นิพพานสูญหรือไม่สูญ ?

ในห้อง 'วิทยาศาสตร์ทางจิต - ลึกลับ' ตั้งกระทู้โดย สมถะ, 14 กันยายน 2008.

แท็ก: แก้ไข
  1. ผมยังเลวอยู่มาก

    ผมยังเลวอยู่มาก เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    9 มกราคม 2008
    โพสต์:
    187
    ค่าพลัง:
    +539
    นิพพานไม่สูญ
    ผู้ใดว่านิพพานสูญ ผู้นั้นสูญนิพพาน

    ใครจะสูญ ก้สูญเถอะคับ ส่วนของผมไม่สูญแล้วกัน

    กิจของผู้ที่นิพพานไม่มีอีกแล้ว กิจที่จะทำไม่มีอีกแล้ว อิสระจากสังสารวัฎ ทั้งมวล



    อนุโมทนาคับ คุณสมถะ สำหรับอุตสาหะวิริยะในการหาข้อมูล และเสียเวลามาน่งพิมพืตอบนะคับ
     
  2. สมถะ

    สมถะ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    19 มกราคม 2006
    โพสต์:
    1,091
    ค่าพลัง:
    +972

    ผมยินดีที่ได้คุยกับคุณ upanya<SCRIPT type=text/javascript> vbmenu_register("postmenu_1514924", true); </SCRIPT> นะครับ ผมมีมุมมองที่อาจต่างจากคุณนะครับ เรื่องกายมหาบุรุษสำหรับผมถือว่าไม่ใช่กายที่ใช้ปราบมารครับ เพราะกายที่ใช้ปราบมารได้ผลและเป็นไปตามหลักภาษาวิชชาธรรมกาย ท่านเรียกว่า กายมนุษย์พิเศษ กายนี้สำคัญที่สุด และสามารถพัฒนาได้จากการทำวิชชารบ กายนี้ต่างหากสำหรับผู้ฝึกธรรมกายต้องทำได้ ถ้าเราเป็นวิชชาจริงต้องทำกายมนุษย์พิเศษได้ครับ กายมหาบุรุษผมไม่เคยเห็นว่าหลวงพ่อวัดปากน้ำพูดถึง เพราะกายมหาบุรุษตามความเห็นของผม เป็นเรื่องของมารเขายอมให้เกิดได้เพราะเกิดจากบารมีแต่ไม่มีฤทธิ์เลย ถ้าคุณเข้าใจวิชชาธรรมกายจริง ต้องรู้จัก กายมนุษย์พิเศษ เราประกอบวิชชาให้เกิดกายนี้จนกระทั่งเกิดกายเอกราชได้ไหม นั่นแหละครับ


    ผมมองว่าผู้ทำวิชชาภาคปราบได้ไม่จำเป็นต้องมาก แต่ขอให้รู้วิชชาจริง ตอนนี้มีแต่คนอยากทำแต่ทำจริงไม่ได้ เพราะไม่รู้วิชชาจริง ขึ้นต้นลงท้ายไม่ถูกจะทำวิชชาได้อย่างไร


    หลวงพ่อวัดปากน้ำองค์จริงอยู่ที่ไหน ทำหน้าที่อะไร ผู้ปกครองต้นธาตุต้นธรรมภาคขาวมีใครบ้างอยู่ที่ไหน ถามว่าเคยไปพบพระองค์ เคยฟังนโยบายของธาตุธรรมบ้างไหม การสร้างบารมีสำคัญเช่นนี้อย่าคิดเองเออเอง ถ้าเรียนแบบคิดเองเออเองวิชชาเพี้ยนหมด แล้วก็โดนภาคมารหลอกใช้อยู่ทุกวันนี้เห็นสำนักใหญ่บางแห่งก็อยู่ในข่ายนี้ เพราะคิดเองเออเองไม่ได้ด้วยหลักวิชชาใดๆ เลยนะครับ


    ที่กล่าวเช่นนี้เพื่อเป็นความรู้นะครับ ผมพอมีข้อมูลและพอพิสูจน์ความจริงมาบ้างจึงขออนุญาติแสดงความเห็นให้ฟังตามที่ได้บรรยายมา


