น่าเป็นห่วง หลักสูตรพุทธศาสนา จากบางอาจารย์ สอนตายแล้วสูญ ( หลักสูตร ม.1- ม.6)

ในห้อง 'พุทธศาสนา และ ธรรมะ' ตั้งกระทู้โดย WebSnow, 24 มกราคม 2006.

?
  1. ไม่เห็นด้วย (คิดว่าสอนผิด)

    0 vote(s)
    0.0%
  2. เห็นด้วย (คิดว่าสอนถูก)

    0 vote(s)
    0.0%
  1. เตชปญฺโญ ภิกขุ

    เตชปญฺโญ ภิกขุ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    24 ตุลาคม 2006
    โพสต์:
    494
    ค่าพลัง:
    +117
    ตอบข้อข้องใจโดย เตชปญฺโญ ภิกขุ

    เจริญพรมายังทุกท่าน
    ****คำด่านั่นแหละคือการชี้ขุมทรัพย์ละ คนโง่ย่อมมองไม่เห็น***
    ***การชมคือการผลักลงเหวอย่างงามๆ คนโง่ก็มองไม่เห็นอีก***
    ***ความโง่นั้นมีโทษมาก และทำลายยากอีกด้วย***
    ** ถ้าเอ็งดีข้าก็บ้า **
    ***แต่ถ้าเอ็งบ้าล่ะ ก็แสดงว่าข้าดี ***
    ***หรือไม่คิดดูให้ดี ทั้งเอ็งกะข้านั้นสงสัยบ้าด้วยกันทั้งคู่***
    ***ใครโกรธหรือไม่โกรธ คนที่โกรธนั่นเองที่รู้ (จริงใหม?)***
    ***เมื่อไม่มีตัวเราและใครๆเสียแล้วใครจะไปโกรธใครได้อีกเล่า???***
    เตชปญฺโญ ภิกขุ
    http://members.thai.net/whatami/
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 18 มีนาคม 2007
  2. คนโกหก

    คนโกหก เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 ตุลาคม 2006
    โพสต์:
    481
    ค่าพลัง:
    +1,413
    ตอบคุณ อ้วน น่ารัก (รูปเด็กแก้มป่อง)

    คนรู้โง่ บรรลุธรรมง่ายมาก
    คนคิดว่าตนฉลาด บรรลุธรรมไม่ได้เลย
     
    แก้ไขครั้งล่าสุดโดยผู้ดูแล: 21 มีนาคม 2007
  3. NaCl

    NaCl เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 ตุลาคม 2004
    โพสต์:
    180
    ค่าพลัง:
    +289
    นมัสการท่าน เตชปญฺโญ ภิกขุ


    ผมเพิ่งอ่านถึงหน้าสี่

    แต่ขอตอบก่อน ไม่ทราบว่าคุยกันไปถึงไหนแล้ว

    แม้ว่าหลายส่วนจะอ่านแล้วก็ อืม จริงดังท่านกล่าวแก้ แต่ว่า ปัญหาอีกอย่างคือ สิ่งที่เขียนในหนังสือ มันสั้นเกินไปจนตีความได้ว่า ทำอะไรก็ทำไปเถอะ จะทำดีมันก็ดี หรือจะทำชั่ว ก็ตามใจ ตายไปก็ไม่มีอะไร จบ ?? วัยรุ่นที่ยังไม่มีปัญญามากนัก อ่านแล้วอาจตีความไปแบบที่ผมยกตัวอย่างนี้ได้ครับ

    เมื่อสองปีก่อน ผมเคยไปฟังครูสอนศาสนาอิสลามท่านหนึ่ง ท่านพูดดีมาก มีเหตุผล รายละเอียดต่างๆ ครบถ้วนสมบูรณ์ที่สุดทางตรรกวิทยา ฟังแล้วเถียงไม่ออก เพราะผมก็ไม่ได้อ่านพระไตร ฯ มาทุกตัวอักษร

    ผมมีข้อสังเกตจากที่ท่าน เตชปญฺโญ ภิกขุ กล่าวแก้มา

    คำกล่าวแก้บางส่วน วิธีคิด และการแยกส่วนเป็นส่วนของศาสนาอื่น และศาสนาพุทธ การพูดถึงภพหน้า และอื่นๆอีกหลายส่วน.. คล้ายกันอย่างมาก มากจนน่าประหลาดใจ

    ผมมีความสงสัยว่าท่านได้เคยฟัง หรือเคยได้พบ ครูสอนศาสนาท่านนี้มาก่อนหรือไม่ ได้รับอิทธิพลทางความคิดนี้มาจากครูสอนศาสนาอิสลามท่านนี้มาหรือไม่ ?

