ท่านๆ วิิปัสสนากันบ้างไหมครับ

ในห้อง 'อภิญญา - สมาธิ' ตั้งกระทู้โดย ิ์Fist of the North Star, 21 มิถุนายน 2014.

  1. Aunyadham

    Aunyadham ธรรมใด เกิดขึ้นเพราะเหตุใด ย่อมดับที่เหตุนั้นแล

    วันที่สมัครสมาชิก:
    20 เมษายน 2012
    โพสต์:
    441
    ค่าพลัง:
    +627
    มิจฉาสมาธิ วิปัสสนูกิเลส สิ่งที่ชี้วัดในความคิดของผม คือ ตัวญาณหยั่งรู้ ที่หยั่งเข้าไปรู้เองเห็นเอง โดยไม่ต้องพิจารณาหรือทำให้เกิดขึ้น หยั่งรู้อะไร ก็หยั่งรู้ใน ปฏิสัมภิทา ปฏิจจสมุปบาท รู้อดีต ปัจจุบัน อนาคต เป็นต้น ถ้าทำถูกก็เป็นสัมมาสมาธิ เป็นวิปัสสนาญาณ 9 ซึ่งตัวชี้วัดก็คืออย่างที่ได้กล่าวไปแล้วข้างต้น เป็นบุคคลชั้นพระอรหันต์ คุณจะไม่มีทางรู้เห็นได้เลยถ้าคุณไม่บรรลุธรรมชั้นพระอรหันต์ สิ่งเหล่านี้ที่กล่าวอ้างกันว่านี่ไม่ใช่เป็นมิจฉาสมาธิ นั้นไม่ใช่เป็นวิปัสสนูกิเลส ท่านจะไม่มีทางรู้ได้เลยและเถียงกันไม่จบถ้าท่านทำไม่ถึงอรหันตผล และมันก็เป็นปัจจัตตุังเสียด้วย มิเเปลกที่คนเราที่มีความคิดปรุงแต่ง มีประสบการณ์จากสัญญาความจำได้หมายรู้มาต่างกัน ที่จะพิจารณาด้วยปัญญาทางโลกีย์อย่างไรก็ไม่อาจเข้าใจได้ นอกจากทำให้ถึงทำให้ได้นั่นเป็นตัวชี้วัด ธรรมะนี่ของพระพุทธองค์เที่ยงแท้คงทนต่อการพิสูจน์ ท่านทั้งหลายสามารถพิสูจน์ได้จากการลองปฏิบัติดูก่อน ธรรมของพระพุทธองค์ไม่ใช่สำเร็จได้ด้วยการฟัง หรือ การอ่าน การพูด แต่สำเร็จได้ด้วยการลงมือทำครับผม
     
  2. ฐสิษฐ์929

    ฐสิษฐ์929 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    29 สิงหาคม 2012
    โพสต์:
    876
    ค่าพลัง:
    +1,844
    ปัจจุบันมีสำนักปฏิบัติทางฌานสมาบัติประมาณ 20 กว่าสำนัก มีพระอริยะบุคคลเท่าที่ผมทราบ 2 ท่าน และยังปฏิบัติแบบมอบกายถวายชีวิตอีกนั้นเท่าไหร่ผมไม่ทราบ ที่ผมกล่าวถึงทั้งหมดก็ไม่มีใครเข้ามาตอบในที่นี้อย่างแน่นอน
    สักวันหนึ่งที่ผมพร้อมจะไปสู่การปฏิบัติ ผมก็จะหมดภาระที่จะมาแสดงในที่นี้เช่นกัน ผมทำหน้าที่เพียงเพื่อจะจรรโลงพระศาสนาและสนองคุณครูบาอาจารย์
    ครั้งหนึ่งก็คิดจะเลิกแสดงในที่นี้ แต่ก็มีผู้ที่ปฏิบัติท่านหนึ่งขอไว้ และก็ยังมีผู้ปฏิบัติอีกหลายท่านที่กำลังปฏิบัติอยู่และสอบถามมาทางข้อความ pm อยู่ ทั้งในและต่างประเทศ
    บอกกันตามตรงบุคคลทั้งหมดนี้ ผมไม่ได้รู้จักเป็นการส่วนตัวแต่อย่างใด ใครปฏิบัติและติดขัดก็สอบถามมาได้ครับ
    ใครเชื่อหรือไม่เชื่อผมก็ไม่แปลกใจอะไร เป็นธรรมดาแม้นแต่พระพุทธเจ้าท่านก็ยังสอนใครไม่ได้ทุกคน
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 4 กรกฎาคม 2014
  3. arjhansiri

