บูชาไม่แพง ก่อนหมดสมาชิก Premium

ในห้อง 'พระเครื่อง วัตถุมงคล' ตั้งกระทู้โดย Muang99, 27 ตุลาคม 2019.

  1. Muang99

    Muang99 เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    10 กุมภาพันธ์ 2011
    โพสต์:
    4,256
    กระทู้เรื่องเด่น:
    6
    ค่าพลัง:
    +6,517
    สมเด็จเกศไชโย พร้อมกล่อง11.jpg
    สมเด็จเกศไชโย ด้านหน้า11.jpg
    สมเด็จเกศไชโย ด้านหลัง11.jpg

    รายการที่ 1.พระสมเด็จเกศไชโย หลวงปู่พวง ฐานวโร บูชา 330 บาท EMS 50 บาท (ปิดรายการให้คุณ tanainan)

    พระสมเด็จเกศไชโย พิมพ์ใหญ่ แตกลายงา

    เป็นพระสมเด็จรุ่น ๒ หลังจากสมเด็จรุ่นแรกเข็มหัก มีประสบการณ์โชกโชน หากันไม่ได้ ใครมีต่างก็ไม่ยอมปล่อยกัน ครั้งนี้จึงเกิดการสร้างพระสมเด็จเกศไชโยขึ้นอีกครั้ง ได้รวบรวมข้าวก้นบาตรวันพระ, เกศาหลวงปู่พวง, ผงเก่าสมเด็จเกศไชโยที่แตกหัก, ผงพระสมเด็จรุ่นแรกหลวงพ่อทบ, พระสมเด็จรุ่นแรกหลวงปู่พวง, ผงปถมัง ผงอิธิเจ ผงมหาราช ผงพุทธคุณ ผงตรีนิสิงเห, ผงสมเด็จ ๙๙ วัด, พระผงงิ้วดำ, ผงองค์พ่อ ปี 30, ผงข้าวสารหิน, ผงปูน บูรณะพระธาตุนครศรี, ผงไม้เทพทาโร, ผงไม้ต้นตะเคียน, ดอกรักซ้อน, เถาวัลย์หลงดง, พญาไม้งิ้วดำพันปี ตายพราย ได้มาจากฝั่งเขมร, ผงกาฝากต้นขนุน, แผ่นทองคำติด องค์พระพิฆเนศ วัดสมานรัตนาราม, ผงว่าน 108 ชนิด(เข้า พุทธาภิเษก ที่วัดสุทัศน์ หลายครั้งหลายพิธี จาก พระอาจารย์), ผงปูน บูรณะพระธาตุนครศรี, เนื้อพระประธาน พระนอน วัดป่าโมก .อ่างทอง, ผงธูป หน้าพระพิฆเนศ วัดสมานรัตนาราม, ผงธูป พระธาตุหริภุญชัย ลําพูน, ผงธูป พระธาตุดอยสุเทพ เชียงใหม่, ผงธูปหน้า องค์หลวงพ่อทบ วัดชนแดน และ วัดช้างเผือก, ผงธูปหน้า ในหอสวดมนต์ วัดน้ำพุสามัคคี, ผงธูป วัดราชโกษา, ผงธูป วัดขุมทอง, ผงธูป ศาลแหลมปู่เจ้า กรมหลวงชุมพร, ผงธูป หน้ากรมหลวงชุมพร กรมทหารเรือ สัตหีบ และมวลสารศักดิ์สิทธิ์และมวลสารต่างๆอีกกว่า ๙๙๙ ชนิด


    หลวงปู่พวงมอบจีวร

    ให้นำมาเพื่อเป็นมวลสารได้นำมาบดจนสีจากผ้าเหลืองแสงแห่งธรรมได้ใหลรวมเข้าเป็นเนื้อเดียวในองค์สมเด็จเกศไชโย ทำให้พระสมเด็จมีสีเหลืองตระการตาสวยสดงดงามเสมือนได้เห็นหลวงปู่พวงอยู่ตรงหน้า พิมพ์สมเด็จเกศไชโยนี้ด้านหลังหลวงปู่พวงบอกว่า เอาท่านไว้ด้านหลัง เอาพระพุทธไว้ด้านหน้า ส่วนพิมพ์รูปเหมือนนั้นให้ทำเต็มองค์ พระสมเด็จเกศไชโยนี้ ขอบารมีสมเด็จโตมาเป็นประธาน หากใครนำไปใช้แล้วจะบังเกิดลาภทบทวีคูน ด้วยการสร้างแบบโบราณภายภาคหน้านั้นพระสมเด็จเกศไชโยจะแตกลายงาตามกาลเวลา จงอย่าตกใจ นี่แหละคือของดีที่หนึ่ง จำให้ดี จะมีค่าในภายหน้า จงนำไปใช้แล้วจะได้เห็นด้วยตาตัวเอง พุทธคุณลงครบทุกด้าน เน้นเมตตามหานิยมเป็นหลักรองลงมาให้เป็นเรื่องชาตรี กิจการต่างๆจะรุ่งเรืองมีโชคมีชัย คิดหวังสิ่งใดจะสำเร็จ

    ประสบการณ์.jpg
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 5 พฤศจิกายน 2019
  2. Muang99

    Muang99 เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    10 กุมภาพันธ์ 2011
    โพสต์:
    4,256
    กระทู้เรื่องเด่น:
    6
    ค่าพลัง:
    +6,517
    พระเครื่องและวัตถุมงคลที่ให้เช่าบูชา รับประกันแท้ 100%

    ท่านที่สนใจเช่าบูชา ลงจองในกระทู้นี้ได้เลยครับ หรือติดต่อหาผมทางมือถือ หรือทาง PM ครับ

    ท่านที่ได้จองเอาไว้ จองได้ 3 วันครับ ถ้าเลยกำหนดแล้วไม่ได้โอนเงิน ก็ขอยกเลิกสิทธิ์การจองครับ

    กรุณาช่วยค่าจัดส่ง EMS 50 บาท

    บัญชีสำหรับโอนเงินนะครับ : ธนาคารกรุงเทพ หมายเลขบัญชี 129-5-235657 ชื่อบัญชี เมธา รุ่งพัฒนพันธ์

    ติดต่อหาผมได้ที่ มือถือ 081-2670895
    เมธา.
    ป.ล. หมดสมาชิก Premium ประมาณวันที่ 30 พฤศจิกายน 2562
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 28 ตุลาคม 2019
  3. Muang99

    Muang99 เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    10 กุมภาพันธ์ 2011
    โพสต์:
    4,256
    กระทู้เรื่องเด่น:
    6
    ค่าพลัง:
    +6,517
    พญามังกรคาบแก้ว ด้านหน้า111.jpg
    พญามังกรคาบแก้ว ด้านหลัง111.jpg

    รายการที่ 2. มังกรคาบแก้ว พญานาคเรียกทรัพย์ ครูบาเจ้าหน่อแก้วฟ้า รุ่น 1 บูชา 650 บาท EMS 50 บาท (ปิดรายการให้คุณ tanainan)

    มังกรคาบแก้ว พญานาคเรียกทรัพย์ ไหว้ครู ปี 2555 รุ่น 1 (กะไหล่ทอง) อธิษฐานจิตปลุกเสกเดี่ยวโดย องค์ครูบาเจ้าหน่อแก้วฟ้า และมหาพุทธาภิเษก โดยเหล่าพระเกจิคณาจารย์ทั่วประเทศ อาทิ ครูบากฤษณะ อินทวณฺโณ ,ครููบาเหนือชัย (ครูบาขี่ม้าบิณฑบาต) เชียงราย ครูบาเจ้าอริยชาติ อริยจิตโต วัดแสงแก้วโพธิญาณ จ.เชียงราย พ่อปู่นริศ นรินโท จ.พังงา ปู่ฤาษีเกศแก้ว หลวงพ่อรักษ์ วัดสุทธาวาสวิปัสสนา หลวงพ่อประทวน วัดถ้ำดาวเขาแก้ว หลวงพ่อทอง วัดพระพุทธบาทเขายายหอม หลวงพ่อจื่อ วัดเขาตาเงาะ ชัยภูมิ หลวงปู่ศรี วัดผาเกิ้ง ชัยภูมิ หลวงพ่อจอย วัดโนนไทย โคราช

    รูปยันต์.jpg
    ยอดพระคาถา
    นะโม พุทโธ สัมมา อะระหัง เป็นสุดยอดพระคาถาที่รวมความเป็นมงคลยิ่ง แปลความได้ดังนี้
    นะ มาจาก แม่ ยกย่องคุณของแม่ ทางเหนือนั้น คำว่า นะ มาจากน้ำ ในโลกนี้ทุกอย่างล้วนประกอบด้วยน้ำ จึงถือว่าพระคุณแม่นั้นยิ่งใหญ่มาก
    โม มาจาก พ่อ ยกย่องคุณของพ่อ
    พุทโธ หมายถึง ภาวะแห่งความรู้ที่เกิดขึ้นในโลกนี้ โลกนี้มีความรู้อยู่แล้วซึ่งเป็นความจริงตามธรรมชาติ ขึ้นกับความเพียรของเราเอง ที่ทำความเพียรให้รู้ปรากฏความเป็นพุทธะรู้เสมอกัน
    พุทโธ (พุทธะ) คือ ผู้รู้ ผู้ตื่น ผู้เบิกบาน
    ผู้รู้ คือ รู้แจ้ง มีปัญหาเห็นจริงในโลกทั้งหลายตามจริง
    ผู้ตื่น คือ ตื่นจากอวิชชาที่ปิดบังใจให้ไม่รู้
    ผู้เบิกบาน คือ เมื่อมีปัญญาเห็นจริงในโลกทั้งหลายตามจริงแล้ว ไม่มีสิ่งใดมากล้ำกรายให้เห็นผิดได้ จึงเกิดความสุขสดชื่นใจ
    สัมมา หมายถึง ชอบ ทางไปสู่นิพพานมี 8 เส้น โดยปฏิบัติชอบตามหลักมรรคมีองค์ 8
    อะระหัง หมายถึง ผู้ไกลจากกิเลส

    ดังนั้น สัมมาอะระหัง จึงหมายถึง ผู้ไกลจากกิเลสโดยชอบ อันได้แก่ พระพุทธเจ้าแต่ละพระองค์ และพระอรหันต์เจ้า

    คาถานี้จึงนับเป็นสุดยอดของพระคาถาที่รวมความหมายของทุกสิ่ง ซึ่งคาถานี้จะใช้ให้ได้ผลนั้น ผู้บริกรรมนั้นต้องมีจิตใจที่น้อมตาม มีศีลบริสุทธิ์เป็นเบื้องต้น มีสติประกอบด้วยความเพียร มีปัญญาตาม ท้ายที่สุดคาถานี้จาก 9 ตัว ก็ย่อลงเหลือเพียง 2 ตัว คือ พุทโธ

    โอวาทธรรมองค์พ่อครูบาเจ้าหน่อแก้วฟ้าที่เมตตาแสดงแก่ศิษย์ผู้ฟังธรรม ณ ลานธรรมอรหันตาฯ
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 5 พฤศจิกายน 2019
  4. Muang99

    Muang99 เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    10 กุมภาพันธ์ 2011
    โพสต์:
    4,256
    กระทู้เรื่องเด่น:
    6
    ค่าพลัง:
    +6,517
    รูปครูบาเจ้าหน่อแก้วฟ้า222.jpg

    ประวัติครูบาเจ้าหน่อแก้วฟ้า (พระเจษฎา โชติปญฺโญ)

    ชาติกำเนิด

    ณ บ้านต๊ำน้ำล้อม ตำบลบ้านต๊ำ อำเภอเมือง จังหวัดพะเยา มีสามีภรรยาคู่หนึ่งคือนายหน้อยแหน้น และนางบัวเขียว ใจลา ประกอบอาชีพทำนาและมีฐานะยากจนมาก ได้อยู่กินกันมาจนมีลูกสาว ๑ คน แต่เวลาผ่านไป ๑๐ ปียังไม่มีวี่แววว่าจะได้ลูกชายสักคน แม้ว่าจะมีการตั้งครรภ์ใหม่ก็มีเหตุต้องลงเลือดหรือแท้งไปถึง ๓ ครั้ง แต่ก็สังเกตดูว่าเป็นเด็กผู้ชายทุกครั้ง จึงได้ไปอธิษฐานกับองค์พระเจ้าตนหลวง ณ วัดศรีโคมคำ พระคู่บ้านคู่เมืองพะเยา ในคืนวันแปดเป็ง (วิสาขบูชา) พอตกกลางคืนนางบัวเขียวก็นิมิตว่า มีพญานาคตัวใหญ่ตัวหนึ่งเลื้อยออกมาจากใต้ฐานองค์พระเจ้าตนหลวง แล้วนำลูกแก้วลูกหนึ่งสวยงามแพรวพราวระยิบระยับ มีประกายงดงามประมาณค่ามิได้ ดุจดั่งลูกแก้วของพระเจ้าจักรพรรดิราชหรือลูกแก้ววิเศษของมหาเทพเบื้องบน โดยพญานาคนั้นได้คาบลูกแก้ววิเศษมาคายไว้ที่อุ้งมือขวานางบัวเขียวพร้อมกับกลิ่นหอมตลบอบอวนดั่งดอกไม้ในสวรรค์ หลังจากนั้นไม่นานนางบัวเขียวก็ตั้งท้องลูกคนที่ ๒ มีความรู้สึกอยากไปวัดไปวามากกว่าเดิม ชอบนั่งสวดมนต์ ทำสมาธิ เจริญภาวนาและทานมังสวิรัติประจำ ไม่อยากทานเนื้อสัตว์ตั้งแต่วันนั้นเป็นต้นมา จนถึงเวลาที่คลอดกุมารน้อยตรงกับวันอังคาร ที่ ๗ พฤษภาคม ๒๕๑๘ เวลา ๑๖.๐๙ น. ขณะนั้นฝนตกกระหน่ำครั้งใหญ่ฟ้าผ่า ฟ้าร้อง ดังกึกก้องปานว่าฟ้าจะถล่มแผ่นดินจะทลาย แผ่นดินไหว สั่นสะเทือนไปทั่ว เกิดเหตุการณ์ฟ้าผ่าที่ต้นไม้บริเวณข้างบ้านและแผ่นดินไหวจำนวน ๓ ครั้ง ในเวลาไล่เลี่ยกันไม่กี่นาทีก็เป็นเวลาที่กุมารน้อยคลอดออกมาจากครรภ์นางบัวเขียวผู้เป็นมารดา การเกิดของกุมารน้อยนี้น่าอัศจรรย์คือ นำเท้าออกมาก่อน พอเท้าออกมาถึงเข่า แผ่นดินไหวและฟ้าผ่าต้นไม้ข้างบ้านครั้งที่ ๑ พอลำตัวออกมาถึงบริเวณหน้าอก แผ่นดินไหวและฟ้าผ่าต้นไม้ข้างบ้านต้นเดิมครั้งที่ ๒ พอถึงเวลานำศีรษะออกมาแล้วนั้น แผ่นดินไหวและฟ้าผ่าต้นไม้ข้างบ้านต้นเดิมครั้งที่ ๓ แต่ฝนก็ยังตกกระหน่ำไม่หยุดจนคลอดทารกน้อยเสร็จเรียบร้อย สร้างความแปลกประหลาดใจให้กับหมอตำแยและญาติพี่น้องของผู้เป็นพ่อและแม่ราว ๒๗ หลังคาเรือนหรือประมาณ ๓๕ คน กล่าวโดยสรุปเกี่ยวกับปรากฏการณ์อัศจรรย์การให้กำเนิดกุมารน้อยนี้มีอยู่ ๙ ประการคือ

