ทำไม พระอาจารย์สายหลวงปู่มั่นไม่สอนอภิญญา

ในห้อง 'อภิญญา - สมาธิ' ตั้งกระทู้โดย ดับกิเลสทั้ง5, 10 ตุลาคม 2008.

  1. Ndantchor

    Ndantchor เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 กรกฎาคม 2012
    โพสต์:
    273
    ค่าพลัง:
    +1,123
    สิ่งเหล่านั้นแล คือทุกข์ คือความจริง
     
  2. ลุงมหา๑

    ลุงมหา๑ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    7 มิถุนายน 2012
    โพสต์:
    931
    ค่าพลัง:
    +3,937
    แล้วจะทำอย่างไรล่ะทีนี้ คงต้องรอให้ผู้อื่นทำหน้าที่นี้แทนแล้ว

    ขออนุญาตครับ

    ขอแยกแยะ และ ตอบ แบบ จริงๆ จังๆ


    อภิญญาที่แท้จริงไม่มีในมนุษย์ จะเกิดกับผู้ที่ตัดกิเลสได้สิ้นสูญบรรลุ มรรค ผล นิพพาน แล้วเท่านั้น

    เมื่อครั้งที่ องค์พระสิททัตถะ ออกบวชใหม่ๆ ท่านก็บอกเอาไว้แล้วว่า
    ท่านสำเร็จ รูปฌาณ อรูปฌาณ พร้อม สมาบัติแปด
    องค์ท่านตอนนั้น ก็ไม่ได้ บรรลุ มรรค ผล นิพพาน แต่อย่างใด

    แม้ในปัจจุบัน ก็มีฆราวาส ปู่ฤๅษีสายธรรม หลายๆท่าน สำเร็จ รูปฌาณ อรูปฌาณ พร้อม สมาบัติแปด เช่นเดียวกัน


    เมื่อท่านได้แล้วท่านก็ไม่สอน เพราะว่าผู้ใดยังมีกิเลสแม้ตะกอนจะไม่มีทางได้
    มีแต่คุยโตโอ้อวด ว่าตัวเองสำเร็จอย่างนั้นอย่างนี้มา ทั้งที่รู้อยู่เต็ม อก ว่า ตัวเองยังเป็นแค่มนุษย์
    ยังมีกิเลสตัณหา หามีตาทิพย์ หูทิพย์ไม่ อยู่ต่อหน้าท่าน ผู้บรรลุธรรม
    ยังไม่รู้ใครเป็นใคร แล้วเอาท่านมาขาย อย่างนี้ระวังไม่พ้น นรกจัตุรบาย


    หูทิพย์ ก็ดี ตาทิพย์ ก็ดี ผู้มีบุญบารมี ด้านนี้ ต้อง สังเกตุ ศึกษาเอาเอง ว่า ตนมีเชื้อ มีแนว หรือ ไม่
    บางท่านมี ครูบาอาจาีรย์ ท่านก็ไม่บอก บางคนท่านบอก ก็ไม่รู้ ไม่เข้าใจ
    ถ้าไม่มาบวชที่สำนักของท่าน ท่านก็ไม่บอก ไม่สอนต่อ

    บางคนมีติดตัวมาแต่ชาติปางก่อน แต่มาชาตินี้ หน้าที่การงานมาก
    ไม่มีเวลาปฏิบัติ ก็เลยต่อของเก่าไม่ได้

    บางคนเห็นโลกทิพย์ด้วยตาเนื้ออยู่ตลอดเวลา ไม่สามารถควบคุมได้
    ไม่รู้ว่ายังมาฝึกมาปฏิบัติอยู่วัดครูบาอาจารย์อยู่หรือเปล่า
    ผมก็ไม่มีเวลาตามหาเพื่อสอบถาม


    คนรู้แค่ไหน ควรสอนแค่นั้น รู้ทำทาน สอนทำทาน รู้ถือศีล สอนถือศีล
    ส่วนเรื่องอิทธิฤทธิ์นั้น ท่านมีก็ไม่สอน เพราะสอนแล้วก็ตัดกิเลสตัณหากันไม่ได้
    แล้วจะบรรลุธรรมกันได้อย่างไร ในเมื่อ อวิชชายังมีอยู่เต็มตัว


    เขาอยากจะสอนก็อย่าไปว่าเขาเลยครับ ถ้าไม่มีคนอยากจะเรียน แล้วท่านจะไปสอนใคร
    ครูมวยที่ต่อยมวยไม่เป็นก็มีเป็นจำนวนมาก
    ครูสอนกอล์ฟระดับโลก ที่เขาเก่งทางสอน แต่ไปแข่งสู้เขาไม่ได้ ก็มีให้เห็น

    แม้แต่พระสงฆ์ ก็เห็นมี พระสมมุติสงฆ์เป็นจำนวนมาก
    ท่านก็รักษาพระศาสนามาเป็น พันๆปีได้


    เมื่อรู้แล้วค่อยไปสอนคนอื่นได้ ให้ชนะใจตัวเองก่อน ก่อนจะให้คนอื่นมาถือเป็นอาจารย์ ไม่เช่นนั้นจะเป็นกรรมหนัก ปิดทางสร้างบารมี ไม่บรรลุธรรมได้

    ดีครับ แต่ถ้าเกิดไม่มีใครบรรลุธรรมเลย แล้วจะให้ ใครมาสอนใครกันล่ะครับ
    ศาสนาจะไม่สูญสิ้นหรือ
    เราถึงจำเป็นต้องมี พระสมมุติสงฆ์ มาช่วยค้ำจุนพระศาสนา ยังไงล่ะครับ
    เราถึงต้องมีพระไตรปิฎก ไว้คอยอ่าน ยังไงล่ะครับ

    ถ้าโลกมีแต่คนดีๆ แล้วกฏแห่งกรรม จะทำงานอย่างไรล่ะครับ
    แม้แต่สวรรค์ยังมีฝ่าย เทพ กับ มาร

    แม้แต่ อสุรินราหู แม้แต่ พญามาร ยังได้รับพุทธพยากรณ์ ว่า
    จะได้ไปเกิดเป็นพระพุทธเจ้า

    เพราะฉะนั้น อย่าไปว่าเขาเลยนะครับ

    ส่วนครูบาอาจารย์สายฤทธิ์นั้น บางองค์ บางท่านๆก็บอกว่า
    ต้องเรียนรู้ศาสตร์ทุกแขนง เอาไว้ป้องกัน เอาไว้รักษา
    พระดีๆ ที่ถูกพวก สายไสยเวทย์มนต์ดำ เล่นงาน
    เพราะพระอริยะเจ้าสายฤทธิ์ที่ว่าแน่ๆ โดนจังๆก็แทบเอาชีวิตไม่รอดก็มีเหมือนกัน

    เพียงแต่ท่านคัดศิษย์เข้มงวดเป็นพิเศษ ปีหนึ่งๆรับแค่ไม่กี่ท่าน

    ส่วนเรื่องป้องกันแก้ไขภัยพิบัติ มหาภัยพิบัตินั้น
    ต่อให้พระอริยะเจ้าเก่งขนาดไหน ก็ทำไม่ได้ เบ็จเสร็จเด็ดขาด
    เพราะเกินกำลังของท่าน ท่านก็เลยได้แต่เฝ้าดูผู้อื่นทำ

    เรื่องไตรโลก เรื่องธรรมนั้น พวกเทวดา เขารู้มากกว่าเรามาก
    ลองคิดแค่ว่า เทวดาบางท่าน มีอายุ ถึง 64 มหากัป
    ไม่ทราบว่าท่านพบเจอพระพุทธเจ้ากีพระองค์
    แล้วลองเปรียบเทียบดูว่า ถ้าเราๆท่านๆ มีอายุมากขนาดนั้น
    เราจะเห็นอะไร เราจะได้อะไร รู้อะไร ทำอะไรได้บ้าง

    คนที่มีบุญวาสนาบารมี พอจะบรรลุธรรมได้
    เขายังไม่อยากบรรลุธรรม ก็มีเหมือนกันนะครับ
    ไม่อย่างนั้นจะมี "วิภวะตัณหา" ไว้ทำไม

    ขอโมทนาในกุศลผลบุญร่วมกับทุกๆท่าน
    ขออนุโมทนา
    ลุงมหา

     
  3. firstini

    firstini เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    24 มีนาคม 2006
    โพสต์:
    1,213
    ค่าพลัง:
    +3,770
    จริงๆแล้วกระทู้แบบนี้ เหมาะกับคนที่ฝึกอภิญญา หรือผู้ที่ได้อภิญญาแล้วมาตอบนะ
    คนที่ไม่ฝึกอภิญญาไม่รู้หรอกว่ามันต้องฝึกอย่างไรบ้าง
     
  4. เล่าปัง

    เล่าปัง เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 พฤศจิกายน 2007
    โพสต์:
    4,787
    ค่าพลัง:
    +7,918
    เราก็ทราบๆกันว่า สายหลวงปู่มั่น จะเน้นสอนไปที่ การพิจารณากาย ขน
    เล็บ ฟัน หนัง ฯ

    ซึ่งเอาเข้าจริงๆ เรื่อง ขน เล็บ ฟัน หนังฯ อันนี้ก็อยู่ใน คำปราวณาของการ
    บวชเป็น ภิกษุ อยู่แล้ว