    arjhansiri เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 สิงหาคม 2013
    โพสต์:
    186
    ค่าพลัง:
    +148
    พระพุทธองค์ทรงตรัสรู้อริยสัจทรงสั่งสอนพุทธบริษัทเป็นเวลา45ปีตามตำราที่ตกทอดมาถึงเรารุ่นหลังอาจจะมีผิดบ้างถูกบ้างตามกฎธรรมชาติ แต่ก็ไม่มีสักพระสูตรเลยให้เราเพ่งกลางระหว่างคิ้วแล้วบรรลุธรรมเป็นอริยะบุคคลชั้นต่างๆ มีแต่บอกเรื่องเหตุผลที่พิสูจน์ได้ การเพ่งระหว่างกลางคิ้วนั้นคือการเอาจิตอยู่กับรูปเพียงรูปเดียวเป็นเวลานานๆทิ้งขันธ์3ขันธ์วิธีนี้ก็เป็นวิธีปฎิบัตเพื่อเข้าสู่มรรคผลนิพพานได้เหมือนกันแต่บุคคลที่จะปฎิบัติแบบนี้จะต้องได้เคยได้ยินเรื่องอริยสัจมาพอเข้าใจเสียก่อน เรียกว่าสะสมสุตะมยปัญญาและจินตามยปัญญาเข้าใจอริยสัจ แล้วจึงลงมือปฏิบัติแบบเพ่งรูปเพียงรูปเดียวสติระลึกการเกิดดับอยู่จุดเดียวถึงจะสามารถบรรลุอริยสัจธรรมได้ ไม่มีมนุษย์ผู้ใดในยุคสมัยร่วมสมัยกับพุทธองึ์ที่จะปฏิบัติแล้วเกิดการบรรลุธรรมโดยไม่ได้ฟังพุทธปัญญาจากคำสอนของพระองค์ เพราะการปฎิบัติแบบที่ท่านกล่าวมานั้นในขณะที่รูปดับไปนั้นจิตจะเกิดความว่างจากรูปทวารทั้ง5ดับไปหมด พูดง่ายๆว่าโลกทั้งโลกดับไปตัวตนดับไปนั้นเองคนที่มาถึงจุดนี้ถัามีพุทธปัญญาก็บรรลุขั้นตำ่ก็โสดาบัน แต่ถ้าไม่เคยได้ยินได้ฟังเรื่องราวอริยสัจธรรมมาเลยก็จะได้แค่เป็นฤษีเพราะสัมมาสติสัมมาสมธิไม่เกิด
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 4 กรกฎาคม 2014
  4. ฐสิษฐ์929

    ฐสิษฐ์929 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    29 สิงหาคม 2012
    โพสต์:
    876
    ค่าพลัง:
    +1,844
    ว่าด้วยปัญญาทางโลกีย์

    ในฌานสมาบัตินั้นให้ใช้ปัญญาน้อยมาก แต่ก็มีหลายท่านที่ชอบจะใช้ปัญญา งั้นผมมีคำถามอยู่ 2 คำถาม ซึ่งผมเคยติดขัดและหาคำตอบอยู่นานกว่า 10 ปี ซึ่งปรากฏตามตำราบ้างและการแสดงธรรมของคณาจารย์บ้างว่า "ธรรมทั้ง 84,000 พระธรรมขันธ์แตกแยกมาจากธรรมเพียงธรรมเดียวหรือหมวดเดียว" ผมก็เลยเกิดข้อสงสัยว่าธรรมนี้คืออะไร นอกจากนี้ในการแสดงธรรมของพระอาจารย์ต่างๆ ก็จะแสดงธรรมไปแต่ละหมวดไม่เชื่อมโยงกันเช่นว่า มรรค8 ขันธ์5 อริยสัจจ์4 กิเลสโลภ-โกรธ-หลง ฯลฯ ผมจึงเกิดข้อสงสัยว่าธรรมทั้ง 4 หมวดสัมพันธ์เชื่อมโยงกันอย่างไร รวมทั้งเชื่อมโยงมาจากธรรมหมวดแรกอย่างไร ลองใช้ปัญญาดูครับ
    1.ธรรมหมวดแรกคืออะไร แตกไปสู่ธรรมอื่นได้อย่างไร
    2. มรรค8 ขันธ์5 อริยสัจจ์4 กิเลสโลภ-โกรธ-หลง สัมพันธ์เชื่อมโยงกันอย่างไร รวมทั้งเชื่อมโยงมาจากธรรมหมวดแรกอย่างไร