    ๑. คืนวันวิสาขบูชาก่อนที่จะปฏิสนธิในครรภ์ หลังจากอธิษฐานขอพรจากพระเจ้าตนหลวง นางบัวเขียวผู้เป็นมารดานิมิตว่า มีพญานาคตัวใหญ่เท่าต้นตาลเลื้อยออกมาจากใต้ฐานพระเจ้าตนหลวง แล้วคาบลูกแก้วอันงดงามรัศมีเปล่งปลั่งมากนักมาคายไว้ที่มือขวานางบัวเขียวพร้อมกลิ่นหอมตลบอบอวล และจะฝันซ้ำ ๆ กันทุกวันพระ
    ๒. ขณะกำเนิดนั้นกุมารน้อยเอาเท้าออกก่อนไม่เหมือนทารกอื่น
    ๓. บริเวณศีรษะมีเมือกบาง ๆ คล้ายกับหมวกอยู่ (เป็นวุ้นสีเขียวคล้ำใส ๆ)
    ๔. หลังจากล้างตัวและศีรษะแล้วที่ผมบาง ๆ ของกุมารน้อยมีคล้ายกับทองคำเปลวบาง ๆ ระยิบระยับติดอยู่เต็มไปหมด
    ๕. ขณะที่คลอดกุมารน้อยนั้นมีกลิ่นหอมมากดุจดั่งดอกไม้สวรรค์ไปทั่ว
    ๖. มีสายแห่หรือสายรกพันบริเวณคอของกุมารน้อย ๓ รอบคล้ายกับงูพันพระศอองค์พระศิวะเจ้า
    ๗. กุมารน้อยไม่ร้องไห้เหมือนทารกอื่น (หมอตำแยต้องตีก้นหลายครั้งเกรงว่าจะเป็นใบ้)
    ๘. เมื่อตัดสายรกสายสะดือแล้ว ปรากฏว่ามีลูกแก้วเม็ดเล็ก ๆ (ทางเหนือเรียกว่า คตแก้ว หรือแก้วโป่งข่าม ) อยู่บริเวณสายรกห่างจากสะดือของกุมารน้อย ๑ คืบ
    ๙. ขณะคลอดกุมารน้อยนั้นมีฝนตกหนัก ฟ้าผ่าต้นไม้ต้นเดิมและแผ่นดินไหวถึง ๓ ครั้ง (ฟ้าผ่าและแผ่นดินไหวพร้อมกัน)


    ในค่ำคืนนั้นหลังจากกุมารน้อยได้กำเนิดขึ้นมาได้ ๑ คืน ผู้เป็นบิดาคือนายแหน้น นิมิตว่า มี พ่อค้า นักธุรกิจ ต่าง ๆ ทั้งชาวไทย จีน ฝรั่ง ต่างชาติ ทหาร ตำรวจ นักการเมือง แต่ละท่านมียศสูง ๆ และร่ำรวยทั้งนั้น ต่างก็พากันล้อมกราบไหว้ลูกแก้ววิเศษ ซึ่งเมื่อมองดูด้านในของลูกแก้ววิเศษจะมีภาพพระพุทธรูปและครูบาเจ้าศรีวิชัยอยู่ภายใน โดยผู้คนเหล่านั้นที่มากราบไหว้ต่างก็มาพึ่งพาบุญบารมีของลูกแก้ววิเศษเพราะเชื่อว่าลูกแก้ววิเศษนั้นสามารถสร้างอานิสงส์ให้เขาเหล่านั้นร่ำรวย รุ่งเรือง มีฐานะดี โชคดียิ่งขึ้น และพ้นจากโรคภัยต่าง ๆ แล้วก็ตกใจตื่น หลังจากนั้นได้พิจารณาความฝันว่า “เอ แปลกนะ ต่อไปข้างหน้าลูกของเราจะต้องเป็นที่พึ่งพาของคนระดับต่าง ๆ พ่อค้า ประชาชน นักธุรกิจ ทหาร ตำรวจ ที่มียศสูง ๆ แน่นอน ประกอบกับคนที่ยังไม่รวยถ้าทำบุญบารมี ร่วมกันก็จะรวยยิ่งขึ้น”


    คำพยากรณ์ครั้งแรก

    เมื่อเวลาผ่านไป ๓ วัน ข่าวดังกล่าวทราบถึงครูบาเจ้าอินโต วัดบุญยืน พระเกจิอาจารย์ชื่อดังของจังหวัดพะเยา ได้เดินทางไปที่บ้านของกุมารน้อย พอไปถึงบ้านก็เอ่ยขึ้นทักพ่ออุ้ยปัน ผู้เป็นตาของกุมารน้อยว่า “ พ่ออุ้ยปัน มีหน่ออริยโพธิสัตว์มาเกิดแล้วเน้อ ชาติสุดท้ายของเปิ้นแล้ว เลี้ยงไว้ดี ๆ เจ้าหน่อแก้วฟ้าไจยา มาเกิดแล้ว ต่อไปปายหน้าเปิ้น จะก้ำจูสาสะนา (ศาสนา) โผด (โปรด) คนหื้ออยู่ดีมีสุข มีทรัพย์สมบัติมากนัก (อริยทรัพย์ ๗ ประการ) คนตังหลายที่มีบารมีร่วมเปิ้นก็จะมี ทรัพย์สมบัติมากนักเช่นกัน“ พร้อมกันนั้นครูบาเจ้าอินโต ก็ค่อย ๆ ผูกข้อมือรับขวัญทารกน้อยและทำนายไว้ว่า “กุมารน้อยผู้นี้ เป็นผู้มีบุญหนัก ศักดิ์ใหญ่กลับชาติมาเกิด เป็นขวัญปากครูบาเจ้าพระอริยะต๋นบุญล้านนา (ขวัญสัจจะวาจาศักดิ์สิทธิ์ของครูบาเจ้าศรีวิชัย) นำแก้วคู่บารมีมาโผด (โปรด) คนตังหลายต่อไปข้างหน้า เด็กน้อยผู้นี้จะเป็นกำลังของพระพุทธศาสนาที่สำคัญคนหนึ่งและสามารถที่จะโปรดมวลมนุษย์ให้พ้นทุกข์ มีความสุข ความร่ำรวยด้วยลูกแก้วนี้ และวาจาสิทธิ์ของกุมารน้อย ซึ่งก็ถือว่าเป็นชาติสุดท้ายของกุมารน้อยผู้นี้ก็ว่าได้” พร้อมกับตั้งชื่อให้ไว้ว่า “หน่อแก้วฟ้าไจยา” หมายถึง "แก้วมณีมงคลแห่งชัยชนะที่ฟ้าหรือสรวงสวรรค์ประทานมาเพื่อความสุขความเจริญ ร่ำรวย" และครูบาเจ้าอินโตยังตั้งอีกชื่อหนึ่งให้ว่า “เจ้าอริยทรัพย์” หมายถึง "ผู้มีทรัพย์มากมีทั้งทรัพย์สมบัติภายในและทรัพย์สมบัติภายนอก" นอกจากนั้นแล้วครูบาเจ้าอินโตยังได้เน้นกับพ่ออุ้ยปันและญาติพี่น้องทุกคนว่า “บารมีนี้มีเฉพาะผู้ที่มาจากอดีตชาติที่ได้พึ่งพาบารมีซึ่งกันและกัน ดังนั้นการทดสอบจิตของเจ้าหน่อแก้วฟ้าไจยา เช่นการลองขอความช่วยเหลือจากแต่ละบุคคลว่าเป็นเช่นไร เคยบำเพ็ญบารมีในอดีตชาติร่วมกันหรือไม่ หรือถ้าผู้ใดให้ความเชื่อถือและช่วยเหลือเต็มที่กับเจ้าหน่อแก้วฟ้า ผู้นั้นคือผู้ที่มาจากอดีตชาติ เป็นผู้มีทรัพย์ทิพย์จากอดีตที่คอยช่วยเหลือกันมาก่อน เพราะถือว่าช่วยเหลือในชาตินี้เป็นชาติสุดท้ายของเจ้าหน่อแก้วฟ้าไจยาแล้ว บุคคลผู้นั้นและครอบครัวของเขาก็จะเจริญรุ่งเรือง ร่ำรวยยิ่งๆ ขึ้นไป หน้าที่กิจการงานก็จะเจริญรุ่งเรือง เป็นผู้มีโชคชัยตลอด โรคภัยไข้เจ็บก็จักไม่เบียดเบียน โรคกรรมโรคเวรก็ย่อมเบาบางลง โดยเฉพาะผู้ให้ยานพาหนะและผู้ให้ทรัพย์เงินทองในการบำเพ็ญประโยชน์ร่วมกับ เจ้าหน่อแก้วฟ้าผู้นั้นไม่อดอยาก และคล่องตัวในกิจการงานต่างๆ มีแต่ได้กับได้อย่างเดียวเท่านั้น”

    ชีวิตวัยเยาว์

    แต่ภายหลังทางอำเภอให้ใช้ชื่อในใบทะเบียนบ้านว่า "เจษฎา" เพราะชื่อ หน่อแก้วฟ้าไจยา เป็นชื่อค่อนข้างโบราณและยาวเกินไป พร้อมกันนั้นอีก ๗ วัน ครูบาศรี วัดร่องไฮ ต.บ้านใหม่ พระเกจิอาจารย์ชื่อดังของพะเยาอีกรูปหนึ่ง ได้มาเยี่ยมและรับขวัญเป็นลูกบุญธรรมอีกคนหนึ่ง ก็ทำนายไว้เช่นเดียวกันกับครูบาเจ้าอินโต ว่า “กุมารน้อยผู้นี้เกิดมาชดใช้กรรมเก่าก่อน ต่อไปจะถูกใส่ความ ถูกกล่าวหาว่าร้ายต่าง ๆ นานา จากเจ้ากรรมนายเวรจากอดีตชาติมาในคราบผ้าเหลืองและชาวบ้าน ซึ่งเป็นญาติของพญาสวัสดิมาร จะมาทำลายความเพียร ความดี และบารมีเก่า แต่หากกุมารน้อยผ่านบททดสอบบารมีด้วยจิตใจอันแน่วแน่ได้ เจ้ากรรมนายเวร (ผู้ใส่ร้ายป้ายสี ดูถูกดูหมิ่น) ตลอดจนมารเหล่านั้นก็จะแพ้ภัยตนเอง ฉิบหายต่าง ๆ นานาประการ ตกนรกขุมอเวจี เพราะกุมารน้อยผู้นี้เกิดมาถือว่าเป็นชาติสุดท้ายแล้ว จะเป็นผู้ที่ให้พรคนทั้งหลายให้เจริญรุ่งเรืองโดยเฉพาะพ่อค้าแม่ขาย นักธุรกิจระดับต่าง ๆ ข้าราชการ ทหาร ตำรวจ นักการเมือง ระดับต่าง ๆ คนทุกชนชั้น เพราะกุมารน้อยผู้นี้จะเป็นผู้มีสัจจะวาจาสิทธิ์”

    จากสาเหตุนี้ทำให้พ่ออุ้ยปัน รักและทะนุถนอมเจ้าหน่อแก้วฟ้าเสมือน "ไข่ในหิน" โดยไม่ให้ใครแม้กระทั่งญาติพี่น้องมาเล่นด้วย หรือถูกเนื้อถูกตัวเพราะทราบดีว่าเป็นเด็กที่มีความพิเศษไม่เหมือนเด็กทั่วไป เดี๋ยวจะมีรอยราคิน รอยด่างพร้อย ส่วนฝ่ายบิดาและมารดาไม่อยากจะให้บวชเรียนเพราะทางบ้านมีฐานะยากจนและกลัวจะไม่ได้พึ่งแรง จึงไม่ค่อยอนุญาตให้เจ้าหน่อแก้วฟ้าไปไหว้พระที่วัดในหมู่บ้านเท่าไหร่ และก็กลัวว่าเจ้าหน่อแก้วฟ้าจะไปจำบทสวดมนต์ของพระสงฆ์ แต่ก็ไม่วายเมื่อมีงานศพหรืองานทำบุญบ้านใหม่ในหมู่บ้าน เจ้าหน่อแก้วฟ้ามักจะไปดูพระสงฆ์เวลาให้ศีล ให้พร แล้วกลับมาฝึกสวดไปเรื่อย ๆ ตามประสาเด็ก นอกจากนั้นแล้วยังนำวี (พัด) ที่เขานำมาพัดข้าวเปลือกหลังจากเก็บเกี่ยวข้าวแล้ว นำมาสวดมนต์ให้ศีลให้พรแล้วบอกว่าตนเองเป็นพระครูบาเจ้ามาเกิด เมื่อก่อนก็สวดมนต์อย่างนี้ปฏิบัติธรรมอย่างนี้

    โดยเล่าประวัติของตนเองเป็นเรื่องเป็นราวว่าตนคือครูบาเจ้าศรีวิชัยมาเกิด (จากการบอกเล่าของชาวบ้านญาติพี่น้อง ขณะนั้นเจ้าหน่อแก้วฟ้าอายุ ๔ ขวบ) ไฟฟ้าก็ยังไม่เข้าในหมู่บ้าน การสื่อสารต่าง ๆ ก็ยังไม่ถึง หนังสือก็ไม่มีให้อ่าน ทีวีไม่มีให้ดู หนังสือก็ยังไม่ทันได้เรียน แต่เจ้าหน่อแก้วฟ้าพูดเป็นเรื่องเป็นราวเหมือนดั่งเทวดาสอนให้พูดอย่างนั้น จนครั้งหนึ่งน้าไก่ซึ่งเป็นญาติของเจ้าหน่อแก้วฟ้าซึ่งเดินทางมาจากประเทศสิงคโปร์ ก็แปลกใจว่าเด็กน้อยนี้พูดอะไรแปลก ๆ จะเป็นจริงหรือ เลยตัดสินใจพาเจ้าหน่อแก้วฟ้าไปที่วัดบ้านปาง อ.ลี้ จ.ลำพูน ซึ่งเป็นวัดของครูบาเจ้าศรีวิชัย และเป็นสถานที่ที่ เจ้าหน่อแก้วฟ้าพูดถึงบ่อย ๆ เมื่อเดินทางมาถึงเจ้าหน่อแก้วฟ้าไม่รีรอ รีบลงรถแล้วก็ทำตัวเองเหมือนดั่งไกด์นำเที่ยว บอกสถานที่ต่าง ๆ ได้ถูกต้องไม่ว่าจะเป็นสถานที่ป่วย หรือเดินจงกรม ฯลฯ และทักทาย เรียกชื่อ ผู้เฒ่าผู้แก่ ที่มาต้อนรับในวันนั้นได้ถูกต้อง โดยไม่รู้จักกันมาก่อน สร้างความ ประหลาดใจให้ญาติทั้งหลายยิ่งนัก และย้ำบ่อย ๆว่า “เราจะไม่เกิดอีกแล้ว ชาตินี้เป็นชาติสุดท้าย”


