ธรรมหลังกึ่งกลางพุทธกาลเป็นต้นไป เป็นธรรมบัวบาน จะเปิดเผยครั้งแรกในยุคนี้นะ

มีครั้งหนึ่ง เมื่อนานมาแล้ว มีคนมาทำให้ผมโกรธจนหูกระดิก
นับแต่นั้นมา ผมก็สามารถกระดิกหูได้
สมัยเด็ก เคยเห็นเพื่อนบางคนมีความสามารถพิเศษ กระดิกหูได้ ไม่นึกว่าตัวเองก็ทำได้เหมือนกัน..

*แสดงว่า มนุษย์ทุกคนสามารถกระดิกหูได้ เพียงแต่อาจไม่รู้วิธีใช้*

 

มันเป็นไฟโทสะ ที่รับมาจาก กระทู้จิตฟุ้งซ่าน จากห้องอภิญญาน่ะ...อิอิ
ก็ผมไปกระตุ้น เขามา..ผมรู้ดี
แต่ก็อย่างว่า คุณรับรู้ว่าร้อน แต่ ไฟนั่น มันมาเผาผม มันเลย ร้อนตาม ตัวหนังสือผม เวลาคุณอ่านไปด้วย อิอิ

ขนาดคุณยังรับรู้ ผมคนที่รับโดยตรง จะขนาดไหน...โทสะจาก ซาเบอร์ โทสะจากหัวหน้าเกาะนาริเก...อิอิ ธรรมดาที่ไหน โทสะจาก วาว่า

 

นอนอยู่ดีดี ยังสะดุ้งเลย....ความโกรธจากคนอื่น หูร้อนผ่าว พลังงานส่วนเกินเข้ามาปวดในสมอง สมองร้อน ร่างกายถูกความร้อนเผา...อิอิ...นี่คือ ปกติ ที่ผมรับ

 

คนที่เขา มองเห็นพลังงานได้ เขาจะรู้ว่า ไฟกำลังเผาผมอยู่ ไง อิอิ

ก็อย่างที่ผมเคยพูดกับกระต่ายตายว่า งั้นเรา ถูกไฟนรกเผา ด้วยกัน...อิอิ

 

ก็หัด เรียนรู้ เรื่องพวกนี้บ้าง เพราะสักวัน ทุกคน ต้อง รู้...เหตุผลของความเป็นจริง เรื่อง มโนกรรม....ที่ตามองไม่เห็น กัน แล้วต่อไป จะได้เข้าใจเหมือนกัน

 

ผมเองก็เคยเตือนคุณไงว่า หัดอยู่เฉยๆเอาไว้บ้าง เวลาที่ผมกำลังฟัดกะคนอื่นอยู่ เจียมเนื้อเจียมตัวไว้บ้าง เพราะ ไฟนรก มันอยู่กับผม...เตือนแล้วไม่วาย จะฟัง

พลังงานจิต ที่คนอื่น เขาทำร้ายผมมา มันร้อน...ดูอยู่ห่างๆก็พอ

ไม่เชื่อไปถาม กระต่ายตายสิว่า เล่นงานอะไรผมบ้าง วาว่าเล่นงานอะไรผมบ้าง ซาเบอร์เล่นงานอะไรผมบ้าง หรัสเล่นงานอะไรผมบ้าง แม้แต่ ดอกไม้น้ำแข็ง เล่นงานอะไรผมบ้าง หรือ ลุงกล้วยแมว เอง ก็เช่นกัน...

อิอิ...ผมรับมาเยอะ ขอบอก

 

ทีนี้พอ ผม เข้าไปกระทู้ไหน กระทู้นั้นก็ร้อนตาม คนบางคนถึง ไม่มายุ่งกับผม เพราะเขาระวังตัวเอง...บางคนก็กล่าวหาว่าผมคือตัวป่วน..ป่วนโทสะพวกเขาไง..อิอิ

เรื่องแบบนี้ นิวรณ์ ตานพ รู้ดี...

 

แต่ผม ก็เต็มใจมาเพื่อให้ คนเหล่านี้สร้างกรรม กับผมไง....พวกเขาจะได้ ไม่สนุกต่อไปอีกไง
จะได้เลิกเกรียน กับคนอื่น ซะที อย่างที่ กระต่ายตาย มันว่า ว่า ผมคือต้นเหตุ ที่ทำให้คนเลิกเล่นเวป...ก็แหงล่ะ...พวกมันโดนกรรมของตัวเองสนอง..ไม่รู้ตัวบ้างก็เกินไปล่ะ

 

ใครเข้ามาคุยกับผม ก็ใช้เหตุผลสู้ผมไม่ได้ เพราะผมดัน รู้ทัน
แต่ผมก็ ไม่ไช่จะดันทุรัง เพราะ รู้ว่า ดันไป ก็ไม่พัฒนา ผมก็หยุดเข้าเวป สักพัก

จน จิต เขาเรียกร้องมา เมื่อถึงเวลา ผมก็เข้ามาเอง

ดังนั้น หัดพากันรีบ พัฒนาจิตใจตนเองให้เร็วๆบ้าง...