    ท่านที่อ้างตำราก็เปิดตำราดู หากในตำราไม่ปรากฏจะสรุปว่าในสิ่งที่ผมถามมานี้ไม่มีอยู่จริงก็ได้ครับ
    เจริญในธรรมครับ
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 5 กรกฎาคม 2014
  5. paetrix

    paetrix เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    24 เมษายน 2011
    โพสต์:
    2,478
    ค่าพลัง:
    +1,878
    พระวจนะ" ภิกษุ ทั้งหลาย ณ ป่า อิสิปตนมิคทายวัน ใกล้กรุงพาราณสี เรา ตถาคต ผู้อรหันตสัมมาสัมพุทธะ ได้ประกาศให้เป็นไปแล้ว ซึ่งอนุตรธรรมจักรชนิดที่ไม่ประกาศให้เป็นไปได้โดย สมณะ หรือพราห์มณ์ หรือเทวดา มาร พรหม หรอ ใครใครในโลก ภิกาุทั้งหลาย การประกาศธรรมจักรนี้ คือการบอก การแสดงการบัญญัติ การแต่งตั้ง การเปิดเผย การจำแนก และการทำให้เข้าใจได้ ซี่งอริยสัจ(ความจริงอันประเสริฐ) สี่อย่าง สี่อย่างใหนเล่า สี่อย่างคือ การบอก การแสดง การทำให้เข้าใจได้ ซึ่งความจริงอันประเสริฐ คือทุกข คือเหตุให้เกิดทุกข์ ความดับไม่เหลือของทุกข์ และทางดำเนินให้ถึงความดับไม่เหลือของทุกข์ ภิกษุทั้งหลาย เราตถาคตผู้อนหันตสัมมาสัมพุทธะ ได้ประกาศให้เป็นไปแล้ว ซึ่งอนุตรธรรมจักร ดังนี้ แล--สุปริ.ม.14/440/669..:cool: พระวจนะ"ภิกษุทั้งหลาย พระอรหันตสัมมาพุทธเจ้าองค์ใดใด ได้ตรัสรู้ตามความเป้นจริงไปแล้ว ในกาลยืดยาวฝ่ายอดีต ท่านทั้งหลายเหล่านั้น ได้ตรัสรู้ตามความเป็นจริง ซึ่งความจริงอันประเสริฐสี่อย่าง ภิกาุทั้งหลาย พระอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าองค์ใดใด จักได้ตรัสรู้ตามความเป้นจริง ต่อกาลยืดยาวนานฝ่ายอนาคต ท่านทั้งหลายเหล่านั้น ก็ จักได้ตรัสรู้ตามความเป็นจริง ซึ่งความจริงอันประเสริฐสี่อย่าง ภิกษุทั้งหลาย แม้พระอรหันตสัมมาสัมพุทธะ ผู้ตรัสรู้ตามเป็นจริงอยู่ ในกาลปัจจุบันนี้ก็ได้ตรัสรู้ ซึ่งความเป็นจริงอันประเสริฐสี่อย่าง ความจริงอันประเสริฐสี่อย่างนั้น เหล่าใหนเล่า สี่อย่างคือ ความจริงอันประเสริฐคือทุกข์ ความจริงอันแประเสริฐคือเหตุให้เกิดทุกข์ ความจริงอันประเสริฐคือความดับไม่เหลือของทุกข์ และความจริงอันประเสริฐคือทางดำเนินให้ถึงความดับไม่เหลือของทุกข์ ภิกษุทั้งหลายเพราะเหตุนั้น ในกรณีนี้ พวกเธอพึงทำความเพียรเพื่อให้รู้ตามความเป็นจริงว่า นี้เป้นทุกข์ นี้เป้นเหตุให้เกิดทุกข์ นี้เป็นความดับไม่เหลือของทุกข์ และ นี้เป้นทางดำเนินให้ถึงความดับไม่เหลือของทุกข์ ดังนี้เถิด---มหาวาร.สํ.19/543/1704..:cool:
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 5 กรกฎาคม 2014
  6. paetrix

    paetrix เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    24 เมษายน 2011
    โพสต์:
    2,478
    ค่าพลัง:
    +1,878
    1.) พระพุทธองค์ประกาศ จตุราริยสัจ(อริยสัจสี่)...... 2). มรรค8 ขันธิ์5 โลภโกรธหลง ก็ อยู่ในอริยสัจสี่ ใน ทุกข์(ปัญจุปาทานักขันธิ์)... ทุกข์สมุทัย(ตัณหา)... ทุกข์นิโรธ.... และ อริยมรรคมีองค์แปด:cool:
     
