"ธรรมะ"แห่งพระมหากษัตริย์

ในห้อง 'ในหลวงกับพุทธศาสนา' ตั้งกระทู้โดย paang, 25 พฤศจิกายน 2005.

  1. paang

    paang เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 เมษายน 2005
    โพสต์:
    9,492
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +34,325
    คัดจากคอลัมน์ จุดไฟในนาคร

    [​IMG]

    โดย ชัชรินทร์ ไชยวัฒน์
    หนังสือพิมพ์วิเคราะห์ข่าวการเมืองรายสัปดาห์ "ข่าวพิเศษ"
    ปีที่๑๖ ฉบับที่ ๘๐๘(๙๙)



    " ธรรมะ"แห่งพระมหากษัตริย์
    ในอดีตกาลที่ผ่านมา หากว่าการเป็น"พระราชา"นั้น เป็นตำแหน่งแห่งการเสวยสุข อันเนื่องมาจากความเขลาของบรรดาผู้ใต้ปกครองหรืออาณาประชาราษฎร์แล้วไซร้ ระบอบการปกครองโดยพระมหากษัตริย์ คงจะไม่ดำรงสืบต่ออย่างมั่นคงเป็นระยะเวลาอันยาวนานนับเป็นหลายศตวรรษ

    ภายใต้สภาวการณ์หนึ่งๆ"อำนาจ"ในมือของพระมหากษัตริย์นั้น สร้างระบอบการปกครองที่เหมาะสมสอดคล้องกับราษฎรและแผ่นดิน และอำนาจนั้น มิได้วางอยู่ลอยๆโดยไม่ได้มีรูปทรงใดๆคอยกำกับ อำนาจแห่งพระราชาในอดีตที่ผ่านมา ถูกกำกับไว้ด้วยสิ่งที่เรียกว่า "ทศพิธราชธรรม" ธรรมสำหรับกษัตริย์..และโดยธรรมเหล่านี้ แผ่นดินและไพร่ฟ้าล้วนเป็นสุขอยู่ภายใต้พระบรมโพธิสมภารมาเป็นเวลายาวนาน

    [​IMG]

    พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวภูมิพลอดุลยเดช รัชกาลที่๙ ทรงเถลิงราชสมบัติภายใต้สภาวการณ์การเปลี่ยนแปลงการปกครองจากระบอบ"สมบูรณาญาสิทธิราช"มาเป็นระบอบประชาธิปไตย ที่พระมหากษัตริย์ทรงอยู่ใต้รัฐธรรมนูญ ดังที่เรียกขานกันในระยะหลังว่า "ประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นพระประมุข" ในพิธีราชาภิเษก พระองค์ได้ทรงมีพระราชดำรัสว่า "..เราจะครองแผ่นดินโดยธรรม


    [​IMG]

    นับตั้งแต่พระองค์ทรงเถลิงพระราชสมบัติจนกระทั่งทุกวันนี้ พระมหากษัตริย์ไทยได้รับการโจษขานกันในอารยประเทศและทั่วโลกว่า ทรงเป็นพระมหากษัตริย์ที่มีพระบารมีอย่างยิ่งยวด ไม่ว่าภายในสภาวการณ์แห่งการเปลี่ยนแปลงครั้งแล้วครั้งเล่าในบ้านเมืองและต่อสถานการณ์โลก


    [​IMG]

    มีความกังขาอยู่หลายประการ ถึงพระบารมีของพระมหากษัตริย์ไทย ในขณะที่สถาบันกษัตริย์ในหลายต่อหลายประเทศ เผชิญมรสุมแห่งความเปลี่ยนแปลงครั้งแล้วครั้งเล่า ทั้งในประเทศเพื่อบ้านและห่างไกลออกไปในยุโรป นับตั้งแต่อดีตและจนแม้กระทั่งปัจจุบัน


    [​IMG]

    อันที่จริงนั้น ประชาชนหรือประชาราษฎร์ในแต่ละพื้นที่ของโลกนั้น น่าจะมีสามัญสำนึกคล้ายๆกัน กระแสการเปลี่ยนแปลงของโลกส่งผลกระทบถึงนานาประเทศคล้ายๆกัน..แต่เหตุใดพระบารมีของพระมหากษัตริย์ไทย จึงยังคงเข้มแข็ง มั่นคง ตั้งอยู่บนจิตใจของประชาไทยทั้งปวง คำถามเหล่านี้...สามารถตอบได้ด้วยเหตุด้วยผล ด้วยหลักเกณฑ์ที่เป็นวิทยาศาสตร์ ประชาชนชาวไทยไม่ได้เป็น"ส่วนที่ผิดแปลก"ไปจากประชาชนในซีกโลกต่างๆ เพียงแต่พระมหากษัตริย์ไทยอาจจะมีความแตกต่างจากบรรดาพระมหากษัตริย์ในอีกหลายประเทศมากกว่า...