 

ยกตัวอย่าง วาว่า108 แม้แต่ชื่อของเขา ยังไม่ให้ผมเอ่ยถึง เพราะมันถึงด้วยพลังงาน
บางคน เขาไม่อยากรับ รู้ ไฟนรก ของผม ผมร้อน เขาก็ไม่อยาก สัมผัสไง

แต่เวลาที่ผมเย็นก็มี....จะสังเกตุว่า ทุกครั้งที่ผมหายไป แล้วเข้ามาใหม่ คนจะมารุม เพราะผมเย็น แต่สักพัก ขาเกรียน มา ผมก็ร้อนเพราะ พวกขาเกรียน เอาพลังงานที่ไม่ดีมาให้ผม ผมก็ร้อน ไง...อิอิ นี่เรื่อง ปกติของผม

 

นี่ไม่ไช่ มหาเวทย์ดูดดาว แต่ มันเป็น กฏแห่งกรรม กฏแห่งพลังงาน...ใครเข้าถึงพุทธะ จะรู้จักดีว่า.....หนีไม่พ้นหรอก...เรื่อง รับรู้พลังงานจิตความคิดของคนอื่น นี่คือการรับรู้ ทุกข์ในใจคนอื่น นั่นเอง....แล้วจะช่วยหรือไม่ช่วยเขา...ก็ขึ้นอยู่ที่ ..เมตตาของตนเองล่ะ ทีนี้

จะเห็นว่า ทำไมผมถึงขยัน เข้ามาหาเรื่อง....คนอื่น (ที่แท้มาช่วยเอาขยะออกจากจิตใจคนอื่นต่างหาก)..ให้เขาด่ ให้เขาเล่นงาน ให้เขาปล่อยพลังงานเสียไส่..ว่างซะไม่มี

 

และก็จะเห็นว่า ส่วนใหญ่ คนที่ผม เข้าไปหา เพื่อกระตุ้น...มันอารมณ์เสียไส่ผม เกือบทุกคนอไง


อิอิ อิอิ อิอิ และ อิอิ ผมเลยเป็นคนไม่ดี..เหมือนคนไม่ดี ไง..แต่อย่ามาหลงรักผมล่ะ

 

คำด่าที่เจ็บๆ เพื่อกระตุ้น อารมณ์คนอื่น จะเห็นว่า ผมช่างกล้าทำ
บางทีคนอื่นด่าเขา ก็ไม่เหมือนผมว่าเขา นะ...อิอิ

ทีผมล่ะ นิดๆหน่อยๆ ก็มีโทสะ..เพื่อให้เขาระบายมาที่ผมไง เอาน้ำเสียเขาออก อิอิ เจริญซะไม่มี

 

อิอิ...สร้างกรรมกับผมสิ...แล้วจะ เข้าใจ อะไรๆ ขึ้นมาบ้าง

เจตนาดีนะครับ แต่ ไม่ทำเหมือนคนอื่น...ก็เท่านั้น

 

ความจริง ไฟร้อนก็มี ไฟเย็นก็มี....แต่ไฟเย็น มันอันตรายต่อร่างกาย..นั่นเพราะบ้านเมืองเราเป็นเมืองร้อน...ไฟร้อน มีประโยชน์เหมือนแสงอาทิตย์

ไฟเย็นมันก็เหมือน ความเย็นเหมือนน้ำแข็ง มันกัดได้...ไฟร้อน มัน สะใจกว่า อิอิ

 

ธรรมกายและกายานุสติปัฏฐาน แท้จริงแล้วเป็นอย่างไร?