    ดังนั้น ใครบอกว่า สายหลวงปู่มั่นก็ดี พระบ้านๆ ก็ดี ไม่บอกกล่าวสอนเรื่อง
    อิทธิบาท4 ไม่สอนเรื่องอิทธิฤทธิ์นี่ อันนี้ พึงพิจารณา พระสูตรนี้ก่อน



    <marquee direction=up scrollamount=1 width=100% height=250 bgcolor=black>
    <center>
    <font color=white>
    Credit To Day :


    is


    The P' Kere

    as

    thepkere

    อ่านเต็มๆ click
    </font>
    </center>
     
  5. ลุงมหา๑

    ลุงมหา๑ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    7 มิถุนายน 2012
    โพสต์:
    931
    ค่าพลัง:
    +3,937
    รู้ได้อย่างไร ว่าเขา ไม่รู้อภิญญา ไม่เคยฝึกทางฤทธิ์

    ขออนุญาตครับ

    สาเหตุที่ผมเข้ามาตอบในกระทู้นี้ก็เพราะว่า
    ท่าน จขกท ท่านพูดถึง ฝ่ายธรรมยุติ
    ผมจึงอยากจะเข้ามาเตือนสติ ท่านว่า ฝ่ายธรรมยุตินั้น ยิ่งใหญ่อยู่แล้ว
    ไม่มีความจำเป็นใดๆ ต้องมาเน้นทางฤทธิ์อีก

    เพราะฝ่ายธรรมยุตินั้น
    ยิ่งใหญ่ตั้งแต่ ตั้งโดยเสด็จปู่ ร.๔ ผู้เคยบวชนานถึง ๒๗ พรรษา
    ยิ่งใหญ่ตั้งแต่ สองสมเด็จผู้ยิ่งใหญ่ชาวอีสาน สมเด็จพระมหาวีระวงค์ และ ท่านเจ้าคุณอุบาลี คุณูปมาจารย์
    ยิ่งใหญ่ตั้งแต่ องค์หลวงปู่เสาร์ องค์หลวงปู่มั่น ที่ท่านทั้งสอง ล้วนปรารถนาพุทธภูมิทั้งคู่
    ยิ่งใหญ่ตั้งแต่ องค์หลวงปู่มั่น ตั้งสำนักที่บ้านหนองผือ ที่อบรมสั่งสอนทั้งพระ
    ทั่งอุบาสก อุบาสิกา เป็นจำนวนมาก
    ยิ่งใหญ่ตั้งแต่ เมื่อองค์หลวงปู่มั่น ละขันธ์ใหม่ๆ พระลูกศิษย์สายธรรมยุติ
    ก็กระจายออก ไปตั้งสำนัก ไปตั้งวัด สายธรรมยุติ อยู่ทั่วประเทศ
    ไม่เว้นแม้แต่ สามจังหวัด ชายแดนภาคใต้
    ยิ่งใหญ่ตั้งแต่ องค์หลวงปู่มหาบัว ตั้งวัดที่บ้านเกิด ที่วัดป่าบ้านตาด
    ยิ่งใหญ่ตั้งแต่ องค์หลวงปู่มหาบัว เริ่มอบรมพระ และศิษย์ฆราวาส มาตั้งแต่ ปี ๒๕๐๔ และยังเริ่มอัดเทป คำเทศนาอันทรงคุณค่ามาตั้งแต่ปี ๒๕๐๕
    โดยมี ท่านปัญญา อดีตวิศวกรไฟฟ้าชาวอังกฤษ เป็นผู้อัดเสียง
    ยิ่งใหญ่ตั้งแต่ สำนักวัดป่าบ้านตาด ส่งศิษย์ที่อบรมดีแล้ว ออกไปตั้งวัดกระจายไปอยู่ทั่วประเทศอีกรอบ
    ยิ่งใหญ่ตั้งแต่ ท่านอาจารย์ปู่ ออกมานำพา สร้างผ้าป่าช่วยชาติ นาน ถึง ๑๐ ปี
    ยิ่งใหญ่ตั้งแต่ ท่านอาจารย์ปู่ สร้างสถานี วิทยุเสียงธรรม ทั่วประเทศ เกิน ร้อยสถานี
    ยิ่งใหญ่ตั้งแต่ ท่านอาจารย์สายทอง เตชะธรรมโม ออกมาเป็น ผู้นำพระธรรมยุติสายปัญญา สายฤทธิ์
    ยิ่งใหญ่ตั้งแต่ ครูบาอาจารย์ สายปัญญา สายฤทธิ์ เริ่มอบรมลูกศิษย์ พระ เณร ชี และศิษย์ฆราวาส ที่คัดสรร อย่างเข้มงวด อีกไม่มากนัก
    ยิ่งใหญ่ตั้งแต่ องค์หลวงปู่โลกเทพอุดร กล่าวรับรองว่า พระสายหลวงปู่มั่น มีการอบรมสั่งสอนใกล้เคียงกับพระพุทธองค์มากที่สุด
    ยิ่งใหญ่ตั้งแต่ อื่นๆ อีกมาก จาระในไม่หมด

    ถึงแม้ว่าพระสายภาคกลางจะมีคุณูปการที่เคยยิ่งใหญ่ ต่อชาติบ้านเมือง
    เคยสักเสกเลขยันต์ และคาถาอาคมต่างๆ ช่วยให้ชาติบ้านเมือง
    อยู่รอดปลอดภัย มาตั้งแต่สมัย ลพบุรี สุโขทัย อยุธยา ธนบุรี รัตนโกสินธุ์ตอนต้น

    มายุคปัจจุบัน ก็เจือจางลงไปมาก ยังคงเหลืออยู่บ้าง ก็กลายมาเป็น เกจิอาจารย์ ปลุกเสก วัตถุมงคล เครื่องรางของขลัง ไปเสีย

    แถมเกจิอาจารย์ทางภาคกลางที่มีชื่อเสียงโดงดังหลายๆท่าน ที่แท้ ก็เป็นคนอีสานบ้านเฮา เสียอีก

    แม้ว่า พระทางภาคกลาง จะพยายามกู้ชื่อ โดยการฝึกอบรมทางฤทธิ์
    หรือแม้แต่นำวิธีการแปลกๆ ใหม่ๆ ออกมาใช้

    ก็ยังห่างไกล กับฝ่ายธรรมยุติ อีกไกลโข แถมหลายๆท่าน ก็ยังอดชื่นชมฝ่ายธรรมยุติไม่ได้

    และครูบาอาจารย์ฝ่ายธรรมยุติ ก็เคยฝากไม้ตายถึง ผู้ยิ่งใหญ่ในบ้านในเมืองว่า

    "ถ้าล่วงล้ำพระธรรมวินัยมากไปกว่านี้ จะนำพระฝ่ายธรรมยุติทั้งหลาย ข้ามกลับไปอยู่ฝั่งซ้ายแม่น้ำโขง"

    เท่านี้ ผู้ยิ่งใหญ่ในบ้านในเมือง ก็อ่อนระทวย ยอมทุกอย่างมาแล้ว

    ดังนั้น ผมจึงเข้ามาเตือน ท่าน จขกท ว่า
    ไครจะทำอะไร ก็ให้เขาทำของเขาไป
    เราก็ทำของเราก็พอแล้ว

    เพราะการฝึกทางฤทธิ์นั้น ต่อให้เป็นสำนักใหญ่ มีหมู่คณะมากมายปานใด
    ก็ไม่อาจจะสู้ ศิษย์สายธรรมยุติ สายปัญญา-สายฤทธิ์ ไปได้
    เพราะศิษย์สายนี้ คัดสรรอย่างเข้มงวด เลือกสอนเฉพาะผู้มีบุญบารมี
    ที่เคยมีอดีตชาติ เคยได้ญาณทางฤทธิ์ มาก่อนทั้งสิ้น

    แถมท่าน อ.ทิพากร รินไธสงค์ ก็ยังเป็นคนอีสาน
    พระใหญ่ชัยภูมิ ก็สร้างในภาคอีสาน
    นั่นก็แสดงว่า คนไทยเชื่อสายลาว ที่เรียกกันว่าคนอีสานนั้น
    ยังเป็นเสาหลัก ค้ำจุนชาติบ้านเมืองไปอีกนานแสนนาน

    ที่น่าเสียดาย ก็มีเพียงแต่ ครูบาอาจารย์ฝ่ายธรรมยุตินั้น
    ท่านอบรมสั่งสอน เรื่องเทพ เรื่องเทวดา น้อยไปหน่อย
    เพราะพระพุทธองค์ พระองค์ท่านก็มีพระจริยะวัตร อบรมสั่งสอนเทวดาทุกๆวัน
    องค์ท่านหลวงปู่มั่น ก็ อบรมสั่งสอนเทวดาออกบ่อย

    และเรื่องที่เกี่ยวพันกับ จริต นิสสัย สถานที่ ของแต่ละคน แต่ละท่าน
    ที่แม้แต่พระพุทธองค์ ก็เคยสั่งพระสมัยพุทธกาลว่า

    "ท่านนั้น ให้ไปปฏิบัติที่ สถานที่นั้น"
    "ท่านนี้ ให้ไปปฏิบัติที่สถานที่นี้"
    "ท่านนั้น ให้พิจารนา อย่างนั้น"
    "ท่านนนี้ ให้พิจารนา อย่างนี้"