    เมื่ออายุได้ ๕ ขวบ ก็ได้เกิดวิบากกรรมมาตัดรอน โดยเจ้าหน่อแก้วฟ้าถูกรถมอเตอร์ไซค์ชนจนขาซ้ายหัก ซึ่งเป็นเคราะห์ซ้ำกรรมซัด เพราะไม่มีเงินที่จะไปรักษาจากโรงพยาบาล ต้องใช้เวลานอนรักษาตัวแบบโบราณ ๗ เดือน ช่วงที่นอนรักษาตัวและฟักฟื้นก็ได้ร่ำเรียนวิชาอักษรล้านนา ตั๋วเมืองและคาถาอาคมเบื้องต้นจากพ่ออุ้ยปัน บัวเงิน ผู้เป็นตาและท่านเป็นลูกศิษย์ของครูบาเจ้าศรีวิชัย จนเจ้าหน่อแก้วฟ้าอ่านออกเขียนได้เป็นพื้นฐาน หลังจากนั้นเจ้าหน่อแก้วฟ้าได้เข้าศึกษาเล่าเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ ๑ ขณะนั้นอายุได้ ๗ ปี เวลาผ่านไปพออายุได้ ๘ ปี ช่วงที่ไปเรียนหนังสือหลังจากเลิกเรียนแล้ว เจ้าหน่อแก้วฟ้ามักจะไปนั่งสมาธิบริเวณป่าช้าหน้าโรงเรียนหรือวัดเก่าแก่บริเวณหัวนาที่มีซากปรักหักพังเพราะร่มเย็นและมีสมาธิดี นอกจากนั้นเจ้าหน่อแก้วฟ้ายังชอบปั้นพระพุทธรูปองค์เล็กองค์ใหญ่ แล้วชักชวนเพื่อน ๆ ไปไหว้และนั่งสมาธิ จากเหตุดังกล่าวนี้เป็นเหตุให้เพื่อนไม่ค่อยจะเล่นด้วยเพราะชอบอยู่กับป่าช้าและวัดเก่า ซึ่งคนทั่วไปไม่นิยมกัน และยังถูกกล่าวหาต่างๆ ว่าผีบ้าบ้าง ไม่เต็มบาทบ้าง หรือป่วยเป็นโรคจิตบ้าง ฯลฯ

    ต่อมาเจ้าหน่อแก้วฟ้ามีโอกาสพบพระธุดงค์รูปหนึ่งที่ป่าช้า ท่านนุ่งห่มจีวรสีกรักดำ อายุประมาณ ๗๐ กว่าปี หลังค่อมตัวเล็ก ท่านเมตตาสอนธรรมและวิธีการปฏิบัติธรรมให้ จนในที่สุดเจ้าหน่อแก้วฟ้าก็ชอบในการนั่งสมาธิภาวนามาตั้งแต่นั้น จนความทราบถึงผู้เป็นบิดาต้องดุด่าว่ากล่าวว่า “ทำไมทำตัวไม่เหมือนคนอื่นเขา ชอบไปแต่ป่าช้าและวัดเก่าแก่ คราวหลังถ้าไปอีกจะตีให้เจ็บตัวแน่” ด้วยฐานะทางบ้านยากจนมากแทบจะไม่มีอะไรจะกิน จำเป็นต้องทำมาหากินทุกอย่างโดยพี่สาวและพี่เขยต้องช่วยกันออกไปหาปลาหานกและพาเจ้าหน่อแก้วฟ้าไปด้วย แต่เจ้าหน่อแก้วฟ้ามักจะแอบปล่อยปลา และนกที่พี่สาวพี่เขยหามาได้เป็นประจำ จนถูกผู้เป็นบิดาดุด่าว่ากล่าวหลายครั้งหลายหน โดยครั้งสุดท้ายเจ้าหน่อแก้วฟ้าน้อยใจหนีออกจากบ้านไปพักบ้านญาติ นอกจากนั้นแล้วผู้เป็นบิดาชอบบังคับให้เจ้าหน่อแก้วฟ้ากินอาหารที่เป็นส่วนของสัตว์ต่าง ๆ แต่เจ้าหน่อแก้วฟ้าไม่ชอบเลยต้องกินข้าวพร้อมกับน้ำตาและรีบออกไปอาเจียนหลังบ้าน


    เข้าสู่ร่มกาสาวพัสตร์

    พอจบชั้น ป.๖ ก็มีจิตคิดที่บวชทดแทนคุณบิดามารดา ซึ่งฝ่ายบิดามารดาไม่อยากจะให้บวชเพราะกลัวเจ้าหน่อแก้วฟ้าจะไม่ยอมสึกในภายหลัง แต่เจ้าหน่อแก้วฟ้าก็ได้บวชจนได้โดยมีครูบาสงบ วัดต๊ำน้ำล้อม เป็นพระอุปัชฌาย์ เนื่องจากพ่ออุ้ยนวล ทำดี (พี่ชายของยายและเป็นลูกศิษย์ครูบาเจ้าศรีวิชัยอีกคนหนึ่ง) ได้เสียชีวิต เมื่อวันที่ ๒๘ มีนาคม ๒๕๓๑ เจ้าหน่อแก้วฟ้าจึงได้ขอทดแทนคุณ คือบวชจูงศพ แล้วก็ไม่คิดจะสึก แต่ทางบิดามารดาและญาติพี่น้อง ได้ขอให้เจ้าหน่อแก้วฟ้าสึกและมาบวชเณรตามประเพณีแบบเบ้าโบราณ จึงได้สึก ๑ วันแล้วทำพิธีขวัญนาคและบรรพชาเป็นสามเณร ในวันที่ ๒๘ พฤษภาคม ๒๕๓๑ โดยมีครูบาสงบ วัดต๊ำน้ำล้อม (ลูกศิษย์ครูบาแก้ว วัดปงสนุกใต้ จังหวัดลำปาง) เป็นพระอุปัชฌาย์ และเริ่มต้นร่ำเรียนนักธรรมชั้นตรี โท เอก และวิปัสสนากัมมัฏฐานจากครูบาอาจารย์ที่มีหลายท่าน เช่น

    หลวงปู่โง่น โสรโย วัดพระบาทเขารวก จ.พิจิตร
    หลวงปู่ดาบส สุมโน จ.เชียงราย
    ครูบาเจ้าปู่นริศ นรินฺโท ลานธรรมบารมีศรีปทุมแสงธรรมหนอ อ.ท้ายเหมือง จ.พังงา สอนการปฏิบัติธรรมภาวนาชั้นสูง และคาถาอาคมต่าง ๆ จนหมดความรู้
    ครูบาศรี วัดร่องไฮ บ้านใหม่ จ.พะเยา สอนอักขรภาษาล้านนา และคาถายันต์ต่าง ๆ
    หลวงปู่ครูบาเจ้าดวงดี สุภทฺโท วัดท่าจำปี จ.เชียงใหม่ สอนคาถาอาคมและการปฏิบัติสมาธิ
    หลวงปู่หล้า ตาทิพย์ จ.เชียงใหม่ สอนคาถาอาคมและการใช้ทิพยญาณ การปฏิบัติธรรมชั้นสูง
    หลวงปู่เทสก์ เทสรังสี วัดหินหมากเป้ง จ.หนองคาย
    ครูบาเจ้ากลิ่นกู้ วัดข่วงเป่าชัย จ.ลำปาง สอนการนั่งทางใน
    ครูบาคำผาย วัดพระธาตุจอมไคร้ จ.พะเยา
    ครูบาเจ้าพรหมจักร จ.ลำพูน สอนการปฏิบัติสมาธิภาวนา และคาถาหลายอย่าง
    ครูบาเจ้าชัยยะวงศา วัดพระบาทห้วยต้ม จ.ลำพูน สอนคาถาเรียกทรัพย์ เรียกเงิน
    ครูบาเจ้าคำอ้าย วัดทุ่งพร้าว อ.ดอกคำใต้ สอนคาถาอาคมต่าง ๆ
    ครูบาเจ้าน้อย วัดต๋อมใต้ จ.พะเยา สอนการปฏิบัติธรรมและคาถาอาคม
    ครูบาเจ้าเกษม เขมโก จ.ลำปาง สอนธรรมะเบื้องต้น
    ครูบาอ่อน วัดสนต้นหวีด จ.พะเยา
    หลวงปู่ฤาษีลิงดำ วัดท่าซุง จ.อุทัยธานี สอนการปฏิบัติสายมโนมยิทธิ
    หลวงพ่อเปิ่น วัดบางพระ จ.นครปฐม สอนคาถาคงกระพัน และค้าขายดี
    ครูบาเจ้าบุญชุ่ม ญาณสํวโร ประเทศพม่า สอนการปฏิบัติธรรมกัมมัฏฐาน
    ครูบาเจ้ามนตรี ธมฺมเมธี วัดพระธาตุสุโทน จ.แพร่ มีเมตตาสอนธรรมะ
    หลวงปู่ขาว พุทธรักขิตโต วัดป่าคูณคำวิปัสสนา จ.สกลนคร มีเมตตาถ่ายทอดความรู้ในการปฏิบัติภาวนา และคาถาอาคมต่างๆ จนหมดซึ่งท่านหลวงปู่ขาวบอกว่า "หมดแล้ว"
    หลวงปู่ดำ เขมโร วัดพระบาทเขาหินซ้อน จ.ฉะเชิงเทรา สอนการอธิษฐานจิตภาวนาให้สำเร็จ
    ครูบาแสงหล้า ประเทศสหภาพพม่า
    ครูบาเหนือชัย โฆสิโต (ขี่ม้าบิณฑบาตร) วัดถ้ำป่าอาชาทอง จ.เชียงราย



    คำพยากรณ์จากครูบาอาจารย์

    ขณะที่ศึกษาปฏิบัติธรรมกับพ่อแม่ครูบาอาจารย์ต่าง ๆ สามเณรเจ้าหน่อแก้วฟ้าก็ได้รับความอนุเคราะห์เมตตาสั่งสอน อบรมธรรม วิธีการปฏิบัติกัมมัฎฐานแต่ละรูปแบบ และถูกทดสอบภูมิธรรมมาเรื่อย ๆ นอกจากนั้นแล้วพ่อแม่ครูบาอาจารย์ที่มีญาณบารมีธรรมสูงได้กล่าวทำนายเหตุการณ์ล่วงหน้าให้สามเณรเจ้าหน่อแก้วฟ้าตรงกัน ๕ รูป คือ หลวงปู่ดาบส สุมโน หลวงปู่โง่น โสรโย หลวงปู่เทสก์ เทสรังสี หลวงปู่ฤาษีลิง และครูบาเจ้าดวงดี สุภัทโท ไว้ว่า "สามเณรเจ้าหน่อแก้วฟ้านี้ หากแม้นว่าไม่ต่ออายุไว้ในพระพุทธศาสนาแล้ว ก็จักมีอายุในธาตุขันธ์ (กายเนื้อ) จวบจนอายุได้ ๓๕ ปีก็ละจะสังขาร เพราะว่าเป็นชาติสุดท้ายของท่านแล้ว แต่สำหรับสานุศิษย์ที่ต้องการพึ่งบุญบารมีและเคารพศรัทธาในวัตรปฏิบัติของท่านแล้วไซร้ ก็จงอาราธนานิมนต์ให้ท่านอยู่ได้ปีต่อปี โดยให้จัดทำกฐินอานิสงส์ให้ท่านคิดเป็นเงินกหาปนะ ๒ กหาปนะครึ่ง (คิดเป็นเงินปัจจุบันประมาณ ๓๙๙ บาท) ต่อการต่ออายุ ๑ วัน ผู้ใดทำบุญต่ออายุให้ท่านได้แต่ละปีนั้น จักได้อานิสงส์อันยิ่งใหญ่ จะมีความเจริญรุ่งเรืองในหน้าที่การงาน การเงิน มีอายุมั่นยืนยาว สุขภาพแข็งแรงสมบูรณ์ แคล้วคลาดจากภัยอันตรายทั้งปวง มีความสำเร็จในสิ่งที่ปรารถนาทุกประการ เป็นเศรษฐีมหาเศรษฐีไม่อดกลั้นอดอยาก"

    แต่ก็มีอีกวิธีหนึ่งก็คือสามเณรเจ้าหน่อแก้วฟ้าจะต้อง "เข้ากรรม" (ศิษย์มักจะเรียกว่า "นิโรธกรรม") ถือว่าเป็นการต่ออายุธาตุขันธ์ และเป็นการต่ออายุให้พระพุทธศาสนาให้เจริญรุ่งเรืองสืบต่อไป เพราะสามเณรเจ้าหน่อแก้วฟ้านั้น เป็นสาวกของพระพุทธเจ้า เป็นตัวแทนของพุทธบริษัทที่จะต้องพัฒนาและนำพาพระพุทธศาสนาที่เริ่มต้นจากรากหญ้าให้เป็นรากแก้วที่แข็งแกร่ง เผยแพร่พระพุทธศาสนาให้เจริญรุ่งเรืองด้วยศาสนสถาน ศาสนวัตถุ ศาสนบุคคล ศาสนพิธี และศาสนธรรม เป็นหลักชัยของชาวพุทธผู้มีปัญญา ให้มีขวัญมีกำลังใจในการประพฤติปฏิบัติธรรมตามแนวของพ่อแม่ครูบาอาจารย์ต่าง ๆ ที่ปฏิบัติดีปฏิบัติชอบมาดีแล้วตั้งแต่ในอดีต ให้พระพุทธศาสนาเจริญรุ่งเรืองคู่กับประเทศไทยและโลกทั้ง ๓ หรือหมื่นโลกธาตุตลอดกาลนาน