  7. Aunyadham

    Aunyadham ธรรมใด เกิดขึ้นเพราะเหตุใด ย่อมดับที่เหตุนั้นแล

    วันที่สมัครสมาชิก:
    20 เมษายน 2012
    โพสต์:
    441
    ค่าพลัง:
    +627
    แต่ก็ไม่มีสักพระสูตรเลยให้เราเพ่งกลางระหว่างคิ้วแล้วบรรลุธรรมเป็นอริยะ ตรงนี้ขอแก้ไขนะครับ ไม่ใช่เพ่งระหว่างคิ้วครับ ที่ถูกเป็นเพ่งตรงกลางระหว่างนัยต์ตาทั้งสอง หรือตรงดั้งจมูกหักของคนเรานั่นเอง เคยได้ยินไหมครับมีดวงตาเห็นธรรม เคยเห็นพิจารณาประโยคนี้บ้างไหมครับ ดวงตาเห็นธรรม หน้าจะอยู่ตรงไหน บางท่านอาจจะตีความว่า เป็นประโยคมีความหมายเปรียบเทียบเฉยๆมิใช่หมายถึงบริเวณรอบดวงตาอะไรทำนองนั้นหรอก แต่ความเป็นจริง มันมีนัยยะความหมายอยู่ แต่คนทำไม่ได้ทำไม่ถึงกันจะคิดเอาให้บรรลุก็คงไม่มี แต่คนที่ทำได้แล้วนำมาบอกมาสอน ถึงความสำคัญที่ในพระไตรปิฏกได้สูญหายไป ย้ำนะครับว่าสูญหายไป เหลือแต่โครง แต่ใจความสำคัญนั้นหายไป ฉะนั้นจึงไม่เเปลกที่ด้วยอนาคตังสญาณของพระพุทธองค์ จะทรงหยั่งรู้ว่าจะเกิดอะไรขึ้นในอนาคต คนที่สอนจริงจังเรื่องอมตะธรรม สอนแต่เรื่องทำอย่างไรให้พ้นทุกข์ให้ตรงที่สุดคนจะไม่ค่อยสนใจ คนจะไม่ค่อยอยากรู้อยากเห็นเท่าไหร่ แต่คนที่มีโวหารพูดจามีหลักฐานหน้าเชื่อถือ คนทั้งหลายกลับจะฟัง แล้วตั้งใจ น้อมนำเอามาคิดปฏิบัติ จึงไม่เเปลก เพราะพระองค์ทรงรู้อยู่แล้ว แต่ศาสนาของพระองค์จะยังคงอยู่ถึงแม้มีน้อยคนที่จะสนใจ แต่ก็ยังมีอยู่ แล้วจะขอทำหน้าที่เผยแผ่ต่อไป ผู้มีบารมีธรรมยังคงมีอยู่ เขาเหล่านั้นจะลองนำไปปฏิบัติดู จะพูดให้น้อย คิดให้น้อย แต่ทำให้มาก ผมยังคงเชื่อว่ามีอยู่...
     
  8. arjhansiri

    arjhansiri เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 สิงหาคม 2013
    โพสต์:
    186
    ค่าพลัง:
    +148
    เอาเป็นว่าระหว่างตาทั้งสองข้างตามที่ท่านว่าก็แล้วกัน ก็ไม่มีในตำราที่เก่าแก่ที่สุดก็ไม่มีเลย บทพยัญชนะแบบระหว่างตาทั้งสองข้างนี้ก็ไม่มีอะไรยากเลยที่จะเข้าใจไม่ได้ ทำไมถึงสาปสูญหายไปไหนหมด และดวงตาเห็นธรรม นั้นไม้ได้หมายความว่าตาตรงระหว่างตาสองข้างเลย จักขุ ญาน ปัญญา วิชา แสงสว่าง นั้นปรากฎในมโนทวารในขณะที่บรรลุธรรมครับ
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 5 กรกฎาคม 2014
  9. Aunyadham