    จะคุยกันแบบชัดๆ ตรงๆ คุยทางนี้ดีกว่าครับ chotsuwan2548dmk@yahoo.com
     
  3. ฅนยอง

    ฅนยอง สมาชิกใหม่

    วันที่สมัครสมาชิก:
    24 กันยายน 2008
    โพสต์:
    24
    ค่าพลัง:
    +3
    นิพพานคือดับสิ้นทุกอย่างครับ ไม่มีแดนนิพพานหรอกครับ พระพุทธเจ้าประสูตร ตรัสรู้ และปรินิพพาน ใต้ต้นไม้ครับ
     
  4. นิรันตรพินทุ

    นิรันตรพินทุ สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    21 สิงหาคม 2008
    โพสต์:
    173
    ค่าพลัง:
    +10
    นิพพาน เจอได้ตลอดเวลาในทุกเมื่อเชื่อวัน

    นิพพานสูญหรือไม่สูญ ถ้าคิดเอา นึกเอา มันได้ทั้งนั้น
    เพราะนิพพานอยู่พ้นไปจากการคิดคำนวนจินตนาการ
     
  5. หล่อลากดิน

    หล่อลากดิน เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    12 มีนาคม 2007
    โพสต์:
    1,202
    ค่าพลัง:
    +235
    อย่าลืมนะครับ ว่าเลข 0 คือ เลขคู่ ไม่ใช่เลขคี่
    แต่บางคนกลับตีว่าเลข 0 คือไร้ค่า ดูดีๆนะครับ
     
  6. นิรันตรพินทุ

    นิรันตรพินทุ สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    21 สิงหาคม 2008
    โพสต์:
    173
    ค่าพลัง:
    +10
    จะว่าอย่างนั้นก็ได้ ถูกต้องเหมือนกัน

    ไม่มีอะไรไร้ค่า มีแต่เราไม่เห็นค่า
    0 เป็นเลขคู่ อาจเพราะว่าเวลาเราจะหาค่า
    เราต้องเอา คู่ตรงข้ามของสิ่งนั้นๆมาผนวกกัน

    เช่น (-1)+1 = 0
    อนัตตา และ อัตตา เท่ากับ นิพพาน

    ใช่ไหมเอ่ย?
     
  7. หล่อลากดิน

    หล่อลากดิน เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    12 มีนาคม 2007
    โพสต์:
    1,202
    ค่าพลัง:
    +235
    ครับท่าน

    ถ้าพิจารณาในพีชคณิตเชิงเส้นแล้ว จะเห็นว่า ... -2 -1 0 1 2 ...

    บางท่านอาจจะมองว่า 0 ไม่มีค่า บางท่านอาจจะมองว่า 0 คือเลขคู่

    มาต่อกันสิว่า ...

    ในอนุภาคแห่งจักรวาฬ ย่อมมีจักรวาฬคู่ขนาน
    ในขั้วโลกเหนือ ย่อมมีขั้วโลกใต้
    มีพุทธในดวงจิต ย่อมมีมารในดวงจิต
    มีชาย ก็ย่อมมีหญิง

    เพราะโลกนี้คือ เลข 0
    ครับท่าน
     
  8. k.kwan

    k.kwan เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 พฤศจิกายน 2007
    โพสต์:
    15,900
    ค่าพลัง:
    +7,310
    (-1)+1 = (-1)+1

    0 = 0

    จากมุมมองของข้อเท็จจริงของข้าพเจ้า ไม่ใช่การสมมุติของข้าพเจ้า

    เป็นความเห็นส่วนตัว เห็นต่างกันไม่ได้มีค่าเป็นถูกผิดในสากลจักรวาล

    เพราะมีแต่สัจจธรรมที่เป็นจริง ในสากลจักรวาล

    ผิดถูกเป็นเรื่องที่ใจเราให้ค่าแก่สมมุติเรื่องใดเรื่องหนึ่ง ณ.ปัจจุบัน
     
  9. นิรันตรพินทุ

    นิรันตรพินทุ สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    21 สิงหาคม 2008
    โพสต์:
    173
    ค่าพลัง:
    +10
    ไม่เป็นไรๆ ใครถือว่าเห็นต่างกับตัวคือผิด ก็แย่แล้ว ไม่พัฒนาแตกหน่อกันพอดี
    ภาษาแถวนี้เรียกสิ่งที่ไม่พัฒนาแล้ว ว่า ของตาย