    ขออนุญาติไม่เอ่ยนามครูสอนศาสนาท่านนี้ว่าชื่ออะไรนะครับ

    ขอให้ท่านตอบด้วย ว่า ท่านได้รับอิทธิพลทางความคิดมาจริงอย่างที่ผมกล่าวหรือไม่

    ผมทราบมาว่า ครูสอนศาสนาท่านนี้ เดินสายไปบรรยายตามวัดพุทธต่างๆ ทั่วประเทศไทย และสามารถทำให้พระหลายรูปหันมาสนใจและศรัทธา

    ผมไม่ว่าครูสอนศาสนาท่านนี้หรอก ว่าท่านทำเพื่ออะไร เพราะความเชื่อของท่านก็เป็นทางของท่าน ท่านทำบุญในศาสนาของท่านเอง เข้าใจผมตรงจุดนี้ก่อนนะ (เผื่อเจ้าตัวจะมาอ่าน)






    แต่ที่จะว่าก็คือ ผมสงสัยครับว่าจริงดังที่ผมสันนิษฐานหรือไม่ ว่าท่าน เตชปญฺโญ ฯ ได้รับอิทธิพลจากศาสนาอื่นหรือไม่ โปรดตอบด้วยครับ


    แต่ถ้าหากท่านมีเจตนาดีจริง ไม่มีอะไรอื่นมาแอบแฝง ไม่ได้เป็นดังที่ข้าพเจ้าคิดไปเอง ขอโปรดอภัยด้วยครับ
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 23 มีนาคม 2007
  4. setsiri

    setsiri Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    23 มีนาคม 2007
    โพสต์:
    13
    ค่าพลัง:
    +35
    วิทยาศาสตร์?

    นักวิทยาศาสตร์ในต่างประเทศ ทั่วทั้งโลก มีการทดลองและบันทึกเกี่ยวกับเรื่องการระลึกชาติได้ มากมายหลายหมื่นกรณี มีหลักฐาน พยานและเป็นที่ยอมรับ เนื่องจากเป็นกระบวนการพิสูจน์ทางวิทยาศาสตร์ แต่มิใช่ต้องให้คนล้านคนระลึกชาติได้ทั้งหมดล้านคน จึงจะเชื่อว่าเป็นวิทยาศาสตร์ ตอนนี้ศาสตร์เรื่องการระลึกชาติ นั้นก็ถูกจัดให้เป็นวิทยาศาสตร์แขนงหนึ่งไปแล้ว

    เด็กสามขวบ สามารถเล่นเปียโน เพลงของ บีโทเฟ่น โมสาร์ทได้ทันทีโดยไม่ต้องดูเนื้อ ไม่เคยจับเปียโน วันนี้ฝรั่งบอกว่า ไม่ใช่เรื่อง จิตใต้สำนึกแล้ว เพราะมันใช้อธิบายไม่ได้ หรืออาจอธิบายว่ามันบังเอิญ และไม่สามารถอธิบายด้วยทฤษฏีการหล่อหลอมด้วยประสพการณ์หรือสิ่งแวดล้อม

    บางเรื่องวิทยาศาสตร์ก็ตั้งเป็นทฤษฏีขึ้นมา เช่นเรื่องการกำเนิดของจักรวาล ทั้งๆที่ไม่เคยเห็นของจริงได้ด้วยตัวเอง แต่ก็เชื่อว่าเป็นวิทยาศาสตร์
    ชายคนหนึ่งถามพระว่า
    "ท่านๆ อันอุจจาระนั้นคนปกติธรรมดาสามารถกินได้หรือไม่ อร่อยหรือไม่ "
    "ไม่ได้ดอกโยม ไม่อร่อยแน่ๆ"
    "ฉันไม่เชื่อหรอก ท่านเคยฉันแล้วหรืออย่างไรกัน"
    "ไม่เคยโยม"
    "อ้าวแล้วรู้ได้อย่างไรหละ ไหนสอนว่า ต้องให้รู้ได้ด้วยตนเอง และอย่าเชื่อถ้าไม่ได้ทดลองด้วยตนเองไงท่าน"
    "เรารู้ได้ด้วยปัญญาโยม ไม่ต้องลองหรอก คนไม่มีปัญญาจึงแยกแยะไม่ได้ ถ้าโยมอยากรู้ โยมจึงต้องกินเองดู เมื่อนั้นโยมจึงจะรู้ได้ ว่าอุจจาระนั้นกินไม่ได้"
    "เอ้า รออะไรอยู่หละ ลองดูซิโยม จะได้รู้ได้ด้วยตนเอง"

    บางครั้งวิทยาศาสตร์ ก็บอกว่าโลกแบน แต่วันนึงก็บอกว่าโลกกลม
    วันนึงบอกอะตอมเล็กสุด ภายหลังบอกไม่ใช่ แต่ก็เป็นวิทยาศาสตร์
    คำสอนของพระพุทธเจ้า เป็นสัจธรรม ไม่มีวันนี้สอนอย่าง อีกวันสอนอย่าง เพราะว่าเพิ่งพิสูจน์ได้ว่ามันผิด.........