    [​IMG]



    เหตุผลสำคัญ ที่ดูเหมือนจะค้ำยันสถาบันพระมหากษัตริย์ในเมืองไทยให้มั่นคง และ แผ่ขยายพระบารมีเป็นศูนย์รวมจิตใจของชาวไทย และทุกสถาบันในสังคมไทย ก็อาจจะเป็นการยึดมั่นอยู่ใน"ทศพิธราชธรรม" ธรรมะแห่งกษัตริย์ได้ปกป้องประเทศชาติ และกลายเป็นสถาบันในการลดความขัดแย้งทางสังคม เป็นธรรมที่นำพาบ้านเมืองให้เปิดรับการเปลี่ยนแปลงแบบ"ผ่านอย่างสันติ" รวมทั้งเป็น"สติ"ของอาณาประชาราษฎร์ เป็นเครื่องกระตุ้นเตือนบรรดาผู้บริหารราชการแผ่นดินทั้งในแง่ของ"แบบอย่าง" และในแง่ของ"กำลังขวัญ"


    [​IMG]

    การเปลี่ยนแปลงของสังคมนั้น เป็นสิ่งที่หลีกเลี่ยงไม่ได้ โลกหมุนทุกวัน..และเรียกร้องให้"สิ่ง"เคลื่อนไหวตามแรงเหวี่ยงนั้นๆ แต่ภายใต้ภาวะความเปลี่ยนแปลงใดๆก็ตาม มีอยู่สิ่งหนึ่งที่ไม่เคยเปลี่ยนแปลงไปเลยในโลก นั่นก็คือ "สัจจะ" และ "ความดีงาม" ว่าไปแล้วนั่นก็คือ..."ธรรมะ"


    [​IMG]

    "วิถีทางแห่งธรรม" ที่พระมหากษัตริย์ไทยพระองค์นี้ ได้ยึดเป็นพระราชปณิธานนับแต่วันเถลิงพระราชสมบัติ ก็ได้พิสูจน์แล้วว่า สถาบันพระมหากษัตริย์ไทย และองค์พระมหากษัตริย์ไทย มีความแตกต่างจากอดีตกษัตริย์องค์อื่นๆเช่นใดบ้าง ภายใต้ภาวะแห่งความสับสนและการเปลี่ยนแปลงในทางการเมืองเศรษฐกิจและสังคม อาจจะก่อให้เกิดความเข้าใจที่คลาดเคลื่อนต่อสถาบันพระมหากษัตริย์ และ ถ้าหากถูกมองจากสายตาที่ห่างไกลจาก"ธรรมะ" แล้วไซร้ สถาบันพระมหากษัตริย์อาจจะถูกแอบอ้างนำไปใช้เป็นเครื่องมือ"ทางอำนาจให้กับคนในแวดวงการเมือง-เศรษฐกิจ หรือแม้กระทั่งองค์กรทางสังคม

    การแอบอ้างพระมหากษัตริย์โดยปราศจากความเข้าใจใน"ธรรมะ"แห่งองค์พระมหากษัตริย์ ย่อมก่อให้เกิดความรุ่มร้อน ไม่เพียงแต่ในหมู่ผู้กระทำการเหล่านี้ แต่แม้กระทั่งต่ออาณาประชาราษฎร์บางเหตุการณ์บางกรณีด้วยเช่นกัน และไม่ปรากฏเลยว่าผู้แอบอ้างโดยไม่ได้เข้าใจ"วิถีทางแห่งพระมหากษัตริย์"นั้น จะประสบความสุขสงบ ความร่มเย็นได้ตลอดกาล

    เป็นสิ่งที่ยากมาก ที่พระมหากษัตริย์จะทรง"ปฏิเสธ" หรือ คัดค้าน"การแอบอ้างใดๆ" โดยเฉพาะการแอบอ้างที่แยบยลขึ้น และซ่อนเงื่อนปมมากยิ่งขึ้น แม้กระทั่งบางครั้ง"ความรักชาติอย่างผิดๆ" ก็กลายเป็นส่วนหนึ่งของการแอบอ้าง โดยปราศจากความเข้าใจถึง "ธรรมะ"


    [​IMG]