    เพื่อให้ตรง กับจริต กับนิสัย กับสถานที่ ที่ทำให้สำเร็จธรรมได้เร็วขึ้น

    ต้องขออภัยต่อหลายๆท่าน ถ้าการตอบกระทู้ การบอกเล่าของผม ไปทำให้ท่านไม่สบายใจ
    เพราะผมจะตอบแบบตรงไปตรงมา ไม่อ้อมค้อม และไม่ได้มีเจตนาแอบแฝงอื่นใด

    ขอโมทนาบุญร่วมกับญาติธรรมทุกๆท่าน
    ขออนุโมทนา
    ลุงมหา


    มูลนิธิพระใหญ่ชัยภูมิ ตอนเรื่องงานกฐินสามัคคี 24-25 พฤศจิกายน 2555
    http://palungjit.org/threads/มูลนิธ...งานกฐินสามัคคี-24-25-พฤศจิกายน-2555-a.372764/
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 11 พฤศจิกายน 2012
  6. Sriaraya5

    Sriaraya5 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 มีนาคม 2006
    โพสต์:
    3,079
    ค่าพลัง:
    +12,852
    เพราะโลกียะฤทธิ์ ปิดกั้นมรรคผลธรรมวิเศษ

    ทำให้ทนงตัว เดินหลงทางผิดทางไปพระนิพพานได้

    ฤทธิ์ที่จะไปนิพพานได้ จึงต้องเกิดจากโลกุตตระฤทธิ์

    นิพพานฤทธิ์เท่านั้น
     
  7. ลุงมหา๑

    ลุงมหา๑ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    7 มิถุนายน 2012
    โพสต์:
    931
    ค่าพลัง:
    +3,937
    โลกียะฤทธิ์ โลกียะฌาณ ก็ใช้ประโยชน์ได้

    ขออนุญาตครับ
    เห็นหลายๆท่านในเว็บนี้ ชอบอ้างถึง โลกียะฤทธิ์ กัน
    ยังกับว่า ท่านกำลังจะสำเร็จ วันนี้ พรุ่งนี้ เดือนนี้ ปีนี้ หรือแม้แต่ชาตินี้

    ถึงกับลืมว่า แม้แต่พระพุทธเจ้าพระองค์ของเรา ในพระชาติสุดท้าย
    พระองค์ท่าน ก็ มีเมีย มีลูก มีนางสนมกำนัลอีกมากมาย
    พระองค์ท่าน ยังคงเสพกาม
    พระองค์ท่านแม้ออกบวชแล้ว ยังฝึกรูปฌาณ ยังฝึกอรูปฌาณ ยังฝึกสมาบัติแปด

    แล้วยังมีคนอ้างว่าเป็นแค่ โลกีย์ฌาณ ยังกับเป็นของแสลงอย่างนั้นละ

    ก็เพราะพากันรังเกียจ กันอย่างนี้ เวลาเกิดภัยพิบัติใหญ่ๆ
    เวลาจะใช้ ก็เลยใช้ไม่เป็น เพราะไม่เคยฝึกกัน
    แม้ท่านที่เป็นแล้ว ก็เพราะพากันรังเกียจ กันอย่างนี้ เวลาเกิดภัยพิบัติใหญ่ๆ
    ก็เลยใช้ไม่คล่อง ก็เลยไม่มั่นใจ ก็เลยอยู่เฉยๆดีกว่า

    แล้วก็มาเสี่ยงดวงเอาว่า เมื่อเกิดภัยพิบัติแล้ว ไม่ได้เตือนเขา ไม่ได้ช่วยเขา
    เขาจะยังใส่บาตรให้เราเหมือนเก่าไหมหนอ

    ก็รอดพ้นไปด้วยดี ศรัทธาชาวพุทธยังคงเหนียวแน่นไม่เปลี่ยนแปลง
    มีกินบ้าง อดบ้าง แต่ของใส่บาตร ต้องมาก่อนเสมอ
    หนักหนาสาหัส ก็ตามไปขอกินข้าวก้นบาตร ก็ยังได้

    เดี๋ยวนี้ ลิเก หมอรำเรื่อง ก็หาดูยาก
    คนรุ่นใหม่เลยไม่รู้ว่า เวลาเกิดเหตุเภทภัย ใดๆนั้น คนโบราณ เขาทำกันยังไง

    เพราะในลิเก ในหมอรำเรื่องนั้น

    เขาจะถามโหรหลวงกัน
    เขาจะถามปู่ฤๅษีกัน
    เขาจะถามผีบ้าน ผีเรือน ผีฟ้ากัน
    เขาจะถามหมอธรรม หมอผีกัน

    เมื่อปีที่แล้ว เกิดน้ำท่วมใหญ่ พญามาร ก็ทำงานง่ายๆแต่ได้ผลดีเยี่ยม
    คือไปหลอกผู้มีอำนาจบาตรใหญ่ว่า
    ท่านก็ได้เป็นเจ้าใหญ่นายโตแล้ว ควรจะสร้างผลงานอันยิ่งใหญ่เกรียงไกร ให้ระบือ ลือลั่นไปชั่วลูกชั่วหลาน
    ท่านต้องทำในสิ่งที่ไม่มีใครกล้าทำมาก่อน คือท่านอย่าปล่อยน้ำในเขื่อน
    ทิ้งลงทะเลไปเปล่าๆ ให้เก็บน้ำเอาไว้เยอะๆ พอน้ำมา คอยๆปล่อยออกไปใช้เพียงพอประมาณ

    แต่ให้เหลือน้ำเอาไว้มากๆ เอาไว้ทำนานอกฤดูกาล เอาไว้ทำนาปลัง
    เมื่อน้ำมาก ผลผลิตก็จะได้มากตามไปด้วย
    ท่านก็จะได้ผลงานไปเต็มๆ ไม่อาจมีใครมาแย่งเอาไปได้
    ผลก็คือ เมื่อน้ำมามาก ปล่อยออกไม่ทัน ก็เลยต้องปล่อยออกเยอะๆ
    น้ำก็เลยท่วมมาก

    แต่พอมาปีนี้ พญามาร ก็ทำงานง่ายๆแต่ได้ผลดีเยี่ยมอีก
    มันมาบอกว่า เห็นไหมปีที่แล้ว น้ำท่วม วินาศสันตะโล
    เพราะฉะนั้น ปีนี้ ต้องปล่อยน้ำออกแต่เนิ่นๆ พอน้ำมาจะไม่ได้เต็มเขื่อน
    จะได้ไม่ต้องปล่อยน้ำทีละมากๆ น้ำจะได้ไม่ท่วม

    ที่ไหนได้ ปีนี้ฝนน้อย เพราะพายุ ๕ ลูกซ้อน ไม่ขึ้นฝั่งที่เวียดนาม ก็เลยไม่เข้าไทย
    แต่หักเลี้ยว 90 องศา ขึ้นเหนือแทน

    องค์การนาซ่า อุตสาห์ขอมาดูว่า พลังอะไร จึงสามารถเบี่ยงเบนพายุได้
    จะได้เอาไปใช้บ้านตัวเองมั่ง

    ก็เลยแห้ว ถูกกีดกันออกไป ก็เลยไม่รู้

    ถ้าอยากรู้ว่า พลังอะไร ที่กระแทกจนพายุ ๕ ลูกซ้อนขึ้นเหนือไป
    ก็ต้องไปถาม ผู้ที่ท่านบอกว่า น้ำจะไม่ท่วมๆๆๆๆๆๆ โน่นล่ะครับ

    เห็นครูบาอาจารย์ท่านไปสอน ไปอบรมคุณแม่ชี ที่ท่านบอกว่า ท่านทานข้าวไม่ได้
    เพราะมองเห็น ข้าวปลาอาหาร เป็นของ ปฏิกูลเน่าเปื่อยหมด ก็เลยกินไม่ลง

    ครูบาอาจารย์ท่านก็บอก ท่านก็สอนว่า
    ถ้าไม่กินข้าว จะอยู่ได้ไหม
    ถ้าไม่กินข้าว จะอยู่ได้อีกกี่วัน
    อยากตายไหม กลัวตายไหม

    เมื่อมองเห็นอาหารดีๆ เป็นของปฏิกูลเน่าเปื่อย ทำให้กินไม่ได้
    เมื่อทั้งกลัวตาย ทั้งไม่อยากตาย

    แล้วทำไมไม่มองอาหารดีๆ ให้มันเป็นอย่างที่มันเป็นจริงๆ
    คือให้มองเห็นเป็นอาหารที่ดีๆ ที่น่ากิน ที่กินได้
    แล้วก็กินเสีย เราจะได้ไม่ต้องอดตาย

    เรื่องโลกีย์ฌาณ ก็เหมือนกัน ไม่รู้ว่าพอมีบุญวาสนาพอ จะได้มันมาหรือเปล่า
    กลับมาบอกว่า มันไม่ดีนะ อย่างโน้น อย่างนี้ อย่าไปเอามันมาเลย ว่าไปโน่น

    สู้คนขอนแก่นก็ไม่ได้ เห็นว่าเลี้ยงงูจงอางกันทั้งหมู่บ้าน
    ใครจะสมัครผู้แทน ต้องมาแบกงูจงอาง เดินโชว์ก่อน
    ว่าใจถึง ไม่ใจปลาซิว ไม่อย่างนั้น จะไม่เลือก เดี๋ยวทำงานใหญ่ไม่ได้