    พระอรหันต์ในอดีตกาล พระอริยะสงฆ์ ในยุคไม่ไกลนี้ อาทิหลวงปู่มั่น สมเด็จฯโต ฯลฯ ท่านไม่มีปัญญาหรืออย่างไร ท่านไม่ปฎิบัติจนรู้แจ้งเห็นจริงหรืออย่างไร จึงได้ถ่ายทอดกันมาผิดๆ สอนให้เชื่อมาผิดๆ ตลอด 2,000 กว่าปี มาวันนึงมีคนบอกว่า ที่ผ่านมา สองพันกว่าปี ผิดมาตลอด ตายแล้วก็จบกัน ทั้งๆที่ยังมิได้ลงมือปฏิบัติให้ได้แม้เพียงเสี้ยว ของท่านเหล่านั้น ลองเทียบตนเองกับท่านเหล่านั้นดูก่อนเถิด

    หากคิดอย่างวิทยาศาสตร์ ก็ควรเป็นอย่างยิ่งที่จะลงมือ ทดลองปฏิบัติ มิใช่อ่านเอง คิดเอง สอนเอง ดังที่เป็นอยู่
     
  5. manson810

    manson810 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 กุมภาพันธ์ 2006
    โพสต์:
    410
    ค่าพลัง:
    +780
    คุณ setsiri กล่าวได้ดีจริงๆ ผมไม่เข้าใจว่าทำไมพระสงฆ์บางรูปพอท่านเข้ามาบวชแล้วก็คอยจับผิดคัมภีร์ของศาสนาตนเอง
    เรื่องไหนที่ตนชอบก็บอกว่านี่แหละคำสอนแท้ๆ เรื่องไหนที่ตนไม่ชอบไม่เข้าใจหรือทำไม่ได้ก็เที่ยวบอกชาวบ้านเค้าว่าคำสอนตรงนี้ผิดไม่ใช่คำสอนของศาสนาเรา
    ธรรมะบางอย่างก็ง่ายๆก็ชอบตีความทำให้ยากขึ้นอธิบายให้ซับซ้อน
    คิดแล้วก็แปลก.........
     
  6. NARKA

    NARKA เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 กุมภาพันธ์ 2006
    โพสต์:
    1,572
    ค่าพลัง:
    +4,560
    ไม่แน่ใจว่าข้อมูลเป็นจริงหรือไม่
    หรือจริงเพราะเป็นหลักสูตรท้องถิ่นที่โรงเรียนเขียนเอง
    แต่อย่างไรก็ตามถือว่าน่าเป็นห่วง
    เหมือนดร.เติมศักดิ์ฯตามหาแก่นธรรม
    เหมือนคำสอนของสันติอโศก
    คือคนพวกนี้จะคิดตามหลักวิทยาศาสตร์ปัจจุบันเป็นเกณฑ์และปฎิเสธองค์ความรู้ทางจิตที่พระพุทธเจ้าค้นพบ
    มรว.คึกฤทธิ์ฯก็เคยคิดแบบนี้ ทั้งๆที่เป็นปราชญ์
    ส.ศิวลักษณ์ฯก็คิดแบบนี้ คือ แบบวิทยาศาสตร์ปัจจุบัน
    สรุปว่าผู้รู้ไทย เพี้ยนเยอะ
    ถ้าไปศึกษาผู้รู้ทางระดับโลก ที่เขายกย่องพระพุทธศาสนาของเราจะเห็นว่าต่างกันลิบลับ ของเขาค้นพบทั้งทางวิทยาศาสตร์และลองปฏิบัติจริง ได้ผลเหมือนสายพระป่าของเรา
    ดังนั้นจึงสรุปว่าเป็นกรรมทางการศึกษาของไทยเรา ที่ได้พวกเหล่านี้มาชี้นำ
    ก็ให้สอนบุตรหลานกันเองว่าอย่าไปเชื่อว่าตายแล้วสูญ
    อันนี้ต้องเอาไม่เชื่อ 10 ประการของทางพุทธมาสอนบุตรหลานด้วยตัวเองแล้ว
     
  7. น้องหน่อยน่ารัก

    น้องหน่อยน่ารัก เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 พฤศจิกายน 2006
    โพสต์:
    1,976
    ค่าพลัง:
    +4,975
    เป็นธรรมดาของพระอนาคามีค่ะ

    ท่านจะได้ญาณแห่งความเป็นอิสระจากครู, พระอรหันต์รุ่นพี่และคัมภีร์
    ดังนี้ จะมีอาการเหมือนปรามาสครูหรือคัมภีร์เพราะความไม่แจ้งในธรรม
    ยังไม่บรรลุอรหันต์สักระยะ จากนั้น เมื่อท่านบรรลุธรรม ท่านจะเลิกปรามาสค่ะ