    บารมีธรรมบังเกิด

    จากความรู้ที่ครูบาอาจารย์เจ้าเมตตาสั่งสอนและชี้แนะมานี้ทำให้สามเณรเจ้าหน่อแก้วฟ้าสามารถปฏิบัติธรรมได้ในระดับที่ดีขึ้นตามลำดับและสามารถฝ่าฟันอุปสรรคในการปฏิบัติธรรมได้อย่างง่ายดาย ทำให้ท่านสามารถเริ่มสร้างบารมีธรรมตั้งแต่เป็นสามเณรน้อย ตามคำบอกเล่าของชาวบ้านหลายต่อหลายคนที่พบปาฏิหาริย์ เช่น เรื่องการย่นระยะทาง ซึ่งหากเป็นการเดินทางไปจังหวัดเชียงรายโดยทั่วไปแล้วจากพะเยา-เชียงราย วิ่งรถปกติจะใช้เวลาประมาณ ๒ ชั่วโมงกว่าๆ ก็ถึงตัวเมืองเชียงราย มีอยู่วันหนึ่งออกจากพะเยาสายไปหน่อยเวลาประมาณ ๐๘.๐๐ น. ต้องรีบไปงานมงคลที่ตัวเมืองเชียงราย ขณะนั้นเมื่อถึงทางตรงบริเวณ อ.แม่ใจ สามเณรเจ้าหน่อแก้วฟ้าก็บอกให้โชว์เฟอร์ขับรถช้าหน่อยแล้วหลับตาสักครู่ปรากฏว่า สร้างความแปลกประหลาดใจให้โชว์เฟอร์ยิ่งนักเพราะรถนั้นวิ่งมาถึงบริเวณห้าแยกพ่อขุนได้อย่างรวดเร็ว ซึ่งถือว่าใช้เวลาแค่ครึ่งชั่วโมงกว่าทันเวลาที่ทำพิธีมงคลที่บ้านญาติธรรม จ.เชียงราย

    นอกจากนั้นแล้วเมื่อคราวสามเณรเจ้าหน่อแก้วฟ้าอายุ ๑๕ ปี เคยอธิษฐานจิตอัญเชิญพระบรมสารีริกธาตุให้เสด็จต่อหน้าสาธุชนเกือบร้อยคน ณ วัดเก่ากลางทุ่งนา สร้างปรากฏการณ์มหัศจรรย์ให้แก่ผู้พบเห็น และมีคนพบเห็นบ่อยครั้งกับการที่สามเณรเจ้าหน่อแก้วฟ้าไปไหนมาไหนรวดเร็วมาก เช่นการเดินจากที่หนึ่งไปสู่ที่หนึ่งได้เร็วเกินกว่าคนธรรมดาทั่วไปจะทำได้ จนชาวบ้านลือว่าสามเณรเจ้าหน่อแก้วฟ้าล่องหนได้ นอกจากนั้นแล้วสามเณรเจ้าหน่อแก้วฟ้ายังเคยทักเกี่ยวกับเรื่องลางสังหรณ์ได้อย่างแม่นยำ เช่น บอกว่าอีกไม่กี่นาทีรถจะชนคนนั้นคนนี้ก็เป็นจริงตามนั้น เรื่องการบิณฑบาตรก็เป็นอีกเรื่องหนึ่งเพราะมีคนหลายคนเห็นว่าท่านบิณฑบาตพร้อม ๆ กันหลายที่คล้ายกับแยกร่างได้ แต่หากมีคนถามว่าท่านใช้ฤทธิ์หรือแยกร่างได้ใช่ไหม สามเณรเจ้าหน่อแก้วฟ้าก็จะตอบบ่ายเบี่ยงว่า “เข้าใจผิดมั้ง ถ้าแยกร่างได้จริงเราจะแยกร่างสร้างวัดช่วยกันหิ้วปูนสร้างวัดให้เสร็จละสิแล้วหัวเราะ” มีคนเห็นท่านเวลาอยู่ในวัดหรือเดินทางไปไหนเดี๋ยวก็หนุ่มเดี๋ยวก็แก่ สร้างความแปลกประหลาดใจยิ่งนัก มักมีคนมาถามว่าหลวงตาแก่ ๆ เมื่อกี้ไปไหนเสียล่ะ สามเณรเจ้าหน่อแก้วฟ้าก็จะตอบว่า “หลวงตาหรือ อ้อไปแล้ว”

    การทำพิธีกรรมล้านนาต่าง ๆ ของสามเณรเจ้าหน่อแก้วฟ้า เช่น เสริมสิริมงคล พลิกฟ้า พลิกแผ่นดิน ยันต์ดวงตาลปัตร พลิกดวง เสริมบารมี บูชาเทียน ๙ หน้า ๙ บารมี เทียนหนุนดวง ค้ำชะตา ให้กับพ่อค้าแม่ขาย นักธุรกิจ นักการเมือง ประชาชน ทหาร ตำรวจ ถ้าไม่ติดขัดกับวิบากกรรมเก่าของเขาเองก็จะสำเร็จตามนั้น จนเป็นที่กล่าวขาน แต่หากมีใครมาถามว่าวัตถุมงคลหรือยันต์ของสามเณรเจ้าหน่อแก้วฟ้าดีจริงหรือ สามเณรเจ้าหน่อแก้วฟ้าก็ตอบว่า "แล้วแต่บุญบารมีและศีลของแต่ละบุคคลห้ามงมงาย ถ้าทำดีก็ดี มีศีลพร้อมปฏิบัติตามหลักธรรมก็ย่อมได้ดีแน่นอน" สามเณรเจ้าหน่อแก้วฟ้ามักจะพูดหลีกเลี่ยงแบบนี้เสมอและมักจะเก็บตัว ไม่ค่อยอยากจะให้ใครมาหามากมายเพราะไม่มีเวลาได้ ปฏิบัติธรรมในสมัยนั้น

    ออกธุดงค์ครั้งแรก

    หลังจากนั้นก็ขอลาบิดามารดาออกธุดงค์เพียงลำพังรูปเดียว แต่ปรากฏว่าทางบิดามารดาและญาติไม่ยอม สามเณรเจ้าหน่อแก้วฟ้าเลยตัดสินใจหนีออกธุดงค์ตั้งแต่เป็นเณรอายุ ๑๖ ปี ธุดงค์ตั้งแต่พะเยา เชียงราย เมืองแพร่ เมืองน่าน แล้วก็หลงทางป่าเพราะยังไม่ชำนาญเส้นทาง แต่ก็ได้พบเจอครูบาอาจารย์สายวิปัสสนาหลายรูปไม่ว่าจะเป็นรูปที่ยังดำรงขันธ์หรือดับขันธ์ไปแล้ว ตลอดจจนสิงสาราสัตว์ต่าง ๆ เช่น ช้าง ผีพราย เปรต คนธรรม์ พญานาค ยักษ์ ชาวบังบด แม้กระทั่งหลวงปู่บรมครูเทพโลกอุดร ฯลฯ ก็เจอมาหมดแล้ว ไม่มีอะไรฉันบางครั้งก็ต้องฉัน ใบไม้แทน บางครั้งเทวดาสงสารก็ลงมาใส่บาตรบ้าง เดินทางด้วยเท้าเปล่าไปเรื่อย ๆ จนไม่ทราบว่าอยู่ที่ไหน มีอยู่วันหนึ่งเป็นไข้มาลาเรียอ่อนแรงมาก ตั้งสติกำหนดไปแล้วเจอทางออกสู่ถนนใหญ่บริเวณข้างป่า รอรถคันไหนก็ไม่มีที่จะผ่านมามีแต่ช้างเป็นฝูงจำนวนหลายเชือกเดินผ่านแทบจะหมดสติ สามเณรเจ้าหน่อแก้วฟ้าจึงอธิษฐานไว้ในใจว่า “กรรมใดหนอที่ทำให้ข้าพเจ้ามาตกที่นั่งลำบากเช่นนี้ แม้กระทั่งคนหรือรถยานพาหนะก็ยังไม่ ปรากฏมี หากแม้นว่าใครมีบุญบารมีอันยิ่งใหญ่ร่วมกันในอดีตชาติเคยเกื้อหนุนกันมาก่อน ที่เคยเป็นเศรษฐีมหาเศรษฐีร่ำรวยเงินทองมาจากอดีตชาติ ก็ขอให้มาพบเจอข้าพเจ้าแล้วพาข้าพเจ้าไปรักษาตัว รักษาธาตุขันธ์เพื่อให้กลับมาใช้ธาตุขันธ์นี้บำเพ็ญความดีบำเพ็ญบารมีในชาติสุดท้ายนี้ เพราะเราต้องเจอผู้อุปการะคุณผู้มีบุญเหล่านั้นเรื่อย ๆ ไป ผู้ใดให้ทรัพย์ เงินทอง และยานพาหนะแก่เราแล้ว เราจะนำไป สร้างประโยชน์คุณความดีบารมีอันยิ่งในชาติสุดท้ายนี้ ก็ขออานิสงส์บุญกุศลเก่าที่สั่งสมมาจงเกื้อหนุนให้เขาเหล่านั้นที่ค้ำชูข้าพเจ้าด้วยเงินทองในการสร้างวัดศาสนา ก็ขอให้เขารุ่งเรือง ร่ำรวย ร้อยเท่าพันทวีคูณ มีบารมีแคล้วคลาดปลอดภัยจากโรคภัยทั้งปวง มีความสุขตลอดกาลเทอญ”

    พลันขณะนั้นก็มีรถอีแต๋นคันเก่า ๆ คันหนึ่งซึ่งหาบอ้อยผ่านทางนี้พอดีก็อดสงสารสามเณรเจ้าหน่อแก้วฟ้าไม่ได้ เลยนำส่งโรงพยาบาลสุราษฏร์ธานีแล้วติดต่อกลับมาหาญาติที่พะเยา ญาติก็เลยนิมนต์สามเณรเจ้าหน่อแก้วฟ้ากลับมาที่พะเยา ภายหลังทราบข่าวว่าผู้ที่นำส่งสามเณรเจ้าหน่อแก้วฟ้ามาส่งที่โรงพยาบาลนั้นคือนายนิยะ มาโต๊ะ ถูกหวยรางวัลที่ ๑ จำนวน ๘ ใบ รวยเป็นเศรษฐี และมีความตั้งใจตามหาสามเณรเจ้าหน่อแก้วฟ้ามาโดยตลอด เมื่อได้พบกันแล้วนายนิยะ มาโต๊ะได้นำรถยนต์คันใหม่มาถวายสามเณรเจ้าหน่อแก้วฟ้า แต่สามเณรเจ้าหน่อแก้วฟ้ารับมอบแล้วก็มอบให้โรงพยาบาลไว้ใช้เป็นสมบัติของราชการ ต่อมาก็ทราบข่าวอีกว่ากิจการงานของนายนิยะ มาโต๊ะ ก็เจริญรุ่งเรือง ร่ำรวยเป็นมหาเศรษฐีอีกคนหนึ่ง

    หลังจากสามเณรเจ้าหน่อแก้วฟ้ากลับจากธุดงค์แล้วใช้เวลาหลายเดือนพอสมควร ตอนนั้นอายุได้ ๑๗ ปี ผู้เป็นบิดาได้มอบสมบัติชิ้นสุดท้ายให้แก่สามเณรเจ้าหน่อแก้วฟ้าคือ หลวงพ่อโสธร ทองเหลือง ปี ๒๕๐๐ ให้ไว้กับตัวแทนผู้เป็นบิดาเพราะผู้เป็นบิดาจะอยู่ไม่ได้แล้วเป็นโรคน้ำท่วมปอดและมะเร็ง ปอด ผู้เป็นบิดาได้ขอร้องให้สามเณรเจ้าหน่อแก้วฟ้างดธุดงค์ ขอให้อยู่กับแม่และเรียนหนังสือต่อ ฝ่ายผู้เป็นมารดาก็ขอร้องเช่นกันและแล้วก็เกิดการสูญเสียครั้งยิ่งใหญ่เพราะผู้เป็นบิดาคือนายหน้อยแหน้น ใจลา ได้เสียชีวิตด้วยโรคน้ำท่วมปอดและมะเร็งปอดด้วยวัย ๕๐ ปี ในวันที่ ๑๕ มกราคม ๒๕๓๗ สร้างความโศกเศร้าเสียใจให้แก่ทุกคนในครอบครัวและญาติทุกคนเป็นอย่างยิ่ง


    รับนิมนต์มาวัดเกษศรี

    ต่อจวบจนอายุครบอุปสมบทเป็นพระภิกษุ ตรงกับวันที่ ๑๕ มิถุนายน ๒๕๓๘ โดยมีครูบาสงบ วัดต๊ำน้ำล้อม เจ้าคณะตำบลบ้านต๊ำ เป็นพระอุปัชฌาย์ พระอาจารย์อิ่นแก้ว รตนปญฺโญ เป็นพระกรรมวาจาจารย์ และพระอาจารย์บุญแทน กิตติปญฺโญ เป็นพระอนุสาวนาจารย์ หลังจากอุปสมบทแล้วครูบาเจ้าหน่อแก้วฟ้าก็ตั้งใจศึกษาเล่าเรียนและยึดถือการปฏิบัติธรรมโดยไม่ย่อหย่อน นอกจากนั้นครูบาเจ้าหน่อแก้วฟ้ายังได้ปฏิบัติศาสนกิจทางพระพุทธศาสนา บำเพ็ญประโยชน์ต่อสังคม เผยแผ่ธรรมะของพระพุทธเจ้า สอนพระปริยัติธรรม และรับใช้ครูบาอาจารย์มาอย่างต่อเนื่อง จนกระทั่งในวันที่ ๑๗ เมษายน ๒๕๕๐ สาธุชนชาวบ้าน บ้านร้องและบ้านสีเสียด ทั้ง ๒ หมู่บ้านได้ขออาราธนานิมนต์ครูบาเจ้าหน่อแก้วฟ้ามาจำพรรษาและรักษาการเจ้าอาวาส ณ วัดเกษศรี (บ้านร้อง) โดยครูบาเจ้าหน่อแก้วฟ้าได้รับนิมนต์มาเพื่อร่วมสร้างป๋าระมี (บารมี) ตามแบบครูบาเจ้าศรีวิชัย เนื่องจากว่าในอดีตวัดเกษศรีเป็นวัดเก่าแก่ที่ชำรุดทรุดโทรมขาดการบูรณะมาช้านาน ถือว่าเป็นหน้าที่หลักของครูบาหน่อแก้วฟ้าที่จะต้องมาร่วมสร้างบารมีกับนักบุญร่วมชาติก่อนปางหลัง

    เมื่อวันที่ ๒๙ ธันวาคม ๒๕๕๑ ถึง วันที่ ๔ มกราคม ๒๕๕๒ ที่ผ่านมา เป็นช่วงสิ้นปีเก่า ต้อนรับปีใหม่ ครูบาเจ้าหน่อแก้วฟ้า จึงได้ตัดสินใจเข้ากรรม (นิโรธกรรม) แบบแพลอยน้ำ มีกระต๊อบบนแพ ๑ หลัง กว้างยาวเมตรครึ่ง นั่งภาวนาอยู่ที่เดียวบนแพลอยน้ำ โดยเป็นการบำเพ็ญอุกฤษฎ์ ๙ อย่างคือ
    ๑. งดฉันอาหารทุกประเภท
    ๒. งดฉันน้ำทุกประเภท
    ๓. งดถ่ายหนัก (อุจจาระ)
    ๔. งดถ่ายเบา (ปัสสาวะ)
    ๕. งดลุกจากอาสนะ (ที่นั่ง)
    ๖. งดนอนหลับ ทั้งกลางวันและกลางคืน
    ๗. งดพูดจาด้วยการปิดวาจา
    ๘. อยู่ลำพังบนแพลอยกลางน้ำ
    ๙. ปฏิบัติกรรมฐานอย่างเดียว