    แท้ที่จริงอาจกล่าวได้ว่า หากมองถึง"ทศพิธราชธรรม"ที่ดำเนินมาโดยตลอดนั้น บุคคลใดหรือองค์กรใดก็ตามที่ก้าวเดินตามวิถีทางแห่ง"ธรรมะ" บุคคลเหล่านั้นน่าจะได้รับการยอมรับว่าเป็นผู้"จงรักภักดีต่อพระมหากษัตริย์"อย่างแท้จริง และเป็นผู้ใกล้ชิดเบื้องพระยุคลบาทอย่างแท้จริง


    [​IMG]

    บัลลังก์แห่งราชาจะถูกค้ำยันด้วยวิถีทางที่เป็นธรรม โดยเฉพาะอย่างยิ่งในยุคสมัยนี้ ที่ความหมายของคำว่า"สันติ-มนุษยธรรม"เป็นสิ่งที่ได้รับการตระหนักมากยิ่งขึ้น บัลลังก์แห่งองค์ราชาจึงจะมั่นคงสถิตเสถียรอยู่กับประเทศชาติโดยผู้ฝักใฝ่ในธรรมะ ผู้มีความรักในเพื่อนมนุษย์ และผู้ใฝ่สันติเป็นหลักสำคัญ

    การฆ่าฟันศัตรูภายในชาติด้วยคำกล่าวว่า "เพื่อรักษาสถาบันพระมหากษัตริย์" การสร้างความมั่นคงให้กับสถาบันพระมหากษัตริย์ที่เริ่มต้นด้วยความ"เกลียดชัง" ด้วยความ"หวาดระแวง" และ "ด้วยความริษยาอาฆาต"นั้น..หาใช่การเดินตามรอยพระยุคลบาทไม่ และด้วยเหตุที่บางครั้ง บางบุคคล..ก่อกำเนิด

    [​IMG]

    ความรักพระมหากษัตริย์บน"ความเกลียดชัง"บุคคลอื่นๆ...สถาบันพระมหากษัตริย์มิอาจที่จะปฏิเสธ"ทัศนะแห่งความแตกต่าง"ของบรรดาพสกนิกรใดๆได้เลย



    แต่ตลอดเวลาที่ผ่านมา พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวภูมิพลอดุลยเดช ได้ทรงกล่าวย้ำหลายต่อหลายครั้งให้พสกนิกรของพระองค์ยึดมั่นอยู่ใน"วิถีทางแห่งธรรม" ให้ฝักใฝ่ใน"สันติ" ให้มีความรักความเอื้อเฟื้อต่อเพื่อนมนุษย์ทั้งในสังคมประเทศและแม้กระทั่งในสังคมโลก


    ความพยายามที่จะเป็นที่รัก,เพื่อใกล้ชิด,เพื่อเป็นที่ไว้ว่างพระราชหฤทัย..ฯลฯโดยปราศจาก"เมตตาธรรม"ต่อผู้อื่นนั้น หาใช่วิถีทางที่สอดคล้องกับ"ธรรมะแห่งองค์พระมหากษัตริย์"ไม่

    บุคคลใดก็ตาม..ที่ยึดมั่นอยู่กับวิถีทางแห่งธรรม บุคคลนั้นย่อมเป็นที่ไว้วางพระราชหฤทัยแห่งองค์พระมหากษัตริย์ผู้ทรง

    [​IMG]


    ประกาศยึดมั่นอยู่ใน"ทศพิธราชธรรม"มาโดยตลอด เราอาจจะมองพระมหากษัตริย์จากความเป็น"มนุษย์"ได้..แต่เราไม่อาจมองพระมหากษัตริย์แยกออกจากสถานะ และ"ธรรมะ"ที่พระองค์ทรงรักษา จนเป็นพระราชจริยาวัตรอันมั่นคง
    จนกระทั่งถึงปัจจุบันนี้

    [​IMG]


    แน่นอนว่า..สังคมย่อมมีการเปลี่ยนแปลง และบ่อยครั้งที่ความเปลี่ยนแปลงเหล่านั้น อาจจะพุ่งเป้าหมายถึงสถานะของสถาบันพระมหากษัตริย์ด้วยความไม่เข้าใจ หรือ ด้วยความ"ไม่รู้"

    ปัจจุบันเราอาจจะต้องกล่าวว่า..ไม่ว่าจะพิจารณาโดยทางการเมืองหรือโดยทางศีลธรรม สถาบันพระมหากษัตริย์ดำรงอยู่เสมือนหนึ่งจิตวิญญาณของ
    ประเทศ

    [​IMG]