    พระอนาคามีเมื่อเจอพระอรหันต์ พระอรหันต์จะดูธรรมดามากค่ะ
    แต่พระอนาคามีจะสงสัยว่านี่ตัวอะไรแปลกๆ (ญาณหยั่งรู้อีกแบบ)
    ทำไมมันไม่เหมือนฉัน มันต้องมีอะไรผิด แล้วจับผิด เพราะยึดถูกไว้ค่ะ


    พระอรหันต์จะใสเหมือนน้ำ พระอนาคามีจะมีตะกอนเล็กมากจนตนเองไม่รู้ตัว
    เมื่อได้เจอกัน พระอรหันต์จะเป็นกระจกส่องให้พระอนาคามีได้ค่ะ


    พยายามเข้านะคะ หน่อยเอาใจช่วยค่ะ...
     
  8. manson810

    manson810 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 กุมภาพันธ์ 2006
    โพสต์:
    410
    ค่าพลัง:
    +780
    .........
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 8 กันยายน 2007
  9. น้องหน่อยน่ารัก

    น้องหน่อยน่ารัก เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 พฤศจิกายน 2006
    โพสต์:
    1,976
    ค่าพลัง:
    +4,975
    มรรค ไม่ใช่มีเพียงหนึ่ง แต่สู่จุดมุ่งหมายหนึ่งเดียว
    หากขณะอ่านและศึกษาพระธรรม จิตรวมหนึ่งเป็นเอกัคตา

    คือ สติ, สมาธิ, ปัญญา หลอมรวมเข้าใจในไตรลักษณ์
    แจ้งด้วยจิตตนเอง จิตนั้นก็หลุดจากการยึดมั่นถือมั่น




    ไม่มีใครห้ามจิตให้คลายการยึดมั่น และไม่มีผู้ใดห้ามจิตเห็นธรรม
    การอรหันต์โดยไม่เข้าฌาณ ไม่นั่งสมาธิเลยก็มี เพราะ "ของเก่า"
    ในอดีตชาติทำมามาก อย่างพวกสุขวิปัสโก เข้าอรหันต์แบบง่ายๆ


    ปัจจัตตัง นิพพานนัง เตชปญฺโญ ภิกขุ ...
     
  10. เตชปญฺโญ ภิกขุ

    เตชปญฺโญ ภิกขุ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    24 ตุลาคม 2006
    โพสต์:
    494
    ค่าพลัง:
    +117
    ตอบข้อข้องใจ โดย เตชปญฺโญ ภิกขุ

    เจริญพรมายังคุณโยม NaCl<?xml:namespace prefix = o ns = "urn:schemas-microsoft-com:eek:ffice:eek:ffice" /><o:p></o:p>
    ***เอ....สงสัย
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 12 เมษายน 2007
  11. vichai2500

    vichai2500 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    17 มิถุนายน 2006
    โพสต์:
    600
    ค่าพลัง:
    +2,877
    กราบนมัสการพระคุณเจ้า
    [b-wai] [b-wai] [b-wai]

    ธรรมะที่ท่านแสดงนั้นชอบแล้ว เป็นธรรมระดับโลกุตระ

    ธรรมเหนือโลก เหนือสมมุติ เหนือสัตว์ บุคคล ตัวตน

    เป็นไปเพื่อความดับทุกข์ โดยสิ้นเชิง

    แต่สำหรับ ผู้ใหม่ เด็กนักเรียน ม.1- 6 อาจจะยากเกินไป

    ธรรมระดับโลกียะ น่าจะเหมาะกว่า เข้าใจได้ง่ายกว่า

    จนกระทั่ง เมื่อเหตุถึงพร้อม เขาก็คงยกระดับจิต สู่โลกุตระได้

    แม้แต่ผู้อ่านในที่นี้ คนที่เข้าใจพระคุณเจ้าก็ยังน้อยเลย

    จนเผลอปรามาส หลายๆ ครั้ง

    กราบเรียนด้วยความเคารพ
     
  12. setsiri

    setsiri Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    23 มีนาคม 2007
    โพสต์:
    13
    ค่าพลัง:
    +35
    ข้อความที่สอง จากเศรษฐศิริ

    1.ในอดีต ตั้งแต่พุทธกาลถึงปัจจุบัน ไม่มีพระอริยสงฆ์องค์ใด บรรลุธรรมด้วย การอ่าน ท่องตำรา และ เล่นอินเตอร์เนต ซึ่งเป็นความรู้ภายนอก ฝรั่งท่องได้ ก็เอาเข้าไปบรรจุเรียนกันได้แล้ว ได้ปริญญาทางโลกกันไป แต่หาที่จะบรรลุธรรมไม่มีเลย