    เพื่อเอาอานิสงส์นี้ถือเป็นการแก้เคราะห์กรรมเก่าให้เหล่าสาธุชนทั้งหลาย เปิดทรัพย์เปิดโชคชัย บารมีสุขให้สาธุชน ทั้งหลายมีความสุข ความเจริญ รุ่งเรือง ร่ำรวย แคล้วคลาดปลอดภัยจากภัยอันตรายใด ๆ อายุมั่นขวัญยืน ค้ำชูพระพุทธศาสนาให้เจริญ รุ่งเรืองยิ่ง ๆ ขึ้นไป ก็มีสาธุชนทั้งหลายมาจากทั่วสารทิศ ที่มาชมบารมีครูบาเจ้าหน่อแก้วฟ้า และขอพรจากท่านครูบาเจ้าหน่อแก้วฟ้า ทำให้ ท่านสาธุชนเหล่านั้นมีโชคมีชัย รวยและปลอดภัยจากโรคภัยกันถ้วนหน้า

    หลักชัยของพุทธศานิกชน

    เมื่อก่อนคนทั้งหลายก็ยังไม่มีความเชื่อมั่นในตัวครูบาเจ้าหน่อแก้วฟ้า เพราะว่าเป็นหนุ่มตนน้อย หน้าตายังเป็นละอ่อนอยู่ ไม่น่าจะมีความสามารถอะไร จนบางคนวิพากษ์วิจารณ์ดูหมิ่น ดูถูก พูดจาถากถางว่าจะไปสักกี่น้ำ จะทำอะไรได้เพราะอายุยังน้อยอยู่จนเวลาผ่านไป ๕ เดือน ด้วยบารมีธรรมเก่าของครูบาเจ้าหน่อแก้วฟ้า ก็ได้จัดตั้งกลุ่มเยาวชนคนรักษ์วัดกลองสะบัดชัยขึ้น เพื่อให้มีชัยชนะและความสำเร็จเหมือนชื่อหน่อแก้วฟ้าไจยา จนเยาวชนวัดเกษศรีมีชื่อเสียงโด่งดังข้ามจังหวัด ด้วยความสามารถและความสามัคคีของกลุ่มเยาวชนเองที่มีหลักชัยคือครูบาเจ้าหน่อแก้วฟ้านั่นเอง

    ปัจจุบันมีสาธุชนต่างที่ใกล้และที่ไกล ต่างบ้าน ต่างอำเภอ ต่างจังหวัด และต่างประเทศมากราบนมัสการ รวมถึงถวายปัจจัยและสิ่งของเพื่อสืบทอดพระศาสนาและเป็นการร่วมบุญบารมีกับครูบาเจ้าหน่อแก้วฟ้าอย่างไม่ขาดสาย ทำให้ในแต่ละวันครูบาเจ้าหน่อแก้วฟ้าแทบไม่มีเวลาพักผ่อน ด้วยเหตุที่ครูบาเจ้าหน่อแก้วฟ้าเป็นผู้เจริญในเมตตาและบารมีธรรม จึงปรารถนาที่จะโปรดและให้ความช่วยเหลือแก่สรรพสัตว์ทั้งหลายไม่ว่าจะยากดีมีจน เป็นใคร มาจากไหน หากเขาเหล่านั้นเป็นผู้ตกทุกข์ได้ยากและมีความตั้งใจที่จะขอบารมีจากท่าน ครูบาเจ้าหน่อแก้วฟ้าก็จะโปรดให้ความอนุเคราะห์อย่างไม่เลือกชนชั้นวรรณะ โดยไม่เห็นแก่ลาภสักการะที่มีสาธุชนนำมาถวายให้แต่อย่างใด ครูบาเจ้ามักจะกล่าวว่า “อาตมาเองเป็นครูบาตนเดียวที่ยากจนที่สุด แต่รวยน้ำใจมากที่สุด” หมายถึงว่าท่านนำลาภสักการะต่าง ๆ เหล่านั้นที่ได้รับจากสาธุชน นำไปสืบสานพระพุทธศาสนาให้ยั่งยืนและเพื่อช่วยเหลือสังคมในด้านสาธารณกุศลจนเป็นที่ประจักษ์ อาทิ

    ชี้แนะคนที่ขาดกำลังใจ หรือ ที่พึ่งทางใจ ให้มีที่ปรึกษาชี้แนะที่ถูกทาง สอดคล้องตามหลักธรรมในพระพุทธศาสนา เพื่อให้ทางออกที่เหมาะสมและนำไปใช้แก้ไขปัญหาชีวิตประจำวัน
    สำหรับคนที่ต้องการความสุขสงบในจิตใจสามารถมาปรึกษาสนทนาธรรมและปฏิบัติธรรมตามความสามารถในสติปัญญาของตน
    สืบสานและเผยแผ่พิธีกรรมทางพระพุทธศาสนาแบบล้านนา เพื่อเป็นการรักษาประเพณีอันดีงามและเป็นการสร้างคนดีในสังคมอีกทางหนึ่ง
    นำปัจจัยสมทบการก่อสร้าง ถาวรวัตถุภายใน วัดเกษศรี ให้มีความเจริญรุ่งเรืองถือว่าเป็นการสืบทอดพระพุทธศาสนาวัดเกษศรีให้เจริญถาวรคู่กับบ้านเมืองภูกามยาว
    นำปัจจัยสมทบกองทุนการศึกษาพระภิกษุสามเณรภายในวัดเกษศรี ให้หมู่คณะสงฆ์และสามเณรมีความรู้และความสามารถ เพื่อเป็นกำลังสำคัญของบ้านเมืองและพระศาสนาสืบไป
    นำปัจจัยสมทบค่าภัตตาหารเช้า-เพล แด่พระภิกษุสามเณร ภายในวัดเกษศรี ให้มีกำลังกาย กำลังใจในการประพฤติวัตร ปฏิบัติธรรมตามสติกำลัง เพื่อสืบทอดพระพุทธศาสนาให้เจริญรุ่งเรือง
    นำปัจจัยสมทบกองทุนคณะสงฆ์ในตำบล ตำบลใกล้เคียง ในอำเภอภูกามยาว และในจังหวัดพะเยาโดยจะถวายในวันปวารณาเข้าพรรษาในแต่ละปี และใช้จ่ายในกิจการงานพระพุทธศาสนาของวัดเกษศรี
    นำปัจจัยสมทบทุนการศึกษานักเรียนที่เรียนดี แต่ยากจนในโรงเรียน ต่างๆ ในดุลพินิจ เป็นการให้โอกาสคนที่เรียนดี มีวิชาติดตัว เป็นประโยชน์ต่อชาติบ้านเมือง
    ๙.นำปัจจัยสมทบเพื่อการสงเคราะห์ผู้ป่วย เด็กกำพร้า คนชรา และ คนยากจน ตามชนบทต่าง ๆ ให้บรรเทาความเดือดร้อน มีความเป็นอยู่ที่ดีขึ้น


    มารบ่มี บารมีบ่เกิด
    จากความตั้งใจอย่างมุ่งมั่นและแน่วแน่ของครูบาเจ้าหน่อแก้วฟ้าที่ได้ทำมาอย่างต่อเนื่องเป็นระยะเวลาหลายปี ทำให้ผู้ที่มิจฉาทิฎิและมีอคติด้วยความไม่รู้และความเข้าใจที่ถูกต้องในวัตรปฏิบัติและปฏิปทาของครูบาเจ้าหน่อแก้วฟ้า จึงพยายามที่หาเหตุบ้าง กล่าวร้ายบ้าง ต่าง ๆ นานา แต่ครูบาเจ้าหน่อแก้วฟ้า ไม่เคยนำมาใส่ใจเพราะท่านถือว่า “มารบ่มี บารมีบ่เกิด หรือศัตรูคือยาชูกำลัง” ดูอย่างครูบาเจ้าศรีวิชัย (ต๋นบุญแห่งล้านนา) ก็ยังเจอปัญหามาอย่างมากมายนานับประการ แต่ท่านก็สามารถฝ่าฝันฟันได้จนสำเร็จในที่สุดแม้ว่าจะใช้ระยะเวลาอย่างยาวนาน ถือว่าเป็นการบำเพ็ญบารมีชั้นสูงที่ทำได้ยากประการหนึ่ง

    ทุกวันนี้ครูบาเจ้าหน่อแก้วฟ้าไจยา ได้รับการยอมรับว่าเป็นครูบาหนุ่มนักปฏิบัติธรรมและนักพัฒนา อย่างแท้จริง ที่สร้างบารมีโดยการให้ทานและมีเมตตากับคนทุกเพศทุกวัยทุกชนชั้นวรรณะไม่เลือกยากดีมีจน หรือเลือกที่รักมักที่ชัง ถ้าใครมาหาท่านพบปะสนทนาธรรมกับท่าน ท่านก็ยิ้มแย้มแจ่มใสทักทายปราศรัยกัน ถ้าไม่ติดธุระหรือการงานใด ท่านก็มีเมตตาช่วยเหลือพูดคุยแนะนำ สนทนาธรรม แลกเปลี่ยนความคิดเห็น นอกจากนั้นแล้วครูบาเจ้าหน่อแก้วฟ้ายังได้นำพิธีกรรมสำคัญ ๆ ต่าง ๆ ของทางล้านนาที่กำลังจะสูญหายไปมาประยุกต์ใช้ให้เข้ากับพิธีกรรมต่าง ๆ และหลักธรรมทางพระพุทธศาสนา และยังช่วยเหลือสาธุชนทั่วไปโดยเป็นยาใจหรือธรรมะโอสถแก่สาธุชนทั้งหลายให้ตั้งจิตตั้งใจ เป็นคนดี ละความชั่ว ทำจิตใจให้ผ่องใส เชื่อมั่นในตัวเอง ขยันหมั่นเพียร มีสติ พึ่งตนเอง มีศีลห้า ทำตนให้ เป็นประโยชน์ต่อสังคม ฯลฯ นี่คือหลักในการเผยแผ่พระพุทธศาสนาของครูบาเจ้าหน่อแก้วฟ้า อันเป็นการสร้างบุญบารมีอันยิ่งใหญ่ แม้ว่าครูบาเจ้าหน่อแก้วฟ้าจะเกิดชาติสุดท้ายแล้วก็ตาม ก็ขอฝากความดีนี้ไว้ในโลก นำสัตว์ทั้งหลายที่มีบารมีร่วมกันข้ามพ้นโอฆวัฏฏะสงสาร แม้นว่าเขาเหล่านั้นยังไม่หลุดพ้นก็ขอ ให้เขาเหล่านั้นที่มีบารมีกระทำร่วมกับครูบาเจ้า ขอให้มีความสุข ความเจริญ ความรุ่งเรือง ความร่ำรวย เป็นเจ้าคนนายคน มีรถมียาน พาหนะ มีความสะดวกคล่องแคล่วในการงาน การค้าการขาย แคล้วคลาดปลอดภัยจากโรคภัย ไข้เจ็บ มีอายุมั่นขวัญยืน ความไม่มี ความไม่ได้ ขออย่าให้เกิดกับคนทั้งหลายที่บำเพ็ญบารมีมาร่วมกับครูบาเจ้าหน่อแก้วฟ้า ขอให้เขาเหล่านั้นพบพระพุทธศาสนาทุกชาติ ทุก ๆ ภพ ด้วยเทอญ


    ที่มา : ประวัติครูบาเจ้าหน่อแก้วฟ้า (พระเจษฎา โชติปญฺโญ)

    Facebook : ลานธรรมฯ ครูบาเจ้าหน่อแก้วฟ้า
     
  5. Muang99

    Muang99 เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    10 กุมภาพันธ์ 2011
    โพสต์:
    4,256
    กระทู้เรื่องเด่น:
    6
    ค่าพลัง:
    +6,517
    ตะกรุดคอแมว ด้าน1.jpg ตะกรุดคอแมว ด้าน2.jpg
    รายการที่ 3. ตะกรุดคอแมว (เชือกแดง) หลวงปู่จันทร์หอม สุภาทโร วัดบุ้งขี้เหล็ก อุบลราชธานี ราคาทุน 1,550 บาท พิเศษบูชาที่ 850 บาท EMS 50 บาท

    ตะกรุดคอแมว (เชือกแดง) รุ่นแรกๆ อันโด่งดัง หลวงปู่จันทร์หอม สุภาทโร สุดยอดประสบการณ์ หายากครับ สภาพสวยเดิมๆ จากวัด ไม่เคยผ่านการใช้งาน

    หลวงปู่จันทร์หอม วัดบุ่งขี้เหล็ก ต.นาแวง อ.เขมราฐ จ.อุบลราชธานี

    "เจ้าตำรับตะกรุดคงกะพันมหาอุตม์แห่งแดนอีสาน"

    หลวงปู่จันทร์หอม พระเกจิชื่อดังในสายสำเร็จลุน เป็นศิษย์เอกสำเร็จตันผู้เก่งกาจ วิชาของหลวงปู่จันทร์หอมถือได้ว่าอยู่ในลำดับต้นๆ ในสายของสำเร็จลุน

    หลวงปู่จันทร์หอมท่านเป็นศิษย์สมเด็จลุน ยุคสุดท้ายท่านมีโอกาสได้ศึกษาวิชากับสมเด็จลุนโดยตรงเนื่องจากท่านเป็นหลานของสำเร็จตัน

    ตะกรุดยุคแรกๆท่านจะจารมือให้รอรับได้เลย ก่อนเอาไปถ้าเป็นทหารตำรวจท่านให้ลองก่อนโดยทำเสร็จท่านผูกคอแมวที่ท่านเลี้ยงไว้แล้วให้ยิง ไม่มีออกครับ นี่คือตะกรุดที่สร้างชื่อให้ท่านจากนั้นท่านก็เริ่มเป็นที่รู้จักมากขึ้น

    ถึงขนาดมีคำพูดกันว่า "ในอุบลราชธานีปัจจุบันนี้มีสิงห์เหนือเสือใต้" กล่าวคือ สิงห์เหนือได้แก่หลวงปู่คำบุซึ่งมีชื่อเสียงแถบพิบูลมังสาหาร ตาลสุม ส่วนเสือใต้ก็คือหลวงปู่จันทร์หอมนั่นเองที่มีชื่อเสียงในละแวก เขมราฐ วารินชำราบ