    เป็นภาพสะท้อนสังคมในอดีต เป็นภาพแห่งคำอธิบายในปัจจุบัน และเป็นคำถามที่สังคมจะต้องตอบไปในอนาคต คำตอบใดก็ตาม...ที่ห่างออกจาก"ธรรม"หรือห่างไกลจากความเมตตา ห่างไกลออกจากวิถีทางที่สันติ ความเปลี่ยนแปลงใดที่บังเกิดขึ้นเพียงเพื่อ"ส่วนใดส่วนหนึ่ง"หรือ "คนกลุ่มใดกลุ่มหนึ่ง"จะเป็นคำตอบที่ล้มเหลวอย่างแน่นอน..ภายใต้ความเปลี่ยนแปลงนานาประการในสังคมไทย จะต้องเป็นความเปลี่ยนแปลงที่สอดคล้องกับความต้องการของอาณาประชาราษฎร์ ไม่ว่าจะเป็นกลุ่มที่มีทัศนะแตกต่างกันเพียงใดก็ตาม


    [​IMG]


    การดำรงอยู่ของสถาบันพระมหากษัตริย์ ยังได้ถูกเน้นความหมายครั้งแล้วครั้งเล่า ด้วยบทบาทว่าด้วยเรื่องของ"ความสามัคคี" ความสามัคคีที่จะต้องบังเกิดขึ้น ไม่ว่าจะเผชิญหน้ากับการเปลี่ยนแปลงของสังคมภายใน หรือ สังคมภายนอกก็แล้วแต่ เหตุผลแห่งความสามัคคีหรือความสำคัญของการ" รู้รักสามัคคี "นั้น ถูกถ่ายทอดออกมาโดยพระราชดำรัสของพระมหากษัตริย์และพระบรมวงศานุวงศ์หลายพระองค์ เป็นสิ่งที่ตอกย้ำแก่ปวงชนชาวไทยว่า..ควรจะก้าวผ่าน"ความเปลี่ยนแปลง"นานาประการด้วยทัศนะเช่นใด


    [​IMG]

    การเปลี่ยนแปลงที่จะเต็มไปด้วยความร้าวฉาน การเข่นฆ่าทำลาย หรือ การเปลี่ยนแปลงบนโครงสร้างแห่งความเป็น"ปฏิปักษ์" ได้รับการพิสูจน์แล้วว่ามันอาจจะเปลี่ยนแปลงได้..แต่เป็นการเปลี่ยนบน"ซากปรักหักพังของประเทศชาติ"และเป็นการเปลี่ยนแปลงที่"ไร้หลักประกัน"ไม่มีหลักประกันใดๆสำหรับผู้แพ้ ที่จะถูกทำลายลงไปด้วยความ"ขาดสติ"ของผู้ชนะความเปลี่ยนแปลงที่บังเกิดขึ้นบนความ"ไร้ความสามัคคี"เป็นความเปลี่ยนแปลงที่ไม่มี"สันติ"และบ่อยครั้งที่มันขาด "ธรรมะ" ในการค้ำจุนบทบาทแห่งการเปลี่ยนแปลงนั้นๆ

    การเมือง..คือเรื่องแห่งความเปลี่ยนแปลง ภาวะเศรษฐกิจเป็นเรื่องแห่งการเปลี่ยนแปลง และแน่นอน..สังคมเผชิญการเปลี่ยนแปลงวันแล้ววันเล่า ตลอดเวลาแห่งการเปลี่ยนแปลงเหล่านี้ สถาบันพระมหากษัตริย์โดยเฉพาะพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวภูมิพลอดุลยเดช ได้ทรงแผ่พระบารมีประคับประคองกระบวนการเปลี่ยนแปลงนั้นๆให้รอดพ้นจากการเป็น"อนุสาวรีย์แห่งความแตกร้าว"

    [​IMG]

    ประเทศไทยเดินผ่านกระบวนการเปลี่ยนแปลงครั้งแล้วครั้งเล่า โดยสามารถรักษา"สันติ"ของประเทศชาติเอาไว้ได้ รักษาความเป็นสังคมไทยเอาไว้ได้..แม้ว่าภายใต้ภาวการณ์นั้นๆอาจจะก่อให้เกิดกลุ่มคน หรือ บางบุคคลไม่เข้าใจต่อสถาบันพระมหากษัตริย์ ว่าไปแล้ว..เหรียญตราบนบ่าของนายพล สายสะพายของรัฐมนตรีและผู้บริหาร พระปรมาภิไธยที่มอบให้ต่อตุลาการ และข้าราชการระดับสูงโดยทั่วไปนั้น..จะมีค่าอย่างยิ่ง หากเขาเหล่านั้นสำนึกถึง"หนทางแห่งธรรม"ที่องค์พระมหากษัตริย์ทรงกระทำเป็นแบบอย่าง คุณค่าเหล่านี้จะมีเกียรติ มีศักดิ์ศรี มีความสูงสง่าอย่างเต็มที่..หากบรรดาบุคคลเหล่านี้ยึดมั่นใน"ค่า"หรือ"ความหมาย"ของสิ่งที่ทรงมอบให้ มิใช่ยึดมั่นอยู่กับ"รูปแบบ"หรือ"วัตถุ"ที่ทรงประทาน