    ทว่า เลขกลมๆ น่ะ บางทีก็แห้งๆ ไม่เหมือนพระธรรม

    เคยสังเกตุไหมว่า 0 สองตัว 00 ที่มีจุดเชื่อมโยงกัน
    เป็นเครื่องหมาย [​IMG]


    เอ นิพพานสูญหรือไม่สูญ
    ตอนนี้ตอบว่า 0 กับ ค่าอนันต์ มันก็ทำนองเดียวกันแหละ
    เหมือนมีคน ถามว่า 0 มีค่าหรือไม่ ประมาณนั้น

    ทั้งนี้ทั้งนั้น เป็นการเปรียบเปรยนะครับ การเข้าถึงพุทธะได้นั้นจำต้องเป็นพุทธะ
    และคงไม่มีภาษาใดๆ อธิบายได้ เนื่องจากขอบเขตภาษานั้นจำกัด
     
  10. หล่อลำน้ำ

    หล่อลำน้ำ Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    10 เมษายน 2008
    โพสต์:
    489
    ค่าพลัง:
    +40
    ^
    ^
    แจ่ม ... แล้วอนันต์มันสิ้นสุดที่เลขศูนย์สองตัวติดกัน อย่างนั้นหรือ?
     
  11. k.kwan

    k.kwan เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 พฤศจิกายน 2007
    โพสต์:
    15,900
    ค่าพลัง:
    +7,310
    แห้งก็รู้ว่าแห้ง

    0 ก็รู้ว่า 0

    00 ก็รู้ว่า 00

    [​IMG]ก็รู้ว่า [​IMG]

    รู้แค่ไหน ก็ยอมรับแก่ใจตนเองว่ารู้ได้แค่นั้น หัดรู้ไปเรื่อยๆจนกว่าจะรู้ชัด

    รู้ชัดจนแจ่มแจ้ง ก็เลิกรู้ไปเองมั้ง ก็ยังไม่รู้ชัดนินา
     
  12. นิรันตรพินทุ

    นิรันตรพินทุ สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    21 สิงหาคม 2008
    โพสต์:
    173
    ค่าพลัง:
    +10
    รู้
     
  13. บุคคลทั่วไป 3 คน

    บุคคลทั่วไป 3 คน เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 เมษายน 2008
    โพสต์:
    2,938
    ค่าพลัง:
    +1,253
    ก็แค่รู้ ก็พอแล้วที่ตรงรู้

    จะไปหมายเอาอะไรจากรู้

    มันเอาออกมาได้เหรอ

    รู้ จึงสมบูรณ์ในตัวมันเอง
     
  14. baankvee

    baankvee Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    11 ตุลาคม 2008
    โพสต์:
    89
    ค่าพลัง:
    +33
    นิพพานไม่สูญนะ

    พระสายพระป่า หลวงพ่อฤๅษี เคยให้สัมภาษณ์หนังสือพระเล่มหนึ่ง ท่านบอกว่า นิพพานไม่สูญ แต่ขันธ์ห้าดับ เหลือไว้แต่ธรรมกายในแดนนิพพาน
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 3 พฤศจิกายน 2008
  15. lokemesa

    lokemesa Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    18 กรกฎาคม 2008
    โพสต์:
    158
    ค่าพลัง:
    +26
    มีพุทธพจน์มาในสุตตนิบาต ขุททกนิืกาย ว่า