    2.ในหลวงท่านทรงเป็นพุทธศาสนิกชนที่น่าเคารพและยิ่งใหญ่ที่สุด ทรงเป็นห่วงในเรื่องที่คนยุคปัจจุบันไม่เชื่อเรื่อง บาป บุญ กรรม ดังที่เคยตรัสกับหลวงพ่อฤาษีลิงดำไว้
    อริยสงฆ์ที่ท่านทรงเยี่ยมนมัสการ และไตร่ถามข้อธรรมะ ล้วนแล้วแต่เป็นผู้ปฏิบัติดี ปฏิบัติชอบ มากด้วยความเพียรในการปฏิบัติทั้งสิ้น
    อาทิ หลวงปู่ฝั้น หลวงปู่ดุลย์ หลวงปู่เทสก์ พระอาจารย์วัน หลวงปู่แหวน หลวงปู่ชอบ หลวงพ่อพุธ หลวงตามหาบัว เป็นต้น

    พระอริยสงฆ์ในสายของพระอาจารย์มั่น ล้วนแต่ปฏิบัติธรรมด้วยความเพียรอย่างหนัก ไม่มีผู้ใดปรามาสหรือปฏิเสธ ว่าสิ่งที่พวกท่านสอน สิ่งที่พวกท่านปฏิบัติ เป็นสิ่งที่ผิด เพราะทุกท่านล้วนปฏิบัติตามคำสอนขององค์พระสัมมาสัมพุทธเจ้าอย่างถูกต้อง ไม่มักมากในการบริโภคจนอ้วนท้วม ไม่นั่งอ่านหนังสือจนตาแฉะและฟุ้งซ่าน ไม่เคยสอนใครๆว่าตายแล้วสูญ ทุกท่านล้วนเพียรปฏิบัติอย่างหนักเพื่อความหลุดพ้นจากวัฏฏะสงสาร
    แม้แต่ในหลวงของเราซึ่งทรงมากไปด้วยปัญญาและบารมี ยังทรงนับถือพวกท่าน ฟังธรรมจากท่านและให้ความเคารพพวกท่านอย่างที่สุด ท่านทรงรู้จักว่าจะเลือกปฏิบัติตามใคร ฟังธรรมจากใคร แล้วเราหละครับ

    3.ผมคงปฏิบัติตามแนวทางการสอนของพระพุทธเจ้า หลวงปู่มั่น และในหลวงมากกว่า บุคคลผู้ซึ่งติดอยู่กับตำราวิชาการ ตัวหนังสือบรรทัดต่อบรรทัด และ หลงกับการเล่นอินเตอร์เนต อันเป็นเรื่องทางโลกที่ห่างไกลกับความเข้าถึงธรรม ยกย่องฝรั่งต่างชาติที่ไม่มีหัวใจของพุทธศาสนา มากกว่าชาวพุทธที่เกรงกลัวเรื่องบาป รู้จักเรื่องกรรม

    4.เรื่องโลกียธรรม ง่ายๆเช่นเรื่องกรรม ไม่ใช่ทางพ้นทุกข์ แต่ไม่ใช่เรื่องโกหก งมงาย แค่ว่า โมสาร์ท ประพันธ์ดนตรีที่ยิ่งใหญ่ของโลกได้ เมื่ออายุได้ 4 ขวบ
    ทั้งๆที่เกิดมาแป๊บเดียว ไม่มีใครสอน จนปัจจุบันนี้อีกหลายหมื่นกรณี ฝรั่งยังอธิบายไม่ได้อยู่เลย เรื่องกรรมอธิบายได้ชัดเจน ใครโง่ ?

    5.พระพุทธเจ้าทรงไม่ให้สนใจในเรื่อง กรรมเก่า ถูกต้องที่สุด
    เนื่องจากคนสมัยก่อนที่จะเกิดพุทธศาสนาเชื่อพรหมลิขิต เชื่อว่าชีวิตตนถูกขีดมาแล้ว เป็นกรรมเก่า อย่างไรก็ต้องเป็นตามนั้น เกิดมาก็นั่งรอคอยแต่กรรมเก่า วาสนาเก่า ไม่ใช่ทางพ้นทุกข์ ท่านไม่ให้เชื่ออย่างนั้น เพราะเราเกิดมาจากกรรมในอดีตที่ตัวเองนั่นแหละทำเอาไว้ ไม่ใช่พรหม ...พรหมลิขิตให้เราไม่ได้

    แต่ไม่ใช่ให้ไม่เชื่อเรื่องกฏแห่งกรรม ทุกคนมีกรรมเป็นแดนกำเนิด ท่านให้สนใจต่อไปในกรรมอันเป็นปัจจุบันเป็นที่สุด เพราะเป็นสิ่งที่เห็นได้ ทำได้จริง และก็ไม่ได้สอนว่าเมื่อทำแล้ว พอตายก็หมดกรรม ตราบใดที่ยังมีเชื้อแห่งการเกิด ย่อมต้องมีการเกิดอีก