    แค่โลกีย์ฌาณ ที่พระพุทธองค์ท่านก็มีให้ดูเป็นตัวอย่างแล้ว
    ยังจะกลัวอะไร ยังจะไปกลัวมันทำไม

    ขอโมทนาบุญร่วมกับญาติธรรมผู้มีบุญวาสนาบารมี มีสติปัญญาทุกๆท่าน
    ขออนุโมทนา
    ขอขอบพระคุณครับ
    ลุงมหา


    มูลนิธิพระใหญ่ชัยภูมิ ตอนเรื่องงานกฐินสามัคคี 24-25 พฤศจิกายน 2555
    http://palungjit.org/posts/6974498
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 12 พฤศจิกายน 2012
  8. ยอดคะน้า

    ยอดคะน้า เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    18 มกราคม 2010
    โพสต์:
    947
    ค่าพลัง:
    +710
    ^
    นี่ขนาด 5 ลูกไม่ขึ้นฝั่ง

    ประเทศไทยหลายจังหวัด น้ำยังท่วมอ่วมเลย
    ถ้าขึ้นฝั่งน้ำจะท่วม ขนาดไหนนี่

    เป็นไปได้ อยากให้ท่านผู้มีอภิญญา ช่วยเหลือ เกษตรกร อีกหลายชีวิต ที่กำลังประสพเคราะห์กรรม ฝนแล้ง

    จะเป็นไปได้ไหม หากท่านผู้มีอภิญญา จะทำให้ จากน้ำท่วมเป็นแห่งๆ
    มาเฉลี่ย ให้เกษตรกร ด้วยความเสมอภาค

    ดีไหมครับ ลุงมหา
     
  9. หลบภัย

    หลบภัย เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    15 มิถุนายน 2009
    โพสต์:
    2,207
    ค่าพลัง:
    +3,123
    เชย ..หมดลูกนี้ ก็เย็นแล้ว
     
  10. ลุงมหา๑

    ลุงมหา๑ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    7 มิถุนายน 2012
    โพสต์:
    931
    ค่าพลัง:
    +3,937
    ขออนุญาต ตอบอธิบายขยายความครับ

    ขออนุญาตครับ
    ตั้งแต่ ท่าน อ.ทิพากร ท่านได้บอกเล่าว่า ท่านเป็นคนปัดพายุ นากีส ให้เบี่ยงเบนไปทาง พม่า
    เพราะทางนั้น พลเมือง สิ่งปลูกสร้าง มีความหนาแน่น น้อยกว่า ทางบ้านเรา
    ความเสียหายก็จะลดลงไปโดยอัตโนมัติ

    ท่านก็ไม่ค่อยพูดเรื่อง ภัยพิบัติอีก เพราะท่านได้บอกเอาไว้แล้วว่า


    "ภัยพิบัติอย่าไปพูดถึงมันมาก เดี๋ยวจะกลายเป็นน้อมนำให้มันเกิดขึ้นได้"
    "ที่ไม่น่าเกิด ก็จะเกิดขึ้น"
    "ที่น่าจะไม่รุนแรงก็จะรุนแรงขึ้น"
    "เราก็มุ่งหน้า สร้างพระใหญ่ชัยภูมิไป สร้างหลวงพ่อทันใจไป"
    "เพื่อป้องกัน เพื่อแก้ไขภัยพิบัติ จะดีกว่า ไม่ต้องไปกังวล ไม่ต้องไปเสียเวลากับมันมาก"


    เหมือนกับที่ท่านพูดที่ งานสร้างหลวงพ่อทันใจ พระองค์ที่ 277 ที่ จ.ฉะเชิงเทรา นั่นละครับ

    เมืิ่อมีคนพูดเรื่องภัยพิบัติ หนาแน่นขึ้น ท่าน ก็ออกมาบอกมาเล่า ให้ คลายกังวลทีหนึี่ง

    เรื่องน้ำท่วม เรื่องภัยแล้งนั้น ไม่ใช่ว่า ผู้มีอภิญญาใดๆ คิดจะแก้อย่างไร ก็แก้ได้นะครับ

    ไม่อย่างนั้น เราจะมา ทรหด อดทน เหน็ด เหนื่อย เมื่อย ล้า
    สร้างหลวงพ่อทันใจ สร้างพระใหญ่ชัยภูมิ อยู่กันทำไม

    ก็เพื่อให้สามารถรวบรวมพลังบุญกุศล ไปต้านพลังบาป พลังอกุศล
    ที่จะมาเบียดเบียนมนุษย์ แบบชุดใหญ่ ในรูปแบบของภัยพิบัติต่างๆ

    ดังนั้น ผู้ที่จะรอดพ้นจากภัยพิบัติ ก็ดี
    ผู้ที่จะมีสิทธิ์ ผ่อนหนักให้เป็นเบาจากภัยพิบัติ ก็ดี

    ต้องเป็นผู้สร้างบุญสร้างกุศล สร้างคุณงามความดี มีบุญบารมี เกื้อหนุนด้วย

    โดยเฉพาะท่านที่ ร่วมสร้างบุญ สร้่างกุศล ร่วมกับทางมูลนิธิพระใหญ่ชัยภูมิ
    เพราะเมื่อท่านสร้างบุญ สร้างกุศล เพื่อสร้างพระใหญ่ชัยภูมิ เพื่อสร้างหลวงพ่อทันใจ
    เมื่อการสร้างมีวัตถุประสงค์
    เพื่อป้องกันภัยพิบัติ
    เพื่อแก้ไขภัยพิบัติ
    เพื่อให้บ้านเมืองมีความอุดมสมบูรณ์
    เมื่อท่า่นร่วมสร้าง ท่านก็จะมีสิทธิ์ ได้ในสิ่งที่ท่านทำ

    ส่วนท่านที่ไม่ได้ร่วมสร้าง ไม่ได้ร่วมทำ ก็จะมีสิทธิ์เต็มที่
    ตอนที่หลวงพ่อทันใจสร้างเสร็จแล้ว (ไปกราบขอพรเอาเอง)
    และตอนที่พระใหญ่ชัยภูมิสร้างเสร็จ (เพราะพระมหาพุทธานุภาพจะมีพลังเต็มที่)

    ส่วนในระยะการสร้างนี้ ถ้าท่านไม่มาร่วมสร้าง ท่านก็ต้องเสี่ยงดวงเอาว่า
    พลังบุญบารมี ที่พวกเราร่วมสร้าง หลวงพ่อทันใจ ร่วมสร้างพระใหญ่ชัยภูมิ
    มีมากพอที่จะเจือจุนคนกลุ่มอื่น ด้วยได้หรือไม่

    ถ้าพลังบุญกุศลมากพอ ภัยพิบัติ ก็ไม่เกิด
    ถ้าพลังบุญกุศลมากพอ ภัยแล้ง ก็ไม่เกิด
    ถ้าพลังบุญกุศลมากพอ บ้านเมืองก็อุดมสมบูรณ์

    แต่ถ้าพลังบุญกุศลมีจำกัด การใช้งานก็เลือกเอาแบบใช้ประโยชน์ได้สูงสุดนั่นละครับ

    แม้ว่าท่าน อ.ทิพากร ท่านจะมีอภิญญาสูง ท่านก็ต้องสงวนพลังงานเอาไว้ใช้
    ให้ตลอดลอดฝั่ง จนสร้างพระใหญ่เสร็จโน่นละครับ
    นี่ก็ได้ข่าวมาว่า ออกงานมากจนสลบคาที่ อีกแล้ว

    ส่วนท่านที่อยู่เฉยๆ
    ส่วนท่านที่ไม่ได้ช่วยเขาสร้าง
    ส่วนท่านที่ไม่ได้ โมทนาบุญ
    รวมถึงท่านที่ไม่ได้ อนุโมทนาบุญ

    ท่านก็รอว่า พลังบุญบารมี จะเหลือพอที่จะมาเผื่อแผ่มาช่วยได้บ้างไหม
    ถ้าพอก็จะช่วยได้ ถ้าไม่พอก็ช่วยไม่ได้

    หริอคุณคิดจะแบ่งมรดกของคุณให้คนอื่น
    ลูกเมีย ญาติพี่น้องคุณจะยอมหรือ

    หรือคุณเคยเห็น มีเศรษฐี มหาเศรษฐี
    เที่ยวแจกเงินชาวบ้า่นโดยบริสุทธิ์ใจ

    ก็ต้องรอดูว่า งานกฐินปีนี้ ญาติธรรมทั้งหลายจะร่วมบุญจะเสียสละกันมากน้อยเท่าไร
    แต่ที่แน่ๆ ตอนนี้ที่ถวายล่วงหน้า ก็ทะลุ 20 ล้านบาทแล้ว
    ส่วนยอดจองเจ้าภาพ ล่วงหน้า ก็ทะลุ 130 ล้านบาทแล้ว

    ก็ต้องรอดูว่า พลังบุญกุศล
    จะช่วยป้องกัน
    จะช่วยแก้ไขภัยพิบัติ
    จะช่วยนำความอุดมสมบูรณ์ได้ มากน้อย ช้าเร็ว ขนาดไหน