    Aunyadham ธรรมใด เกิดขึ้นเพราะเหตุใด ย่อมดับที่เหตุนั้นแล

    วันที่สมัครสมาชิก:
    20 เมษายน 2012
    โพสต์:
    441
    ค่าพลัง:
    +627

    จักขุ ญาน ปัญญา วิชา แสงสว่าง นั้นปรากฎในมโนทวารในขณะที่บรรลุธรรมครับ
    ตอบ ก็จุดมโนทวารอยู่ที่่ ระหว่างนัยย์ตาทั้งสองข้างนะสิครับ จุดเกิดดับของมโนทวารจุดนี้จะมีใครรู้ถ้าไม่ใช่พระอรหันต์ เราก็จะว่ากันไปต่างๆนานา ว่าจุดมโนทวารมันไม่มีที่มีจุดให้กำหนดหรอก แต่ทุกอย่างย่อมมีจุดเกิดดับที่แน่นอน มิฉะนั้นชฏิลสามพี่น้องและบริวารท้้ง 1000 คน จะบรรลุธรรมพร้อมเพรียงกันมิได้เลย ในส่วนนี้หลวงปู่ก็ได้แสดงไว้ จุดเกิดดับของมโนทวารมีจุดที่แน่นอน กว่าท่านจะหาเจอและบรรลุธรรมชั้นพระอรหันต์ท่านก็เสี่ยงเป็นเสี่ยงตายปฏิบัติแบบลุยเข้าใส่ ตายไม่ตายก็ทำ ทำอยู่อย่างนั้นเกือบ 5ปีนิดๆ จนทำให้ได้นำธรรมะและการปฏิบัติให้ถึงความหลุดพ้นได้จริงๆมาบอกชาวโลก ให้ได้พ้นทุกข์ไปด้วยกัน
     
  10. Aunyadham

    Aunyadham ธรรมใด เกิดขึ้นเพราะเหตุใด ย่อมดับที่เหตุนั้นแล

    วันที่สมัครสมาชิก:
    20 เมษายน 2012
    โพสต์:
    441
    ค่าพลัง:
    +627

    นาทีนี้ท่านจะมั่วมาเถียงเรื่องในตำราอยู่เลย หากเรื่องจริงมีอยู่ว่ามันไม่ได้มีอยู่ในตำราท่านจะเสียโอกาสที่จะพ้นทุกข์ได้ แต่หากท่านปฏิบัติดูให้รู้เป็นปัจจัตตังเสียแล้ว แล้วนำมาเทียบเคียงกับตำราท่านจะเห็นว่า ไม่ผิดแตกต่างกัน แต่ท่านจะรู้มากกว่าในตำรำด้วยซ้ำเพราะถ้าท่านบรรลุธรรมแล้ว เหมือนพรานที่เชียวชาญในการล่า และท่านนำมาเขียนในตำรา คนรุ่นหลัง ที่ตามมาถ้าเกิดในตำรามันหายไปหรือส่วนสำคัญที่ท่านเขียนไว้มันไม่มีในตำราแล้ว คนรุ่นหลังจะรู้ได้อย่างไร นอกเสียจากเขาเหล่านั้นได้ลองฝึกล่าจนเกิดความชำนาญเยี่ยงท่าน แล้ว ถึงเวลานั้น บัณฑิตย่อมรู้ในบัณฑิตด้วยกัน เขาจะรู้ได้ว่าท่านก็ผ่านมาเช่นเดียวกับเขา รู้ว่าท่านไม่ได้โม้ รู้ว่าท่านรู้จริง แต่ในเรื่องของธรรมะ เป็นสัจจะ ความจริงอันเที่ยงแท้ ย่อมต้องรู้ เห็นในสิ่งเดียวกัน ไม่มีอื่นเป็นสอง ในเนื้่อหาสาระที่เป็นตัวแก่นจริงๆจะไม่แตกต่างกันอย่างแน่นอน ธรรมะที่พระพุทธองค์ทรงบรรลุแล้วนำมาสั่งสอนชาวโลก เป็นอะกาลิโก ฉะนั้นท่านจงเร่งฝึกปฏิบัติให้ได้รู้ในแนวทางที่ท่านว่าใช่ก่อนเมื่อไม่ได้จริงๆแล้ว ท่านจึงลองมาปฏิบัติแบบที่หลวงปู่บอก โดยท่านต้องมีสมถะและวิปัสสนาเป็นพื้นฐานในแน่นเสียก่อนจะดีมาก ผมขอแนะนำให้ท่านพิจารณาอาการ 32 ให้ได้นิพพิทาญาณ ให้ได้ขนาดไม่ใช่ว่าเบื่อหน่ายในรูปของตัวเองและคนอื่น อยากให้ท่านได้ถึงขนาดเบื่อหน่ายในความคิด ที่มันปรุงแต่งให้เกิดเป็นกิเลสตัณหาราคะ อยู่ที่วินาที การฝึกสติเพ่งในจุดมโนทวารนั้น เพื่อให้เกิดฝ่ายสติที่เป็นกุศล มาตัดกับกิเลสที่เป็นฝ่ายอกุศล ทั้งสองอย่างนี้ก็เป็น สังขารการปรุงแต่งด้วยกันทั้งคู่เป็นเจตสิก แต่เราจะเพียรให้ได้เจตสิกฝ่ายดี ที่เรียกว่าสติ มาใช้ในการตัดกระแสเจตสิกฝ่ายไม่มีดีคือกิเลสตัณหาราคะ นี้เป็นหลักการ
     