สำหรับท่านที่ฝึกสติปัฏฐานสี่ในฐานกาย หรือ "กายานุสติปัฏฐาน" จะพิจารณา "กายในกาย" อยู่เนืองๆ แล้วเข้าถึงสัจธรรมเดียวกันกับผู้บรรลุธรรมแล้วได้ จะพบกายในกายนั้นมีอยู่ 3 ลักษณะ (ตรีกาย-ตรีเอกานุภาพ) ได้แก่

ธรรมกาย
เป็นกายที่มีธรรมนะ ไม่ใช่ตัวจิต เพราะเราไม่ได้พิจารณาจิตตานุสติปัฏฐาน เราพิจารณากายในกายอยู่ อันนี้ มีสติแยกแยะให้ได้ด้วย มันไม่เหมือนกัน แม้จิตเป็นตัวรู้เป็นธาตุรู้ แต่ธรรมกายก็ไม่ใช่จิต มันคือกายที่มีธรรม เป็นกายในกายของเราที่มีธรรม แสดงธรรมออกมาได้ ไม่ใช่ "กายแก้วใส" นะ ของวัดธรรมกายจะสอนให้กำหนดจิตให้เป็นกายแก้วใส แบบนั้นยังไม่ใช่ ธรรมกายจะมีอะไรพัฒนาไปกว่านั้นอีก (ในที่นี้จะไม่ขออธิบายลักษณะของธรรมกาย จะได้ไม่เกิดอุปทาน)

นิรมาณกาย
เป็นกายชั้นนอก เหมือนเปลือกนอกของคนเรา เหมือนตัวตนอาชีพ หรือตัวตนเปลือกนอกที่เราต้องสวมหัวโขน ทำหน้าที่ เล่นบทบาทไป แตกต่างกันไป เช่น เป็นคุณครู, เป็นหมอ ฯลฯ นิรมาณกายพวกนี้ ก็มีแตกต่างหลากหลายกันเยอะ ไม่ใช่ตัวกายธรรม ไม่ใช่ธรรมกาย เป็นกายที่ปรับตัวเข้ากับโลกภายนอกให้ได้เท่านั้นเอง แบ่งได้สี่แบบ คร่าวๆ คือ กายดำ (หมวกดำ), กายทอง (หมวกเหลือง), กายขาว (หมวกขาว), กายแดง (หมวกแดง) หรืออาจจะมีแบบอื่นอีกก็ได้

สัมโภคกาย
เป็นกายที่ใช้ในการดำรงชีพ กิน, ขี้, ปี้, นอน ฯลฯ ของมนุษย์ก็คือ กายสังขารเรานี่ละ ของเทวดาก็คือกายทิพย์ เขามีกายเป็นทิพย์หรือก็คือ "วิญญาณขันธ์" นั่นเอง สัมโภคกายของมนุษย์กับเทวดาไม่เหมือนกันเพราะของมนุษย์เป็นสังขารขันธ์ ของเทวดาเป็นวิญญาณขันธ์ กายในกายของมนุษย์ซับซ้อนมีหลายชั้น แต่ของเทวดาไม่ใช่ ของเขาเป็นหนึ่งเดียว ลักษณะเดียว บริสุทธิ์ ดังนั้น จึงเรียกมนุษย์ว่า "คน" คือ ละคนปนเป ผสมกันไป มีดี มีชั่วในตัวตน นั่นเอง

ผู้บรรลุธรรมสำเร็จอรหันตผลแล้วจะสวมหมวกดำก็ได้ ในทิเบตก็คือ "ลามะหมวกดำ" ถามว่าที่เรียกว่าหมวกดำเพราะอะไร? เพราะว่าเขาจะมี "มาร" เป็นนิรมาณกาย เช่น ลามะหมวกดำที่ลอบฆ่ากษัตริย์องค์สุดท้าย นั่น ท่านก็มีกายมารเป็นนิรมาณกายภายนอก ทำหน้าที่แบบมาร คือ ฆ่ากษัตริย์องค์สุดท้ายของทิเบต ที่เบียดเบียนพุทธศาสนา แล้วหันไปสนับสนุนลัทธิบอน ดังนั้น หลายคนโดยเฉพาะคนไทย ไม่ค่อยเข้าใจตรงนี้ คิดว่าพระอรหันต์จะต้องเป็นเหมือนอิฐ หิน หรือท่อนไม้ ใครทำอะไรก็ตอบโต้ไม่ได้ อ้าว ถ้าอย่างนั้น ก็โง่น่ะสิ ถ้าไม่ตอบโต้แล้ว คนอื่นมาทำร้ายเรา ได้รับกรรมหนักจนตกนรก มันจะแสดงถึงความมีปัญญาได้อย่างไร? มนุษย์เราไม่ใช่ท่อนไม้ ไม่ใช่อิฐหิน มีชีวิตจิตใจ มีความรู้สึก มีกิเลสตัณหาได้ปกติครับ

อย่าคิดว่าเขาโกรธแล้ว จะไปคิดว่าเขาจะไม่มีปัญญา ไม่ใช่อรหันต์ละ!