    ถ้าอยากรู่ว่า พื้นที่ไหน จะรอดพ้นภัยพิบัติ
    ถ้าอยากรู่ว่า พื้นที่ไหน จะมีความอุดมสมบูรณ์
    ก็ดูได้จาก ตารางเปิดบุญ ว่าท่าน อ.ทิพากร ไปไหนบ้าง
    อยากรู้ว่า ภัยพิบัติ จะเกิด ที่ไหน เมื่อไร
    อยากรู้ว่า ความอุดมสมบูรณ์ จะเกิด ที่ไหน เมื่อไร
    ก็ดูได้ จาก บทสนทนาธรรม-บรรยายธรรม ของท่าน อ.ทิพากร รินไธสงค์

    ดูอย่างที่ภาคใต้ ญาติธรรม ช่วยกันสร้าง หลวงพ่อทันใจ ทะลุ 20 องค์ ไปแล้ว
    ภัยพิบัติ ก็ลดลงไปได้มาก

    ส่วนเหตุการณ์ที่ไม่สงบยังคงอยู่ เพราะเป็นกรรมใหม่ ไม่ใช่กรรมเก่า
    และไม่มีใครถามท่าน อ.ทิพากร ว่าจะลดความไม่สงบลงเร็วๆ จะทำได้อย่างไร
    แม้ผมจะรู้ แต่ผมก็ต้องรอให้มีคนถาม และ ท่าน อ.ทิพากร บอกเล่าออกมา
    เพราะบางอย่างเปราะบาง ง่ายต่อการเข้าใจผิด (เรื่องทางภาคทิพย์)

    และมีข่าวว่า ท่าน อ.ทิพากร ได้พบปะกับ ผู้หลักผู้ใหญ่ในภาคใต้
    แม้แต่ ท่านแม่ทัพภาค 4 เอง ก็เจอกันแล้ว ที่เชียงใหม่ เมื่อ วันเสาร์ที่แล้ว


    ขออนุญาตครับ
    ท่านผู้นี้เมื่อไรจะพัฒนาได้เสียที อยู่ในเว็บนี้ก็นานแล้ว ไม่เห็นจะดีขึ้นเลย

    ถ้ามองว่าท่านอยู่กับปัจจุบัน ก็พอจะมีประโยชน์อยู่บ้าง

    แต่เราชาวมูลนิธิพระใหญ่ชัยภูมิ เรามองอนาคตครับ
    เมื่อเห็นว่า ภัยพิบัติ มหาภัยพิบัติ จะเกิดขึ้น
    เมื่อเห็นวิธีป้องกันแก้ไข เราก็ทุ่มเท ป้องกันแก้ไข อย่างเต็มที่
    เราก็เผยแผ่บอกเล่าเรื่องราวอันเป็นบุญเป็นกุศล

    ถ้าท่านทำบุญทำกุศลบ้าง ก็บอกเล่าเรื่องราวบอกคนอื่นบ้างนะครับ
    เช่นทำบุญ ใส่บาตร หรือแม้แต่ โยนข้าวให้หมากินก็ยังดี


    ต้องขออถัยต่อท่านจริงๆ ผมเป็นศิษย์สายธรรมยุติ ธรรมที่รู้มามันรู้ลงที่จิต จากการปฏิบัติ
    ธรรมกระดาษ ธรรมสัญญาความจำ ธรรมหนอนตำรา ผมไม่รู้เรื่อง
    ต้องขออภัยอีกครั้ง ผมไม่รู้เรื่องจริงๆ

    ขอโมทนาบุญร่วมกับญาติธรรม ผู้มีจิตเป็นบุญเป็นกุศลทุกๆท่าน
    ขออนุโมทนา
    ขอขอบพระคุณครับ
    ลุงมหา


    มูลนิธิพระใหญ่ชัยภูมิ ตอนเรื่องงานกฐินสามัคคี 24-25 พฤศจิกายน 2555
    http://palungjit.org/posts/6974498
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 13 พฤศจิกายน 2012
  11. firstini

    firstini เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    24 มีนาคม 2006
    โพสต์:
    1,213
    ค่าพลัง:
    +3,770
    ลุงมหา๑ คิดหรือทราบว่าท่านอาจารย์มั่นสอนอภิญญามั้ยครับ..?

    ปล. พระสายภาคกลาง ภาคอีสาน ธรรมยุต... โอย... ไปกันใหญ่แล้ว
     
  12. ยอดคะน้า

    ยอดคะน้า เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    18 มกราคม 2010
    โพสต์:
    947
    ค่าพลัง:
    +710
    หากเป็นจริงดั่งลุงมหาพิมพ์

    ผู้ที่ประสพภัยเขารู้จัก ท่านผู้ปัดภายุนากีส

    นึกถึงหนังจีนเลย
     
  13. ยอดคะน้า

    ยอดคะน้า เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    18 มกราคม 2010
    โพสต์:
    947
    ค่าพลัง:
    +710
    ภัยพิบัติ จากคำทำนาย

    พอเกิดจริงก็จะบอกว่า เห็นไหมเตือนแล้วไม่ฟัง
    พอไม่เกิดจริงก็บอกว่า มีผู้ปัดผู้ช่วยเหลือจากผู้วิเศษ
    เป็นโรคเลื่อยเรื่อยๆ

    การช่วยเหลือให้อีกฝั่งมีน้ำตาแห่งปลอดยภัย
    แต่ให้อีกฝั่ง มีน้ำตาแห่งความพรัดพราก

    จริงหรือ ที่มหาโพธิ์สัตว์เจ้า จะทำเช่นนั้น
     
  14. ลุงมหา๑

    ลุงมหา๑ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    7 มิถุนายน 2012
    โพสต์:
    931
    ค่าพลัง:
    +3,937
    กลัวครูบาอาจารย์ ยิ่งกว่าหนูกลัวแมว

    ขออนุญาตครับ

    ครูบาอาจารย์รุ่นเก่าๆ ไม่เหมือนยุคปัจจุบันนะครับ
    ในสมัยองค์หลวงปู่มั่นนั้น ท่านไม่ต้องง้อ ฆราวาสญาติโยม
    เพราะท่าน แค่บิณฑบาตร ท่านไม่ขออะไรไครเลย

    แค่ท่านเมตตา อยากให้โยม เอาลูกสมอ มาถวายพระ


    วันแรกท่านถามว่า
    "ที่นามีต้นสมอบ้างไหม?"

    วันที่สองท่านถามว่า
    "ที่นามีต้นสมอกี่ต้น?"

    วันที่สามท่านถามว่า
    "ต้นสมอมีลูกไหม?"

    วันที่สี่ ท่านถามว่า
    "ต้นสมอลูกดกไหม?"

    วันที่ห้า ท่านไม่ถามอีกแล้ว เพราะโยม ทั้งกลัว ทั้งโง่
    จนไม่รู้ว่า ท่านเมตตา อยากให้โยมได้บุญ
    อยากให้เอาลูกสมอมาถวายพระ


    ส่วนครูบาอาจารย์ ที่สำนักของท่านนั้น
    ไครไปไม่ถึง การรู้ตัวทุกอิริยาบถ ต้องอยู่ให้ห่างท่านมากที่สุด
    เพราะกระแสความคิดจะได้ไม่ไปรบกวนท่าน
    ดีไม่ดี โดนไล่ออกจากวัดวันนั้นเลย

    แม้ครูบาอาจารย์ที่เป็นพระเถระผู้ใหญ่ก็ไม่เว้น
    ถามไม่เข้าที่ เข้าทาง ขาดการพิจารนาอย่างรอบคอบ
    ก็จะถูกสวนกลับ อย่างหนักหน่วง

    เวลาท่านจะบอก ท่านจะสอนอะไร ท่านต้องแน่ใจก่อนว่า
    ในกลุ่มนั้นๆ มีผู้รู้ ผู้เข้าใจ อย่างน้อย ๑ ท่าน
    ไม่อย่างนั้น ท่านสอนไป ก็จะเสียเปล่า

    แม้แต่องค์หลวงตามหาบัวเอง
    พระครูบาอาจารย์ฝ่ายธรรมยุติบอกเล่าว่า


    "ครูบาอาจารย์เรา อยู่ที่อื่นก็เป็นพระเถระผู้ใหญ่"
    "แต่พออยู่ต่อหน้า หลวงตามหาบัว"
    "ยังกับเณรน้อยก็ไม่ปาน"
    "พูดก็ปากคอสั้่น จังหวะการพูดก็ลุกรี้ลุกลน"


    แล้วจะมีครูบาอาจารย์ท่านใด กล้าไปถามท่านเรื่อง ฌาณ เรื่องฤทธิ์อีก
    แล้วคุณคิดว่าท่านจะมีโอกาสสอนใครไหม

    เพราะครูบาอาจารย์สายธรรมยุตินั้น แต่ละท่านบารมีสูงส่ง
    ฝึกไปอบรมไปแม้ท่านจะมุ่งไปเพื่อความหลุดพ้น
    ฌาณมันก็เกิดขึ้นเอง ฤทธิ์มันก็เกิดขึ้นเอง

    ขอสรุปว่า หลวงปู่มั่น ท่านไม่เคยสอนเรื่องฌาน เรื่องฤทธิ์
    แต่ครูบาอาจารย์ที่ได้ฌาณ ได้ฤทธิ์ ข้องใจไปถามท่าน ท่านจึงจะตอบให้ตามที่ถาม