    ไม่หวังว่าจะเชื่อหรือคล้อยตามใดๆทั้งสิ้นนะครับ ฝากไว้ให้คิดกัน สุดแล้วแต่ป้ญญา ความเชื่อของแต่ละท่านครับ

    การสงสัยในหลายๆเรื่อง รวมถึงเรื่องนิพพาน
    ก็เหมือน"กลุ่มคนตาบอด นั่งถกเถียงกันในเรื่องสีแดง" นั่นแหละครับ

    "นกกระจาบย่อมไม่รู้วิธีบินอย่างนกอินทรีย์ ย่อมไม่รู้วิธีเห็นและคิดอย่างนกอินทรีย์"

    "ฝรั่งที่อ่านแผนที่เมืองเชียงใหม่มาแล้วพันครั้ง ย่อมไม่รู้จักเมืองเชียงใหม่ดี เหมือนกับคนที่เกิด อาศัยอยู่เชียงใหม่"
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 10 พฤษภาคม 2007
  13. น้องหน่อยน่ารัก

    น้องหน่อยน่ารัก เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 พฤศจิกายน 2006
    โพสต์:
    1,976
    ค่าพลัง:
    +4,975
    เอ? ท่าน คคห. ข้างบน ได้ตามไปดู
    เขาทุกเวลาแม้นกระทั่งเวลาขี้หรือเปล่าละฮะ?


    ถ้าท่านตามดูทุกเวลา แล้วเห็นชัดว่า เขาเอาแต่เล่นเน็ตจริงๆ
    ไม่ทำอะไรเลยนอกจากนี้ ก็ค่อยสรุป อย่าด่วนยึดก่อนเห็ฯสิฮะ


    ยังไม่ทันดู ยังไม่ทันเห็น ยึดเสียแล้ว
    เขาคนนั้นที่คุณว่าเขาอยู่ เขาอาจบำเพ็ญอย่างหนักมาก่อนหน้านี้ก็ได้
    หรือบางทีคุณอาจเผลอไปไหว้เขาประหลกๆ มาแล้วก็ได้ แต่เขาเข้ามา
    โปรดคนในเว็บนี้เงียบๆ ไม่ให้คุณรู้ก็ได้


    ไปด่วนสรุปได้ไงว่าเขาไม่เคยบำเพ็ญเอาแต่นั่งเล่นเน็ต
    คุณเป็นxxxxxx เขาหรือฮะ ถึงได้สรุปได้ยังงั้นนาฮะ
     
    แก้ไขครั้งล่าสุดโดยผู้ดูแล: 15 กันยายน 2007
  14. setsiri

    setsiri Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    23 มีนาคม 2007
    โพสต์:
    13
    ค่าพลัง:
    +35
    ขออภัยนะครับ เวปนี้เป็นเวปเผยแพร่ธรรมนะครับ
    คุณไม่ควรกล่าวว่าผมเป็น xxxxxx ท่านนะครับ ไม่เหมาะสม

    จะค้านขอให้เป็นด้วยเหตุผลนะครับ

    ถ้าคุณไม่ใช่ท่าน
    ถ้าท่านไม่ใช่คุณ
    และที่กล่าวมาก็ไม่ใช่ท่าน ไม่ใช่คุณ
    ก็เฉยไปครับ ไม่ต้องร้อน
     
    แก้ไขครั้งล่าสุดโดยผู้ดูแล: 15 กันยายน 2007
  15. Nu_Bombam

    Nu_Bombam เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    30 ธันวาคม 2006
    โพสต์:
    1,030
    ค่าพลัง:
    +4,914
    "ส่วนนรกที่อยู่ใต้ดิน และสวรรค์ที่อยู่บนฟ้า ที่จะไปถึงได้ต่อเมื่อตายไปแล้วตามที่เราเคยได้ยินมานั้น ไม่ใช่ของพุทธศาสนา แต่เป็นคำสอนของศาสนาพราหมณ์ที่ปะปนเข้าอยู่ในพุทธศาสนามาช้านานแล้ว จนทำให้ชาวพุทธหลงเข้าใจผิดคิดว่านี่เป็นคำสอนของพระพุทธเจ้า ซึ่งเราจะต้องเข้าใจจุดนี้เอาไว้ด้วย."