  11. ิ์Fist of the North Star

    ิ์Fist of the North Star เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    17 มิถุนายน 2014
    โพสต์:
    564
    ค่าพลัง:
    +385
    คุณ Aunyadham ครับ ดวงตาเห็นธรรม มันเป็นยังไงครับ อ่านแล้วงงๆ ครับ มันเกี่ยวกับลูกตาด้วยหรอครับ แล้วขณะเกิดมรรคจิต ต้องเป็นขณะจิตเดียวเปล่าครับ หรือต้องเป็นชั่้วโมงครับ เท่าที่ผมเจอขณะจิตเดียวครับ แต่ตอนทวนออกมาหลายนาทีอยู่ครับ ช่วยขยายด้วยครับ ขอบคุณครับ
     
  12. ิ์Fist of the North Star

    ิ์Fist of the North Star เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    17 มิถุนายน 2014
    โพสต์:
    564
    ค่าพลัง:
    +385
    คุณฐสิษฐ์ครับ คำถาม#104 ผมตอบได้ครับ แต่ยาวเป็นหน้าๆเลยครับ เลยเอาไว้ก่อนครับ แล้วคุณฐสิษฐ์ตอบอย่างไรครับ อยากทราบ ขอบคุณครับ
     
  13. Aunyadham

    Aunyadham ธรรมใด เกิดขึ้นเพราะเหตุใด ย่อมดับที่เหตุนั้นแล

    วันที่สมัครสมาชิก:
    20 เมษายน 2012
    โพสต์:
    441
    ค่าพลัง:
    +627
    คุณถามเรื่องมรรคจิต เรื่องนี้ผมคงตอบคุณให้ละเอียดไม่ได้หรอกครับ แต่เรื่องจิต ผมทราบว่า มันเกิดดับเกิดดับอยู่ตลอดเวลา
     
  14. ฐสิษฐ์929

    ฐสิษฐ์929 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    29 สิงหาคม 2012
    โพสต์:
    876
    ค่าพลัง:
    +1,844
    ธรรมนี้หลวงปู่ท่านแสดงไว้ว่าพระนิพพานเป็นธรรมสูงสุด ธรรมอื่นล้วนแตกแขนงมาจากธรรมนี้
    นิพพานขณะทรงธาตุทรงขันธ์มี 2 ลักษณะคืออนุปาทิเสสานิพพานธาตุ ขณะทรงฌานนิโรธหรือฌานนิโรธสมาบัติ และสอุปาทิเสสนิพพานธาตุ เป็นขณะท่านเป็นอยู่โดยปกติ
    การจะถึงซึ่งพระนิพพานจะต้องดับสมุทัย ก็จะถึงซึ่งนิโรธธรรมขณะทรงฌานนิโรธท่านเรียกว่าเป็นอนุทิเสสานิพพานธาตุ
    ขันธ์ห้าเป็นทั้งทุกข์และสมุทัยโดย รูปเป็นทุกข์ สัญญาเป็นทุกข์ สังขารเป็นทั้งทุกข์และสมุทัย วิญญาณเป็นทั้งทุกข์และสมุทัย
    สมุทัยคือเหตุเเห่งทุกข์อันหมายถึงความคิด อันว่าวิญญาณกับความคิดเป็นอย่างเดียวกัน อันว่าสังขารก็คือความคิดปรุงแต่ง
    มรรคเป็นทางดำเนินนี้ก็เป็นส่วนของความคิด อันหมายว่าคิดดีคิดถูกต้องหรือเป็นสังขารส่วนดี มรรคอยู่ในสังขารของขันธ์ห้า
    อันว่ากิเลสก็เกิดอยู่ในความคิด อันหมายว่าคิดไม่ดีคิดไม่ถูกต้องหรือเป็นสังขารส่วนไม่ดี กิเลสก็อยู่ในสังขารของขันธ์ห้า
    หลวงปู่แสดงไว้ว่าความคิด หรือจิต หรือใจ หรือวิญญาณ หรือสังขาร เป็นตัวเดียวกัน
    เจริญในธรรม
     