    [​IMG]

    ประเทศไทยไม่เหมือนประเทศใดๆในโลก..พระราชวงศ์จักรีมิได้เหมือนกับพระราชวงศ์ใดในอีกหลายประเทศ..ไม่มีความแตกต่างใดๆที่จะอธิบายได้ดีกว่าคำว่า"ธรรมะ"แห่งพระมหากษัตริย์ไทย คือสิ่งที่พิสูจน์แล้วว่า พระองค์ได้ยึดถือ นำพาให้สถาบันพระมหากษัตริย์ไทย กลายเป็นสถาบันที่ทรงเกียรติยศเป็นที่ยอมรับต่ออารยประเทศจนเท่าทุกวันนี้


    [​IMG]


    เมื่อพระมหากษัตริย์ได้ทรงดำรัส และได้ทรงปฏิบัติมาโดยตลอดตามถ้อยคำที่ว่า.."เราจะครองแผ่นดินโดยธรรม" บรรดาผู้มีความรักต่อองค์พระมหากษัตริย์และพระบรมวงศานุวงศ์ คงจะต้องถามตัวเองว่า..ในความรักต่อองค์พระประมุขนั้น ท่านทั้งหลายมีความเข้าใจ"ธรรมะ"มากน้อยขนาดไหน เชิดชูปณิธานของพระมหากษัตริย์มากน้อยเพียงใด



    พระมหากษัตริย์ไทยทรงอยู่เหนือการเมือง เหนือความขัดแย้งทั้งหลาย ไม่อยู่ในฐานะจะ"ตอบรับหรือปฏิเสธ"...ขึ้นอยู่กับว่า ผู้ที่จงรักภักดีทั้งหลายที่แตกต่างกัน และที่เผชิญหน้ากันอยู่ในปัจจุบัน..จะตีความหมายแห่ง"พระราชา"ไปในทิศทางใด


    [​IMG]









    .........................................
    ที่มาของบทความ http://www.moomkafae.com/index.php?lay=show&ac=article&Id=163568&Ntype=2









     
  2. Attawat_Rx

    Attawat_Rx เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 กันยายน 2005
    โพสต์:
    2,183
    ค่าพลัง:
    +18,400
    โมทนาครับ... ทุกวันนี้ยังทำหน้าที่ของตนเองให้ดีที่สุดแม้รอบข้าง จะวุ่นวายและ เละเทะเพียงไร ก็ด้วยส่วนหนึ่งก็ปฏิบัติเพื่อบูชาคุณพระองค์ท่าน ด้วยว่า เราคือข้า..แห่งราชการ เป็น ข้า...แห่งองค์ในหลวง...อาการเกียจคร้าน การโกงกิน... การเช้าชามเย็นชาม สัญญาว่าจะมิให้กำเนิดแก่ตัวแห่งเรา แม้เพียงสักนิดเดียว ตลอดกาล และ ตลอดไป.....
     
  3. anko

    anko เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    21 พฤศจิกายน 2005
    โพสต์:
    972
    ค่าพลัง:
    +8,252
    ดีใจที่ได้เกิดมาเป็นคนไทย เป็นพสกนิกรของพ่อหลวงของแผ่นดินไทย
    สัญญาว่าเราจะเป็นคนดี ทำความดีเพื่อพ่อหลวงของเรา
     
  4. SALAB

    SALAB เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    23 พฤศจิกายน 2005
    โพสต์:
    20
    ค่าพลัง:
    +168
    [b-hi] (||) (||) ดีใจและภูมิใจที่ได้เกิดเป็นคนไทย ครับ
     
  5. SALAB

    SALAB เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    23 พฤศจิกายน 2005
    โพสต์:
    20
    ค่าพลัง:
    +168
    ได้เกิดเป็นคนไทยจงรักและสามัคคีกันไว้เพื่อ."พ่อ"ของเรา"
     
  6. UFO99

    UFO99 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 เมษายน 2005
    โพสต์:
    294
    ค่าพลัง:
    +983
    อนุโมทนาบุญด้วยครับ
     

แชร์หน้านี้

Loading...