    [๔๐๕] สิยา อฺเนปิ ปริยาเยน ฯเปฯ กถฺจ สิยา<o></o>
    ย ภิกฺขเว สเทวกสฺส โลกสฺส สมารกสฺส สพฺรหฺมกสฺส<o></o>
    สสฺสมณพฺราหฺมณิยา ปชาย สเทวมนุสฺสาย อิท สจฺจนฺติ อุปนิชฺฌายิต<o></o>
    ตทมริยาน เอต มุสาติ ยถาภูต สมฺมปฺปฺาย สุทิฏฺ<o></o>
    อยเมกานุปสฺสนา ย ภิกฺขเว สเทวกสฺส ฯเปฯ สเทวมนุสฺสาย อิท<o></o>
    มุสาติ อุปนิชฺฌายิต ตทมริยาน เอต สจฺจนฺติ ยถาภูต<o></o>
    สมฺมปฺปฺาย สุทิฏฺ อย ทุติยานุปสฺสนา เอว สมฺมาทฺวยตานุปสฺสิโน<o></o>
    ฯเปฯ อถาปร เอตทโวจ สตฺถา

    <o></o>
    นามรูปที่ชาวโลกพร้อมทั้งเทวโลก มารโลก พรหมโลก และหมู่สัตว์พร้อมทั้งสมณพราหมณ์ เทวดาและมนุษย์พากันเพ่งพินิจว่า นามรูปนี้เป็นของจริง<o></o>
    ซึ่งพระอริยะทั้งหลายพิจารณาเห็นตามความเป็นจริงด้วยปัญญาอันชอบว่า นามรูปนี้ไม่เป็นของจริง<o></o>
    นิพพานที่ชาวโลกพร้อมทั้งเทวโลก มารโลก พรหมโลก และหมู่สัตว์พร้อมทั้งสมณพราหมณ์ เทวดาและมนุษย์พากันเพ่งพินิจว่า นิพพานนี้ไม่มีอยู่จริง<o></o>
    ซึ่งพระอริยะทั้งหลายพิจารณาเห็นตามความเป็นจริงด้วยปัญญาอันชอบว่า นิพพานนี้มีอยู่จริง<o></o>
    <o>
    </o>
    อนตฺตนิ อตฺตมานี ปสฺส โลก สเทวก<o></o>
    นิวิฏฺ นามรูปสฺมึ อิท สจฺจนฺติ มฺติ ฯ<o></o>
    เยน เยน หิ มฺนฺติ ตโต ต โหติ อฺถา<o></o>
    ตฺหิ ตสฺส มุสา โหติ โมสธมฺมฺหิ อิตฺตร ฯ<o></o>
    อโมสธมฺม นิพฺพาน ตทริยา สจฺจโต วิทู<o></o>
    เต เว สจฺจาภิสมยา นิจฺฉาตา ปรินิพฺพุตาติ ฯ<o>

    </o>​
    ท่านมีความเข้าใจผิดในนามรูปที่มิใช่อัตตาว่าเป็นอัตตา<o></o>​
    จงดูชาวโลกพร้อมทั้งเทวโลก ซึ่งพากันยึดมั่นในนามรูป โดยเข้าใจว่า นามรูปนี้เป็นของจริง<o></o>​
    ความจริง นามรูปนั้นย่อมแปรผันเป็นอย่างอื่น จากอาการที่คนทั่วไปเข้าใจอยู่เสมอ<o></o>​
    นามรูปของผู้เข้าใจเช่นนั้น หาเป็นจริงตามนั้นไม่ เพราะนามรูปนั้น ปรากฏชั่วครู่ก็เสื่อมสูญไปเป็นธรรมดา<o></o>​
    นิพพานมีความไม่เสื่อมสูญไปเป็นธรรมดา ซึ่งพระอริยะทั้งหลายรู้แจ้งตามความเป็นจริง<o></o>​
    จึงเป็นผู้ปราศจากตัณหา ปรินิพพานแล้ว เพราะรู้แจ้งอริยสัจ<o></o>​
    <o>
    </o>​
    ขุ.สุ. 25/405/481.<o></o>​

    มจร.(แปล) ขุ.สุ. 25/760-761/682.​
     
  16. lokemesa

    lokemesa Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    18 กรกฎาคม 2008
    โพสต์:
    158
    ค่าพลัง:
    +26
    ในพระคัมภีร์สุตตนิบาตเดียวกันนี้ยังมีพุทธพจน์ตรัสความว่า


