมาดูพยากรณ์ของคุณ Zeta ปรากฏว่า 7/10 scenarios เริ่มเมื่อ 23 ธ.ค. 2053 ใกล้กับที่ท่านครูบาพูดถึงทีเดียว สิ่งที่คุณ Zeta เห็นแทบไม่ต่างกันกับของท่านครูบาฯ และท่านอยู่ในพื้นที่จะลงรายละเอียดได้มากกว่า หากได้คำตอบที่ชาวพลังจิตน่าจะได้รู้ล่วงหน้า ก็กรุณานำมาฝากแฟนๆของไซท์นี้ด้วย จะขอบคุณมาก
Click to expand...

เดี๋ยวถ้าติ๊กขึ้นไปแล้วจะไปแวะกราบท่านค่ะ จะสอบถามเรื่องเกี่ยวกับภัยพิบัติเพิ่มเติมด้วยค่ะ คืบหน้าอย่างไรแล้วจะแวะมาบอกเพื่อน ๆ ในที่นี้ค่ะ อาจจะเป็นปลายเดือน มี.ค. แล้วจะคอย Update ห้องภัยพิบัติ กับแปลงปลูกผัก ให้เพื่อน ๆ ดูค่ะ รอหน่อยนะค่ะ

แก้ไขครั้งล่าสุด: 29 กุมภาพันธ์ 2012

natatik, 29 กุมภาพันธ์ 2012

#5268
somsweet เป็นที่รู้จักกันดี

วันที่สมัครสมาชิก:

6 เมษายน 2011

โพสต์:

6,138

ค่าพลัง:

+9,874

<TABLE class=tbis border=0 cellSpacing=0 cellPadding=5 width=840 align=center><TBODY><TR class=tbis1 bgColor=#336699><TD width=130 noWrap>วัน-เวลา *ประเทศไทย</TD><TD width=40 noWrap align=middle>ขนาด</TD><TD width=50 noWrap align=middle>Latitude</TD><TD width=50 noWrap align=middle>Longitude</TD><TD width=50 noWrap align=middle>Phase</TD><TD noWrap>บริเวณที่เกิด</TD><TD width=20></TD></TR><TR class=tbis3><TD vAlign=top>2555-02-29 19:24:50</TD><TD vAlign=top align=middle>2.8</TD><TD vAlign=top align=middle>19.27</TD><TD vAlign=top align=middle>97.25</TD><TD vAlign=top align=middle>5</TD><TD vAlign=top>ประเทศพม่า</TD></TR></TBODY></TABLE>

ห่างไปทางทิศตะวันตกเฉียงเหนือของ อ.เมือง จ.แม่ฮ่องสอน ประมาณ 85 กม.

B5 - War Room Falkman

somsweet, 29 กุมภาพันธ์ 2012

#5269
saksitI เป็นที่รู้จักกันดี

วันที่สมัครสมาชิก:

13 สิงหาคม 2008

โพสต์:

1,702

ค่าพลัง:

+10,609

ปลายแผ่นด้านทิศตะวันออกของ อินโด-ออสเตรเลีย ไม่น่าไว้วางใจ

Falkman said: ↑

อรุณสวัสดิ์จ้า คุณ Somdul มาแต่เช้าเจียว
Click to expand...

Last 2 Weeks of Earthquakes
(within 10 degrees of LON=166.498, LAT=-12.534)

DATE links are into the IRIS WILBER system where you can see seismograms and request datasets.

DATE and TIME (UTC) LAT-ITUDE LONG-ITUDE MAG-NITUDE DEPTH km REGION
29-FEB-2012 07:05:11 -12.53 166.50 5.4 77.7 SANTA CRUZ ISLANDS
26-FEB-2012 22:50:19 -19.32 167.78 4.9 28.8 VANUATU ISLANDS REGION
26-FEB-2012 13:13:04 -19.38 169.00 4.8 86.3 VANUATU ISLANDS
24-FEB-2012 20:54:21 -17.64 167.19 4.8 35.8 VANUATU ISLANDS
22-FEB-2012 00:50:43 -17.86 167.04 5.1 56.4 VANUATU ISLANDS
17-FEB-2012 12:52:39 -17.69 167.25 4.6 6.3 VANUATU ISLANDS
17-FEB-2012 11:26:48 -14.82 166.86 5.2 33.8 VANUATU ISLANDS
17-FEB-2012 01:57:29 -19.37 168.84 5.1 35.0 VANUATU ISLANDS

8 database rows displayed.
Earthquake data courtesy of USGS

Last 2 Weeks of Earthquakes
(within 10 degrees of LON=-178.683, LAT=-17.775)

DATE links are into the IRIS WILBER system where you can see seismograms and request datasets.