    คำพูดของครูบาอาจารย์นั้น หลายๆท่านในเว็บนี้ คงคิดว่า ท่านเข้าใจ
    แต่ในความเป็นจริงแล้ว ธรรมที่ท่านเข้าใจนัี้น
    มันเป็นแค่ส่วนหนึ่ง ตามภูมิรู้ภูมิธรรม ของตนที่จะเข้าใจเท่านั้น

    คนที่มีภูมิรู้ภูมิธรรมสูงกว่า ก็จะเข้าใจได้มากกว่า เข้าใจได้ลึกซึ้งกว่า

    ส่วนท่านที่เข้าใจธรรมกระดาษ ธรรมตัวหนังสือ ธรรมสัญญาความจำ
    ก็มั่นใจว่าตนรู้ธรรมเห็นธรรมไปอีกแบบหนึ่ง

    แต่ครูบาอาจารย์รุ่นหลังมา ท่านจะดูว่า มีบารมีพอจะเรียนรู้ได้หรือไม่
    ถ้าได้ท่านจึงจะสอน

    ครูบาอาจารย์บางท่านๆก็รู้สึกหดหู่ใจ เพราะดูแล้วพระลูกวัดหมดวัด
    จะหาคนผ่าน รู้ตัวทุกอิริยาบทก็ไม่มี ก็เลยสอนญาติโยมอยู่ไปวันๆ
    รอพระอาคันตุกะ หน่วนก้านดี ผ่านมาโน่นละ ท่านจึงจะ ได้โอกาสสอน
    เต็มเม็ดเต็มหน่วยบ้าง

    ท่านที่คิดว่า จะฝึกทางฤทธิ์นั้น ก็เหมือนหลอดไฟติดๆ ดับๆ นั่นละครับ
    เอาแน่เอานอนอะไรไม่ได้
    ผลสุดท้ายก็ได้แต่ ปลอบใจกันไปมาในกลุ่มของตนเท่านั้นละครับ

    บางสำนัก นึกว่าจะแน่ ก็เห็นว่านนะปัดตลอด เป็นกำๆ แช่น้ำไว้ในถ้วยแก้ว
    ก็ว่านตัวนี้ละครับ เอามาทำเป็นส่วนประกอบทำน้ำมัน
    ทาเปลือกตา ว่ากันว่า มองถ้วยไฮโลชัดแปะ

    ข้อสำคัญต้องหักห้ามใจให้ดี อย่าได้ไปแทงถูกทุกตาก็แล้วกัน
    เดี๋ยวโดนตื๊บ

    มีคนเอาว่านพวกนี้ไปเล่นที่บ่อนในเขมร เลยถูกเขาจับเรียกค่าไถ่
    กว่าจะกลับมาได้ ก็ต้องจ่ายค่าไถ่อีก 20 ล้าน
    ส่วนที่เล่นได้ เขาก็ยึดคืนอีก หาว่าไปโกงบ่อนเขา

    สรุปพระเณรอยู่ต่อหน้าหลวงปู่มั่น แค่หายใจยังต้องค่อยๆ
    แล้วจะไปขอให้ท่านสอนเรื่องฤทธิ์ ได้อย่างไร

    ขอโมทนาบุญร่วมกับญาติธรรมทุกๆท่าน
    ขออนุโมทนา
    ขอขอบพระคุณครับ
    ลุงมหา


    การแสดงธรรม ที่ละเอียดที่สุด ขององค์หลวงตามหาบัว ญาณสัมปัณโน
    "การปฏิบัติตั้งแต่เริ่มต้นจนเข้าถึงพระนิพพาน"
    ต่อพระธรรมยุติ นับ หมื่นรูป ที่วัดอโศการาม สมุทปราการ

    https://www.youtube.com/watch?v=x6mskfoqjNo&feature=channel&list=UL

    "จิตที่พ้นจากทุกข์" โดยคุณลุงหวีดบัวเผื่อน
    http://www.watasokaram.org/หนังสือจรรโลงธรรม/62-จิตที่พ้นทุกข์.html

    มูลนิธิพระใหญ่ชัยภูมิ ตอนเรื่องงานกฐินสามัคคี 24-25 พฤศจิกายน 2555
    http://palungjit.org/posts/6974498
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 14 พฤศจิกายน 2012
  15. firstini

    firstini เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    24 มีนาคม 2006
    โพสต์:
    1,213
    ค่าพลัง:
    +3,770
    ลุงมหา๑ ครับ ผมไม่คิดหรอกครับ ว่าท่านจะสอนหรือไม่สอน
    เพราะเรื่องนี้ ไม่ใช่เรื่องที่ต้องคิด
    เป็นเรื่องของข้อเท็จจริง
    ถ้าท่านสอน ก็คือสอน
    ถ้าท่านไม่สอน ก็คือไม่สอน

    ผมเคยเจอมาครั้งหนึ่ง หลวงพ่อที่ไม่ได้สอนฤทธิ์ เช่น ฌานสมาบัติ
    ไปถามลูกศิษย์ลูกหาทั่วไปของท่านดู ก็จะบอกว่าท่านสอนให้เจริญสติ
    แต่ลองไปอ่านที่ท่านเทศน์ท่านสอนตอนหนึ่ง ท่านกลับบอกว่า
    กรรมฐานที่ท่านให้ เพื่อให้ญาติโยมสามารถระลึกชาติได้ รู้กฏแห่งกรรม
    แน่... นี่มันเรื่องของอภิญญาวิชชาสามแล้ว
    แล้วผมได้พบกับลูกศิษย์ใกล้ชิดท่าน มีทิพจักขุญาณซะงั้น

    ที่ผมถามว่า ลุงมหา๑ ทราบ หรือ คิด เพราะมันต่างกัน
    ทราบ คือรู้ข้อเท็จจริงทั้งหมดว่าท่านเคยสอนใครมั้ย หรือไม่เคยเลย
    คิด คือรู้จากการตรึกตรอง เอาความรู้มาประมวล

    ที่ผมร่ายมาไม่ใช่มาคัดค้านถกเถียงกันวุ่นวายจิต
    เพียงแต่ผมเองตอนนี้ก็ศึกษาเรื่องของพระอาจารย์มั่น เรื่องของมุตโตทัย
    โดยมากเท่าที่ผมทราบ ท่านมักแนะนำให้เจริญทางด้าน ทุกขาปฏิปทาเป็นหลัก
    แต่ผมก็นึกค้านในใจเหมือนกัน เพราะท่านก็สอนให้เจริญภาวนาพุทโธอยู่เนืองๆ
    ผมยังศึกษาไม่ลึกซึ้ง ก็อาจจะเข้าใจผิดได้ เพราะธรรมของท่านลึกซึ้ง
    อ่านหน้าหนึ่ง ก็ต้องพิจารณาไปหลายวัน ผมค่อนข้างโง่นะครับ

    โดยปกติ พระผู้ทรงปฏิสัมภิทาญาณนั้น จะสอนอะไรใครก็ดูจริตนิสัยและวาสนา
    สายหลวงปู่มั่นหนักแน่นมั่นคงมาก
    แต่ผมแปลกใจว่า ลุงมหา๑ วกไปหาสายภาคกลางอะไรได้อย่างไร
     
  16. ลุงมหา๑

    ลุงมหา๑ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    7 มิถุนายน 2012
    โพสต์:
    931
    ค่าพลัง:
    +3,937
    ต้องใจกว้าง ต้องเผื่อแผ่ผู้อื่นด้วย

    ขออนุญาตครับ

    ผมก็บอกแล้วบอกอีกว่า

    ธรรมนั้น ไม่ว่าท่านจะคิดว่าท่านรู้ท่านเข้าใจมากเท่าไรก็ตาม
    แต่ในความเป็นจริงแล้ว
    ท่านจะรู้ท่านจะเข้าใจ เท่าที่ท่านมีภูมิรู้ ภูมิธรรม จากการปฏิบัติของท่านมารองรับเท่านั้น


    การที่ผมตอบคำถามท่านผู้หนึ่งผู้ใด ตามความเป็นจริง ผมไม่ได้ตอบ เฉพาะที่ท่านนั้นๆถามมา
    แต่ผมเผื่อแผ่ธรรมนั้น ออกไปยังท่านที่มีบุญวาสนาท่านอื่นๆ ที่ได้มีโอกาสผ่านเข้ามาอ่านด้วย

    ท่านที่มีภูมิรู้ภูมิธรรมมากพอ ก็จะได้ประโยชน์มากน้อย ตามภูมิรู้ ภูมิธรรมของตน

    การที่ผมบอกเล่า การที่ผมเตือนไปยังท่านอื่นๆนั้น ก็เป็นแค่การเตือนสติ ท่านนั้นๆว่า


    ท่านปฏิบัติถูกแนวทางแน่หรือ
    ครูบาอาจารย์ของท่านๆสอนถูกทางแน่หรือ
    ท่านเข้าใจที่ครูบาอาจารย์ของท่าน สอนแน่หรือ
    ท่านเดินถูกทางที่ครูบาอาจารย์ของท่าน นำทางไว้แน่หรือ


    เพราะถ้าท่านเดินถูกทางจริง
    เพราถ้าท่าน รู้จริง เห็นจริง
    ท่านย่อมต้องรู้ ท่านย่อมต้องเข้าใจ ในอาจารย์ทิพากรแล้ว