    ไม่เรียกบิดเบือน แล้วจะเรียกว่าอะไร เฮ้อ! เวรกรรมจริงๆ สอนแบบนี้ก็มิจฉาทิฏฐิทั่วบ้านทั่วเมือง
     
  16. setsiri

    setsiri Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    23 มีนาคม 2007
    โพสต์:
    13
    ค่าพลัง:
    +35
    ก.โยมเคยมองเห็นลมหรือเปล่า
    ข.ไม่เคยเลยครับ ตาผมมองไม่เห็นหรอก รูปร่างหน้าตาเป็นยังไงหละท่าน
    ก.เคยเห็นอากาศหรือเปล่าหละ
    ข.จะเคยเห็นได้ยังไงละครับท่าน
    ก.เคยจับลมหรืออากาศ บ้างหรือเปล่าหละ
    ข.ไม่เคยหรอก จะจับได้ยังไงกันครับ มันไม่มีตัวตน
    ก.งั้นลมก็ไม่มีจริงสินะโยม มองก็ไม่เห็น จับต้องก็ไม่ได้ รูปร่างหน้าตาเป็นยังไง ก็ไม่รู้ สรุปว่า ลมนั้นไม่มีจริง เราคิดกันไปเอง
    ข.แต่ผมก็หายใจเข้าๆออกๆอยู่นะครับท่าน ไอ้อากาศเนี่ย
    แล้วเวลามีลมพัดมา มันก็เย็นสบายตัวดี !!!
    ก.อ้าว งั้นลมกับอากาศ มันก็มีอยู่หนะสิโยม ไหนบอกว่าไม่เคยเห็น มองไม่เห็น จับต้องก็ไม่ได้ รูปร่างยังไงก็ไม่มีใครรู้ !!!
     
  17. setsiri

    setsiri Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    23 มีนาคม 2007
    โพสต์:
    13
    ค่าพลัง:
    +35
    ที่สงสัยว่าในเมื่อคนเราตายแล้ว กายก็สลายไป คือไม่เที่ยง แล้วจิตทำไมยังอยู่ เลยพาลคิดไปว่า จิตเที่ยงได้อย่างไร
    เลยบอกว่าตายแล้วสูญไปหมดเลยต่างหาก คือ ไม่เที่ยงทั้งหมด ทั้งกายและจิต

    ความไม่เที่ยงคืออะไร
    คือการคงอยู่ ตั้งอยู่ในสภาพเดิมไว้ไม่ได้ เป็นการเปลี่ยนแปลงไม่ใช่สูญ
    หมายความว่าสลาย หาย สูญไปเลยหรือไม่
    ไม่ใช่ ถ้าตาย สูญ ตาย สูญ ตายสูญ เสมอ ทุกครั้งไป อย่างนั้น มันเที่ยง
    มันเป็น 1+1=2 เสมอไป นั่นเที่ยง
    การหายไปหมดเลย คือความเที่ยง
    เวลาคนเราตาย ร่างกายก็หายไปหมดเลย ไม่เหลืออะไรเลยใช่หรือไม่
    ไม่ใช่ ร่างกายนั้น ไม่เที่ยง ไม่สามารถคงสภาพเดิมไว้ได้ตลอดไป
    ธาตุสี่ที่มาประชุมกันก็แตกแยกออกจากกัน แต่ธาตุสี่ เพียงเปลี่ยนสภาพไปเท่านั้น ไม่ได้หายไป ไม่เหลืออะไร
    อธิบายเพิ่มอีก
    บางคน ยังเหลือกระดูก พระอรหันต์ ยังเหลือพระธาตุ บางส่วนกลับเป็นดิน
    น้ำที่ออกจากร่างกาย ก็แปรสภาพ ระเหยไปบ้าง ลงดินไปบ้าง
    เหมือนน้ำในแม่น้ำหายไป แม่น้ำมิได้สูญไป แต่ระเหยขึ้นฟ้า แปรสภาพไปเป็นก้อนเมฆ แล้วก็ตกลงมาเป็นฝน ไหลลงสู่ดิน น้ำในแม่น้ำไม่ได้หายไป
    เป็นการเปลี่ยนแปลงสภาพ อันเนี่องมาจากการตั้งอยู่ไม่ได้ คือความไม่เที่ยง
    ไม่ใช่การสูญ
    แล้วจิตหละ
    จิตดวงหนึ่ง ไม่สามารถตั้งอยู่ในร่างกายเดิมได้ ไม่สามารคคงสภาวะเดิมๆได้
    เมื่อกายแตก จิตก็ไม่สามารถตั้งอยู่ เมื่อไปอยู่ในภพภูมิอื่นๆ ก็เปลี่ยนแปลงสภาพ ไม่ใช่คงสภาพเดิมๆตลอดไป จึงไม่เที่ยง
    อันจิตนี้ ตราบใดที่คนเรายังมีอวิชชา สังขารก็จะทำหน้าที่ปรุงแต่ง วิญญาณ เกิดนามรูปขึ้นมาใหม่
    เปลี่ยนไปอย่างไร
    เปลี่ยนไปเนื่องจากสังขารปรุงแต่งโดย ใช้ กรรม ของแต่ละคน เป็นตัวสร้าง วิญญาณ เกิด นามรูปนั่นเอง
    จิตไม่ใช่เป็นดวงๆ ลอยไป ลอยมา ย้ายร่างไป ย้ายร่างมา
    นั่นจินตนาการภาพไปเอง เลยทำให้นึกเอาว่ามันเที่ยง มันเป็นอมตะ แค่ ลอยไป ลอยมา ไม่เปลี่ยนแปลงรูปเลย