DATE and TIME (UTC) LAT-ITUDE LONG-ITUDE MAG-NITUDE DEPTH km REGION
29-FEB-2012 05:36:02 -17.78 -178.68 4.5 550.3 FIJI ISLANDS REGION
27-FEB-2012 20:12:11 -20.31 -178.70 4.9 591.2 FIJI ISLANDS REGION
27-FEB-2012 14:54:44 -24.70 -177.22 5.1 10.0 SOUTH OF FIJI ISLANDS
27-FEB-2012 14:34:21 -24.78 -177.12 5.1 10.0 SOUTH OF FIJI ISLANDS
27-FEB-2012 13:54:53 -20.49 -177.94 4.8 538.7 FIJI ISLANDS REGION
27-FEB-2012 07:11:12 -24.95 -177.26 5.1 10.2 SOUTH OF FIJI ISLANDS
27-FEB-2012 03:01:55 -24.93 -177.79 5.0 10.0 SOUTH OF FIJI ISLANDS
27-FEB-2012 01:35:04 -24.80 -177.21 4.8 10.0 SOUTH OF FIJI ISLANDS

แผ่นแปซิฟิกจะเร่งให้แผ่น อินโด-ออสเตรเลีย ปลดเบรคให้ได้ น่าห่วง...ไหวบ่อย และแรงขึ้นกว่าเดิมอีกด้วย

saksitI, 1 มีนาคม 2012

#5270
saksitI เป็นที่รู้จักกันดี

วันที่สมัครสมาชิก:

13 สิงหาคม 2008

โพสต์:

1,702

ค่าพลัง:

+10,609

มีเรื่องเร่งด่วนสำคัญ

เมื่อวาน 18.15 น. เดินออกไปมองฟ้าทางด้านทิศตะวันตกที่ยังสว่างอยู่ หาดาวแทบไม่มี แต่ไปมองเห็นดาวอยู่กลุ่มหนึ่งขึ้นแต่กลางวัน ฟ้ายังสว่างอยู่เลย เมื่อได้เพ่งดูกลุ่มดาวกลุ่มนี้ที่มุมประมาณ 60 องศากับพื้นโลก ปรากฏว่าดาวบริวารหลายๆดวง วิ่งไปวิ่งมาไม่ยอมอยู่นิ่ง ดูอยู่ครึ่งชั่วโมง แล้วปล่อยให้ฟ้าเริ่มมืด ดาวกลุ่มนี้จะสว่างมากขึ้น แต่สว่างน้อยกว่าดาวศุกร์ที่อยู่ต่ำลงมา เวลาฟ้ามืดแล้วจะสังเกตเห็นดาวบริวารเคลื่อนไหวไปมายาก มีแสงสะท้อนของแต่ละดวงมารบกวน.....ดูลักษณะอาการต่างๆแล้ว นี่มัน PX นี่....ผู้สนใจลองช่วยกันดูในเวลาที่ฟ้ายังสว่างอยู่ก่อนพระอาทิตย์จะตกดิน

saksitI, 1 มีนาคม 2012

#5271
baitouy เป็นที่รู้จักกันดี

วันที่สมัครสมาชิก:

15 สิงหาคม 2011

โพสต์:

94

ค่าพลัง:

+179

ดาวพฤหัส หรือเปล่าครับ เพราะดาวเคราะห์จะขึ้นทางตอ.เเละตกลับขอบฟ้าไปทาง ตต. ช่วงนี้ดาวศุกร์ขึ้น ประมาณ 8.40 ตอนเช้าเเละดาวพฤหัสขึ้น 9.30 ตอนเช้า เเล้วลอยข้ามหัวไปตอนกลางวันเเต่เราจะมองไม่เห็น จนตอนพระอาทิตย์ใกล้ลับขอบฟ้าทาง ตต.ดาวศุกร์ที่วิ่งนำหน้าไปก่อนจะอยู่ทาง ตต มากกว่าซึ่งท้องฟ้ายังสว่างอยู่เลยมองไม่เห็น ส่วนดาวพฤหัสอยู่เลยกลางหัวค่อนไปทาง ตต.พอประมาณจะมองเห็นก่อนเพราะท้องฟ้าจะมืดกว่าเลยเห็นก่อนดาวศุกร์ เเล้วดาวศุกร์ก็จะตกไปเวลาประมาณ3ทุ่ม ส่วนดาวพฤหัสก็ประมาณเกือบๆ5ทุ่ม เด๋วเย็นนี้จะลองช่วยสังเกตดู อ้อ ตอนนี้ดาวพฤหัสอยู่ใกล้โลกมากจะดูสว่างมากใหญ่มาก นานๆจะเจอกันที

baitouy, 1 มีนาคม 2012

#5272
ปารามิตราราชาวดี เป็นที่รู้จักกันดี

วันที่สมัครสมาชิก:

5 ธันวาคม 2008

โพสต์:

93

ค่าพลัง:

+404

ขอสอบถามคุณอาsomdulหน่อยค่ะ ว่าแถวเขาใหญ่ที่เป็นเชิงเขาจะปลอดภัยจากน้ำ หรือแผ่นดินไหวหรือเปล่าคะ ในช่วงที่แผ่นดินภาคกลางจมลงตามอินโดนีเซีย

คำสอนของพ่อ " ลูกของพ่อต้อง..อดทน...และเข้มแข็ง "

ปารามิตราราชาวดี, 1 มีนาคม 2012

#5273
ปารามิตราราชาวดี เป็นที่รู้จักกันดี

วันที่สมัครสมาชิก:

5 ธันวาคม 2008

โพสต์:

93

ค่าพลัง:

+404

หมายถึงเป็นบริเวณที่อยู่ในจ.ปราจีนบุรีนะคะ ไม่ใช่โคราชค่ะ

คำสอนของพ่อ " ลูกของพ่อต้อง..อดทน...และเข้มแข็ง "

ปารามิตราราชาวดี, 1 มีนาคม 2012

#5274
charee2000 สมาชิก

วันที่สมัครสมาชิก:

13 ธันวาคม 2011

โพสต์:

6

ค่าพลัง:

+5

ประมาณ 1 ทุ่ม มองไปทางทิศตะวันออก เห็นดาวออกสีแดง ๆ ไม่ทราบว่าเป็นดาวอะไร ผมสังเกตุมาหลายวันแล้ว

charee2000, 1 มีนาคม 2012

#5275
Falkman พลังจิตนานาชาติ ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

วันที่สมัครสมาชิก:

3 กรกฎาคม 2006

โพสต์:

19,726

ค่าพลัง:

+77,791
charee_np said: ↑

ประมาณ 1 ทุ่ม มองไปทางทิศตะวันออก เห็นดาวออกสีแดง ๆ ไม่ทราบว่าเป็นดาวอะไร ผมสังเกตุมาหลายวันแล้ว
Click to expand...

ใช่ๆ เห็นเหมือนกันเลย ยังแปลกใจว่าเมื่อก่อนมันไม่มีเลย....
A1-WarRoom Falkman FB
มีเหตุก็เกิด---หมดเหตุก็ดับ---บังคับไม่ได้

Falkman, 1 มีนาคม 2012

#5276
saksitI เป็นที่รู้จักกันดี

วันที่สมัครสมาชิก:

13 สิงหาคม 2008

โพสต์:

1,702

ค่าพลัง:

+10,609

ดาวพฤหัส?