    หลวงปู่จันทร์หอม คือพระเกจิอาจารย์ ที่อ.หม่อม นิรนามไตรภูมิ ผู้สร้างเหรียญมหายันต์พระนเรศวร-กรมหลวงชุมพร ให้เคารพนับถือเป็นอย่างมาก

    ปัจจุบัน ตะกรุดของหลวงปู่จันทร์หอม หาได้ยากแล้วครับ
     
  6. Muang99

    Muang99 เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    10 กุมภาพันธ์ 2011
    โพสต์:
    4,256
    กระทู้เรื่องเด่น:
    6
    ค่าพลัง:
    +6,517
    รูปหลวงปู่1.jpg
    หลวงปู่จันทร์หอม สุภาทโร ถือกำเนิดเมื่อ เดือน 5 ปี มะโรง พุทธศักราช 2459 (โดยสมัยนั้นยังไม่มีการจดบันทึกวันเดือนปีเกิด ทางคณะศิษย์ยานุศิษย์จึงขอให้วันที่ 1 มีนาคม ของทุกปี เป็นวันคล้ายวันเกิด เพื่อมุฑิตาจิตต่อองค์หลวงปู่)

    เกิดที่บ้านนาเอือด อ.ศรีเมืองใหม่ จ.อุบลราชธานี โดยสมัยนั้นการเดินทางไปประเทศลาวยังสะดวก ไม่ยุ่งยากดังเช่นปัจจุบัน ฉะนั้นคนในหมู่บ้านนาเอือด และครอบครัวหลวงปู่จึงอพยพไปอยู่ยังประเทศลาว

    เนื่องจากมีพื้นที่เหมาะแก่การเพราะปลูก โดยครอบครัวหลวงปู่และญาติอีก 2 ครัวเรือนได้จับจองพื่นที่ ณ ตีนเขาลูกหนึ่งประกอบอาชีพทำนาทำไร่

    ซึ่งในทุกๆ วันจะมีพระรูปหนึ่ง พระรูปนี้มีศักดิ์เป็นลูกพี่ลูกน้องกับโยมพ่อของหลวงปู่ได้จำพรรษาอยู่หลังเขาจะเทียวมาบิณฑบาตร โปรดทั้ง 3 ครอบครัวอยู่เสมอ ซึ่งพระรูปนั้นก็คือ “สำเร็จตัน” ศิษย์แห่งองค์สมเด็จลุน นั้นเอง

    บวชตั้งแต่เด็กรับใช้พระพุทธศาสนาตลอดชีวิต

    เมื่อหลวงปู่จันทร์หอม มีอายุได้ 12 ปี สำเร็จตันจึงขอพาไปรับใช้อุปฐาก และสอนสั่งหนังสือให้ หลวงปู่จันทร์หอม ขณะนั้นยังเป็นเด็กมีความซุกซนอยากรู้อยากเห็น

    เมื่อไปอยู่กับสำเร็จตัน วันๆหนึ่งวิ่งเล่นอะไรก็ไม่ได้ มีแต่ท่องจำหนังสือ จึงเกิดความเบื่อหน่ายหนีกลับมาหาพ่อแม่ที่บ้าน แต่สำเร็จตันก็กลับมาตามรับตัวเอาไปอีก

    เป็นอย่างนี้อยู่หลายครั้ง จนสำเร็จตันคิดว่าอยู่ใกล้พ่อแม่ไม่ได้แล้ว จึงพาหลวงปู่จันทร์หอมขึ้นภูเขาควาย ไปอยู่ในถ้ำบวชนุ่งขาวหุ่มขาว ถือศีล 8 สอนหนังสือ ปฏิบัติธรรม ถ้าไม่ทำตามก็จะถูกตีด้วยไม้เรียว ผ้าขาวน้อยจันทร์หอมในขณะนั้นไม่มีทางเลือก จะหนีกลับก็ไม่ได้เพราะไม่รู้ทาง จึงจำใจร่ำเรียนปฏิบัติตามคำสั่งสอนทุกบรรทัดอย่างเคร่งครัด

    ศึกษาอยู่นานราว 2 ปี จนมีความประพฤติใช้ได้ สำเร็จตันจึงบวชเรียนให้ ขณะนั้นหลวงปู่จันทร์หอมมีอายุได้ 14 ปี บวชตั้งแต่ตอนนั้นจนปัจจุบันนี้ไม่เคยสึกเลย

    รูปสมเด็จลุน.jpg

    พบปรมาจารย์ใหญ่องค์สมเด็จลุน


    เมื่อบวชเณรได้ไม่นานนัก สำเร็จตันก็พามาพบสมเด็จลุนที่ภูมะโมง ได้กราบนมัสการฝากตัวเป็นศิษย์ อยู่ปฏิบัติธรรมและศึกษาไสยเวทกับสมเด็จลุน โดยเฉพาะวิชาธรรมธาตุจนแตกฉาน รวมระยะเวลาอยู่กับสมเด็จลุนประมาณ 5 ปี

    ต่อมาสำเร็จตันจึงพากราบลานมัสการสมเด็จลุน ออกเดินทางวิเวกธุดงในป่าเขาเพื่อหาประสบการณ์ในสัจธรรมเป็นเวลากว่า 2 ปี ขณะนั้นอายุ 20 ปี สำเร็จตันจึงพาออกจากป่ามาบวชพระ

    เมื่อบวชพระแล้วพระภิกษุจันทร์หอม มีความคิดที่จะเล่าเรียนพระปริยัติธรรม ได้ขออนุญาตสำเร็จตัน เมื่อสำเร็จตันอนุญาตจึงออกเดินทางไปเรียนในสำนักปริยัติธรรม จนจบ ป.ธ.4 ใช้เวลาปริยัติธรรมถึง 8 ปี

    เมื่อเรียนรู้หลักทางปริยัติธรรมพอสมควร จึงได้ข้อคิดว่าแท้จริงแล้วหลักพระธรรมคำสั่งสอน จะรู้แจ้งเห็นจริงตัวเราเองต้องปฏิบัติเองถึงจะเห็นผล ประกอบกับหลวงปู่ไม่ยินดีอยู่ในเมืองที่วุ่นวาย และไม่ยินดีในตำแหน่งปกครองที่ทางคณะสงฆ์จะมอบให้ จึงหันหลังเข้าสู่ป่าธุดงค์ขึ้นภูมะโรงซึ่งมีความสัปปายะวิเวกถูกจริตกับหลวงปู่อย่างมาก

    เหตุที่มาอยู่ประเทศไทย

    ในสมัยประเทศลาวเกิดสงครามสู้รบขึ้นภายในประเทศขณะนั้นน้องชายหลวงปู่เป็นทหารยศร้อยโทออกสนามรบ ได้หายตัวไปจากกองร้อยอย่างไร้ร่องรอย ทุกคนเข้าใจว่าตายไปแล้ว แต่ความเป็นห่วงพ่อแม่ของพ่อแม่ จึงได้พูดกับหลวงปู่ว่าถึงอย่างไรให้สืบหาน้องให้รู้ ถ้าตายอยู่ที่ไหนพอเก็บกระดูกได้ ก็ให้เก็บกระดูกน้องมาทำบุญด้วย

    ต่อมาเมื่อสถารการณ์ในบ้านเมืองเข้าสู่ปกติ ประเทศไทย-ลาว สามารถไปมาหาสู่กันได้เป็นปกติและได้ยินข่าวว่าน้องชายยังมีชีวิตอยู่ที่ อ.เขมราฐ บ้านโบกม่วง เลยคิดจะมาสืบดูว่าจริงหรือไม่

    วันที่ท่านมา วันนั้นเป็นงานประจำปีให้คนไทยลาว มากราบนมัสการพระเจ้าใหญ่องค์ตื้อ วัดปากแซง โดยขณะที่หลวงปู่รอเรืออยู่ที่ฝั่งลาว บังเอิญมีเรือลำหนึ่งมาเทียบท่าตรงที่หลวงปู่ยืนรออยู่พอดี คนขับเรือขออาสาไปส่งหลวงปู่

    เมื่อส่งถึงฝั่งไทยหลวงปู่จะให้เงินเขาไม่รับ หลวงปู่จึงอนุโมทนาให้พรแล้วเดินขึ้นมาจากท่า เมื่อหันกลับไปไม่มีเรือลำเดิม ถามเรือ 2 ลำที่จอดอยู่ก่อนหน้าเขาก็ไม่เห็น

    หลังจากเหตุการณ์นั้นหลวงปู่จึงขึ้นมากราบนมัสการพระเจ้าใหญ่องค์ตื้อ ทำบุญกับทางวัดไป 50 บาท ตอนนั้นมีเงินติดตัวมา 200 บาท

    รูปหลวงปู่2.jpg

    ศรัทธาปาฏิหาริย์ เมตตาบารมี (ที่มาของตะกรุดคอแมว)

    ในวันหนึ่งขณะที่หลวงปู่ออกบิณฑบาตร ขากลับฝนตกอย่างหนักเจอลูกแมวตากฝนอยู่ มองดูแล้วถ้าไม่ช่วยมันก็คงตายแน่ จึงพากลับมาที่วัดด้วย จับมันไปผิงไฟเมื่อตัวแห้งก็หาข้าวปลาให้มันกิน เลี้ยงดูจนมันโต

    พอมันโตกีมีแมวป่ามากัดจนเป็นแผลเหวอะหวะ ท่านก็หายาสมุนไพรมาใส่ให้จนหาย ครั้นเมื่อหายดีแล้วก็มิวายโดนอีก ด้วยความสงสารหลวงปู่จึงเขียนตะกรุดแขวนคอให้มัน

    หลังจากนั้นก็โดนแมวป่ากัดแต่ครั้งนี้นั้นไม่เป็นไร กลับกันซ้ำยังกัดแมวป่าคืนเสียอีก จนแมวป่าหนีไป คราวนี้เจ้าแมวกลับย่ามใจเทียวไล่กินไก่น้อยชาวบ้าน ไก่บ้านไหนฟักออกใหม่ๆ โดนกินจนหมด จนชาวบ้านเอาปืนมายิงแต่น่าแปลกก็คือ ยิงเท่าไร ก็ยิงไม่ออก

    จนวันหนึ่งบังเอิญมีทหารอากาศประอยู่กองบิน 21 กลับมาบ้าน เห็นแมวไล่ตะครุบกินไก่น้อย จึงเอาปืนมาไล่ยิง ไล่แมวตัวนี้จนมาถึงวัด เห็นมันหนีเข้าศาลาไปหาหลวงปู่ ญาติโยมจึงนำความไปแจ้งหลวงปู่ว่า แมวของหลวงปู่ตัวนี้มันไปไล่กินไก่ชาวบ้านเขา จนชาวบ้านนำปืนมายิง แต่ก็ยิงไม่ออก แมวตัวนี้มันมีอะไรดี

    หลวงปู่จึงบอกมาให้ลองดูเอง เขาก็พากันมาจับดูจึงเห็นตะกรุดแขวนอยู่ที่คอแมว คนที่เป็นทหารอากาศเลยปลดออกจากคอแมว และกราบขอหลวงปู่ไปพกติดตัว หลวงปู่จึงให้ไป

    เมื่อทหารนายนี้ได้รับตะกรุดแล้วก็กลับไปที่ค่าย เอาตะกรุดไปลองกับจ่าวิโรจน์ ปรากฏว่ายิงเท่าไรก็ยิงไม่ออก ซึ่งวันเดียวกันนั้นก็มีนายทหารจากฐานทัพดอนเมืองมาตรวจราชการก็บังเอิญได้เห็นเหตุการณ์ด้วย จึงขอเอาไปติดตัว นายทหารผู้นั้นคือ น.อ.สุนทร นามศิริ และยังมีผู้เห็นเหตุการณ์อีก 2 คน คือ พล.อ.ท. กึกก้อง แก้วสว่าง และ น.ท.โกญจนา บำเพ็ญผล

    ซึ่งหลังจากนั้นชื่อเสียงของหลวงปู่ก็เริ่มเป็นที่รู้จักกว้างขวางมากขึ้น ก็เพราะเจ้าแมวตัวนั้นตัวเดียว


    เครดิต : ประวัติหลวงปู่จันทร์หอม
     
  7. Muang99

    Muang99 เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    10 กุมภาพันธ์ 2011
    โพสต์:
    4,256
    กระทู้เรื่องเด่น:
    6
    ค่าพลัง:
    +6,517
    รูปหลวงพ่อดำ.jpg

    พระครูนิภาวิหารกิจ (ดำ จนฺทสโร)

    หลวงพ่อดำ จนฺทสโร (15 เมษายน พ.ศ. 2484 — 3 ธันวาคม พ.ศ. 2551) อดีตเจ้าอาวาส วัดใหม่นภาราม ผู้ที่สืบทอดวิชาการสร้างไม้ครูและพระควัมบดี (พระปิตตา) มาจากหลวงพ่อครน วัดบางแซะ (เจ้าของพระปิตตาค่านิยมหลักแสนหลักล้าน) วัตถุมงคลของหลวงพ่อดำโด่งดังไปทั่วเมืองไทย สิงคโปร์ และมาเลเซีย ปิดกันให้แซ่ดว่า ขลังยิงไม่ออก แคล้วคลาดจากอันตรายนานัปการ เป็นมหาลาภ ปลดหนี้ปลดสิน พลิกฟื้นดวงชะตาได้อย่างไม่น่าเชื่อ แม้แต่ พระมหากษัตริย์ บางรัฐของมาเลเซีย ยังแขวนพระปิตตาและถือไม้ครูของท่านด้วยความศรัทธา เนื่องจากในสมัย 10 ปีก่อน มีการทดสอบพระปิตตาของท่านในมาเลเซีย ต่อหน้ากษัตริย์แห่งรัฐนั้น ผลคือมหาอุตยิงไม่ออก เป็นที่กล่าวขานทั้งชาวไทยและชาวต่างประเทศที่อยู่ในเหตุการณ์ เรื่องราวทั้งหมดได้ตีพิมพ์อยู่ในหนังสือพิมพ์ ครูบาอาจารย์ของท่าน นอกจากหลวงพ่อดำ ได้ไปศึกษากับหลวงพ่อครนแล้ว ท่านยังได้ไปศึกษาเพิ่มเติมกับ หลวงปู่โต๊ะ วัดประดู่ฉิมพลี (27 มีนาคม พ.ศ. 2430 — 5 มีนาคม พ.ศ. 2524) อีกด้วย แค่เอ่ยนามก็สามารถรับรู้ทันทีได้ว่า ท่านจะมีความเก่งกล้าเพียงใดในวิชาอาคม ส่วนสหธรรมิกของท่านได้แก่ หลวงพ่อทอง วัดสำเภาเชย (5 เมษายน พ.ศ. 2461 — 26 เมษายน พ.ศ. 2554) และพ่อท่านเหมาะ วัดรังสิตาวาส จังหวัดยะลา