    อิฏฐารมณ์(อารมณ์อันน่ารักน่าใคร่)ที่ชาวโลกพร้อมทั้งเทวโลก มารโลก พรหมโลก และหมู่สัตว์พร้อมทั้งสมณพราหมณ์ เทวดาและมนุษย์พากันเพ่งพินิจว่า อิฏฐารมณ์นี้เป็นความสุข<o></o>
    ซึ่งพระอริยะทั้งหลายพิจารณาเห็นตามความเป็นจริงด้วยปัญญาอันชอบว่า อิฏฐารมณ์นี้เป็นความทุกข์<o></o>
    <o>
    </o>​
    นิพพานที่ชาวโลกพร้อมทั้งเทวโลก มารโลก พรหมโลก และหมู่สัตว์พร้อมทั้งสมณพราหมณ์ เทวดาและมนุษย์พากันเพ่งพินิจว่า นิพพานเป็นความทุกข์<o></o>
    ซึ่งพระอริยะทั้งหลายพิจารณาเห็นตามความเป็นจริงด้วยปัญญาอันชอบว่า นิพพานเป็นความสุข<o></o>
    <o>
    </o>

    <o>
    </o>​
    รูป เสียง กลิ่น รส โผฏฐัพพะ และธรรมารมณ์ ล้วนน่าปรารถนา น่าใคร่ น่าพอใจ ที่กล่าวอยู่ว่ามีประมาณเท่าใด<o></o>
    รูปเป็นต้นเหล่านั้นแล เป็นสิ่งที่ชาวโลกพร้อมทั้งเทวโลกสมมติว่า เป็นสุข<o></o>
    ถ้ารูปเป็นต้นเหล่านั้น ดับในที่ใด ที่นั้นเทวดาและมนุษย์เหล่านั้นก็สมมติกันว่า เป็นทุกข์<o></o>
    ส่วนอริยบุคคลทั้งหลายเห็นการดับสักกายะว่า เป็นสุข<o></o>

    การเห็นของอริยบุคคลทั้งหลายผู้เห็นอยู่นี้ ย่อมขัดแย้งกับชาวโลกทั้งปวง<o></o>
    บุคคลเหล่าอื่นกล่าวสิ่งใดว่า เป็นสุข<o></o>
    อริยบุคคลทั้งหลายกล่าวสิ่งนั้นว่า เป็นทุกข์<o></o>
    บุคคลเหล่าอื่นกล่าวสิ่งใดว่า เป็นทุกข์<o></o>
    อริยบุคคลทั้งหลายกล่าวสิ่งนั้นว่า เป็นสุข<o></o>

    เธอจงเห็นธรรมที่รู้ได้ยาก คนพาลผู้หลง ไม่รู้แจ้งในนิพพานนี้<o></o>
    ความมืดปรากฏแก่บุคคลผู้ถูกนิวรณ์คือกิเลสหุ้มห่อไว้ (เหมือน)ความมืดปรากฏแก่บุคคลผู้ไม่เห็น ฉะนั้น<o></o>

    แต่นิพพานย่อมปรากฏแจ่มแจ้งแก่สัตบุรุษ เหมือนแสงสว่างปรากฏแก่บุคคลผู้เห็นอยู่ ฉะนั้น<o></o>
    ชนทั้งหลายผู้แสวงหาทาง ไม่ฉลาดในธรรม ย่อมไม่รู้แจ้ง(นิพพาน)ที่อยู่ใกล้<o></o>

    บุคคลผู้ถูกความกำหนัดในภพครอบงำ แล่นไปตามกระแส(ตัณหา)ในภพ<o></o>
    ถูกบ่างมารคล้องไว้ จะไม่รู้ธรรมนี้ได้ง่าย<o></o>

    เว้นอริยบุคคลทั้งหลายแล้ว
    <o></o>
    ใครเล่าควรจะตรัสรู้บท(นิพพาน)ที่อริยบุคคลทั้งหลายตรัสรู้ชอบแล้ว ไม่มีอาสวะ ปรินิพพาน<o></o>
    <o>
    </o>
    ขุ.สุ. 25/406/481.<o></o>​

    มจร.(แปล) ขุ.สุ. 25/765-772/683-685.​
     
  17. หนุมาน ผู้นำสาร

    หนุมาน ผู้นำสาร เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    10 กรกฎาคม 2006
    โพสต์:
    13,682
    ค่าพลัง:
    +51,931
    *** นิพพาน ****