  15. ฐสิษฐ์929

    ฐสิษฐ์929 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    29 สิงหาคม 2012
    โพสต์:
    876
    ค่าพลัง:
    +1,844
    ตรงนี้ขออนุญาตตอบให้นะครับว่า
    มรรคในทางปฏิบัติมี 2 ลักษณะ อันแรกก็เป็นวิธีที่เรารู้ว่าเป็นมรรค8 มีทั้งหมด 8 อย่าง อย่างที่สองเป็นผลโดยมีสภาวะเป็นสภาพการดับ
    มรรคจิตก็หมายว่าจิตดับ
    ขณะจิตเดียวเป็นอาการที่จิตแสดงตัว แต่มรรคจิตนั้นจิตถูกดับแสดงตัวตนของจิตไม่ได้
    อีกอย่างโดยสภาพของจิตเขาเกิดดับทุกขณะจิตแต่เร็วมาก เราจึงเห็นว่ามันต่อเนื่องไม่ขาดตอน การเข้าไปเห็นว่าจิตเกิดดับทุกขณะจิตก็รู้เห็นไปตามสภาพความเป็นจริงของจิต ไม่ใช่เรื่องมรรคจิตครับ
    สภาพการบรรลุธรรมที่พระอาจารย์ปู่แสดงไว้นั้นเริ่มด้วยการเห็นจิตเกิดดับ ถัดไปก็ถี่ขึ้น และที่สุดก็ดับลง ขณะดับเป็นมรรค มีการทรงสภาพการดับนี้มากน้อยต่างกัน ระดับโสดาบันประมาณ 3 นาที สักกิทาคา 4 นาที อานาคา 5 นาที พระอรหันต์ประมาณ 1 ชั่วโมงขึ้นไป
    ขณะที่จะคลายออกจากการดับจะเกิดญาณหยั่งรู้อริยะสัจจ์โดยเกิดผุดขึ้นเอง ภายหลังเกิดญาณเรียกว่าผล ขยายความว่าถ้าเป็นระดับพระโสดาบันขณะดับเรียกว่าโสดาปฏิมรรค - ดับเกิดญาณผุดขึ้นเอง - บรรลุโสดาปฏิผล
    หากดับแต่ไม่เกิดญาณ ทางปฏิบัติก็เรียกมรรค ดับแต่ไม่ได้ญาณจะดับร้อยครั้งพันครั้งก็เรียกว่ามรรค ซึ่งเท่ากับว่ายังไม่ได้ถึงอริยชนอะไรเลย ขั้นต่ำระดับโสดาบันก็ยังไม่ได้เลยครับ
    ญาณนี้เกิดผุดขึ้นในขณะจิตดับ ขอขยายความตรงนี้คำว่าจิตกับความคิดเป็นตัวเดียวกัน ขณะจิตดับเราจะไม่รู้อะไรเลยเพราะตัวสติก็เป็นเจตสิกที่เนื่องด้วยจิตก็ดับไปด้วย สภาวะการดับก็สมมุติว่าเราต่อยมวยแล้วไปโดนหมัดของฝ่ายตรงข้ามอย่างจังหลับไปเลย นานเท่าไหร่ก็แล้วแต่ความรุนแรงนั้นๆ
    เปรียบเทียบได้อีกอย่างว่าท่านได้บรรลุถึงพระโสดาบันหรือไม่ พระโสดาบันนี้หากเกิดกิเลสรุนแรงเขาจะดับเองภายใน 7 วิถีจิตไม่เป็นกิเลสใหญ่ไฟมหันต์ ตัวอย่างกิเลสที่รุนแรงได้แก่ทางเพศครับ
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 7 กรกฎาคม 2014
  16. ิ์Fist of the North Star