    ชาติภูมิของท่าน

    ท่านมีนามเดิมว่า ดำ ไกรน้อย ท่านเกิดเมื่อวันที่ 15 เมษายน พ.ศ. 2484 ตรงกับรัชสมัยพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวอานันทมหิดล รัชกาลที่ 8 ณ บ้านเลขที่ 200 หมู่ 6 ตำบลพร่อน อำเภอตากใบ จังหวัดนราธิวาส เป็นบุตรของนายจันทร์และนางจันทร์ ไกรน้อย มีพี่น้องร่วมกัน 2 คน ท่านเป็นบุตรคนโต ในวัยเด็กโยมบิดานำท่านมาฝากไว้ที่สำนักเรียนที่วัดใหม่นภาราม จนจบชั้นประถมศึกษาปีที่ 4 โดยมีพระอธิการจันทร์ อดีตเจ้าอาวาสวัดใหม่นภาราม เป็นผู้ดูแลและอบรมความประพฤติ ซึ่งในวัยเด็กท่านดำก็เป็นคนที่มีความประพฤติเรียบร้อยอยู่แล้ว ไม่เกกมะเหรกเกเรเหมือนเพื่อนฝูงในวัยเดียวกัน เนื่องจากครอบครัวของท่านเป็นผู้ที่เคร่งครัดในขนบธรรมเนียมประเพณี ไทยมาตั้งแต่โบราณ เมื่อถึงเทศกาลทำบุญก็จะพากันเข้าวัดเข้าวา ทำบุญสุนทานอยู่เป็นประจำ ทำให้ท่านดำมีจิตใจที่อ่อนโยน มีเมตตาต่อสัตว์อื่น ๆ เหมือนลูกไม้หล่นไม่ไกลต้น และท่านเป็นคนที่มีความขยันหมั่นเพียร เอาใจใส่ในการงานเช่น การทำไร่ไถนา รวมทั้งช่างก่อสร้างที่มีฝีมือคนหนึ่ง เมื่ออายุครบ 20 ปี ท่านจึงได้อุปสมบทเป็นพระภิกษุเมื่อปี พ.ศ. 2504 ณ พัทธสีมาวัดใหม่นภาราม โดยมีพระครูนิพัทธกาลัญญา วัดประชุมชลธาดา เป็นพระอุปัชฌาย์ พระปลัดม่วง ฐิตธัมโม เป็นพระกรรมวาจาจารย์ พระอธิการนุ้ย วัดใหม่นภาราม เป็นพระอนุสาวนาจารย์ ได้รับฉายาว่า จันทสโร หลวงพ่อดำ ได้อยู่ศึกษาพระธรรมวินัยและพระปริยัติธรรม สามารถสอบนักธรรมชั้นตรีและนักธรรมชั้นโตได้ตามลำดับ ต่อมาจึงสนใจใฝ่รู้ และได้เรียนศึกษาด้านวิปัสสนากรรมฐาน ไสยศาสตร์ คาถาอาคม ได้ศึกษาวิชาเหล่านี้จาก คำภีร์ สมุดข่อยใบราณ อันเป็นของอันเก่าแก่ภายในวัด และศึกษาหลักโดยตรงกับเจ้าอาวาส จนมีความเชี่ยวชาญทางด้านภาคปฏิบัติ ปริยัติ และปฏิเวธ ในพรรษาที่ 4 ท่านได้ย้ายมาจำพรรษาอยู่ที่วัดประชาภิรมย์ อยู่ในตัวเมืองนราธิวาส ในช่วงนี้ท่านก็สามารถสอบผ่านนักธรรมชั้นเอก จำพรรษาอยู่ที่นั่นนานถึง 10 พรรษา

    การเดินธุดงค์

    เป็นการบำเพ็ญบารมีธรรม พระธุดงค์บางรูปก็ชอบโปรดชาวบ้านด้วยการสอนให้รักษาศีล ปฏิบัติสมาธิและวิปัสสนา ให้เข้าถึงพระรัตนตรัย ให้เลิกละการนับถือภูตผีปีศาจ สิ่งเหลวไหลงมงายโดยสิ้นเชิง เพราะการนับถือผีเป็นความหลงผิด มีแต่ความทุกข์ แต่การนับถือพระพุทธ พระธรรม พระสงฆ์ และยึดถือศีล 5 ศีล 8 เป็นข้อปฏิบัติ เมื่อตายแล้วจะได้ไปเกิดเป็นเทวดาอยู่บนสวรรค์ หลวงพ่อดำท่องเที่ยวธุดงค์ไปทั่วภาคเหนือเป็นเวลาหลายปี สถานที่ปลีกวิเวกส่วนมากมักจะเป็นป่าช้า หรือป่าเขาลำเนาไพร ในระหว่างการธุดงค์นี้ เมื่อได้ยินข่าวว่าครูบาอาจารย์ท่านไหนดี ก็จะไปฝากตัวเป็นลูกศิษย์ขอเรียนวิปัสสนากรรมฐานบ้าง เรียนคาถาอาคมบ้าง และจนกระทั่งตำราแพทย์แผนโบราณ ท่านก็ได้เริ่มเรียน หลังจากนั้นท่านได้เดินทางกลับนราธิวาสบ้านเกิดของท่าน มาจำพรรษาวักที่ท่านคุ้นเคย คือ วัดใหม่นภาราม สืบมาจนกระทั่งมรณภาพ ในปี พ.ศ. 2528 ท่านได้รับการแต่งตั้งเป็นพระอุปัชฌาย์ ทำหน้าที่อุปสมบทให้กุลบุตรผู้ใฝ่ธรรมในปี พ.ศ. 2543 ได้รับสมณศักดิ์เป็นพระครูชั้นเอกที่ พระครูนิภาวิหารกิจ แต่น่าเสียดาย ท่านได้มาถึงแก่มรณภาพในวันที่ 3 ธันวาคม พ.ศ. 2551 ด้วยวัย 67 ปี 47 พรรษาเสียก่อน ทั้งทั้งที่อายุยังไม่เยอะเลย

    ที่มา : https://th.wikipedia.org/wiki/พระครูนิภาวิหารกิจ_(ดำ_จนฺทสโร)
     
  8. Muang99

    Muang99 เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    10 กุมภาพันธ์ 2011
    โพสต์:
    4,256
    กระทู้เรื่องเด่น:
    6
    ค่าพลัง:
    +6,517
    ล็อกเก็ตครูบาพรชัย ด้านหน้า11.jpg
    ล็อกเก็ตครูบาพรชัย ด้านหลัง22.jpg
    รายการที่ 5. ล๊อกเก็ตครูบาพรชัย วรปัญโญ วัดพระธาตุหมอกมุงเมือง บูชา 2,600 บาท EMS 50 บาท

    ล๊อกเก็ตครูบาพรชัย วรปัญโญ รุ่น 2 วัดพระธาตุหมอกมุงเมือง จ.เชียงราย หลังแผ่นทองแดง ด้านหลังยันต์พระเจ้าเปิดโลก ตอกโค้ทหมายเลข ๑๔๓๕

    ล๊อกเก็ตครูบาพรชัย วรปัญโญ" วัดพระธาตุหมอกมุงเมือง อ.พญาเม็งราย จ.เชียงราย..ท่านผู้จัดสร้างตามขอสร้างมากว่าสองปีเมื่อปีที่แล้วท่านถึงอนุญาตให้สร้างได้ โดยกำหนดให้สร้างเพียง 2557 อันตามปีที่ท่านอนุญาต โดยไม่ให้สร้างเกิน....ช่างที่จัดทำขอสร้างเผื่อกันเสียจากเผา ท่านไม่อนุญาตบอกให้สร้างเท่านั้น ทำออกมาเสร็จช่างยกมือใส่หัวครับ เพราะว่าล๊อกเก็ตทุกอันไม่มีเสียมีแตกแม้แต่อันเดียว จนช่างกล่าวว่า "ครูบาองค์นี้ไม่ธรรมดา" เพราะปกติหากเผาแล้วอย่างน้อยต้อง20-40 เปอร์เซ็นต้องเสียหายบิ่นชำรุดหรือแตกแต่ของครุบาสมบูรณ์หมดทุกอันซึ่งช่างก็ไม่เคยเจอเช่นกัน......ถ้าถามตัวผมแล้วผมรับใช้ครูบามานานกว่าสิบห้าปีแล้วครับ เห็นคนมาพึ่งบารมีท่านมากมายจนนับไม่ไหวตั้งแต่เจ้าใหญ่นายโตจนถึงยาจกเข็ญใจท่านเมตตาหมดไม่มีเลือกชั้นวรรณะ ล๊อกเก็ตรุ่นแรกองค์ละสามหมื่นสี่หมื่นมีคนบูชานะครับขอบอกเพราะประสบการณ์เล่าไม่จบ เจ้าของธุรกิจใหญ่ของเมืองไทยหากเอ่ยชื่อแล้วเป็นต้องร้องอ๋อกันทุกคนยังแขวนเดี่ยวล็อกเก็ตครูบาครับเพราะบารมีท่านพลิกธุรกิจที่ย่ำแย่ไม่ไหวแล้วให้กลับกลายมามีผลกำไรมหาศาล

    ล๊อกเก็ตชุดนี้มีคนสร้างถวายครูบาเพื่อหาปัจจัยสร้างหอคำหลวงที่วัด โดยแบ่งเป็นสองอย่างคือ 1.หลังแผ่นทองคำ และ 2.หลังแผ่นทองแดง ล็อกเก็ตรุ่นนี้ไม่มีการโฆษณาประกาศใดๆคนที่รู้เท่านั้น เอาเป็นว่า"คนมีบุญวาสนาเท่านั้นถึงจะได้ห้อยของท่าน" เพราะกว่าจะได้สร้างแต่ละครั้งถ้าครูบาไม่อนุญาตไม่มีทางที่จะได้สร้างแอบสร้างมีแต่อันเป็นไปทั้งสิ้น(เรื่องจริงครับ)

    ท่านเสกเมื่อวันพฤหัสที่แล้วด้วยองค์ท่านเองแบบเรียบๆ ง่ายๆ แล้วออกให้บุชาวันศุกร์ ข่าวเร็วมากครับคนมาจากทุกสารทิศใกล้ไกลแย่งกันหูดับตับไหม้ 5 วันจาก 2557 องค์ วันนี้เหลืออีกเพียง 400 องค์เท่านั้นครับ.....แม้แต่พระสังฆะผู้ใหญ่บางองค์ถึงขั้นฝากพระผู้น้อยมาบูชาเลยทีเดียวครับ บารมีครูบาท่านมีเพียงใดผมก็สุดประมาณได้เอาเป็นว่ารูปท่านแม้แต่ไฟยังไม่สามารถเผาผลาญได้ก็แค่นั้น

    คนตกต่ำท่านก็ช่วยให้พลิกฟื้นได้ คนที่บูชาของท่านมีแต่ความเจริญรุ่งเรือง ปัญหาต่างๆในชีวิตคลี่คลายอย่างอัศจรรย์ ใครบูชาของๆท่านท่านตามดูแลตลอดครับรับรองได้.....ไม่รู้นะส่วนตัวผมเชื่อว่าของๆ ครูบาท่านใครบูชาแล้วไม่ดีเป็นไม่มีครับ และนี่เป็นครั้งแรกที่ครูบาท่านให้ใช้ยันต์ประจำตัวองค์ท่านคือ "ยันต์พระเจ้าเปิดโลก"ประดิษฐานด้านหลังล๊อกเก็ต ซึ่งครูบาเคยบอกไว้ว่าเอายันต์นี้เข้าไปที่ไหนเปิดหมด ทำอะไรก็เปิดทางดีหมด และอีกหนึ่งมวลสารสำคัญก็คือ "เกศาขององค์ครูบาเอง" ท่านไม่หวงครับแต่หากท่านไม่ให้แม้แต่เส้นเดียวก็ไม่มีใครกล้าเอา ผมถือว่าเป็นของสูงสุดและสุดยอดของครูบาท่านแล้วครับ

    (หากหมดจากวัดแล้วขอบอกว่าอันละ5000ก็ไม่มีใครออกครับเพราะคนที่ได้ไปหวงแหนกันทุกรุ่นที่ครูบาทำครับ)

    ผมไม่โฆษณาอะไรมากนะครับเดี๋ยวจะมาว่าผมโปรโมทเอาเป็นว่าหากไม่ดีจริงผมไม่แนะนำครับ บุญใครวาสนามันนะครับ ไม่มีของเสริมแน่นอนครับ หมดแล้วหมดเลยครับผม...


    เครดิตข้อมูล : คุณเพชรฉลูกัน
     
  9. Muang99

    Muang99 เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    10 กุมภาพันธ์ 2011
    โพสต์:
    4,256
    กระทู้เรื่องเด่น:
    6
    ค่าพลัง:
    +6,517
    เรียนเชิญครับ
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 28 ตุลาคม 2019
  10. Muang99

    Muang99 เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    10 กุมภาพันธ์ 2011
    โพสต์:
    4,256
    กระทู้เรื่องเด่น:
    6
    ค่าพลัง:
    +6,517
    ปู่ฤาษี ด้านหน้า11.jpg
    ปู่ฤาษี ด้านหลัง11.jpg

    รายการที่ 6.ปู่ฤาษี ครูบากฤษณะ บูชา 2,300 บาท EMS 50 บาท

    พ่อปู่ฤาษี ครูบากฤษณะ เป็นยุคแรกๆ ที่ครูบากฤษณะจัดสร้างขึ้น สำหรับปู่ฤาษีองค์นี้ผมได้รับมาจากพระอาจารย์ท่านหนึ่ง พระอาจารย์ท่านนี้เคยสร้างวัดหรือสร้างพระพุทธรูปมาแล้วหลายที่ ในเขตภาคอีสาน

    สำหรับปู่ฤาษีองค์นี้ พระสงฆ์ที่ให้มา บอกว่าคนสิงคโปร์เช่าบูชากันที่ 10,000 บาท
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 28 ตุลาคม 2019
  11. Muang99

    Muang99 เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    10 กุมภาพันธ์ 2011
    โพสต์:
    4,256
    กระทู้เรื่องเด่น:
    6
    ค่าพลัง:
    +6,517
    ผ้ายันต์แดง ด้านหน้า11.jpg
    ผ้ายันต์แดง ด้านหลัง11.jpg

    รายการที่ 7. ผ้ายันต์แดง ครูบาเที่ยงธรรม โชติธัมโม คณะเวฬุวัน ราคาเดิม 5,000 บาท พิเศษบูชา 3,300 บาท (รวมค่าจัดส่งแล้ว)

    ผ้ายันต์ครูบาเที่ยงธรรม ประสบการณ์เด่นด้านโชคลาภและโภคทรัพย์ เป็นของดีนอกดีใน ท่านว่าของๆ ท่านไม่มีวันเสื่อมครับ เป็นผ้ายันต์แบบ 2 หน้า จากที่สัมผัสได้จะมีกระแสพลังแผ่ออกมาจากผ้ายันต์ เป็นผ้ายันต์ที่มีความศักดิ์สิทธิ์