    นิพพาน...
    มีอยู่จริงในธรรมชาติ

    นิพพาน....
    ถึงที่สุด เข้าถึงที่สุด

    นิพพาน...
    อยู่ที่การกระทำ

    - " หนุมาน ผู้นำสาร "
     
  18. หนุมาน ผู้นำสาร

    หนุมาน ผู้นำสาร เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    10 กรกฎาคม 2006
    โพสต์:
    13,682
    ค่าพลัง:
    +51,931
    *** นิพพาน ****

    นิพพาน...สิ่งไม่ตาย ไม่สูญสลาย คงอยู่ตลอดไป
    ในโลก ในจักรวาล...สิ่งที่ไม่ตาย ไม่สูญสลาย และคงอยู่ตลอดไป....คือ "ตัวกระทำ"

    - " หนุมาน ผู้นำสาร"
     
  19. lokemesa

    lokemesa Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    18 กรกฎาคม 2008
    โพสต์:
    158
    ค่าพลัง:
    +26
    มีพุทธพจน์มาในอชาตสูตร ความว่า


    ภิกษุทั้งหลาย ธรรมชาติที่ไม่เกิด ไม่ปรากฏ อันปัจจัยไม่ทำ อันปัจจัยไม่ปรุงแต่ง มีอยู่จริง

    ภิกษุทั้งหลาย หากธรรมชาติที่ไม่เกิด ไม่ปรากฏ อันปัจจัยไม่ทำ อันปัจจัยไม่ปรุงแต่ง จะไม่มีอยู่จริงไซร้
    ในโลกนี้ก็จะไม่พึงปรากฏภาวะที่สลัดออกจากธรรมชาติที่เกิด ที่ปรากฏ อันปัจจัยทำ อันปัจจัยปรุงแต่งได้เลย

    ภิกษุทั้งหลาย ก็เพราะธรรมชาติที่ไม่เกิด ไม่ปรากฏ อันปัจจัยไม่ทำ อันปัจจัยไม่ปรุงแต่ง มีอยู่จริง
    ฉะนั้น จึงปรากฏภาวะที่สลัดออกจากธรรมชาติที่เกิด ที่ปรากฏ อันปัจจัยทำ อันปัจจัยปรุงแต่ง”


    พระผู้มีพระภาคได้ตรัสเนื้อความดังกล่าวมานี้แล้ว ในพระสูตรนั้น
    จึงตรัสคาถาประพันธ์ดังนี้ว่า

    ธรรมชาติที่เกิด ที่ปรากฏ ที่เกิดขึ้นพร้อมแล้ว อันปัจจัยทำ อันปัจจัยปรุงแต่ง ไม่ยั่งยืน
    ระคนด้วยชราและมรณะ เป็นรังแห่งโรค มีความเสื่อมโทรมเป็นปกติ มีอาหารและตัณหาเป็นแดนเกิด
    บุคคลจึงไม่ควรยินดีธรรมชาติดังกล่าวนั้น ความสลัดออกจากธรรมชาติดังกล่าวนั้นได้ เป็นความสงบ
    มิใช่วิสัยแห่งการคาดคะเน เป็นภาวะที่ยั่งยืน

    ธรรมชาติที่ไม่เกิด ที่ไม่เกิดขึ้นพร้อมแล้ว ไม่มีความโศก ปราศจากธุลีคือกิเลส เป็นภาวะควรเข้าถึงแท้จริง
    ความดับแห่งธรรมชาติที่เป็นทุกข์ทั้งหลาย คือความสงบแห่งสังขาร เป็นความสุข



    แม้เนื้อความนี้ พระผู้มีพระภาคก็ตรัสไว้แล้ว ข้าพเจ้าได้สดับมาอย่างนี้แล

    พระไตรปิฎก (มจร.) 25/43/391-392.
     