    เพราะสิ่งที่ท่าน อ.ทิพากร คิด สิ่งที่ท่านทำ มันเกินเลย "ธรรมเพื่อความหลุดพ้น"
    แต่เป็น"ธรรมในส่วนที่ พระพุทธเจ้าหลายๆพระองค์ ได้เมตตาสอนเหล่าเทวดาเอาไว้"
    ธรรมเหล่านั้น จึงสามารถ ป้องกันแก้ไขภัยพิบัติ มหาภัยพิบัติได้

    เพราะพวกเราอยู่ในยุคที่พระพุทธเจ้าของเรา เป็นประเภท "ปัญญาธิกะ"
    พวกเราส่วนใหญ่จึง เข้าใจไปได้แค่ "ธรรมเพื่อความหลุดพ้น"
    แล้วใน พระพุทธเจ้าที่ท่านเป็น"ศรัทธาธิกะ" "วิริยัธิกะ"เล่า

    ส่วนครูบาอาจารย์ที่ท่านผ่าน"ธรรมเพื่อความหลุดพ้นแล้วท่านก็ไม่สามารถรู้
    "ธรรมเพื่อการป้องกันแก้ไขภัยพิบัติ มหาภัยพิบัติ" ได้
    เพราะธรรมส่วนนี้เกินเลย บุญวาสนาบารมี ของท่าน
    ผมถึงได้บอก ผมถึงได้ย้ำว่า องค์หลวงปู่มั่น ท่านสอนว่า


    "พระโพธิสัตว์ เป็นผู้มีบุญบารมีมาก"
    "เป็นผู้ที่จะไปเกิดเป็นพระพุทธเจ้าในอนาคต"
    "ต้องให้ความเคารพในท่านด้วย"


    ผมถึงได้บอกผมถึงได้ย้ำว่า องค์หลวงปู่ใหญ่ หลวงปู่โลกเทพอุดร ท่านสอนว่า

    "พระโพธิสัตว์ที่ท่านได้บารมีเต็มแล้ว หรือเกือบจะเต็มแล้ว (ได้รับพุทธพยากรแล้ว) มีบารมีในการสงเคราะห์มนุษย์เทียบเท่าพระพุทธเจ้า"

    ผมถึงได้บอกผมถึงได้ย้ำว่า แม้พระพุทธองค์ก็บอกเล่าว่า
    "การที่ผู้คนมาทำสิ่งนั้น มาทำสิ่งนี้ให้เรา หาใช่เพราะเราเป็นพระพุทธเจ้าไม่"
    "แต่เป็นเพราะเรา ได้ทำสิ่งเหล่านี้เอาไว้ในชาติปางก่อน"


    แล้วท่าน อ.ทิพากร ท่านเป็นไคร ทำไมท่าน สงเคราะห์ญาติธรรม ได้มากกว่า
    พระอริยะเจ้าทั้งหลายรวมกันเสียอีก


    ทำไมท่านนำ ท่านพา ญาติธรรมไปสู่
    "ธรรมเพื่อการป้องกัน ธรรมเพื่อการแก้ไขภัยพิบัติ ธรรมเพื่อการแก้ไขมหาภัยพิบัติ"ได้

    แล้วคุณเคยคิดบ้างไหมว่า ผมเป็นไคร ทำไมผมจึงรู้ ทำไมผมถึงเข้าใจ
    "ธรรมเพื่อการป้องกัน ธรรมเพื่อการแก้ไขภัยพิบัติ ธรรมเพื่อการแก้ไขมหาภัยพิบัติ"ได้
    ทำไม ท่าน อ.ทิพากร ที่ท่านมีลูกศิษย์ ที่มีบุญบารมีมากมาย

    ทำไมท่านต้องเลือกผมเป็นผู้มาเขียน มาบอก มาเล่า มาถ่ายทอด
    เรื่องราว ของท่าน เรื่องราวของพระใหญ่ชัยภูมิ
    เรื่องราวของการ ป้องกัน การแก้ไขภัยพิบัติ

    เรื่องราวที่แม้แต่ พระอริยะเจ้า แม้บางท่านจะรู้ แม้บางท่านจะเข้าใจ
    แต่ท่านก็รู้ว่า ท่านไม่มีบุญบารมีพอที่จะคิด ที่จะทำได้

    ก็เพราะว่า ผมอยู่ในเงื่อนไขที่เหมาะสมที่สุดเท่านั้นเอง
    ผมถึงได้มาทำหน้าที่อันนี้

    ก็เพราะว่า มีในเงื่อนไขที่เหมาะสมที่สุดเท่านั้นเอง
    ผมจึงได้เข้ามาเขียนในเว็บพลังจิตแห่งนี้


    "อนิจจัง ทุกขัง อนัตตา" เมื่อถึงเวลาอันเหมาะสม ผมก็จะไปจากเว็บนี้
    โดยไม่ได้สนใจใยดีอีกต่อไป


    คุณพูดถูกที่ว่า "ผมค่อนข้างโง่นะครับ"

    เพราะคนที่มีบุญ วาสนา บารมี จริงๆนั้น
    ก็คือคนที่จัดอยู่ในจำพวก

    "ปฏิบัติง่าย รู้ได้เร็ว"
    "ปฏิบัติง่าย ทะลุไปถึง อภิญญาญาณได้"

    เพราะคนที่มีบุญ วาสนา บารมี จริงๆนั้น ก็คือคนที่
    ครูบาอาจารย์ฝ่ายธรรมยุติ บอกเล่าต่อๆกันมาว่า


    "ถ้าเจอคนประเภทหนึ่ง อย่าไปบอก อย่าไปสอนเขา"
    "เพราะสอนไปเขาก็ไม่ฟัง เสียเวลาเปล่า"
    "เพราะเขาสอนตัวเองได้ เพราะเขาสอนตัวเองเป็น"


    แม้แต่ท่านอาจารย์ปู่ หลวงปู่มหาบัว ญาณสัมปัณโน
    ท่านเรียกหา ให้เข้ามาใกล้ๆท่าน ผมก็ไม่เคยเข้าไป
    จนท่านอ่อนระอา ได้แต่มอง อมยิ้มด้วยความเมตตาเท่านั้น

    ขอโมทนาบุญร่วมกับญาติธรรมทุกท่าน
    ขออนุโมทนา
    ขอขอบพระคุณครับ
    ลุงมหา


    การแสดงธรรม ที่ละเอียดที่สุด ขององค์หลวงตามหาบัว ญาณสัมปัณโน
    "การปฏิบัติตั้งแต่เริ่มต้นจนเข้าถึงพระนิพพาน"
    ต่อพระธรรมยุติ นับ หมื่นรูป ที่วัดอโศการาม สมุทปราการ

    https://www.youtube.com/watch?v=x6mskfoqjNo&feature=channel&list=UL

    "จิตที่พ้นจากทุกข์" โดยคุณลุงหวีดบัวเผื่อน
    http://www.watasokaram.org/หนังสือจรรโลงธรรม/62-จิตที่พ้นทุกข์.html

    มูลนิธิพระใหญ่ชัยภูมิ ตอนเรื่องงานกฐินสามัคคี 24-25 พฤศจิกายน 2555
    http://palungjit.org/posts/6974498
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 15 พฤศจิกายน 2012
  17. ลุงมหา๑

    ลุงมหา๑ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    7 มิถุนายน 2012
    โพสต์:
    931
    ค่าพลัง:
    +3,937
    เรื่องหลวงปู่ สิม พุทธาจาโร เล่าโดยหลวงปู่ลี ธรรมธโร

    ขออนุญาตครับ

    เรื่องฤทธิ์ของครูบาอาจารย์ฝ่ายธรรมยุตินั้น
    มักจะวนเวียนอยู่ใน ลูกศิษย์รุ่นแรกๆ ของหลวงปู่มั่น เป็นส่วนมาก

    นานมาแล้ว องค์หลวงปู่ลี ท่านเล่าให้ลูกศิษย์ของท่านฟังว่า
    เมื่อครั้งท่านไปปฏิบัติอยู่แถบภาคอีสานตอนบน
    ท่านได้ไปเจอ หลวงปู้สิม สมัยยังเป็นฆราวาส
    ท่านเห็นหน่วยก้านดี ก็เลยชวนให้บวช


    "บักสิม บวชซะเป็นหยัง" พ่อท่านลีว่า
    "บ่อบวชดอก ท่านอาจารย์ ยังบ่อเห็นทุกข์"

    เจอทีไรก็ถามกันไป ตอบกันมาอยู่อย่างนั้น
    จนมาวันหนึ่ง เพื่อนๆเห็นควายโยมสิมเดินกลับบ้าน ไม่เห็นเจ้าของตามมาด้วย
    ก็แอะใจ ช่วยกันออกตามหา จนไปเจอโยมสิม นอนสลบอยู่ใต้ต้นไม้ใหญ่
    หน้าตาบวมปูด เพราะโดนผึ้งหลวงต่อยเป็นจำนวนมาก