    ผ้ายันต์ครูบาเที่ยงธรรม หาไม่ค่อยได้แล้วครับ หายาก คนมีก็ไม่ค่อยอยากปล่อยออกกัน เป็นของรักของหวง

    ผ้ายันต์ครูบาเที่ยงธรรม ของแท้ หายากครับ เหมาะสำหรับบูชาเอง หรือเก็บไว้เป็นสมบัติประจำตระกูล

    ผ้ายันต์ครูบาเที่ยงธรรมนั้น บางเว็บประมูลสูงสุดกันที่ 999,931 บาท บางเว็บก็ประมูลสูงสุดกันที่ 9,999 บาท

    ผ้ายันต์ครูบาเที่ยงธรรม โชติธัมโม คณะเวฬุวัน อ.พยุห์ จ.ศรีสะเกษ มีขนาดประมาณ 11 นิ้ว x 11 นิ้ว

    ผืนนี้สภาพสวยสมบูรณ์ คงเป็นผืนสุดท้าย ที่สามารถแบ่งให้บูชา หาไม่ค่อยได้แล้ว หายากมาก
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 28 ตุลาคม 2019
  12. Muang99

    Muang99 เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    10 กุมภาพันธ์ 2011
    โพสต์:
    4,256
    กระทู้เรื่องเด่น:
    6
    ค่าพลัง:
    +6,517
    ครูบาเที่ยงธรรม คณะเวฬุวัน จ.ศรีสะเกษ พระเกจิผู้อยู่เหนือกาลเวลา ไม่ยึดติดกับโลกธรรม ล่วงรู้เหตุการณ์ล่วงหน้า ท่านเป็นสหธรรมิกอีกท่านหนึ่งของหลวงปู่หมุน วัดบ้านจาน จ.ศรีสะเกษ ท่านเป็นผู้เขียนเรื่องการสอนและธรรมะ ลงในหนังสือ"โลกลี้ลับ" มาตลอด

    ท่านบอกว่าต่อไปจะมีภัยจากทางทะเล ทั้งทางด้านฝั่งทะเลตะวันตก ทะเลอันดามัน และด้านอ่าวไทย ซึ่งมี หัวหินอยู่ทางทิศตะวันตก และ พัทยา อยู่ทางฝั่งตะวันออก ท่านบอกว่าจำเป็นที่จะต้องรักษาสถานที่สองแห่งไว้ไม่ให้จมน้ำจนเสียหายคือ วัดพระแก้ว กรุงเทพและ พระบรมธาตุไชยา จังหวัดสุราษฎร์ธานี ท่านจึงได้ใช้พลังจิตสร้างกำแพงแห่งมนตราสูงเป็น 10 เมตร เพื่อปกป้ององค์พระธาตุไชยา และวัดพระแก้ว

    หลวงปู่สรวงแห่งบ้านละลมท่าน เคยให้ลูกศิษย์อุ้มขึ้นรถทัวร์ให้พาไปหาหลวงปู่ครูบาเที่ยงธรรม พอถึงปากทางเข้าวัดท่านไม่ยอมลงจากรถ ต้องไปนิมนต์หลวงปู่ครูบาเที่ยงธรรมมานิมนต์ที่ปากทางเข้าวัดท่านถึงจะยอมลง พอเข้าไปในวัดทั้งสององค์แยกกันอยู่คนละมุม หลวงปู่ครูบาเที่ยงธรรมอยู่ในศาลารับแขก หลวงปู่สรวงอยู่ที่กุฏิเก่าหลวงปู่ครูบาเที่ยงธรรม ห่างกันประมาณ 30 เมตร ไม่พูดไม่จากันร่วมชั่วโมง หลวงปู่สรวงจึงให้ลูกศิษย์พากลับ ลูกศิษย์ถามหลวงปู่ครูบาเที่ยงธรรม "ทำไม ไม่คุยกับหลวงปู่สรวง" หลวงปู่ครูบาเที่ยงธรรมตอบว่าคุยกันแล้ว "หลวงปู่สรวงท่านมาลา ท่านจะปลงสังขารอีก 6 เดือนนี้" หลังจากนั้นหลวงปู่สรวงก็มรณะภาพตามคำบอกของ หลวงปู่ครูบาเที่ยงธรรมจริงๆ
     
  13. Muang99

    Muang99 เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    10 กุมภาพันธ์ 2011
    โพสต์:
    4,256
    กระทู้เรื่องเด่น:
    6
    ค่าพลัง:
    +6,517
    ช่วงเกิดวิกฤติการณ์ต้มยำกุ้งที่ยังตามหลอกหลอนจนถึงทุกวันนี้ธุรกิจใหญ่น้อยล้มระเนระนาด ทรัสต์เจ๊งธนาคารล้มโรงงานปิดตัวเจ้าของกิจการฆ่าตัวตายคนตกงานเดือดร้อนกันทุกย่อมหญ้า บางคนใจสู้หน่อยก็ยอมลดตัวลงมาค้าขายตามชุมชนและตลาดต่างๆ คุณศิวัฒน์เจ้าของธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ก็มาทำแซนวิสเดินเร่ขายเองย่านสีลมส่วนคนที่ทุนน้อยก็นำทรัพย์สินที่มีอยู่ทั้งใหม่และเก่านำมาขายตามตลาดนัดเล็กๆจนเกิดเป็นธุรกิจใหม่ที่เรียกในปัจจุปันว่า.."เปิดท้ายขายของ"เพื่อเอาตัวรอดในช่วงนั้นไม่มีใครช่วยใครได้นอกจากต้องดิ้นรนช่วยเหลือตัวเอง..
    ผมเองก็ได้รับผลกระทบมากธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ที่ทำในตอนนั้นล้มลงเงินลงทุนเกือบร้อยล้านละลายหายไปกับที่ดินและสิ่งปลูกสร้างแถมยังเป็นหนี้สถาบันการเงินต่างๆอีกแปดสิบกว่าล้านกลุ้มใจหาทางออกไม่เจอชีวิตมีแต่ความทุกข์หมดที่พึ่งจะหันหน้าไปพึ่งใครก็ไม่ได้ด้วยความที่เป็นคนชอบทำบุญจึงเริ่มเดินทางไปกราบพระอริยสงฆ์ทั่วประเทศทั้งวัดป่าสายปฏิบัติและพระเกจิอาจารย์ดังๆแบบที่เรียกว่า"ค่ำไหนนอนนั่น"ใกล้ที่ไหนนอนที่นั่นในปั๊มน้ำมัน ศาลาวัด ศาลาริมทาง สวนสาธารณะที่ปลอดภัยใกล้ๆชุมชนจนได้พบพระเหนือโลกยุคนั้นมากมายและเป็นที่มาของ #พระเหนือโลกในวันนี้

    ภาพของครูบาอาจารย์ที่ทรงจิตทรงธรรมมีเมตตาทุกครั้งที่ได้กราบไหว้ทำบุญท่านมักจะมอบวัตถุมงคลให้พร้อมกับให้ศิลให้พรให้ร่ำรวยโชคดีมีความสุข(ทุกองค์จะให้พรเหมือนกัน) เช่นหลวงปู่หมุนท่านให้ปลัดขริกที่ท่านแกะเองจากไม้คูนพร้อมกับให้พรว่า"กลับไปรวยๆเด้อ"

    หลวงปู่เที่ยงธรรมมอบผ้ายันต์แดงพร้อมปลัดขริกแล้วกำชับว่า"เอาติดตัวไปเรียกเงินเรียกทองร้อยล้านพันล้าน"ยังดังก้องหูจนทุกวันนี่ หลวงปู่อิงจับหัวแล้วเป่าจนเย็นวาบเหมือนโดนน้ำแข็งแล้วบอก"ทำอะไรให้สำเร็จสมความปรารถนาทุกอย่าง" หลวงปู่ละมัยให้ปรอทที่ท่านหุงกับมือแล้วบอก"เอาไปชนะจนชนะให้ทั่วจักรวาล" หลวงปู่กองวัดสระมณฑลลงนะด้วยแป้งที่หน้าแล้วบอกว่า"ต่อไปเอ็งจะเป็นที่รักใคร่ใครเห็นใครรักครูบาอาจารย์จะเมตตา หรือแม้แต่หลวงปู่สรวงเทวดาเดินดินยังเอาขวดน้ำเปล่าตีหัวไล่เคราะห์ร้ายทุกข์โศกโรคภัยพร้อมทั้งให้หวยที่ท่านเขียนกับมือตัวเองสามตัวตรงๆเลย...

    #จากวิกฤติเศรษฐกิจในปัจจุปันนี้ทำให้ย้อนกลับไปมองอดีตและบาดแผลที่เจ็บปวดของวิกฤติต้มยำกุ้ง

    เครดิต : รวยทันใจแรงบันดาลใจหลังเกิดวิกฤติการณ์ต้มยำกุ้งปี2540
     
  14. Muang99

    Muang99 เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    10 กุมภาพันธ์ 2011
    โพสต์:
    4,256
    กระทู้เรื่องเด่น:
    6
    ค่าพลัง:
    +6,517
    เรียนเชิญครับ
     
  15. Muang99

    Muang99 เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    10 กุมภาพันธ์ 2011
    โพสต์:
    4,256
    กระทู้เรื่องเด่น:
    6
    ค่าพลัง:
    +6,517
    พร้อมกล่อง11.jpg ด้านหน้า1.jpg
    รูปหล่อ ด้านหลัง.jpg
    องค์2 ด้านหลัง.jpg
    องค์3 ด้านหน้า.jpg
    องค์3 ด้านหลัง.jpg
    รายการที่ 8.พระเครื่องหลวงพ่อจรัญ วัดอัมพวัน (ชุดใหญ่ 5 องค์) จ.สิงห์บุรี ราคาเดิมบูชา 4,500 บาท พิเศษบูชา 2,399 บาท (รวมค่าจัดส่งแล้ว)

    พระเครื่องหลวงพ่อจรัญ วัดอัมพวัน (ชุดใหญ่ 5 องค์) จ.สิงห์บุรี พระชุดนี้ทางท่านผู้มีอภิญญา ซึ่งเป็นศิษย์ยุคแรกๆ ของหลวงพ่อจรัญ ส่งมาให้ จึงนำออกให้เช่าบูชา เป็นพระชุดใหญ่ มีจำนวน 5 องค์ พระชุดนี้ท่านผู้มีอภิญญาได้มานานแล้ว ประมาณ 30 ปีมาแล้ว
     
  16. Muang99

    Muang99 เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    10 กุมภาพันธ์ 2011
    โพสต์:
    4,256
    กระทู้เรื่องเด่น:
    6
    ค่าพลัง:
    +6,517
    ด้านหน้า1.jpg
    ด้านหลัง1.jpg

    9.รูปหล่อหลวงพ่อเดิม วัดหนองโพ อ.ตาคลี จ.นครสวรรค์ บูชา 1,699 บาท EMS 50 บาท

    รูปหล่อหลวงพ่อเดิม วัดหนองโพ พร้อมกล่องเดิมๆ จากทางวัด
    หลวงพ่อเดิม พร้อมกล่อง11.jpg

     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 7 พฤศจิกายน 2019
  17. Muang99

    Muang99 เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    10 กุมภาพันธ์ 2011
    โพสต์:
    4,256
    กระทู้เรื่องเด่น:
    6
    ค่าพลัง:
    +6,517
    ภาพหลวงปู่โฮม ญาณธัมโม.jpg
    ภาพหลวงปู่โฮม ญาณธัมโม + เส้นเกศา + จีวร + ชานหมาก + ข้าวก้นบาตร จะแถมให้กับท่านที่เช่าบูชาพระเครื่องวัตถุมงคลในกระทู้นี้ ที่มีราคาบูชารวมกันมากกว่า 2 พันบาทขึ้นไป

    ประวัติหลวงปู่โฮม ญาณธัมโม เข้าไปอ่านได้ที่เว็บนี้ : http://luangpuhome1.blogspot.com/
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 28 ตุลาคม 2019
  18. Muang99

    Muang99 เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    10 กุมภาพันธ์ 2011
    โพสต์:
    4,256
    กระทู้เรื่องเด่น:
    6
    ค่าพลัง:
    +6,517
    สมเด็จหายโศก พระธาตุเสด็จ ด้านหน้า22.jpg

    พระสมเด็จหายโศกพระธาตุเสด็จ มีพระธาตุขึ้นเต็ม

    จะแถมให้กับท่านที่เช่าบูชาพระเครื่องวัตถุมงคลในกระทู้นี้ ที่มีราคาบูชารวมกันมากกว่า 3,500 บาทขึ้นไป
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 28 ตุลาคม 2019
  19. Muang99

    Muang99 เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    10 กุมภาพันธ์ 2011
    โพสต์:
    4,256
    กระทู้เรื่องเด่น:
    6
    ค่าพลัง:
    +6,517
    พระบรมธาตุ สมเด็จองค์ปฐม333.jpg
    พระบรมธาตุสมเด็จองค์ปฐม

    จะแจกให้กับท่านที่เช่าบูชาพระเครื่องวัตถุมงคลในกระทู้นี้ ที่มีราคาบูชารวมกันมากกว่า 6,000 บาทขึ้นไป
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 28 ตุลาคม 2019
  20. Muang99

    Muang99 เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    10 กุมภาพันธ์ 2011
    โพสต์:
    4,256
    กระทู้เรื่องเด่น:
    6
    ค่าพลัง:
    +6,517
    พระปิดตา ด้านหน้า.jpg
    พระปิดตา ด้านหลัง33.jpg
    พระปิดตา พร้อมกล่อง55.jpg

    รายการที่ 10.พระปิดตามหาลาภ หลวงพ่อวิชา รติยุตโต บูชา 770 บาท EMS 50 บาท


    พระปิดตามหาลาภ ผงชานหมาก (ฝังตะกรุดเงินยันต์เฑาะว์) ปี 2554 หลวงพ่อวิชา รติยุตโต วัดศรีมณีวรรณ จ.ชัยนาท

    พระรุ่นนี้หลวงพ่อวิชาดูแลการจัดสร้างทุกขั้นตอน โดยให้อ.สุวิชย์ (ศิษย์ฆราวาส) ช่วยจัดสร้าง รวบรวมมวลสารและทำพิมพ์พระ


    พระปิดตารุ่นนี้ รวมมวลสารที่ดีที่สุดของหลวงพ่อวิชา

    มวลสาร.jpg

    หลวงพ่อวิชาปลุกเสกเดี่ยวนานถึง 3 ปี จัดสร้างปี 2554 นำออกให้บูชาปี 2557 หลวงพ่อวิชา กล่าวว่า "พระรุ่นนี้ดี ดังแน่นอน"


    เครดิตข้อมูล : คุณปิดตาโสฬส
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 7 พฤศจิกายน 2019

แชร์หน้านี้

Loading...