ธรรมะรอยธรรมหลวงปู่ดู่พรหมปัญโญ ตอน หลงนิมิต

ในห้อง 'หลวงปู่ดู่ และ หลวงตาม้า' ตั้งกระทู้โดย joni_buddhist, 23 กุมภาพันธ์ 2016.

  1. joni_buddhist

    joni_buddhist Legal returns ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต

    วันที่สมัครสมาชิก:
    9 กันยายน 2005
    โพสต์:
    13,552
    กระทู้เรื่องเด่น:
    203
    ค่าพลัง:
    +63,439
    ธรรมะรอยธรรมหลวงปู่ดู่พรหมปัญโญ ตอน หลงนิมิต
    [​IMG]
    ในช่วงปลายปี ๒๕๓๒ ก่อนที่หลวงปู่ดู่จะละสังขาร
    มีประสบการณ์ที่ข้าพเจ้าไม่อาจลืม เพราะมันคืออุทาหรณ์ในการปฏิบัติธรรมอย่างสำคัญ ที่คอยเตือนไม่ให้เราเดินไปทางผิดทั้งที่คิดว่าถูก

    เพื่อน ของข้าพเจ้าคนหนึ่งเริ่มมาสนใจเรื่องปฏิบัติสมาธิภาวนา โดยเริ่มจากการอ่านตำรับตำรา และซักถามผู้รู้ต่าง ๆ เขาเป็นคนมุมานะ เอาจริงเอาจังมาก เขาเป็นคนมีนิมิตมากด้วยเช่นกัน เขาเริ่มมองเห็นวิญญาณตามข้างถนนเป็นเรื่องปรกติ เขานั่งสมาธิได้เป็นหลาย ๆ ชั่วโมง และมีครูบาอาจารย์มาสอนในทางนิมิต

    เดิมทีข้าพเจ้ารู้สึก ชื่นชมในความอุตสาหะในการปฏิบัติสมาธิภาวนาของเขา แต่ก็มาตั้งข้อสังเกตในตอนที่เห็นประสิทธิภาพในการทำงานของเขาลดลง เพราะดูเขาจะไม่อยู่กับปัจจุบัน แค่เขาหยิบเอกสารขึ้นมาอ่านไม่ถึงนาที จิตของเขาก็รวมดำดิ่งลงไป ไม่รับรู้โลกภายนอก...

    ข้าพเจ้าเริ่มมั่นใจมากขึ้นว่าเขามาผิดทางแล้ว ตรงที่เขามากระซิบกับข้าพเจ้าว่าเขาบรรลุธรรมขั้น...แล้ว

    ข้าพเจ้าตัดสินใจพาเขาไปหาหลวงปู่ดู่ ที่วัดสะแก
    และ ที่นี้เอง ที่ข้าพเจ้าเห็นลีลาของหลวงปู่ในการแก้จิตของนักปฏิบัติที่จิตตกภวังค์แล้ว ไม่มีกำลังพอจะออกจากภวังค์ด้วยกำลังสติปัญญาของตนเอง

    หลวงปู่ให้เขาไปนั่งสมาธิที่หอสวดมนต์ (สมัยนนั้นยังไม่มีประตูกั้น)
    จากนั้นท่านก็สนทนากับญาติโยมไปตามปรกติ
    สัก ครู่ ท่านหันหน้าไปทางเพื่อนที่กำลังนั่งสมาธิอยู่ แล้วพูดตะโกนออกไปว่า "ถอนจิตขึ้นมา" ข้าพเจ้าสังเกตเห็นเพื่อนคนนั้นขยับกายฮึดฮัดขึ้นมา บ่งบอกว่าจิตถอนออกมารู้เนื้อรู้ตัวมากขึ้น"
    เหตุการณ์เป็นดังนี้ประมาณ ๒-๓ เที่ยว

    เพื่อนคนนี้ ก็กลับมาทำการทำงานได้ตามปรกติ เพราะมีกำลังจิตที่จะดึงจิตตัวเองออกจากภวังค์ได้