    ิ์Fist of the North Star เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    17 มิถุนายน 2014
    โพสต์:
    564
    ค่าพลัง:
    +385
    ขอบคุณครับ คุณฐสิษฐ์ ที่ช่วยตอบให้ น่าจะเป็นเพราะภาษาที่ใช่ต่างกันครับเลยเข้าใจกันคนละแบบ แต่พอผมอ่านๆดู #115 แล้ว น่าจะใช่ครับ ขณะบรรลุโสดาบัติผล มันเร็วครับ มันรู้แว๊บเดียว แล้วมันเกิดญาณหรือความรู้สรุปอีกประมาณกี่นาทีไม่ทราบเหมือนกันครับ จำไม่ได้ แต่ก็ราวๆ3นาที แต่ตอนนั้นจิตดับหรือเปล่าไม่รู้นะครับ เพราะตอนนั้นไม่ได้สนใจเรื่องจิตว่า เกิดหรือดับ อาการที่คุณฐสิษฐ์เล่ามาใกล้เคียงกันครับ แต่ถ้าคุณฐสิษฐ์อ่านหรือฟังมา อาจจะเข้าใจคาดเคลื่อนได้ครับ ผมเชื่อครับว่าหลวงปู่ที่ท่านบอก ท่านเป็นพระอริยะครับ อ่านแล้วแล้วนึกถึงตัวเองได้เลย แต่หลวงปู่ท่านเห็นได้ละเอียดกว่าผมเยอะครับ แต่ถ้าคุณฐสิษฐ์เกิดบรรลุโสดาบัติผลเองก็จะคุยต่ออีกอย่างสนุกครับ ขอบคุณครับมีอะไรแนะนำได้เลยครับ
     
  17. Aunyadham

    Aunyadham ธรรมใด เกิดขึ้นเพราะเหตุใด ย่อมดับที่เหตุนั้นแล

    วันที่สมัครสมาชิก:
    20 เมษายน 2012
    โพสต์:
    441
    ค่าพลัง:
    +627

    ก็ขออนุโมทนาด้วยครับ ถ้าคุณได้โสดาปัตติผล เจริญในธรรมครับ
     
  18. ฟางว่าน

    ฟางว่าน เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    23 มีนาคม 2010
    โพสต์:
    1,080
    ค่าพลัง:
    +968
    ขันธ์ 5 คือรูป เวทนา สัญญา สังขาร วิญญาณ ในญาณวิปัสสนา รูปไม่เที่ยง ไม่ใช่ตัวตน เวทนาไม่เที่ยง ไม่ใช่ตัวตน สัญญาไม่เที่ยง ไม่ใช่ตัวตน สังขาร(ความคิดปรุงแต่ง) ไม่เที่ยง ไม่ใช่ตัวตน วิญญาณ(สภาวะรู้อารมณ์) ไม่เที่ยง ไม่ใช่ตัวตน เราจึงละสักกายทิฏฐิได้ด้วยเหตุนี้ว่า ขันธ์5 ไม่ใช่เรา ไม่ใช่ตัวตน เป็นอนัตตา
     
  19. ฟางว่าน

    ฟางว่าน เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    23 มีนาคม 2010
    โพสต์:
    1,080
    ค่าพลัง:
    +968
    เมื่อเดือนที่แล้วตอนกลางคืนผมนั่งสมาธิอยู่ที่บ้าน นั่งไปได้สัก 4-5 นาทีเกิดอาการกดๆที่ศีรษะ ได้ยินเสียงพระอัญญาโกญฑัญญะท่านตะโกนบอกว่า " ไอ้คนนี้มันนั่งโง่นั่งบ้าอยู่อะไร..." แปลความหมายทีหลังได้ว่า ท่านบอกว่ามีทุกข์ทำไมไม่แก้ทุกข์ ทุกข์ที่นั่งนั้นเมื่อมันทุกข์เราก็ต้องแก้ ไม่ใช่ไปทนนั่งอยู่อย่างนั้น...ท่านใดมีประสพการณ์แปลกๆอย่างผมบ้าง.....
     
  20. ิ์Fist of the North Star

    ิ์Fist of the North Star เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    17 มิถุนายน 2014
    โพสต์:
    564
    ค่าพลัง:
    +385
    ผมเคยครับคุณฟางว่าน แต่ครั้งเดียว แต่นานแล้ว ตั้งแต่ผมทำสมาธิมาเกิดนิมิตรครั้งเดียว เห็นเป็นคนหน้าแขกๆ บอกว่า ทำอย่างนี้ถึงเป็นอย่างนี้ ได้ทั้งภาพทั้งเสียงเลย แต่ผมเฉยๆ สงสัยจิตมโนไปเองครับ
     

แชร์หน้านี้

Loading...