  20. lokemesa

    lokemesa Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    18 กรกฎาคม 2008
    โพสต์:
    158
    ค่าพลัง:
    +26
    มีพุทธพจน์มาในนิพพานธาตุสูตร ความว่า


    “ภิกษุทั้งหลาย นิพพานธาตุ ๒ ประการนี้
    นิพพานธาตุ ๒ ประการ อะไรบ้าง คือ

    ๑. สอุปาทิเสสนิพพานธาตุ
    ๒. อนุปาทิเสสนิพพานธาตุ


    (๑) สอุปาทิเสสนิพพานธาตุ เป็นอย่างไร
    ภิกษุในธรรมวินัยนี้เป็นพระอรหันตขีณาสพ อยู่จบพรหมจรรย์แล้ว
    ทำกิจที่ควรทำเสร็จแล้ว ปลงภาระได้แล้ว บรรลุประโยชน์ตนโดยลำดับแล้ว
    สิ้นภวสังโยชน์แล้ว หลุดพ้นเพราะรู้โดยชอบ

    เพราะอินทรีย์ ๕ ที่ยังคงอยู่ ไม่ดับไป
    ภิกษุนั้นจึงประสบอิฏฐารมณ์และอนิฏฐารมณ์ เสวยสุขและทุกข์อยู่


    ภิกษุทั้งหลาย ความสิ้นราคะ ความสิ้นโทสะ ความสิ้นโมหะของภิกษุนั้น
    เราเรียกว่า สอุปาทิเสสนิพพานธาตุ


    (๒) อนุปาทิเสสนิพพานธาตุ เป็นอย่างไร
    ภิกษุในธรรมวินัยนี้เป็นพระอรหันตขีณาสพ อยู่จบพรหมจรรย์แล้ว
    ทำกิจที่ควรทำเสร็จแล้ว ปลงภาระได้แล้ว บรรลุประโยชน์ตนโดยลำดับแล้ว
    สิ้นภวสังโยชน์แล้ว หลุดพ้นเพราะรู้โดยชอบ

    ภิกษุทั้งหลาย เวทนาทั้งปวงในอัตภาพนี้นั่นแลของภิกษุนั้น
    อันตัณหาเป็นต้น ให้เพลิดเพลินไม่ได้ต่อไปแล้ว จักระงับดับสนิท


    ภิกษุทั้งหลาย สภาวะดังกล่าวนี้ เราเรียกว่า อนุปาทิเสสนิพพานธาตุ
    ภิกษุทั้งหลาย นิพพานธาตุ ๒ ประการนี้แล”


    พระผู้มีพระภาคได้ตรัสเนื้อความดังกล่าวมานี้แล้ว ในพระสูตรนั้น
    จึงตรัสคาถาประพันธ์ดังนี้ว่า


    ตถาคตผู้มีพระจักษุ ไม่ทรงอิงอาศัยสิ่งใดๆ เป็นผู้คงที่
    ทรงประกาศนิพพานธาตุไว้ ๒ ประการนี้ คือ
    นิพพานธาตุประการหนึ่ง เป็นสภาวะมีให้เห็นในอัตภาพนี้
    ชื่อว่า สอุปาทิเสสนิพพานธาตุ เพราะความสิ้นไปแห่งตัณหาที่นำไปสู่ภพ

    ส่วนนิพพานธาตุอีกประการหนึ่ง เป็นสภาวะมีในภายภาคหน้า
    ชื่อว่า อนุปาทิเสสนิพพานธาตุ เป็นที่ดับสนิทแห่งภพทั้งหลายได้โดยสิ้นเชิง


    ชนทั้งหลายผู้รู้ที่ไม่ถูกปัจจัยปรุงแต่งนี้แล้ว
    มีจิตหลุดพ้นเพราะความสิ้นไปแห่งภวเนตติ*
    ยินดียิ่งในธรรมเป็นที่สิ้นไปแห่งกิเลส
    เพราะบรรลุธรรมเป็นสาระ เป็นผู้คงที่ ละภพทั้งปวงได้


    แม้เนื้อความนี้ พระผู้มีพระภาคก็ตรัสไว้แล้ว ข้าพเจ้าได้สดับมาอย่างนี้แล


    [* ภวเนตติ เป็นชื่อของตัณหา หมายถึงเชือกผูกสัตว์ไว้ในภพ(ภวรชฺชุ) (องฺ.จตุกฺก.อ. ๒/๑/๒๗๙)]

    มจร.แปล 25/44/392-394.
     

แชร์หน้านี้

Loading...