somdul said: ↑

เมื่อวาน 18.15 น. เดินออกไปมองฟ้าทางด้านทิศตะวันตกที่ยังสว่างอยู่ หาดาวแทบไม่มี แต่ไปมองเห็นดาวอยู่กลุ่มหนึ่งขึ้นแต่กลางวัน ฟ้ายังสว่างอยู่เลย เมื่อได้เพ่งดูกลุ่มดาวกลุ่มนี้ที่มุมประมาณ 60 องศากับพื้นโลก ปรากฏว่าดาวบริวารหลายๆดวง วิ่งไปวิ่งมาไม่ยอมอยู่นิ่ง ดูอยู่ครึ่งชั่วโมง แล้วปล่อยให้ฟ้าเริ่มมืด ดาวกลุ่มนี้จะสว่างมากขึ้น แต่สว่างน้อยกว่าดาวศุกร์ที่อยู่ต่ำลงมา เวลาฟ้ามืดแล้วจะสังเกตเห็นดาวบริวารเคลื่อนไหวไปมายาก มีแสงสะท้อนของแต่ละดวงมารบกวน.....ดูลักษณะอาการต่างๆแล้ว นี่มัน PX นี่....ผู้สนใจลองช่วยกันดูในเวลาที่ฟ้ายังสว่างอยู่ก่อนพระอาทิตย์จะตกดิน
Click to expand...

ข่าวจากคุณ Zeta บอกเอาไว้เมื่อเร็วๆนี้ว่า ทาง Council of Worlds จะเปิดโอกาสให้คนทั่วไปมอง Planetx ด้วยตาเปล่าได้เร็วขึ้น จะได้ไม่ต้องพึ่งพานักดาราศาสตร์ค่าย NASA ทั้งหลายที่ปฏิเสธตลอดมาว่าไม่มี ไม่มี!!!...ให้คนสามัญทั่วไปได้เห็นกันเอาเอง...(ดาวพฤหัส ถ้าจะเห็นก็เห็นเพียงดวงเดียว ไม่เป็นพวงเช่นนี้) ลองเพ่งดูตอนที่ฟ้ายังสว่างอยู่ตอนพระอาทิตย์ใกล้จะตกดิน

ปัญหาต่อไปมีอยู่ว่า ในถ้วยเอ๊ดดี้ขณะนี้ โลกยังมีเพื่อนดาวศุกร์ที่สว่างเรืองรองอยู่ให้เห็นใกล้ๆไปซักระยะหนึ่งเหมือนปัจจุบันนี้ ต่อไปดาวศุกร์ถูกก้ามปูยักษ์บีบจนหลุดออกไปจากถ้วย แล้วชาวโลกก็จะไม่เห็นดาวศุกร์ใหญ่สว่างสดใสอีกต่อไป...เกิดขึ้นเมื่อไรแสดงว่า โลกกำลัง อยู่ต่อหน้า PX โดยลำพังละคราวนี้ Wobble ที่เคยมีบนโลก ก็จะเปลี่ยนเป็น Severe Wobble กันละคราวนี้ และ Drama ต่อไปก็จะปรากฏเช่นใน ลิงค์นี้ได้รวบรวมเอาไว้ เมื่อ PX ดึงโลกเข้าใกล้ทุกขณะจนเหลือระยะห่างกันเพียง 14 ล้านไมล์...เรื่องต่างๆเหล่านี้ยังเป็นเรื่องทีหลัง ซึ่งแต่ละคนต้องจำเป็นจัดการภาระต่างๆของตนล่วงหน้าก็ตาม

แต่ก่อนที่จะมีปรากฏการณ์ดังกล่าวข้างต้น ภัยใกล้ตัวของผู้ที่อยู่พื้นที่เสี่ยงก็จะลืมไม่ได้ นี่เป็นภัยเฉพาะหน้าที่จะคืบคลานมาหาอย่างเงียบๆ ซึ่งได้คิวจะเกิดขึ้นเป็นลำดับแรกของ 7/10 Seanarios เสียด้วย...แล้วจึงจะต่อด้วย 8/10 9/10 ต่อไป

saksitI, 1 มีนาคม 2012

#5277
baitouy เป็นที่รู้จักกันดี

วันที่สมัครสมาชิก:

15 สิงหาคม 2011

โพสต์:

94

ค่าพลัง:

+179

ดาวอังคารครับ คอนเฟิร์ม ไม่ต้องต๊กกะใจ ช่วงนี้โลกกะลังโคจรแซงดาวอังคารคือใกล้กันที่สุดของปีนี้เลยมองเห็นชัดอยู่แต่เป็นปีที่ดาวอังคารอยู่ห่างดวงอาทิตย์มากถ้าโลกไม่โคจรมาใกล้ๆกันจะมองหายากเช่นเมื่อเดือนที่แล้วเป็นต้นพอพ้นเดือนนี้ไปดาวอังคารจะมองดูเล็กลงแทบจะหาไม่เจอโดยเฉพาะอย่างยิ่งในเมืองที่แสงรบกวนมากๆ

baitouy, 1 มีนาคม 2012

#5278
saksitI เป็นที่รู้จักกันดี

วันที่สมัครสมาชิก:

13 สิงหาคม 2008

โพสต์:

1,702

ค่าพลัง:

+10,609

ตรวจสอบพื้นที่ต้องสงสัย

ปารามิตราราชาวดี said: ↑

หมายถึงเป็นบริเวณที่อยู่ในจ.ปราจีนบุรีนะคะ ไม่ใช่โคราชค่ะ
Click to expand...

ค้นคว้าได้เองครับที่ ลิงค์นี้ เปิดหน้าต่างเสร็จแล้วลองใส่ตัวเลข 41 ฟุต แล้วจึงกด Go
เมื่อตรวจสอบผลของฉากแรกแล้ว ลองฉากต่อไป เปลี่ยนเป็น 339 ฟุต และ 675 ฟุต ดูว่าพื้นที่ไหนจะมีส่วนกระทบบ้าง

โดยต้องไม่ลืมว่าหากเสียพื้นที่ไข่แดงภาคกลางไป จะตัดขาดเรื่องพลังงานต่างๆที่จะต้องจัดส่งไปยังพื้นที่ต่างๆที่เหลืออยู่ จะเกิดปัญหาตามมามากทีเดียว ....ซึ่งจะเป็นอุปสรรคใหญ่ต่อการเดินทางในภายหลัง อีกทอดหนึ่งต่อไปยังพื้นที่มั่นคงถาวร...จึงควรพิจารณาเงื่อนไขต่างๆให้รอบครอบที่ละขั้นๆไป....ทั้งนี้ต้องพึ่งตนเองเท่านั้น...ต้องทำหน้าที่โปรดิวเซอร์ของตนเองที่ต้องละเอียดเนียนในทุกๆเรื่องทีเดียว โดยใช้เครื่องมืออุปกรณ์ทั้งหมดที่ยังพอมีอยู่ค้นหาคำตอบต่างๆให้ละเอียด และต้องเตรียมทางออกหลายๆทางพร้อมกันไปด้วย เตรียมแล้วต้องซักซ้อมลองใช้ดู ใช้แล้วเกิดอุปสรรคที่ไม่ได้คาดคิดเอาไว้ จะต้องนำมาปรับแก้ล่วงหน้าอย่างไรบ้าง...คุณ Zeta สรุปเอาไว้ว่าใครย้ายได้ก่อนก็เสี่ยงน้อยกว่า

saksitI, 1 มีนาคม 2012

#5279
natatik เป็นที่รู้จักกันดี

วันที่สมัครสมาชิก:

10 มกราคม 2012

โพสต์:

873

ค่าพลัง:

+3,607

เสริมให้อีกค่ะ
ใครต้องการตรวจสอบที่อยู่ปัจจุบันว่าอยู่ในระดับปลอดภัยหรือไม่
เทียบจากระดับน้ำทะเลตาม link ที่ให้ไว้นะค่ะ

ปล.เตรียมตัวกันได้แล้วค่ะ ไม่เกิน 2-3 เดือน หิมะที่ตกอย่างหนา ทำให้คนหนาวตายไปเยอะ กำลังจะละลาย ต้องมีผลกระทบทำให้น้ำท่วมแน่นอนค่ะ แล้วก็จะกระทบกับระบบนิเวศน์ทั่วโลก

ค้นหาระดับความสูงจากระดับน้ำทะเล หาระดับความสูงจากแผนที่
:VO:VO:VO

natatik, 1 มีนาคม 2012

#5280

(คุณต้องเข้าสู่ระบบหรือลงทะเบียน เพื่อที่จะโพสต์)

หน้า 264 ของ 1030

แชร์หน้านี้

Loading...