    แต่ แล้วเหตุการณ์เลวร้ายก็ได้เกิดขึ้น ภายหลังจากที่หลวงปู่มรณภาพในต้นปีถัดมา เพราะเขาหลงนิมิตและดำดิ่งกับสมาธิอย่างเก่าอีก เขาเชื่อมั่นว่าตนบรรลุธรรม แม้ไปบวชเป็นพระ อยู่ในสำนักครูบาอาจารย์ชั้นผู้ใหญ่ในวงกรรมฐาน ก็ไม่แคล้วต้องเข้าโรงพยาบาล ภายหลังทำร้ายตัวเอง ตามเสียงนิมิตที่มาบอกว่าให้ฝึกขันติขั้นอุกฤษฎ์

    เรื่องนี้จึงเป็น เครื่องเตือนใจข้าพเจ้าตลอดมา และบอกกับตัวเองเสมอ ๆ ว่า ปฏิบัติเพื่อละ มิใช่ปฏิบัติเพื่อเอา ซึ่งหลวงปู่ชาก็เตือนลูกศิษย์ในเรื่องนี้เช่นกันว่า ปฏิบัติธรรมเพื่อละ ไม่ใช่เพื่อเอา เพื่อเป็น โสดา สกิทา ฯลฯ ไม่ต้องเป็นทั้งนั้น

    เรื่องนี้ ทำให้ข้าพเจ้าหนักแน่นขึ้นกับคำสอนหลวงปู่ที่ว่าเขาวัดผลการปฏิบัติที่การละ โลภ โกรฑ หลง มิใช่การเห็นนิมิตนั่นนี่ การเห็นจะเป็นประโยชน์ก็ต่อเมื่อเชื่อมโยงมาสู่การปฏิบัติชำระกิเลสตนเอง หากมันจะเป็นอะไร (ตามอย่างทฤษฎี) มันก็จะเป็นไปเองตามสภาวะธรรม โดยที่เราไม่เสี่ยงเข้าไปยึดมั่นถือมั่นให้กิเลสอุปาทานเข้าครอบงำเราได้ ง่าย ๆ

    จึงขอบันทึกเรื่องนี้ไว้อีกเรื่องเพื่อเป็นอุทาหรณ์แก่คนรุ่นหลัง จะได้ไม่ติด "กับดัก" ในระหว่างทางของเส้นทางสายปฏิบัติ

    อุทาหรณ์ เรื่องนี้ ยังสอนให้รู้ว่าตัวเช็คอีกอย่างหนึ่งคือ จิตที่เป็นสมาธิที่จัดเป็นสัมมาสมาธิ ต้องมีภาวะรู้ ตื่น เบิก บาน มิใช่ซึมกระทือ หรือฟูจัด รวมทั้งต้องมีศีลเป็นบาทฐาน และมีปัญญาเป็นตัวต่อยอด มิใช่สมาธิเพื่อสมาธิ จนกลายเป็นความดำดิ่งที่เข้าไปสู่โลกส่วนตัว แล้วสุดท้ายก็หลงทาง ไม่รู้ทำไปเพื่ออะไร หรือหลงไปว่าตนวิเศษวิโสกว่าคนอื่นใด
    จากบทความของ คุณสิทธิ์
    ที่มา http://palungjit.org/threads/ขอเชิญร่วมบุญฉลองพระพุทธรูปรับวัตถุมงคล.561939/
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 1 มีนาคม 2016
  2. bean bean

    bean bean สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 กุมภาพันธ์ 2014
    โพสต์:
    16
    ค่าพลัง:
    +20
    เราก็เคยหลงอยู่สักพักอยู่เหมือนกันตอนนั้นรู้สึกว่าโลกสวยมากๆ มองอะไรก็เป็นเรื่องดี้ดีไปหมด รู้สึกมีความสุขๆช่วงนั้น ตั้งแต่แม่เราให้เราคล้องพระสมเด็จวัดระฆังพิมพ์ใหญ่ เราก็เริ่มรู้สึกมีสติมากขึ้นมองโลกด้วยความเป็นจริงมากขึ้น
     
  3. มะบอม

    มะบอม เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    5 สิงหาคม 2009
    โพสต์:
    1,255
    ค่าพลัง:
    +5,352
    "ที่เห็นนั้น เขาเห็นจริง แต่สิ่งที่ถูกเห็น ไม่จริง"

    คำสอนหลวงปู่ดุลย์ อตุโล จากหนังสือ "หลวงปู่ฝากไว้"
     

แชร์หน้านี้

Loading...