 

ถามจริงๆนะครับ ท่านดอกไม้เย็น...การที่ท่านเคยพูดว่า ผมมีหัวหน้า แล้วคุณบอกไม่อยากเจอกับหัวหน้าผม บอกว่า ขอตายดีกว่า พบเจอกับหัวหน้าผม

อยากถามจริงครับว่า คุณเห็นหัวหน้าผม จริงเหรอ เขาเป็นใคร ทำไมคุณจึงเกลียด และกีดกันได้ขนาดนั้น... สมมุติ หัวหน้าผมคือ พระพุทธเจ้า แล้ว ที่คุณแสดงกรรมวาทะออกมา แบบนั้น ไม่กลัวหรือครับ

แต่ก็อย่างว่า ผมยัง งง อยู่เลย...ผมมีหัวหน้าด้วยเหรอ...ต้องเคลียร์นะครับ ต้องเคลียร์

 

อีกอย่าง สโลแกนประจำตัวของผม ..อาจารย์ท่านแซวว่า..เข้าแกงส์ไหนหัวหน้าแกงส์ตายหมด...อิอิ..แปลว่า ถ้าหัวหน้าไม่ดี ผมนี่แหล่ะ จะลงดาบเอง...อิอิ

 

อาจารย์ก็คือ อาจารย์ น่ะซี้.....ตอบแบบไม่มีกรอบ...ไง จะอยากรู้ไปทำไมกัน
ใครที่เป็นตัวอย่างที่ดี ก็เรียกอาจารย์ ได้หมด...แหล่ะ

 

ก่อนอื่น... ต้องขอตกลงทำความเข้าใจก่อนนะครับ ว่า
ผม... ไม่รู้จักกับคุณวรณ์นิ และผม... ไม่ได้เข้ามาเพื่อป่วนใคร
ผมแค่ชอบศึกษา ชอบปฏิบัติ ชอบเห็นแสงสว่างด้วยตาของตัวเอง
เพื่อเป็นการแสดงความจริงใจ ว่า พระพุทธเจ้า ท่านไม่เคยแสดงอะไร
ที่ออกเป็นแนว อจินไตย หรือแนว บุคลาธิษฐาน ทั้งยังสั่งห้ามไว้ด้วยซ้ำ
มันเป็นอะไรที่ไม่มีประโยชน์เลย พระพุทธเจ้าเป็นนักวิทยาศาสตร์ครับ
ทุกอย่างที่ท่านนำมาบอกสอน ท่านจับต้องสัมผัส พิสูจน์จนเห็นจริง
แล้วถึงนำมาบอกต่อ อย่างเรื่อง สติปัฏฐาน ซึ่งเป็นก้าวแรกใน โพชฌงค์ 7
----------------------------------------
ผมขอเห็นต่างกับ จขกท. อย่างนี้ครับ
----------------------------------------
กาย ในสติปัฏฐานสี่ ท่านไม่ได้หมายถึง ฐานกาย ครับ
กาย ในสติปัฏฐานสี่ ท่านหมายถึง องค์ประชุมของ รูป-นาม
รูป-นาม หมายถึง สิ่งที่ถูกรู้-ผู้รู้ ซึ่งเป็นองค์ประกอบใน จิตนิยาม
ไม่มีลักษณะเช่นนี้ใน อุตุนิยามกับพีชนิยาม ผมถึงได้ถาม จขกท.
ไปครั้งก่อนไงครับ ว่า กรรมฐานในการปฏิบัติธรรม คืออะไร
ผมเฉลยไปว่า คือ เวทนา108 ก็เพราะ เวทนา มีแต่
ในจิตนิยาม ในดินน้ำลมไฟในพืชไม่มีเวทนา จึงเกิดเป็น
วิญญาณไม่ได้ เวทนา 108 จึงคือ ตัวปฏิบัติของ จิตนิยาม ครับ
--------------------------------------------------------------
สติปัฏฐานมี รูปนาม 2 คู่ครับ คือ คู่นอก กับ คู่ใน
กาย คือ รูปนอก
เวทนา คือ ตัวรู้ รูปนอก
จิต คือ รูปที่จิตของเรา ปั้นขึ้นมา
ธรรมารมณ์ คือ ตัวรู้ รูปที่อยู่ในจิต
--------------------------------------------------------------
ดังนั้น...
ธรรมกาย ท่านจึงหมายถึง ตัวรู้จิต หรือ ธรรมารมณ์ นั่นเอง
นิรมาณกาย หมายถึง รูป-นาม ที่เป็นอาการ32 นั่นเอง
สัมโภคกาย หมายถึง รูป-นาม ที่อยู่พ้นไปจาก อาการ32
--------------------------------------------------------------
โพสต์ของคุณดอกไม้ที่ผมอ้างอิงไว้ เป็นคำตอบของคำถาม
ที่ผมเคยถามท่าน จขกท. เอาไว้ เรื่อง กรรมฐาน น่ะครับ