    ถ้าตายแล้วคือสูญไปหมด เป็นอย่างนั้นเสมอไป ไม่มีการเปลี่ยนแปลง ในเมื่อสุดท้ายมันสูญเสมอ ความสูญนั่นแหละเที่ยง

    ความคงอยู่ ตั้งอยู่ ในสภาพเดิมไม่ได้ นั่นแหละ ความไม่เที่ยง
     
  18. ลัก...ยิ้ม

    ลัก...ยิ้ม เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    19 เมษายน 2005
    โพสต์:
    3,409
    ค่าพลัง:
    +15,762
    โอ๊ะโอ...ยังถกเถียงกันไม่จบอีกเหยอ สำหรับกระทู้ชวนกันเศร้าหมองเสียผลจ๊ะ

    ทางของใครก็ของมันเร่งกันปฏิบัติเพื่อนิพพานเถิด

    พระพุทธเจ้าท่านจะโปรดท่านใดยังต้องพิจารณาถึงวาระ พระดี ๆ ท่านเจอแบบนี้ท่านยังต้องหันหลังให้ แล้วพวกเราเป็นใคร สงสารแต่พวกต้องไปตามงมเข็มเหมือนเข้านั่นแหละ...เวรกรรม ๆ
     
  19. เตชปญฺโญ ภิกขุ

    เตชปญฺโญ ภิกขุ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    24 ตุลาคม 2006
    โพสต์:
    494
    ค่าพลัง:
    +117
    ตอบข้อข้องใจ โดย เตชปญฺโญ ภิกขุ

    เจริญพรมายังทุกๆท่าน<?xml:namespace prefix = o ns = "urn:schemas-microsoft-com:eek:ffice:eek:ffice" /><o:p></o:p>
    ***เวลาเราจุดเทียน แสงเทียนมาจากไหน?***<o:p></o:p>
    ***เวลาเราดับเทียน แสงเทียนหายไปไหน?***<o:p></o:p>
    ***คำตอบง่ายๆ เราก็เข้าใจและเห็นๆกันอยู่ สัจจะหรือความจริงมันก็แสดงให้เราเห็นๆกันอยู่***<o:p></o:p>
    ***แต่ทำไมเรากลับโง่มองไม่เห็นสัจจะนั้น***<o:p></o:p>
    ***เราเอาแต่ละเมอเชื่อตามคนอื่น***<o:p></o:p>
    ***โง่ชนิดที่เขาบอกว่าคนนั้นคนนี้เป็นพระอรหันต์ก็เชื่อ น่าสงสารมากๆ**<o:p></o:p>
    ***แล้วอย่างนี้จะมองเห็นสัจจธรรมได้อย่างไร?***<o:p></o:p>
    ***เมื่อสติปัญญายังไม่เป็นอิสระก็อย่าหวังที่จะเห็นสัจจธรรม***<o:p></o:p>
    เตชปญฺโญ ภิกขุ <o:p></o:p>
    www.whatami.8m.com<o:p></o:p>
    http://members.thai.net/whatami/<o:p></o:p>
     
  20. ลัก...ยิ้ม

    ลัก...ยิ้ม เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    19 เมษายน 2005
    โพสต์:
    3,409
    ค่าพลัง:
    +15,762
    เวลาท่านจะจุดเทียนท่านใช้อะไรจุดกับอะไรแล้วทำให้เทียนเกิดแสงสว่างหรือว่าท่าน บอกว่าจะจุดเทียนแล้วสว่างเลย


    ไอส์ไตน์ประดิษฐ์คิดค้นสิ่งต่าง ๆ ขึ้นมาได้เพราะอะไร รึว่าฉันต้องการอันนี้แล้วเกิดเลย

    พระพุทธเจ้าก่อนจะตรัสรู้ ท่านต้องทำอะไรมาบ้าง พวกเราจึงมีจิตน้อมน้อมเคารพนับถือให้ท่านเป็นครูอาจารย์เป็นที่พึ่ง เป็นพระพุทธเจ้า แล้วท่านได้ทำได้บ้าง รึยัง

    ท่านไม่รู้ไม่เห็น ท่านว่าพวกที่ได้รู้ได้เห็น ได้สัมผัสด้วยตนเองมากน้อยว่าละเมอ ท่านไม่เป็นอรหันต์ท่านจึงคิดว่าอรหันต์ไม่มี

    จงพิจารณาตนเองบ้างเถิด.....ว่าจะไม่แล้วเชียวนา คัน ๆๆๆ เจง ๆ กิเลส ๆๆ
     

แชร์หน้านี้

Loading...