    เพื่อนๆก็เลยพากันหามไปให้ พ่อท่านลี ท่านรักษาให้

    เมื่อฟื้นขึ้นมา โยมสิมจึงเล่าให้ฟังว่า

    "ขณะนอนหลับเพลินอยู่ใต้ต้นไม้ใหญ่"
    "ก็ได้ยินเสียงเหมือน นกใหญ่บินชนรังฝึ้งหลวงรังใหญ่"
    "แล้วรังฝึ้งก็ตกลงมา โดนหน้าที่นอนหงายอยู่พอดี"
    "จึงโดนฝึ้งต่อยเอาเป็นจำนวนมาก"
    "ในที่สุดก็สลบไป"
    "จนเพื่อนๆพากันหามมาให้ท่านอาจารย์รักษาให้นี่ละ"


    คราวนี้พ่อท่านลี ท่านก็ถามคำเก่าอีกว่า

    "บักสิม บวชซะเป็นหยัง"
    คราวนี้โยมสิมก็ตอบว่า
    "บวชก็บวช ท่านอาจารย์ เห็นทุกข์แล้ว"
    "คนเรามันตาบง่า่ย ไม่รู้ตัวว่าจะตายเมื่อไร"
    "นี่ถ้าไม่ได้ท่านอาจารย์ช่วยไว้ ผมก็คงตายไปแล้ว"

    เมื่อบวชแล้ว หลวงปู่สิมก็ทำตามปฏิปทาของครูบาอาจารย์
    คือปฏิบัติแบบเอาเป็นเอาตาย

    จนวันหนึ่ง เมื่อท่านเดินจงกลมจนเมื่อยแล้ว
    ท่านจึงนั่งภาวนาบนหัวทางจงกลม
    แล้วก็เกิดเรื่องประหลาดพิศดารขึ้น
    ท่านหลวงปู่สิมเล่าให้ฟังว่า


    "มีนกตัวหนึ่งคาบ ลูกแก้วมาวางไว้บนทางจงกลมใกล้ๆ"
    "แล้วบอกว่า ของนี้เป็นของท่านๆ"
    หลวงปู่สิมจึงได้อธิฐานในใจว่า
    "ถ้าจะให้เราก็จงคาบมาวางไว้ในมือเรา"
    "แล้วนกตัวนั้น ก็คาบลูกแก้ววิเศษลูกนั้น มาวางไว้ในมือจริงๆ"


    หลังจากได้ครอบครองลูกแก้ววิเศษลูกนั้นแล้ว
    ฤทธิ์ของการรู้เห็น เรื่องราวต่างๆก็เกิดขึ้นกับท่าน
    เพียงแต่อธิฐานก็จะรู้ ก็จะเห็นเรื่องราวต่างๆ ดังใจนึก


    ผมเคยไปกราบครูบาอาจารย์ ทางฝั่งริมน้ำโขง ลูกศิษย์ของท่านก็ถามผมว่า
    "เคยเห็นลูกแก้ววิเศษ ของท่าน อาจารย์หรือยัง"
    "ยังไม่เคยเห็น" ผมตอบ
    "เดี๋ยวจะพาไป" เขาบอก
    "มีไฟฉายไหม เอาไฟฉายไปด้วยนะ" ท่านนั้นว่า


    แล้วท่านก็พาผมมุดลงไปแล้วส่องไฟดู
    ปรากฏว่า เป็นลูกแก้วขนาดใหญ่มาก เส้นผ่าศูนย์กลาง
    ประมาณ ๑ เมตร

    "เปลี่ยนสีได้ด้วยนะ" ท่านนั้นว่า
    "มาคราวก่อนเป็นสีเขียว"
    "คราวนี้เป็นสีน้ำเงินเข้ม"

    ผมได้เห็นแล้ว เป็นบุญตาจริงๆ

    ครูบาอาจารย์ที่เก่งทางฤทธิ์ท่านมักจะบอกว่า
    ถ้าใช้พลังจิตอย่างเดียว มันต้องใช้พลังมาก จะทำให้เหนื่อยล้าเร็ว
    ต้องมีของวิเศษมาหนุนเสริมด้วย จะทำให้ได้ผลดียิ่งขึ้น


    ถึงตอนนี้จึงได้ระลึกว่า ผมได้รับความรัก ความเมตตา ความปรารถนาดี
    จากครูบาอาจารย์ ภิกษุชราชาวเขมร อายุของท่านมากถึง ๑๕๐ ปี

    แม้ว่าท่านจะอยู่ไกลถึงเมือง พะตะบอง
    แต่ผมก็ดั้นด้นจนได้รับความเมตตาจากท่าน
    ผ่านลูกศิษย์ฝั่งไทยของท่าน ที่มีอายุมากถึง ๘๐ กว่าปี

    ท่านบอกว่า พวกคุณน่าจะเป็นกลุ่มสุดท้าย แล้วนะ
    ต่อไปจะไม่เมตตา ไครในระดับนี้อีก
    ช่วยมานาน เหนื่อยพอแล้ว
    ท่านว่าอย่างนั้น

    ส่วนของวิเศษที่ท่านให้มานั้น คงไม่ต้องบอกว่าดีทางไหน
    เพราะชื่อชั้นของท่าน ก็บอกในตัวอยู่แล้ว

    ขอโมทนาบุญร่วมกับญาติธรรมทุกๆท่าน
    ขออนุโมทนา
    ลุงมหา

     
  18. Sriaraya5

    Sriaraya5 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 มีนาคม 2006
    โพสต์:
    3,079
    ค่าพลัง:
    +12,852

    การบำเพ็ญเพียรนั้น มิใช่ กระทำแค่ห่มผ้าขาวหรือกินเจ หรือบวชครองจีวรเท่านั้น แต่หมายถึงการปฏิบัติจิตที่สม่ำเสมอ ทั้ง ปฏิบัติด้วยตนด้วย เมตตาสัจจะ และมั่นคงในคุณธรรมที่ดีทั้งปวงอยู่ตลอดเวลา ผู้ที่เที่ยว ตระเวนสั่งสอนอบรมผู้อื่นให้ทำดี แต่ตัวเองห่างเหิน หรือ มิได้มุ่งต่อการปฏิบัติ ผู้นั้นเป็นเพียงนักเผยแพร่ ไม่ใช่ผู้บำเพ็ญ เวลามนุษย์มีไม่มาก อย่าลืมสงสารตัวเอง อย่าหลงชมบารมีผู้อื่น อย่าลืมทิ้งบารมีจิตเดิม เวลามีไม่มาก
    ให้เร่งศึกษา ศึกษาด้วยจิต ให้เห็นนิจจัง รู้สร้างพุทธะในจิต รู้สร้างสิ่งมีชีวิตเป็นพุทธะ
    เห็นแดนศักดิ์สิทธิ์นิพพาน อย่าเพียงแค่สร้าง พุทธะด้วยอิฐปูน ทุกคนล้วนอยู่ในศาสนา
    พุทธะคือสิงมีชีวิต ความสุขถ่องแท้อยู่ในจิต มิใช่อยู่ที่มากเงินตรา การช่วยเหลือมนุษย์ให้พ้นทุกข์นั้นดีแล้ว แต่อย่าไปแสวงหาผลกำไรจากการพ้นทุกข์ของเขา รู้เตือนตัวตนด้วยสติ
    อย่าได้สติขาดจากตน จิตที่อยู่ จิตสุขในจิต จิตที่ห่างจิตทุกข์ในใจ ชีวิตมนุษย์ล้วนมีทุกข์อย่าไปเพิ่มทุกข์ให้แก่เขา เพิ่มทุกข์ ส่งทุกข์ เวียนกลับ ก่อกรรม สร้างกรรมกรรมสนอง
    ทำดีละชั่วฟ้าดินทราบ จิตที่บรรลุวิเศษดี วิเศษย่อมรู้จิตมนุษย์ รู้จิตมนุษย์โปรดสัตว์
    มีโอวาทบำเพ็ญเป็นคติ คติเตือนตนด้วยบำเพ็ญ จงเร่งภาวนาเพื่อพ้นทุกข์ ไม่ใช่ภาวนากันตาย อามิสบูชาเป็นเพียงแค่บุญกิริยาวัตถุเพียงชั่วขณะ ปฏิบัติบูชาเป็นกุศลชั่วนิรันดร์
    คนที่ไม่เชื่อในคำสอนพระพุทธองค์ ไม่ควรบวช คนที่หลอกใจตัวเองอย่ากินเจ คนที่ไร้เมตตาย่อมไม่มีเมตตาตอบ คนไม่กตัญญูรู้คุณลูกหลานล้วนอกตัญญู คนจิตอกุศลไม่วันที่จะบรรลุ
     
  19. นะโม12

    นะโม12 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    11 กรกฎาคม 2009
    โพสต์:
    29
    ค่าพลัง:
    +245
    ^

    ตัวใหญ๊ ใหญ่

    เพื่อผู้อ่าน ที่มีอายุ ชิมิ ชิมิ


    จะว่าไป จะไปต่างอะไรกับ โยเร

    หาก ทุกคน เข้าใจ คำว่า

    " ผู้ได้พบพระพุทธศาสนา นั้นมี บารมีมามากแล้วทั้งนั้น "

    คงจะมุ่งที่ทำให้ถึงที่สุดแห่งทุกข์ อัดกันที่ปัจจุบัน
     
  20. aroonoldman

    aroonoldman เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    11 ธันวาคม 2010
    โพสต์:
    147
    ค่าพลัง:
    +462
    เอ..สงสัย หลวงปู่มั่นเคยปลุกเสกเครื่องรางของขลังหรือไม่ ใครรู้ช่วยตอบที
     

แชร์หน้านี้

Loading...